เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้
มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ
หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!
และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...
หน้าที่...หรือ...หัวใจ
มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ
หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!
และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...
หน้าที่...หรือ...หัวใจ
Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy
ตอน: บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (PART III)
เจ้าสาวแสนแสบ
โดย รัตนรัตน์
บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (ต่อ2)
“เดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภิตะวันสะดุ้งวาบ
“หันหน้ากลับมาช้าๆ!”
‘เฮ้ย! จะเอาอะไรกับฉันอีกเนี่ย ยังไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ เรื่องเมื่อกี้นี้มันก็อุบัติเหตุทั้งนั้น ภิตะวันร้องครวญในใจ
อ๊ะ! หรือว่าตานั่นจะรู้ว่าเราเป็นคนเอากระเป๋าตังค์เขาไปกันนะ รู้ได้ยังไงเนี่ย!!!’ หญิงสาวผู้มีชนักติดหลังเริ่มร้อนตัว เท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าจึงหยุดนิ่ง เพราะผู้เป็นเจ้าของกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าควรจะหันกลับไปหรือชิ่งหนีดีกว่ากัน
“ฉันสั่งให้หันมาไม่ได้ยินรึไง!”
‘โอ้ยๆๆ ได้ยินแล้ว ไม่ได้หูตึงซะหน่อยตะโกนอยู่ได้ คนกำลังใช้ความคิดโว้ย สงบปากสงบคำก่อนได้มั้ย!’ หญิงสาวตะโกนตอบอีกฝ่ายในใจ พร้อมกับที่สมองอันชาญฉลาดประมวลผลอย่างหนัก
หัน...ไม่หัน...หัน...รึไม่หันดีหว่า…เอาไงดีวะเนี่ย!
“ฉันบอกให้หันหน้ามาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงของเจ้าพ่อหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าปฎิกิริยาของอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบ ไม่ทำตามที่บอก ทำให้เขายิ่งสงสัยเข้าไปอีก ดูท่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว และเขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร!
“ตอบมา...แกเป็นใคร!”
เสียงเข้มของเจ้าพ่อหนุ่มที่เอ่ยถาม ทำเอาหญิงสาวที่ยืนนิ่งขึงเสียวสันหลังวาบ‘ซวยแล้ว! ไอ้เจ้าพ่อนี่รู้ได้ยังไงว่าเราปลอมตัวมา!’ จะบอกว่าจำเธอได้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเธอกับเขาก็เพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แม้ครั้งนั้นเธอจะปลอมตัวเป็นผู้ชายคล้ายหนนี้ แต่ผมเผ้าก็คนละทรง เสื้อผ้าก็คนละสไตล์ชนิดต่างกันสุดกู่ ไม่น่าจะจำได้นี่นา
“ไม่ทำตามที่ฉันบอก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
พายุกล่าวขู่ ด้วยเพราะเขาเกลียดนักคนที่ไม่อยู่ในโอวาท และเขาก็ชอบนักล่ะการลงโทษไอ้คนที่อวดดีให้มันได้รู้สำนึก! เขาปกครองคนจำนวนมาก กับทั้งลูกน้องกะเลวกะราดก็เยอะแยะ หากไม่มีกฎหมู่และบทลงโทษที่เด็ดขาด จะคุมคนจำนวนมากได้อย่างไร
‘เช๊อะ! เตือนไม่เตือนแล้วไง ใครกลัว!’
หญิงสาวผู้พกพาความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเริ่มทนไม่ไหวกับเสียงเข้มที่ดังขู่มาเป็นระยะๆ ... ‘ดีเหมือนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่าเธอกับเขา...ใครมันจะแน่กว่ากัน!’
ทว่าจู่ๆ โคมไฟที่ให้แสงสว่างของทั้งอาคารก็ดับพรึ่บลง! พร้อมกันนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้หู
“วิ่ง!!! เร็วเข้า!!!”
ขณะที่ข้อมือของเธอถูกดึงด้วยแรงมหาศาลให้วิ่งตามไป ในตอนแรกนั้นเธอพยายามขืนข้อมือไว้สุดตัว แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูของเจ้าของฝ่ามือหนา ที่เอ่ยเบาราวกระซิบ “ฉันเอง...ดนัย...รีบวิ่ง...เร็ว!”
เมื่อรู้ว่าคนดึงคือพวกเดียวกัน ภิตะวันจึงทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้งคู่วิ่งฝ่าความมืดหมายหนีไปทางบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ จำนวนมากวิ่งตามมาไม่ห่าง ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้าหนี
“เดี๋ยวเราแยกกันไปคนละทาง ฉันจะล่อมันไปทางโน้น ส่วนเธอหนีลงบันไดหนีไฟไปก่อน แล้วเราค่อยนัดเจอกันอีกที!”
ดนัยประเมินสถานการณ์แล้วจึงตัดสินใจสั่งการอย่างรวดเร็ว ตอนแรกนั้นที่เขานัดภิตะวันมาที่นี่ ก็เพราะสืบรู้มาว่าวันนี้ ฟูจิวาระซึ่งเป็นมาเฟียญี่ปุ่นและมีชื่อเสียงเรื่องค้าผู้หญิงข้ามชาติมีนัดกับใครบางคนที่นี่ แน่นอนเขาไม่คิดจะพลาดงานนี้แน่ๆ เพราะบางทีอาจมีเบาะแสที่เขาต้องการก็เป็นได้ และก็ไม่ผิดหวังสักนิด เพราะคนที่ฟูจิวาระนัดไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่ คือ...พายุ นนท์ธนิต!
‘พายุ นนท์ธนิต’ เจ้าพ่อหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลและอยู่เบื้องหลังธุรกิจมืดมากมาย ธุรกิจที่อยู่ยงคู่กับนนท์ธนิตรุ่นแล้วรุ่นเล่า ธุรกิจสีดำที่แม้จะเอาผ้าขาวมาปิดอย่างไรก็ไม่มีวันห่อมิด หลายครั้งที่เขาพยายามหาหลักฐานความผิดของชายคนดังกล่าว หากแต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จสักที คล้ายกับว่าอีกฝ่ายจะไหวตัวทันและทำลายหลักฐานได้ก่อนทุกครั้งไป
ทำให้กระทั่งมาถึงตอนนี้พายุจึงยังลอยหน้าลอยตาเป็นเสี้ยนหนามตำตาตำใจอยู่ ซ้ำร้ายยังติดโผ‘นักธุรกิจใจบุญ’ อีกต่างหาก ด้วยเพราะมักจะบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทีละหลายๆ ล้าน เกือบทุกงานการกุศลเพื่อสังคมมักมีชื่อพายุ นนท์ธนิตอยู่ในรายชื่อลำดับต้นๆ ที่ให้การช่วยเหลือ ทำให้ใครต่อใครพากันยกย่องเชิดชู หารู้ไม่ว่า...เงินพวกนั้นน่ะ ได้มาด้วยวิธีการแบบไหน
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากรู้เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ...พายุและฟูจิวาระมีนัดคุยกันเรื่องอะไร!
เพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องแอบไปหลบอยู่ตรงระเบียงเพื่อลอบฟังการสนทนา ทว่ารอแล้วรอเล่าเจ้าพ่อหนุ่มที่ออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก็ไม่เข้ามาเสียที ดีนะที่เขานึกตงิดใจบางอย่างจึงลอบตามออกมา ถึงได้เห็นว่าคู่หูคนใหม่ของเขาขยันก่อเรื่องก่อราวเพียงไร ดูเหมือนว่าภิตะวันจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังกระตุกหนวดเสืออยู่ แถมเสือตัวที่ว่ายังเป็นเสือตัวจ่าฝูงที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายและฉลาดอย่างที่สุดเสียด้วย!
กับทั้งดูเหมือนว่าเจ้าตัวคงยังไม่รู้ตัวเป็นแน่ ว่าทำอะไรตกไว้บนโซฟานั่น...แต่มันคงไม่สลักสำคัญอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเขาและเธอจะต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้ ส่วนอย่างอื่นนั้นไว้ค่อยแก้ไขกันอีกทีก็ยังไม่สาย
ทั้งนี้เขายอมรับว่า เขาไม่เคยนึกเห็นด้วยสักนิดที่หัวหน้าส่งเธอให้มาเป็นผู้ช่วยของเขา เขาไม่เถียงว่าเธอเป็นคนกล้าหาญและกระตือรือร้นในการปฎิบัติงานแค่ไหน เพียงแต่เธอยังเด็กเกินไปสำหรับภารกิจเสี่ยงตายพวกนี้ อีกอย่างนิสัยบุ่มบ่าม ไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนลงมือทำของเธอ อาจทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับวันนี้อีกก็เป็นได้
ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องบอกให้เธอปลอมตัวเป็นผู้ชายเวลาปฎิบัติหน้าที่ อยากน้อยไปในรูปลักษณ์ผู้ชายน่าจะปลอดภัยกว่าเป็นหญิง ก็คู่หูของเขานั้นสวยน้อยเสียเมื่อไหร่กันเล่า และทั้งนี้ที่ยอมให้เธอเป็นคู่หูและผู้ช่วยก็เพราะเขาเองไม่มีตัวเลือกมากนัก คำสั่งของเบื้องบนเขาหรือจะคัดค้านได้ ในเมื่อหัวหน้าให้โอกาสเธอได้ทำหน้าที่คู่หูของเขาต่อไป เขาก็ต้องยอมรับเช่นนั้น กับทั้งคิดว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ในเมื่อภิตะวันแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่มี เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมเป็นร่วมตายกับเธอ
อันที่จริงเขาเองยังอดแปลกใจไม่ได้ ที่ภิตะวันสามารถพาตัวเองเข้าใกล้เจ้าพ่อหนุ่มได้ถึงขนาดนั้น ด้วยเพราะปกติพายุนั้นเป็นคนรอบคอบและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหตุใดครานี้ถึงได้เปิดช่องว่างให้คู่หูของเขาเข้าใกล้ในระยะประชิดได้ถึงเพียงนี้
ข้างภิตะวันเมื่อแยกจากดนัยแล้ว เจ้าตัวก็รีบซอยเท้าถี่ลงบันได ความมืดที่ปกคลุมไปทั่วทำให้การวิ่งลงบันไดไม่ง่ายนัก หญิงสาวนึกแปลกใจที่ไม่มีใครวิ่งตามเธอมาเลย แสดงว่าทุกคนกำลังไล่ล่าดนัยอยู่เป็นแน่ ว่าแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงดนัยไม่ได้
ทว่าขณะที่กำลังก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายนั้น จู่ๆ ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่กระโดดพรวดเดียวลงมาถึงพื้นชั้นล่าง ก็มายืนขวางหน้าเธอไว้ เป็นผลให้ศีรษะของคนที่กำลังถลันลงบันไดแบบไม่คิดชีวิตปักเข้าที่ปลายคางของชายคนดังกล่าวอย่างแรง
แม้จะเจ็บแสนเจ็บแต่หาได้มีเสียงครวญใดๆ ดังรอดมาจากริมฝีปากที่มักเม้มสนิทอยู่เป็นนิจของเจ้าพ่อหนุ่ม หากแต่ฝ่าเท้าหนากลับถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยที่ผู้เป็นเจ้าของไม่รู้ตัว และนั่นก็เปิดโอกาสให้ร่างบอบบางที่สายตาเริ่มปรับให้คุ้นชินกับความมืดรอบตัวได้แล้วรีบแทรกตัวผ่านไปอย่างเร็ว ทว่าก็ยังไม่ไวเท่าฝ่ามือหนาที่คว้าไหล่ของเธอไว้จากด้านหลังด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ก่อนจะเหวี่ยงร่างของภิตะวันไปด้านข้าง จนร่างเล็กล้มลงไปกระแทกพื้นด้วยความเจ็บปวด ภิตะวันรู้สึกเจ็บที่ข้อศอกทั้งสองข้าง จนน้ำตาคลอเบ้า ด้วยเพราะตอนล้ม ศอกของเธอกระแทกกับพื้นแบบเต็มๆ
ด้านพายุนั้นอาการปวดที่ปลายคางหาได้ทำให้เขาเจ็บเท่ากับความเจ็บเนื่องจากโดนหยามไม่ ใครที่มันกล้าทำให้เขาบาดเจ็บ มันต้องได้รับสิ่งนั้นตอบแทน!
ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของศัตรู หมายเค้นให้ได้คำตอบในสิ่งที่เขาอยากรู้ “บอกมาว่าแกเป็นใคร ต้องการอะไร!”
“ว๊าย!” ภิตะวันร้องเสียงหลงอย่างลืมตัว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่ปาดมาโดนหน้าอกหน้าใจของตน ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนไปขยุ้มคอเสื้อของเธอดึงขึ้นมาจนใบหน้าของเธอและเขาห่างกันเพียงหนึ่งศอก
ดวงตากลมโตวาวระยับที่สะท้อนวิบวับไปมาท่ามกลางความมืด ราวกับดวงดาวที่พราวพร่างในคืนเดือนดับ ทำให้พายุชะงักไปในบัดดล น่าแปลกเขารู้สึกเหมือนเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน แต่ยังนึกไม่ออกว่าเห็นเมื่อไหร่ ตอนไหน แล้วยังกลิ่นกายคล้ายแป้งเด็กหากแต่หอมละมุนติดจมูกจนอยากพาตัวเองเข้าไปดอมดมใกล้ๆ นั่นอีก แม้จะไม่อยากยอมรับว่าตนนั้นถูกใจกลิ่นหอมจางๆ นั่น จนเผลอสูดดมกลิ่นเหล่านั้นเข้าเต็มจมูกอีกหน แต่มันก็เป็นไปแล้ว...นี่มันเรื่องบ้าอะไร ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่!
ข้างภิตะวันก็ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย หัวใจของเธอเต้นแรง ตึกๆ ตึกๆ ราวกับจะประทุออกมานอกอก ขณะที่ใบหน้าของเธอร้อนรุ่มราวกับอิงอยู่หน้ากองไฟ ใบหน้านวลแดงระเรื่อแบบห้ามไม่อยู่ โชคดีแค่ไหนที่ความมืดช่วยปกปิดอาการที่เป็นอยู่ได้ ทั้งนี้สาเหตุทั้งหมดล้วนมาจากชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสิ้น เพียงแค่สบตาเขาเธอก็รู้สึกราวกับถูกดูดกลืนเข้าไปในนั้น เขามีอำนาจพิเศษบางอย่างเป็นแน่
ทว่าขณะที่สองกำลังตกอยู่ในภวังค์ของกันและกันนั้น จู่ๆ ก็เกิดไฟฟ้าลัดวงจร แสงไฟแปล๊บๆวาบขึ้นท่ามกลางความมืด ดวงโคมที่ติดอยู่บนฝ้าร่วงหลุดลงมายังตำแหน่งที่คนทั้งสองยื้อยุดกันอยู่ พายุพลิกตัวหมายหลบ มือหนาคว้าร่างของชายปริศนาติดไปด้วยและนั่นก็ทำให้คนทั้งคู่ม้วนตัวกลิ้งไปด้วยกัน
ความยวบหยุ่นแปลกๆ ที่สัมผัสอยู่ตรงหลังมือทำให้เจ้าพ่อหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แผงอกแกร่งของเขาพลิกขึ้นลงไปตามแรงเหวี่ยงและสัมผัสบดเบียดกับความนุ่มนิ่มหลายต่อหลายครั้งอย่างไม่ตั้งใจ กระทั่งไปหยุดเคลื่อนไหวในท่าที่กำลังทาบทับแนบสนิทกับเจ้าสิ่งนั้นอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มมั่นใจว่า...เรือนร่างที่อยู่ด้านใต้ของเขานั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก...
ผู้หญิง!
ทันใดนั้นไฟฟ้าที่ดับก็สว่างวาบขึ้น และนั่นก็ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าเจ้าของหนวดที่หล่นอยู่บนโซฟา
เจ้าของทรวงอกอวบอัดที่เขานั้นได้สัมผัสอย่างไม่ตั้งใจ
เจ้าของกลิ่นหอมเย้ายวนและดวงตาแสนหวาน.
..แท้ที่จริงหน้าตาเป็นเช่นไร!
ใบหน้านวลเนียนที่แม้จะมีเคราล้อมกรอบวงหน้า หากทว่าก็ไม่สามารถบดบังความงามของเค้าโครงที่งดงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่งได้ไม่ จมูกโด่งปลายเชิดแหลมแสนรั้น รับกับดวงตากลมโตขี้เล่น และพวงแก้มอิ่มที่แดงระเรื่อราวกับเพิ่งแตกเนื้อสาว ทำให้คนมองแทบลืมหายใจ
สวย! ยามนี้เขานึกออกแค่คำนี้คำเดียว อ้อ! ถ้าจะมีอีกคำที่เขาจะนึกออกล่ะก็...คงเป็นคำๆนี้ ....โดนใจ!
ยิ่งเมื่อมองสบดวงตากลมโตที่ราวกับมีแสงวิบวับหยอกล้อกับแสงไฟอยู่ภายใน กับทั้งความนุ่มนิ่มที่แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นขวางหากแต่ก็ไม่อาจกางกั้นสัมผัสนุ่มนิ่มอวบหยุ่นจากทรวงสล้างเต็มตึงนั่นได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เขาร้อนรุ่มราวกับมีกองเพลิงกองใหญ่อยู่ในร่างกาย อยากจะดึงร่างบางมากกกอดให้สมอยาก อยากจะเปลี่ยนทางเดินหนีไฟนี่ให้กลายเป็นเตียงนอนแสนนุ่มที่ห้องทั้งห้องมีแค่เขากับเธอ
บ้าจริงเขาไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย ไม่ว่ากับผู้หญิงที่ไหน แม้จะมีบ้างที่ต้องดับความต้องการตามประสาชาย หากแต่ก็ไม่เคยอยู่นอกเหนือความควบคุมของตัวเองเช่นนี้มาก่อน
เธอจะรู้ตัวหรือไม่นะ ว่ากล้ามากที่มากระตุกหนวดเสือเช่นเขา...
เสือที่ไม่เคยมีเหยื่อตัวไหนกล้าท้าทายกงเล็บมาก่อน
เสือที่เพิ่งรู้ตัวว่าหิวก็เมื่อมีอาหารโอชะถูกยื่นมาตรงหน้า
และเสือตัวนี้ก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่เหยื่อที่มันต้องตาต้องใจอย่างไม่รอช้า!
ฉับพลันศีรษะของเจ้าพ่อหนุ่มก็โน้มลง ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจมูกงอนแสนรั้น
...ใกล้...จนใช้อากาศหายใจเดียวกัน
ลมหายใจคุกรุ่นของเจ้าพ่อหนุ่มที่เป่ารดใบหน้าทำให้แก้มเนียนแดงระเรื่อมากขึ้น ภิตะวันเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต่อสู้ในระยะประชิด หากแต่ที่ผ่านมามันไม่ใช่แบบนี้ คนที่เธอต่อสู้ด้วย หลายคนมองเธอด้วยสายตาชื่นชม หลายคนมองด้วยแววตาดูถูก หลายคนมองอย่างหื่นกระหายก็มี แต่ไม่เลยมันไม่เหมือนครั้งนี้สักนิด คู่ต่อสู้ของเธอหาได้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเช่นเขา ดวงตาของเขาคล้ายกับเรียกร้องดึงเธอเข้าใกล้ หากแต่ในขณะเดียวกันก็สะกดให้เธอไม่อาจหนีพ้นไปไหนได้
พายุจรดจมูกโด่งคมของตนปาดผ่านพวงแก้มนุ่มนิ่มหมายแค่เพียงดอมดมเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นหอมที่ตราตรึงใจตน นั้นมาจากกลิ่นกายสาวของคนตรงหน้าใช่หรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าใช่ ก็ไม่รีรอที่จะจรดริมฝีปากของตนลงที่พวงแก้มนวล
“คุณพายุ!”
เสียงเรียกจากศักดาลูกน้องคนสนิทที่วิ่งตามลงมาและทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เจ้าพ่อหนุ่มชะงักงัน และทำให้เจ้าของแก้มนุ่มที่เพิ่งเปิดบริสุทธิ์ให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวรู้สึกตัว
ภิตะวันทั้งโกรธและอายอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่ตนนั้นเผลอไผลไปกับความรู้สึกแปลกๆ ที่บังเกิดขึ้น หญิงสาวกระแทกศีรษะของตนเข้ากับหน้าผากของคนตรงหน้าอย่างแรง
โป๊ก!!!
เสียงกระทบของเนื้อหุ้มกะโหลกที่ดังขึ้นทำให้เธอคิดว่าอีกฝ่ายคงเจ็บไม่น้อย เพราะขนาดเธอเป็นคนกระแทกเองยังเจ็บแปล๊บบริเวณที่โดนไม่ได้...ไอ้เจ้าพ่อบ้า หัวแข็งชะมัด เจ็บนะโว้ย! หญิงสาวร้องครางในใจทั้งที่เป็นเธอเองที่เขาหัวไปโขกหน้าผากชายหนุ่ม จากนั้นจึงปล่อยหมัดเด็ดไปยังหน้าท้องของเขาอย่างจังอีกที
ศักดาตรงเข้าหาหมายช่วยเจ้านายจัดการขั้นเด็ดขาดกับชายหนุ่มร่างเล็กที่ดูท่าว่าจะมีความสามารถเอาการ เพราะถึงกับทำให้เจ้านายผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ทุกรูปแบบของเขาต้องเจ็บตัวได้
ทว่าไฟที่ติดอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็ดับมืดลงอีกครั้ง แต่เพียงแค่อึดใจเดียวไฟก็กลับมาสว่างดังเดิม หากแต่ไม่มีร่างของชายปริศนาเสียคนดังกล่าวแล้ว
“คุณพายุรีบไปคุยกับคุณฟูจิวาระเถอะครับ ให้รอนานท่าจะไม่ดี ส่วนเรื่องเจ้าหมอนี้เดี๋ยวผมจัดการต่อให้เอง” ศักดาเอ่ยกับเจ้านายเพราะที่เขาตามมาก็เนื่องจากเห็นว่าเจ้านายหนุ่มหายออกจากห้องรับรองแขกนานแล้ว จึงเดินมาตาม แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องมีราวอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้
พายุเหลือบมองไปโดยรอบเมื่อไม่เห็นแม้เงาของคนที่ตามหา หากแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเช่นกัน กับทั้งตำแหน่งของประตูทางออกก็มีทางเดียว ซึ่งก็ไกลจากตำแหน่งที่มีเรื่องกันอยู่มากโข ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีไม่น่าจะวิ่งไปถึงได้ทัน เจ้าพ่อหนุ่มจึงมั่นใจว่า อีกฝ่ายต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลตนเองเป็นแน่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาอดหัวเราะ หึๆ ในลำคอไม่ได้
“ไม่ล่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว บอกฟูจิวาระด้วยว่าฉันขอเลื่อนนัดให้ไปเจอกันที่ THE HEAVEN คืนพรุ่งนี้ เรื่องที่จะคุยก็ไว้คุยกันที่นั่น ส่วนนายก็รีบขึ้นไปรับหน้าแทนฉันหน่อยก็แล้วกัน”
กล่าวจบก็เดินกลับขึ้นบันไดหนีไฟเดิมไปทันที ทิ้งให้ลูกน้องคนสนิทได้แต่เกาศีรษะแกร่กๆ ด้วยความงุนงง ทำไมไม่คุยๆ ให้จบๆ ไปเสียเลย ทำไมต้องรอวันพรุ่งนี้ด้วยนะ แล้วไหนจะสิ่งที่เขาเห็นนั่นอีก...สิ่งที่เห็นมันช่างแปลกเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาอดคิดถึงคำถามที่นายแม่เคยเอ่ยกับเขา... “ว่าแต่ช่วงนี้พายุมีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
นี่ใช่สิ่งผิดปกติที่นายแม่หมายถึงหรือเปล่านะ?
ไม่หรอก ไม่ใช่ และไม่มีวันใช่ด้วย!
ศักดาได้แต่มองไปโดยรอบด้วยความเสียดาย แต่เอาเถอะไว้เดี๋ยวเขาจะสั่งให้บรรดาลูกน้องตามหาชายดังกล่าวให้เจอ ยังไงซะเขาต้องจับตัวมันมาสอบสวนให้ได้ เขาต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่!
to be continued....
***************************
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ...^^
~รัตนรัตน์ ~
*****************************
โดย รัตนรัตน์
บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (ต่อ2)
“เดี๋ยวก่อน!”
น้ำเสียงทรงอำนาจที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ภิตะวันสะดุ้งวาบ
“หันหน้ากลับมาช้าๆ!”
‘เฮ้ย! จะเอาอะไรกับฉันอีกเนี่ย ยังไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ เรื่องเมื่อกี้นี้มันก็อุบัติเหตุทั้งนั้น ภิตะวันร้องครวญในใจ
อ๊ะ! หรือว่าตานั่นจะรู้ว่าเราเป็นคนเอากระเป๋าตังค์เขาไปกันนะ รู้ได้ยังไงเนี่ย!!!’ หญิงสาวผู้มีชนักติดหลังเริ่มร้อนตัว เท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าจึงหยุดนิ่ง เพราะผู้เป็นเจ้าของกำลังใช้ความคิดอย่างหนักว่าควรจะหันกลับไปหรือชิ่งหนีดีกว่ากัน
“ฉันสั่งให้หันมาไม่ได้ยินรึไง!”
‘โอ้ยๆๆ ได้ยินแล้ว ไม่ได้หูตึงซะหน่อยตะโกนอยู่ได้ คนกำลังใช้ความคิดโว้ย สงบปากสงบคำก่อนได้มั้ย!’ หญิงสาวตะโกนตอบอีกฝ่ายในใจ พร้อมกับที่สมองอันชาญฉลาดประมวลผลอย่างหนัก
หัน...ไม่หัน...หัน...รึไม่หันดีหว่า…เอาไงดีวะเนี่ย!
“ฉันบอกให้หันหน้ามาเดี๋ยวนี้!!!” เสียงของเจ้าพ่อหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง ทว่าปฎิกิริยาของอีกฝ่ายที่นิ่งเงียบ ไม่ทำตามที่บอก ทำให้เขายิ่งสงสัยเข้าไปอีก ดูท่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว และเขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันคืออะไร!
“ตอบมา...แกเป็นใคร!”
เสียงเข้มของเจ้าพ่อหนุ่มที่เอ่ยถาม ทำเอาหญิงสาวที่ยืนนิ่งขึงเสียวสันหลังวาบ‘ซวยแล้ว! ไอ้เจ้าพ่อนี่รู้ได้ยังไงว่าเราปลอมตัวมา!’ จะบอกว่าจำเธอได้ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะเธอกับเขาก็เพิ่งเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แม้ครั้งนั้นเธอจะปลอมตัวเป็นผู้ชายคล้ายหนนี้ แต่ผมเผ้าก็คนละทรง เสื้อผ้าก็คนละสไตล์ชนิดต่างกันสุดกู่ ไม่น่าจะจำได้นี่นา
“ไม่ทำตามที่ฉันบอก อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
พายุกล่าวขู่ ด้วยเพราะเขาเกลียดนักคนที่ไม่อยู่ในโอวาท และเขาก็ชอบนักล่ะการลงโทษไอ้คนที่อวดดีให้มันได้รู้สำนึก! เขาปกครองคนจำนวนมาก กับทั้งลูกน้องกะเลวกะราดก็เยอะแยะ หากไม่มีกฎหมู่และบทลงโทษที่เด็ดขาด จะคุมคนจำนวนมากได้อย่างไร
‘เช๊อะ! เตือนไม่เตือนแล้วไง ใครกลัว!’
หญิงสาวผู้พกพาความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเริ่มทนไม่ไหวกับเสียงเข้มที่ดังขู่มาเป็นระยะๆ ... ‘ดีเหมือนกัน จะได้รู้กันไปเลยว่าเธอกับเขา...ใครมันจะแน่กว่ากัน!’
ทว่าจู่ๆ โคมไฟที่ให้แสงสว่างของทั้งอาคารก็ดับพรึ่บลง! พร้อมกันนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้หู
“วิ่ง!!! เร็วเข้า!!!”
ขณะที่ข้อมือของเธอถูกดึงด้วยแรงมหาศาลให้วิ่งตามไป ในตอนแรกนั้นเธอพยายามขืนข้อมือไว้สุดตัว แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูของเจ้าของฝ่ามือหนา ที่เอ่ยเบาราวกระซิบ “ฉันเอง...ดนัย...รีบวิ่ง...เร็ว!”
เมื่อรู้ว่าคนดึงคือพวกเดียวกัน ภิตะวันจึงทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้งคู่วิ่งฝ่าความมืดหมายหนีไปทางบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ จำนวนมากวิ่งตามมาไม่ห่าง ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องเร่งฝีเท้าหนี
“เดี๋ยวเราแยกกันไปคนละทาง ฉันจะล่อมันไปทางโน้น ส่วนเธอหนีลงบันไดหนีไฟไปก่อน แล้วเราค่อยนัดเจอกันอีกที!”
ดนัยประเมินสถานการณ์แล้วจึงตัดสินใจสั่งการอย่างรวดเร็ว ตอนแรกนั้นที่เขานัดภิตะวันมาที่นี่ ก็เพราะสืบรู้มาว่าวันนี้ ฟูจิวาระซึ่งเป็นมาเฟียญี่ปุ่นและมีชื่อเสียงเรื่องค้าผู้หญิงข้ามชาติมีนัดกับใครบางคนที่นี่ แน่นอนเขาไม่คิดจะพลาดงานนี้แน่ๆ เพราะบางทีอาจมีเบาะแสที่เขาต้องการก็เป็นได้ และก็ไม่ผิดหวังสักนิด เพราะคนที่ฟูจิวาระนัดไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่ คือ...พายุ นนท์ธนิต!
‘พายุ นนท์ธนิต’ เจ้าพ่อหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลและอยู่เบื้องหลังธุรกิจมืดมากมาย ธุรกิจที่อยู่ยงคู่กับนนท์ธนิตรุ่นแล้วรุ่นเล่า ธุรกิจสีดำที่แม้จะเอาผ้าขาวมาปิดอย่างไรก็ไม่มีวันห่อมิด หลายครั้งที่เขาพยายามหาหลักฐานความผิดของชายคนดังกล่าว หากแต่ก็ไม่เคยทำสำเร็จสักที คล้ายกับว่าอีกฝ่ายจะไหวตัวทันและทำลายหลักฐานได้ก่อนทุกครั้งไป
ทำให้กระทั่งมาถึงตอนนี้พายุจึงยังลอยหน้าลอยตาเป็นเสี้ยนหนามตำตาตำใจอยู่ ซ้ำร้ายยังติดโผ‘นักธุรกิจใจบุญ’ อีกต่างหาก ด้วยเพราะมักจะบริจาคเงินให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทีละหลายๆ ล้าน เกือบทุกงานการกุศลเพื่อสังคมมักมีชื่อพายุ นนท์ธนิตอยู่ในรายชื่อลำดับต้นๆ ที่ให้การช่วยเหลือ ทำให้ใครต่อใครพากันยกย่องเชิดชู หารู้ไม่ว่า...เงินพวกนั้นน่ะ ได้มาด้วยวิธีการแบบไหน
แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาอยากรู้เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ...พายุและฟูจิวาระมีนัดคุยกันเรื่องอะไร!
เพราะเหตุนี้ทำให้เขาต้องแอบไปหลบอยู่ตรงระเบียงเพื่อลอบฟังการสนทนา ทว่ารอแล้วรอเล่าเจ้าพ่อหนุ่มที่ออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกก็ไม่เข้ามาเสียที ดีนะที่เขานึกตงิดใจบางอย่างจึงลอบตามออกมา ถึงได้เห็นว่าคู่หูคนใหม่ของเขาขยันก่อเรื่องก่อราวเพียงไร ดูเหมือนว่าภิตะวันจะไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังกระตุกหนวดเสืออยู่ แถมเสือตัวที่ว่ายังเป็นเสือตัวจ่าฝูงที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายและฉลาดอย่างที่สุดเสียด้วย!
กับทั้งดูเหมือนว่าเจ้าตัวคงยังไม่รู้ตัวเป็นแน่ ว่าทำอะไรตกไว้บนโซฟานั่น...แต่มันคงไม่สลักสำคัญอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเขาและเธอจะต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้ ส่วนอย่างอื่นนั้นไว้ค่อยแก้ไขกันอีกทีก็ยังไม่สาย
ทั้งนี้เขายอมรับว่า เขาไม่เคยนึกเห็นด้วยสักนิดที่หัวหน้าส่งเธอให้มาเป็นผู้ช่วยของเขา เขาไม่เถียงว่าเธอเป็นคนกล้าหาญและกระตือรือร้นในการปฎิบัติงานแค่ไหน เพียงแต่เธอยังเด็กเกินไปสำหรับภารกิจเสี่ยงตายพวกนี้ อีกอย่างนิสัยบุ่มบ่าม ไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนลงมือทำของเธอ อาจทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายเช่นเดียวกับวันนี้อีกก็เป็นได้
ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องบอกให้เธอปลอมตัวเป็นผู้ชายเวลาปฎิบัติหน้าที่ อยากน้อยไปในรูปลักษณ์ผู้ชายน่าจะปลอดภัยกว่าเป็นหญิง ก็คู่หูของเขานั้นสวยน้อยเสียเมื่อไหร่กันเล่า และทั้งนี้ที่ยอมให้เธอเป็นคู่หูและผู้ช่วยก็เพราะเขาเองไม่มีตัวเลือกมากนัก คำสั่งของเบื้องบนเขาหรือจะคัดค้านได้ ในเมื่อหัวหน้าให้โอกาสเธอได้ทำหน้าที่คู่หูของเขาต่อไป เขาก็ต้องยอมรับเช่นนั้น กับทั้งคิดว่าไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิด ในเมื่อภิตะวันแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่มี เขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนและร่วมเป็นร่วมตายกับเธอ
อันที่จริงเขาเองยังอดแปลกใจไม่ได้ ที่ภิตะวันสามารถพาตัวเองเข้าใกล้เจ้าพ่อหนุ่มได้ถึงขนาดนั้น ด้วยเพราะปกติพายุนั้นเป็นคนรอบคอบและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหตุใดครานี้ถึงได้เปิดช่องว่างให้คู่หูของเขาเข้าใกล้ในระยะประชิดได้ถึงเพียงนี้
ข้างภิตะวันเมื่อแยกจากดนัยแล้ว เจ้าตัวก็รีบซอยเท้าถี่ลงบันได ความมืดที่ปกคลุมไปทั่วทำให้การวิ่งลงบันไดไม่ง่ายนัก หญิงสาวนึกแปลกใจที่ไม่มีใครวิ่งตามเธอมาเลย แสดงว่าทุกคนกำลังไล่ล่าดนัยอยู่เป็นแน่ ว่าแล้วก็รู้สึกเป็นห่วงดนัยไม่ได้
ทว่าขณะที่กำลังก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายนั้น จู่ๆ ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่กระโดดพรวดเดียวลงมาถึงพื้นชั้นล่าง ก็มายืนขวางหน้าเธอไว้ เป็นผลให้ศีรษะของคนที่กำลังถลันลงบันไดแบบไม่คิดชีวิตปักเข้าที่ปลายคางของชายคนดังกล่าวอย่างแรง
แม้จะเจ็บแสนเจ็บแต่หาได้มีเสียงครวญใดๆ ดังรอดมาจากริมฝีปากที่มักเม้มสนิทอยู่เป็นนิจของเจ้าพ่อหนุ่ม หากแต่ฝ่าเท้าหนากลับถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยที่ผู้เป็นเจ้าของไม่รู้ตัว และนั่นก็เปิดโอกาสให้ร่างบอบบางที่สายตาเริ่มปรับให้คุ้นชินกับความมืดรอบตัวได้แล้วรีบแทรกตัวผ่านไปอย่างเร็ว ทว่าก็ยังไม่ไวเท่าฝ่ามือหนาที่คว้าไหล่ของเธอไว้จากด้านหลังด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ก่อนจะเหวี่ยงร่างของภิตะวันไปด้านข้าง จนร่างเล็กล้มลงไปกระแทกพื้นด้วยความเจ็บปวด ภิตะวันรู้สึกเจ็บที่ข้อศอกทั้งสองข้าง จนน้ำตาคลอเบ้า ด้วยเพราะตอนล้ม ศอกของเธอกระแทกกับพื้นแบบเต็มๆ
ด้านพายุนั้นอาการปวดที่ปลายคางหาได้ทำให้เขาเจ็บเท่ากับความเจ็บเนื่องจากโดนหยามไม่ ใครที่มันกล้าทำให้เขาบาดเจ็บ มันต้องได้รับสิ่งนั้นตอบแทน!
ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อของศัตรู หมายเค้นให้ได้คำตอบในสิ่งที่เขาอยากรู้ “บอกมาว่าแกเป็นใคร ต้องการอะไร!”
“ว๊าย!” ภิตะวันร้องเสียงหลงอย่างลืมตัว เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่ปาดมาโดนหน้าอกหน้าใจของตน ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนไปขยุ้มคอเสื้อของเธอดึงขึ้นมาจนใบหน้าของเธอและเขาห่างกันเพียงหนึ่งศอก
ดวงตากลมโตวาวระยับที่สะท้อนวิบวับไปมาท่ามกลางความมืด ราวกับดวงดาวที่พราวพร่างในคืนเดือนดับ ทำให้พายุชะงักไปในบัดดล น่าแปลกเขารู้สึกเหมือนเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน แต่ยังนึกไม่ออกว่าเห็นเมื่อไหร่ ตอนไหน แล้วยังกลิ่นกายคล้ายแป้งเด็กหากแต่หอมละมุนติดจมูกจนอยากพาตัวเองเข้าไปดอมดมใกล้ๆ นั่นอีก แม้จะไม่อยากยอมรับว่าตนนั้นถูกใจกลิ่นหอมจางๆ นั่น จนเผลอสูดดมกลิ่นเหล่านั้นเข้าเต็มจมูกอีกหน แต่มันก็เป็นไปแล้ว...นี่มันเรื่องบ้าอะไร ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่!
ข้างภิตะวันก็ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย หัวใจของเธอเต้นแรง ตึกๆ ตึกๆ ราวกับจะประทุออกมานอกอก ขณะที่ใบหน้าของเธอร้อนรุ่มราวกับอิงอยู่หน้ากองไฟ ใบหน้านวลแดงระเรื่อแบบห้ามไม่อยู่ โชคดีแค่ไหนที่ความมืดช่วยปกปิดอาการที่เป็นอยู่ได้ ทั้งนี้สาเหตุทั้งหมดล้วนมาจากชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสิ้น เพียงแค่สบตาเขาเธอก็รู้สึกราวกับถูกดูดกลืนเข้าไปในนั้น เขามีอำนาจพิเศษบางอย่างเป็นแน่
ทว่าขณะที่สองกำลังตกอยู่ในภวังค์ของกันและกันนั้น จู่ๆ ก็เกิดไฟฟ้าลัดวงจร แสงไฟแปล๊บๆวาบขึ้นท่ามกลางความมืด ดวงโคมที่ติดอยู่บนฝ้าร่วงหลุดลงมายังตำแหน่งที่คนทั้งสองยื้อยุดกันอยู่ พายุพลิกตัวหมายหลบ มือหนาคว้าร่างของชายปริศนาติดไปด้วยและนั่นก็ทำให้คนทั้งคู่ม้วนตัวกลิ้งไปด้วยกัน
ความยวบหยุ่นแปลกๆ ที่สัมผัสอยู่ตรงหลังมือทำให้เจ้าพ่อหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย แผงอกแกร่งของเขาพลิกขึ้นลงไปตามแรงเหวี่ยงและสัมผัสบดเบียดกับความนุ่มนิ่มหลายต่อหลายครั้งอย่างไม่ตั้งใจ กระทั่งไปหยุดเคลื่อนไหวในท่าที่กำลังทาบทับแนบสนิทกับเจ้าสิ่งนั้นอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มมั่นใจว่า...เรือนร่างที่อยู่ด้านใต้ของเขานั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจาก...
ผู้หญิง!
ทันใดนั้นไฟฟ้าที่ดับก็สว่างวาบขึ้น และนั่นก็ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าเจ้าของหนวดที่หล่นอยู่บนโซฟา
เจ้าของทรวงอกอวบอัดที่เขานั้นได้สัมผัสอย่างไม่ตั้งใจ
เจ้าของกลิ่นหอมเย้ายวนและดวงตาแสนหวาน.
..แท้ที่จริงหน้าตาเป็นเช่นไร!
ใบหน้านวลเนียนที่แม้จะมีเคราล้อมกรอบวงหน้า หากทว่าก็ไม่สามารถบดบังความงามของเค้าโครงที่งดงามราวกับสวรรค์ปั้นแต่งได้ไม่ จมูกโด่งปลายเชิดแหลมแสนรั้น รับกับดวงตากลมโตขี้เล่น และพวงแก้มอิ่มที่แดงระเรื่อราวกับเพิ่งแตกเนื้อสาว ทำให้คนมองแทบลืมหายใจ
สวย! ยามนี้เขานึกออกแค่คำนี้คำเดียว อ้อ! ถ้าจะมีอีกคำที่เขาจะนึกออกล่ะก็...คงเป็นคำๆนี้ ....โดนใจ!
ยิ่งเมื่อมองสบดวงตากลมโตที่ราวกับมีแสงวิบวับหยอกล้อกับแสงไฟอยู่ภายใน กับทั้งความนุ่มนิ่มที่แม้จะมีเสื้อผ้ากั้นขวางหากแต่ก็ไม่อาจกางกั้นสัมผัสนุ่มนิ่มอวบหยุ่นจากทรวงสล้างเต็มตึงนั่นได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้เขาร้อนรุ่มราวกับมีกองเพลิงกองใหญ่อยู่ในร่างกาย อยากจะดึงร่างบางมากกกอดให้สมอยาก อยากจะเปลี่ยนทางเดินหนีไฟนี่ให้กลายเป็นเตียงนอนแสนนุ่มที่ห้องทั้งห้องมีแค่เขากับเธอ
บ้าจริงเขาไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย ไม่ว่ากับผู้หญิงที่ไหน แม้จะมีบ้างที่ต้องดับความต้องการตามประสาชาย หากแต่ก็ไม่เคยอยู่นอกเหนือความควบคุมของตัวเองเช่นนี้มาก่อน
เธอจะรู้ตัวหรือไม่นะ ว่ากล้ามากที่มากระตุกหนวดเสือเช่นเขา...
เสือที่ไม่เคยมีเหยื่อตัวไหนกล้าท้าทายกงเล็บมาก่อน
เสือที่เพิ่งรู้ตัวว่าหิวก็เมื่อมีอาหารโอชะถูกยื่นมาตรงหน้า
และเสือตัวนี้ก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าใส่เหยื่อที่มันต้องตาต้องใจอย่างไม่รอช้า!
ฉับพลันศีรษะของเจ้าพ่อหนุ่มก็โน้มลง ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจมูกงอนแสนรั้น
...ใกล้...จนใช้อากาศหายใจเดียวกัน
ลมหายใจคุกรุ่นของเจ้าพ่อหนุ่มที่เป่ารดใบหน้าทำให้แก้มเนียนแดงระเรื่อมากขึ้น ภิตะวันเบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต่อสู้ในระยะประชิด หากแต่ที่ผ่านมามันไม่ใช่แบบนี้ คนที่เธอต่อสู้ด้วย หลายคนมองเธอด้วยสายตาชื่นชม หลายคนมองด้วยแววตาดูถูก หลายคนมองอย่างหื่นกระหายก็มี แต่ไม่เลยมันไม่เหมือนครั้งนี้สักนิด คู่ต่อสู้ของเธอหาได้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเช่นเขา ดวงตาของเขาคล้ายกับเรียกร้องดึงเธอเข้าใกล้ หากแต่ในขณะเดียวกันก็สะกดให้เธอไม่อาจหนีพ้นไปไหนได้
พายุจรดจมูกโด่งคมของตนปาดผ่านพวงแก้มนุ่มนิ่มหมายแค่เพียงดอมดมเพื่อให้แน่ใจว่ากลิ่นหอมที่ตราตรึงใจตน นั้นมาจากกลิ่นกายสาวของคนตรงหน้าใช่หรือไม่ และเมื่อมั่นใจว่าใช่ ก็ไม่รีรอที่จะจรดริมฝีปากของตนลงที่พวงแก้มนวล
“คุณพายุ!”
เสียงเรียกจากศักดาลูกน้องคนสนิทที่วิ่งตามลงมาและทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เจ้าพ่อหนุ่มชะงักงัน และทำให้เจ้าของแก้มนุ่มที่เพิ่งเปิดบริสุทธิ์ให้กับชายอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวรู้สึกตัว
ภิตะวันทั้งโกรธและอายอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่ตนนั้นเผลอไผลไปกับความรู้สึกแปลกๆ ที่บังเกิดขึ้น หญิงสาวกระแทกศีรษะของตนเข้ากับหน้าผากของคนตรงหน้าอย่างแรง
โป๊ก!!!
เสียงกระทบของเนื้อหุ้มกะโหลกที่ดังขึ้นทำให้เธอคิดว่าอีกฝ่ายคงเจ็บไม่น้อย เพราะขนาดเธอเป็นคนกระแทกเองยังเจ็บแปล๊บบริเวณที่โดนไม่ได้...ไอ้เจ้าพ่อบ้า หัวแข็งชะมัด เจ็บนะโว้ย! หญิงสาวร้องครางในใจทั้งที่เป็นเธอเองที่เขาหัวไปโขกหน้าผากชายหนุ่ม จากนั้นจึงปล่อยหมัดเด็ดไปยังหน้าท้องของเขาอย่างจังอีกที
ศักดาตรงเข้าหาหมายช่วยเจ้านายจัดการขั้นเด็ดขาดกับชายหนุ่มร่างเล็กที่ดูท่าว่าจะมีความสามารถเอาการ เพราะถึงกับทำให้เจ้านายผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ทุกรูปแบบของเขาต้องเจ็บตัวได้
ทว่าไฟที่ติดอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็ดับมืดลงอีกครั้ง แต่เพียงแค่อึดใจเดียวไฟก็กลับมาสว่างดังเดิม หากแต่ไม่มีร่างของชายปริศนาเสียคนดังกล่าวแล้ว
“คุณพายุรีบไปคุยกับคุณฟูจิวาระเถอะครับ ให้รอนานท่าจะไม่ดี ส่วนเรื่องเจ้าหมอนี้เดี๋ยวผมจัดการต่อให้เอง” ศักดาเอ่ยกับเจ้านายเพราะที่เขาตามมาก็เนื่องจากเห็นว่าเจ้านายหนุ่มหายออกจากห้องรับรองแขกนานแล้ว จึงเดินมาตาม แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีเรื่องมีราวอะไรเกิดขึ้นเช่นนี้
พายุเหลือบมองไปโดยรอบเมื่อไม่เห็นแม้เงาของคนที่ตามหา หากแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเช่นกัน กับทั้งตำแหน่งของประตูทางออกก็มีทางเดียว ซึ่งก็ไกลจากตำแหน่งที่มีเรื่องกันอยู่มากโข ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีไม่น่าจะวิ่งไปถึงได้ทัน เจ้าพ่อหนุ่มจึงมั่นใจว่า อีกฝ่ายต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลตนเองเป็นแน่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาอดหัวเราะ หึๆ ในลำคอไม่ได้
“ไม่ล่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว บอกฟูจิวาระด้วยว่าฉันขอเลื่อนนัดให้ไปเจอกันที่ THE HEAVEN คืนพรุ่งนี้ เรื่องที่จะคุยก็ไว้คุยกันที่นั่น ส่วนนายก็รีบขึ้นไปรับหน้าแทนฉันหน่อยก็แล้วกัน”
กล่าวจบก็เดินกลับขึ้นบันไดหนีไฟเดิมไปทันที ทิ้งให้ลูกน้องคนสนิทได้แต่เกาศีรษะแกร่กๆ ด้วยความงุนงง ทำไมไม่คุยๆ ให้จบๆ ไปเสียเลย ทำไมต้องรอวันพรุ่งนี้ด้วยนะ แล้วไหนจะสิ่งที่เขาเห็นนั่นอีก...สิ่งที่เห็นมันช่างแปลกเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาอดคิดถึงคำถามที่นายแม่เคยเอ่ยกับเขา... “ว่าแต่ช่วงนี้พายุมีอะไรผิดปกติรึเปล่า”
นี่ใช่สิ่งผิดปกติที่นายแม่หมายถึงหรือเปล่านะ?
ไม่หรอก ไม่ใช่ และไม่มีวันใช่ด้วย!
ศักดาได้แต่มองไปโดยรอบด้วยความเสียดาย แต่เอาเถอะไว้เดี๋ยวเขาจะสั่งให้บรรดาลูกน้องตามหาชายดังกล่าวให้เจอ ยังไงซะเขาต้องจับตัวมันมาสอบสวนให้ได้ เขาต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่!
to be continued....
***************************
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ...^^
~รัตนรัตน์ ~
*****************************
รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2554, 11:04:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2554, 11:04:21 น.
จำนวนการเข้าชม : 2703
<< บทที่ 4 : กระตุกหนวดเสือ (PART II) | บทที่ 5 : พรหมลิขิต หรือซวย!!! >> |
SaiParn 10 เม.ย. 2554, 18:18:16 น.
5555
5555
XaWarZd 29 พ.ค. 2554, 01:17:28 น.
งานเข้าซะแล้วนายพายุ
งานเข้าซะแล้วนายพายุ
fullmoonparty2000 18 ก.ค. 2554, 20:52:16 น.
สงสัยตอนหน้า นางเอกของเราคงไม่เจอแค่พายุอะ แต่เป็นทอนาโดแน่เลย
สงสัยตอนหน้า นางเอกของเราคงไม่เจอแค่พายุอะ แต่เป็นทอนาโดแน่เลย