The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 6


บทที่ 6


ทันทีที่ถึงโรงพยาบาลกิดาหยันเป็นคนอธิบายถึงสาเหตุที่ชายหนุ่มต้องเจ็บตัวให้นางพยาบาลฝ่ายรับข้อมูลผู้ป่วยทราบ ก่อนที่เขาจะถูกส่งตัวเข้ารักษาในขณะที่หล่อนนั่งรออยู่ด้านนอก

หมอบอกว่าโชคดีที่คนเจ็บไม่โดนตัวกระถางตรงๆ จึงไม่ได้รับแรงกระแทกเต็มแรงมีแผลแค่บริเวณขมับที่ต้องเย็บเท่านั้น นั่นแหละคนรู้สึกผิดถึงได้ยิ้มออก

กิดาหยันยืนเกาะขอบเตียงคนป่วยในห้องพักฟื้นรวมนานร่วมชั่วโมง เริ่มรู้สึกถึงเหงื่อที่ซึมตามหน้าผากและตามตัวจนต้องพาตัวเองมานั่งรอเขาที่หน้าห้องแทน อย่างมากก็แค่เดินเล่นออกกำลังกายในสวนหย่อมในคอนโด เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่เคยเดินออกมาไกลขนาดนี้ ร่างกายของหล่อนคงยังไม่แข็งแรงพร้อมจริงๆ อย่างที่หมอราเมศว่าไว้

มองกระเป๋าสตางค์ของคนเจ็บบนตัก หล่อนเป็นคนหยิบมันออกมาตอนที่บอกชื่อเขากับทางโรงพยาบาล ยืมเงินไม่กี่บาทหยอดเหรียญซื้อกาแฟกระป๋องดื่มแก้ง่วงคงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งเขาร่วงหรอกมั้ง

“โทษทีนะคุณ ฉันลืมเอากระเป๋าสตางค์มาด้วยน่ะ หวังว่าคุณคงไม่ว่าอะไรนะถ้าฉันจะจิ๊ก เอ๊ย! ยืมเงินคุณสักสิบยี่สิบบาท” งึมงำขอคนที่นอนสลบในห้องแล้วรูดซิปกระเป๋าสตางค์ช่องเล็ก

แต่แค่หมายมั่นจะหยิบเหรียญมันวาวในกระเป๋า กลับมีเสียงประตูเปิดผางออกมาเล่นเอากิดาหยันเกือบทำกระเป๋าหลุดมือ เห็นว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าจึงปิดกระเป๋ามือไม้สั่น ซ่อนไว้ข้างหลังคราเดียวกับที่เขาหันขวับมาทางหล่อน

คนตรงหน้าหรี่ตามองกิดาหยัน ต่างคนต่างมองหน้ากัน ด้วยความที่ไม่มีแว่นเหมือนเคยฝ่ายชายต้องเพ่งมองอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเป็นใคร “คุณ...”

ผ้าปิดแผลบนขมับทำให้กิดาหยันยิ้มเจื่อน พลางส่งแว่นกับกระเป๋าสตางค์คืน “ฉันเห็นคุณสลบอยู่น่ะเลยมานั่งรอตรงนี้”

คนเจ็บรับของคืนอย่างงงๆ “คุณเป็นคนพาผมมาทำแผลที่นี่เหรอ”

กิดาหยันพยักหน้ารับ สงสัยนางพยาบาลที่ห้องพักฟื้นคงเล่าให้เขาฟังแล้ว “แล้วนี่คุณจะไปไหน”

“ไปคอนโด”

“ไปคอนโด ?” หล่อนทวนคำเสียงหลง “ทั้งที่สภาพแบบนี้เนี่ยนะ”

“ผมมีธุระสำคัญต้องสะสาง ขอบคุณที่คุณช่วยผมจากไอ้กระถางบ้านั่น และก็...” เขายักไหล่เล็กน้อย “ขอบคุณที่คุณอุตส่าห์มานั่งรอผม”

“คุณอย่าขอบคุณฉันเลย” พูดไปแล้วต้องยิ้มแหย “คือ...ที่จริงแล้ว...ฉันควรจะขอโทษคุณต่างหาก ไอ้กระถางบ้านั่นที่คุณพูดถึงน่ะ มัน...มันเป็นกระถางต้นไม้จากห้องฉันเอง ฉันทำมันหล่นลงมาโดนหัวคุณ”

“นี่คุณเป็นเจ้าของกระถางใบนั้นเองเหรอ !” น้ำเสียงราบเรียบมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเกรี้ยว ทำเอากิดาหยันสะท้านไปทั้งตัว

ก้มหน้าพยักหน้าสำนึกผิด “แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ หมอบอกว่าคุณปลอดภัยดี มีแค่แผลเย็บยาวหน่อยตรงขมับน่ะ โชคดีที่คุณไม่โดนมันหล่นลงมากระแทกอย่างจัง”

“โชคดี ?” อีกฝ่ายแค่นหัวเราะขึ้นมาทันที “คุณยังบอกว่าผมโชคดีอีกเหรอ คุณรู้มั้ยว่าลำพังแค่ผมโดนยามไล่ออกมาจากคอนโดมันก็ซวยมากพอสำหรับผมแล้ว แล้วนี่อะไรกัน ผมยังมาโดนกระถางต้นไม้หล่นใส่หัว แล้วต้องมารับรู้ว่าคุณเป็นคนทำอีกเหรอ ให้ตายสิ ทำไมเจอคุณทีไรมันต้องซวยทุกทีสินะ”

“เอ๊ะ ก็ฉันขอโทษคุณไปแล้ว คุณยังมาหาว่าฉันเป็นตัวซวยอีกเหรอ มันไม่มากไปหน่อยรึไงคุณกวินภพ หัสดิน !”

คนถูกเรียกชื่อเต็มยศชะงักงัน จากจะตั้งท่าต่อว่าหญิงสาวตรงหน้ากลายเป็นจ้องกลับมาเขม็งอย่างไม่เชื่อหู “นี่คุณรู้ชื่อผมได้ยังไง”

“ถามได้ ฉันเป็นคนแจ้งชื่อคุณกับทางโรงพยาบาลฉันก็ต้องรู้ชื่อคุณสิ และการจะรู้ชื่อคุณเนี่ยมันไม่ยากเกินกำลังฉันหรอกนะ แค่อ่านจากบัตรประชาชนก็รู้แล้ว”

“อ๋อ คุณกำลังจะทวงบุญคุณกับผมสินะ แต่เสียใจคุณกิดาหยัน คุณคงลืมไปแล้วมั้งว่าคุณเป็นคนทำผมเจ็บปางตาย ถ้าเกิดผมไม่โชคดีอย่างที่คุณว่าป่านนี้ผมคงได้นอนเป็นเจ้าชายนิทราเพราะกระถางบ้าๆ ของคุณแล้ว”

“นี่คุณ !” ถลึงตาใส่เขาแล้วทำหน้าฉงน “คุณรู้ชื่อฉันได้ไง”

อีกฝ่ายกอดอก แค่นหัวเราะใส่หน้าหล่อนอีกรอบ “คุณประกาศชื่อตัวเองปาวๆ ที่หน้าลิฟท์เมื่อวันที่มีเรื่องกับมินนี่จำไม่ได้แล้วรึไง คนแถวนั้นคงไม่มีใครจำชื่อคุณไม่ได้หรอกมั้ง”

“คุณ ! คุณนี่มันเป็นผู้ชายปากร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์เสียเวลามานั่งรอคุณจริงๆ ถ้ารู้ว่าตื่นมาแล้วต้องมาเจอคุณกัดไม่เลี้ยงแบบนี้ ฉันเอากระถางต้นไม้อีกใบปาใส่หัวคุณซ้ำแล้ว”

“ก็ดีนี่ อนาคตคงสดใสน่าดู ได้ลงข่าวหน้าหนึ่งว่าติดคุกเพราะเอากระถางต้นไม้ปาใส่หัวผมจนตาย อ่านแล้วคงตลกพิลึก”

กิดาหยันยิ้มเยาะ แถมยังกอดอกเลียนแบบเขา “ฉันว่า คนอ่านเขาคงจะสมเพชที่คุณตายเพราะถูกกระถางต้นไม้ฟาดหัวมากกว่า ขอบคุณนะที่ช่วยพาดหัวข่าวให้ เอาไว้เป็นข่าวขึ้นมา เมื่อไหร่ฉันจะบอกพาดหัวข่าวนี้ให้นักข่าวเอาไปทำข่าวเอง มันคง...ตลกพิลึกอย่างที่คุณว่าจริงนั่นแหละ..ว่ามั้ย”

เมื่อเจอหล่อนโต้กลับไม่เลี้ยงเช่นกัน อีกฝ่ายจึงเงียบไปนิดนึงเหมือนขอเวลานอกคิดคำสวยหรูมาแก้คืน

“คุณนี้เป็นผู้หญิงที่เหลือเชื่อจริงๆ ถ้าวันนี้คุณไม่ชนะเราคงไม่ได้กลับกันใช่มั้ย”

กิดาหยันเบ้ปาก อยากบอกว่าใช่เป็นที่สุด !

ไม่สังเกตเห็นหรอกว่าเรียกรอยยิ้มขันจากอีกฝ่ายได้ดีนักเชียว นั่นแหละกลับเป็นหล่อนที่ปั้นหน้าไม่ถูกที่จู่ๆ หน้ายุ่งๆ ของเขากลับผุดรอยยิ้มให้เห็นราวกับเมื่อครู่เป็นละครฉากหนึ่งที่เขาแกล้งทำฮึ่มๆ ใส่หล่อนก็เท่านั้น

“เอาเป็นว่าศึกครั้งนี้ผมยอมแพ้ เชิญครับคุณผู้หญิง เราต้องไปจ่ายค่ารักษาและเอายาจากหมอกันก่อน หวังว่าแค่รถแท็กซี่คงจะหรูพอไปส่งคุณที่คอนโดนะ”

ไม่พูดเปล่าเขายังผายมือไปข้างหน้า ยิ่งทำให้กิดาหยันงงเข้าไปใหญ่ ต้องมองหน้าเขาซ้ำให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีแผนซ่อนอยู่เบื้องหลัง

คนอะไร นึกจะโกรธก็โกรธ นึกจะหายก็มายิ้มเผล่ใส่ หรือว่าบางที...หมออาจจะตรวจอาการเขาไม่ละเอียดดีก็เป็นได้ สมองของเขาอาจได้รับความกระทบกระเทือนหนักกว่าที่คิด ไม่อย่างนั้นคงไม่เพี้ยนแบบนี้หรอก




************




โต๊ะในสุดของร้านอาหารตามสั่งถูกจับจองด้วยหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่ดูฝ่ายชายจะเบิกบานเป็นพิเศษต่างจากฝ่ายสาวที่ทำหน้าเหยเกพิกล

หลังจากออกจากโรงพยาบาลกวินภพก็สั่งแท็กซี่ให้จอดส่งเขากับหล่อนที่ร้านอาหารติดเครื่องปรับอากาศแห่งหนึ่งระหว่างทางกลับคอนโด กิดาหยันยึดเบาะที่นั่งสุดฤทธิ์ ดึงดันจะกลับคอนโด ท่าเดียวแต่พอเจอเขาเอาเรื่องกระถางต้นไม้กับเงินมาขู่เจ้าหล่อนจึงยอมลงมาโดยดี

ก็หล่อนไม่มีเงินติดตัวสักบาท แถมยังมีชนักติดหลังอีก ถ้าเกิดตาเพี้ยนนี่ไม่พอใจจับหล่อนโยนเข้าโรงพักขึ้นมา เส้นทางสายอาชีพช่างภาพของหล่อนมิต้องดับกันพอดีเหรอ !

“ใจคอคุณจะนั่งมองผมทานจริงๆ ? ไหนบอกว่ายังไม่ได้ทานอะไรมาเหมือนกันไง”

กิดาหยันมองรายชื่ออาหารบนเมนูแล้วต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก กลั้นใจส่ายหน้าทั้งที่หิวจนไส้จะขาด !

เขาสั่งอาหารกับบริกรเพิ่มอีกสองสามอย่าง อาหารแต่ละอย่างที่เขาสั่งไม่มีเนื้อสัตว์สักจาน ยิ่งเรียกน้ำย่อยกิดาหยัน...เพิ่งรู้ว่าเขาก็ทานมังสวิรัติเหมือนกัน

สั่งน้ำเปล่าสำหรับตัวเอง แต่ไม่วายยังอุตส่าห์สั่งน้ำส้มให้หล่อนแก้วนึง หันมาถามหล่อนซ้ำ “ผมเลี้ยงคุณได้นะกิดาหยัน”

“คุณทานเถอะ ฉันอยู่ได้” กิดาหยันยังคงยืนยันคำเดิม ถึงหล่อนจะไม่มีเงินแต่ก็ใช่ว่าจะใจง่ายนะยะ

คิ้วหนาเลิกสูง ส่งเมนูให้เป็นครั้งสุดท้ายแต่หญิงสาวส่ายหน้าอย่างเดียวเขาจึงจนใจคืนเมนูอาหารในมือให้บริกรแต่ยังอุตส่าห์เก็บมันไว้เล่มหนึ่งที่โต๊ะ “เอาไว้เผื่อคุณเห็นผมทานแล้วเกิดหิวขึ้นมาจะได้ไม่แย่งของผม”

กิดาหยันแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ก่อนกอดอก ปั้นหน้าขรึมมองคนตรงหน้า “ไหนคุณบอกว่ามีธุระต้องสะสางไง ยังมีอารมณ์มาทานข้าวอีก”

“ก็ผมเปลี่ยนใจแล้วนี่คุณ คิดไปคิดมาธุระนั่นไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย พรุ่งนี้มาใหม่ก็ยังไม่สาย ว่าแต่คุณเถอะที่อยากกลับคอนโด เนี่ยกลัวผมจะเอาเรื่องกระถางต้นไม้ของคุณรึไง”

“เปล๊า !” เสียงสูงขึ้นมาทันที “คนอย่างกิดาหยันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว กล้าทำต้องกล้ารับ”

“ดี งั้น...พอผมทานอาหารเสร็จเมื่อไหร่ เราไปโรงพักกัน”

“หา ! คะ...คุณว่าอะไรนะ”

เสียงหลงๆ ของเจ้าหล่อนเรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มลั่นร้าน ทำเอากิดาหยันหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าเลือดขึ้นหน้าหรืออายกันแน่ ตาบ้า ! จู่ๆ ก็มาหัวเราะใส่หน้ากันเสียมารยาทที่สุด !

กวินภพยังคงหัวเราะไม่เลิกพาลทำกิดาหยันหัวเสียเข้าไปใหญ่ “จะหัวเราะอีกนานมั้ยคุณกวินภพ !”

นั่นแหละคนถูกเรียกชื่อเต็มยศถึงยอมหยุด ฟังจากน้ำเสียงแล้วท่าทางสาวเจ้าจะไม่สนุกด้วยเท่าไหร่จึงกระแอมเสียงปรับสีหน้าเป็นปกติ

เอ่ยทั้งที่ยังกลั้นยิ้ม “ผมหมายถึงโรงพักผ่อนน่ะ อ้าว ! ก็คุณอยากกลับคอนโด ไม่ใช่เหรอ”

“คุณ ! คุณนี่มันจริงๆ ล้อฉันเล่นแบบนี้ได้ยังไง คนยิ่งเครียดๆ อยู่”

“เพราะผมรู้ว่าคุณเครียดน่ะสิถึงได้ล้อคุณเล่น”

กิดาหยันถึงกับถอนใจโล่งอก ขอถามซ้ำให้แน่ใจแม้ว่าลึกๆ ยังกลัวอีกฝ่ายเปลี่ยนใจก็ตาม “ตกลง...คุณไม่เอาเรื่องฉันแน่ใช่มั้ย”

“โธ่คุณ...ถึงผมจะโกรธที่โดนคุณเอากระถางปาใส่หัว แต่นั่นเป็นเพราะคุณไม่ตั้งใจไม่ใช่เหรอ ผมเองใช่ว่าจะโกรธแค้นใครง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ นอกเสียจากว่าคนๆ นั้นจงใจทำร้ายผม...ซึ่งคุณคงไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว”

ได้ยินเขายืนยันหนักแน่นหล่อนค่อยหายใจทั่วท้อง ริมฝีปากบางเผยยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะคะที่คุณเชื่อที่ฉันพูด”

“ผมเชื่อใจคุณต่างหากกิดาหยัน” ไม่พูดเปล่าอีกฝ่ายยังส่งประกายตาวาววับมาให้หล่อน ทำเอาสาวเจ้าทำอะไรไม่ถูก เสมองไปทางอื่นแทนสบแววตาวาววับคู่นั้น รู้แล้วน่าว่าหล่อไม่ต้องโปรยเสน่ห์นักก็ได้

อาการเขินอายอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นในตัวหญิงสาวตรงหน้าสร้างความพอใจให้อีกฝ่ายไม่น้อย มุมปากหนาจึงปรากฏรอยยิ้มขัน ก่อนหันไปสนใจขวดน้ำบนโต๊ะ ทำหน้าที่รินน้ำใส่แก้วให้หล่อน

กิดาหยันลอบมองสภาพคนเจ็บที่บัดนี้ดูดีกว่าตอนอยู่ที่โรงพยาบาลเยอะ อาจเป็นเพราะตอนอยู่ในรถแท็กซี่เขาเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ ชายหนุ่มบอกว่ามักจะพกตลับใส่คอนแทคเลนส์ติดกระเป๋ากางเกงไว้เสมอเผื่อใช้ยามฉุกเฉิน รวมถึงจัดเสื้อผ้ายับย่นของเขาให้เข้ารูปและปัดผมด้วยมือจนมันเป็นทรง

“ฉันถามคุณได้มั้ยว่าคุณมีธุระอะไรต้องไปสะสางที่คอนโดของฉัน คือ...ฉันบอกยามไปน่ะค่ะว่าคุณมาหาฉันที่คอนโด เผื่อวันหลังถ้าคุณมาอีกฉันอาจจะช่วยคุณได้”

คนที่รินน้ำให้ตัวเองกลับชะงักงัน การที่กิดาหยันโพล่งขึ้นมาดื้อๆ คงทำให้เขาไม่ทันตั้งตัว

ครู่หนึ่งกวินภพก็ถอนใจออกมาทำเอาคนถามหน้าซีดเผือด นี่หล่อนทำเขาลำบากใจอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย !

นัยน์ตาสีดำสนิทหมองลงชนิดที่หญิงสาวแทบหยุดหายใจ จากที่เขาง่วนอยู่กับหน้าที่ใหม่กลายเป็นนั่งนิ่งเสมองไปทางอื่นทันควัน และนั่นยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกผิดเป็นเท่าตัว

“เอ่อ...” พอเห็นเขาลำบากใจที่จะเอ่ยหล่อนจึงเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ ไม่แน่เขาอาจกำลังคิดเปลี่ยนใจจับหล่อนส่งตำรวจข้อหาทำร้ายร่างกายอยู่ก็เป็นได้

ทำเป็นจิบน้ำส้มเปลี่ยนเรื่อง “น้ำส้มร้านนี้คั้นสดเสียด้วย สดชื่นจัง ฉันว่าฉันสั่งอาหารดีกว่า คุณช่วยหยิบเมนูให้ฉันที”

ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย ลอบมองหญิงสาวตรงหน้าที่ค่อยๆ เปิดรายการอาหารผ่านไปทีละหน้าเป็นระยะคล้ายกับชั่งใจ แล้วต้องผ่อนลมหายใจหนักหน่วงนั้นออกมาอีกครั้ง “ผมกำลังตามดูพฤติกรรมอดีตว่าที่น้องเขยของผม”

จู่ๆ กวินภพก็โพล่งขึ้นมา คนที่ทำทีเป็นสนใจอาหารจึงสบมองเขาตาปริบๆ สนใจในสิ่งที่เขาเล่าทันที

“น้องสาวของผมฆ่าตัวตายเพราะรับไม่ได้ที่รู้ว่าคนที่เธอรัก...แอบมีผู้หญิงคนอื่น”

“อะ...อะไรนะ !” ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคำอุทานมากกว่า เพราะตอนนี้กิดาหยันหน้าซีดหนักกว่าก่อนที่เขาจะเล่าเสียอีก

นัยน์ตาหมองคู่นั้นเริ่มมีน้ำใสๆ ระรื้นขึ้น...สะกดกิดาหยันนิ่งลงถนัดตา ทำไมแค่คำอธิบายสั้นๆ ของเขา...ถึงทำให้หล่อนพลอยเจ็บไปด้วยถึงเพียงนี้

“ผมรู้มาว่ามันซ่อนผู้หญิงไว้ในคอนโดนั่น ผมต้องไปเอาเรื่องมัน มันทำให้น้องสาวผมต้องตาย”

“เพราะเรื่องผู้ชายแค่นี้ น้องสาวคุณไม่น่าคิดสั้นเลย” ว่าไปแล้วต้องกลืนน้ำลายลงคอ เห็นอีกฝ่ายจ้องเขม็งมาถึงเพิ่งรู้ตัวว่าปากเสียไม่เข้าเรื่อง “ฉันขอโทษที่พูดตรงๆ แต่คุณต้องเข้าใจนะว่าเรื่องแบบนี้คนเรามันคิดไม่เหมือนกัน ฉันคิดของฉันอย่างนี้คุณคงไม่โกรธฉันใช่มั้ย”

กวินภพถอนใจยาว เขาไม่ตอบหากไม่ยอมสบตาหล่อนอีก “น้องสาวของผมกำลังจะแต่งงานกับเขาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนหนึ่ง ในใจของเธอต้องเต็มเปี่ยมด้วยความรัก ความมั่นใจ และความเชื่อใจในตัวผู้ชายคนนั้น แต่จู่ๆ มารู้ว่าผู้ชายที่เธอรักปันใจให้หญิงอื่น...เป็นคุณ คุณจะยังรักและศรัทธาในตัวผู้ชายคนนั้นอยู่อีกรึเปล่า”

“ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเดินเข้าไปต่อยหน้าผู้ชายคนนั้น ด่าให้สะใจไปข้างหนึ่ง ถึงชีวิตนี้ฉันจะไม่ได้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น ชีวิตฉันก็ยังอยู่ได้ ไม่ได้ผูกติดกันไว้เสียหน่อย”

“แต่น้องสาวผมไม่ได้แกร่งกล้าเหมือนคุณ การที่เธอต้องมารับรู้ว่าผู้ชายที่เธอรักแอบมีผู้หญิงคนอื่น มันมลายสิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิง”

“ถ้าอย่างนั้นน้องสาวคุณคิดผิดถนัดค่ะ การฆ่าตัวตายต่างหากที่เรียกว่าไร้ศักดิ์ศรี” พูดไปแล้วต้องยิ้มแหยขอโทษเขาอีกครั้ง

“ฉันเห็นใจน้องสาวคุณนะคะ จะว่าไป ชีวิตน้องสาวคุณก็ไม่ต่างอะไรจากพี่สาวของฉัน เธอเคยคบกับผู้ชายคนหนึ่งมานานหลายปีแล้วละค่ะ แต่ก็ต้องมารู้ในภายหลังว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงอีกคน ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยรู้หรือระแคะระคายถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ”

กิดาหยันยิ้มให้เขาเพียงนิดคล้ายกับต้องการให้กำลังใจเขาด้วย “แต่โชคดีที่พี่สาวฉันไม่คิดสั้นเหมือนน้องสาวของคุณ ไม่อย่างนั้นฉันคงไปตามฆ่าไอ้ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนนั้นเหมือนคุณ !”

คำสรุปง่ายๆ เรียกเสียงหัวเราะจากชายหนุ่มได้หน่อย “ไม่เหมือนกันหรอกคุณ ของคุณน่ะน่ากลัวกว่าผมเยอะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ไม่อยากนั้นป่านนี้มินนี่สุดที่รักของคุณได้ตายคามือฉันที่หน้าลิฟท์คราวก่อนไปแล้ว”

“โธ่คุณ ผมบอกกี่ครั้งแล้วว่ามินนี่ไม่ใช่สุดที่รักของผม เธอแค่คนรู้จักเท่านั้น”

“ค่า พ่อคนเลือกรู้จัก รู้จักแต่สาวสวยๆ น่ะสิคุณ”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นแบบนั้น” ชายหนุ่มตรงหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ร้อนถึงกิดาหยันผลุบตาลงต่ำ รู้สึกอาหารในเมนูน่าสนใจขึ้นมาทีเดียว

มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนเลยจิบน้ำส้มแก้เขินไปอย่างนั้น “ฉะ...ฉันแค่เดาเอา ถึงมินนี่ ของคุณจะแต่งตัวเกินงามไปหน่อย แต่เธอก็เป็นคนสวยใช้ได้”

“คงจริงอย่างคุณว่ามั้ง” เขายักไหล่ กอดอกพิงหลังกับพนักเก้าอี้ หากสายตาวาววับยังคงจับจ้องมาที่กิดาหยันไม่วางตา “ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เลือกรู้จักกับคุณ”

น้ำที่เพิ่งจิบเข้าไปทำท่าจะสำลักออกมาทันที “เอ่อ...คุณไม่ต้องชมฉันอ้อมๆ ก็ได้นะ ฉันรู้ตัวดีว่าสวย”

ได้ยินหญิงสาวอ้อมแอ้มชมตัวเองหน้าตาเฉย กวินภพเลยได้แต่ยิ้มขัน อาหารมานั่นแหละกิดาหยันถึงค่อยหายใจทั่วท้องเพราะมันช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากชายหนุ่มได้ดีทีเดียวล่ะ




**********************************




รันเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่ แชะดอกไม้สวยๆ บนดอยอ่างขางมาสวัสดีปีใหม่2556 ค่า^o^
ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง รวยๆ เฮงๆ เป็นปีดี ปีเฮงของทุกคนนะคะ
http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%99/120656234755284#!/photo.php?fbid=143371159150458&set=a.120669788087262.25570.120656234755284&type=1&theater




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ม.ค. 2556, 12:55:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ม.ค. 2556, 12:55:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1341





<< นอกรอบจ้า   บทที่ 7 >>
Auuuu 2 ม.ค. 2556, 13:06:46 น.
เป็นไปได้ไม๊หว่า ว่าหัวใจนางเอก คือหัวใจของน้องพระเอก??


สรัน 2 ม.ค. 2556, 13:19:15 น.
กรี๊ดดดด Auuuu เร็วมาก ขอบคุณค่า //คำสันนิษฐานน่าสนใจ ไม่ยากเกินคิด ฮี่ๆ ถ้าอยากรู้ต้องวิ่งไปถามกิดานันท์นะคะ ฮา...


lovemuay 2 ม.ค. 2556, 20:56:56 น.
พ่อพระเอกของเราก็แอบชอบหนูหยันอยู่หล่ะสิ อิอิ
แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่คิดว่าเค้าเป็นกิ๊กของน้องสาว


nunoi 2 ม.ค. 2556, 22:41:13 น.
นายโยธิน นี่หลอกผู้หญิงสองคนเลยเหรอเนี๊ยะ เลวแท้


สรัน 3 ม.ค. 2556, 22:21:15 น.
อัยยะ พี่หน่อยแอบน่ากัวนะคะ555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account