ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียราคี-ตอนที่๑ ตรัณ อัคระนิเวศน์

ตอนที่๑ ตรัณ อัคระนิเวศน์


กลีบดอกพลิ้วไหว ขยับเบาๆ ตามแรงลมที่โชยมาระรวย ร่มไม้น้อยใหญ่ปกคลุมทั้งสวนให้แลดูร่มเย็นน่าอยู่อาศัย เสียงนกน้อยๆ แว่วมาแต่ไกล ทำให้ใครบางคนที่นั่งวาดรูปอยู่ที่ริมคลองอมยิ้มระรื่นด้วยความสุขเฉกเช่นทุกๆ วัน ทว่าจู่ๆ รอยยิ้มหวานใสนั้นต้องหุบลงเล็กน้อย และต้องละสายตาคมงามจากรูปวาดในมือ หันเหลียวกลับไปเงยหน้าขึ้นมองข้างหลังของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งวิ่งมาหา

“คุณน้องน้อง คุณบุหงาเรียกหาค่ะ” เสียงร้อนรนของใครคนนั้นดังชัดขึ้นกว่าเก่า เมื่อย่างฝีเท้ามาใกล้ร่างบางที่ริมคลองมากยิ่งขึ้นและก็ทำให้สาวเจ้าต้องวางรูปวาดลงกับพื้นที่นั่ง เพราะเกิดความสงสัย อยากจะรู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน

“แขกของคุณบุหงามาค่ะ คุณบุหงาเลยอยากให้คุณน้องน้องไปหา” หญิงวัยกลางคนเอ่ยบอกพร้อมหอบหืดด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขณะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ และหายใจแรงๆ เพื่อผ่อนแรงเต้นถี่ของหัวใจให้เบาลง

“อืม” นงนภัส หรือ น้องน้อง คุณหนูน้อยของบ้านพยักหน้าพร้อมกับยิ้มรับให้แม่บ้านของคุณบุหงา คุณยายของเธอ อย่างรับทราบก่อนที่สาวเจ้าจะรีบเก็บเครื่องของวาดภาพของตัวเองใส่กล่องขนาดกลางใบหนึ่งแล้วค่อยไปหาคุณบุหงา คุณยายของเธอตามที่ถูกเรียกหา...



ร่างบางเดินตามแม่บ้านของคุณยายของเธอมาได้สักพักก็มาถึงที่ห้องรับแขกบนเรือนไทยหลังใหญ่ของคุณยาย หญิงสาวยิ้มแป้นพร้อมกับยกมือไหว้แขกทั้งสองของคุณยายอย่างรู้มารยาท ทันทีที่เจอหน้า ก่อนที่จะรีบเดินไปนั่งข้างๆ คุณยายของเธอ หากแต่ยิ่งได้เห็นหน้าเธอ คุณยายของเธอก็ยิ่งนึกกังวล เพราะห่วงอนาคตของเธอจริงๆ ไม่รู้จะสร้างและวางอนาคตแบบไหนให้เธอดี ถึงจะไม่ทำร้ายเธอและไม่ทำให้เธอทุกข์ทรมานหลังจากที่ไม่มีคุณยายแล้ว

นางบุหงา มองหน้าหลานสาวอย่างกลัดกลุ้ม แต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรออกมาให้หลานได้รับรู้ ทางกลับกัน นางหันกลับไปพูดกับแม่บ้านของนางแทน

“แม่มะลิเอากล่องนั้นของน้องน้องไปเก็บไป และก็ตั้งโต๊ะรอตามที่ฉันบอกด้วยนะ” นางสั่งงานแม่บ้านไปแล้วก็หันกลับมาหาแขกของนาง “หนูพิมพ์ วันนี้หนูพิมพ์กับน้องตันอยู่ทานข้าวกับป้านะจ๊ะ”

นางเอ่ยชักชวนไป เพราะหวังให้หลานกับคู่หมั้นของหลานได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ทว่าชายหนุ่มคนตรงข้ามกลับไม่ยินดีด้วย เพราะเขาไม่อยากอยู่นาน ไม่อยากอยู่มองหน้าคู่หมั้นของตัวเอง จึงไม่รอให้มารดาของเขาขานคำคนชรา แต่เขากลับรีบลุก ทำท่าจะเข้าห้องน้ำ

“คุณย่าบุหงาครับ ห้องน้ำอยู่ไหนครับ ผมขอใช้ห้องน้ำได้ไหมครับ” กิริยาของเขาทำให้หญิงชราไม่ค่อยจะประทับใจมากนัก แต่นางก็เป็นผู้ใหญ่มากพอจึงไม่ได้คิดถือสา หากตรงกันข้ามนางให้หลานสาวช่วยพาชายหนุ่มไป เพราะอยากเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้สนิทกัน

“อยู่ทางด้านนู้นจ้ะลูก แต่เดี๋ยวย่าให้น้องน้องพาไป” นางเอ่ยตอบชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปสั่งหลาน “น้องน้อง พาพี่เขาไปสิลูก”

“อืม” ร่างบางยิ้มกริ่มให้คุณยายของเธอ แล้วพยักหน้ารับเร็วๆ ก่อนจะรีบลุกแล้วเดินนำชายหนุ่มไป ไม่พูดไม่จา ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วเดินตามไป แต่ก็อดจ้องด้วยความสงสัยไม่ได้ หากเพียงครู่เดียว เขาก็เลิกสนใจแล้วรีบเร่งฝีเท้าของตัวเองตาม เพราะเขาไม่ต้องการอยู่ในห้องนี้กับคนอายุมากทั้งสอง ไม่ได้ต้องการอยากรับรู้ถึงเรื่องบ้าบอที่เป็นเหตุให้เขาต้องยกเลิกนัดกับแฟนเพื่อมาที่นี่

“ต้องขอโทษแทนน้องตันด้วยนะคะคุณป้า คงเพราะพิมพ์กับคุณนัยตามใจลูกมากไปค่ะ แกเลยเสียมารยาทแบบนี้” นางพิมพ์ชนกรอจนเห็นลูกชายกับหลานสาวของหญิงชราคล้อยหลังไปแล้วนางจึงค่อยหันกลับมาเอ่ยแก้หน้าให้ตัวเองและลูก เพราะกลัวคนอาวุโสจะไม่ปลื้ม แต่หญิงมากวัยกลับไม่ได้ว่าอะไร ตรงกันข้าม...

“ป้าเข้าใจ คนหนุ่มคนสาวก็แบบนี้ ใจร้อน และยิ่งเขาต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ เขาก็จะใส่อารมณ์กับทุกเรื่องแบบนี้ ป้าไม่ถือสาหรอกจ้ะ หนูพิมพ์อย่าห่วงเลย” นางบุหงาปริยิ้มให้แขกคลายกังวล ก่อนที่จะค่อยๆ หุบยิ้มลงแล้วทำหน้าเคร่งขึ้นอีกครั้ง “ป้าว่า...” นางชะงักถอนหายใจ จ้องคนตรงข้ามก่อนเอ่ยต่อ “เรามาพูดเรื่องนั้นกันดีกว่านะ ป้าก็อายุมากแล้ว ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่วัน แต่ก็อดห่วงน้องน้องไม่...”

“พิมพ์กับคุณนัยยินดีค่ะ น้องตันก็ไม่มีปัญหาอะไร อาจจะดูเสียมารยาทไปบ้างและเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ตอนที่พิมพ์กับคุณนัยพูดกับลูก ลูกก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรค่ะ พิมพ์ว่าให้พวกแกรู้จักกัน สนิทกันมากกว่านี้คงจะเข้ากันได้” นางพิมพ์ชนกแทบรอให้คนชราจบประโยคเหล่านั้นไม่ได้ นางก็รีบแทรกขึ้นมาอย่างร้อนรน เพราะเกรงว่ากิริยาของลูกเมื่อครู่อาจจะทำให้คนมากวัยเปลี่ยนใจ

“อืม...ถ้าหนูพิมพ์ยืนยันแบบนั้น ป้าก็สบายใจ ทางนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ป้าคุยกับน้องน้องแล้ว น้องน้องยินดีด้วยทุกอย่าง” หญิงชราพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่นอกจากครอบครัวนี้แล้ว นางก็ไม่ไว้ใจใครอีก เลยพยายามมองข้ามสิ่งที่เห็น แม้เป็นการทำร้ายหลาน แต่นางก็อุ่นใจได้ เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะยังไงคนคนนั้นก็จะช่วยดูแลและเป็นหูเป็นตาแทนนาง แม้ต่อไปจะไม่มีนางแล้วก็ตาม

“งั้นเราเปิดโอกาสให้พวกแกได้ใกล้ชิด สนิทสนมกันมากกว่านี้ดีไหมคะ” นางพิมพ์ชนกร้อนรนเสนอมาอีก เมื่อเห็นสบโอกาสและรู้แน่ว่าคนชราคงไม่คิดเปลี่ยนใจแล้ว ในขณะเดียวกันที่คนชราก็เห็นด้วยเลยไม่คิดขัดข้อง

“อืม...ป้าว่าก็ดี แล้วจะเอาเป็นตอนไหนล่ะ อาทิตย์หน้าดีไหม เพราะป้าจะไม่อยู่สักสองสามวัน”

“ค่ะ แล้ว...เออ คุณป้าจะไปไหนคะ”

“ป้ามีนัดกับหมอ ไม่ค่อยสบายนิดหน่อย แต่เรื่องนี้อย่าบอกน้องน้องนะ ป้าไม่อยากให้หลานกังวล”

“ค่ะ ”

สองนางต่างวัยตกลงกันเองอย่างไม่สนความเห็นชอบของลูกกับหลาน และเมื่อคุยกันเสร็จ นางทั้งสองก็พากันไปที่ห้องรับประทานอาหาร โดยไม่รอให้ลูกกับหลานกลับมาก่อน แต่ก็สั่งให้เด็กในบ้านช่วยบอกพวกแกให้รู้ว่านางทั้งสองอยู่ที่ไหน ซึ่งตรงกันข้ามกับคนหนุ่มคนสาว ที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาสักที

“สบายดีไหมล่ะ ช่วงนี้ไม่ได้เจอฉัน” ตรัณ หรือ ตัน เดินตามนงนภัสมาถึงที่หน้าห้องน้ำ แต่แทนที่เขาจะเข้าไปใช้ตามที่ได้บอกกับคนชรา เขากลับมาชักคำถามกับสาวเจ้าแทน แต่ก็เหมือนเก่า คนอ่อนวัยกว่า ไม่ได้ตอบเขาด้วยการพูดจาหรืออะไร แต่พยักหน้าให้พร้อมกับโปรยยิ้มหวานๆ เท่านั้น ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกรำคาญ เพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้ ไม่ชอบคนขี้อายที่ไม่ยอมพูดอะไรด้วย ผู้หญิงไม่มีปากไม่มีเสียง ไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติของเขา เขาไม่อยากใช้ชีวิตทั้งชีวิตกับผู้หญิงประเภทนี้ ไม่อยากเลยสักนิด!

ตรัณคิดแล้วหันมาจ้องหน้านงนภัสอีกครั้งอย่างพิจารณา ก่อนถอนหายใจยาวๆ เธอยังสวยเหมือนเดิม ไม่ต่างจากที่เจอกันครั้งแรก ตากลมๆ จมูกโด่งนิดๆ คิ้วเบา คางแหลมเข้ารูปกับโครงหน้า ปากเล็กจิ้มลิ้มน่าจูบ...น่าจูบ! เขาสะดุ้งกับความคิดนี้ของตัวเอง ตาโตมองเธออย่างอึ้งงัน นี่เขาเป็นอะไรไป คิดได้ยังไงว่าเจ้าหล่อนน่าจูบ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง จูบครั้งแรกกับเธอ ไม่เห็นจะน่าประทับใจอะไรเลย...

คิดต่อว่าตัวเองอีก ทว่าคำติติงเหล่านี้กลับส่งไม่ถึงประสาทสัมผัสชั้นในของสมอง สายตาคมเข้มจึงยังจดจ่ออยู่กับริมฝีปากเล็กๆ สีระเรื่อของหญิงสาวไม่ลดละ แต่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นอีก เมื่อสายตาเริ่มสะดุดกับความเนียนของผิวนวลและนั่นก็เป็นเหตุให้สายตาค่อยๆ ลดต่ำลงตามลำคอเนียนระหงของเธอ

กรรมล่ะ แต่ความคิดมันห้ามกันไม่ได้วุ้ย เธอเข้ารูปทุกอย่าง! เขามาสะดุดอีกครั้งกับทรวงอกอวบอิ่มภายใต้เสื้อแขนยาวบางๆ สีหวานแหวว เป็นลายลูกไม้นิดๆ หากแต่เนื้อผ้าบางมาก ถ้ามองดีๆ ก็จะเห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงเนื้อเนียนนุ่มน่าสัมผัสของเธอ...น่าสัมผัส! หัวใจเต้นถี่รัวอีกหนกับความคิดของตัวเองแล้วต้องจำใจกลืนก้อนแข็งๆ ในลำคอลงอย่างยากเย็น ก่อนที่จะตัดสินใจฝืนตัวเองพูดกับเธอในสิ่งที่ตั้งใจจะพูด โดยสะบัดความคิดแบบผู้ชายๆ ให้พ้นจากหัวสมอง ไม่ให้มันมาครอบงำอุดมการณ์ของตัวตัวเองได้อีก

“ฉันมีอะไรอยากบอกเธอ” ตรัณกล่าวไปแล้วก็อ้ำอึ้งรอดูปฏิกิริยาของนงนภัสเล็กน้อย แต่ก็เห็นเธอทำเฉย ยืนนิ่งๆ อมยิ้มนิดๆ เหมือนกำลังรอให้เขาพูดต่อ ตรัณจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าวต่อให้จบ “ฉันรู้ว่ามันอาจจะทำให้เธอลำบาก แต่เธอจะลำบากกว่านี้ ถ้าเธอคิดที่จะแต่งงานกับฉัน ฉันไม่อยากแต่งงานกับเธอ เธอรู้ใช่ไหม” ว่าไปแล้วก็ย้อนถาม แต่นงนภัสกลับยืนนิ่งๆ เหมือนเดิม จ้องตาปริบๆ มองเขาไม่ตอบอะไร ทำให้ชายหนุ่มได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความอึดอัดใจ

“เธอเข้าใจที่ฉันพูดหรือเปล่า” น้ำเสียงของเขาแข็งขึ้นมานิดหน่อย จ้องเขม็ง แต่นงนภัสกลับทำตาปริบๆ เหมือนเก่า มองหน้าเขาแบบงงๆ คล้ายจะไม่เข้าใจ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ทำให้ตรัณต้องพ่นลมออกจากทางจมูกอย่างพยายามอดทน

“ว่าแล้วเชียว” เขาพึมพำกับตัวเองเสียงค่อย ถอนหายใจอีก ก่อนจะเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นเท้าเอว หันกลับมาประจันหน้ากับเธอ จ้องหน้าเธอจะๆ ตรงๆ แล้วพูดกับเธออีกครั้ง

“ฟังฉันให้ดีนะ ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย และเธอต้องเข้าใจ ฉัน...” ตรัณถอนหายใจอีกครั้งและเฮือกนี้คล้ายจะยาวกว่าครั้งไหนๆ “ฉันจะไม่แต่งงานกับเธอ ไม่ว่าคุณแม่จะพูดยังไง หรือทำยังไง ฉันก็จะไม่แต่งงานกับเธอ วันนี้ที่ฉันมาที่นี่ เพราะฉันจะมาบอกเธอว่าฉันจะไม่แต่งงานกับเธอ ให้เธอไปหาคนอื่นมาแต่งงานกับเธอ”

ตรัณรีบเร่งจนสามารถกล่าวจนจบพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่แล้วกลับรู้สึกโมโหขึ้นมาอย่างฉับพลันเมื่อพูดจบไปแล้วแต่ร่างบางกลับยังยืนทำตาปริบๆ จ้องเขาเหมือนยังไม่เข้าใจ

และแล้วความคิดที่ว่าเจ้าหล่อนกำลังแกล้งยั่วโทสะเขา ก็แล่นแทรกกลางโสตประสาท ทำให้เขาเดือดจัดขึ้นมาทันที “อย่าบอกนะว่าเธอยังไม่เข้าใจ” เขาทวนอีกครั้งอย่างเหลือที่จะอด และจากใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยเมื่อครู่ ตอนนี้แดงก่ำขึ้นมาด้วยความโกรธและอารมณ์ขุ่นมัวที่พร้อมจะปะทุ

“อื้อ...” นงนภัสอ้าปากเล็กๆ เงยหน้ามองเขาแล้วทำเสียงอุบอิบในลำคออย่างต้องการที่จะตอบ แต่นั่นกลับทำให้ตรัณยิ่งนึกโมโหและหมั่นไส้เข้าไปใหญ่จนต้องกระชากทั้งสองแขนของเธอมาจับ บีบไว้แน่น

“ผู้ชายคงหมดโลกแล้วสินะ เธอถึงจะแต่งงานกับฉันให้ได้ แล้วรู้หรือเปล่าล่ะว่าฉันมีแฟนแล้วและกำลังจะแต่งงานกันด้วย แต่ก็นะ...พูดไปคนอย่างเธอก็คงไม่เข้าใจหรอก เพราะเธอคงเป็นพวกเข้าใจยาก! เด็กพิเศษ!” สองมือใหญ่ดึงร่างเล็กมาชิด แล้วตั้งใจตะคอกใส่หน้าเธอให้เธอรู้ว่าเขาเกลียด แต่นงนภัสก็ยังทำตาปริบ มองเขานิ่งๆ ด้วยสายตาขัดแคลงใจ ยิ่งเพิ่มพูนความโมโหให้จนตรัณอดทนอีกไม่ไหว ต้องออกแรงบีบแขนบางของเธอแรงๆ

“อื้อ” นงนภัสรู้สึกเจ็บจึงเริ่มบิดแขนขัดขืน แต่ก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาวิงวอน คล้ายเธอจะอ้อนวอนให้เขาปล่อย แต่เขากลับแกล้งทำเป็นไม่รู้ ออกแรงบีบแน่นขึ้นอีก จนสาวเจ้าต้องเม้มปากแน่น น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ

“เริ่มไม่ชอบฉันหรือยังล่ะ แล้วจะยอมบอกยายเธอหรือยังล่ะว่าเธอจะไม่แต่งงานกับฉันแล้ว” ตรัณได้ใจเมื่อเห็นว่าร่างบางคงจะยอมเออออตามแล้วเลยทวนถามไปอีก แต่ก็เหมือนเก่า เธอทำแค่มองหน้าเขาคล้ายจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ตอบอะไร เขาจึงนึกโมโหมากขึ้น ต้องบีบแขนเธอให้แน่นกว่าเดิม

“ออ...” เสียงหวานเปล่งนิดๆ พร้อมกับเรียวปากเล็กที่ปริออกแล้วครวญด้วยความเจ็บ หันมองแขนตัวเองแล้วสลับกลับมาจ้องหน้าเขาด้วยสายตาวิงวอนขอความเมตตา

“เจ็บเหรอ” ตรัณถามด้วยความสะใจ มองดวงหน้าหวานสวยอย่างนึกสมเพช แต่ก็ไม่ปล่อยแขนเธอ ตรงกันข้ามเพิ่มแรงบีบอีก ทำให้เธอหน้าเหยเก

“ถ้าเจ็บ ก็ไปบอกยายเธอสิ ว่าเธอจะไม่แต่งงานกับฉัน” ตรัณทวนกลับมาอีกหน หวังทำให้เธอเข้าใจ แต่นงนภัสกลับก้มมองที่มือเขาที่จับแขนของเธอ พร้อมกับพยายามบิดแขนต่อให้เขาปล่อย ทำราวไม่แยแสสิ่งที่เขาพูด ไม่สนใจอะไรในสิ่งที่เขากล่าวมามากมาย

และอีกครั้งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ จ้องมองศีรษะดกเล็กๆ ที่ก้มๆ เงยๆ อยู่แค่คืบอย่างอยากจะลงโทษให้เธอหลาบจำกับการที่เธอไม่ไยดีคำพูดของเขา แต่ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทำให้เธอหลาบจำ กลับได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินใกล้เข้ามา จึงต้องฉุกลากเธอให้เข้าไปในห้องน้ำกับตัวเองเพื่อที่จะพูดกับเธอต่อ

“อื้อ” นงนภัสขัดขืนนิดหน่อย ขืนตัวไว้ไม่ยอมไปตามแรงดึงของเขา แต่ตรัณก็ไม่สน กระชากแรงๆ จนเธอต้องขยับเท้าตาม

“ฉันไม่ปล่อยเธอไปไหนหรอกนะ จนกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่อง” และเมื่อลากมาถึงในห้องน้ำ พร้อมดันประตูปิดเรียบร้อยแล้ว ตรัณก็หันกลับมาข่มขู่เธอต่อ หวังทำให้สาวเจ้ากลัวแล้วยอมรับข้อเสนอของเขา ทว่าเขาต้องผิดหวังอีกครั้ง เมื่อไม่ว่าจะยังไง ร่างบางก็ยังทำเฉยเหมือนเดิม จนความอดกลั้นอดทนที่เขามีไม่หลงเหลือให้เห็น ชายหนุ่มจึงกระชากดึงเธอมาแนบอกอีกครั้ง

“นอกจากเป็นเด็กพิเศษแล้ว เธอคงหูหนวกด้วยมั้ง ถึงไม่เข้าใจและไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูด” ตรัณออกแรงบีบแขนบางแน่นขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เคลื่อนหน้าต่ำลงมาใกล้ พูดจ้องเขม็งให้เธอกลัว หากแต่นงนภัสกลับไม่กลัว ตรงกันข้ามเธอเงยหน้ามองเขา ไม่ใช่ท้าทาย แต่เป็นการวิงวอนให้เขาปล่อยเธอไป

ดวงตาคู่น้อยเอ่อคลอเต็มไปด้วยหยดน้ำตา พร้อมกับเริ่มสะอื้นเบาๆ มองหน้าเขาแล้วเม้มปากแน่น แต่ก็ยังพยายามบิดแขนของตัวเองต่อให้หลุดจากมือหนา ทำให้ตรัณสบตาแล้วได้แต่ถอนหายใจ แต่แทนที่จะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เขากลับผละจากแขนบางแล้วเปลี่ยนมาเป็นยึดรัดเอวนุ่มคอดเล็กของเธอไว้แทน สาวเจ้าจึงถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ขมวดคิ้วชนกันจ้องเขาอย่างสงสัย ต้องการคำอธิบายให้กับการกระทำนี้ของเขา ทว่าชายหนุ่มไม่มีคำอธิบายให้ นอกจากจะเคลื่อนหน้าใกล้มาเรื่อยๆ แล้วกดริมฝีปากหนาร้อนแผ่วของตัวเองทับกลีบปากบางเล็กสั่นน้อยๆ ของเธอ

“อื้อ” นงนภัสตาโตด้วยความตกใจที่มากกว่าเก่า แต่เธอก็ไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้ว่าควรจะผลักเขาหรือขัดขืนเขา จึงทำแค่ยืนนิ่งๆ เบิกตากว้างปล่อยให้เขารุกล้ำริมฝีปากของเธอได้ตามอำเภอใจ ทว่าแค่ครู่เดียวร่างสูงก็ผลักเธอห่างแทบจะสุดแรง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของบุคคลก่อนหน้าเดินมาหยุดที่ข้างนอกหน้าห้องน้ำแล้วเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้สติและรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรเธอ เลยต้องรีบผละห่าง แต่การที่ได้เห็นริมฝีปากของเธอเจ่อนิดๆ เป็นสีระเรื่อด้วยการจูบของเขา เขาก็แทบอยากจะกระชากเธอกลับมาจูบต่อ หากติดที่บุคคลข้างนอกไม่ไปสักที ชายหนุ่มจึงต้องจำใจข่มใจแล้วปล่อยเธอไป

“ออกไป” ตรัณเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับมือใหญ่โบกไล่ ก่อนที่จะเดินไปหลบอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วดึงผ้าม่านปิด เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าเขาอยู่กับเธอแล้วเอาไปสงสัยหรือวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียๆ หายๆ ให้เธอเสื่อมเสีย แม้จะไม่อยากแต่งงานกับเธอ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะทำลายเธอขนาดนั้น

นงนภัสไม่ตอบอะไรเขา แต่เมื่อเห็นเขาหายไปหลบอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้ว เธอก็รีบออกมาหาบุคคลข้างนอกนั้นทันที

“คุณน้องน้อง คุณบุหงากับคุณพิมพ์ชนกอยู่ในห้องรับประทานอาหารนะคะ ถ้าเสร็จธุระแล้ว ให้ไปหาที่นั่นค่ะ” และเมื่อเห็นคุณหนูน้อยของบ้านเปิดประตูห้องน้ำออกมา เด็กรับใช้ก็รีบบอกให้รับรู้ทันทีก่อนจะเดินจากไป หญิงสาวก็พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะหันเหลียวกลับไปมองในห้องน้ำเป็นครั้งสุดท้าย แล้วตัดสินใจก้าวเท้าตามเด็กรับใช้ไป โดยปล่อยให้ชายหนุ่มงงกับตัวเองไปคนเดียว

นี่มันเรื่องบ้าชัดๆ เขาไม่ได้จะมาเพื่อแต่งงานกับคู่หมั้น แต่มาเพื่อขอยกเลิกงาน แล้วไหงเขาดันมาทำแบบนี้กับหล่อนอีก เขาควรพบแพทย์! ใช่ไหม!

ตรัณสลดใจกับตัวเอง หันเหลียวมองตามร่างบางที่จากไปด้วยความรู้สึกที่นึกโมโห เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าหากมาถึงจะบอกให้เธอรู้ตัว จะทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ ให้เธอบอกคุณยายของเธอให้ยกเลิกงานแต่งนี้ แต่ทำไมเขายังจะมาจูบเธอแบบนี้ มันน่าโมโหตัวเองนัก คิดว่าตัวเองจะต่างจากผู้ชายคนอื่นก็เปล่า ยังเห็นและมองผู้หญิงคนอื่นว่าสวย น่าลิ้มลอง ทั้งที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่ทั้งคน!

__________________________________


ฮี่ๆๆๆ มาตอนแรกให้ได้อยากกันค่ะ จุ๊บๆๆ อิอิอิ



เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ม.ค. 2556, 05:44:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2556, 12:50:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1291





<< ....   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account