กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 37

ตอนที่ ๓๗

“คาดเข็มขัดด้วย” ประโยคสั้นๆที่ดังขึ้นส่งผลให้คนซึ่งเพิ่งจะก้าวยาวๆเข้ามานั่งในรถต้องรีบพยักหน้าหงึกหงัก วริณสิตากุลีกุจอก้มหน้าคาดเข็มขัดนิรภัยตามคำสั่งขณะที่พีรพัฒน์ก็หักพวงมาลัยพารถคันหรูออกแล่น

และถึงแม้จะอยากถ่วงเวลาก้มหน้าให้นานๆ แต่ในความเป็นจริง เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จวริณสิตาก็ต้องเงยหน้าขึ้นมา

สาวน้อยพยายามรักษาระดับสายตาให้ตนเองมองตรงผ่านกระจกด้านหน้าเท่านั้น ก็เพราะคิดอยู่ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้คงเป็นการเสียมารยาทและอาจทำให้ ‘ผู้ปกครอง’ ไม่พอใจอีกหรอกหากเธอจะหันหน้าไปมองวิวจากข้างทาง!


ใช่! วริณสิตาแน่ใจว่าเขาจะต้องไม่พอใจ เพราะอย่างน้อย เขาก็แสดงออกมาแล้วตอนที่ประกาศ ว่าเขาเป็นผู้ปกครองของเธอ


ด้วยเหตุนี้วริณสิตาจึงเลือกที่จะบังคับให้ตัวเองมองตรงๆ ผ่านกระจกหน้ารถเท่านั้น แต่ว่าไอ้การฝืนตัวนั่งแข็งๆ ในบรรยากาศชวนอึดอัด มิหนำซ้ำ การมองตรงนี่มันก็ยังคงต้องเห็นคนนั่งขับแว่บๆ ในหางตาตลอด นั่นทำให้การบังคับตัวเองครั้งนี้เป็นอะไรที่ยากเย็นเสียยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา!

เพราะทุกอย่างมันช่างเงียบและสร้างความอึดอัด!

วริณสิตาไม่ชอบเลย แต่เธอจะไปทำอะไรได้ เพราะหากคนที่นั่งอยู่ในรถกับเธอคือลุงก้าน วริณสิตาก็แน่ใจ ว่าตัวเองคงมีเรื่องราวเกี่ยวกับหนึ่งวันที่มหาวิทยาลัยเล่าให้ฟังได้เป็นล้านแปด

แต่นี่!

สาวน้อยได้แต่หรุบสายตา ลอบผ่อนลมหายใจ และอดทนอยู่ในความเงียบแสนอึดอัด

“ทำแกงสายบัวเป็นไหม?”

“คะ?”

แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้างและส่งเสียงถาม เมื่อจู่ๆเสียงทุ้มๆก็เอ่ยถามอะไรออกมาดื้อๆอย่างไม่มีสัญญาณบอก สาวน้อยเลยงุนงง

“เอ่อ...เมื่อกี้...คุณพี...ว่าอะไรหรือเปล่าคะ?”

แต่นาทีนั้น...เหมือนผู้ปกครองหน้ามุ่ย...กลับจะยิ้มหน่อยๆ

“ฉันถาม ว่าเธอทำแกงสายบัวเป็นไหม” เขาบอก “แถวบ้านฉันเรียกแกง แต่เป็นแบบต้มกะทิน่ะ”

“อ้อ...เอ่อ...ก็...ก็เป็นน่ะค่ะ” วริณสิตาตอบ ถึงกับติดอ่างเล้กน้อยเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่นั่นเหมือนจะจุดประกายยิ้มน้อยๆที่มุมปากผู้ปกครองได้อีกเสียงั้น

“แล้ว...ทำไมถึงทำเป็นล่ะ?” เขาถามอีก แต่คราวนี้ และกับคำถามนี้ที่ดูจะพิลึกกึกกือก็ทำให้เด็กสาวถึงกับร้องอ้าวเลย

“ก็ต้องเป็นสิคะ” วริณสิตาตอบ “เพราะตอนที่อยู่กับยาย หนูต้องช่วยยายทำกับข้าวค่ะ บางทีไปเก็บสายบัวมาทำกินกันบ่อยๆ ก็ต้องเป็นสิ”

“อ่อ! งั้นหรือ” เสียงเขาว่า แต่แล้วแค่อึดใจเขาก็ย้อนถามอีก “แล้วที่บอกว่ากินบ่อยเนี่ย บ่อยแค่ไหนฮึ?”

“ก็เกือบทุกอาทิตย์นั่นแหละค่ะ” วริณสิตาตอบ หนนี้ฉะฉานแล้วเพราะความรู้สึกอึดอัดอึมครึมที่เกิดขึ้นนั้นมันมลายหายวับไปเสียแล้วยามได้หวนนึกและพูดถึงวันเวลาที่อยู่กับยาย

“ตอนนั้นเราต้องประหยัดกันค่ะ” สาวน้อยเล่าอีก “หนูอยู่กับยายสองคน ไม่มีตังค์ บางทีเราก็ไปเก็บผักเก็บหญ้า เก็บสายบัวในบึงมาทำกับข้าวกินกัน ที่ทำประจำมีต้มกะทิบ้าง ลวกจิ้มน้ำพริกบ้าง ยายชอบทั้งนั้นเลยค่ะ แล้วหนูเองก็”

ที่จริงก็เพราะเสียงหัวเราะหึๆในคอของผู้ปกครองนั่นแหละที่ทำให้คนเล่าหยุดปากปั๊บพร้อมๆกับที่ฉุกนึกได้...ว่าบรรยากาศมันชักเปลี่ยน

“เอ่อ...” วริณสิตาพูดไม่ออก

“แล้วหนูเองก็...ก็อะไร?” เขาถามยิ้มๆเมื่อเด็กในปกครองชักนิ่งไม่ยอมตอบ

แต่แน่แหละ! วริณสิตาไม่พล่ามแล้ว!

“ว่าไงล่ะ ก็อะไรฮึ?”

“ก็...ไม่มีอะไรค่ะ” สาวน้อยตอบอุบอิบ นึกถึงที่เผลอร่ายยาวก็ชักจะไม่มั่นใจ ก็ในเมื่อเขาโกรธเธออยู่นี่นา แล้วที่เธอพูดมากๆยาวๆไปเมื่อกี้นี้น่ะจะยิ่งไปทำให้เขาโกรธเข้าไปใหญ่รึเปล่าเล่า

ไม่แน่ใจ สาวน้อยเลยนิ่งไปนิดอย่างติดจะเกรง แต่เมื่อผู้ปกครองเองก็ไม่ได้จะเอ่ยหรือเผยอะไรนอกจากยิ้มน้อยๆที่แปลความหมายไม่ออกเอาเสียเลย วริณสิตาจึงตัดสินใจ ถามเสียงค่อย

“ว่าแต่...คุณพี...ถามทำไมหรือคะ?”

“หืม?” ผู้ปกครองหนุ่มเลิกคิ้ว คลี่ยิ้มกลับมา และประกายในดวงตาเขา ก็เปลี่ยนไปแล้วจากเมื่อกี้จริงๆ

“ก๊อ...ไม่มีอะไรเหมือนกันนั่นแหละ!” เขาตอบก่อนหัวเราะร่วนอารมณ์ดี! อาการนั้นเลยทำวริณสิตาได้แต่นั่งงงเป็นไก่ตาแตกกับอารมณ์ที่พลิกจากหน้าเป็นหลังของผู้ปกครองหนุ่ม ซึ่ง...ดูเหมือนเขาเองจะพอใจที่เป็นเช่นนั้นด้วย

ความรู้สึกว่าคนที่ประกาศศักดินาเหนือเธอตอนอยู่มหาวิทยาลัยกลับกลายเป็นผู้ปกครองช่างแกล้งไปเสียได้ก็ทำให้หัวใจสาวน้อยเต้นประหลาด และช่วยไม่เลยที่ความช่างแกล้งไก๋กั๊ก ไม่ยอมจะตอบคำถามดีๆแบบนั้นจะทำให้ใจไผลนึกไปถึงครั้งแรก...ที่เขากลายเป็นผู้ใหญ่แบบนี้...

ก็คือวันที่...เขาพาเธอไปบ้านสวน

วริณสิตาหรุบตาลงต่ำเมื่อหวนนึกถึงความสนุกและความสุขที่เกิดขึ้นในวันนั้น

ทั้งบ้านสวน ท้องไร่ทุ่งนา คุณดวงทิพย์ ลูกชุบ และเหนืออื่นใด...การยินยอมอนุญาตให้เธอได้เรียนในสิ่งที่ต้องการ ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นราวความฝัน

วริณสิตาจ่อมจมในห้วงคิดถึงความสุขที่บ้านสวนนานจนเป็นหลายอึดใจ กระทั่ง...เริ่มรู้สึก...ว่าทิวทัศน์ข้างทางชักจะแปลก

สาวน้อยกะพริบตา เขม่นมองภาพสองข้างทางอย่างจะให้แน่ชัดเพราะทิวทัศน์สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากตึกรามแน่นหนาไปสู่หมู่ไม้ริมทางที่หนาแน่นขึ้น

แน่ล่ะ เส้นทางอย่างนี้บอกได้ชัดว่าไม่ใช่ทางซึ่งจะตรงกลับไปบ้านสุริยะธาดาหรอก วริณสิตายืดตัวนั่งหลังตรงทันที หัวใจชักโดดโลดเต้นแบบถี่ๆกับวิวชานเมือง และมันก็ยิ่งเต้นถี่มากขึ้นเมื่อในที่สุดสภาพสองข้างทางก็กลายเป็นท้องทุ่งนากับทางดินสายแคบที่มีบ้านไม้ใต้ถุนยกสูงอยู่สุดปลายทาง!

สาวน้อยสะบัดหน้าไปมองผู้ปกครองหนุ่มทันที

“อะไร” เสียงเขาถาม “หันมาทำไมฮึ?”

แล้วก็ยิ้มอย่างแกล้งๆเสียอย่างนั้น! เพราะงั้นวริณสิตาจึงต้องหันกลับไปมองที่สุดปลายทาง
และที่ลานหน้าบ้านนั้นคุณดวงทิพย์ก็ออกมายืนรอคนมาเยือนแล้ว

วริณสิตาหัวใจโลดถี่ ไม่คิดเลยว่าเขาจะพาเธอมาที่นี่อีก! สาวน้อยทำใจกล้าหันหน้าไปมองผู้ปกครองอีกครั้ง หนนี้เขาเพียงยิ้มละไม ไม่ได้เอ่ยอะไรกระทั่งขับรถเข้ามาจอดยังลานบ้าน อึดใจหนึ่งเมื่อดับเครื่องยนต์จนสนิท ผู้ปกครองหนุ่มจึงหันมา ยิ้มละไมยังกำจาย

“วันนี้ฉันหลอกพาเธอมาให้แม่ฉันใช้แรงงานอีกแล้วนะ เธอหนีไม่พ้นหรอก หึๆ” พูดแค่นั้นผู้ปกครองหนุ่มก็เปิดประตูรถออกไปโดยไม่สนใจเลยเลยว่า ‘คนถูกหลอกพามาใช้แรงงาน’ จะมีอากัปกิริยาที่เรียกว่า เหวอ ยังไงบ้าง!

แต่เมื่อตั้งสติได้วริณสิตารีบเปิดประตูรถตามลงมาอย่างว่องไว

“สวัสดีค่ะ” สาวน้อยกระพุ่มมือไหว้คุณดวงทิพย์ที่ยืนยิ้มละไมคอยอยู่
“สวัสดีจ้ะ” คนสูงวัยกว่ารับไหว้ก่อนหันไปทางชายหนุ่ม “ไง วันนี้ได้ฤกษ์ พาลูกมือมาช่วยแม่ทำกับข้าวสักทีนะ”

พีรพัฒน์หัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ทันที่เขาจะได้ตอบ

“พี่จี๊ปปปปปป! เย้ๆ พี่จิ๊บ!” เสียงเรียกนั่นดังแจ้วเหวกๆมาก่อนตัวตั้งแต่ไกลตามเคย เมื่อหันไปก็เห็นลูกชุบวิ่งมาทั้งชุดนักเรียนจนหน้าเริ่ด

“พี่จี๊ปปปปป”

คนถูกเรียกฉีกยิ้มกว้าง แต่ต่อจากเสียงเรียกพี่จิ๊บยาวๆนั่น ก็เป็นเสียงดุของคุณดวงทิพย์

“เอ้าๆ! เจ้าชุบ! สอนละไม่เคยฟังเลยนะ ตะโกนโหวกเหวกมาอย่างนั้นอีกแล้ว!”

คนถูกเอ็ดที่วิ่งมาถึงพอดีได้แต่เบรกเอี๊ยด ก้มตัวลงหอบแฮ่กเพราะห้อมาอยู่เกือบนาทีก่อนที่จะยืดตัวขึ้นมายิ้มแหย

“แฮ่...ก็ชุบรีบอ่ะ” แม่สาวน้อยจอมแก่นว่า “ชุบน่ะวิ่งมาตั้งกะเห็นรถน้าพีเลี้ยวเข้าปากทางโน่นแน่ะ”

ฟังจบเจ้าของรถก็หัวเราะขัน อดไม่ได้ที่จะแซว

“โห้! ไม่อยากเชื่อเลย ว่าชุบอยากจะเจอน้าขนาดนั้น”

“แหม! ไม่ใช่ซะหน่อย” แม่สาวน้อยรีบว่า “ชุบไม่ได้คิดถึงน้าพีสักกะติ๊ด แต่ชุบอ่ะคิดถึงพี่จิ๊บต่างหาก ก็เลยรีบมา”

ว่าจบลูกชุบก็ตรงเข้าคล้องแขน ยิ้มหวานให้วริณสิตา

“พี่จิ๊บจ๋า คิดถึงจัง”

คนถูกอ้อนได้แต่คลี่ยิ้ม

“จ้ะ พี่ก็คิดถึงชุบเหมือนกัน” วริณสิตาพูด “แต่ทีหลัง ไม่ต้องรีบวิ่งมาแบบนี้นะ เดี๋ยวหกล้มไปจะแย่”

“โอ้ย คงห้ามไม่ได้หรอกมั้งเจ้านี่” คุณดวงทิพย์ว่า มองแม่สาวน้อยข้างบ้านด้วยแววตาระคนขัน “แก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลก เห็นย่าเขาเอ็ดเขาบ่นประจำ”

“โธ่! ป้าทิพย์น่ะ อย่าเอาความจริงมาเล่าสิ ชุบก็อายเป็นนะ”

“อ้อ! อายเป็น ก็หัดทำตัวเป็นเด็กผู้หญิงกะเขามั่งซี”

“น่าๆ เดี๋ยวถึงเวลา อีกสิบปีชุบจะเป็นกุลสตรีให้ป้าทิพย์ดูเลย”

“เออ! แล้วป้าจะคอยดู ว่าแต่วิ่งเริ่ดมาเนี่ย ชุดนักรงนักเรียนไม่เปลี่ยน บอกย่าเขารึยังหืม?” คนสูงวัยกว่าถามอีก สาวน้อยลูกชุบยิ้มแฉ่งเห็นฟันครบตามเคย ก่อนตอบฉะฉาน

“บอกแล้วจ้ะ แถมบอกเลยไปด้วยว่า เย็นนี้ชุบจะกินข้าวบ้านป้าทิพย์”

“แน่ะ!” คุณดวงทิพย์ร้องเพียงแค่นั้น ก่อนที่จะได้ประสานเสียงกับพีรพัฒน์หัวเราะให้กับ ‘ความล้น’ ของสาวน้อยจอมแก่น!

“อย่างนี้ก็แปลว่าแม่มีลูกมือช่วยทำกับข้าวเพิ่มอีกหนึ่งนะครับ งั้น...ผมขอเมนูพิเศษหน่อยดีกว่า” พีรพัฒน์ว่า

“พิเศษหรือจ๊ะ” คนสูงวัยกว่าถาม “แล้วพีอยากกินอะไรล่ะ?”

“แกงสายบัวครับ”

วริณสิตาเหลือบมองเขาทันที และยิ้มที่เหมือนจะไม่มีอะไรบนใบหน้าเขา ก็ราวกับจะมีประกายยั่วแหย่ขึ้นมายังไงยังงั้น!

“ได้สิจ๊ะ” คุณดวงทิพย์ตอบ “แต่ต้องมีคนไปเก็บสายบัวให้แม่นะ”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง

“ไม่มีปัญหาครับ” เสียงเขาว่า ก่อนหันมา “จริงมั้ย วริณสิตา?”

นั่นไงล่ะ! คนถูกถามได้แต่ยิ้มแหยๆ แทนคำตอบขณะคิดอยู่ในใจว่า

ผู้ปกครองอะไรชอบแกล้ง!

แต่นั่นก็เป็นการแกล้งที่ทำให้คนถูกแกล้งมีความสุขมาก วริณสิตาได้ออกไปตะลอนกับลูกชุบสองคนอีกอย่างเคยเพราะภารกิจเก็บสายบัวครั้งนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว

“ชุบจะพาพี่จิ๊บไปเก็บสายบัวนะ ข้างฟากนาเหนือของป้าทิพย์อ่ะ” ลูกชุบหันหน้ามาคุยขณะออกเดินขึ้นหน้าวริณสิตาเพื่อนำนาง

“หนที่แล้วที่พี่จิ๊บมาชุบยังไม่ได้พาไป ตรงนาโน้นนะป้าทิพย์ปลูกบัวสายไว้ในคูข้างๆ คันอ่ะ ตรึมเลย นั่งริมตลิ่งเด็ดเอายังได้” ลูกชุบบอก หัวเราะคิกคักก่อนป้องปากกระซิบ

“หรือเราจะลงไปเก็บกันกลางๆ ก็ได้นะ พี่จิ๊บไม่ได้เอาเสื้อมา เดี๋ยวชุบอาสาลงให้ ฮิๆ” แม่สาวน้อยจอมแก่นว่า ดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกไปถึงว่างานนี้ล่ะ จะได้ฉวยโอกาสหนีย่าเล่นน้ำด้วย แต่คนโตกว่าก็รู้ทันจึงสกัดดาวรุ่ง

“ไม่ได้หรอกชุบ เดี๋ยวเราก็โดนเอ็ดกันพอดี”

“โธ่! ไม่เป็นไรหรอกพี่จิ๊บ คูน้ำข้างคันนาป้าทิพย์นะน้ำไม่ลึกเลย ตกไปก็ไม่จม อีกอย่าง ไม่อยากจะคุยหรอกว่าชุบอ่ะ ว่ายน้ำเก่งยังกะปลาเลย จะบอกให้”

“จ้ะ พี่เชื่อ ว่าชุบว่ายน้ำเก่ง แต่ชุบก็ไม่ได้มีเสื้อมาเปลี่ยนนะ ขืนกลับไปตัวเปียกๆ เพราะลงน้ำโดยไม่ขอผู้ใหญ่ล่ะก็ โดนดุแน่นอนเลย เชื่อพี่สิ พี่ไม่อยากโดนว่าหรือทำให้ชุบต้องถูกตีหรอกนะ”

เมื่อเอายกเอาบทลงโทษที่อาจจะได้ถ้าหากเล่นสนุกเกินไปขึ้นมาพูด ลูกชุบก็ยิ้มแหยและยอมจำนนไม่คะนองในเรื่องลงน้ำอีก และคูน้ำข้างคันนาฟากเหนือของคุณดวงทิพย์เต็มไปด้วยบัวสายสีชมพูสดที่แผ่กระจายหนาแน่นจริงๆ แค่เดินไล่เก็บตามลาดตลิ่ง ไม่นานสองสาวน้อยก็ได้สายบัวกลับมากันเต็มหอบ


และเมนูนี้คนทำหน้าที่ปอกและขูดมะพร้าวของบ้านสวนก็ยังคงเป็นผู้ปกครองของวริณสิตาตามเคย วริณสิตาอาจโชคร้ายหน่อยตรงที่เมื่อเธอกับลูกชุบหอบสายบัวเข้ามาในครัว พีรพัฒน์ก็ทำงานของเขาเสร็จแล้ว

“อ้าว! มากันแล้ว มาๆ เอาสายบัวมาช่วยกันลอกเปลือกเลย ป้ากำลังจะโขลกพริกไทยกับหอมกับกะปิพอดี” คุณดวงทิพย์ว่าขณะสาละวนกับการเตรียมเครื่องปรุงต่างๆ วริณสิตาจึงกระวีกระวาดหอบสายบัวเข้าไปนั่งบนแคร่ตัวเดียวกัน

“งั้นชุบไปเอากะละมังใส่น้ำมาไว้ให้แช่สายบัวนะจ๊ะ”

“เออ ดีๆ อย่าลืมใส่เกลือมานิดนึงด้วยนะลูก” คุณดวงทิพย์ตะโกน นาทีนี้ดูทุกคนจะเริ่มวุ่นกับการเตรียมส่วนผสมแล้ว พีรพัฒน์จึงลุกขึ้นจากกระต่ายขูดมะพร้าว

“งั้นมา ฉันจะช่วยหั่นสายบัวอีกแรง” เขาพูดขณะย้ายสำมะโนครัวมาหย่อนกายลงนั่งข้างเด็กในปกครอง มือหนาๆ หยิบมีดบางเล่มเล็กมาถือเตรียมพร้อม

“มาสิ ฉันจะช่วย” เสียงเขาว่า แต่สาวน้อยได้แต่กะพริบตา

“เอ่อ...คือ...สายบัวนี่ เขาไม่ค่อยใช้มีดหั่นกันค่ะ” วริณสิตาบอก “แต่เขาจะใช้วิธีหักเอา เป็นท่อนๆ แล้วก็ลอกเยื่อออกให้หมด”

“หืม?” คนเตรียมมีดขมวดคิ้วมุ่นทันที “ไม่หั่นรึ ทำไมล่ะ สายบัวมันก็ยาวๆ ทำไมไม่รวบเป็นกำๆ แล้วหั่นไปทีเดียวเหมือนหั่นถั่วฝักยาวน่ะ เร็วกว่ากันตั้งเยอะ” ผู้ปกครองบอก

วริณสิตาได้แต่ลอบผ่อนลมหายใจออกมา

“ค่ะ เร็ว” สาวน้อยว่า “แต่เขาไม่ทำกัน”

วริณสิตาหยิบสายบัวขึ้นมาสายหนึ่ง

“ปกติบัวมันจะมีใย ถ้าใช้มีดหั่นมันจะมีใยบัวเหลืออยู่ จะทำให้คันคอเวลากินน่ะค่ะ ที่เขาทำกันเลยจะหักเป็นท่อนๆ แล้วก็ชักใยบัวออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แบบนี้น่ะค่ะ”
ตลอดประโยคที่อธิบายนั่นคนพูดสาธิตให้ดูไปด้วย

ผู้ปกครองหนุ่มได้แต่ทำหน้าเหรอหรา แถมยังบอกอีกว่า

“งั้นหรือ ฉันไม่ยักกะรู้”

“หึๆ” เสียงหัวเราะนุ่มๆ ที่ดังขึ้นส่งผลให้ทั้งผู้ปกครองหนุ่มและเด็กในปกครองต้องหันมองไป แล้วก็ได้เห็นว่าคุณดวงทิพย์กำลังมองมาอยู่ ริมฝีปากประดับรอยยิ้ม

“ก็ได้แต่กินอย่างเดียวนี่จ๊ะ ไม่เคยมาช่วยแม่ทำ แล้วพีจะรู้ได้ยังไง” คุณดวงทิพย์บอก

“ก็พอจะมาช่วยทีไร แม่ก็ทำเสร็จแล้วทุกทีนี่ครับ ผมเลยไม่มีโอกาสได้ช่วยเลยต่างหาก”

คนสูงวัยกว่าหัวเราะอีกครั้ง นั่นเพราะมันออกจะจริง! ก็เนื่องด้วยคุณดวงทิพย์เองนั้นได้รับการอบรมบ่มสอนมาอย่างสตรีไทย งานบ้านงานเรือนไม่เคยขาดตกบกพร่องเลยมักจะเข้าครัวตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ พร้อมจัดแจงกับข้าวกับปลาให้คนในครอบครัวเสร็จสรรพเสียทุกครั้งไป เพราะอย่างนั้นคุณดวงทิพย์จึงได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบโต้พีรพัฒน์ แต่เลือกที่จะหันไปถามวริณสิตาแทน

“ว่าแต่หนูจิ๊บทำสายบัวเป็นด้วยหรือจ๊ะ”

วริณสิตาพยักหน้า เอ่ยเบาๆ ว่า

“ค่ะ สมัยก่อน หนูต้องช่วยยายทำกับข้าวทุกวัน”

“แหม ดีจริง”

“หึๆ” หนนี้เป็นเสียงทุ้มๆ ของผู้ปกครองหนุ่มบ้างที่เล็ดลอดมา เขาหัวเราะก่อนเอี้ยวตัวกระซิบว่า

“อืม! อย่างนี้ค่อยเชื่อได้หน่อย ว่าเคยทำกินบ่อยๆ สมัยก่อน! เอ้า! ชุบ ได้กะละมังใส่น้ำรึยัง”
แล้วเขาก็หันไปร้องถามลูกชุบโดยไม่ได้รู้เลยว่าเด็กในปกครองจะรู้สึกพิพักพิพ่วนใจเต้นขนาดไหน!

เพราะแค่เสี้ยวนาทีที่กระซิบยั่วเย้า ลมหายใจเขา ก็ปะทะผิวแก้ม!

สาวน้อยรู้สึกหน้าร้อนเห่อ แต่โชคดีที่ทั้งลูกชุบและคุณดวงทิพย์ยังเป็นตัวช่วยที่ทำให้วริณสิตารู้สึกเก้อน้อยลงเสมอ เธอสนุกและมีความสุขได้ตลอดเมื่ออยู่กับพวกเขา ใบหน้าจึงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มตั้งแต่วินาทีแรกที่มากระทั่งถึงเวลาที่ต้องกลับ

พีรพัฒน์เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ

“จะสองทุ่มแล้ว เดี๋ยวผมคงต้องขอตัวกลับบ้านป้าอังแล้วนะแม่” พีรพัฒน์บอก “อยู่ดึกเกิน เดี๋ยวป้าบัวศรีแกจะห่วงเด็กเอา” พูดเองก็ยังไม่วายจะเหลือบตามองหน้า ‘เด็ก’ เสียด้วยก่อนออกคำสั่ง

“ไปเถอะวริณสิตา กลับกันได้แล้ว”

ซึ่ง ‘เด็ก’ ก็ดูจะเจื่อนลงไปชนิดเห็นได้ชัด แต่ก็พยักหน้า วริณสิตาหันไปยกมือไหว้ลาคุณดวงทิพย์

“หนูลาล่ะนะคะ พี่ไปล่ะนะชุบ” ท้ายประโยคหันไปบอกสาวน้อยคู่หู เลยโดนถามสวนเข้าให้

“แล้วเมื่อไหร่พี่จิ๊บจะมาอีกล่ะ?”

“ก็”
กำลังจะอ้าปากบอก ว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เสียงทุ้มๆ ที่ดังขึ้นอย่างทันควันก็ทำให้เด็กสาวต้องเบิกตากว้าง

“อาทิตย์หน้า”

วริณสิตาสะบัดหน้าไปทางผู้ปกครองทันทีขณะที่ลูกชุบก็กำลังตะโกนลั่น

“เย้ๆ จริงนะ”

“อืม! จริงสิ” และคำตอบนั้นก็สำทับมาอีก พีรพัฒน์หันไปพูดกับคุณดวงทิพย์ “เดี๋ยววันเสาร์นี้ งานไร่ งานสวน งานครัวอะไรนี่ แม่เก็บเอาไว้เยอะๆ เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะได้หลอกพา ‘เด็ก’ มาให้แม่ใช้แรงงานอีก แต่เช้าเลย”

“แน่ะ! ดูพูดเข้า” คุณดวงทิพย์หัวเราะ ก่อนจะหันไปทาง ‘เด็ก’ ที่ยังได้แต่อึ้ง! “อย่าไปถือไปสาผู้ใหญ่เพี้ยนๆ เลยนะหนูจิ๊บ สงสัยเขาจะทำงานมากจนเลอะน่ะ!”

สาวน้อยได้แต่ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร และไม่กล้าที่จะมองหน้าผู้ใหญ่ที่ประกาศว่าจะหลอกพาเธอมาให้คุณดวงทิพย์ใช้งานด้วย!

“งั้นผมไปแล้วนะครับ”

“จ้ะ ขับรถดีๆ นะ”

และนั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่วริณสิตาจะได้แต่เดินตามผู้ปกครองกลับมาที่รถ เธอไม่รู้หรอก ว่าคำพูดยั่วแหย่ตลอดทั้งหมดนั่นมันจะเป็นความจริงสักแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เธออดเดินอมยิ้มน้อยๆไปตลอดไม่ได้ จนกระทั่ง...

“เป็นอะไร” จู่ๆ เสียงนุ่มทุ้มก็เอ่ยถาม กอรปกับหน้ายิ้มๆ แบบรู้ทันของผู้ปกครองนั่นก็ทำให้วริณสิตาต้องรีบส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก ก่อนตอบ “เปล่าค่ะ” เสียงอุบอิบแล้วเปิดประตูเข้าไปในรถ


แต่อย่าได้ไปว่าเด็กในปกครอง เพราะนาทีนี้ แม้แต่ตัวผู้ปกครองยังเหมือนจะหยุดยิ้มไม่ได้เลย!


พีรพัฒน์ล้วงมือลงไปหยิบของบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า เขาก้มลงดู ยิ้มกว้างกลาดเกลี่ยทั่วใบหน้าก่อนจะเปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่ด้วยอีกคน

“วริณสิตา ฉันมีอะไรบางอย่างจะให้เธอ”

และสิ่งที่ผู้ปกครองหนุ่มยื่นมา คือมือถือใหม่เอี่ยมเครื่องเล็กๆ กะทัดรัดเครื่องหนึ่ง


รอยยิ้ม...ค่อยๆ เหือดหาย แต่ทว่า...คนที่กำลังยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้...ก็ไม่ได้สังเกตเลย

“วันนี้ฉันไปเลือกหาโทรศัพท์มือถือมา อันนี้หน้าจอสัมผัส เครื่องก็ไม่ได้ใหญ่นัก คิดว่าน่าจะเหมาะกับเธอ”

เขายิ้ม แต่วริณสิตาไม่ได้ตอบ ผู้ปกครองหนุ่มจึงเลือกที่จะเอ่ยต่อ

“ฉันขอโทษนะ” เขาพูด น้ำเสียงนั้น...ทั้งจริงจังและนุ่มนวล “ฉันขอโทษ สำหรับการทำหน้าที่ผู้ปกครองที่ไม่ได้เรื่องเลยของฉัน ถ้าเธอจะโกรธ จะต่อว่าว่าฉันเป็นตาแก่โบราณเต่าล้านปี ที่ดันคิดเทียบว่าสมัยนี้มือถือมันจะไม่มีความจำเป็นเหมือนเมื่อสมัยที่ฉันเป็นวัยรุ่น ฉันก็ไม่โกรธ รับไปสิ นะ ฉันตั้งใจซื้อมาให้เธอ”

แต่วริณสิตาก็ยังได้แต่นิ่ง! เธอมองเขาด้วยนัยน์ตาหวาดหวั่นราวแบกทุกข์เอาไว้ทั้งโลก

แต่พีรพัฒน์ยังคงยิ้ม เขาคิด ว่าตนเองเข้าใจความรู้สึกหนักอึ้งในใจของวริณสิตา

แต่ทว่า...

เสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นมานาทีนั้น...จากมือถือนิรนาม ก็ทำให้ยิ้มของพีรพัฒน์ หายวับไปในพริบตา!
...................

สวัสดีค่ะ

กลับมาแล้ว...




ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.พ. 2556, 22:01:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2556, 22:01:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 5054





<< ตอนที่ 36 (2)   
sumiya 5 ก.พ. 2556, 22:27:22 น.
กรี๊ดดดดด มากรี๊ดให้คุณปารินก่อนอ่านค่ะ
ปล.ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งข้อความหาคุณปารินได้ถูกวันจริงๆ กรี๊ดอีกรอบ


จิงโกะ 5 ก.พ. 2556, 22:37:14 น.
เดี๋ยวเห็นมือถือรุ่นใหม่กว่าของจิ๊บ แล้วผู้ปกครองจะปรี็ี้๊ด หึ หึ

หายไปน้าน นาน แต่ยังจำเรื่องได้นะเออ


ไม้เอก 5 ก.พ. 2556, 23:22:40 น.
งานเข้าแล้วหนูจิ๊บ


sai 5 ก.พ. 2556, 23:24:25 น.
คุณผู้ปกครองโดนตัดหน้าซะแล้ว ช้าๆๆๆๆๆๆ


konhin 6 ก.พ. 2556, 00:30:14 น.
กริ๊ดๆๆ กลับมาแล้วว


ใบบัวน่ารัก 6 ก.พ. 2556, 02:09:40 น.
หายไปนานนึกว่าเลิกเขียนแล้ว
ยังโง่เหมือนเดิมไหมคุณผู้ปกครอง
ยังกินเด็กไม่ได้ก็ต้องหลอกเด็กต่อไป


ree 6 ก.พ. 2556, 02:34:24 น.
ผู้ปกครองโดนหนุ่มน้อยตัดหน้าให้ของไปซะก่อนแล้ว
สงสัยจะมีเคือง ไม่พูดไม่จากันอีกแหงเลย


pattisa 6 ก.พ. 2556, 08:54:15 น.
คุณปารินมาเเล้ว เย้

คุณผู้ปกครองอย่าโกรธจิ๊บนะ ชักช้าเอง 55


nunoi 6 ก.พ. 2556, 09:51:36 น.
เอาหล่ะซิ ทำไงหล่ะหนูจิ๊บ


panon 6 ก.พ. 2556, 12:08:26 น.
ดีใจจังปารินมาแล้ววววว


supayalak 6 ก.พ. 2556, 14:06:25 น.
งานเข้าใคร


lovemuay 6 ก.พ. 2556, 14:25:25 น.
ช่วยไม่ได้ ผู้ปกครองอยากใหมือถือช้าเองนินา


ling 6 ก.พ. 2556, 15:37:38 น.
มีหวังหนูจิ๊บโดนเคืองแน่ๆ


ปั้นฝัน 6 ก.พ. 2556, 16:27:33 น.
ได้อ่านหนูจิ๊บแล้ว


Pat 6 ก.พ. 2556, 22:31:30 น.
กำลังอารมณ์ดีๆอยู่เลย. เป็นเรื่องอีกล่ะ.


Sukhumvit66 7 ก.พ. 2556, 00:02:54 น.
ทำไมคุณพีต้องเกรงใจผู้หญิงคนนี้ด้วยน่ะ ปฏิเสธให้จริงจังไปเลย ฮึ้ย!


FonFonnie 7 ก.พ. 2556, 07:42:30 น.
กรี๊ดๆ ได้อ่านต่อแล้ว


bloomberg 8 ก.พ. 2556, 09:51:24 น.
ก็พี่แกช้าตลอดอ่ะ อย่าเคืองเด็กมันเลยนะ


แพม 8 ก.พ. 2556, 10:12:56 น.
งานเข้าแล้ว


์nuch 10 ก.พ. 2556, 00:12:59 น.
(^ _^)


์nuch 10 ก.พ. 2556, 17:59:56 น.
มารอทุกวันนะคร้า อยากอ่านต่อ อิอิ


SaiParn 12 ก.พ. 2556, 10:27:37 น.
แว้กกกกกกกก เจ้าเสียงโทรศัพท์จะดังทำไมตอนนี้

ดีใจจังที่กลับมาอัพต่อแล้วค่ะ


ลูกกวาดสีส้ม 17 ก.พ. 2556, 12:10:51 น.
ง่ะ...งานเข้า


ยี้ก้อยแม้วน้อยกลอยใจ 6 ก.ค. 2556, 01:32:56 น.
ไรท์เตอร์ที่น่ารักคะ เมื่อไหร่จะมาอัพเรื่องนี้ซักทีน้อ TT อยากอ่านสุด ๆ เลยค่ะ


์nuch 2 มี.ค. 2557, 10:34:17 น.
ใช่ อยากอ่านต่อจนจบ ไรเตอร์มาอัพต่อด้วยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account