จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 17

ตอนที่ 16

“คุณกรวีร์!” หญิงสาวร้องเสียงหลง อ้าปากค้าง ดวงตากลมใสที่โตอยู่แล้วโตยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนจะรีบลดมือที่ชี้ใส่หน้าเขาลง กรวีร์ยิ้มกว้างมองคนที่ทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างขำขัน

“ครับผม พี่วีร์เอง หน้าหล่อๆแบบนี้มีคนเดียวในโลก ว่างไงครับตกลงว่าฝันถึงพี่หรือเปล่า”

ต้องใช้เวลานานมากกว่าเธอจะหาเสียงตัวเองเจอ เมื่อเจอแล้วหญิงสาวในชุดวอร์มจึงเชิดหน้าดับไฟฝันของพ่อหนุ่มเจ้าชู้หลบใน(?)

“ไม่ค่ะ ไม่มีความจำเป็น...” ก่อนจะถอยห่างเล็กน้อยหลังจากเห็นระยะห่างขนาดมดเดินผ่านระหว่างเขากับเธอ หรี่ตาลงมองคนหน้าหนาอย่างไม่ไว้วางใจ ถามเสียงห้วน “...แล้วนี่คุณมาวิ่งตามฉันทำไม”

“หือ?” เขาทำเสียงสูง “ใครเขาวิ่งตามน้องเบญคะ พี่มาวิ่งออกกำลังกายของพี่อยู่แล้วเป็นปกติ อ๊ะ...ไม่เชื่อก็ถามพี่ชายน้องเบญดูสิ” เขารีบสำทับพร้อมชี้นิ้วโป้งไปทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าตาไม่เชื่อถือ เบญญาภาชะโงกไปมองด้านหลังเขาก็เห็นคุณพี่ชายเจ้าเสน่ห์ของเธอกำลังวิ่งตามมา แต่แปลก...ไม่รู้ทำไมสภาพพี่ชายของเธอมันถึงดูล้าๆต่างจากคนตรงหน้าลิบลับ

ดูสิ ลิ้นห้อยเชียว

พอมองเลยไปยังท้ายขบวนก็เห็นกรวิชญ์ที่สภาพเหมือนคนยังไม่ตื่น ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะแม้ขาจะวิ่งแต่ดวงตาของเพื่อนหนุ่มคนสนิทกลับปิดแน่น ไม่รู้ว่าตามมาโดยไม่หล่นลงไปในท่อน้ำทิ้งได้ยังไง

แต่นั่นก็ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาให้ความสนใจกับเพื่อนทรยศ เบญญาภายิงคำถามใส่พี่ชายทันทีที่อีกฝ่ายวิ่งมาถึง

“จริงเหรอพี่บุญที่ว่าพวกพี่ไม่ได้วิ่งตามเบญมาน่ะ”

“ห๊ะ เอ่อ เออจริง...”พี่ชายลากเสียง ก่อนจะหายใจเข้าลึกหลายครั้ง เพื่อให้อาการจุกเสียดที่ชายโครงหายไป แล้วจึงเสริมต่อ “...พวกพี่ออกมาวิ่งกันประจำ นี่ก็ออกมากันตั้งกะฟ้ายังไม่สาง ไม่ได้ตามแกมาแน่นอน” บุญญฤทธิ์ยืดตัวขึ้น กางขาออกเล็กน้อยแล้วบิดเอวไปมาคลายความเมื่อยที่เกิดจากการวิ่งจำนวนหลายรอบ

กรวีร์ยิ้มกริ่มมองคนหน้าแตกที่ยืนเม้มปากแน่น อยากจะรู้เหมือนกันว่าเจ้าหล่อนจะแก้เก้อยังไง
เบญญาภารู้สึกว่าหน้าตัวเองเห่อร้อน ไม่รู้ว่าป่านนี้หน้าเธอจะแดงขนาดไหนที่ดันปล่อยไก่ไปหมดฟาร์ม ก็จะไม่เข้าใจผิดได้ยังไงเมื่อในหลายวันที่ผ่านมาเขาพยายามตามติดเธอไปทุกที่ราวกับเป็นเงาตามตัว

มาวันนี้พอตื่นเช้ามาก็เจอกันอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นใครก็ต้องคิดแบบเธอทั้งนั้นแหละ แต่เพราะว่าอารามตกใจและกำลังโกรธเพราะคิดว่าเขาแอบตามเธอมา ทำให้เบญญาภาไม่ทันได้มองว่ามีใครวิ่งตามหลังเขาบ้าง จึงพลาดเข้าข้างตัวเองไปถนัด

แม้จะอับอายแค่ไหนที่เข้าใจผิดไปเองแต่ลึกๆแล้วก็แอบโมโหไม่ได้ เพราะสุดท้ายที่เขาพยายามตามตื้อเธอมาตลอดหลายวันนั้นก็เป็นแค่อาการหมาหยอกไก่ ไม่ได้คิดจะจริงใจกับเธออย่างที่พูดปาวๆให้แม่เธอรวมทั้งแม่เขาฟังแม้เพียงนิด

แน่ล่ะ! ก็เธอไม่ได้สวย หมวย เอ็กซ์ เสป็กเขานี่ หึ!

คิดได้แล้วเบญญาภาก็เชิดหน้าขึ้นไม่แม้แต่จะขอโทษที่เข้าใจผิด เพราะยังไงซะข้อหาที่เขาทำให้เธอไม่ไว้วางใจเองก็มีอิทธิพลมากกว่า หญิงสาวเดินเหยียบเศษหน้าตัวเองที่หล่นกระจายเต็มพื้นไปทางด้านหลังพวกเขาซึ่งมีคนที่เธอจะต้องจัดการเป็นรายการต่อไปกำลังยืนกอดอกหลับพิงกำแพงบ้านคนอื่นอยู่

พอเดินเข้าไปถึงตัวได้เจ้าหล่อนก็จัดการดึงหูอีกฝ่ายที่สะดุ้งตื่นเต็มตา ออกแรงลากให้ตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจเสียงโวยวายของคนโดนทำร้ายหู

พอร่างบางพ้นสายตากรวีร์ก็หัวเราะออกมายกใหญ่ ทั้งขำทั้งเอ็นดูเบญญาภาที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองผิดง่ายๆแม้ว่าใบหน้านวลจะแสดงออกมาชัดเจนว่าอายแค่ไหน แต่เธอก็ยังแก้เก้อด้วยการทำร้ายร่างกายบุคคลที่สามแทน

ข้างฝ่ายบุญญฤทธิ์ที่เลิกทำท่ากายบริหารชะเง้อมองตามหลังบอบบางของน้องสาวไปแล้วอดสงสารไม่ได้ที่โดนเพื่อนรักของเขาแกล้ง ร่างสูงไม่แพ้กันกับเพื่อนก็เดินเข้าไปตบไหล่หนาแรงๆพร้อมปรามเสียงไม่จริงจังนัก

“พอเลยๆ นั่นน้องข้านะ จะจีบไม่ใช่เหรอ ไปแกล้งแบบนี้เดี๋ยวก็ได้กินแห้วทั้งไร่”

“ก็มันขำ นายไม่เห็นเหรอว่าน้องเบญน่ารักแค่ไหนตอนอาย แบบนี้นี่ไม่รักไม่หลงให้เหยียบเลย”

“อ้อ...ยอมรับแล้วว่าหลงรักน้องสาวฉันสินะ” กรวีร์ชะงัก สะบัดไหล่ออกจากมือของเพื่อน รีบกลบเกลื่อน

“ไอ้บ้า...ฉันหมายถึงคุณลุงกับคุณน้าต่างหากที่ทั้งรักทั้งหลงน้องเบญขนาดนั้น อ้อ รวมแม่ฉันอีกคนด้วย..” ก่อนจะชี้นิ้วโป้งเข้าหาตัวเองบอก

“...ส่วนสำหรับฉันต้องดูไปอีกนานโว้ย เมียนะไม่ใช่คู่นอน จะได้แค่มองตาถูกใจแล้วขึ้นเตียง”

“ก็ดี...” พี่ชายคนน่ารักน่าหลงลากเสียงยาว หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วขู่ “...ดูแต่ตามืออย่าต้องก็แล้วกัน เข้าใจ๋”

“เออน่า ไม่ต้องรอให้แกมาขู่ แม่ฉันก็ขู่อยู่ทุกวัน อย่างกับฉันเป็นไอ้หนุ่มดอดมาจีบลูกสาวตัวเอง”

บุญญฤทธิ์หัวเราะร่า มองเพื่อนที่ยืนหน้าเซ็ง

“แม่แกรักยายเบญมากนี่นะ เรื่องปกติของคนอยากมีลูกสาวไว้เป็นตุ๊กตา เอาเถอะ อย่าลืมเลี้ยงเหล้าด้วยล่ะ ฉันอุตส่าห์ยอมตื่นแต่เช้าทั้งที่เพิ่งนอนได้แค่สองชั่วโมงมาวิ่งเป็นเพื่อนไม่ให้ยายเบญสงสัยเลยเชียวนะ ปวดหัวจะตายอยู่แล้วเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นก่อนจะเดินกลับบ้าน ไม่วงไม่วิ่งมันแล้ว กลับไปนอนฝันถึงสาวดีกว่า

ก็นะใครมันจะไปมีอารมณ์วิ่ง เขาเพิ่งกลับจากคอนโดนางแบบสาวสวยที่เจอในผับมาไม่นานแถม ‘กิจกรรมยามดึก’ แสนหรรษาก็หนักหน่วงเสียจนแทบไม่มีแรงขับรถกลับบ้าน พอนาฬิกาบอกเวลาตีห้าของวันใหม่ บุญญฤทธิ์พยายามกัดฟันเหยียบคันเร่งราวร้อยสี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงหวังจะกลับมานอนพักผ่อนยาวๆ ให้สาแก่ใจ

ก็ดันมาโดนไอ้เพื่อนข้างบ้านโทรปลุกให้ช่วยออกมาวิ่งล่อเบญญาภาเป็นเพื่อนหน่อย ตอนแรกเขาก็อิดออดเพราะเหนื่อยมาทั้งคืน แต่พออีกฝ่ายบอกว่าจะจัดปาร์ตี้ริมสระพร้อมนางแบบขาว สวย หมวย เอ็กซ์มาสนองให้ เขาก็ยินดีถ่อสังขารโทรมๆลงมาทันที

คอยดูนะ ถ้าสาวที่จัดมาไม่อึ๋มถูกใจล่ะก็ ไอ้บุญคนหล่อสุดสวาทบาดจิตจะแฉให้ดู!


“วิชญ์นะวิชญ์ เมื่อคืนตอนที่โทรไปก็รับปากดิบดีว่าจะตื่นมาวิ่งเป็นเพื่อนเบญแน่ๆ เบญก็อุตส่าห์ไว้ใจเลยไม่โทรไปปลุกแล้วทำไมถึงหักหลังเบญอย่างนี้” หญิงสาวบ่นใส่เพื่อนที่นั่งเอนๆจนแทบจะเลื้อยลงไปนอนบนพื้นหญ้าด้วยความง่วงอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านเธอ กรวิชญ์ขยี้ตา อ้าปากหาว แก้ตัวเสียงอ่อย

“ขอโทษทีเบญ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะ มัวแต่รบกับพี่วีร์อยู่”

“รบ? รบเรื่องอะไรกัน”

“ก็เรื่องตัวนั่นแหละ พี่วีร์มาบีบคอเค้นถามว่าทำไมวิชญ์ถึงจะออกมาวิ่งกับเบญน่ะสิ พอวิชญ์ไม่บอกก็หาเรื่องตีกัน จนเสื้อหลุดแม่มาเห็นพอดี เลยเข้าใจผิดไปไหนต่อไหน”

กรวิชญ์บอกอย่างละเหี่ยใจเมื่อนึกถึงเรื่องชวนขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อคืน ดีนะที่แม่ยังยอมเข้าใจ ถ้าไม่ยอมนี่ท่าทางทั้งเขาและพี่ชายตัวดีคงต้องไปหาสาวมายืนยันความแมนให้แม่ได้ดูคาตาแหงๆ

“คิกๆ” กรวิชญ์เหล่มองเพื่อนที่พยายามกลั้นหัวเราะหน้าแดง แต่ก็ยังมีเสียงหลุดออกมาอยู่ดี ชายหนุ่มมองค้อนอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นสาเหตุก็เพราะมันไม่แมน!

ไร้สาระ ทำไม! ผู้ชายมันจะค้อนไม่ได้เหรอวะ

“ขำ ขำ ขำเข้าไป ตลกมากไหมเนี่ย”

เบญญาภายอมหยุดหัวเราะ แต่ไม่วายยิ้มแฉ่ง ยกนิ้วชี้กรีดตาเล็กน้อยเพื่อไล่น้ำใสที่เอ่อคลอเพราะความขำออกไป ก่อนจะลากเสียงยาว

“มาก...แต่วิชญ์น่าจะชินได้แล้วนะ คุณป้าก็ชอบเข้าใจผิดแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กแล้วนี่” หญิงสาวบอกตามความจริง เพราะเท่าที่เธอรู้จักครอบครัวนี้มา เอ่อ เกือบตลอดชีวิต

กรวิชญ์ก็มักจะมาเล่าให้ฟังด้วยใบหน้าเซ็งห่านว่าทะเลาะกับพี่ชายจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแล้วมารดาก็เข้ามาเห็นฉากที่ชวนจิ้น จากนั้นก็ทำตาแดง ร้องไห้โฮวิ่งมาหาแม่เธอพร้อมต่อว่าตัวเองไปด้วยเสียงเครือ เนื้อความก็ทำนองว่าเธอเลี้ยงลูกชายไม่ดีปล่อยให้อดอยากจนต้องกินกันเอง(?) อะไรประมาณนั้น

“มันเป็นเรื่องที่วิชญ์ควรชินเหรอเบญ เป็นผู้ชายแต่ดันหน้าหวานเกินหญิง กระทั่งแม่ตัวเองยังเข้าใจผิดแบบนี้ โว้ย! วิชญ์อยากขี้เหร่” สุดท้ายความอึดอัดใจก็ทำให้ชายหนุ่มระเบิดออกมา เบญญาภาเริ่มมองเห็นความกังวลใจของเพื่อนแล้ว แต่ก็ไม่รู้วิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายดูแมนขึ้นจริงๆ

“เอางี้ เบญว่าวิชญ์ลองไว้หนวดไหม เห็นหลายคนนะหน้าเกลี้ยงแล้วไม่เกิด พอหันไปไว้หนวดไว้เคราเหมือนมหาโจรแล้วดันมีสาวมาติดตรึม”

“ไม่อ่ะวิชญ์ว่ามันซกมก”

“งั้น...ลองไว้ผมยาวดูไหม ติสท์ดี” หญิงสาวลองเสนออีกวิธี แต่เพื่อนกลับเบ้ปากย้อนทันควัน

“แม่ยิ่งคิดว่าวิชญ์แกรนด์โอเพนนิ่งแล้วน่ะสิ”

“เออเนอะ งั้นลองเพาะกายไหม มีกล้ามแน่นเป็นหมัดๆ ซิกซ์แพ็คดูเซ็กซี่ รับรองคราวนี้พ้นข้อกล่าวหาชัวร์”

“แต่วิชญ์ชัวร์ว่าจะเสร็จพวกเก้งกวางแถวฟิตเนสไปซะก่อนน่ะสิ” กรวิชญ์ค้าน เคยเห็นมากับตาตอนไปฟิตเนสเมื่อหลายเดือนก่อนเพื่อจะออกกำลังให้ตัวเองมีกล้ามขึ้น แต่สิ่งที่เห็นก็ทำเอาเขาเลิกไปฟิตเนสแบบถาวรตลอดกาล

ทำไมน่ะเหรอ ก็ไอ้ครูที่สอนเขาออกกำลังกาย เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามแน่น อกเต่ง หน้าท้องมีกล้ามเนื้อสวยได้รูปหกก้อนหรือที่เรียกกันว่าซิกซ์แพกอะไรนั่นมันส่งสายตาแปลกๆแหม่งๆให้เขาระหว่างที่สอน

บางทีที่มีโอกาสได้สัมผัสมือกันก็รู้สึกขนลุกเกรียวเสียวสันหลังพิกล เริ่มรู้สึกได้ลางๆแล้วว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นพวกชอบอนุรักษ์ป่าไม้ แต่เขาก็คิดว่าทนอีกหน่อยพอจบคอร์สแล้วค่อยเผ่น

แต่แผนก็ต้องเลื่อนขึ้นมาให้เร็วกว่าเดิมเมื่อเห็นกับตาว่าไอ้ครูก้ามปูนั่นกับเพื่อนร่วมเรียนอีกคนของเขากำลังแลกจูบกันอย่างดูดดื่มระหว่างเวลาพัก เท่านั้นแหละกรวิชญ์คิดทันทีว่าเขาอยู่ไม่ได้แล้วเพราะขนาดเพื่อนคนนั้นหน้าหวานน้อยกว่าเขายังโดนด๊วบ แล้วเขาที่หน้าโคตรของโคตรหวานจะเหลืออะไรกลับบ้านบ้าง

พอจบคลาสไม่รอให้ครูคนนั้นเดินมาบอกลาเหมือนทุกวัน กรวิชญ์ก็รีบโกยข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋าแล้วแจ้วอ้าวไม่คิดชีวิต ไม่แม้แต่จะเปลี่ยนจากชุดวอร์ม กลับมาเป็นชุดทำงาน ท่ามกลางความงงงวยของไอ้ครูก้ามปูกลายพันธุ์นั่น แล้วจากวันนั้นเขาก็ยอมทิ้งเงินค่าคอร์สหยียบหมื่นไปอย่างไม่เสียดายเมื่อเทียบกับสวัสดิภาพอธิปไตยหลังบ้านของเขา

“ถ้างั้นแล้ววิชญ์จะทำยังไงล่ะ นู้นก็ไม่เอา นี้ก็ไม่เอา” เบญญาภาที่เริ่มหงุดหงิดกับความเรื่องมากของเพื่อนถาม กรวิชญ์นิ่งคิดก่อนจะถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างหมดปัญญา

“ไม่รู้สิ สงสัยคงต้องหน้าหวานไปจนตาย เฮ้อ!...” ชายหนุ่มถอนใจ เริ่มเลื้อยไปบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเกียจคร้าน พึมพำกับตัวเอง “...ไม่มีวิธีจัดการกับไอ้หน้าหวานๆนี่แล้วหรือไงนะ”

“มี...แค่ตายแล้วเกิดใหม่ไงไอ้วิชญ์” เสียงทุ้มกวนประสาทที่ดังขึ้น ทำให้สองเพื่อนสนิทหันขวับไปมอง ก่อนที่คนเป็นน้องชายจะหน้าหงิก ส่วนสาวน้อยเจ้าของบ้านเชิดหน้าไปอีกทางทันที

“ปากเหรอนั่นน่ะพี่วีร์”

“อ้าวก็แกบอกว่าอยากให้หน้าดูคมเข้ม หล่อบาดใจสาวๆอย่างฉัน ไม่ใช่หวานเป็นน้ำตาลเชื่อมอย่างนี้”

“ก็ถูก...แต่ช่วยแนะนำวิธีที่คนเขาทำหน่อย แล้วใครบอกว่าผมอย่างหน้าเหมือนพี่ ถ้าให้ผมหน้าเหมือนพี่ผมยอมผ่าตัดแปลงเพศแล้วประกวดทิฟฟานี่ไปเลยดีกว่า” เขาย้อนกลับอย่างเจ็บแสบชนิดที่พี่ชายต้องมองตาขวาง ส่วนบุญญฤทธิ์ที่เกาะไหล่พี่ชายเขาอยู่นั่นก็หัวเราะออกมาอย่างไม่มีเกรงใจกันเลยทีเดียว

กรวีร์กระแอมไอ สลัดเพื่อนข้างบ้านออกก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ว่างอีกตัวทางด้านขวามือของสาวน้อยหนึ่งเดียวในวงเสือ สิงห์ กระทิง และเอ่อ...ช่างมันเถอะ

“ฉันพูดเล่น แกอย่าได้คิดสั้นไปผ่าตัดแปลงเพศเด็ดขาด ไม่งั้นแม่ได้อกแตกตายแน่”

“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่วีร์ ถ้าผมอยากเปลี่ยนเพศจริง ผมคงทำไปนานแล้วไม่มารอให้พี่จุดประกายให้หรอก”

“แล้วทำไมแกถึงยังไม่มีแฟนวะ จะรอสาวคนนั้นที่แกบอกว่าเขาหนีไปแต่งงานแล้วนั่นเหรอ”

ชายหนุ่มพูดออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่ผลของมันทำให้สองในสี่ถึงกับอึ้ง กรวิชญ์หลุบตามองมือของตนอย่างปวดร้าว เรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยากจะทำใจ สำหรับเขาเวลามันไม่ช่วยอะไรเลย

กรวิชญ์ผุดลุกอย่างรวดเร็ว ขอตัวกลับบ้านทันที ไม่รอให้ใครได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

เบญญาภามองตามหลังเพื่อนไป สายตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ดูท่าบาดแผลที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้ให้กรวิชญ์จะฝังรากลึกเกินกว่าที่ใครจะขุดมันทิ้งไปได้นอกจากตัวของเขาเอง กรวีร์และบุญญฤทธิ์มองตามคนที่จู่ๆก็กลับไปอย่างงุนงง ประธานหนุ่มแห่งเครือสิทธิวัติเกาศีรษะแกรก บ่นพึม

“อะไรของมัน บทจะไปก็ไป พูดเล่นแค่นี้เอง”

นั่นทำให้เบญญาภาหันขวับมามองคนข้างตัว ดวงตาคู่สวยนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจเด่นชัดจนชายหนุ่มต้องลอบกลืนน้ำลาย หญิงสาวลุกขึ้นเต็มความสูง ปรายตามองคนปากเปราะ บอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“บางอย่างถ้าไม่พูดออกมาได้จะดีที่สุด เรื่องความเจ็บปวดของคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องสร้างความบันเทิงให้กับคุณนะคะ กรุณาจำไว้ด้วยคุณกรวีร์” ก่อนจะเดินจากไป
กรวีร์นั่งเหวอ หันกลับมาหาเพื่อนที่นั่งกระพริบตาปริบๆ ถามกลับ

“น้องเบญโกรธอะไรฉันวะไอ้บุญ”

บุญญฤทธิ์มองหน้าเพื่อนอย่างจนใจจะตอบ ส่ายหน้า เขาเชี่ยวเรื่องผู้หญิงก็จริง แต่ใช่ว่าจะเข้าใจจนถึงแก่น

“ไม่รู้ว่ะ บอกตรงๆ ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ที่สุดในโลกใบนี้แล้ว”


เบญญาภาเดินกระแทกเท้ากลับเข้าห้องของตัวเอง หญิงสาวทิ้งตัวนั่งบนเตียง ใบหน้างามงอง้ำโกรธกรวีร์เหลือจะกล่าว คนอะไรไม่รู้จักเอาใจใส่คนในครอบครัวเสียเลย

เรื่องที่กรวิชญ์อกหักยับเยินนั้นความจริงคนที่ควรจะเข้าใจและคอยปลอบไม่ใช่พวกเธอแต่เป็นหน้าที่ของพี่ชายอย่างเขา แต่กรวีร์ก็เอาแต่สนใจผู้หญิงมากกว่า แล้วอีแบบนี้นี่นะจะมาช่วยให้กรวิชญ์ได้ลงเอยกับอนัญญา เฮอะ!

สงสัยเธอคงจะร่วมมือด้วยผิดคน!

“น้องเบญ รีบอาบน้ำนะลูก จะได้ลงมาทานข้าวเช้ากัน พี่วีร์เขารอทานด้วยแน่ะ”

เบญญาภาเม้มปากแน่น หมั่นไส้ชายหนุ่มที่เข้าหามารดาเธอนัก แต่จะให้แผลฤทธิ์ต่อหน้าพ่อกับแม่ก็ใช่ที่ รอให้ปลอดคนก่อนเถอะ ฮึ่ม!

ร่างบางลุกขึ้นถอดเสื้อยืดที่ชุ่มเหงื่อออก คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันก่อนจะถอดกางเกงวอร์ม หญิงสาวม้วนผมยาวของตนก่อนจะเหน็บขึ้นสูงไว้ด้วยตัวหนีบอันใหญ่ เดินผ่านหน้าต่างไปยังห้องน้ำ สายตาเหลือบไปเห็นต้นมะม่วงต้นใหญ่ริมรั้ว หยุดมองอย่างครุ่นคิด ก่อนริมฝีปากอวบอิ่มจะยกยิ้มอย่างร้ายกาจ

“เจอจัดหนักแน่ คุณพี่วีร์ขา”


“ขอบคุณสำหรับอาหารเช้ามากครับคุณน้า เป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดที่ผมเคยกินมาเลย”

กรวีร์บอกกับเพื่อนรักมารดาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุภาพต่างจากตอนที่อยู่กับเธอสองต่อสองสร้างความหมั่นไส้ให้กับหญิงสาวยิ่งนัก เบญญาภาลอบเบ้ปาก คนอะไรโปรยเสน่ห์ไปทั่วไม่เว้นแม้แต่แม่ของเธอ

คุณบุษราตีแขนใหญ่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเหนื้อกำลังดีนั่นเบาๆอย่างหมั่นไส้แกมเอ็นดู บอกเจือหัวเราะ

“ปากหวานนะเรา พูดกับสาวๆบ่อยล่ะสิ เห็นมีข่าวขึ้นไปห้องคนโน้นทีคนนี้ที”

“โธ่คุณน้า มีที่ไหนกัน พวกนักข่าวก็เขียนกันไปเรื่อย” เขาปฏิเสธหน้าเจื่อน น้าบุษราเล่นยิงทีเดียวตัดขั้วหัวใจเลย สายตาเห็นรอยยิ้มสะใจของหญิงสาวด้านหลัง ชายหนุ่มกระตุกยิ้มนึกอะไรดีๆได้

“คุณน้าครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าประตูทางเชื่อมที่ทำเอาไว้มันยังใช้ได้อยู่รึเปล่า”

“ได้สิ คราวก่อนน้ายังให้น้องเบญเอาขนมไปให้ น้องยังไปทางนั้นอยู่เลย” กรวีร์ร้องอ้อในใจได้คำตอบแล้วว่าแม่สาวปริศนาที่เขาเห็นเดินมาทางประตูเชื่อมวันนั้นคือเบญญาภานี่เอง

“งั้นเดี๋ยวผมกลับทางนั้นแล้วกัน แต่ว่า...” เขาแสร้งทำท่าหนักใจ มองเบญญาภาทีคุณบุษราทีแต่ไม่พูดอะไรออกมา คุณบุษราเห็นท่าทางนั้นก็อดไม่ได้ถามขึ้น ส่วนเบญญาภาหรี่ตามองสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล

“แต่อะไรเหรอตาวีร์”

“ผมจำทางไปไม่ได้น่ะสิครับ ไม่ได้เดินไปทางนั้นนานแล้ว”

“โธ่ไอ้เราก็นึกว่าอะไร บ้านน้าไม่ได้ใหญ่ขนาดเดินแล้วหลงหรอกนะ” คุณบุษราหัวเราะมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรู้ทัน แต่เอาเถอะในเมื่อกล้าเดี๋ยวน้าจัดให้! เหล่มองลูกสาวตนเองบอกเสียงหวาน

“น้องเบญเดินไปส่งพี่วีร์เขาหน่อย”

“อะไรนะคะแม่!” เบญาภาอุทานมองมารดาอย่างไม่อยากจะเชื่อ กรวีร์ลอบยิ้มสมใจที่ทุกอย่างเข้าทางเขา

“แม่บอกให้ไปส่งพี่เขา เราไปบ่อยๆจำทางได้ไม่ใช่เหรอ แม่ไม่ค่อยได้ไปแถวนั้นบางทีอาจจะหลง” คุณบุษราบอกหน้าตาเฉย ส่วนลูกสาวนั้นแสนจะขัดใจ น้อยใจสารพัด หญิงสาวกำลังจะอ้าปากปฏิเสธแต่ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาเสียก่อน รีบเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มกว้างให้กรวีร์ทันที

“ก็ได้ค่ะ เบญจะเดินไปส่งคุณพี่กรวีร์เอง”

ชายหนุ่มชะงักมองท่าทางว่าง่ายของสาวเจ้าอย่างประหลาดใจว่าทำไมถึงยอมง่ายๆ อีกทั้งยังยอมเรียกเขาว่าพี่ แม้มันจะฟังดูประชดประชันก็เถอะ เช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ที่มองรอยยิ้มของลูกสาวอย่างไม่สบายใจ

‘ยิ้มแบบนี้ต้องมีแผนอะไรแน่เลย’

“เชิญตามาเลยค่ะ” จบคำร่างบางก็เดินตัวปลิวไปทางรั้วข้างบ้านไม่สนใจว่าเขาจะตามทันหรือไม่ กรวีร์รีบไหว้ลาแล้วตามไปอย่างรวดเร็ว แต่พอพ้นมุมบ้านเขาก็ต้องพบกับความว่างเปล่าไร้เงาของเจ้าบ้านที่บอกว่าจะนำทางให้ มือหนาเกาศีรษะตัวเองอย่างงุนงง

“หายไปไหนแล้วเนี่ยไวจริงๆ แต่ไม่เป็นไรจับได้เมื่อไหร่จะมัดไว้แต่บนเตียงเลยคอยดู”
กรวีร์พูดอย่างมุ่งมั่น เดินตรงไปยังประตูเหล็กสีฟ้าที่เห็นอยู่ตรงหน้าใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่ คงใช่ประตูเชื่อมที่ว่านั่นแหละ

ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูเมื่อรู้สึกเจ็บจี๊ดตามคอและลำตัวยุ่บยั่บไปหมด เขาเกาที่ต้นคออย่างแรง ปลายนิ้วโดนตัวอะไรบางอย่างกำลังไต่ไปมา หยิบออกมาดูก็เห็นเป็นมดแดง

“มดแดง? มาจากไหนวะ”

กรวีร์เงยหน้าขึ้นมองบนต้นมะม่วง เพราะเป็นต้นไม้ต้นเดียวที่อยู่ตรงนั้น แล้วดวงตาคู่คมก็เบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่เขาตามหากำลังนั่งคร่อมกิ่งมะม่วงกิ่งใหญ่ในมือถือไม้อันยาวที่ปลายไม้มีรังมดแดงไว้มั่น

ไม่มีอะไรทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกที่สันหลังได้เท่ากับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหล่อน สมองอันชาญฉลาดประมวลผลได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร แต่ดูท่าปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาจะช้ากว่าเบญญาภา

เพราะทันทีที่เขาก้าวขาหญิงสาวก็โยนรังมดแดงลงมาที่ทั้งรัง ทำให้เขาได้แต่ร้องโหยหวนขอความช่วยเหลือ พร้อมกับเต้นไปมาเพื่อหนีมดแดงอย่างน่าสมเพช

หมดมาดท่านประธานใหญ่ผู้เกรียงไกรทันที

“อ๊าก!! ช่วยด้วย!!”
---------------------------------------------------------------------------------------
จัดหนักกันจริงๆ คราวที่แล้วแกล้งสาวไว้เยอะ คราวนี้ให้น้องเบญศอกกลับบ้าง บอก

แล้วนางเอกเรื่องนี้ไม่ธรรมดา

ลงตอนใหม่รับปีใหม่ เชิญเข้ามาสมน้ำหน้าพี่วีร์กันได้เลยค่ะ

สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังเน้อ เจอกันตอนหน้าค่ะ ติชมได้



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2556, 18:32:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ม.ค. 2556, 18:32:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 1637





<< ตอนที่ 16   ตอนที่ 18 >>
Pat 8 ม.ค. 2556, 19:29:13 น.
น้องเบญจัดหนัก


goldensun 8 ม.ค. 2556, 22:17:38 น.
มาร่วมสะใจกับน้องเบญ แต่ผลที่ตามมาจะเข้าตัวเบญรึเปล่า


anOO 10 ม.ค. 2556, 11:57:31 น.
สะใจจริงๆ แต่งานนี้อาจมีคะแนนลูกอ้นเพิ่มก็ได้นะ


ลูกกวาดสีส้ม 18 ม.ค. 2556, 15:06:42 น.
ฮะๆ
สะใจโก๋


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account