ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 8.

บทที่ 8

แม้คุณย่าเล็กจะบอกให้เขาทำงานให้เต็มที่ไม่ต้องเป็นห่วงแต่ประการใด แต่ว่าหลินฮันหมิงก็โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบหลังจัดการมื้อเช้าที่โรงแรมจัดเรียบร้อยแล้ว

“ตอนแรกเพียงออจะมารับไปครัวปวุฒิ...ครัวนี้เป็นร้านอาหารของ ปวุฒิ กับ วุฒินารทเขาหุ้นกันทำน่ะ เลยเอาชื่อมาบวกกัน กินข้าวเที่ยงแล้ว ก็จะพาย่าไปอยุธยาไปไหว้พระ แล้วก็หาอาหารเย็นกินที่อยุธยาเป็นเมนูกุ้งแม่น้ำริมแม่น้ำแล้วส่งกลับบ้าน ...แต่ว่า เมื่อเช้าระหว่างกินข้าวเช้าด้วยกัน หนูขวัญ วันนี้เขาว่างงาน เขาก็เลยอยากจะไปด้วย ตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนแผนเป็นเพียงออ ไม่ต้องมารับย่ากับยายแน่งน้อยแล้ว หนูขวัญจะขับรถไปแทน แล้วหนูขวัญก็จะไปเที่ยวกับเราด้วย...อาหมิงอยากไปด้วยกันไหม”

พอมีชื่อขวัญชีวีรวมอยู่ด้วย ทำให้เขารู้สึกอยากไปด้วยทันที...เพราะเมื่อคืนนี้เขายอมรับว่าเขาตกหลุมรักขวัญชีวีเข้าให้แล้ว แต่ว่าวันนี้เขาก็มีงานที่เลี่ยงไม่ได้เสียด้วย...แต่เมื่อคำนวณดูเวลาว่าช่วงตอนเย็นตอนค่ำมันน่าจะมีช่องโหว่ให้เขาใช้เป็นข้ออ้างไปเยี่ยมย่าเล็กที่บ้านของเธอได้...

“อยากไปด้วยครับ อยุธยาผมยังไม่เคยไป รู้แต่ว่าเป็นอดีตเมืองหลวงมีซากเมืองโบราณอยู่ด้วย...”

“อยากไปก็ไปด้วยกันซี่ ถือเป็นโอกาสนะ”

“ติดงานจริง ๆ ครับ แต่ว่าตอนค่ำ ๆ เดี๋ยวผมแวะไปหาย่าเล็กที่บ้านคุณยายแน่งน้อยดีกว่า ซื้อขนมมาฝากผมด้วยแล้วกันนะครับ ผมจะไปเอาขนมจากอยุธยามากินแล้วกัน...”

“ได้ ๆ...แต่งตัวหล่อ ๆ นะ”

“ปกติผมเคยแต่งตัวดูไม่หล่อเหรอครับ”

“ไม่เคย...หลานย่าหล่อตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“ครับ แล้วค่ำนี้เจอกัน เที่ยวให้สนุกนะครับ อยากซื้ออะไรก็ซื้อได้เลย ผมพร้อมหิ้วกลับเต็มที่”

“อยากได้หลานสะใภ้เป็นคนไทย...ช่วยย่าเล็กได้ไหมละ”

“ย่าก็ลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ให้ผมหน่อยแล้วกันครับ...”

“จริง ๆ นา...”

“จริง ๆ ซี่...โอเคครับ เย็นนี้เจอกัน”


“ย่าเล็กของยูกับคุณยายของคุณขวัญเป็นเพื่อนสมัยเรียนคอนแวนต์อยู่ปีนัง แล้วตอนนี้คุณย่าเล็กก็พักอยู่บ้านคุณขวัญ....ไอชักจะได้กลิ่นดอกรักผลิบานเพราะผู้ใหญ่ช่วยรดน้ำพรวนดินซะแล้ว....” วิศรุตตาแพรวพราวเมื่อเพื่อนชายบอกเล่าว่า ครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียวแต่ว่ามีย่าเล็กน้องสาวคนเล็กคุณปู่ของเขาติดสอยหอยตามมาเที่ยวบ้านเพื่อนด้วย และเพื่อนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคุณยายของขวัญชีวีคนที่ทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วนพลุ่งพล่านจนกระทั่งเขาตัดสินใจที่จะทำตามอำเภอใจโดยไม่สนใจว่า ขวัญชีวีจะมีแฟนอยู่แล้ว...

เขาจะเดินหน้าจีบเธอ และใช้ช่วงเวลาที่ขวัญชีวีไปถ่ายโฆษณาที่มาเลเซียพิชิตใจของเธอให้ได้

“ไอรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของพรหมลิขิตน่ะ”

“เชื่อด้วยเหรอวะ ไหนบอกว่าไม่สนใจคนมีแฟนอยู่แล้ว”

“ไอรู้สึกว่าเขาไปด้วยกันไม่ได้หรอก” เมื่อคืนระหว่างอยู่ในผับ หลินฮันหมิงสังเกตเห็นว่า ขวัญชีวีกับ ปวุฒินั้นไม่ได้รักกันหวานเจี๊ยบอย่างที่คนอื่นเข้าใจ มันมีระยะห่างของคำว่าคนรักกัน เพราะปวุฒิเองนั้นก็เอาแต่นั่งดื่มและฟังเพลงด้วยสีหน้าติดจะบึ้งตึงเสียด้วยซ้ำ ส่วนขวัญชีวีก็เอาแต่คุยกับวรรณรดาไม่สนใจปวุฒิและหญิงสาวก็มีสลับที่นั่งกันโดยอ้างว่าจะคุยกับวิศรุต และเขาก็เห็นสายตาของวรรณดาที่มองปวุฒิอย่างเสน่หาเป็นสายตาที่บอกความรักและความเจ็บปวดอันเนื่องจากชอบผู้ชาย แต่ผู้ชายไม่สนใจตัวเอง... และตอนขากลับบ้านต่างคนก็ต่างขับรถกลับบ้าน...ส่วนเขานั้นแม้ณิชกานต์จะขอมาส่งที่โรงแรมแต่เขาวิศรุตกันท่าให้

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วนะ อันที่จริงน่ะ ไอรับปากกับน้องดาไว้ว่าจะไม่พูด...แต่ถ้ายูช่วยน้องดาได้เป็นจะเป็นเรื่องที่ดีมาก”

“หมายความว่าไง”

“น้องดาชอบไอ้ปวุติ แต่ปวุฒิมันไม่สนใจน้องดา”

“พอเห็นอยู่บ้าง...”

“ถ้ายูจีบขวัญติด ถ้าเขาเลิกกัน น้องดาจะพอมีหวังอยู่บ้าง...อย่างน้อยก็ไม่ต้องรักแฟนเพื่อน”

“ถ้าเขาว่าง แล้วเขาจะสนใจน้องดาอย่างนั้นเหรอ”

“ตรงนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที ถ้ามันเห็นเพชรไม่มีค่า ก็เรื่องของมันเถอะ...ส่วนน้องดาเดี๋ยวคุณลุงก็คงหาคนดี ๆ ที่เหมาะสมให้ได้”

หลินฮันหมิงนิ่งคิด พอดีกับที่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เป็นเบอร์ของณิชกานต์...

“คุณนิดน่ะ ทำอย่างไรดีว่ะ...”

“รับสาย แล้วก็บอกไปว่า กำลังประชุม...เอามานี่ดีกว่า...ไอรับให้เอง”

“ฮัลโหล..สวัสดีค่ะคุณมาร์ค” พอวิศรุตกดรับสายแล้วณิชกานต์ก็ส่งเสียงเข้ามาทันที

“สวัสดีครับ มาร์คติดประชุมครับ เขาทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะผม มีอะไรกับเขาหรือเปล่าครับ”

“คุณวิศรุตเหรอคะ”

“ครับผม”

“เอ่อ...นิดถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”

“นิดไหนครับ” รู้ทั้งรู้ว่าเป็นใคร แต่วิศรุตก็จงใจประวิงเวลา...

“ณิชกานต์ หาญกล้าค่ะ จำเสียงไม่ได้เหรอคะ”

“ครับผมคุณนิด คุณนิดมีเรื่องอะไรจะถามผมครับ”

“เรื่องพรีเซนเตอร์เวอซ่าดิโก้น่ะ ล็อคใครไว้หรือเปล่าค่ะ เปิดให้มีการแคสติงหรือเปล่า”

“ไม่แคสติงครับ”

“แบบนี้นิดก็หมดสิทธิ์ลุ้นละซิค่ะ”

“งานคุณนิดเยอะแยะแล้วนะ ปีนี้เป็นพรีเซนเตอร์กี่ชิ้นแล้ว”

“แต่นิดอยากได้ตัวนี้ค่ะ...คือ นิดลดราคาค่าตัวให้เป็นพิเศษเลยก็ได้...”

“แสนเดียว”

“รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยค่ะ แต่ลดให้ได้แล้วกันค่ะ อย่างไรเก็บนิดไว้พิจารณาหน่อยนะคะ ถ้านิดได้งานนี้จะไม่ลืมพระคุณเลยค่า...”

“ครับ ขอบคุณครับ”

“คุณวิศรุตทานข้าวกลางวันหรือยังคะ วันนี้จะพาคุณมาร์คไปทานข้าวที่ไหน”

“แถว ๆ ที่ทำงานนี่แหละครับ”

“พอดีนิดก็อยู่แถว ๆ นี้ วันนี้ไม่มีงาน อยากเจอคุณมาร์คค่ะ เมื่อคืนสัญญากับคุณมาร์คว่าจะพาไปกินอาหารอร่อย ๆ แถว ๆ ซอยทองหล่อ คุณมาร์คประชุมเสร็จแล้วให้โทรหานิดได้ไหมคะ”

“คุณนิดตามสะดวกเลยดีกว่าครับ เพื่อนผมคงไม่ว่างแน่ ๆ เพราะตอนนี้บ่ายก็ต้องประชุมต่อ เวลาจำกัดจริง ๆ”

“แย่จัง...กินข้าวคนเดียวไม่อร่อยแน่ ๆ”

“ทำอย่างไรได้ละครับ ผมก็เห็นใจคุณนิดเหมือนกัน...”

“เย็นนี้คุณมาร์คคงว่างนะคะ ให้โทรหานิดด้วยนะคะ นิดอยากเจอเขาค่ะ”

“ได้ครับได้ เดี๋ยวจะให้เขาโทรหา แค่นี้นะครับ ผมมีงานต้องสะสาง”

“ค่ะ ๆ ขอบคุณค่ะ”...

ปิดโทรศัพท์ของเพื่อนแล้ว วิศรุตก็ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนหลินฮันหมิงนั้นมีสีหน้าครุ่นคิด...

“เมื่อคืน คุณนิดให้คุณปวุฒิถ่ายรูปคู่ระหว่างไอกับเขา มันจะมีเรื่องอะไรไหมนะ”

“มีแน่นอน...ป่านนี้เธอโพสต์ขึ้นเน็ตตรีตราจองยูผ่านโลกไซเบอร์ไปเรียบร้อยแล้วแน่ ๆ”

“ไม่เข้าใจ”

“อีกวันสองวันคงมีข่าวว่าเธอควงยูเที่ยวแน่ ๆ... แล้วคนมาทีหลัง ก็กลายเป็นคนแย่ง นี่แหละประเทศไทย”

“แต่ความจริงไอกับเขา...มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ ยูก็รู้”

“แต่คุณขวัญก็อาจจะคล้อยตามสื่อ เคลิ้มกับคารมยูยากหน่อย...เพราะเขาไม่เคยมีข่าวว่าแย่งแฟนกับใคร ทีนี้ทำคะแนนยากขึ้นละ”

“แล้วถ้าเขาไม่ยอมเลิกกัน ไอหมายถึงคุณขวัญกับแฟนเขา”

“ยูก็เจ็บ เหมือนไอ แค่นั้นเอง...สรุปว่ายูพร้อมสู้ใช่ไหม”

“ไอคิดว่าไอคงถอยไม่ได้แล้วหละ เพราะเมื่อเช้า ไอดันให้ความหวังคุณย่าเล็กไปแล้ว แล้วคุณย่าก็คงกำลังช่วยไอทำคะแนนอยู่แน่ ๆ...”


พอรู้เรื่องคุณย่าหลินซิ่วอิน ย่าเล็กของหลินฮันหมิงมาพักอยู่ที่บ้านของคุณยายแน่งนอน และวันนี้ขวัญชีวีก็ยังอาสาพาคุณยายแน่งน้อยกับคุณย่าเล็กเที่ยวโดยมีเพียงออไปด้วย จากปากของวุฒินารทที่อยู่โย่งเฝ้าร้านแทนการออกไปเที่ยวกับคณะของขวัญชีวี ปวุฒิก็รู้สึกได้ว่าเรื่องระหว่างนายหลินฮันหมิงกับขวัญชีวีนั้นจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว ซึ่งเขาเองจะต้องขัดขวางให้เต็มกำลังเช่นกัน...

“คุณนิดครับ” ปวุฒิโทรหาณิชกานต์ซึ่งวันนี้ไม่มีคิวถ่ายละครในทันที

“พี่ปุ้มมีอะไรกับนิดเหรอคะ”

“พี่มีเรื่องไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อยนะครับ”

“เรื่องอะไรคะ”

“คุณนิดคงยังไม่รู้ว่า คุณย่าเล็กของคุณมาร์คน่ะ เขาเป็นเพื่อนกับคุณยายแน่งน้อยของขวัญ”

“ทำไมคะ”

“ตอนนี้คุณย่าเล็กเขามาพักที่บ้านยายแน่งน้อยครับ”

“ย่าเล็กนี่เป็นใครคะ”

“น้องสาวของคุณปู่คุณมาร์คครับ ย่าเล็ก ชื่อหลินซิ่วอินเป็นเพื่อนนักเรียนคอนแวนต์ที่ปีนังของคุณยายแน่งน้อยของขวัญ...คือพี่สังหรณ์ใจว่า คุณย่าเล็กจะเป็นแม่สื่อแม่ชัก ระหว่างหลานชายตัวเองกับขวัญ...คือตอนที่อยู่ปีนัง ย่าเล็กดูจะชอบขวัญมาก แล้วก็พยายามใช้ความเป็นเพื่อนกับคุณยายแน่งน้อยจีบขวัญให้หลานชายตัวเอง ต่อหน้าพี่ด้วยซ้ำนะ”

“แย่จัง...ถึงว่าพี่ปุ้มหน้าตาไม่ค่อยดี คิดมากเรื่องนี้นี่เอง”

“นิดก็รู้ว่าพี่รักขวัญมาก”

“รู้ค่ะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่ปุ้มรักพี่ขวัญมาก มากเกิน”

“แล้วคุณนิดไม่ชอบคุณมาร์คเหรอครับ เมื่อคืนเห็นสดชื่นไม่เบา...”

“ชอบค่ะ แต่เขาดูจะไม่สนใจนิด ชักเบื่อจะตื๊อแล้ว”

“เบื่อไม่ได้นะครับ นิดต้องช่วยพี่”

“พี่ปุ้มว่างก็ดีนะคะ นิดจะได้จีบพี่ปุ้มอย่างสะดวกใจ” น้ำเสียงของนิชกานต์ร่าเริง

“เอาอย่างนั้นนะ”

“นิดเป็นผู้หญิงนะคะ ทำอะไรมากก็น่าเกลียดอีก...”

“ทำเหมือนไม่เคยทำ”....

“พี่ปุ้มอ่ะ ว่านิด”

“ชมต่างหาก...อ้อ แล้วรูปเมื่อคืนนี้ ไม่เห็นโพสต์ขึ้นอินสตาแกรม”

“โพสต์ทำไมคะ”

“อยากเห็นว่าฝีมือพี่ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง โพสต์ซิ”

“แล้วจะให้นิดเขียนว่าไงคะ”

“แล้วแต่นิดซิ พี่แค่คนถ่าย แต่พี่เชื่อว่านิดจะต้องเขียนให้เป็นประโยชน์กับพี่แน่ ๆ”

“นิดโพสต์ให้ก็ได้ แต่ต้องเลี้ยงข้าวนิดมื้อหนึ่ง”

“ได้เลย โพสต์เลย ขอบคุณมาก”

ส่งซิกส์กันแล้ว ปวุฒิก็วางสาย ไม่ถึงอึดใจเขาก็เห็นรูปและข้อความของนิชกานต์
‘กับคุณมาร์ค’ ที่ดูแนบชิดสนิทสนม ซึ่งรูปใบนี้ปวุฒิเชื่อว่ามันจะช่วยเบรกอารมณ์พิศวาสนายมาร์คของขวัญชีวีได้แน่

นอกจากวางแผนให้ณิชกานต์ช่วยแล้ว ปวุฒิก็ตัดสินใจโทรหาเพียงออ...

“ออ เย็นนี้ เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้านพี่ขวัญนะ”

“ออว่าจะลงตรงวิภาวดีแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้าน” บ้านของสองพี่น้องอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรย่านถนนรามอินทรา ส่วนบ้านของขวัญชีวีนั้นอยู่ย่านต้น ๆ ถนนสุขุมวิท

“พี่ยังไม่ได้เจอย่าเล็กเลย อยากเข้าไปเยี่ยมย่าเล็กสักหน่อย...ตามนี้นะ รอพี่ที่นั่นแหละ บอกย่าเล็กกับพี่ขวัญด้วยก็ได้ ดีไม่ดีพี่อาจจะไปรอที่บ้านเลยก็ได้”


ระหว่างขับรถพาคุณยายกับคุณย่าเล็กและเพียงออกลับเข้าเมือง ขวัญชีวีก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่รับรู้ระหว่างที่นั่งทานอาหารเย็นในร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา...

ณิชกานต์โพสต์รูปคู่ระหว่างเธอกับหลินฮันหมิง เรียกความฮือฮาได้เลยทีเดียว ก็หน้าตาดีขนาดนั้นและพอมีแฟนคลับของณิชกานต์ถามว่า “คุณมาร์คคือใครเหรอคะ” ณิชกานต์ก็ตอบกันสาวอื่นไว้แล้วว่า

“เป็นเพื่อนชาวมาเลเซีย”

“เพื่อนสนิทหรือคนพิเศษ”

“ดูรูปเอาเองเลยค่ะ...ตามนั้นเลย”

อธิบายเพื่อให้คนอื่นคิดเองเออเอง ฉลาดล้ำลึกนัก และนอกจากนั้น ในวันนี้ที่บ้านของเธอก็กำลังมีศึกหน้านางรออยู่ คุณมาร์คกำลังมารอรับขนมจากย่าของเขา และปวุฒิก็มารอรับเพียงออกลับบ้าน เธอจะปั้นหน้าอย่างไรดี...

“ขับรถเร็วไปหรือเปล่าลูก” คุณยายแน่งน้อยที่นั่งอยู่ข้างหลังคู่กับคุณย่าเล็กเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าหลานสาวขับรถแซงซ้ายแซงขวา และหน้าตาเหมือนมีเรื่องครุ่นคิด และขวัญชีวีก็ได้สติว่าเธอไม่ได้เดินทางคนเดียวเช่นทุกวัน “ขอโทษค่ะ”

“ปกติขับเร็วอย่างนี้หรือเปล่า”

“ก็บ้างค่ะ”

“อันตรายนะลูก ค่อย ๆ ไปเถอะนะ”

“อาหมิงขับรถช้า เพราะที่มาเลย์ควบคุมความเร็ว” คุณย่าเล็กแทรกเข้ามา วันนี้ทั้งวัน เธอได้ยินคุณย่าเล็กพูดถึงหลานชายบ่อยมาก พอวุฒินารททำอาหารออกมาต้อนรับและขอเป็นเจ้ามือ ย่าเล็กก็บอกว่า อยากให้หลานชายมาด้วยเพราะชอบบรรยากาศของร้าน พอไปเจอขนมหน้าตาแปลก ๆ ที่อยุธยา ย่าเล็กก็บอกว่าอยากให้หลานชายได้ชิม และย่าเล็กก็ซื้อกลับมาให้เขาชิมเสียมากมาย ซึ่งเธอก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะกินหมดหรือเปล่า และตอนที่อยู่ในร้านอาหารริมแม่น้ำย่าเล็กก็บอกว่า หลานชายชอบกินปลา และชอบอาหารรสชาติจัดจ้านเผ็ด ๆ แบบอาหารไทยแบบนี้
ซึ่งก็เหมือนกับเธอ เธอชอบปลา ชอบอาหารเผ็ด...แต่เธอชอบขับรถเร็ว ๆ โดยเฉพาะยามที่เดินทางไปไหนมาคนเดียวด้วยความเร่งรีบ เธอรู้สึกว่ามันได้ปลดปล่อยอารมณ์ที่ต้องระมัดระวังตัว...

แม้จะยอมรับว่างานในวงการได้เงินดี แต่บางทีขวัญชีวีรู้สึกว่าชีวิตของเธอขาดอิสรเสรี เธออยากเป็นอย่างเพื่อนดาราหญิงหลาย ๆ คนที่นึกอยากจะพูดอะไรก็พูด นึกอยากจะเหวี่ยงใส่ใครก็ทำ แต่เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ ภาพของเธอคือดาราเรียบร้อยเป็นกุลสตรีไทย เธอถูกทางสถานีกำหนดภาพลักษณ์แบบนี้ตั้งเข้าวงการและไหนจากการที่โตมากับคุณยายของเธออีก...คุณยายเป็นคนพูดน้อยและคำพูดทุกคำนั้นจะหนักแน่นและมีเหตุผล คุณยายไม่ชอบให้ใช้อารมณ์ ดังนั้นพอขับรถเป็นขวัญชีวีจึงได้หาทางออกจากการต้องเก็บกดอารมณ์นั้นได้..

ขวัญชีวีลดความเร็วลงสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะกดปุ่มเปิดเพลงช่วยผ่อนอารมณ์อีกแรง


ปวุฒิไปถึงที่บ้านของขวัญชีวีก่อนที่หลินฮันหมิงจะถึง และเขาก็มีของกินติดมือมาฝากป้าสนามเช่น ทุก ๆ ครั้งด้วย ๆ มะโฉ่ที่ไปเปิดประตูให้ปวุฒิขับรถเข้ามาในบ้านก็เดินตามเขามาด้วยดวงตาเสน่หาเช่นกัน

“ไม่น่าซื้อมาให้เปลืองเงินเปลืองทองเลย”

“ขนมเจ้านี้อร่อยครับ” ปวุฒิเข้าใจดีว่า รักผู้หญิงให้อิงผู้ใหญ่นั้นเป็นอย่างไร ของฝากสำหรับป้าสนามและมะโฉ่จะมีหนึ่งชุด ของฝากคุณยายแน่งน้อยจะมีพิเศษอีกหนึ่งชุด เขาปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำ และคุณยายแน่งน้อยรวมถึงพ่อแม่ของขวัญชีวีก็ดูจะเมตตาเขาเป็นอย่างดี แต่ว่าความสัมพันธ์กับขวัญชีวีนั้นยังคงไม่มีความคืบหน้า ยังคงเป็นพี่เป็นน้องเช่นเดิม

“กินข้าวมาหรือยังคะ”

“เรียบร้อยมาจากข้างนอกแล้วครับ”

“งั้นเข้าไปนั่งรอในบ้าน” สนามพาปวุฒิเข้าไปในห้องรับแขก หาน้ำและผลไม้จัดใส่จานมาให้ด้วยและโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ก็ช่วยให้บรรยากาศในบ้านเป็นอย่างไม่อึดอัด

“ละครเรื่องหน้าใกล้ออนแอร์หรือยังคะ”

“ใกล้แล้วครับ ลานลูกไม้จบนี่ก็คิวของผมแล้ว”

“เสียดาย ไม่ได้เล่นคู่กับคุณหนูขวัญ”

ก่อนที่ทั้งคู่จะตกลงคบหาเป็นแฟนกันได้เล่นละครคู่กันอยู่สามเรื่อง จนกลายเป็นดาราคู่ขวัญ...แต่พอวันเวลาเปลี่ยนไปมีคลื่นลูกใหม่เข้ามาทั้งปวุฒิและขวัญชีวีก็แทบไม่ได้ร่วมงานกันอีก ปวุฒิคุยกับสนามอยู่พักใหญ่ ออดในบ้านก็ดังขึ้น...สนามหันไปหามะโฉ่ที่นั่งดูละครและชื่นชมกับรูปของพระเอกหนุ่มไปด้วยในทันที

“ใครมาอีกละ...มะโฉ่ไปดูหน่อยซิ..”

มะโฉ่รีบลุกและเดินแกมวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้าน และพอเห็นว่า เป็น เทพบุตรสุดหล่อที่เคยมาเยี่ยมคุณยายแน่งน้อยและวันนั้นเขาก็เข้ามาส่งคุณยายหลินซิ่วอินที่มาจากมาเลเซียมะโฉ่ก็รีบเปิดประตูในทัน...

“คุณยายไม่อยู่กันค่า”

“ผมจะมารอคุณย่าผมครับ...เข้าไปในบ้านได้ไหม”

“ได้ค่า...ตอนนี้คุณปวุฒิก็มารอคุณย่าของคูอยู่เหมือนกา” เสียงของมะโฉ่สั้น ๆ ซึ่งหลินฮันหมิงก็ฟังได้ใจความไม่ทันหมด แต่ก็เดินตามมะโฉ่เข้าบ้านมา และเมื่อเข้าไปในบ้านแล้ว เขาก็ยกมือไหว้สนามที่เดินออกมาต้อนรับ สนามรับไหว้เพราะถือว่าตัวเองอายุมากกว่า

“ผมมารอพบคุณย่าของผมครับ”

“งั้นเข้าไปรอในบ้านเลยดีกว่าค่ะ คุณปวุฒิก็มา”

“ขอบคุณครับ”

“กินข้าวเย็นมาหรือยังคะ”

“เรียบร้อยแล้วครับ” หลินฮันหมิงนั้นมามือเปล่า ไม่มีของฝาก แต่ว่าสนามก็ไม่ได้ถือสาอะไร และพอเดินมาถึงห้องรับแขก หลินฮันหมิงก็ได้รับการทักทายเป็นรอยยิ้มจากปวุฒิ...

“สวัสดีครับคุณปวุติ” หลินฮันหมิงทักทายเขาก่อน และปวุฒิก็ลุกขึ้นและเชื้อเชิญให้เขานั่งลง ปวุฒิทำประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน สนามสะกิดให้มะโฉ่เข้าไปเอาน้ำเย็นมารับแขก

“สวัสดีครับคุณมาร์ค...”

“ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณปวุฒิที่นี่”

“ผมก็เช่นเดียวกันครับ นี่ผมมารับน้องสาวผมกลับบ้าน แล้วก็จะมาสวัสดีคุณย่าเล็กด้วย วันนี้คุณย่าไปที่ร้านผม แต่ผมไม่ได้อยู่ต้อนรับ...”

“ครับ”

“คุณมาร์คทานข้าวเย็นมาหรือยังครับ” ปวุฒิหาเรื่องชวนคุยไปตามมารยาทอย่างนั้นเอง

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“ทานผลไม้หน่อยไหมครับ” ว่าแล้วปวุฒิก็เลื่อนจานผลไม้ไปตรงหน้าของคนมาทีหลัง หลินฮันหมิงรับน้ำดื่มจากมือมะโฉ่ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ยกน้ำขึ้นดื่ม...ยิ้มให้ทุกคน

“ผมขอตัวเข้าห้องน้ำหน่อยนะ...ขอตัวแป๊บ” ปวุฒิรู้ว่าห้องน้ำบ้านนี้อยู่ตรงไหน และพอเข้าห้องน้ำมาแล้วเขาก็โทรหาณิชกานต์ในทันที...


ประตูบ้านรั้วบ้านของขวัญชีวีสามารถเลื่อนได้ด้วยรีโมท ดังนั้นมะโฉ่จึงไม่ต้องวิ่งไปเปิดประตูให้ ขวัญชีวีขับรถเข้ามายังโรงจอดรถที่อยู่ทางด้านซ้ายของเนื้อที่ เพียงออที่นั่งหน้าคู่กับคนขับก็เปิดประตูลงมาเปิดประตูให้คุณย่าเล็ก พอทั้งหมดลงมาจากรถ เพียงออก็ทำหน้าที่ขนของอย่างไม่อิดออดโดยมีมะโฉ่รีบวิ่งมาช่วยถือ ส่วนสนามกับปวุฒิและหลินฮันหมิงเดินตามมาอย่างไม่รีบร้อน...เพียงออที่ช่วยมะโฉ่ขนของเข้าบ้าน

ร้องทักพี่ชายและหลินฮันหมิงโดยที่หญิงสาวไม่ได้ยกมือไหว้เพราะในมือมีถุงใส่ของทั้งสองข้าง...

ปวุฒิยกมือไหว้คุณยายแน่งน้อยและคุณย่าหลินซิ่วอิน..เช่นเดียวกับที่หลินฮันหมิงยกมือไหว้คุณยายแน่งน้อยอย่างรู้ธรรมเนียมของคนไทย

“สวัสดีจ๊า...คิดถึงเธอเหมือนกัน วันนี้ไปร้านเธอ นารทเขาเลี้ยงอาหารซะอิ่มแปล้เลย”

“เดี๋ยววันหน้าผมจะมารับไปทานอีกครับ...อาหารร้านผมอร่อยไหม”

“อร่อยมาก เดี๋ยวจะชวนอาหมิงไปกินด้วย แต่ไปคราวหน้าต้องคิดเงินนะ ให้เลี้ยงแค่ทีเดียวเท่านั้น ไม่งั้นไม่ยอมไป”

“โอเคครับ เอาเป็นว่าคิดในราคาพิเศษแล้วกันครับ”

“เข้าบ้านก่อนดีกว่า” แน่งน้อยขัดจังหวะ หลินฮันหมิงก็เลยเดินไปหาย่าเล็กของตนแล้วก็ประคองเดินตามคุณนายแน่งน้อยเข้าไปในบ้าน...ส่วนขวัญชีวียังยืนอยู่ตรงนั้น ปวุฒิยิ้มให้หญิงสาว

“ไปไหนกันมาบ้างครับ”

“ไปอยุธยาค่ะ ไหว้พระ เที่ยวเมืองเก่าแล้วก็กินข้าวเย็น พี่ปุ้มมานานหรือยังคะ” ด้วยโตมากับคุณยายคุณตาขวัญชีวีจึงชอบทำบุญทำทานไหว้พระไปด้วย

“พักใหญ่ ๆ แล้ว”

“ค่ะ” สีหน้าของขวัญชีวีดูเนือย ๆ เหมือนมีเรื่องกังวลใจ

“ตะลอนทั้งวันเหนื่อยไหม”

“พอได้ค่ะ”

“แล้วก่อนย่าเล็กจะกลับ มีโปรแกรมไปไหนกันอีกหรือเปล่า”

“เห็นเพียงออชวนไปไหว้หลวงพ่อโสธรค่ะ เปลี่ยนเส้นทางไปทิศตะวันออกบ้าง แต่เพียงออเขาจะพาไปเอง ไม่รู้ตกลงกันได้หรือยัง แต่ขวัญคงไม่ได้ไปด้วยแล้วละคะ มีงาน”

“เห็นพี่อรบอกว่าจะมีงานถ่ายแบบคู่กันนะ บอกขวัญหรือยัง”

“ยังค่ะ...ไม่ได้คุยกับพี่อรมาสองวันแล้ว กับหัวไหนคะ”

ปวุติเอ่ยชื่อนิตยสารไฮคลาสที่หน้าปกเน้นแนวเซ็กซี่ออกมา ขวัญชีวีถอนหายใจเบา ๆ ไม่ใช่ว่าไม่เคยถ่ายแนวเซ็กซี่เผยเรื่องร่าง และใช่ว่าไม่เคยถ่ายแบบด้วยกัน แต่ว่าเธอเบื่อที่จะตอบคำถามคอลัมน์นิสมากกว่า

“ถ้าขวัญจะปฏิเสธ...”

“ทุกอย่างแล้วแต่ขวัญ สำหรับขวัญพี่อย่างไรก็ได้...ไปเข้าบ้านเถอะ ข้างนอกยุงเยอะ”

ว่าแล้วปวุฒิก็เดินนำขวัญชีวีเข้ามาในบ้าน ระหว่างนั้นเขาก็กดโทรศัพท์โทรออกส่งสัญญาณไปหาเบอร์ของณิชกานต์ เพื่อให้หญิงสาวโทรกลับเบอร์ของหลินฮันหมิง...
เพราะถ้าได้ยินหลินฮันหมิงคุยกับณิชกานต์ต่อหน้าต่อตาแล้ว เขาเชื่อว่า ขวัญชีวีจะไม่คิดปฏิเสธไมตรีของเขาอย่างแน่นอน...





จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2556, 12:15:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2556, 12:15:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1917





<< ึ7.   9. >>
คิมหันตุ์ 22 ม.ค. 2556, 01:09:34 น.
นายปวุฒิ ร้ายยยยย ชิส์


ree 22 ม.ค. 2556, 08:23:08 น.
ร้ายจริง อย่างกับนางร้ายเลย


Zephyr 25 ม.ค. 2556, 12:32:03 น.
พระเอกแค่ในจอสินะ แต่นิสัยนี่ ตัวร้ายชิดซ้ายเลย
ฉลาดแกมโกงมากๆ สุดท้ายนายจะไม่เหลือใคร ไม่งั้นก็ได้กะยายนิดนั่นแหละ คนกันเองหนิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account