มลทินสวาทมาเฟีย
เขาต้องก้าวเข้ามาเป็น ‘มาเฟีย’ เพราะถูกบังคับด้วยคำว่า ‘ความกตัญญู’ ต้องหันหลังให้ชีวิตสุขสงบ มาผจญกับคนเลวสารพัดรูปแบบ มือต้องเปื้อนเลือด เท้าต้องเดินข้ามซากศพของศัตรูและคู่แข่ง เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าพ่อมาเฟียแห่งเกาะฮ่องกง
เธอคือลูกสาวของอดีตหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่โดนลูกน้องคนสนิททรยศจนถูกฆ่าตาย เมื่อขาดผู้ปกป้องเธอจำต้องเข้ามาอยู่ภายใต้ร่มเงาของเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ บุญคุณของเขามากมายล้นฟ้า หากต้องแลกด้วยชีวิตและพรหมจรรย์เพื่อตอบแทนบุญคุณเธอก็พร้อมยอมทำ

Tags: นิยาย มาเฟีย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 2.เส้นทางที่เลือกเดิน 50%

ตอนที่ 2. เส้นทางที่เลือกเดิน



คำตอบของหลี่เจิ้งทำให้อาการของหลี่เสวียนผู้เป็นพ่อดีวันดีคืนจนสามารถกลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ คุณจันทร์ฉายยอมมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่เพื่อดูแลสามี หลี่เจิ้งเองก็เดินทางไปรับลูกกับภรรยามาอยู่ด้วยกันที่นี่ เขามอบหมายให้วิรัตน์ดูแลโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้แทนเขา ชายหนุ่มหันหลังให้ชีวิตสามัญของตัวเองเดินหน้าเรียนรู้บนเส้นทางของมาเฟียจากผู้เป็นบิดา

หลี่เสวียนรอจนอาการของตัวเองทุเลาลงแล้วจึงเรียกประชุมแก๊งค์ การประชุมครั้งนี้ หลี่เสวียนเรียกหัวหน้าเขตต่างๆ ในอานัติมาร่วมประชุม หวังใช้โอกาสนี้เปิดตัวลูกชายของตน ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าแก๊งค์ในอนาคต หวังไป่ฉีในฐานะคนสนิทผู้เป็นดังมือขวาของหลี่เสวียน นำประวัติของหัวหน้าเขตแต่ละคนมาให้หลี่เจิ้งอ่าน เพื่อให้เขาเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่รออยู่

“จงเหอ เป็นคนที่คุณควรจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเขามีอำนาจและพันธมิตรไม่แพ้คุณพ่อของคุณ หากท่านเสวียนสละตำแหน่งให้คุณ แน่นอนว่าจงเหอจะต้องคัดค้าน ถ้าคุณทำให้หัวเขตที่เหลือเชื่อมั่นในตัวคุณไม่ได้ จงเหอก็อาจใช้เรื่องนี้ ชิงตำแหน่งจากคุณ”

หวังไป่ฉีบอกเล่าถึงประวัติพร้อมส่งรูปถ่ายของจงเหอให้หลี่เจิ้งดู จงเหอเป็นชายวัยห้าสิบต้นๆ รูปร่างผอมสูงใบหน้าตอบไว้หนวดและเคราแหลมเหมือนเคราแพะ ดวงตายาวรีใต้คิ้วดกพาดเฉียงไปถึงขมับแววตาพราวพรายแลดูคล้ายจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ที่พร้อมจะขบกัดผู้เพลี่ยงพล้ำได้ทุกเมื่อ

“อีกคนที่คุณควรจับตามองคือเว่ยเหยียน คนๆ นี้มีสายสัมพันธ์อันดีกับหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าของญี่ปุ่น หากคุณดึงเขามาเป็นพันธมิตรได้ ก็เหมือนคุณได้ปูทางเชื่อมความสัมพันธ์กับแก๊งยากูซ่าไปในตัว”

เว่ยเหยียนเป็นคนที่หลี่เจิ้งรู้สึกถูกชะตาด้วย ใบหน้าของอีกฝ่ายค่อนข้างเหลี่ยมรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ดวงตาวาวกล้าดุดันอย่างคนจริงจัง ท่าทางดูน่าเกรงขามมากกว่าจงเหอหลายเท่า

“หัวหน้าเขตคนอื่นๆ ล้วนอยู่ใต้อานัติของท่านเสวียน ส่วนหนึ่งเป็นพันธมิตรกับจงเหอ หากไร้ท่านเสวียนคุณเจิ้งต้องทำให้พวกเขายอมรับในตัวคุณให้ได้ เหมือนที่พวกเขายอมรับในตัวท่านเสวียน”

ถ้อยคำของหวังไป่ฉี ทำให้หลี่เจิ้งต้องคิดหนัก เขาเพิ่งเริ่มต้นย่างเท้าเข้ามาในวงการนี้ ยังไม่รู้จักวิถีทางและความคิดของผู้คนอย่างลึกซึ้ง ชายหนุ่มนำแฟ้มรายงานเข้าไปอ่านทวนอยู่หลายรอบ จนเพียงลดาภรรยาของเขาสังเกตเห็นความเคร่งเครียดของสามี

“คุณเจิ้งคะ เหนื่อยหรือเปล่าคะ”

ร่างบางเดินเข้ามาหาสามีที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน สองมือวางลงบนไหล่บีบนวดบ่าและต้นคอหนาให้คลายความเครียด แบบที่รู้ดีว่าเขาชอบให้เธอทำให้เสมอ เพียงลดาบีบนวดอยู่ครู่ใหญ่ จนรู้สึกว่าสามีเริ่มคลายความเคร่งเครียดก็ค่อยรามือ สอดแขนโอบรอบเอวหนาซบหน้าบนไหล่ของเขา โอบกอดร่างหนาของเขาไว้

หลี่เจิ้งหลับตาลง ผ่อนลมหายใจหนักหน่วง สัมผัสจากภรรยาสาวเจือรอยเอื้อาทรห่วงใยลึกซึ้ง ช่วยคลายความเครียดตึงในสมองของเขาให้เบาบางลง ชายหนุ่มปล่อยให้ตัวเองนิ่งสงบอยู่ในอ้อมแขนน้อยๆ ของภรรยาคู่ชีวิตอยู่แบบนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะจับข้อมือเธอให้คลายออกจากตัว ดึงร่างงามมานั่งบนตักกอดรัดร่างนุ่มนิ่มไว้แนบอกอย่างรักใคร่

“ผมรู้สึกว่าเส้นทางที่ผมเลือก มันกำลังทำให้ผมหมดความเป็นคนไปทุกที” เขาระบายความในใจออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า

ในแต่ละวันสิ่งที่ต้องเรียนรู้ หนักหน่วงมากขึ้นทุกที จนเขารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะละทิ้งตัวตนที่เคยเป็น เขากำลังถูกบิดานำจับใส่เบ้าหลอมให้กลายเป็นคนใหม่ หลี่เจิ้งคนเดิมกำลังจะกลายเป็นอดีต เขากลัวว่าเพียงลดาอาจจะรับในสิ่งที่เขาเป็นไม่ได้ อาทิตย์ลูกชายของเขาถูกคนเป็นปู่อบรมสั่งสอนความเป็นมาเฟียจนแกซึมซับสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ หลี่เสวียนตั้งชื่อให้อาทิตย์ว่าหลี่ไท่หยาง ให้คนในบ้านหลี่เรียกแกว่าคุณหลี่ สั่งสอนให้เด็กชายตัวน้อยลิ้มรสของอำนาจตั้งแต่เยาว์วัย ไม้อ่อนอย่างอาทิตย์กำลังถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นทายาทของมาเฟียอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ต่างจากตัวเขาที่นับวันยิ่งชืดชาต่อความเป็นความตายของมนุษย์เข้าไปทุกที มือของเขาแม้ไม่ได้เปื้อนเลือดแต่ใช่จะสะอาดดังเดิม เมื่อเขานั่งดูการลงโทษคนทรยศได้โดยไม่ลุกหนี วิญญาณชั่วร้ายในกายได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาช้าๆ อีกไม่นานมันจะครอบคลุมร่างกายและจิตใจของเขาให้กลายเป็นคนไร้หัวใจอย่างสมบูรณ์ ดั่งเช่นที่บิดาเขาเป็น

“คุณยังเป็นคุณอยู่นะคะคุณเจิ้ง เพียงแต่คุณมีมุมมองใหม่เข้ามาให้เรียนรู้ ทำให้คุณคิดว่าคุณเปลี่ยนไป ลดายังรู้สึกว่าคุณเป็นคนเดิมเป็นผู้ชายคนที่ลดารักและฝากชีวิตไว้ได้เสมอ” เพียงลดาเงยหน้าขึ้นมองสามี บอกเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลปลุกปลอบให้กำลังใจ

มือบางวางบนแก้มของเขาลูบไล้แนวกรามของเขาแผ่วเบา แววตาของเธอยามมองใบหน้าหล่อเหลา ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักไม่เปลี่ยนแปลง วันแรกเธอเคยมองเขาเช่นไรวันนี้เธอยังมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้น สิบกว่าปีของการใช้ชีวิตคู่ยิ่งเพิ่มความผูกพันลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน น้ำจิตน้ำใจนิสัยใจคอของหลี่เจิ้งเป็นอย่างไร ภายนอกสามีของเธออาจจะเป็นคนเด็ดขาดเข็มแข็ง แต่ภายในเขาเป็นคนอ่อนไหวเพียงใดเธอเท่านั้นที่รู้ดี การตัดสินใจทำตามความต้องการของบิดาในครั้งนี้ หลี่เจิ้งต้องแบกความหวังและภาระทั้งหมดไว้บนบ่า เขาเดินก้าวเท้าเข้าไปบนเส้นทางที่มองไม่เห็นปลายทาง หากไม่เข้มแข็งและมีแรงใจมากพอเขาย่อมเหนื่อยล้าและอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ เธอในฐานะภรรยาของเขาจึงต้องเป็นกำลังใจให้ผู้เป็นสามี ก้าวผ่านจุดวิกฤตินี้ไปให้ได้

“คุณอึดอัดใจหรือเปล่าลดา ที่ต้องเปลี่ยนชีวิตตัวเองจากผู้หญิงธรรมดา มาเป็นภรรยาของมาเฟีย” เขาจับมือเธอไว้มองใบหน้างดงาม ด้วยสายตาลุแก่โทษ รู้สึกผิดที่พาคนที่ตัวเองรักมาสู่วิถีแห่งคนบาปนี้

เพียงลดายิ้มอ่อนหวาน คลี่ริมฝีปากแย้มกว้างดวงตาเปล่งประกายสดใส ขณะสบตากับสายตาของสามีนิ่ง เธอรู้ว่าเขารู้สึกผิดที่นำพาเธอมายังต่างแดนห่างไกลจากความคุ้นเคยเดิมๆ แววตาของเขาฉายรอยกังวลใจและความห่วงใยมากมายจนเธอสะท้อนใจ เกรงว่าตัวเองกำลังจะกายเป็นตุ้มถ่วงของสามี

“คุณเจิ้งคะ ลดาบอกคุณแล้วว่าลดายอมรับการตัดสินใจของคุณ ลดาเป็นภรรยาของคุณลดาพร้อมจะยืนเคียงข้างคุณในทุกๆ ที่ ต่อให้คุณยืนอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ ลดาก็จะตามไปยืนอยู่ข้างๆ คุณ อย่ากังวลอย่าห่วงลดา ทำหน้าที่ของคุณให้ดี อย่าให้ลดาต้องกลายเป็นคนที่ทำให้คุณต้องอ่อนแอ ลดาอยากเป็นคนช่วยส่งเสริมคุณในทุกทาง ไม่ใช่ตัวถ่วงความเจริญ”

หญิงสาวยื่นหน้าไปแตะจุมพิตบนปลายคางของสามีเบาๆ ซบหน้าบนอกหนาของเขาขณะสอดแขนกอดรัดร่างหนาไว้แน่น ส่งผ่านแรงใจด้วยสัมผัสนั้นให้เขาได้รับรู้

“ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ผมมีลดาอยู่ข้างๆ แบบนี้” หลี่เจิ้งแตะริมปากบนหน้าผากของภรรยา ผ่อนลมหายใจแห่งความตึงเครียดให้ออกจากร่าง หัวสมองคลายความกังวลไปได้หลายส่วน

เพียงลดายิ้มบางๆ ซบหน้านิ่งบนอกกว้างแสนอบอุ่นของสามี ดวงตาคู่งามมีรอยครุ่นคิดบางอย่างซ่อนอยู่ เธอรู้ดีว่าหลี่เจิ้งจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นนอกจากคนในครอบครัว ในขณะที่เขาก้าวไปยืนบนจุดสูงสุดของชีวิตอยู่เหนือผู้คนมากมาย ภาพลักษณ์ภายนอกที่ผู้คนมองเห็นคือผู้ชายทระนงหยิ่งผยอง แต่เขากลับซ่อนความเปราะบางของหัวใจไว้ภายใน เธอร่วมชีวิตกับเขามานับสิบปีจึงมองเห็นจุดอ่อนนี้ของเขา และพยายามช่วยปกป้องหัวใจของเขาให้เข้มแข็งและยืนหยัดอยู่ต่อไป หากวันใดเธอไม่อยู่เขาจะเป็นอย่างไร หลี่เจิ้งผู้ติดหัวใจของเขาไว้กับเธอแน่นเหนียวเหลือเกิน เพียงช้อนตาขึ้นมองใบหน้าของสามี ด้วยความห่วงใย

“ถ้าวันหนึ่งลดาไม่ได้อยู่ข้างคุณแบบนี้ คุณสัญญาได้ไหมว่าคุณจะอยู่ให้ได้” เพียงลดาเอ่ยเสียงแผ่วหวิว ซ่อนข่มความรู้สึกบางอย่างในหัวใจไว้

หลี่เจิ้งก้มลงสบตากบภรรยา ใจหายวาบเมื่อได้ฟังเธอถามแบบนั้น ถ้าไม่มีเธอเขาจะอยู่ได้อย่างไร... ชายหนุ่มส่ายหน้าดวงตาคมวูบไหว สะท้อนความรู้สึกในหัวใจออกมาทั้งหมด

“เราต้องอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่าสิลดา อย่าพูดอะไรแบบนี้สิ”

“ลดาแค่สมมุติค่ะ” เพียงลดาขยับรอยยิ้มบนริมฝีปากของเธอให้แย้มกว้างขึ้น “ลดาจะอยู่ข้างๆ คุณจนลมหายใจสุดท้ายของลดา จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของคุณจนวินาทีสุดท้าย ลดารักคุณค่ะคุณเจิ้ง”

“ขอบคุณมากลดา ขอบคุณที่ทำทุกอย่างเพื่อผม”

หลี่เจิ้งยิ้มละมุน วางคางบนกระหม่อมบาง กระชับร่างงามแนบแน่นขึ้น หัวใจคล้ายถูกเติมเต็มแรงใจให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เมื่อมีคนที่รักคอยอยู่ข้างกายคอยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มฉ่ำอยู่แบบนี้ เขายังต้องหวั่นเกรงสิ่งใด...

ชายหนุ่มปล่อยหัวใจตัวเองให้หยุดพักครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับกายช้อนอุ้มร่างงามของภรรยาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง ดวงตาคมจ้องมองใบหน้างดงามอ่นหวานของเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ขณะเดินตรงไปยังเตียงนุ่ม ค่อยวางร่างของเธอลงอย่างทะนุถนอม สายตาสองคู่ประสานกันด้วยแววตาอ่อนหวาน มากกว่าคำว่ารักคือความเข้าใจ ผูกพันหัวใจสองดวงไว้ด้วยกันแน่นเหนียวยิ่งกว่าโซ่ตรวนใดใดในโลก

“ผมรักคุณนะลดา...” หลี่เจิ้งก้มลงกระซิบบอกรักเสียงนุ่ม

ร่างหนาทอดกายก่ายเกยร่างบางไว้อย่างเป็นเจ้าของ ดวงตาคู่คมจับนิ่งอยู่บนใบหน้างดงามไม่ละสายตา ขณะค่อยๆ ก้มลงแตะริมฝีปากจุมพิตบนเปลือกตาทั้งสองข้างแผ่วเบา บนหน้าผากเนียน บนปลายจมูกโด่งเล็กอย่างแสนรัก ริมฝีปากร้อนผ่าวเคลื่อนมาประทับบนเรียวปากนุ่มสีกุหลาบนั้นนิ่งนาน แม้จะเคยสัมผัสรส ลิ้มลองความหวานนี้มาเท่าใด ทว่าความหวานล้ำไม่เคยลดลงเลยสักครั้ง มีแต่จะหวานซ่านทรวงเพิ่มขึ้นทุกๆ ครั้ง ปลายลิ้นซอกซอนแระเล็มความหอมหวานลึกล้ำ กวาดต้อนดื่มด่ำกับรสน้ำผึ้งหวานไม่รู้หน่าย มือหนาป่ายปะไปทั่วร่างงามนวลเนียน ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างของเขาและเธอ ชายหนุ่มแย้มยิ้มละมุน กายสาวงดงามราวเทพธิดาเดินดิน ชวนให้คนเห็นใจสั่นระรัวด้วยฤทธิ์เสน่หา ดวงตาคู่คมทอดมองความงดงามของหญิงสาวใต้ร่างอย่างหลงไหล เลือดในกายร้อนผ่าวเมื่อพบความเย้ายวนใจจนมิอาจต้านทานไหว ผิวนุ่มหอมละมุนยั่วให้จมูกโด่งงามซุกซบสูดดมกลิ่นจรุงใจไม่ยอมผละห่าง ดวงตาคมทอดมองปทุมคู่งามด้วยแววตารัญจวนใจ ก่อนจะก้มลงสัมผัสบัวสวรรค์คู่นั้นด้วยความเสน่หา หยอกเย้าลิ้มลองรสชาติของเม็ดบัวสีทับทิมอย่างอดใจไม่อยู่

ชายหนุ่มเป็นดั่งภมรหลงกลิ่นเกสรของผกางาม เฝ้าดอมดมละเลียดชิมรสอันหวานละมุนลิ้น ดื่มกินรสหวานหอมอยู่ไม่รู้อิ่ม สายลมเย็นฉ่ำในคราแรกได้กลายเป็นพายุเสน่หา พัดโหมกระหน่ำจนดอกไม้งามแกว่งไกวสะบัดไหวตามแรงลม ภมรหนุ่มขยับปีกร่อนถลาคลุกเคล้าเกสรงามไม่ลดละ รสหวานหอมยั่วเย้าให้ตามติดสนิทแนบดื่มด่ำความหวานเลิศรสนั้นด้วยแรงปรารถนา กว่าภมรหนุ่มจะอิ่มเอมสมใจอยาก ดอกไม้งามก็ถูกสัมผัสไปทั่วทุกอณูอย่างลึกเร้น...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพแล้วจ้า

ตอนนี้มีเลิฟซีนเล็กๆ ตามสไตล์ของผู้เขียนซึ่งไม่ถนัดเลิฟซีนดุเดือดเลือดหยดแหมะ เอาแค่พอให้รู้ว่าคนสองคนเขารักกันและผูกพันกันทั้งกายและใจเช่นไรก็พอนะคะ

(เลิฟซีนของข้าพเจ้ามักจะขัดใจผู้อ่าน ที่นิยมความดุเดือดแบบเลือดกำเดาไหล ขออภัยมีปัญญาเขียนได้แค่นี้จริงๆ เขียนมากกว่านี้ไม่ไหว ไม่ใช่แนว 555...)

ขอเน้นที่เนื้อหาตรงส่วนอื่นนะคะ ^_^

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ

รวิญาดา/ผการุ้ง




รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2556, 02:24:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2556, 02:24:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2714





<< ตอนที่ 1. ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกพ้น    ตอนที่ 2.เส้นทางที่เลือกเดิน 100% >>
ตถตา 8 ก.พ. 2556, 07:38:46 น.
แค่พองาม ก็ดีครับ เคยอ่าน บางท่านเขียนแบบ... เกินไปก็ไม่ดี ต้องไปอ่านงานอย่าง ของคุณ รงค์ สุดยอดมาก หรือ ของคุณ พนมเทียน ภาษา ท่านสะละสะหลวยมากๆ ติดตามตอนต่อไปคับ


คิมหันตุ์ 8 ก.พ. 2556, 08:46:49 น.
คุณเจิ้งไม่โสด ฮ่าฮ่า


maybelittledevil 8 ก.พ. 2556, 09:37:50 น.
:)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account