Eternal Love - รักแรกนิรันดร์
ทุกคนล้วนมีรักแรก....แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีคนแรกที่ได้รักนั้นเป็นตัวจริง

และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใด ม่านทอง ม่านแก้วและม่านมุก สามพี่น้องของบ้านฉายวรินทร์จึงยังคงไม่มีใครอีกคนที่จะเดินจูงมือกันก้าวผ่านเส้นทางชีวิตที่เหลือไปด้วยกัน

เรื่องราวความรัก 3 เรื่อง ของ 3 พี่น้อง ที่โดนมนต์แห่งรักแรกเข้าอย่างจังจึงบังเกิดขึ้น ท่ามกลางความทรงจำ ความรัก และสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่จะประคับประคองหัวใจของกันและกันให้ต่อสู้กับความผิดหวัง เพื่อพบกับรักเเรกอันเป็นนิรันดร์ ที่จะมีกันและกันตลอดไป
Tags: รักแรก,โรแมนติก,ซึ้ง,หวาน

ตอน: รักสุดใจ - 3


หลังจากไปหมกตัวอยู่บ้านสวนของเพื่อนสาวมาสามวันก็ได้เวลาที่พันแสงจะกลับมารายงานตัวที่บริษัทของคุณอา ทันทีที่เขาแจ้งความประสงค์ว่าจะกลับมาช่วยงานที่นี่ อาของเขารีบตอบรับด้วยความยินดี และที่สำคัญกว่านั้นคุณย่าก็อ้าแขนต้อนรับเขาอย่างที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนด้วย พันแสงเพิ่งรู้สึกได้ว่าตนเองไม่ได้โดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่คิดมาโดยตลอด ที่นี่ยังคงรอคอยการกลับมาเสมอในวันที่เขาทำใจยอมรับการจากไปของสองบุพการีได้ หลังจากนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยชายหนุ่มก็อดหยิบรูปถ่ายที่หัวเตียงขึ้นมาดูไม่ได้ ภาพของเขากับเด็กหญิงม่านตะวันลูกสาวของเพื่อนรักที่เขาลงทุนอัดใส่กรอบมาตั้งไว้ด้วยความถูกใจ สามวันที่เขาไปอยู่บ้านสวนฉายวรินทร์เด็กหญิงม่านตะวันก็ป่วยนอนซมไปเสียสองวันเพิ่งจะมีแรงลุกขึ้นมาเล่นกับเขาได้ในวันที่สามนี่เอง เด็กหญิงเข้มแข็งมากแม้ว่าจะโดนฉีดยาเขาก็ไม่ได้ยินเสียงร้องสักแอะ ที่เห็นร้องไห้ก็มีแต่คนเป็นแม่นั่นแหละที่ชอบแอบหันหน้าหนีไปเช็ดน้ำตาประจำ อันที่จริงม่านมุกเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอเปราะบาง อ่อนโยน และเหมาะที่จะถูกปกป้อง จนทุกคนเรียกว่า ‘หนูมุก’ จนติดปาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเลี้ยงม่านตะวันออกมาได้ดีขนาดนี้ ชายหนุ่มอมยิ้มอยู่คนเดียวยามเมื่อคิดถึงดวงตากลมๆที่ฉายแววร่าเริงสดใสนั่น อดนึกอิจฉาเพื่อนไม่ได้ที่มีลูกสาวน่ารักๆ เมื่อไหร่เขาจะมีแบบนี้บ้างนะ เขาชักเบื่อโลกเหงาๆของตัวเองขึ้นมาเสียแล้ว

‘อังเคิ้ลซันจะมาหาหนูตะวันอีกไหมคะ?’ เสียงเจ้าตัวเล็กถามตอนที่เดินมาส่งเขาขึ้นรถเพื่อกลับกรุงเทพ เขาเองก็อดที่จะนั่งยองๆ ลงไปคุยกับเด็กหญิงไม่ได้

‘อยากให้ลุงมาไหมครับ?’

‘อยากค่ะ หนูตะวันอยากให้อังเคิ้ลซันมา อังเคิ้ลซันมาแล้วทำให้หม่าหม๊ายิ้มเก่ง’ ถ้อยคำบอกเล่าของเด็กหญิงทำให้คนฟังยิ้มกว้างรู้สึกถึงความสำคัญของตัวเองขึ้นมาทันที

‘งั้นลุงซันก็ต้องมาบ่อยๆแล้วสิ’

‘ค่ะ มาบ่อยๆ’ เด็กหญิงพยักหน้าอย่างแรงจนหางเปียแกว่งไปมาน่าเอ็นดูนักในสายตาของเขา

‘แต่ไม่รู้ว่าหม่าม๊าของหนูตะวันจะอยากให้ลุงมารบกวนหรือเปล่าน่ะสิ’

‘ไม่รบกวนค่ะ เนอะๆหม่าม๊า อังเคิ้ลซันมามีแต่เรื่องสนุก’ เจ้าตัวดีหันไปพยักพเยิดกับมารดาด้วยท่าทางผู้ใหญ่เกินตัวจนเขาต้องกลั้นขำ

‘จ้าไม่รบกวน ถ้าซันอยากมาเมื่อไหร่ก็มาได้เลย บ้านเราเปิดต้อนรับเสมอ’ คำตอบรับของมารดาทำให้เด็กหญิงยิ้มกว้างพร้อมทั้งกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ไม่มีใครเข้าใจท่าทางนั้นหรอกว่าหมายถึงอะไร ไม่เข้าใจว่าทำไมม่านตะวันจึงแสดงความดีใจออกมาขนาดนั้นทั้งๆที่เพิ่งได้รู้จักกันเพียงสามวัน

‘วันนี้ลุงซันกลับก่อนนะครับ วันหลังจะมาเที่ยวใหม่’ เขาล่ำลากับเด็กหญิงก่อนจะหอมแก้มเธอตามธรรมเนียม ซึ่งเด็กหญิงก็หอมแก้มเขาฟอดใหญ่เป็นการบอกลาเช่นกัน

‘บ๊ายบายค่ะอังเคิ้ลซัน’

พันแสงยังคงนอนอมยิ้มอยู่บนเตียงยามเมื่อนึกถึงเด็กหญิงตัวน้อย ก่อนจะไพล่ไปคิดถึงมารดาของยัยหนูซึ่งก็คือม่านมุกเพื่อนของเขานั่นเอง หลังจากที่ไม่ได้พบกันนานเขาก็รู้สึกว่าม่านมุกเปลี่ยนไป รู้สึกว่าเธอเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนจนแทบไม่จำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากเขาอีกแล้ว จะมีแค่บางเวลาเท่านั้นล่ะที่เขาได้สัมผัสกับเพื่อนคนเดิม ยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นเพราะเพื่อนมีคนอื่นที่มาทำหน้าที่แทนเขาแล้วก็ได้ ถึงได้รู้สึกไม่เหมือนเดิมขนาดนี้ คนอื่นที่ดูจะให้ความสนิทสนมใกล้ชิดม่านมุกมากพอๆกับเขา นพ เจ้าของอู่ซ่อมรถผู้ชายที่ชื่อสั้นๆ แต่หน้าอย่างโหดที่ดันยิ้มหวานให้เพื่อนเขา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไอ้นายช่างหน้าโหดนั่นคิดจะจีบม่านมุกแน่ๆ เขามั่นใจว่าสายตาผู้ชายด้วยกันมันต้องดูกันออก

“ฝันไปเถอะไอ้หน้าโหด เพื่อนของฉันต้องเจอคนที่ดีกว่านายแน่นอน”

เมื่อคิดได้ดังนั้นพันแสงก็ลุกพรวดขึ้นมาคว้าโทรศัพท์ ตัดสินใจกดโทรหาเพื่อนอีกคนหนึ่งที่มั่นใจว่าต้องช่วยเขาได้อย่างแน่นอน โดยไม่ได้ดูเลยว่าขณะนี้นาฬิกาล่วงเข้าวันใหม่มาแล้วเกือบสองชั่วโมง ด้านคนที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มทันทีที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เขาก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาด้วยความตกใจ สาบานได้เลยว่าเพิ่งจะเคลิ้มหลับไปได้ไม่นาน พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าเท่านั้นแหละ อรัญถึงได้ก่นด่าตนเองในใจโทษฐานที่ลืมปิดโทรศัพท์

“ไม่หลับไม่นอนหรือไงวะไอ้ซัน” เขากรอกเสียงไปด้วยความหงุดหงิดที่โดนรบกวน แต่ทว่าเสียงร่าเริงที่ตอบกลับมายิ่งทำให้ความหงุดหงิดของเขาเพิ่มอีกสิบจุด

“ก็ยังไม่นอนอ่าดิ ถ้านอนแล้วจะโทรมาหาแกได้ไง นี่แกหลับแล้วเหรอ?”

“ก็เออสิวะ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วพรุ่งนี้ข้ามีงานการต้องทำเหมือนกันนะโว้ย”

“เสาร์นี้แกว่างไหม?” คำถามที่สวนเสียงโวยวายของเขามานั้นทำให้อรัญต้องชะงัก ก่อนจะพยายามเรียบเรียงสติว่าตนเองมีนัดอะไรหรือเปล่า และคำตอบที่ที่ได้ก็คือไม่มี

“ว่าง...ทำไม มีอะไรเหรอ?”

“จะชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดไง แบบว่าข้าคิดถึงเมืองไทยมากๆเลย ก็อยากเที่ยวบ้างอะไรบ้าง”

“ไปไหน?”

“บ้านหนูมุก” คำตอบสั้นๆทำเอาอรัญตาสว่างสมองโล่ง คิดถึงเมืองไทย? อยากเที่ยว? แต่ไปบ้านหนูมุก ท่าทางเพื่อนเขาจะไม่ปกติ ก็เพิ่งจะไปมาไม่ใช่หรือแล้วจะไปอีก มันหมายความว่ายังไง...งง!!!

“ประทานโทษเถอะครับไอ้คุณพันแสง ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับมาจากบ้านหนูมุกไม่ใช่เหรอ แล้วจะไปอีกเนี่ยนะ มีอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มี แต่แค่อยากไปหาหนูตะวันรับปากหลานไปแล้วว่าจะไปเล่นด้วยบ่อยๆ” คำตอบของเพื่อนทำให้คนปลายสายถึงกับตาโต หรือบางทีสิ่งที่เขากับรวิอรคุยกันไว้มันจะเข้ารูปเข้ารอยด้วยตัวของมันเองโดยไม่ต้องยื่นมือไปยุ่งเกี่ยวด้วย

“แกก็ไปคนเดียวได้นี่ ทำไมต้องชวนข้าไปด้วยวะ...งง!”

“ไม่ได้ๆ อยากให้แกไปด้วย ไปช่วยหนูมุกไง”

“ช่วย!!! ช่วยอะไร หนูมุกเป็นอะไร!!! ไอ้ซันแกพูดมาให้เคลียร์ดิ๊”

“กะ...ก็ ก็ไปช่วยนั่นแหละ สรุปแกว่างไหมล่ะ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ข้าไปคนเดียวก็ได้” ปลายสายไม่ยอมอธิบายอะไรทำให้อรัญได้แต่เกาหัวแกรกทั้งกังวลและเป็นห่วง ยิ่งเพื่อนเล่นพูดแบบนี้ด้วยแล้วมีหรือที่เขาจะไม่ตกลง

“เออๆ ไปได้ๆ ว่าแต่เรื่องมันเป็นไงวะเล่าให้ฟังก่อนดิ”

“เอาไว้เล่าทีเดียววันเสาร์เลยแล้วกัน ขอบใจนะเว้ย แกไปนอนเหอะแล้วเจอกันวันเสาร์นะ” พูดจบปลายสายก็วางไปทันทีได้แต่ปล่อยให้อรัญยังคงอึ้งๆ งงๆ และเมื่อได้สติก็ทำได้เพียงแค่สบถใส่โทรศัพท์ที่ไร้คู่สนทนาเท่านั้น

“ไอ้เวร มาบอกให้ข้าไปนอน แล้วข้าจะได้หลับไหม? มาทิ้งค้างไว้แบบนี้ ไอ้เพื่อนชั่ว”

....................................................................

เสียงสมุนประจำบ้านเห่ากันสองสามทีแล้วก็ตามาด้วยเสียงงี๊ดง๊าดราวกับดีอกดีใจนั้นทำให้เจ้าของบ้านไม่ต้องชะโงกหน้าดูก็รู้ได้ว่าคงเป็นใครสักคนที่รู้จักมักคุ้นกับเจ้าลายเสือและเจ้าสี่แต้มแน่ๆ และทันทีที่เปิดประตูรั้วออกมาพบกับเพื่อนของน้องสาวม่านทองถึงกับต้องขมวดคิ้วเนื่องจากผิดความคาดหมายไปไกล เพราะไม่คิดว่าคนที่มาแต่เช้านั้นจะเป็นสามเพื่อนสนิทของน้องสาวคนเล็ก และที่สำคัญม่านมุกก็ไม่ได้บอกหรือสั่งความอะไรไว้ก่อนออกจากบ้านไปเสียด้วย แสดงว่าคงจะไม่ได้รับรู้การมาของทั้งเพื่อนล่วงหน้าเช่นกัน

“สวัสดีครับ/ค่ะพี่หนึ่ง” แขกผู้มาเยือนทั้งสามยกมือไหว้อย่างพร้อมเพรียง เจ้าบ้านจึงรับไหว้พร้อมคำทักทายด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

“วันนี้มากันแต่เช้าเชียวนะ เข้าบ้านกันก่อนสิ แต่ว่าเจ้าสามมันไม่อยู่หรอกนะ”

“อ้าว!!!” ทั้งสามอุทานกันออกมาอย่างพร้อมเพรียง ทำเอาม่านทองต้องอมยิ้มกับท่าทางผิดหวังที่ดูไม่ได้โตตามอายุของแต่ละคนเลย

“ไม่อยู่ตอนนี้แต่เดี๋ยวสายๆก็กลับน่า เจ้าสามมันไปตลาดแล้วก็เลยเอารถไปซ่อมที่อู่ด้วย” คำบอกเล่าของพี่สาวเพื่อนทำให้พันแสงตาโต ดูท่าว่าอู่ซ่อมรถที่ม่านทองพูดถึงคงไม่พ้นอู่ของไอ้หน้าโหดที่เขาคิดจะกำจัดออกไปจากชีวิตเพื่อนอันเนื่องมาจากความไม่เหมาะสมด้วยประการทั่งปวง เอารถไปซ่อมก็หมายความว่าอาจจะต้องทิ้งรถไว้ด้วยสินะ

“ไปอู่คุณนพเหรอครับพี่หนึ่ง แล้วอย่างงี้มุกจะกลับบ้านยังไงล่ะครับ”

“โธ่ ซันก็พูดเหมือนเจ้าสามมันอายุห้าหกขวบงั้นแหละ เดี๋ยวมันก็กลับเองได้ พวกเธอเข้ามารอในบ้านก่อนก็แล้วกัน” จบประโยคนั้นทั้งสามจึงเดินตามเจ้าของบ้านเข้ามาตามคำเชิญ แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะพาเข้าไปในตัวบ้านม่านทองก็แยกไปทางโรงรถ แล้วหันมาบอกกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริงสมกับเป็นม่านทองว่า “โชคดีนะเนี่ยที่มากันเร็ว พี่กำลังจะปิดบ้านไปทำธุระพอดี เมื่อมีคนมาอยู่แบบนี้พี่ก็ฝากเฝ้าบ้านด้วยเลยแล้วกันนะจ้ะ”

จบประโยคบอกเล่าอย่างเป็นกันเองเพียงแค่นั้นม่านทองก็ผละไปขึ้นรถของตนเองแล้วขับจากไป โดยปล่อยให้แขกทั้งสามยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ รู้สึกถึงความเคว้งคว้างที่ถูกเจ้าของบ้านทอดทิ้งไปอย่างหน้าตาเฉย รวิอรอดไม่ได้ที่จะหันมาเหยียดยิ้มใส่สองเพื่อนรักด้วยความสมน้ำหน้า

“ไงยะ? เซอร์ไพร์สพอไหมล่ะ ไอ้มุกไม่อยู่แถมต้องมาเฝ้าบ้านให้ด้วย ไปเลยไปขนของเข้ามาในบ้านเลย ฉันจะเข้าไปนั่งรอข้างใน” รวิอรทิ้งท้ายไว้ก่อนเดินหายเข้าบ้านไปด้วยมาดนางพญา ปล่อยให้สองหนุ่มรับคำเบาๆ แล้วไปขนของที่ท้ายรถลงมา ขณะที่ต่างก็ก้มๆเงยๆกันอยู่กับถุงเสบียงและของฝากที่ขนกันมาจากกรุงเทพ อรัญก็ได้ทีเปิดประเด็นเรื่องที่ค้างคามาหลายวัน

“ไอ้ซัน แกยังไม่ได้บอกเลยนะว่าที่ลากข้ามาวันนี้น่ะมันเรื่องอะไร”

“ก็มาช่วยหนูมุกไง ข้าบอกไปแล้วนี่ว่าจะมาช่วยหนูมุก”

“ไอ้ประโยคนี้รู้แล้วโว้ย ท่องกรอกหูข้ามาหลายวันแล้ว แต่เอ็งช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยได้ไหมว่าช่วยจากอะไรยังไง ข้างงไปหมดแล้วเนี่ย” คำถามที่เพื่อนถามนั้นเมื่อปราศจากสายตารู้เห็นของรวิอร ก็ทำให้พันแสงยอมเปิดปากเล่าออกมาโดยง่ายไม่มีบ่ายเบี่ยงหรือปิดบัง ซึ่งเมื่ออรัญฟังแล้วก็ได้แต่อ้าปากค้าง อึ้งกิมกี่ไปหลายวินาที

“หนูมุกมีคนมาจีบ แต่ข้าไม่ชอบ ข้าว่ามันไม่เหมาะสมกับหนูมุก ท่าทางบอกเลยว่าดูแลหนูมุกกับลูกไม่ได้ชัวร์ๆวันนี้ก็เลยลากแกมาช่วยไง”

“ช่วย??? หนูมุกมีคนมาจีบ!!! แกไม่ไม่ชอบ!!! ไอ้ซันนี่แกเป็นไรมากเปล่าเนี่ย ไร้สาระมากไปเปล่าเพื่อน นี่มันเรื่องของหนูมุกแล้วแกไปยุ่งอะไร”

“ก็เพราะเป็นเรื่องของหนูมุกไงถึงต้องยุ่ง” คำตอบสั้นๆประโยคนี้ทำให้อรัญต้องเกาหัวแกรก งงกับเพื่อนมากมายว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา ปกติไม่เคยเห็นสนใจเรื่องของคนอื่นเลยแต่พอเป็นเรื่องของม่านมุกทีไรพันแสงต้องออกอาการไม่ปกติอย่างนี้ทุกที

“ถามจริงเหอะไอ้ซัน แกชอบมุกเหรอ?ถึงได้ทั้งหวงและห่วงแบบนี้”

“เฮ้ย!!! บ้าแล้วหนูมุกน่ะเพื่อน เพื่อนสนิทเลยด้วยข้าไปคิดแบบนั้นได้ไงเล่า ไอ้นี่ถามไม่คิด”

“ก็คิดแล้วถึงได้ถาม พฤติกรรมแกมันดันฟ้องนี่หว่า ชอบมุกก็บอกมาตรงๆเถอะ” คราวนี้อรัญเริ่มคาดคั้นด้วยความมุ่งหวังบางอย่างในใจ ถ้าเพื่อนทั้งสองคนจะรักกันมันคงดีทุกอย่างมันคงจบสวยอย่างที่เขาอยากเห็น

“เฮ้ย!!! อย่าพูดอย่างงี้ให้มุกได้ยินนะ เดี๋ยวมองหน้ากันไม่ติดพอดี หนูมุกเป็นเพื่อนที่ข้ารักที่สุดอย่ามาบ่อนทำลายความสัมพันธ์นี้สิวะไอ้อ้น”

“ข้าไม่ได้บ่อนทำลายแค่ถามเฉยๆ เผื่อถ้าแกชอบ แกอยากดูแลมุก ก็จีบเลย ง่ายๆ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานจะเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนไม่เห็นแปลกเลย” คำบอกเล่าของอรัญทำเอาคนเป็นเพื่อนหันมาทำหน้านิ่วใส่อย่างไม่ชอบใจ บอกได้คำเดียวว่ามันไม่ได้ง่ายและก็ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ด้วย เขากับม่านมุกเหรอ? ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในสมองเลยสักนิด

“อย่าใช้คำว่าง่ายกับเรื่องความรู้สึกของคนนะไอ้อ้น โดยเฉพาะอย่าเอามาใช้กับหนูมุก ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายอย่างที่แกคิด แล้วที่สำคัญนะหนูมุกมีค่าเกินกว่าจะมาพูดถึงความรักที่ฉาบฉวยแบบนั้น” น้ำเสียงจริงจังที่ตอบกลับมาทำให้อรัญหันมามองหน้าเพื่อนอย่างเต็มตา พยายามอย่างยิ่งที่จะจับสังเกตความผิดปกติ อดคิดไม่ได้ว่าพันแสงอาจจะปากแข็งแกล้งบอกไม่รู้สึกอะไรกับม่านมุกก็เป็นได้ แต่ทว่าเมื่อพิจารณาดูแล้วมันไม่กลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิด หรือว่า? คำว่าเพื่อน...ที่เอ่ยออกมาจากปากของพันแสงนั้นมันไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปจริงๆ

“เออๆ เพื่อนก็เพื่อน แล้วถ้าแกคิดแบบนี้จะมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของหนูมุกทำไมวะ ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเลย ทำอย่างกับหนูมุกเป็นเด็กๆไปได้”

“ข้าไม่ได้ยุ่ง แต่ข้าแค่เห็นว่าไอ้คุณนพอะไรนั่นมันไม่ดีพอ ข้าอยากให้หนูมุกเจอคนที่ดีๆ เพราะข้าไม่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ตอนที่ข้าไปอยู่เมืองนอก หนูมุกต้องผ่านอะไรมาบ้าง ข้าผิดเหรอไง?”

“เออ ไม่ได้ผิด แต่แกเอาอะไรมาตัดสินว่าผู้ชายคนนั้นมันดีไม่พอที่จะดูแลมุกกับหนูตะวันได้ห๊ะ?” เจอคำถามนี้เข้าไปพันแสงถึงกับนิ่ง ความร้อนใจทั้งหลายดูเหมือนจะหยุดชะงัก นั่นสิ...เขาเอาอะไรมาตัดสินความไม่เหมาะสมที่เขาแอบประเมินอยู่ในใจเงียบๆ ทั้งที่เพิ่งได้พบกับผู้ชายคนนั้นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมยังไม่ได้พูดคุยอะไรเกินไปกว่าเรื่องรถและค่าซ่อมรถด้วย แล้วเขาจะบอกอรัญได้อย่างไรว่าทั้งหมดนี่มันเกิดจากความรู้สึกที่เขาคิดเองเพียงฝ่ายเดียว ความรู้สึกที่บอกได้แค่ว่ามันคือเซนส์ที่เขาใช้จับสัมผัสความไม่ชอบมาพากลจากผู้ชายคนนั้น

“ก็...ก็...ก็จะอะไรซะอีกล่ะนอกจากท่าทางไม่น่าไว้วางใจ คุณสมบัติที่ไม่น่าจะเหมาะสมกับหนูมุกน่ะสิ”

“แน่ใจนะว่านี่เหตุผล...โธ่ไอ้ซันเสียทีไปเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนา นี่มันเหตุผลลอยๆที่แกคิดเอาเองแค่นั้นแหละ ข้าไม่คุยกับแกด้วยแล้ว เอาของไปเก็บดีกว่าป่านนี้อี่ ชะเง้อคอมองหาแล้ว”

“เดี๋ยวสิ!” พันแสงคว้าไหล่เพื่อนไว้ทันก่อนที่อรัญจะเดินตัวปลิวเข้าบ้านไป

“อะไรอีกล่ะ?”

“สรุปว่าแกจะช่วยหนูมุกไหมอ้น”

“ช่วย...แต่ข้าจะช่วยก็ต่อเมื่อมีเหตุผลที่ดีกว่านี้นะไอ้ซัน” พูดจบอรัญก็หิ้วของหนีเข้าบ้านไปอีกคน เขาเลยจำใจต้องหอบหิ้วของที่เหลือเดินตามไปแต่โดยดี พร้อมทั้งคิดหาทางออกให้กับเรื่องที่เขาตั้งใจมาจัดการไปด้วย บางความคิดยังคงค้านการกระทำของตัวเขาเองด้วยซ้ำไป ค้านเหมือนกับที่อรัญเพื่อนของเขาค้านนั่นก็คือ...เหตุผลอะไรที่เขาต้องไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของหนูมุกด้วย...เหตุผลอะไรกัน มีอย่างอื่นที่นอกเหนือไปจากความเป็นห่วงอีกไหม?

ท่าทางผุดลุกผุดนั่งของพันแสงทำเอาทั้งรวิอรและอรัญต้องปวดหัวจี๊ดแถมยังรำคาญลูกตาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งคู่ทำได้แต่ส่งสายตาคุยกันเท่านั้นซึ่งเป็นสายตาที่ตีความได้ว่า เพื่อนกำลัง ‘อาการหนัก’ พันแสงไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าในยามนี้ตนเองได้ตกเป็นเป้าหมายทางความคิดของเพื่อนทั้งสองไปเสียแล้ว โดยเฉพาะรวิอรที่ตั้งใจจะจับสังเกตให้ได้ด้วยความสงสัยอย่างจริงจังถึงเรื่องที่อรัญแอบเล่าให้เธอฟังเมื่อครู่นี้มากๆ ถ้าความรู้สึกไม่ผิดพลาดเธอมั่นใจว่าพันแสงต้องรู้สึกกับม่านมุกมากกว่าเพื่อนแน่ๆ แต่ที่บอกว่าไม่ได้คิดอะไรนั้นคงเป็นเพราะว่าความสนิทสนมใกล้ชิดกันเกินไปนี่ต่างหากที่ทำให้มองไม่เห็น

“ขอร้องเถอะซัน ช่วยนั่งลงนิ่งๆสักสิบนาทีได้ไหม อี่เวียนหัวจะตายอยู่แล้วนะ” รวิอรบ่นออกมาอย่างเหลืออดเมื่อเห็นเพื่อนตั้งท่าจะเดินไปชะโงกที่ประตูอีกรอบ

“อี่ไม่สบายเหรอ? เอายาไหมเดี๋ยวซันไปหยิบให้”

“โอย...อี่ไม่ได้ป่วย แต่ที่อี่เวียนหัวเนี่ยก็เพราะซันเอาแต่เดินไปเดินมา เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งต่างหากเล่า” รวิอรกลอกตาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ พันแสงเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาคอยม่านมุกโดยแทบไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองน่ะเสียจริตขนาดไหน

“อ่าวเป็นงั้นไป โทษทีๆ”

เมื่อขอโทษขอโพยเพื่อนแล้วพันแสงก็กลับมานั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีเหมือนเดิม แต่ก็นั่งได้เพียงไม่นานเท่าไหร่เจ้าตัวก็หอบร่างสูงของตัวเองไปเกาะประตูชะโงกหน้าดูรอการกลับมาของเจ้าบ้านอีกเหมือนเคย จากที่รวิอรจะขยับปากบ่นต่อไปอีก เธอก็เลยเลือกที่จะเงียบเฉยซะและก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือนิยายในมือของตัวเองต่อไป ด้านอรัญเองก็ไม่ต่างกัน แต่โชคดีกว่าหน่อยก็ตรงที่เขาหอบเอาโน้ตบุ๊กมาทำงานด้วยไม่เช่นนั้นคงต้องมานั่งปวดหัวกับเพื่อนไปอีกคนแน่ๆ เห็นท่าทางของเพื่อนเป็นแบบนี้แล้วอรัญก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนของเขาไม่รู้ตัวเลยจริงๆหรือว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันก้าวข้ามความเป็นเพื่อนไปไกลแล้ว

เสียงล้อรถยนต์ที่บดถนนโรยกรวดดังมาจากหน้าบ้านนั้นทำให้คนที่เพิ่งเดินกลับนั่งนิ่งอยู่กับที่ได้ไม่กี่นาทีผุดลุกขึ้นแทบจะทันที สองสมุนที่เห่าสองสามทีก่อนจะส่งเยงร้องแดงความดีใจออกมานั้นเป็นสัญญาณบอกได้อย่างดีว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้ว และคนที่กลับมานั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากม่านมุกและหนูม่านตะวันที่พวกเขากำลังรอคอย

“ดรีมเวิลด์ ดรีมเวิลด์ เย้ๆ...อังเคิ้ลซันนนนนน” เสียงใสๆที่ร้องเพลงลั่นเข้ามาอย่างร่างเริง เปลี่ยนเป็นเรียกชื่อเขาอย่างกะทันหันทันทีที่ได้เห็นหน้าของเขาโผล่ไปที่ประตู เด็กหญิงตัวน้อยโผเข้ามาหาอ้อมกอดที่อ้าไว้รอรับอย่างเต็มแรง พันแสงได้ทีจึงอุ้มม่านตะวันโยนตัวลอยด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะร่าเริงทำให้อีกสองคนที่เดินตามหลังเด็กหญิงมาหยุดมองด้วยความรู้สึกต่างกัน คนหนึ่งอี้ง ส่วนอีกคนหนึ่งดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“คิดถึงหนูตะวันจังเลย คิดถึงลุงซันบ้างไหมคะ?”

“คิดถึงค่าาาาา” เด็กหญิงม่านตะวันตอบด้วยน้ำเสียงใส คนที่แปลกใจที่สุดเห็นจะไม่พ้นคนที่มาพร้อมกับเด็กหญิงนั่นแหละ นพจำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเขาเพิ่งจะซ่อมรถให้คนที่กำลังอุ้มม่านตะวันอยู่ รู้จากม่านมุกเพียงคร่าวๆว่าเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนตามมาเที่ยวบ้าน แต่ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกครั้ง เป็นครั้งที่เขาอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ เพราะภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นช่างเหมือนกับพ่อกำลังเล่นกับลูกอยู่เลย

“แล้วไม่คิดถึงแม่อี่กับลุงอ้นบ้างเหรอจ้ะยัยหนู”

“แม่อี่ ลุงอ้น” เพียงได้เห็นอีกสองคนม่านตะวันก็ดิ้นลงจากอ้อมแขนแกร่งแล้วโผหารวิอรทันที นานแล้วที่เด็กหญิงไม่ได้พบแม่คนนี้ ยัยหนูจึงแสดงท่าทางดีอกดีใจนักหนา

“มากันได้ยังไงเนี่ย ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลย”

“ก็พวกอี่กะมาเซอร์ไพร์มุกไงเลยไม่ได้บอกล่วงหน้า ไม่คิดว่าจะเจอเซอร์ไพรส์กว่าเพราะมุกไม่อยู่บ้าน แถมโดนพี่หนึ่งใช้เฝ้าบ้านอีกด้วย”

“อ้าวตายจริง! นี่พี่หนึ่งไม่อยู่เหรอเนี่ย อย่างนี้พี่นพก็มาเก้อเลยสิคะ” ท้ายประโยคม่านมุกหันไปพูดกับผู้ชายอีกคนที่ทำเอารวิอรหูผึ่ง คนตรงหน้านี่เองที่พันแสงพูดถึง แต่จะว่าไปทำไมมันไม่เห็นกับที่เพื่อนของเธอบอกผ่านอรัญมาเลยสักนิด ผู้ชายตรงหน้านี่ดูดีมากถึงมากที่สุด เครื่องหน้าคมรับกับคิ้วเข้มและดวงตาสีน้ำตาลอ่อน แถมจมูกโด่งเป็นสัน แล้วยังมีไรหนวดเขียวจางๆ น่าสัมผัสอีก นี่มันหนุ่มหล่อในสเป็คของเธอชัดๆ หล่อลากกระชากใจกันเลยทีเดียว

“อ่อ ไม่เป็นไรเอาไว้พี่มาใหม่ก็ได้ ยังไงวันนี้พี่ก็ตั้งใจมาส่งสามกับลูกอยู่แล้ว”

“ขอบคุณค่ะ เอ่อลืมแนะนำ พี่นพคะนี่เพื่อนๆของสามเองค่ะ นี่อี่ค่ะ ส่วนนี่ก็นายอ้น ซันคงไม่ต้องแนะนำมั๊งคะพี่นพคงจำได้ ทุกคนนี่พี่นพจ้ะ พี่นพเค้าเพื่อนพี่หนึ่งน่ะ”
เมื่อได้แนะนำกันแล้วอย่างนี้ทั้งสองฝ่ายก็ได้แต่ทักทายกันพอเป็นพิธี จะมีก็รวิอรเท่านั้นที่ออกอาการเคลิ้มหนักยิ้มหวานเสียจนพันแสงหมั่นไส้ และยิ่งอาการหนักเมื่อเห็นอรัญท่าทางไปญาติดีด้วยทั้งๆที่เขาลากเพื่อนมาช่วยกันท่าไอ้หมอนี่ออกไปจากม่านมุกแท้ๆ ดันมาแปรพักตร์ไปหน้าตาเฉย

“หนูมุกจ้ะ...พวกเรารอหนูมุกตั้งนานแหนะ ซื้อของสดมาเพียบเลยด้วยตั้งใจจะมาปาร์ตี้กันเย็นนี้”

“ก็ซันอยากไม่บอกล่วงหน้านี่ว่าจะมา”

“ก็บอกแล้วว่าตั้งใจมาเซอร์ไพรส์หนูมุกกับหนูตะวันไง...เนอะๆ” พันแสงพูดพลางพยักพเยิดกับเด็กหญิงม่านตะวันที่กลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วเรียบร้อย

“เหรอออออออ” รวิอรอดไม่ได้ที่จะเอ่ยประชดเพื่อนออกมาเบาๆ ก็เธอรู้แล้วนี่ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงมันคืออะไร แต่ช่างเถอะ ตอนนี้สิ่งที่เธอสนใจมากกว่าอะไรทั้งหมดก็คือคือ พ่อลูกคู่นี้ต่างหาก หน้าก็พิมพ์กันมาอย่างกับแกะแบบขนาดนี้อยากจะรู้นักว่าคนที่กุมความลับไว้ทั้งหมดนั้นจะทำยังไง

“พี่ขอตัวกลับก่อนนะครับ พอดีมีงานที่อู่ค้างอยู่ด้วย แล้วเย็นๆพี่จะแวะมาใหม่นะ” นพตัดสินใจเอ่ยขอตัวทั้งๆที่ใจยังอยากอยู่ต่อ แต่เมื่อเห็นสายตาไม่ชอบใจของคนที่กำลังอุ้มหนูตะวันอยู่กับบทสนทนาที่ทำท่าจะตัดเขาออกจากวงโคจรนั้น การอยู่ต่อไปคงไม่มีอะไรดีขึ้นมาและที่สำคัญเขาชักเริ่มสงสัยว่าไอ้คนที่ชื่อพันแสงนั่นเป็นอะไรกับน้องสามของเขากันแน่ ยิ่งได้พบพร้อมๆกับหนูม่านตะวันด้วยแล้ว มันยิ่งตอกย้ำในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ

“งั้นเดี๋ยวมุกเดินไปส่งที่รถค่ะ” นพพยักหน้ารับและกำลังจะเดินออกไปพร้อมกับม่านมุกแต่ทว่าพันแสงก็ยังไม่ลืมจุดมุ่งหมายเดิม รีบเอ่ยชวนเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนทันที

“ไปค่ะหนูตะวันไปส่งลุงนพด้วยกัน”
ทุกคนในที่นั้นได้ยินชัดโดยเฉพาะนพ เขาแทบจะหันขวับไปหาคนพูดทันที สาบานได้ว่าไอ้ดวงตาคู่นั้นที่มองตอบเขากลับมามันกินนัยท้าทายแบบสุดๆ สายตารู้เท่าทันของพันแสงทำให้เขานึกคันไม้คันมืออยากจะต่อยหน้าขาวๆ ซักที แบบนี้มันเจตนาประกาศตัวเป็นศัตรูกันชัดๆ

“อ้าวไม่กลับเหรอครับพี่นพ ผมกับหนูตะวันจะขอเดินไปส่งด้วยคนนะครับ” พันแสงแสร้งตีหน้าซื่อบอก ทั้งที่ในใจกำลังหัวเราะด้วยความสะใจเมื่อเห็นแววตาไม่พอใจที่ตอบกลับมา คราวนี้นพไม่ตอบโต้อะไรอีกได้แต่เดินนำออกไปด้วยความหงุดหงิด



____________________________________________

ฝากงานของนักหัดเขียนคนนี้ไว้ด้วยนะคะ ยินดีรับคำแนะนำเพื่อเอาไปปรับปรุงงานให้ดีขึ้นค่ะ >_<





ญาตรีฬาห์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2556, 21:04:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2556, 21:04:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1169





<< รักสุดใจ - 2   ใน...หลุมรัก ตอนที่ 1 >>
ญาตรีฬาห์ 24 ม.ค. 2556, 21:06:16 น.
- ขอบคุณคุณ ameerahTaec ที่แวะเวียนมาอ่านเรื่องนี้นะคะ
- ขอบคุณคุณรชตด้วยคร่าที่ยังแวะเวียนมาอ่านต่อ....>___<



ameerahTaec 25 ม.ค. 2556, 11:21:25 น.
มาลุ้นๆตอนหน้า ตกลงคุณพี่นพชอบหนึ่งหรือสาม >.<


รชต 1 ก.พ. 2556, 14:50:33 น.
นายซันนี่ขี้เล่นนะ ฮุฮุ

อืม... คือเห็นอยู่สองสามคำนะคะ เรื่องการใช้วรรณยุกต์อ่ะค่ะ ยังใช้ผิดอยู่
หม่าม๊า --> หม่าม้า
ห๊ะ --> ห้ะ
มั๊ง --> มั้ง

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^v


ญาตรีฬาห์ 19 มี.ค. 2556, 21:59:18 น.
ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับเรื่องวรรณยุกต์ จะรีบแก้ไขและระวังมากขึ้นค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account