หทัยแห่งสุริยัน
...ดวงใจ เจ้ารู้บ้างไหม ว่ามีหนึ่งใครหวงห่วงหา...
...แม้นตราบสิ้นดินฟ้า รักของข้าจักคงอยู่เคียงข้างกาย...

เพราะความเจ้าชู้ ทำตัวเป็นเพลย์บอยของเทพอพอลโล่ สร้างความเดือดร้อนให้นางฟ้านางสวรรค์หลายองค์ เขาจึงถูกศรของเทพคิวปิดยิงใส่จนเป็นเหตุให้ต้องตกหลุมรักสาวน้อยชาวมนุษย์นางมนุษย์
ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเป็นเพราะฤทธิ์ศรรักปักอก แต่ทำไม๊ ทำไม เขาจึงละสายตาจากเธอไม่ได้
ทำไมหัวใจถึงไม่ยอมฟังคำสั่งเขา... เทพเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพอย่างเขาหรือ จะมาหลงรักมนุษย์สาวแสนธรรมดาได้...

Tags: แฟนตาซี รักซึ้งกินใจ นิรันดร์แห่งรัก อพอลโล เฮเดส พริมา ยมโลก เทพเจ้า

ตอน: บทที่2


“ใครกันเหรอเพียง ผู้ชายที่เดินมาส่งเธอหล่อมากเลย” เสียงของจินต์วรา เพื่อนร่วมอาชีพเอ่ยถามด้วยท่าทีสนใจ
“คุณพอล เขาเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ เพียง” หญิงสาวบอกขณะนั่งลงยังโต๊ะทำงานของเธอ หยิบสมุดการบ้านของเด็กๆ ขึ้นมาวางเรียงไว้บนโต๊ะ
จินต์วราหันกลับมาหาเพียงเพชรด้วยความเสียดาย เมื่อร่างสูงกำยำสะดุดตาเดินกลับเข้าหมู่บ้านไปจนไม่อาจชะเง้อมองได้
“ตายแล้ว เพียงนี่โชคดีจังมีหนุ่มหล่อมาอาศัยอยู่บ้านข้างๆ แบบนี้ ว่าแต่เขาพูดไทยได้ไหมคะ หน้าตาดูไม่ใช่คนไทยเลย”

“ก็ฟังดูชัดเจนดีนะ อย่างกับคนอยู่เมืองไทยมานานหลายปีแล้ว” เพียงเพชรตั้งข้อสังเกต
“แบบนั้นยิ่งเลิศใหญ่เลย แล้วเพียงรู้รึเปล่าจ๊ะว่าเพื่อนบ้านของเพียงคนนี้มีลูกมีเมียแล้วรึยัง” จินต์วรายังคงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“น่าจะโสด” หญิงสาวบอกตามคำบอกเล่าของชายหนุ่ม หากภาพหญิงสาวงดงามในรั้วบ้านของเขาเมื่อเย็นวานก็ทำให้เธอไม่กล้าด่วนสรุปใดๆ “แต่เพียงว่าจินต์อย่าไปสนใจผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้เลย น่ากลัวออก” เพียงเพชรเตือนด้วยความหวังดี

“อะไรกัน ยังไม่ทันเริ่มจะรีบกลัวไปก่อนทำไม ไม่รู้ละ ฉันติดใจหนุ่มข้างบ้านของเธอเสียแล้วสิเพียง เย็นนี้ขอไปเที่ยวบ้านหน่อยนะ จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนบ้านเธอไว้” จินต์วราบอกด้วยนัยน์ตาเคลิ้มฝัน
เป็นผลให้หญิงสาวอีกคนต้องถอนหายใจกับความ ‘บ้า’ ของเพื่อนเธอที่มีต่อผู้ชายแปลกหน้าแสนหล่อเหลา
เอาเถอะ อพอลโลก็หล่อจริงๆ อย่างที่ผู้หญิงหลายคนเก็บไปเพ้อฝันได้เลย... เพียงเพชรไม่นึกตำหนิเพื่อนของเธอมากนัก ในเมื่อเธอเองก็ยังรู้สึกเคลิ้มฝันไปกับความหล่อเหลาของชายหนุ่ม จนเธอเองจำต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะทำสมาธิ ให้สายตาตัวเองจดจ่ออยู่กับการบ้านของเด็กตรงหน้า ไม่ใช่นึกฝันไปไกลถึงดวงหน้าเข้มผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีทอง

ทว่าสมาธิที่มีมาตลอดทั้งวันของเพียงเพชรกลับมลายหายไปทันทีเมื่อเวลาเย็นมาถึง ขณะเธอกำลังยืนส่งเด็กนักเรียนกลับบ้าน ร่างสูงกำยำที่มักปรากฏขึ้นมาในห้วงคำนึงตลอดทั้งวันนี้กลับมาปรากฏตัวเบื้องหน้าเธอ
“สวัสดีค่ะ คุณมาเดินเล่นถึงแถวนี้เลยเหรอคะ?” นัยน์ตาโตสีน้ำตาลเข้มเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“ผมมารับคุณ เลิกงานรึยัง”
คำตอบของอพอลโลไม่ใช่สิ่งที่เพียงเพชรคิด คิ้วโก่งงามจึงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“มารับทำไมคะ?” เธอถามออกไปอย่างใจคิด

“ก็เมื่อเช้าเห็นคุณถือถุงใบใหญ่ออกมา ก็เลยเกรงว่าเย็นนี้คุณอาจต้องถือมันกลับบ้านอีก”
นี่เป็นครั้งแรกที่อพอลโลพยายามนึกข้ออ้างสักอย่างเพื่อหาเหตุให้ได้ใกล้ชิดหญิงสาว เขาตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร เช่นเดียวกับที่ไม่อาจใช้สมองตอบหลายคำถามของการกระทำได้ นับตั้งแต่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ อพอลโลรู้สึกว่าตัวเองใช้หัวใจในการดำรงชีวิตมากกว่าสมอง ตั้งแต่เริ่มออกตามหาหญิงสาวปริศนาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อพบแล้วแทนที่จะดีขึ้น แต่เขากลับรู้สึกว่าหัวใจหลุดลอยหายไปเสียแล้ว เมื่อมันเอาแต่เฝ้าคิดถึงผู้หญิงตรงหน้า จนวันทั้งวันไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งดูเธอจากนิมิตในอ่างน้ำ จวบจนกระทั่งเย็นหัวใจของเขาก็สั่งให้สองขาก้าวตรงมายังโรงเรียนหน้าหมู่บ้านเพื่อพบเธอ

อีกหลายเดือนต่อจากนี้ เขาจะมีชีวิตรอดจากพิษรักไปได้รึเปล่าหนอ... เป็นอีกครั้งหนึ่งในรอบเกือบสามเดือนที่อพอลโลรู้สึกว่าตัวเองได้พ่ายแพ้แก่เทพคิวปิด
“ไม่ต้องลำบากคุณขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันถือของพวกนี้จนชินแล้ว” เพียงเพชรทั้งรู้สึกตื้นตันกับความมีน้ำใจของอีกฝ่าย และสมเพชตัวเองไปพร้อมๆ กัน
นี่ถ้าขาทั้งสองข้างของเธอยังเดินได้เหมือนคนปรกติทั่วไป เธอคงไม่ต้องคอยรอรับความช่วยเหลือจากใครๆ เช่นนี้...

“ชินแล้วก็ไม่เป็นไร ผมอยากช่วยนี่นา”
อพอลโลไม่สนใจคำห้ามปรามของหญิงสาวเลยด้วยซ้ำยามตามเธอเข้าไปในห้องพักครูเพื่อรอเธอเก็บของ
“อ้าว เพียงมาแล้วเหรอ วันนี้ฉันสงสัยคงต้องขอตัวก่อน ไปบ้านเธอไม่ได้แล้วล่ะ...” จินต์วราตั้งท่าจะอธิบายต่อเรื่องเธอมีนัดกระทันหัน หากริมฝีปากบางกลับปิดลงฉับพลันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นว่าใครเดินตามหลังเพียงเพชรเข้ามาในห้องพักครู
“คุณพอลคะ นี่จินต์เพื่อนของฉันเอง ส่วนนี่คุณพอล เพิ่งย้ายมาอยู่ข้างๆ บ้านเพียง” เพียงเพชรแนะนำสองหนุ่มสาวให้รู้จักกัน
อพอลโลเพียงแค่ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อทักทายอีกฝ่าย ในขณะที่หญิงสาวอีกคนหนึ่งในห้องกลับตะลึงค้างไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นผู้ชายที่เธอแอบชะเง้อแลหาเมื่อเช้าวันนี้กลับปรากฏกายอยู่ตรงหน้า แถมเขายังหล่อเหลากว่าภาพระยะไกลที่เธอมองกว่าเป็นร้อยเท่า

“สะ...สวัสดีค่ะ” จินต์วราพยายามบังคับเสียงตัวเองให้หายจากอาการตื่นเต้น
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อพอลโลตอบกลับไปอย่างสุภาพ หลังจากนั้นก็แทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับเพื่อนของเพียงเพชรเลย เมื่อทุกความสนใจของเขามีไว้แค่เพียงร่างแบบบางข้างกายเท่านั้น “เย็นนี้คุณมีของต้องเอากลับบ้านรึเปล่า” เขาหันมาถามเธอ
“แต่ฉันถือกลับไปเองได้จริงๆ นะคะ ไม่เห็นต้องลำบากคุณเลย” เธอบอกด้วยความเกรงใจ
“ผมมาถึงนี่แล้ว คงไม่เดินกลับไปมือเปล่า ปล่อยให้คุณถือของกลับไปเองแน่” น้ำเสียงดื้อดึงของผู้ชายตรงหน้า ทำให้เพียงเพชรไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธน้ำใจของเขา

หญิงสาวเก็บข้าวของตัวเองลงกระเป๋าถือและบรรดาสมุดการบ้านของเด็กนักเรียนหลายเล่มที่เธอยังตรวจไม่เสร็จ ส่งถุงผ้าใบเดิมเมื่อเช้านี้ให้คนที่ยืนรอเธออยู่
“กระเป๋าคุณด้วย”
“คะ?” เพียงเพชรมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้างุนงง
เธอเอ่ยปากห้ามไม่ทันด้วยซ้ำยามเมื่อมือเรียวแกร่งคว้ากระเป๋าถือบนโต๊ะไปถือไว้เสียเอง
อ๊าย ตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยให้ผู้ชายคนไหนถือกระเป๋าสะพายของตัวเองมาก่อน...
“พอลคะ ฉันขอกระเป๋าคืนได้ไหม” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย
หากอีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าสนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย ร่างสูงกำยำเดินนำเธอออกมายืนรออยู่นอกประตูโรงเรียน โดยไม่ฟังคำคัดค้านใดๆ จากหญิงสาว เธอเลยได้แต่ถอนหายใจ เอื้อมมือไปหยิบไม้ค้ำเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

“เพียงกลับบ้านก่อนนะจินต์” เพียงเพชรบอกด้วยน้ำเสียงติดจะระอาเล็กๆ กับท่าทีของอพอลโล
“อ้าว เดี๋ยวสิ โธ่เอ๊ย ฉันก็อยากไปบ้านเธอเหมือนกันนะ” จินต์พูดด้วยน้ำเสียงหัวเสียเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้หันหลังกลับมาตามคำเรียกร้องของเธอ หญิงสาวก็ได้แต่ทำท่าทีปึงปัง แม้ในใจยังอดนึกเสียดายหนุ่มหล่อไม่ได้

“แวะบ้านผมก่อนไหม” อพอลโลถือวิสาสะเอื้อมมารั้งข้อมือบางไว้ ขณะร่างแบบบางทำท่าจะเดินเลยบ้านของชายหนุ่มไป
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันจะรีบกลับบ้านไปตรวจการบ้านเด็กๆ ต่อ” เพียงเพชรเอ่ยขอตัวด้วยท่าทีสุภาพ
แต่ดูเหมือนมือแกร่งจะยังคงไม่ละไปจากการเกาะกุม
“มานั่งตรวจที่บ้านผมก็ได้นี่นา เพียงอยู่บ้านคนเดียวไม่ใช่เหรอ รีบกลับไปทำไม” นัยน์ตาสีทองจ้องมองมาพร้อมกับน้ำเสียงออดอ้อน พาให้คนไม่เคยโดนใครขอร้องเริ่มใจอ่อน เอนเอียงนึกอยากจะเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในบ้านเขา

อพอลโลไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันตัดสินใจ จับจูงร่างแบบบางให้ค่อยๆ เดินเข้ามาในบ้านของเขา เพียงเพชรไม่รู้ว่าบ้านหลังเก่าที่เพื่อนบ้านของเธอเคยอยู่มีสภาพเป็นอย่างไร แต่เมื่อเธอเหยียบย่างเข้ามาในบ้าน เธอรับรู้ได้ในทันทีถึงฐานะไม่ธรรมดาของชายหนุ่ม เพราะแม้ว่าบ้านหลังนี้จะมีขนาดไม่แตกต่างไปจากบ้านของเธอเท่าไรนัก แต่ด้วยการประดับตกแต่งค่อนข้างหรูหรา ส่งให้บริเวณด้านในของบ้านโอ่อ่า และหรูหรากว่าบ้านของเธอหลายเท่าตัวนัก โคมไฟระย้ากลางห้องรับแขกส่องแสงสว่างลงมายังเครื่องเรือนสีขาว แลดูวิจิตรงดงามเกินกว่าที่เธอเคยเห็นจากบ้านหลังใด หากชายหนุ่มกลับพาเธอเดินเลยจากห้องรับแขกมายังอีกห้องหนึ่งด้านข้างตัวบ้าน ตัวห้องถูกกั้นไว้คล้ายห้องนั่งเล่น มีโต๊ะทำงานไม่ใหญ่นักวางอยู่ริมบานกระจก มองเลยออกไปเห็นสวนเล็กๆ และบ่อน้ำพุข้างตัวบ้าน

“คุณนั่งทำงานที่นี่ก็ได้” ชายหนุ่มหันมาบอกกับเธอ แถมยังถือวิสาสะวางกระเป๋า และข้าวของต่างๆ ของหญิงสาวลงบนโต๊ะทำงานข้างบานกระจก
“เอ่อ... ฉันว่าฉันคงไม่รบกวนคุณถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” เพียงเพชรบอกด้วยท่าทีเกรงใจ ไม่คิดว่าจู่ๆ ตัวเองจะต้องมานั่งทำงานในบ้านของคนแปลกหน้า
อากัปกิริยาไม่ค่อยไว้ใจของหญิงสาวตัวเล็กที่มองเขาด้วยแววตาหวาดหวั่น จุดความรู้สึกประหลาดขึ้นในหัวใจของเทพบุตรผู้ไม่เคยสนใจความรู้สึกของหญิงสาวคนไหนอย่างอพอลโล ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่เขากำลังรู้สึกทั้งหมดในเวลานี้เป็นเพราะผลพวงมาจากพิษของศรรัก ทว่าแม้จะรู้เช่นนั้นเขากลับไม่อาจปฏิเสธหัวใจตนเองได้ว่า เขาปรารถนาจะเห็นใบหน้าของเพียงเพชร ปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มสว่างไสว มากกว่าท่าทีไม่ไว้วางใจอย่างที่เธอกำลังมองเขาอยู่ในขณะนี้

อพอลโลถอนหายใจเมื่อคิดได้ว่าการเริ่มต้นของเขาอาจจะยังเร็วเกินไปนัก
“งั้นอยู่ทานขนมกับผมก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมเดินไปส่งคุณที่บ้าน” เขาบอกเธอเสียงอ่อน
ในครั้งแรกเพียงเพชรเองก็ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อหันมาเห็นแววตาเว้าวอนของคนตรงหน้าแล้ว เธอรู้สึกราวกับหัวใจของตนเองถูกอีกฝ่ายช่วงชิงไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ดวงหน้าแฉล้มพยักหน้าตอบรับเขาไป เป็นผลให้รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนดวงหน้าคม
อพอลโลพาเธอเดินกลับมายังห้องรับแขก เครื่องเรือนสีขาววิจิตรงดงามภายใต้แสงไฟสีเหลืองนวลของโคมไฟระย้า ทำเอาเพียงเพชรแทบจะทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งตัวลีบอยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์หรูหรา
“ทานขนมก่อน” ชายหนุ่มบอกขณะที่หญิงสาวผู้หนึ่งนำขนมและน้ำมาเสิร์ฟ
เพียงเพชรตะลึงค้างไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวทรุดกายลงนั่งบนพื้นพรม กิริยาของเธอบ่งบอกชัดว่าให้ความเคารพต่อชายหนุ่มมากเพียงใด อีกทั้งใบหน้างามยามเงยขึ้นมาสบตาเธอ ทำให้เพียงเพชรอึ้งไปเล็กน้อยกับความงามราวกับภาพวาด

อีกแล้ว ทำไมบ้านนี้ถึงมีแต่ผู้หญิงสวยๆ ทั้งนั้น พวกเธอเป็นใครกันแน่...
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ใครเหรอคะ ไม่ใช่คุณออโรราที่ฉันเจอคราวก่อนนี่นา” เพียงเพชรถามด้วยความสงสัย
“ออโรราไม่อยู่หรอก” อพอลโลบอก
ตลอดทั้งวันนี้เทวีแสงเงินแสงทองยังไม่ได้ลงมาจากสวรรค์โอลิมปัสเลย นางจึงส่งเหล่ามิวส์ลงมาคอยรับใช้เขาแทน
“แล้วพวกเธอ...” เพียงเพชรพยายามสรรหาคำพูดที่แลดูเหมาะสม แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เพราะตอนนี้คำจำกัดความเดียวที่หญิงสาวคิดออกคือคำว่า ‘คนรับใช้’
แต่แหม เห็นการแต่งกายและหน้าตาของหญิงสาวแต่ละคนแล้ว เธอรู้สึกว่าคำคำนี้ช่างดูห่างไกลเหลือเกิน...
“พวกเธอเป็นบริวารของผม” ชายหนุ่มตอบราวกับไม่ได้เห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรนัก
เทพสุริยันอย่างเขาย่อมต้องมีบริวารไว้คอยรับใช้อยู่แล้ว หากคำตอบของชายหนุ่มกลับสร้างความตกตะลึงให้กับคนฟังไม่น้อย

“บริวาร? คนรับใช้เหรอคะ?” เพียงเพชรถามด้วยน้ำเสียงอึ้งไปเล็กน้อย พลางยิ่งนึกสงสัยถึงฐานะของผู้ชายตรงหน้า
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ แต่บริวารของผมไม่ได้เหมือนอย่างที่คุณเข้าใจเสียทีเดียวหรอก” คำพูดกำกวมของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวยิ่งสงสัยหนักขึ้น “ทานขนมกันดีกว่า” มือเรียวแกร่งยื่นขนมในจานมาให้เธอเพื่อตัดบทสนทนา
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ปรารถนาจะสนทนาเรื่องนี้ต่อ เพียงเพชรเลยไม่กล้าเซ้าซี้ เอื้อมมือไปรับขนมในมือจากอีกฝ่ายมาถือไว้ ขนมที่นำมาเสิร์ฟนั้นมีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ สีขาว และทันทีที่เธออมมันไว้ในปาก ความหอมหวานประหลาดก็ไหลวนอยู่ในโพรงปาก จนเธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิบอีกชิ้นขึ้นรับประทาน
“อร่อยจังเลยค่ะ ไม่เคยกินขนมที่ไหนอร่อยแบบนี้มาก่อน” เธอบอกพร้อมกับรอยยิ้มหวาน จนลักยิ้มบุ๋มหายลงไปยังสองข้างแก้ม
ใบหน้านวลผ่องเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสะกดนัยน์ตาสีทองให้จ้องมองด้วยความนิ่งงัน
สวรรค์ทรงโปรดเถอะ สมองเขาตอนนี้บอกได้เต็มร้อยเลยว่า เขาหลงรักมนุษย์สาวหน้าจืดคนนี้เข้าอย่างจัง...

เพียงเพชรขอตัวกลับบ้านไปเมื่อตอนพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า ความจริงอพอลโลนึกอยากจะรั้งตัวหญิงสาวให้อยู่กับเขาตราบนานเท่านาน แต่ทั้งสมองและหัวใจรู้ดีว่า ตัวเองไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เพียงเพชรไม่ใช่หญิงสาวประเภทที่เขาเคยรับมือมาตลอด แม้จะรู้จักกันเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ได้เรียนรู้ว่ามนุษย์สาวผู้นี้บริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามไม่ด้อยไปกว่าเหล่าเทวีและเทพธิดาบนสรวงสวรรค์เลย แม้เธอไม่ได้มีความงามเป็นหนึ่งเหมือนอย่างพวกนาง แต่ความบริสุทธิ์ของจิตใจที่สัมผัสได้ กลับทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้างดงามเกินกว่าความงามแห่งเรือนกาย
“ราตรีสวัสดิ์ครับ แล้วพรุ่งนี้พบกันใหม่” เสียงทุ้มหวานบอกกับเธอขณะช่วยปิดประตูรั้วบ้าน
“พอลคะ ฉันว่าพรุ่งนี้ไม่ต้อง...” เพียงเพชรตั้งท่าจะเอ่ยปากค้าน
ทว่านิ้วเรียวยาวของอีกฝ่ายกลับถือวิสาสะเอื้อมมาแตะริมฝีปากของเธอเสียก่อน หญิงสาวชะงักค้างไปกับการกระทำของอีกฝ่าย
“แล้วผมจะมารอ” อพอลโลตัดบท

นิ้วเรียวที่เคยแตะริมฝีปากบางอยู่ ถูกดึงกลับมาหาตัว เพียงเพชรตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มกลับใช้มือข้างนั้นยกขึ้นประทับริมฝีปากของตนเอง นัยน์ตาคมยังคงจ้องมองมาเล่นเอาใบหน้านวลร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที เท้าแบบบางทั้งสองข้างพยายามพาเจ้าของเดินกลับเข้าบ้านแทบไม่ทัน
อพอลโลยังคงยืนจ้องมองร่างบางค่อยๆ เดินหายลับเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกยากบรรยาย ภาพแผ่นหลังของมนุษย์สาวจุดความรู้สึกโหยหาบางอย่างขึ้นในหัวใจของเขา เพียงแค่การเดินจากไปของเพียงเพชร หัวใจของเขาวาบลึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนเขาต้องข่มใจเฝ้าย้ำกับหัวใจตัวเองซ้ำๆ ว่าเพียงแค่วันพรุ่งนี้เขาก็ได้กลับมาเจอเธอใหม่อีกครั้งแล้ว นั่นแหละ เขาถึงสามารถพาตัวเองเดินกลับเข้าบ้านมาได้

“ฝ่าบาท” เสียงหวานของออโรราดังขึ้นทันทีเมื่อร่างสูงเดินเข้าบ้านมา “พบนางแล้วใช่ไหมเพคะ?”
“ที่เจ้าอยากบอกข้าคือเรื่องนี้งั้นรึ?” อพอลโลนึกได้ถึงท่าทีของเทวีองค์งามเมื่อคืนก่อน
“เพคะ หม่อมฉันพบนางเมื่อเย็นวานนี้ เลยกะว่าจะมาทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบก่อน นางเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”
คำถามของเทวีผู้ครองแสงเงินแสงทองจุดแววประหลาดขึ้นในดวงตาสีทอง ร่างสูงกำยำทรุดกายนั่งลงบนโซฟาสีขาวสะอาดตา โดยมีร่างระหงนั่งลงแทบเท้า
“เป็นอย่างไร? ไม่รู้สิ ข้าเองก็ตอบไม่ได้ นางก็ดูเหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง ไม่ได้สวยเลิศเลอ” อพอลโลนึกไปถึงดวงหน้าแฉล้มที่เขาจดจำได้ติดตา

เพียงเพชรเป็นหญิงสาวร่างเล็กบอบบาง ตัวเธอดูเล็กกระจ่อยร่อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับความสูงกำยำของเขา ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โดดเด่น สะดุดตาไปกว่าหญิงสาวคนไหนๆ หากก็ยังคงกระจ่างใสชวนมอง ยิ่งประกอบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลโตคู่สวย อพอลโลก็แทบไม่อาจละสายตาออกห่างจากดวงหน้าแฉล้มได้เลย
“ไม่ได้สวย แต่ฝ่าบาทก็ทรงหลงเสน่ห์นาง” ออโรราต่อให้เมื่อสังเกตเห็นนัยน์ตาเหม่อลอยขององค์เหนือหัว
“นั่นเป็นเพราะศรของคิวปิดต่างหาก” อพอลโลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย

ใช่ เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองกำลังหลงเสน่ห์ในความบริสุทธิ์ น่ารักของมนุษย์สาว ผู้หญิงที่เขาได้พบวันนี้ แม้จะไม่ได้มีความงามเป็นเลิศ แต่เธอก็ดูน่ารัก น่าทะนุถนอม หากความรู้สึกทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจของเขายามนี้ อพอลโลกลับไม่คิดยอมรับมัน เพราะเขาเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจล้วนเป็นเพราะคันศรของเทพคิวปิด
“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำเช่นไรต่อไปเพคะ”
คำถามของออโรราชะงักอารมณ์ขุ่นมัวในใจของเขาลง
“ไม่รู้สิ แต่ในเมื่อข้ายังต้องอยู่โลกมนุษย์ต่อไปอีกนานหลายเดือน ลองมีรักกับมนุษย์สาวสักนางดูก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก ไว้ข้ากลับสวรรค์ได้เมื่อไหร่ ค่อยหาวิธีให้อะโฟรไดทิกับคิวปิดถอนพิษของศรรักออกไปเสียที” ดำริอย่างเอาองค์เองเป็นที่ตั้ง

เทวีออโรราหน้าหมองลงเล็กน้อยกับพระดำริขององค์เหนือหัว
“แล้วนางมนุษย์ผู้นั้นเล่าเพคะ ถ้าเกิดนางหลงรักพระองค์ขึ้นมาจริงๆ นางมิแย่เหรอเพคะ” ออโรรานึกเป็นห่วงหญิงสาวชาวมนุษย์อยู่ครามครัน
“เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร ในเมื่อข้ายังต้องมีชีวิตติดอยู่ในโลกมนุษย์นี้อีกนานหลายเดือน และข้าเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปรารถนาในตัวนาง”
“ทำไมฝ่าบาทไม่ทรงลองรักนางอย่างไม่มีเงื่อนไขดูล่ะเพคะ” ออโรราทูลแนะนำ

อพอลโลนิ่งไปเพียงแวบเดียวก่อนส่ายหน้ากับความคิดของเทวีองค์งาม
“เป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่เคยเชื่อในเรื่องราวของความรัก สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าก็เป็นเพราะอำนาจของคันศรที่คิวปิดลอบทำร้ายข้า”
ออโรราตั้งท่าจะทูลเถียงต่อ แต่ดูเหมือนองค์เหนือหัวของนางจะไม่ยอมฟังคำคัดค้านใดๆ อีก ร่างสูงทำแค่เพียงยกมือห้ามปราม ก่อนลุกเดินจากไป ทิ้งให้เทวีสาวได้แต่นั่งมองตามด้วยความหนักใจ
“ข้าก็คงได้แต่หวังว่าทั้งหมดคงเป็นแค่เพียงพิษรักจากคันศรที่ฝ่าบาททรงโดนกลั่นแกล้งเพียงเท่านั้นจริงๆ” เทวีผู้ครองแสงเงินแสงทองบ่นพึมพำด้วยความไม่สบายใจ

ในทุกยามเช้าของวันใหม่มาเยือน เพียงเพชรไม่แปลกใจอีกแล้ว เมื่อเปิดประตูบ้านออกมาพบร่างสูงกำยำของชายหนุ่มยืนรอเธออยู่หน้าบ้าน หญิงสาวส่งยิ้มสดใสไปให้กับคนยืนรอเธออยู่ สิ่งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นชีวิตประจำวันของเธอไปเสียแล้ว ตลอดระยะเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมา เพื่อนบ้านสุดหล่อยอมปวารณาตัวเองมาเป็นคนคอยร่วมทางเดินไปโรงเรียนกับเธอในทุกเช้าและเย็น โดยไม่ฟังคำห้ามปรามหรือคัดค้านใดๆ
“คอยนานรึยังคะ น่าจะกดกริ่งเรียกเพียง” เพียงเพชรบอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย
คอยพึ่งพาเขาและยังมาทำให้เขาต้องเป็นฝ่ายรออีก เธอนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ...

“ไม่เป็นไร ผมชอบออกมาสูดอากาศยามเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้แหละ อย่าห่วงเลย” อพอลโลบอก
การออกมาดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้ากลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาในโลกมนุษย์ไปเสียแล้ว โดยเฉพาะเมื่อเขาได้มาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ แสงอาทิตย์เป็นเสมือนจุดเริ่มต้นของความมีชีวิตชีวาในหมู่บ้าน แสงสว่างและความอบอุ่นของแดดยามเช้าช่วยปลุกหมู่บ้านที่หลับใหลในยามราตรีให้คึกคักขึ้นเมื่อเช้าวันใหม่มาเยือน
“คุณพอลตื่นเช้าจังเลยนะคะ”
“เป็นเรื่องปรกติครับ ผมต้องตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นอยู่แล้ว” อพอลโลบอกพร้อมรอยยิ้ม มือของเขาเอื้อมไปคว้ากระเป๋าสะพายของหญิงสาวมาถือไว้เสียเอง เมื่อวันนี้เขาไม่เห็นว่าเพียงเพชรมีถุงผ้าใบใหญ่ใส่สมุดการบ้านนักเรียนติดตัวออกมาด้วยเลยอดเอ่ยปากถามไม่ได้ “วันนี้มีของแค่นี้เองเหรอ”
“อ้าว ตายจริง เพียงลืมสมุดการบ้านเด็กๆ ค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างคนเพิ่งนึกขึ้นได้ รีบหันหลังกลับ เดินเข้าไปหยิบถุงผ้าที่เผลอลืมวางไว้

เพราะความรีบเร่ง เพียงเพชรจึงไม่ทันได้ระวัง ขาข้างซ้ายที่ไม่อาจทำงานได้เป็นปรกติไม่อาจช่วยพยุงตัวเธออยู่ได้ เป็นเหตุให้ร่างของเธอคะมำไปทางเบื้องหน้า ความจริงหญิงสาวคงต้องเสียหลัก ล้มคว่ำลงไปกระแทกพื้นประตูด้านหน้า ถ้าไม่เพราะแขนแข็งแกร่งข้างหนึ่งคว้าเอวบางไว้ได้ทัน ไออุ่นที่แผ่กระจายออกมาตามแผ่นหลังเธอสร้างความรู้สึกประหลาดให้เกิดขึ้นในหัวใจดวงน้อย สำหรับเพียงเพชรแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสชิดใกล้บุรุษหนุ่มมากขนาดนี้
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ” เสียงหวานพึมพำบอกอีกฝ่าย รู้สึกว่าหน้าของตัวเองร้อนซู่ขึ้นมาอย่างระงับไม่อยู่
ร่างบางพยายามขยับตัวยุกยิกเพื่อให้หลุดจากพันธนาการที่เคยช่วยเธอไว้
“เดินระวังหน่อย ไม่เห็นต้องรีบเลย” อพอลโลบอกด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจนัก

ชายหนุ่มตอบตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจของเขา ความรู้สึกใจหายวาบลึกเข้ามาในหัวใจทันทีเมื่อเห็นร่างแบบบางเซถลาไปทางเบื้องหน้า แต่เพราะความว่องไวทำให้เขาเอื้อมมือไปคว้าเธอได้ทัน แต่สิ่งที่ตามมานี่สิยิ่งแปลกประหลาดนัก สัมผัสนุ่มนิ่มของร่างเล็กกระจ่อยร่อยในอ้อมกอด สร้างความรู้สึกมากมายถาโถมเข้าใส่หัวใจเขา เอวคอดกิ่วที่แขนกำยำโอบกระชับอยู่ยิ่งตอกย้ำความบอบบางของคนในอ้อมกอด หนำซ้ำกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมนุ่มสลวยของผู้หญิงตรงหน้ายังสร้างความปั่นป่วนมากมายขึ้นในช่องท้องของเขาอย่างไม่เคยประสบมาก่อน
“ปล่อยเพียงเถอะค่ะ ไม่เป็นไรแล้ว” เพียงเพชรเอ่ยประท้วงเสียงแผ่ว พยายามดันตัวเองให้ออกจากอ้อมกอดของคนข้างหลัง
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าสนใจอาการขัดขืนเล็กๆ ของคนในอ้อมกอดเลย เมื่อมือของอพอลโลยังคงไม่ละไปจากเอวบาง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย เมื่อในสมองของเขามีแต่ความงุนงง สับสน กับความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในหัวใจ

อบอุ่น อ่อนหวาน โหยหา ปรารถนา... และสิ่งสุดท้ายที่คิดจะทำคือการปล่อยมือออกจากเอวบาง
“โอ๊ย!” อพอลโลสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ มือของเขาก็ถูกคนตัวเล็กหยิกเข้าให้เต็มแรง “ทำอะไรของคุณนะ” เขาถามด้วยความไม่ชอบใจนักขณะคลายมือออกจากร่างบาง
อารมณ์อ่อนหวานชวนปรารถนายังคงไม่จางหายไป จนเขานึกอยากดึงเธอเข้ามากอดแล้วฝังจมูกลงบนแก้มนวลทั้งสองข้าง
“ก็คุณไม่ยอมปล่อยมือเองนี่นา” เพียงเพชรบอกเสียงอ่อย รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ
ร่างแบบบางพยายามก้าวถอยห่าง ระมัดระวังตัวอย่างยิ่งไม่ให้เผลอหกล้มลงไปอีกจนเป็นเหตุให้คนข้างหลังหาทางฉวยโอกาสกับเธอได้ นัยน์ตาสีทองจ้องมองร่างของหญิงสาวก้าวเดินเข้าไปในบ้าน แล้วยิ่งรู้สึกโหยหาเธออย่างน่าประหลาด
หรือเขาร้างราผู้หญิงมานานเกินไปกันแน่ ถึงได้รู้สึกโหยหานางปานนี้... อพอลโลได้แต่เฝ้าถามตัวเองในใจ ขณะยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าบ้าน

“เย็นนี้คุณกลับบ้านเองได้รึเปล่า” อพอลโลถามเมื่อเดินมาส่งหญิงสาวถึงหน้าประตูโรงเรียน
“ได้สิคะ ปรกติเพียงก็ไปไหนมาไหนเองคนเดียวอยู่แล้ว” เธอบอกเสียงใส เอื้อมมือไปรับถุงผ้าและกระเป๋าสะพายจากอีกฝ่าย
นัยน์ตาแป๋วเงยขึ้นมาสบตาเขา พาเอาคนที่ตั้งใจว่าเย็นนี้จะออกไปหาความสำราญรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ไหนแต่ไรมา เทพบุตรรูปงามไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ทางกายเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไรนัก มันก็เหมือนการรับประทานอาหาร เมื่อท้องหิวก็ต้องหาอะไรมารับประทาน ความปรารถนาก็เช่นกัน เมื่อโหยหาก็ต้องหาใครสักคนมาช่วยดับความปรารถนาที่ร้อนรุ่มอยู่ในใจ

แม้จะคิดและเชื่อมั่นเช่นนั้น อพอลโลกลับรู้สึกยอกแสยงในอกอย่างไรไม่รู้ ยามเห็นนัยน์ตาโตจ้องมองเขาอย่างใสซื่อบริสุทธิ์
บ้าน่า เขาจะมานั่งรู้สึกผิดกับเรื่องแค่นี้ทำไมกัน... เทพบุตรหนุ่มเฝ้าพร่ำโทษเทพคิวปิดอยู่ในใจกับความรู้สึกประหลาด ก่อกวนหัวใจของเขายามนี้
“งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้” อพอลโลบอกกับหญิงสาว ก่อนขอตัวจากมา



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2554, 12:07:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2555, 12:31:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1912





<< บทที่1   
Zephyr 24 พ.ค. 2554, 18:21:07 น.
อุเหม่ พิษจากศรแน่เหรอ คุณพอล หลงเสน่ห์เค้าแล้วยังไม่รุูตัวอีก เหอๆๆ


มะดัน 24 พ.ค. 2554, 18:21:31 น.
มาทุกวันเรย ขยันมากมาย


Pat 24 พ.ค. 2554, 22:10:26 น.
ดูเหมือนพิษจากศรรัก แต่ก็ดูเหมือนรัก อพอลโลเอ๋ย สังเกตุใจตัวเองดีๆเน้อ


nainoinoy 26 พ.ค. 2554, 17:45:33 น.
แหม๋ พี่พอลก็ยังปากแข็ง โทษลูกศร เหมือนเดิม เดี๋ยวจะรู้สึก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account