เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา (แก้วกรรณิกา VS ว่านนที)
เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา

by อัปสรา/คาลล่า ลิลลี

บทนำ

รายการวิทยุชื่อดังที่คนอกหักหรือกำลังมีความรักมักจะเปิดฟังกัน มีเรื่องราวจากทางบ้านมากมายที่โทรมาเล่าถึงปัญหา และปรึกษาเรื่องรักกับพิธีกรชื่อดัง ชีวิตปกติของแก้วกรรณิกาไม่ค่อยจะมีเวลาว่างมานั่งฟังอะไรแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อเธอเปิดมาเจอคลื่นนี้ หัวข้อการสนทนาในคืนนี้ ต่างคนต่างเหงา หรือเรารักกัน มันทำให้เธอหยุดมือที่จะเปลี่ยนหาคลื่นต่อไป เพลงต้นเรื่องของรายการมันช่างตรงกับความรู้สึกของเธอที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ พิธีกรชายหญิงเริ่มดำเนินรายการจากนั้นก็มีสายจากทางบ้านโทรมาเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านทางหน้าไมค์ แก้วกรรณิกานั่งฟังไปเรื่อยๆ อย่างสนใจใช่ว่าเธอคนเดียวเสียที่ไหนที่มีปัญหาเพราะความรัก คนอีกมากในสังคมที่ต้องเผชิญกับปัญหารักไม่ลงตัวหญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อฟังเรื่องเล่าของใครหลายๆคนและคิดถึงชีวิตรักที่ผ่านมา



จนกระทั่งมาถึงผู้หญิงคนหนึ่งน้ำเสียงของเจ้าหล่อนดูสดใสเหมือนคนกำลังมีความรักไม่ใช่คนอกหักเสียหน่อย เธอเล่าว่าเธอกำลังกลุ้มใจอย่างหนักเพราะปัญหารักไม่ลงตัว พิธีกรชื่อดังจึงถามคำถามว่า ปัญหาความรักที่ไม่ลงตัวของเธอนั้นคือปัญหาอะไร คนรักนอกใจหรือว่าเธอไม่ได้รักเขา หรือเขาไม่ได้รักเธอ พิธีกรให้เธอเล่าเรื่องของเธอ

“ต้องขอโทษนะคะที่จริงเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องของดิฉันหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนสาวที่สุดแสนจะงี้เง่าของดิฉันค่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้วโทรมาเล่าเรื่องชาวบ้านเขาทำไมยัยนี่ถ้าจะเพี้ยน” แก้วกรรณิกาฟังและบ่นสายจากทางบ้าน เบาๆแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนคลื่นหนี ยังคงฟังต่อ


“เอ…..ไม่ใช่เรื่องของคุณแล้วมันทำให้คุณทุกข์ไปด้วยยังไงเหรอคะ” พีธีกรสาวในรายการถามขึ้น

“ทุกข์สิคะเพราะว่าบังเอิญยัยผู้หญิงงี่เง่าที่ไม่รู้ใจตัวเองเจ้าของเรื่องที่จะเล่าบังเอิญเป็นเพื่อนที่ฉันรักที่สุด และฉันรู้ดีว่าถ้าเธอพลาดจากความรักครั้งนี้เธอจะไม่มีความสุขตลอดไป”

พิธีกรจึงบอกให้คุณ ย นามสมมุติเล่าเรื่องความรักของเพื่อนสาวให้ฟัง


“ยัยนี่ท่าทางจะรักเพื่อน เอ๊ะหรือว่าเอาเพื่อนมาขายกันแน่รายการนี้เห็นว่าดังคนฟังกันครึ่งค่อนประเทศ”แก้วกรรณิกาล้มตัวนอนฟังบนเตียงนอนหรูหราสมศักดิ์ศรีทายาทไฮโซตระกูลดัง


จากนั้นเสียงจากสายทางบ้านก็เริ่มเล่าเรื่องเพื่อนสาวที่ให้นามสมมุติเธอว่าชื่อ น้อง ก ซึ่งมีคนรักอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานแต่ปรากฏว่าเธอเพิ่งจะรู้ว่าเธอไม่เคยรักว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเลย ที่ผ่านมามันแค่เป็นความผูกพันและความคาดหวังของผู้ใหญ่ แต่ที่สำคัญเธอได้มารู้ตัวว่าเธอเกิดหลงรัก และเผลอทั้งตัวและหัวใจให้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เคยพบหน้ากันแค่คืนเดียวแถมเขายังมีบุคลิกและหน้าตาเหมือนพวกเพล์บอย เธอโทษตัวเองเสมอว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายในคืนนั้น และคิดว่าผู้ชายคนนั้นก็คงมองเธอว่าเป็นผู้หญิงใจง่ายเช่นเดียวกัน

“เอ่อ เจอกันแค่คืนเดียวเองเหรอคะ” พิธีกรสาวในรายการสดถามขึ้น


“คืนนั้นเพื่อนของดิฉันถูกวางยานอนหลับค่ะจากผู้ไม่ประสงค์ดี แล้วผู้ชายคนนั้นสมมุติว่าเขาชื่อคุณ ว ละกันนะคะเขาได้ช่วยเพื่อนของดิฉันเอาไว้ค่ะ แล้วมันก็เกิดเรื่องนั้นขึ้น แต่ดิฉันขอยืนยันว่าเพื่อนดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย เธอคบกับผู้ชายที่ไม่ได้รักแต่อาจเคยคิดผิดไปว่ารักถึงเจ็ด ปีแต่ไม่ยอมที่จะมีอะไรด้วยทั้งที่ได้หมั้นกันแล้ว จนผู้ชายคนนั้นแอบไปมีกิ๊กในที่ทำงานเดียวกัน”
“คบกับแฟนมาถึงเจ็ดปีไม่เคยมีอะไร แต่พบผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พบกันคืนเดียวแล้วมีอะไรกัน” พิธีกรเองก็คงงงและตกใจเช่นกันแม้จะเคยฟังเรื่องทางบ้านมามากแล้วก็ตาม


“อย่างนี้เรียกว่าเกิดรักแบบสายฟ้าแลบหรือเปล่าคะ” พิธีกรสาวแซว


“เพื่อนของฉันเล่าว่าทันทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วสบตาเขา ในวินาทีนั้นมันเหมือนฟ้าผ่าลงมาที่ร่างของเธอ หัวใจของเธอมันบอกว่าใช่เขาคนนี้ที่เธอรอ และต่อจากนั้นก็..................ขอไม่บรรยายนะคะ”

“แหะ แหะ .........เข้าใจค่ะ ถ้าบรรยายเราคงออกอากาศไม่ได้ แล้วยังไงต่อละคะ”


“เธอก็รู้สึกผิดมากรู้สึกว่าตัวเองได้ทรยศคู่หมั้น แม้เขาคนนั้นจะเคยทรยศความรักของเธอไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม”

“เท่าที่ฟังดูก็เหมือนกับว่าต่างคนต่างเผลอใจไปกับคนอื่น แล้วมันยังไงต่อคะ” พิธีกรสาวถาม


“เรื่องในคืนนั้นถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครรู้จริงไหมคะ แต่เพื่อนของดิฉันเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้กับคู่หมั้นฟัง”


“ก็พังสิครับงานนี้” พิธีกรหนุ่มเอ่ยขึ้น


ส่วนคนฟังทางบ้านอย่างแก้วกรรณิกา จากที่กึ่งนอน กึ่งนั่งก็ลุกขึ้นมาฟังอย่างตั้งใจ............


+++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: ว่านนที แก้วกรรณิกา

ตอน: ตอนที่ 4 เต็มตอน

ตอนที่ 4


ท่ามกลางความมึนงงของผู้มาร่วมเป็นสักขีพยานต่างให้ความสนใจกับผู้มาใหม่

“คุณว่าน” ยาหยีปิดปากตกใจที่เห็นว่านนทีไม่ต่างกับผู้กองปันบุรีสามีของเธอ

“ไอ้ว่านมาได้ยังไง” ผู้กองปันมองเห็นปัญหาที่กำลังจะเกิด ไม่คิดว่าเพื่อนซี้จะมาบุกมากลางงานแต่งแบบนี้

แต่ดูเหมือนว่าเจ้าบ่าวในงานจะไม่พอใจเขาจนเก็บอาการแทบไม่อยู่
“ไอ้แขกไม่ได้รับเชิญออกไปเดี๋ยวนี้ก่อนที่ฉันจะให้คนมาจับแกโยนออกไป” เจ้าบ่าวเลือดร้อนลุกขึ้นขู่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจถ้าวันนี้เขาไม่ใช่เจ้าบ่าวเขาคงได้วางมวยกับไอ้หมอนี่แล้ว หรือไม่ก็เรียกลูกน้องมาจัดการ

ว่านนทียิ้มกวน “คุณคงไล่ผมไม่ได้เพราะคุณไม่ใช่คนเชิญผมมา”

“แล้วใครเชิญมึงมาวะไอ้หน้ามึน” ที่จริงเขาไม่ชอบหน้าหมอนี่เลยเพราะมันทำให้เจ้าบ่าวอย่างเขาดูหล่อน้อยลง

ว่านนทียิ้มกว้างแต่ดูกวน“ คุณแก้วไงครับ คุณแก้วเชิญผมมาจริงไหมครับ”ว่านหันไปส่งยิ้มให้แก้ว เจ้าสาวสวยแบบนี้มันเหมาะกับเขามากว่าไอ้ผู้ชายใจโลเล ธนกิตและอีกหลายคนพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงยาหยีเพื่อนสนิทมองไปที่แก้วกรรณิกาเป็นเชิงคำถามว่าจริงหรือ

แก้วกรรณิกา ส่ายศีรษะ ทั้งหมดจึงหันไปมองหน้าว่านนที

“แก้วๆ เปล่านะคะ ไม่ได้เชิญค่ะ”

“นี่คุณว่านนทีฉันไปเชิญคุณมางานตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ”

“ทางโทรจิตยังไงล่ะครับ คุณไม่ได้ให้การ์ดเชิญผมก็จริง แต่ในหัวใจของคุณมันเชิญผมมาผมก็ต้องมา เพราะผมรู้ว่าคุณรักผม” เขาเน้นประโยคท้ายเพราะเมื่อคืนจากรายการดังคืนวันศุกร์เขาได้ยินเต็มสองหูว่าเธอบอกรักเขา

แต่ท่าทีของแก้วกรรณิกากับไม่ใช่แบบที่เขาคิดเอาไว้เลยเธอไม่ได้ดีใจที่เขาเข้ามาขวางงานแต่งงาน เขาได้รับแรงเชียร์จากเพื่อนๆว่าแก้วกรรณิการักเขาและเธอถูกบังคับให้แต่งงาน เขาควรยอมละทิฐิที่มีในตัวหลังจากงอนง้อเธอมาพักใหญ่จนเขาน้อยใจหนีไปอยู่ที่ภูสูง จนเมื่อคืนเขาตัดสินใจลงมาจากภูสูงอย่างเร่งด่วนจากเพื่อนนักบิน

“มากไปแล้วบุกมาอาละวาดในงานแต่งงานของฉันเลยเหรอ ฉันนะเหรอที่รักคุณกำลังฝันอยู่เหรอเปล่า” เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดปรายเท้าและมองจากเท้าขึ้นไปถึงหัว
“คุณว่านนทีคะ ช่วยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเองหน่อย ฉันคุณหนูแก้วกรรณิกาทายาทตระกูลเก่าแก่ เป็นเศรษฐีกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจะลดตัวไปคบหาคนอย่างคุณนะเหรอช่างไม่เจียมตัวเสียเลย” หญิงสาวไหวไหล่เหยียดยิ้ม

“นั่นน่ะสิไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า”คุณหญิงมณีหยาดฟ้าเชิดใส่ไม่พอใจกับผู้บุกรุก
“คุณแก้วคุณก็รู้ใจตัวเองดีคุณจะปฏิเสธไปอีกทำไม หรือว่าอยากเข้าพิธีวิวาห์กับไอ้หน้าโลเล” ว่านนทีมองธนกิจอย่างไม่เกรงกลัว

“ฉันไม่รู้ว่านายเมา หรือบ้าแต่ที่นายพูดมามันไม่จริงคนไม่รักกันเขาจะแต่งงานกันเหรอ”

“โกหก ผมมองคุณผมก็ดูออกคุณไม่ได้รักไอ้หมอนี่มานานแล้ว อย่างมากก็แค่เคยรัก”
“หยุดพูดเลยนะโว้ย ถ้ายังไม่อยากถูกชก” ธนกิจเก็บอาการไม่อยู่ เขามองหาลูกน้องคนสนิทหลายคนเริ่มเดินเข้ามาแล้ว

“พอได้แล้วนายว่าน อย่ามาเกะกะละลานที่นี่ ที่นี่มันที่ของผู้ดีไม่ใช่คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าทำตัวเป็นคนไม่มีบ้านเป็นเจ้าไม่มีศาลอย่างนาย”
หญิงสาวตบหน้าเขาอย่างแรงก่อนจะเข้าไปเกาะแขนเจ้าบ่าวและบอกให้เขาใจเย็นๆ ธนกิจจับมือเจ้าสาวสุดสวยมากุมเอาไว้และยิ้มอย่างพอใจกับการกระทำของเจ้าสาวจากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะต่อผู้พ่ายแพ้
“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมไอ้หน้ามึน น้องแก้วว่าที่ภรรยากูเขาไล่มึง”

“ทำไมทำแบบนี้ล่ะยัยแก้ว” ยาหยีไม่อยากเชื่อสายตาไม่เข้าใจว่าแก้วกรรณิกาทำแบบนี้ทำไม มีแต่เจ้าสาวคนงามเท่านั้นที่เข้าใจการกระทำของตัวเอง ยาหยีจะเข้าไปห้ามแต่ถูกผู้กองปันบุรีดึงมือไว้

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยยาหยี”

“ทำไมล่ะคะคุณยัยแก้วทำอะไร ฆ่าตัวเองชัดๆ” เธอกระซิบบอกกับขาเบาๆ

“ผมว่ามันมีอะไรมากกว่านี้ คุณแก้วตบไอ้ว่านแต่ตาเป็นประกายเชียวมันไม่ใช่ความเกลียด ความโกรธ แต่..”

“ความรักเหรอ” ยาหยีหันไปมองที่เจ้าสาว “ฉันไม่เข้าใจยัยแก้วเลยจริงๆ” ยาหยีสั่นศีรษะ

“ผมอยู่กองสืบสวนมาก่อน เชื่อผมเถอะคู่นี้อีกยาว อย่าลืมสิเรื่องนี้เราไม่ใช่พระเอก-นางเอกดูเขาอยู่ห่างๆและเป็นผู้ช่วยก็พอเราออกตัวมากไม่ได้”

“อย่างนั้นเหรอคะ อย่างนี้บทเราก็น้อยล่ะสิ”

ยาหยีจึงต้องจำใจกะจะไปถามแก้วกรรณิกาให้รู้เรื่อง แล้วคราวนี้ทั้งสองจะสมหวังกันได้อย่างไรถ้าแก้วกรรณิกาแต่งงานกับนายธนกิจ ไม่อยากจะเชื่อยัยแก้วฆ่าพระเอกตอนพระเอกขี้ม้าขาวเข้ามาช่วย แต่..เอ...หรือว่า.....ยาหยีนิ่งเงียบ คนที่อายและเสียใจที่สุดคงไม่ใช่ใครนอกจากว่านนที เขาพยักหน้าหงึกๆเป็นการยอมรับแต่แกล้งหัวเราะ “โอเค ผมมาผิดงานใช่ไหมเนี่ย”เขาแกล้งทำเหมือนเรื่องตลกแต่แววตาซ่อนความเจ็บปวด เขาหันหน้ามาหาแขกในงาน เขาลูบโหนกแก้มทีแดงเป็นรอยนิ้วมือ แต่ความเสียใจกับถูกข่มไว้ด้วยเสียงหัวเราะ

“การแสดงจบลงแล้วครับขอเชิญผู้มีเกียรติทุกท่านตามสบายนะครับพิธีมงคลของคู่รักที่สมกันราวกิ่งทองใบหยกกำลังจะเริ่มต่อ” ผู้คนในงานคิดว่าเป็นมุขการแสดงของทางเจ้าภาพจัดขึ้นจริงๆพากันตบมือหัวเราะชอบใจ แต่หลายคนเพื่อนสนิทของเจ้าสาวที่พอจะรู้เรื่องอยู่บ้างกลับไม่ได้คิดเช่นนั้นได้แต่เงียบงันกันไปตามระเบียบ

คุณหญิงแม่ของแก้วกรรณิการีบเข้ามาประชิดตัวลูกสาวคนสวย “ไอ้หมอนี่ที่มันเคยมาจีบลูกไม่ใช่เหรอ มันเรื่องจริงหรือว่าการแสดงกันแน่ยัยแก้ว” แก้วกรรณิกาไม่ตอบ

แก้วกรรณิกามองแผ่นหลังของว่านนทีที่หันหลังเดินจากไปเธอนึกอยากจะวิ่งตามเขาไปเสียเดี๋ยวนี้ถ้าทำได้แต่ว่าถ้าเธอทำแบบนั้นไม่ต่างกับการฆ่าตัวเขาตายและฆ่าตัวเองตายตามไปด้วย เธอยิ้มให้กับการตัดสินใจของตนเองต่อให้มีปีกธนกิจกับคุณหญิงแม่ก็คงไม่ปล่อยเธอออกไปจากงาน

“น้องแก้วครับ ไปนั่งเถอะครับพิธีจะได้เริ่มต่อ” ธนกิจอยากจะให้พิธีจบเร็วๆ รวมถึงคืนนี้ด้วยพิธีฉลองมงคลสมรสอะไรเขาก็อยากให้มันผ่านไปจนถึงพิธีเข้าหอเขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของเธอทั้งพฤตินัยและนิตินัยเสียทีขาชวนเจ้าสาวกลับไปที่ตั่งรดน้ำสังข์

“ค่ะ” แก้วหันไปยิ้มหวานให้กับเจ้าบ่าวของเธอคนที่เธอเคยรักและทุ่มเทให้เขา และเป็นคนที่ทำให้เธอรู้จักกับคำว่าถูกหักหลังเมื่อรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับชลลี่ แผลในใจของเธอหายสนิทไปแล้ว ความเจ็บไม่หลงเหลือแต่ความจำนั้นย้ำเตือนให้ไม่เคยลืม
ว่านนทีเดินออกมาจากงานด้วยความเจ็บปวด ความน้อยใจ และความอายระหว่างทางเขาเดินสวนกับคุณหญิงพัชชาที่เดินออกมารับโทรศัพท์จึงไม่เห็นวีรกรรมลูกชายเมื่อครู่

“ตาว่านมาทำอะไรที่นี่ลูก ว้าย!” คุณหญิงยกมือทาบอกนี่เราไปเป็นทหารพรานมาหรือไงแต่งตัวอะไรมางานเขาเนี่ยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพเขาเลย”


ว่านนทียักไหล่ “ช่างเถอะครับคุณแม่ผมกำลังจะกลับพอดีและผมจะแวะไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับ”

คุณหญิงพัชชาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าว่านนทีบุตรชายคนเดียวของคุณหญิงที่ชอบทำตัวเป็นพวกชีพจรรองเท้ามาแอบจอดหัวใจเอาไว้กับแก้วกรรณิกาลูกสาวของลูกน้องท่าน อีกทั้งน้อยคนจะรู้ว่าผู้ชายมาดเซอร์ ที่ชอบทำท่าทางเบลอๆแต่ใบหน้าหล่อเข้าขั้นพระเอกคนนี้จะมีแม่เป็นถึงคุณหญิงระดับแนวหน้าไฮโซตัวจริง เป็นทองเนื้อแท้

“จะไปแล้วเหรอตาว่านอะไรกันลูก แม่ยังเจอเราไม่ถึงห้านาที มีลูกชายกับเขาคนก็ยังกับลิงลมอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง”

“คุณแม่ครับ วันนี้ว่านขอตัวก่อนนะครับขอกลับไปเย็บหน้าก่อนแล้วพรุ่งนี้ว่านจะเข้าไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับ”

“เอาเถอะตามใจ ว่าแต่หน้าลูกไปทำอะไรมา” คุณหญิงมองหน้าหล่อเหลาของลูกชาย “แล้วลูกรู้จักกับลูกสาวคุณหญิงมณีหยาดฟ้าด้วยเหรอ หรือรู้จักกับเจ้าบ่าวลูกชายคุณนพรัตน์กันล่ะ”


“ช่างเถอะครับคุณแม่ ก็แค่คนเคยรู้จัก”

“แล้วนี่จะกลับยังไงล่ะ ก็เห็นเอารถมาทิ้งเอาวื้ที่บ้าน”ซึ่งอันที่จริงควรเรียกคฤหาสน์เสียมากกว่า


“นั่นไงครับมาแล้ว” คุณหญิงชะเง้อออกไปหน้าประตูไม่เห็นมีใครมา “อย่าบอกนะว่าแกจะกลับแท็กซี”คุณหญิงส่ายหน้านางเลี้ยงลูกให้ลำบากเกินไปหรือเปล่าไม่ใช่สิลูกชายนางหลังจากเลิกทำตัวเพลย์บอยก็มาทำตัวลำบากอนาถาเสียมากกว่า


“ไหนรถที่จะมารับลูกล่ะ ถ้านั่งแท็กซี่ไม่ต้องนะแม่จะให้นายพลไปส่ง”

“ไม่ต้องหรอกครับคุณแม่นั่นไงมาแล้วครับ” คุณหญิงมองออกไปและต้องตาค้างเฮลิคอปเตอร์ส่วนบุคคล กำลังลงจอดข้างพื้นที่โล่งกว้างของบ้านคุณหญิงมณีหยาดฟ้าเจ้าของงาน

ปันบุรีมองออกมาจากในงานและหันมาพูดกับยาหยี “คุณอย่าบอกผมนะว่าไอ้ว่านมันกะจะเอาเฮลิคอปเตอร์มาเป็นยานพาหนะพาลูกสาวเขาหนี มันใจร้อนเกินไป มันคิดได้ยังไงเนี่ยดีนะคุณแก้วไม่บ้าจี้ไปกับมันคงขึ้นหน้าหนึ่งแน่”

“เฮลิคอปเตอร์จริงๆด้วย”

ผู้คนในงานพากันแตกตื่น ตอนแรกว่านนทีไม่ทันตรึกตรองห่วงแต่ว่าถ้ามาในงานมีพวกของธนกิจเยอะเขาจะพาเธอวิวาเหาะเสียเลยแต่ตอนนี้มันคงไม่มีหวังเขาจะกลับไปที่ภูสูงหรือจะกลับไปพักใจที่กลางทะเลอันดามันดีเหลืออีกสองเดือนกว่าจะถึงเวลาทำงาน เขาทำงาน4 เดือนหยุด 3 เดือนสลับกันกลางทะเลกว้างที่มีแค่น้ำกับฟ้าเป็นเพื่อนแก้เหงาและผู้ชายอีกกว่าร้อยชีวิตที่เห็นหน้ากันจนเบื่อ

เจ้าสาวในพิธีมองออกไปอย่างเป็นกังวลนี่เขาเอาเฮลิคอปเตอร์มาพาเธอหนีดีนะที่ไม่ยอมไปพร้อมเขาไม่อย่างนั้นคงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่ๆ นายว่านใจร้อนจริงๆ ว่าแต่มันจะพาเขาไปไหน แล้วเธอจะทำยังไงดี


ผู้คนในงานพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงไอเดียการแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร อย่างว่าตระกูลดังสองตระกูลจะเป็นทองแผ่นเดียวกันจะให้วิวาห์กันแบบธรรมดาได้อย่างไรมันก็ต้องมีลูกเล่นในการจัดงานให้ออกมาไม่ซ้ำใคร ธนกิจสบถอยู่ในใจ “แม่งจะมาแย่งซีนอะไรกูนักหนาวะ วันนี้กูเป็นเจ้าบ่าวนะโว้ย ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เป็นเจ้าบ่าวจะเอาปืนสอยปีกให้มันหักลงมาเลย” แต่ธนกิจก็ยังภูมิใจที่แก้วกรรณิกาไม่ได้ไหวเอนไปกับนายว่านนทีจนทำให้เขาเสียหน้าเขาไม่โกรธเธอหรอกเรื่องครั้งนี้เพราะเรื่องนี้มันเล็กน้อยมากกับแผลในใจที่เขาเคยทำไว้กับแก้วกรรณิกา

++++++++++++++++++++++++++++++++


“เฮ้ย! ไหนวะคุณแก้วกรรณิกา คนรักของนาย”

“ฉันมันไม่เจียมกะลาหัวตัวเองว่ะ เจอเขาปฏิเสธไปตั้งหลายครั้งยังไม่หลาบจำอุตสาห์ดั้นด้นหาทางมาขวางกลางงานแต่งเข เพราะคิดว่าเขาถูกบังคับแต่แม่คุณกลับด่าฉันสาดเสียเทเสียกลางงานแถมยังไล่ตะเพิดแทบจะกลับออกมาไม่ทัน”ว่านนทีพูดด้วยน้ำเสียงปรกติแต่ดวงตาเศร้าหม่น

“อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ แต่ไม่แน่นะที่เขาพูดมามันอาจไม่จริง นายก็รู้ว่าผู้หญิงชอบปากแข็งกันทั้งนั้นดูอย่างเมขราสิ”
“เคลียร์กันเรียบร้อยแล้วเหรอเมื่อคืนนี้” เป็นสาเหตุที่รามไม่ได้มาส่งว่านนทีถึงกรุงเทพฯ แต่ตามมาที่หลังซึ่งทั้งคู่ได้นัดหมายกันเอาไว้เมื่อนึกถึงหน้าเมรีเขาก็อยากจะขับเจ้าเฮลิคอปเตอร์ส่วนบุคคลลำนี้ไปให้ถึงที่ภูสูงเร็วๆ

“เคลียร์แล้ว นี่บอกตามตรงหากไม่ใช่นายฉันคงไม่เสี่ยงทำแบบนี้ เฮลิคอปเตอร์ใช่ว่าจะเอาออกมาบินกันเล่นๆบนน่านฟ้านะเพื่อน เสี่ยงกับการโดนยึดใบอนุญาต แต่ที่ฉันยอมเพราะเห็นว่าไอ้หมอนั่นมันคงไม่มีทางให้นายไปฉกเจ้าสาวของมันและเดินออกจากงานได้ง่ายๆหรอก หมอนั่นองก็เลี้ยงนักเลงไว้เยอะไม่ใช่เหรอ”

“แต่ก็น่าเสียดาย ที่การเสี่ยงของนายมันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา”

นักบินหนุ่มเข้าใจความรู้สึกผิดหวังของเพื่อนรักดีเพราะเคยตกที่นั่งเดียวกันมาก่อน ว่านนทีไม่เคยเป็นแบบนี้ หมอนี่ท่าทางไม่แคร์สือ นิสัยใจร้อนออกจะวู่วามไปบ้างแต่ลึกๆว่านนทีเป็นคนดีคนหนึ่ง


“ไปกันเถอะราม ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปสักวินาที”

“เจ็บเหรอ”

“เปล่า แค่จุก”

“แล้วจะให้ไปส่งที่ไหนล่ะ ขอบอกนะว่าวันหลังฉันไม่เสี่ยงช่วยอะไรแบบนี้อีกนี่ไม่รู้ว่าหลังจากเสร็จงานนี้ฉันจะถูกทางกรมเล่นงานหรือเปล่าก็ไม่รู้ หากเรื่องไปถึงหู”

ว่านนทีเงียบอย่างชั่งใจ
“แล้วตกลงนายจะให้ไปส่งที่ไหนล่ะว่าน”

“ที่ไหนก็ได้ที่เครื่องบินมันลงจอดได้ จะที่ไหนก็มีความหมายเหมือนกัน”
“เอาน่าผู้หญิงไม่ไร้เท่าใบพุทรา ไม่ตายหาเอาใหม่ได้” รามพูดให้ขำแต่อีกฝ่ายไม่ขำเพราะขำไม่ออก

“เบื่อแล้วผู้หญิง ว่าจะหันไปจีบผู้ชายแทน” ว่านตอบปัดๆ

รามหันมามองหน้าเพื่อน “เอาจริงเหรอวะ”


+++++++++++++++++++++++++++

แก้วกรรณิกานึกอยากให้ถึงพิธีฉลองสมรสในคืนนี้เร็วๆเธออยากเร่งเวลาให้มาถึงเสียในนาทีสองนาทีนี้เรื่องนี้เธอไม่ได้ปรึกษาใครแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างยาหยีแก้วกรรณิกาก็ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวต้องมารับปัญหา ในเมื่อเรื่องทั้งหมดเธอผูกมันขึ้นมาเธอจะแก้เองแต่หญิงสาวคงไม่รู้ว่าการคิดจะแก้ปมคราวนี้อาจทำให้เรื่องเลวร้ายไปยิ่งกกว่าเดิม

แก้วกรรณิกากำลังเปลี่ยนชุดสำหรับคืนนี้หญิงสาวรู้สึกแปลกใจที่ช่างแต่งหน้าคนสนิทของคุณหญิงแม่ไม่ได้มาเป็นคนแต่งหน้าทำผมให้เธอกับเป็นช่างที่เธอไม่เคยพบมาก่อน

“พี่เป้ยไปไหนเสียล่ะคะ” หญิงสาวถามถึงช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองขึ้นแม้ไม่ได้ใส่ใจกับการแต่งหน้าทำผมเจ้าสาวในคืนนี้แต่อะไรบางอย่างชวนให้แก้วกรรณิการู้สึกแปลกใจ

“ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณหญิงเรียกให้มาด่วนบอกว่าช่างแต่งหน้าที่ได้ว่าจ้างเอาไว้เกิดติดธุระสำคัญ

ดิฉันจึงต้องทำหน้าที่แทน”

“อย่างนั้นเองเหรอคะ คงเป็นเรื่องที่ด่วนมากล่ะสินะถึงทิ้งฉันไปกลางคัน”

“ญาติเขาเสีย ได้ยินคุณหญิงพูดว่าอย่างนั้น”

แก้วกรรณิกายกมือทาบอก “ตายจริง แล้วญาติคนไหนล่ะคะบางทีฉันอาจจะพอรู้จัก”

“ไม่ทราบสิคะคุณหญิงไม่ได้บอก”

“วันนี้เป็นวันมงคลของคุณอย่าพูดเรื่องอัปมงคลเลยค่ะ โบราณถือพูดเรื่องไม่ดีในงานแต่งงานเดี๋ยวงานจะไม่ราบรื่น”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ” แก้วกรรณิกาพูดเบาๆ

“คุณว่าอะไรนะคะ”

“ไม่มีอะไร อย่าไปสนใจเลย” แก้วกรรณิกาส่งยิ้มหม่น

“แล้วคุณจะให้ดิฉันทำผมทรงไหนให้ดีคะ”

“แบบไหนก็ได้ค่ะ อ้อ.. แต่ขอแบบธรรมดาเรียบๆจะดีกว่า”

“อ้าว….ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณกลัวฉันทำผมให้คุณไม่สวย อย่าหาว่าคุยนะคะถึงฉันจะมาแทนคุณเป้ย ไม่ใช่ช่างที่คุณหญิงวางตัวเอาไว้แต่ที่แรก แต่ดิฉันก็ทำผมให้กับเจ้าสาวไฮโซมาไม่ต่ำกว่าร้อยคนแล้วนะคะ” ช่างทำผมคิดว่าแก้วกรรณิกากลัวจะทำผมให้ไม่สวย
หญิงสาวยิ้มให้เล็กน้อย “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะแต่ฉันไม่ต้องการทรงผมที่สะดุดตาดูแล้วเหมือนเจ้าสาว”

“อะไรนะคะทำผมเจ้าสาวแต่ไม่ให้เหมือนเจ้าสาว” ยิ่งฟังช่างทำผมแต่งหน้าคนใหม่ก็ยิ่งงง สีหน้าเธอแสดงความสงสัย

“คือว่าเจ้าบ่าวของฉันเขาชอบแบบนั้นค่ะ ไม่ชอบอะไรที่หวือหวาเกินไป ถ้าไม่ทำผมเลยแค่ไดร์เรียบๆเขาชอบที่สุด”

ช่างทำผมหัวเราะเบาๆ “อย่างนั้นเองเหรอคะ ทีแรกนึกว่าคุณกลัวดิฉันทำผมให้ไม่สวยเสียอีก ที่แท้ก็อยากสวยแบบที่เจ้าบ่าวชอบน่ารักจังนะคะคู่ของคุณคงรักกันมากสิคะ”

“เคยรักมากกว่า” แก้วกรรณิกาตอบเบาๆ

“อะไรนะคะ” ช่างทำผมหยุดไดร์ที่กำลังเป่า

“รักกันมากสิคะไม่รักจะแต่งงานกันเหรอคะ คบกันมาตั้งห้าหกปี” แก้วกรรณิกาแสร้งยิ้ม

“นั่นสินะคะฉันก็ถามอะไรไม่เข้าท่าไม่รักกันแล้วจะแต่งงานกันทำไม”

จากนั้นช่างก็ลงมือผมแบบเรียบๆตามเจ้าสาวสั่ง เพราะแก้วกรรณิกามีแผนเอาไว้แล้วต่างหาก แต่ขอให้แผนที่วางไว้อย่าได้สะดุด ที่สำคัญคนที่รับเงินไปแล้วขอให้ทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ก็พอ เธอไว้ใจได้เหรอที่ให้ศัตรูมาช่วยงานนี้ทำไมเธอถึงไม่เลือกขอความช่วยเหลือกับเพื่อนสนิทอย่างยาหยี ก็เพราะรู้ดีว่ายาหยีคงรู้จักแต่ตำรวจไม่รู้จักนักเลง แก้วมีเหตุผลของเธอในใจแต่ถ้าผู้หญิงคนนั้นได้เงินแล้วเชิดหนีไปนั่นก็คงเป็นเวรกรรมของเธอแต่อย่างไรเสียแก้วก็เตรียมแผนสำรองเอาไว้แล้วหากว่าชลลี่ไม่รักษาสัญญาแต่อะไรบางอย่างทำให้เธอไว้ใจผู้หญิงที่เคยคิดว่าเธอเป็นคู่แข่งและศัตรูมาก่อน

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ชลลี่หยิบเงินขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้นแบงค์สีเทาเป็นปึกๆหลายปึก“เงินตั้งเยอะ ไม่อยากจะเชื่อว่ายัยนั่นจะให้เราจริงๆแถมเช็คไม่เด้งเสียด้วย” ชลลี่ยิ้มและมองเงินในมือเมื่อได้เช็คมาแล้วชลลี่ก็รีบไปขึ้นเงินทันทีเพราะอยากรู้ว่าแก้วกรรณิกาไม่ได้เซ็นเช็คมั่วๆให้เธอ ชลลี่หุบยิ้มกับเงินมากกมายที่มีอยู่ในมือ

“จะช่วยคู่อริ มันจะดีเหรอผิดคอนเซปนางร้ายยังไงก็ไม่รู้ไหนๆเงินก็มีแล้วนี่เชิดเสียดีกว่า”

ชลลี่ลูบหน้าทองนูนของตน “ยังไงซะถึงแม่คนนี้จะเลวแค่ไหนก็ไม่สามารถฆ่าเจ้าได้หรอก ถึงมันจะไม่รักลูกแต่แม่คนนี้จะเลี้ยงลูกเอง ตอนนี้เรามีเงินแล้ว”
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นชลลี่รับก่อนจะกรอกเสียงแหวลงไป “ตกลงว่ายังไง ถ้าราคาแพงกว่านี้เป็นอันจบฉันรู้จักน้องสาวนายเพราะฉะนั้นขอส่วนลดสัก20% ได้ไหม”

“นี่คนสวยงานของคุณมันเสี่ยงคุกเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางขนาดผมคิดราคาเต็มยังไม่มั่นใจเลยว่าจะรับงานดีหรือเปล่า”

“แล้วถ้านายไม่รับงาน นายจะโทรมาหาฉันทำไมนายเก่ง”

ชลลี่แหวใส่พี่ชายเพื่อน

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณสบายดีหรือเปล่า ผมได้ข่าวอีกเรื่องหนึ่งของคุณเอ่อคุณกำลัง....”เขาเงียบเมื่อได้ข่าวจากน้องสาวถึงปัญหาของหญิงสาว

หญิงสาวแหวใส่ “จะถามว่าฉันท้องไม่มีพ่ออย่างนั้นนะเหรอ ใช่ฉันท้องและพ่อของเด็กมันไม่รับมีอะไรไหม”

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมถามก็เพราะเป็นห่วง ถ้าคุณจะจ้างผมไปฉุดเจ้าสาวของมัน จ้างผมไปยิงมันเสียดีกว่า ยิงให้ฟรีไม่คิดค่าจ้าง”

เก่งเป็นนักเลงในย่านนนทบุรีเป็นพี่สาวของสาลี่เพื่อนของเธอ แต่เขาไม่ใช่นักเลงหัวไม้เที่ยวรีดไถเขาเป็นคนจริงและเลี้ยงลูกน้องเอาไว้ เก่งชอบชลลี่เคยให้น้องสาวติดต่อให้แต่หญิงสาวไม่เคยมองเขาเพราะเธอคิดว่าธนกิจรักจริงหวังแต่งกับเธอ
“ฉันทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ คนอย่างมันฆ่าไปก็เสียมือเปล่าๆ และตกลงเรื่องที่จะให้ไปฉุดเจ้าสาวของมันคืนนี้ตกลงไหม”

“ไหนบอกว่าตัดใจได้แล้วจะทำแบบนั้นไปทำไม” คนโทรมาไม่ได้อยากรับงานแต่อยากโทรามาพูดให้เธอเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าชลลี่ยังอาลัยอาวรณ์กับพ่อของลูกในท้องที่กำลังเข้าพิธีฉลองมงคลสมรสในคืนนี้ที่โรงแรมดัง เขาไม่อยากเห็นคนท้องไปคลอดลูกในคุก

“จะบอกอะไรให้นะที่ฉันทำแบบนี้ถือว่าทำดีกับยัยนั่นที่สุดแล้ว ที่จริงไม่ควรทำด้วย”

“หมายความว่ายังไง” ปลายสายเริ่มงง

“ไม่อยากจะพูด ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของฉัน ที่จริงไม่น่าจะเข้าไปยุ่ง ฉันมันแกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ ” ชลลี่บ่นชุดใหญ่ก่อนจะเล่าให้ปลายสายฟัง

“รักสี่เศร้า ของเขาสี่คน” ปลายสายอุทาน “ทำไมมันยุ่งอย่างนี้ คุณรักมัน ส่วนมันไปรักเธอคนนั้น และเธอคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนให้ตายนี่เป็นซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่หรือปล่าเนี่ย”

“ไม่ต้องมายุ่งหรอก ตกลงจะรับงานนี้ไหม”

ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนถอนหายใจแรงๆออกมา
++++++++++++++++++++++++++++++++++

คุณหญิงมณีหยาดฟ้าหน้าเสียปล่อยโฮออกมาทันทีเธอปล่อยโทรศัพท์ให้ตกลงจากมือ “ไม่นะมันต้องไม่เป็นแบบนั้น ฉันไม่อยากตาย”


เธอรู้แล้วทำไมช่างแต่งหน้าคู่ใจถึงถูกฆ่าตายนั่นเป็นแค่การข่มขู่จากแก็งค์ทวงนี่นรกที่เธอเป็นหนี้จากการเข้าบ่อนประมาณสิบล้านบาทยังไม่นับดอกเบี้ยที่ผุดขึ้นราวกับดอกเบี้ย

“ฉะ..ฉันไม่อยากตาย ยายแก้วลูกคนเดียวที่จะช่วยแม่ได้” สินสอดแก้วกรรณิกาพอดีกับเงินต้นที่เธอเป็นหนี้พวกมันอยู่


และแล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกคุณหญิงใจสั่นแต่ถ้าหากไม่รับแล้วพวกมันบุกมาจะทำยังไงวันนี้เป็นวันมงคลของลูกสาวคนเดียวเสียด้วย คนที่จะช่วยปลดปล่อยให้เธอเป็นอิสระแล้วคุณหญิงมณีหยาดฟ้าจะสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หลงไปเข้าบ่อนเอาเงินไปเททิ้งในบ่อนหลายสิบล้านอย่างที่ผ่านมาอีก

“จะเอายังไงนังคุณหญิง” ปลายสายตะคอก

“โธ่ คุณกิตติดิฉันขอเวลาผัดผ่อนไปอีกสองสามวันเท่านั้นเองแล้วจะรีบเอาเงินต้นไปให้คุณ”

“แกเชื่อได้เหรอนังคุณหญิงแกพูดแบบนี้มาหลายสิบครั้ง หรือว่าศพเมื่อเช้ามันยังทำให้แกใจเย็นอยู่ได้” จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังแต่คุณหญิงหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ “

ฉันสัญญา คราวนี้ฉันจะคืนเงินจำนวนสิบล้านให้คุณได้อย่างแน่นอนหลังงานแต่งงานของหนูแก้ว”

“งานแต่งงานเหรอ คุณหญิงนี่ช่างใจดำแต่งลูกสาวทั้งทีก็ไม่ยอมเชิญคนรู้จัก”

“ฉะ..ฉะ ฉัน..เกรงใจคุณกิตติน่ะ”

“เกรงใจทำไมคนกันเองแท้ๆ เขาลือเขาเล่าว่าลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงมณีหยาดฟ้า สวยชนิดหยาดฟ้ามาดินมันเป็นความจริงไหมครับ”

“สะ..สวย อะไรกันสู้บรรดาภรรยาทั้งหลายของคุณกิตติไม่ได้หรอกค่ะ”

“คุณหญิงถ่อมตนไปแล้ว ขนาดคุณหญิงเองตอนสาวๆยังได้ยินกิตติศักดิ์เรื่องความงาม ลูกสาวคุณหญิงคงงามไม่แพ้กันพูดไปพูดมาชักอยากจะเห็นหน้าแล้ว เอาเป็นว่าคุณหญิงไม่เชิญแต่คืนนี้ผมจะไปร่วมงานนะครับ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++



บ้านพักหลังเล็กริมชายหาดส่วนตัว ชายหนุ่มสูงโปร่างรูปร่างกำยำอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสขัดกับจิตใจหม่นเศร้า กางเกงแสลคขาสั้นกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจหิ้วกระเป๋าใบขนาดกลางเดินผ่านประตูเข้ามาในรั้วไม้ระแนงสีขาว


“คุณครับ อกหักมาเหรอครับ เพราะถ้าอกไม่หักไม่เคยเห็นคุณมาพักที่นี่”ว่านนทีผ่านวีรกรรมรักมาไม่น้อยแต่ครั้งไหนมันก็ไม่เท่าครั้งนี้เพราะที่ผ่านมาคิดว่ารักต่างหาก แต่ครั้งนี้ว่านนทีรู้ว่าอาการอกหักของจริงเป็นเช่นไร

ว่านนทีถอดแว่นดำยี่ห้อดังก่อนจะกะตุกยิ้มเล็กน้อยให้กับคนดูแลบ้านหนุ่มวัยคะนอง

“ไม่สนิทอย่าล้อเล่น” ก่อนจะหุบยิ้มและเดินเข้าบ้าน

“ว้าก.....เจ้านายสงสัยจะเป็นหนัก อกหัก รัดคุดมาจากไหนถึงได้เหวี่ยงแบบนี้” ไผ่รีบตามคนเป็นนายไปรับใช้ ที่จริงคุณว่านนทีใจดีขี้เล่น กันเองที่สุดและคุณว่านนทีคนนี้แหละที่เป็นคนช่วยเหลือค่าเทอมเขาจนได้เรียนต่อซึ่งตอนนี้เขาใกล้จะเรียนจบปวสแล้ว

“เศร้าๆ แบบนี้เดี๋ยวไอ้ไผ่จะจัดให้หายเศร้าเลยครับเจ้านาย” ไผ่ตามเข้าไปในบ้าน

“นายครับนายไผ่มีอะไรจะบอก ตอนนี้ที่หัวหาดมีผับใหม่มาเปิด เขาว่าเด็ดสะระตี่เชียว”

ว่านนทีหันมาทำหน้าดุใส่แต่ที่จริงไม่ได้ถือสาอะไรนัก “ไอ้ไผ่ฉันให้แกไปเรียนนะไม่ได้ให้ไปคอยสอดส่องว่าที่ไหนเขามีผับมาเปิดใหม่” ว่านนทีเอ็ด

“อ้าว...แต่ก่อนแต่ไร เห็นให้คอยสอดส่องว่าที่ไหนมีเด็กเด็ดๆ”

“เถียงคำไม่ตกฟากไอ้นี่บะเดี๋ยวได้โดนเตะ” ว่านทำท่าจะเตะจริงๆ ดีที่ไผ่หลบทัน

“ก็ผมแค่เห็นคุณว่านเครียดมาก็อยากจะพาไปหาที่ระบายจะได้สบายใจ”

ว่านนทีโบกมือไล่ “ฉันจะสบายใจขึ้นกว่านี้ถ้าแกไปห่างๆฉัน”

“แล้วจะให้เรียก น้องจี๊ด จุ๊บแจง น้องแพม น้อยยุ้ย มาเป็นเพื่อนแก้เหงาไหมครับเจ้านาย” ก็อดีตว่านนทีใช้ชีวิตชายโสดอย่างสุดคุ้ม

“ไม่ต้อง”ว่านนทีสั่งแล้วทำท่าจะเดินหนี

“สงสัยคราวนี้จะอกหักจริง อย่างแรง!” ไผ่พูดเบาๆ

ว่านนทีที่เดินไปแล้วได้ยินจึงหันกลับมา “ฉันว่าแกรีบไปก่อนที่เท้าฉันมันจะเหวี่ยงไปที่ก้นแกนะเจ้าไผ่ หนังสือหนังหาทำไมไม่รู้จักไปอ่าน” ไผ่ยิ้มแหยๆ รู้สึกคลายเหงาที่เห็นว่านนทีกลับมา คุณว่านเป็นคนพูดจากระโชกโหกหาก แต่เป็นคนใจดีและอารมณ์ดีมากสำหรับเขา แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าเจ้านายที่เคารพคงจะพบเรื่องหนักในชีวิตกลับมา

++++++++++++++++++++++++++++













อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2556, 10:35:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2556, 10:35:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 2065





<< ตอนที่ 4   ตอนที่ 5 >>
violette 6 ก.พ. 2556, 12:33:38 น.
ท่าทางเรื่องนี้จะออกดราม่านะคะเนี่ย สงสารทั้งคู่เลย น่าปวดหัวพิลึก


อัปสรา 6 ก.พ. 2556, 12:46:17 น.
ดราม่าเหมือนกันแต่ก็ปนคอมมาดี้ด้วยค่ะ กลัวคนอ่านเครียด


konhin 7 ก.พ. 2556, 07:13:25 น.
นางเอกคิดง่ายไปนิ จะให้คนช่วยดันใช้เมียของผู้ชายที่ตัวเองต้องแต่งด้วยเนี่ยนะ? เฮ้อ พระเอกก็นะ จะได้รักกันมั้ยเนี่ยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account