ภิรมย์รัก
กุลสตรี!

รุจิรดาแอบเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่ายปนขุ่นเคือง
หากนับว่าการที่เธอยื่นมือออกไปช่วยเหลือน้องสาวของ หม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์ นั้นไม่เป็นกุลสตรี
หญิงสาวก็ยอมรับตามความจริง
แต่เมื่อคนที่ชี้ความจริงข้อนี้ให้เธอรู้เป็นพี่ชายของคนที่เธอช่วยเอาไว้
หญิงสาวจึงรู้สึกเหมือนตนกำลังทำคุณบูชาโทษ
ต่อแต่นี้ไปก็อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด!

หากภาวนาไปไม่พ้นสามวัน
คนที่เธอไม่อยากพบเจออีกในชาตินี้ กลับมาเป็นอาจารย์ของเธอเอง
คราวนี้คงต้องฟังแลกเชอร์ว่าด้วย “ความเป็นกุลสตรี” เสียจนหูชาแน่ๆ
เธอต้องหาทางหนีสถานเดียว!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...
ยิ่งพยายามหนีให้ไกลจากดวงตาสีดำคูคมนั้นเท่าไหร่
กลับยิ่งเหมือนอีกฝ่ายจะไล่ตามมาไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น!

Tags: ย้อนยุค,ศิษย์,อาจารย์,ท่านชาย,ท่านหญิง,ความรัก,พีเรียด

ตอน: บทที่ 9 [45%]


ห้องบรรทมของท่านหญิงอรกัญญานั้นกว้างขวาง ตกแต่งด้วยโทนสีชมพูอ่อนจางหวานเฉกเดียวกับเจ้าของห้อง

หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องตามแรงฉุดของหัตถ์น้อย กวาดสายตามองอย่างไม่แปลกใจเท่าใดนักที่มองไปทางใดก็เห็นแต่การตกแต่งประดับประดาที่บ่งบอกถึงความอ่อนหวานเรียบร้อย ทั้งผนังที่ปิดด้วยวอลเปเปอร์สีชมพูจางๆ พิมพ์ลวดลายดอกกุหลาบสีแดงดอกน้อยเกี่ยวกระหวัดเป็นเถางดงาม ตัดด้วยคิ้วบัวสีชมพูอมม่วง เครื่องเรือนทุกชิ้นเป็นของสั่งจากเมืองนอก ดูอย่างโต๊ะเครื่องแป้งที่เป็นไม้แกะสีขาวสะอาด วางเรียงไปด้วยเครื่องประทินโฉมละลานตา เรื่อยไปจนถึงเตียงกว้างสี่เสาสีขาวที่ตกแต่งด้วยผ้าม่านโปร่ง รวบเก็บไว้ด้วยไหมเกลียวสีขาวอมชมพูอ่อนหวาน

มีเพียงตุ๊กตาแก้วเจียระไน แก้วใสส่องประกายระยับนั้นรูปร่างเป็นเจ้าหญิงองค์น้อยยืนนิ่ง ดวงหน้างดงามเงยขึ้นมองท้องฟ้า สองมือน้อยๆ กุมอยู่ระหว่างอก คล้ายกำลังอธิษฐานอะไรบางอย่าง

มองแล้วเหมือนเห็นเจ้าของห้องเลยจริงๆ สมแล้วที่เธอเรียกท่านหญิงอรกัญญาว่าตุ๊กตาแก้วเจียระไน

รุจิรดายิ้มกว้างกับความคิดนั้น ก่อนจะถามเมื่อกวาดตามองรอบห้อง “ทรงมีเครื่องพระสำอางมากเหลือเกินเพคะ แต่แปลกที่หม่อมฉันไม่เห็นทรงแต่งองค์อะไรมากมายเลย”

“ก็มีเอาไว้งานแบบนี้อย่างไรล่ะ” คนไม่ค่อยแต่งองค์รับสั่งตอบ “ที่วางเต็มโต๊ะนั้น ถ้าให้หญิงแต่งทั้งหมดทุกวันๆ อย่างนั้นวันๆ หญิงคงไม่ต้องทำอะไรนอกจากประทินโฉมตัวเอง พอใส่ครบทุกอย่างก็ได้เวลานอนพอดี”

รับสั่งกลั้วเสียงสรวลสดใส มีแววตื่นเต้นเจือแฝงอยู่อย่างปิดไม่มิด

เมื่อครั้งพระเยาว์ ทรงมีตุ๊กตาแหม่มหน้าตาน่ารักอยู่ตัวหนึ่ง ทรงเคยเล่นแต่งหน้าแต่งตัวให้ตุ๊กตาอยู่นาน จนวันหนึ่งหม่อมแม่ของท่านหญิงก็รับสั่งเรียบๆ ว่า

‘หญิงโตแล้ว คนโตแล้วไม่ควรเล่นตุ๊กตาอีก’

นับจากวันนั้นห้องที่เคยเต็มไปด้วยตุ๊กตาสัตว์น่ารักๆ หรือแม้แต่ตุ๊กตาแหม่มที่คอยเป็นเพื่อนเล่นเพียงอย่างเดียวในวังอันแสนเคร่งครัดไปด้วยกฎระเบียบก็ถูกนำไปไว้ที่อื่น ทิ้งให้ท่านหญิงองค์น้อยร่ำร้องหาด้วยความไม่เข้าพระทัยว่าเหตุใดจึงต้องทรงแยกจากของเล่นแสนรักที่ทรงยึดเป็นสหายสนิทคนแรก

ดังนั้นเมื่อวันนี้จะทรงมีโอกาสได้ ‘แต่งตัว’ ให้เพื่อน จึงทรงตื่นเต้นยิ่งนัก

วรองค์แบบบางฉุดสหายสนิทมานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนรับสั่งถามพลางทอดพระเนตรไปยังถุงกระดาษที่หญิงสาวถือติดมือมาด้วยสองสามใบแล้วขมวดขนง “รดามีชุดออกงานแล้วใช่ไหมจ๊ะ?”

“มีเพคะ แต่หม่อมฉันเอามาให้ฝ่าบาทช่วยเลือก เรื่องพวกนี้หม่อมฉันไม่ค่อยมีความรู้เท่าใดนัก” หญิงสาวพยักหน้า ในใจประหวัดคิดถึงหม่อมราชวงศ์ลักขณาวดีที่ซื้อชุดให้หลานสาวอยู่บ่อยๆ ทั้งที่รู้ว่ารุจิรดานั้นไม่ชอบงานสังคมเอาเสียเลย แต่คุณหญิงป้าของเธอเพียงแต่บอกว่า

‘มีเอาไว้แต่ยังไม่ได้ใช่น่ะดีกว่าจะใช้แล้วไม่มีนะรดา’

เท่านั้นคนเป็นหลานก็หมดข้อโต้แย้งใดๆ ที่จะนำมาแย้งเหตุผลอันพร้อมบริบูรณ์ของคุณหญิงป้าอีก แม้กระนั้นรุจิรดาก็ยังคงไม่ค่อยเชื่อถือสักเท่าใดว่าวันหนึ่งเธอต้องออกงาน... มาวันนี้จึงได้แต่ขอบพระคุณหม่อมราชวงศ์ลักขณาวดีที่ทำให้เธอไม่ต้องเตรียมตัวอย่างฉุกละหุก และไม่ต้องแต่งอะไรที่ทำให้อับอายไปถึงวงศ์ตระกูล

“อย่างนั้นไหนหญิงขอดูชุดของรดาหน่อยได้ไหมว่าเป็นแบบไหน แล้วเราค่อยมาเลือกกัน”

เจ้าของชุดก้มลงหยิบชุดออกจากถุงกระดาษทีละถุง นำชุดแต่ละตัวยื่นส่งให้หัตถ์บางที่รอรับอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่สุรเสียงหวานจะเริ่มวิจารณ์

“ชุดนี้... สีม่วงนี้ดูเหมือนจะหมดสมัยไปตั้งกะสองปีก่อนแล้วนะรดา ชุดนี้ก็สวยดีอยู่หรอก แต่รดาใส่แล้วคงจะดูมีอายุขึ้น ไม่สมวัย ชุดนี้เหรอ... ชุดนี้ดูรุ่มร่ามไม่เหมาะกับการออกงาน ไม่... ไม่เอาชุดนั้นด้วย!”

“โธ่... ท่านหญิง นี่ก็เกือบจะหมดที่หม่อมฉันมีแล้วนะเพคะ ขืนรับสั่งมาว่าไม่เอาชุดที่ถืออยู่อีก หม่อมฉันก็ไม่มีชุดที่จะใส่ไปแล้วละเพคะ อีกอย่างก็แค่งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดณัฐเท่านั้น คงไม่ต้องพิธีรีตองอะไรมากหรอกเพคะ”

“ใช่ งานวันเกิดณัฐ แต่รดาก็ควรจะแต่งตัวให้สวย ให้เจ้าของวันเกิดเขาดีใจหน่อย” มนต์ณัฐคงจะดีใจมากทีเดียวที่เห็นรุจิรดางดงามในวันนี้ บางทีอาจจะดีใจมากกว่าที่ได้เห็นพระองค์ในงานด้วยซ้ำ “อีกอย่างงานเลี้ยงวันเกิดของลูกชายรัฐมนตรีใหญ่แบบนั้น คงไม่จัดเรียบง่ายนักหรอก เห็นณัฐเปรยๆ อยู่วันนั้นว่าคงจัดรวมไปกับงานเลี้ยงฉลองการกลับมาจากเมืองนอกของพี่ชายเขาด้วย งานนี้ผู้หลักผู้ใหญ่เยอะ รดาควรจะแต่งตัวให้ดีๆ”

ท่านหญิงอรกัญญารับสั่งขึงขัง พลางเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งแล้วหยิบกล่องกำมะหยี่สองสามกล่องมาวางเรียงกันบนเตียงนุ่ม “เดี๋ยวต้องเลือกเครื่องประดับด้วยนะ ชุดรดาสีแบบนี้ คงต้องเลือกชุดมุก...”

รับสั่งแจ้วๆ ของขนิษฐาดังลอดออกมาจากบานประตูที่ปิดสนิท หากเสียงแว่วนั้นยังจับใจความได้รางๆ ว่าคนพูดกำลังกลุ้มพระทัย ทำให้คนด้านนอกที่กำลังจะเสด็จผ่านหน้าห้องบรรทมของน้องนางคลี่โอษฐ์น้อยๆ อย่างเอ็นดู

อยากเห็นหน้านวลนั้นเหลือเกิน ว่าเวลาถูกคะยั้นคะยอให้ลองชุดงามๆ ตามประสงค์ของหญิงอร แม่คนเก่งกล้าจะกล้าขัดเพื่อนบ้างไหม...

สุรเสียงทุ้มสรวลออกมาน้อยๆ พลางดำเนินเลยไปที่ห้องขององค์เอง กลับไปแต่งองค์ก่อนจะลงมารออยู่ด้านล่าง พรายยิ้มน้อยๆ ยังจุดอยู่ริมโอษฐ์มิรู้หาย

...หญิงอรไม่ได้เล่นตุ๊กตามานานมากแล้ว หนนี้คงสมใจเสียที มีตุ๊กตามาให้แต่งตัวถึงที่

อยากเห็นจริงว่าแม่ตุ๊กตาแสนดื้อนั้นจะถูกจับ ‘แต่งองค์ทรงเครื่อง’ มาแบบไหนกัน...




“หม่อมฉันไม่ชอบชุดนี้”

คนบอกทำหน้ามุ่ยเมื่อเห็นเงาตัวเองในกระจก มือเรียวยกชายกระโปรงยาวขึ้นมาก่อนลองหมุนตัวเบาๆ ผืนผ้าสีขาวที่ตัดเย็บประณีตเป็นชุดกระโปรงยาวตัวสวยบานพริ้ว เสื้อคอกว้างสีเหลืองนวลจางตกแต่งให้น่ารักด้วยการกุ๊นขอบลูกไม้สีขาว แขนสั้นพองคล้ายแขนเสื้อตุ๊กตา เอวบางรัดด้วยริบบิ้นสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาหน่อยติดเข็มกลัดดอกไม้อ่อนหวาน สำรวจตัวเองเรียบร้อยแล้วรุจิรดาก็ลงความเห็นได้ชัดเจนว่า ‘เหมือนตุ๊กตาชัดๆ’

“หญิงอร... หม่อมฉันว่าเปลี่ยนชุดีไหมฝ่าบาท ดูชุดมัน... หวานๆ ไปหน่อย” คนแต่งชุดหวานๆ ชี้ไปที่ชุดสีน้ำตาลอ่อนปลายเตียงแล้วบ่นต่อ “เปลี่ยนชุดเอาชุดนั้นแทนดีไหม?”

“ไม่ดี”

วรองค์บางที่ตอนนี้ขันแข็งกับการ ‘แปลงโฉมตุ๊กตา’ รับสั่งตอบไม่เหลือเยื่อใย ก่อนจะฉุดหญิงสาวให้นั่งลง แล้วกวักมือเรียกให้เด็กรับใช้อีกคนมาจัดการทรงผมให้รุจิรดาตามรับสั่ง ก่อนองค์เองจะดำเนินไปเลือกฉลองพระองค์บ้าง

หญิงสาวมองเงาตนเองในกระจกก่อนจะถอนใจ เครื่องสำอางที่แต่งแต้มเพียงบางๆ บนใบหน้านวลเพิ่มสีสันให้ดวงหน้าที่ปกติเพียงแต่เกลี้ยงเกลางามกระจ่างขึ้น ยินดีอยู่หรอกที่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดเป็นไปในทางที่ดี แต่อีกใจหนึ่งก็อดประหม่าไม่ได้...

ประหม่าคนที่ตอนนี้น่าจะนั่งรออยู่ที่ไหนสักแห่งของวังนั่นล่ะ!

ก็...จะว่าไปอาจารย์ก็ทรงเห็นแต่ตอนที่เธอแต่งชุดนิสิต ตอนนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ารวบผมยาวสลวยสีดำสนิทเรียบๆ หรือไม่ก็ถักเปียเดี่ยวยาวถึงบั้นเอว หรือไม่ก็ชุดกางเกงขาสามส่วนเวลามาอ่านหนังสือและมาทำงานที่นี่ ไม่เคย ‘แต่งองค์ทรงเครื่อง’ อะไรแบบนี้เสียที ไม่ได้เจอกันในทรงผมที่ม้วนผมยาวก่อนจะตลบขึ้นมวยเสียครึ่งศีรษะแล้วเสียงตรึงด้วยปิ่นมุกตัวเล็ก ปล่อยปอยผมที่ดัดม้วนน้อยๆ ให้ทอดลงมาเคลียต้นคอระหง ไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ใส่ชุดที่... ยอมรับก็ได้ว่ามันสวยมากๆ แบบนี้

บอกตรงๆ ว่าเธอเขิน!

บ้า! จะเขินอะไร... รุจิรดาดุตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวและสีแดงระเรื่อบนใบหน้าเมื่อมองจากกระจก เขินทำไม... ท่านเป็นอาจารย์ของเธอ อาจารย์นะ จะเขินอาจารย์ไปทำไมกัน...

หากมือไม้หญิงสาวเริ่มอยู่ไม่สุข นิ้วเรียวเริ่มเกาะเกี่ยวกันแน่นก่อนจะบิดไปมา ริมฝีปากแต้มสีชมพูอมส้มระเรื่อเม้มน้อยๆ อย่างกระวนกระวาย

“ตายจริง! อย่าเม้มริมฝีปากนะ! เดี๋ยวลิปสติกเลือนหมด” ท่านหญิงอรกัญญารับสั่งไม่เบานัก ท่าทางเมื่อดำเนินตัดห้องตรงมาหาเธอรวดเร็วเสียจนรุจิรดาต้องขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างประหลาดใจ เพิ่งรู้ว่าหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับความงาม โดยเฉพาะความงามที่ทรงมีส่วนรังสรรค์เองแบบนี้ ท่านหญิงองค์น้อยก็พร้อมจะเปลี่ยนบุคลิกอ่อนหวานเรียบร้อยเป็นขึงขังจริงจังขึ้นมาได้เช่นกัน “คิ้วนี่ก็อย่าขมวดเลย วันนี้รดาแต่งตัวงามมาก เพราะฉะนั้นก็ต้องทำหน้าตาให้งามเข้าไว้ด้วย”

รับสั่งขึงขังพลางแย้มสรวลให้พระสหายสนิท รุจิรดาคลี่ยิ้มรับน้อยๆ ก่อนกวาดสายตามองทั่ววรองค์บางแล้วต้องถอนหายใจอย่างชื่นชม

สมเป็นท่านหญิงอรกัญญาจริงๆ

วรองค์บอบบางอยู่ในฉลองพระองค์สีชมพูหวาน ตัวเสื้อเป็นลูกไม้สวย กระโปรงยาวแนบไปกับพระโสภี กลมกลึง ก่อนจะทิ้งตัวพลิ้วงดงาม หญิงสาวเลื่อนสายตาไปจับอยู่ที่สร้อยพระศอที่มีมุกเม็ดน้อยร้อยกับตัวสร้อยทองเส้นบาง ทาบอยู่บนฉวี ขาวผ่องจนแทบกลืนกันไปกับสีของมุกแล้วยิ้มกว้างมากขึ้นคล้ายจะหยอกเย้า

...สวมสร้อยที่เจ้าของวันเกิดถวายให้เสียด้วย

นิลเนตรงดงามเห็นสายตาเพื่อนจับจ้องมาที่พระศอเป็นพิเศษก็พักตร์ขึ้นสีระเรื่อ เสเลี่ยงไปรับสั่งว่า “อ้าว...แล้วเครื่องประดับของรดาล่ะ หยิบมาใส่เสียสิ เอาเป็นชุดมุกก็แล้วกันนะ จะได้เข้ากับสีเสื้อดี”

“ไม่มีหรอกเพคะ” หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ “หม่อมฉันไม่ใส่ของพวกนี้หรอก กลัวทำหาย”

“ไม่ได้ๆ” ท่านหญิงอรกัญญารีบเปิดฝากล่องเครื่องประดับ ก่อนจะหยิบสร้อยมุกออกมาสองสามเส้น “รดามาช่วยดูเร็วว่าจะใส่เส้นไหนดี ไปงานอย่างนี้ตัวเปล่าๆ ไม่ดีรู้ไหม ต้องใส่เสียหน่อย”

รุจิรดายิ้มกว้างมากขึ้น ร่างโปร่งบางเอื้อมมือไปแตะข้อศอกอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงห้าม “อย่าเลยเพคะ หม่อมฉันไม่ใส่ดีกว่า อย่าเอามาให้หม่อมฉันใส่เลย ประเดี๋ยวหายมาหม่อมฉันไม่มีปัญญาชดใช้หรอกเพคะ ตอนนี้เรารีบไปดีกว่า ท่านพี่ของฝ่าบาทคอยนานแล้ว ใกล้ได้เวลาแล้วด้วย”

วรองค์บางทำพักตร์มุ่ย... สีพระพักตร์ที่น้อยคนนักจะได้เห็น ก่อนจะละหัตถ์จากกล่องเครื่องประดับด้วยท่าทีไม่เต็มพระทัยนักพร้อมกับตีเบาๆ ไปที่แขนคนห้าม

“คราวนี้รอดไปได้นะรดา ถ้ามีงานเลี้ยงคราวหน้า อย่าหวังว่าจะรอด หญิงจะจับรดามาใส่ชุดใหญ่เลยคอยดู!”



เสียงหัวเราะแว่วๆ ที่ดังขึ้นหน้าประตูห้องทรงงานทำให้เจ้าของห้องเงยพักตร์ขึ้นมาทอดพระเนตรนาฬิกาติดผนัง ก่อนจะขยับเก็บเอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย

หทัยอิ่มเอม... เปี่ยมสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะประสานกันของสตรีทั้งสองอีกครั้ง หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ถอนปัสสาสะยาว หลับเนตรพริ้มก่อนเอนองค์พิงพนักเก้ากี้อย่างผ่อนคลาย

ไม่ทรงทราบจริงๆ ว่าเมื่อไหร่และเหตุใด เพียงแค่เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม หรือแววตาเปล่งประกายมีชีวิตชีวา บางคราก็ดื้อดึง บางคราก็ขรึมเคร่งเฉกผู้ใหญ่จึงตราตรึงอยู่ในพระทัยอยู่เช่นนี้ น้ำเสียงหวานใสนั้นคล้ายจะเรียกร้องให้ทรงหันไปหา รอยยิ้มอ่อนหวานดั่งจะอ้อนวอนขอรอยแย้มสรวลตอบกลับ และแววตาซื่อตรงนั้นก็เหมือนจะดึงดูดทั้งสายพระเนตรให้ทอดมองแต่เธอเพียงผู้เดียว

เป็นเอามากจริงๆ เรา...

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทรงมี ‘เพื่อนหญิง’ เหมือนบุรุษคนอื่นๆ หากทรงรู้องค์เองว่าเป็นคนมั่นคงกับความรู้สึกนัก และทรงเชื่อมั่นในความรู้สึก คนอย่างหม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ ‘รู้’ และ ‘ยอมรับ’ ความรู้สึกขององค์เอง และเมื่อทรงแน่พระทัยแล้วว่า ‘ใช่’ นั่นจะแปลว่าใช่จริงๆ ไม่เปลี่ยนแปลง

ดังนั้นบรรดาสตรีที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จึงเป็นเพียงความสำราญที่มีร่วมกัน และด้วยพระบุคลิกเคร่งขรึม จึงทำให้น้อยคนนักที่จะก้าวเข้ามาเป็นคนสนิทในระดับนั้นได้ และมีคนเดียวเท่านั้นที่ทรงเคยรัก... ได้เรียนรู้ความหวานชื่นของความรัก แลความขมขื่นปวดร้าวที่รักแสนหวานนั้นมอบให้ยามร้างรา

หากความรักเคยเปลี่ยนแปลงให้คนเงียบเฉย เคร่งขรึมอย่างหม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ให้มีรอยแย้มสรวลและเสียงสรวลได้ ความรักเดียวกันนั้นเองที่ผลักไสพระองค์ให้เข้าไปสู่ความหนาวเหน็บเสียจนเย็นชา ลบเลือนรอยยิ้มและความอบอุ่นในพระทัยออกไปเสียสิ้นพร้อมกับความรักและความเชื่อใจ

จนวันที่ได้สบตากับเธอ...

“...เดี๋ยวหม่อมฉันขึ้นไปดูบนห้องทรงงานนะเพคะ ฝ่าบาทลองกลับเข้าไปดูในห้องบรรทมของอาจารย์ดู เผื่อยังแต่งองค์ไม่เสร็จ”

หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ยังหลับเนตรสนิท แม้จะได้ยินเสียงแผ่วเบาที่ชะงักอยู่หน้าบานประตูห้องที่เปิดกว้าง ได้ยินเสียงใสพึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่แน่ใจก่อนจะเงียบไป

หญิงสาวชะงักน้อยๆ ก่อนเรียกพระองค์เสียงค่อย ด้วยเกรงจะรบกวนการพักผ่อนอิริยาบถของวรองค์สูงสง่านั้น

“อาจารย์... อาจารย์เพคะ”

เปลือกเนตรบางยังหลับพริ้ม โอษฐ์หยักสวยคลี่แย้มสรวลนุ่มนวล ดั่งกำลังยิ้มให้กับของรักที่ทรงหวงแหนมากที่สุด

“ท่านชาย...”

“มาแล้วหรือ รุจิรดา”

เปลือกเนตรกระพริบเปิด เผยให้เห็นนิลเนตรคมกริบที่ทอดมองมา นุ่มนวล... อ่อนหวาน ทอประกายชื่นชมปนภาคภูมิเมื่อเห็นภาพงดงามตรงหน้า

...จนเมื่อได้สบตา...



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2556, 07:09:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ม.ค. 2556, 07:09:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 2980





<< บทที่ 8 [100%]   ตอนที่ 9 [100%] >>
ม่านฟ้า 8 ม.ค. 2556, 08:14:24 น.
โห ไรเตอร์หายไปซะนาน นึกว่าไม่กลับมาซะแล้ว


ukkanirut 8 ม.ค. 2556, 09:38:09 น.
บรรยากาศช่างละมุน
จบครึ่งแรกได้แบบว่า .... ฉีกหมอนกระจุยรอไปแล้วนะคะเนี่ย


Jiab 8 ม.ค. 2556, 11:21:17 น.
เย้ เรื่องนี้กลับมาแล้ว รอนานมากเลย แต่ก็รอนะคะ
แล้วก็รอครึ่งหลังด้วยง่ะ ค้างซะ


wind 8 ม.ค. 2556, 15:57:02 น.
หวานซะ


lovemuay 8 ม.ค. 2556, 21:10:12 น.
น่าน ไรเตอร์หายไปนาน กลับมาหวานซ้าา


phakarat 8 ม.ค. 2556, 21:55:43 น.
ดีใจจัง รออ่านนานเลยคร้า กลับมาคราวนี้ก็หวานเลย


nunoi 9 ม.ค. 2556, 10:17:52 น.


aun 10 ม.ค. 2556, 17:00:51 น.
มาแล้ว ดีใจจัง


Auuuu 30 ม.ค. 2556, 22:41:51 น.
ไล่อ่านทีเดียวตั้งแต่แรกเลย ชอบมากกกเลยยยยย ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account