บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน

ตอน: บทที 4 สุภาพบุรุษผู้แสนอ่อนโยน

บทที่ 4
สุภาพบุรุษผู้แสนอ่อนโยน

“รับงานสื่อโฆษณาเหรอคะ เก่งจัง”

“ไม่เก่งหรอก แต่เป็นงานง่าย ๆ น่ะ”

“อืม” ขนมจีนยิ้ม ๆ “แล้วพี่จะเดินไปดูของขวัญเหรอคะ”

“ใช่ ผู้อำนวยการเป็นผู้หญิง ผมเลือกไม่ถูกหรอก”

“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวขนมจีนช่วยพี่เลือกของเองค่ะ”

“ขอบใจนะ”

ขนมจีนหัวใจพองโต เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ได้เดินห้างคู่กับนายนรา เขามีใบหน้ายิ้มแย้มและดูเป็นกันเองมาก เธอหันไปคุยกับเขาจนลืมไปว่าเธอมีแขกที่ไม่รับเชิญมาด้วย เธอเดินไปกับเขาสองคน โดยมีธีร์เดินตามไปด้วยในระยะห่างถึงห้าเมตร ดูเขาไม่ค่อยชอบนราเท่าไหร่

“พี่นรา ชิ้นนี้ดีไหมคะ”

“ไหนล่ะ”

เธอเอียงคอถามเขา ในขณะที่นราโน้มศีรษะเข้ามาใกล้ ใกล้เสียจนใบหน้าแทบชนกัน เธอหน้าแดงจัดไปถึงใบหู และเอนออกมา ส่วนนราแทบไม่รู้สึกตัวเลยจนกระทั่งเห็นเธอมีท่าทีเขินอาย

“ขอโทษนะ พี่ทำเหมือนเธอเป็นน้องสาว”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“น้องผมอายุรุ่นราวคราวเดียวกับขนมจีน เขาชอบเดินเที่ยวเล่นกับผม คงไม่ถือนะ”

“ไม่หรอกค่ะ ออกจะดีใจด้วยซ้ำ”

“อะไรนะ”

“อ๋อ เปล่าค่ะเพียงแต่บอกว่าไม่มีอะไรจริง ๆ” เธอยิ้ม ๆ

ทั้งคู่เลือกซื้อของขวัญให้ผู้อำนวยการ เธอเลือกซื้อของขวัญให้กับเขาเป็นชุดคอเลคชั่นนาฬิกาหรูให้กับเขามอบให้ผู้อำนวยการ ดูพี่นราก็รู้สึกชอบไม่น้อย จากนั้นเธอกับนราก็เดินซื้อของ จำพวกผลไม้ ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน และเธอก็ซื้อมาตั้งเยอะกว่าจะออกจากห้างก็ต้องหิ้วของตั้งมากมาย

“ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์เลือกซื้อของเป็นเพื่อน”

“ไม่เป็นไรค่ะ ดีเสียอีกที่มีเพื่อนเดิน จะได้ไม่เดินคนเดียว”

“งั้นผมไปก่อนนะ”

“เอ่อ...เดี๋ยวค่ะ” เธออุทานแผ่ว “คือพี่นรามีเบอร์โทรไหมคะ เผื่อว่าบางทีขนมจีนอาจจะโทรฯไปหา แบบว่านัดทานข้าวอะไรแบบนี้”

“เบอร์โทรศัพท์เหรอ”

“ค่ะ” ขนมจีนเอียงคอ ในใจเต้นตึกตัก

“รอเดี๋ยวนะ นี่เบอร์โทรฯ” นราค้นนามบัตรให้เธอ “นี่เป็นเบอร์โทรฯของผม”

“ขอบคุณค่ะ”

“ผมจะรอนะ” เขายิ้มก่อนจะเดินออกไป

ขนมจีนแทบหัวใจพองโตออกมานอกอก เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มีโอกาสเดินเที่ยวกับคุณนรา ในขณะที่กำลังฝันหวานอยู่นั้น เธอก็ร้องโอ้ยออกมาเพราะโดนเขกหัว เธอหันไปมองคนที่อยู่ด้านหลังเพราะคนที่เขกหัวเธอไม่ใช่ใครหรอก แต่เป็นตาธีร์ที่กำลังทำหน้าเลิกคิ้วถามเธอเสียงขุ่น

“อะไรล่ะ มาเขกหัวฉันทำไม”

‘เมื่อกี้ ใครพูดว่าดีเสียอีกที่มีเพื่อนเดิน จะได้ไม่เดินคนเดียว’

“ฉันพูดจริงนี่นา” เธอร้อง

‘แล้วผมล่ะ ไม่ได้เดินเป็นเพื่อนหรือไง’

จริงด้วยสิ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าเดินคนเดียวได้หรือเปล่า

“ก็...เดินก็เหมือนไม่ได้เดินด้วยกันอยู่แล้วนี่” เธอบ่นเบา ๆ

‘อะไรนะ พูดใหม่ซิ’

“ขอโทษ ใครจะรู้ล่ะว่านายจะน้อยใจเป็นด้วย เอาเป็นว่าขอโทษก็แล้วกัน โอเคหรือเปล่า” เธอชำเลืองมองเขาพลางยิ้ม ๆ

‘รู้อย่างนี้ให้มาเดินคนเดียวซะก็ดี’ น้ำเสียงของเขายังกรุ่นโกรธ

“เอาน่า อย่าโกรธไปเลย ไปกันเถอะ”

เธอไม่อยากพูดอะไรมาก เดี๋ยวคนอื่นจะว่าเธอพูดพร่ำคนเดียวอีก เธอเดินซื้อของตามร้านเรื่อย ๆ ถือของก็หนักแล้วหนักอีก แต่นายธีร์กลับไม่สนใจเดินนำไปข้างหน้า เธอบ่นตามประสา คนอะไรขี้งอนไปได้

...แต่อย่างว่าแหละ ผีมักจะแสนงอนแบบนี้แหละ


...พอมาถึงบ้าน เธอก็ถอดเสื้อเตรียมตัวอาบน้ำ เธอแกะกระดุมเสื้อและหันไปมองธีร์ ดูเหมือนเขาจะรู้หน้าที่ไม่โผล่มาให้เธอเห็นอีกเลย เธอถอดเสื้อผ้าแล้วลงอ่างเตรียมตัวอาบน้ำ อากาศภายนอกมืดสนิทมีเพียงข้างนอกหน้าต่างที่มีกิ่งไม้โน้มลงมา เธอสวมผ้าเช็ดตัวเปิดน้ำใส่อ่าง ขณะที่เธอกำลังลงไปแช่ในอ่าง เธอมองเห็นเงาดำ ๆ อยู่ด้านนอกหน้าต่างและโน้มลงไปอย่างรวดเร็ว เธอยกแขนขึ้นปิดลำตัวทันที

“ธีร์เหรอ ใครใช้มาอยู่ตรงนี้ล่ะ” เธอร้อง

เธอมองดูอีกที เงาดำนั้นก็หายวูบไป ขณะนั้นร่างบางโกรธจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เธอรีบอาบแล้วจึงออกมาข้างนอกตะโกนเรียกชี่อนายธีร็ดังลั่น

“ธีร์อยู่ไหนน่ะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

‘อะไรหรือ’

“นายไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น ฉันเห็นนะ”

‘เห็นอะไร’

“ก็...เอ่อ นายไปอยู่ตรงหน้าต่างข้างห้องน้ำไม่ใช่เหรอ”

‘ผมหรือ ผมอยู่บนชั้นล่างต่างหาก’

“ไม่ใช่อะไรล่ะ ฉันเห็นเงานายอยู่ตรงนั้น ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครกันล่ะ”

‘เห็นร่างผมหรือ’ เขาถามย้ำ ‘หรือว่าเห็นเพียงเงาแล้วเหมาว่าเป็นผม’

“เอ่อ..” เธอเริ่มอึกอัก “ก็บ้านหลังนี้มีแต่นายที่อยู่กับฉันใช่ไหมล่ะ”

‘ใช่ แต่ผมไม่ได้ทำ’

“อะไรนะ”

‘เลิกพูดดีกว่า ผมน่ะไม่เห็นจะสนใจคุณเลย ไม่ว่าคุณจะนอนโป๊หรือใส่กางเกงขาสั้น ผมก็ไม่เห็นสนใจเลยสักนิด’ ธีร์พูดแบบไม่เกรงอกเกรงใจจนเธออ้าปากค้าง

“ไม่เห็นสนใจเหรอ ตาบ้า...นี่แน่ะ” เธอโมโหจนขว้างกล่องใส่ทิชชูใส่เขา แต่มันกลับเลยไปด้านหลัง ธีร์ไม่ใส่ใจเขาเลิกคิ้วเข้มถาม

‘พูดความจริงทำเป็นรับไม่ได้’

“ออกไปเลยนะ ไปให้พ้น”

ธีร์ค่อย ๆ จางหายไป เธอเม้มปากแน่นดวงหน้างามแดงจัดด้วยความโมโห มีอย่างที่ไหนเอาเรื่องจริงมาพูดทั้ง ๆ ที่เธอก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งเหมือนกันนะ

“ตาบ้านี่ ฉันจะไม่สนใจเลยคอยดูสิ” เธอบ่นพึมพำ

...ตอนกลางคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับ จะเป็นเพราะยังโกรธไม่หายกับนายธีร์นั่นก็กระไรอยู่ เพราะเธอเพิ่งถูกกระชากลงจากเตียงในคืนก่อน เธอมองดูไปรอบกายแล้วก็นึกถึงธีร์ขึ้นมา หวังว่าเขาคงจะแฝงตัวใกล้ ๆ เธอ คงไม่หายไปไหนหรอกนะ เธอเม้มปากแน่น....คืนนี้มันมืดมากเลย

“ธีร์คุณอยู่แถวนี้จริง ๆ เหรอ” เธอลองพึมพำ

เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

“คงไม่ได้หายหน้าไปหรอกนะ”

...ผ่านไปสักชั่วโมง เธอก็ผล็อยหลับสนิท เป็นความฝันที่คล้ายกับคืนวันก่อน เธอมองเห็นตัวเธอยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง เป็นซากของคฤหาสน์สีขาวเก่าแก่ มีรูปสลักเยอะแยะที่แตกหักเสียหาย เธอมองไปที่ทางเดินไป เธอมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดสลัวลาง มีเพียงต้นไม้และเถาวัลย์เลื้อยผ่านทางเดินและประตูทางเข้า ในความฝันเธอปรารถนาเหลือเกินที่จะเข้าไปที่นั่น

...ดูเหมือนมันจะบรรจุอะไรที่นั่น

ที่เธอไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพราะเธอยังมองไม่เห็นมัน

“ขนมจีน..”

หญิงสาวได้ยินเสียงเรียกชื่อ มันหวานล้ำจนเธอหนาวเยือกไปถึงสันหลัง

“ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่นี่” เสียงนั้นดังมาอีกครั้ง

“ใครน่ะ คุณเป็นใครคะ” เธอกระซิบถาม

“เธออยู่ที่บ้านหลังนี้มันอันตราย ความตายกำลังตามเจ้าอยู่”

“คุณเป็นใคร”

“เราก็คือเธอยังไงล่ะ”

ขนมจีนสะดุ้งตื่นทันที เหงื่อเปียกโชกเต็มตัวไปหมด เธอเอียงคอมองไปรอบห้องแต่มองเห็นเพียงความมืดสลัว เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วก็ต้องพลันสะดุ้งโหยงเพราะขาของเธอถูกความเย็นเฉียบจับไว้แน่นหนา เธอหน้าซีดเผือดราวกับเศษกระดาษ

เงาแห่งความดำมืดค่อย ๆ คืบคลานสู่ข้อเท้าเธอ และค่อย ๆ ดึงข้อเท้าเธอมันลากเธอลงจากเตียง เธอมองเธอตรงพื้นที่นั่นกระจกที่เธอใช้ส่องหน้าหล่นลงมาแตกเป็นเสี่ยง ๆ จนเธอสะดุ้งตกใจ รอยดึงขาของเธอลากไปตรงนั้น เธอหน้าซีดเผือดเลือดในกายจับตัวเป็นก้อนแข็ง หรือว่ามันกำลังจะลากเธอไปตรงที่กระจกนั่นแตก ไม่นะ เธอไม่ยอมให้มันทำอย่างนั้นเด็ดขาด

“ช่วยด้วย....” เธอกระซิบเสียงแหบพร่า “ธีร์ ช่วยฉันด้วย”

ร่างบางรู้สึกว่าแขนและขาไม่มีแรงขยับ และมันกำลังถูกลากลงไปจากเตียง ผ้าห่มที่คลุมตัวเธอเลื่อนหลุดไปกองอยู่บนพื้นเตียง เธอหน้าซีดเผือด

“ช่วยด้วย ใครก็ได้”

ตอนนี้เงาดำค่อย ๆ คืบคลานมายังแขนทั้งสองข้างของเธอ แล้วยึดเกาะไว้แน่น

“ธีร์ ช่วยฉันด้วย” เธอตะโกนออกมาดังลั่น

บัดนั้น ก็บังเกิดแสงสว่างวาบตรงมุมห้องแล้วความมืดที่เกาะกุมเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ธีร์คว้าแขนเธอไว้ก่อนที่เธอจะร่วงไปบนกระจกที่แตก หน้าตาของเธอซีดเผือดมือเกาะผ้าห่มแน่น ถ้าธีร์มาช่วยเธอไว้ไม่ทัน ป่านนี้เธอจะมีสภาพเป็นยังไงก็ไม่รู้ เธอตัวสั่นเทามองดูกระจกที่แตก มันดูราวกับพุ่งของมีคมมายังเธอโดยเฉพาะราวกับ

..ต้องการฆ่าเธออย่างไรอย่างนั้น

“ธีร์....อะไรน่ะ” เธอกระซิบแผ่ว

‘ไม่รู้สิ พอผมมาถึงมันก็หายไปแล้ว’

“แล้วมันต้องการอะไรกันแน่ นี่มันสองครั้งแล้วนะที่ฉันโดนแบบนี้”

‘คุณเป็นอย่างไรบ้าง’

“ไม่เป็นไร..จะว่าไม่เป็นไรก็ไม่ได้ ดูนี่สิ”

เธอเปิดขากางเกงให้ดู เรียวขาของเธอเป็นรูปรอยนิ้วมือจำนวนสามนิ้ว ทำเอาเธอขนลุกชันทั้งตัว ไม่เป็นไรเหรอ จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงล่ะ ในเมื่อรอยนิ้วมือชัดเจนขนาดนี้

‘ผมขอโทษนะ ที่มาช้าเกือบไม่ทัน’

“ไม่เป็นไรหรอก ยังดีนะที่คุณมาทันไม่อย่างนั้นล่ะก็...ฉันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

‘คงเป็นมันนั่นแหละ ที่แอบดูคุณในห้องน้ำ’ เขาเอ่ยเสียงเรียบ ขนมจีนเงยหน้ามองเขาอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี จะว่าโกรธตัวเองก็กระไรอยู่

“ขอโทษนะ ที่ฉันไม่เชื่อคุณ”

‘ไม่เป็นไรหรอก’

“ตอนแรกที่ฉันมาอยู่ที่นี่ ฉันเจอคุณหลวงด้วย...แต่ดูจากเมื่อกี้เขาไม่ใช่คุณหลวงของฉันแน่ มันเป็นอะไรที่มีมานานกว่านั้น”

‘งั้นเหรอ’

“เมื่อกี้ฉันฝันแปลก ๆ ด้วย ฝันว่าฉันเห็นผู้หญิงชื่อคุณชบา”

‘แล้วตอนที่คุณฝัน เขาพูดว่าอะไรบ้าง’

เธอกระซิบแผ่ว “เขาบอกว่าฉันอยู่คฤหาสน์หลังนี้จะเป็นอันตราย ความตายกำลังจะมาเยือน”

‘ความตายหรือ’

“คุณพอจะรู้อะไรบ้างไหม”

‘ผมไม่ทราบอะไรเลย’

เธอเม้มปากแน่น “คุณชบา ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเขาเป็นใคร”

‘ไหนผมขอดูเท้าคุณหน่อยซิ’ ธีร์ก้มลงสัมผัสของเขาเย็นเฉียบ แต่ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกอบอุ่นได้ขนาดนี้นะ ขนมจีนชักเท้าหนีเขา

“ไม่ต้องหรอกกระจกบาดน่ะ ฉันทำเองได้”

‘ไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะ เป็นขนาดนี้’

“ไม่เป็นไร ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง” เธอค่อนข้างถือเพราะเท้ามันอยู่ระดับล่าง ไม่ควรเอามาโชว์ให้ใครดู

มือของธีร์จับขาของเธอเอาไว้ ถึงมันจะไม่มีอะไรจับไว้ก็เถอะแต่เธอก็อดหวั่นไหวไม่ได้อยู่ดี เธอมองตาสีดำของเขา มันแลดูอบอุ่นและอ่อนโยนเอามากๆ

‘คุณไม่เชื่อใจผมหรือ’ น้ำเสียงของเขาอ่อนลง

“ไม่ใช่หรอก เพียงแต่ข้อเท้ามันเป็นของต่ำไม่ใช่ว่าฉันรังเกียจหรอก”

‘ต่ำยังไง’

“ก็มันใช้เดินนะสิ”

‘ไร้สาระน่า’

“นี่คุณ...” เธอจะอ้าปากด้วยความโมโห แต่ก็ร้อนวาบที่ข้อเท้าเธอแปลกใจเพราะเห็นเขาเอามือลูบที่ข้อเท้าเธอ รอยแดงจาง ๆ ก็หายไปทันที เธอลืมตาโต “นี่คุณรักษาฉันได้ด้วยหรือ”

‘ไม่รู้สิ แต่ลองทำดู’

“ไม่รู้เหรอ ได้ยังไงน่ะ” เธอร้องเสียงดัง “นี่แปลว่า คุณใช้ฉันเป็นหนูลองยาเหรอ”

‘ไม่อยากก็ไม่เป็นไรนะ’

“เดี๋ยวก่อน ขอบคุณนะ” เธออ้อมแอ้ม “ถ้าไม่ได้คุณช่วย ฉันก็คงจะเจ็บไปหลายวัน”

‘ไม่เป็นไร’ ธีร์ยิ้มให้เธอ รอยยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เธอค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมคนหนุ่มอย่างเขาถึงกลายเป็นวิญญาณได้นะ ถ้าเธอรู้ว่าร่างกายของเขาอยู่ที่ไหนล่ะก็ก็คงดีนะสิ

“ร่างกายของคุณ อยู่ที่ไหนเหรอ” เธอถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้ว

‘ไม่รู้เหมือนกัน ถามทำไม ถามแบบนี้ต้องการหาร่างของผมแล้วหรือ’

“บ้า แต่ถามเฉย ๆ แหละ” เธอหน้าแดงจัด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงได้รู้สึกได้ขนาดนี้

‘ถึงผมรู้ ก็คงไปหาเองแล้วล่ะ’

จริงสินะ...

ถึงเขาจะรู้ก็คงไปหาเองแล้วล่ะ เรื่องอะไรจะมาหวังพึ่งเธอซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กันละ

‘คิดมากไปแล้ว ผมยังไม่ได้พูดสักหน่อย ว่าจะไม่พึ่งคุณ’

ขนมจีนสะดุ้งโหยง

“นี่คุณ อ่านใจฉันได้ด้วยเหรอ” เธอร้องอุทาน

‘ก็นิดหน่อย พอรู้คร่าว ๆ’ เขายิ้มบาง ๆ

ขนมจีนเงียบไปทันที ถ้าเป็นอย่างนี้เธอคิดอะไรอยู่เขาไม่รู้กันหมดเลยเหรอ

‘ก็บอกแล้วไง ว่าอย่าคิดมาก’

“ฉันคงไม่คิดมากหรอก ถ้าหากว่าคุณไม่พูดออกมา” เธอเม้มปากแน่น “ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว”

‘ประมาณตีสามกว่า มีอะไรเหรอ’

ขนมจีนนั่งห่อกาย ความจริงยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ แล้วเธอจะทำอะไรดีล่ะจะนอนก็ใช่ที่ จะตื่นขึ้นมามันก็ยังเช้าอยู่อีก

“ฉันนอนไม่หลับน่ะ” เธอรำพึงแผ่ว

‘นอนไม่หลับ หรือไม่อยากนอน’

“มันก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

‘งั้น เอาอย่างนี้ผมจะอยู่กับคุณบนเตียง’ เขายิ้มบาง ๆ ‘หวังว่าคุณคงจะไม่คิดอกุศลนะ’

ขนมจีบเม้มปากแน่น ดูเอาเถอะเขายังมาว่าเธอคิดอกุศลอีกแนะ

“บ้าเหรอ ใครจะไปคิดกัน” เธอร้องเสียงดัง

‘เอาล่ะ นอนเถอะ’ ใบหน้าคมคายเอ่ย พลางโน้มศีรษะลงมาใกล้...ใกล้มากจนเธอหวั่นไหว

“นาย...จะอยู่ใกล้ ๆ ฉันตลอดเวลาใช่ไหม” เธอเอ่ย

‘ผมจะอยู่ใกล้ ๆ คุณตลอดเวลา’

เธอยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก...แล้วก็หลับตาลง

เป็นเวลานานหลายนาที กว่าที่เธอจะหลับลงได้สนิท น่าแปลกเหลือเกินถึงแม้เธอจะรู้ว่าเขาเป็นแค่วิญญาณตนหนึ่ง แต่เธอก็มั่นใจว่าเขาจะคุ้มครองเธอได้ เขาอบอุ่นและอ่อนโยนกับเธอมากนัก จนเธอเผลอหลับสนิทโดยไม่รู้สึกตัวอีกเลยตลอดจนกระทั่งรุ่งเช้า....

ตอนเช้ายายแววสวมชุดกระโปรงรัดรูปมากดกริ่งแถมยังกอดอกมองมายังคฤหาสน์

จริง ๆ เธอก็ไม่อยากจะมายุ่งหรอกนะ แต่เธอแค่อยากรู้ว่าขนมจีนยังอยู่ดีหรือเปล่า หรือว่าเธอหนีออกไปจากบ้านทั้ง ๆ ที่เธอกับแม่เฝ้าอยู่ข้างนอก เธอน่ะไม่ค่อยอยากจะมาที่นี่เท่าไหร่หรอก เพราะอะไรน่ะหรือ เธอเคยเข้ามาที่นี่แล้วถูกดึงขาจนหกล้มขาแพลง ส่วนพี่ชิตก็ถูกนาฬิกาฝาผนังหล่นใส่หัวโครมใหญ่ จนเธอและพี่ชายไม่กล้ามาที่นี่อีก แต่ขนมจีนน่ะมาอยู่ได้หลายคืน เธอจึงอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอมีดีอะไร

“คนมายืนกดกริ่งตั้งนาน ไม่ได้ยินเหรอ” เธอเชิดหน้า มองดูขนมจีนที่สวมชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเปิดประตูให้ เธอมองดูร่างบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

“คุณแวว มีอะไรหรือคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมาดูว่าเธอยังอยู่ดีหรือเปล่าเท่านั้น” เธอยิ้มเยาะ “แต่ดู ๆ ไปแล้วคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เพราะเธอยังอยู่ดี”

“เหรอคะ ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่” เธอแสร้งโกหก

“โกหก ฉันไม่เชื่อหรอก”

“ถ้าคุณไม่เชื่อ แล้วจะมาถามฉันทำไมคะ”

“ก็....” เธอกำลังจะบอกว่าเคยเข้ามาแล้วแต่ก็หุบปากเอาไว้ก่อน “ก็ฉันเคยได้ยิน ว่าคนที่มาอยู่ที่นี่ เป็นต้องโดนทุกราย”

“โดนทุกรายนี่ เผลอเตะกระถางหรือทำของหล่นหรือเปล่าคะ”

“นี่เธอ ฉันพูดดี ๆ นะ”

“ฉันก็พูดดี ๆ นี่คะ ว่าแต่คุณมาหาฉันเพราะถามเรื่องนี้เหรอ”

“เปล่า” เธอเชิดหน้า “ฉันแค่อยากมาดูว่าเธออยู่ได้ยังไง หรือว่าเธอมีของดี”

“ของดี” หญิงสาวเลิกคิ้ว “อะไรคะ”

“ก็...พวกเครื่องรางของขลังที่หล่อนชอบพกยังไงล่ะ แหม...นึกว่าชอบพกซะอีก”

“เครื่องรางของขลังคงไม่จำเป็นหรอกค่ะ เพราะว่าฉันอยู่ด้วยใจ”

“เหรอ” เธอเหยียดยิ้ม “ขอฉันเข้าไปดูข้างในหน่อยได้ไหม”

“เชิญค่ะ”

เธอเปิดประตูเชิญให้แววเข้าไปในบ้าน เธอผมยาวสีน้ำตาลแต่งหน้าซะเข้ม กระโปรงสีชมพูสดเดินนำเธอเข้าไปในบ้าน ธีร์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในบ้านมองเห็นเธอเข้า เขาก็เลิกคิ้วมองดูขาเรียว ๆ ก้าวเข้ามาในบ้าน ขนมจีนมองเขาแล้วอมยิ้ม เห็นเป็นผีก็เถอะแต่ยังไงผู้ชายก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี

“ที่นี่เป็นคฤหาสน์ของคุณหลวง คุณเองก็คงเคยเข้ามาบ้างนะคะ”

“ก็เคยเข้ามาบ้าง แต่ไม่บ่อย” เธอยิ้มบาง ๆ “นี่อะไรน่ะ”

ขนมจีนมองดูรูปถ่ายในมือของแวว มันเป็นรูปพ่อกับแม่ของเธอตั้งแต่สมัยที่เธอยังเรียนหนังสือ เป็นภาพพ่อกับแม่ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข และเธอยังเก็บเอาไว้เป็นกำลังใจเรื่อยมา

“รูปพ่อกับแม่ค่ะ เป็นภาพที่ท่านยิ้มตลอดเวลา”

“เหรอ เสียใจด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“แล้ว...ท่านไม่ได้ทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้เธอเหรอ” คำพูดช้าชัด ๆ ของแวว ทำเอาขนมจีนขมวดคิ้ว นี่เป็นคำถามที่เธอสมควรถามเอากับญาติที่เหลืออยู่งั้นเหรอ

“เปล่าค่ะ พ่อกับแม่ทำประกันไว้ให้ฉัน แต่ฉันไม่ได้...” เธอยังพูดไม่จบ

“ก็ดีแล้วนี่ คิดว่าจะมาเกาะแม่ของฉันซะอีก” เธอยิ้ม “ดีที่มีประกันไว้ให้ลูก”

“คุณแวว ฉันไม่ได้ต้องการเงินประกันเลยนะคะ”

“แต่เธอก็เอา” เธอเลิกคิ้ว “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ได้ไปบอกใคร”

คุณแววเหยียดยิ้มอารมณ์ดี เธอมีนัยน์ตาพราวระยับจนขนมจีนเม้มปากแน่น

“ฉันไม่ได้กลัวคุณจะบอกใคร” น้ำเสียงของเธอต่ำลึก

“ขอโทษนะ ที่ฉันทำให้เธอโกรธ”

“ฉันไม่ได้โกรธค่ะ เพียงแต่เสียใจเพราะญาติที่เหลืออยู่ พูดทำนองเป็นเชิงกล่าวโทษแบบนี้”

“เหรอ...แล้วเธอนอนไหนล่ะ” จู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนเรื่องคุย

“ชั้นสองค่ะ ห้องติดกับหน้าบ้าน”

“ห้องที่อยู่ชั้นสองเหรอ...แล้วตอนนอนล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” เธอเอ่ยถาม

ดูเหมือนว่าคนที่เคยมาที่นี่ จะเคยรู้เรื่องราวประหลาด ๆ มาแล้ว

“เหรอคะ ไม่เห็นมีอะไรนี่”

“ไม่มีเหรอ...ไม่น่าเชื่อ”

“คุณแววว่ายังไงนะคะ” เธอแกล้งถาม “หรือว่าคุณแววเคยมานอนที่นี่แล้วเจอเหตุการณ์ประหลาด ๆ อะไรทำนองนี้งั้นเหรอ”

“เปล่า ก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละ”

ธีร์แกล้งยืนอยู่ด้านหลังเธอ ใบหน้าคมคายดีดนิ้วตรงท้ายทายของเธอ ทำเอาเธอสะดุ้ง

“นั่น เธอได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า” เธอเอ่ยเสียงแหบพร่า

ธีร์แกล้งดีดอีกข้างหนึ่ง ให้เธอได้ยินเต็มสองหู

“อะไรเหรอคะ” เธอแกล้งเอ่ยถาม

“ก็เมื่อกี้นี้ไง ได้ยินเสียงคล้าย ๆ กับเสียงดีดนิ้วเลย”

“เสียงดีดนิ้วเหรอคะ ไม่เห็นได้ยินเลย”

“ไม่รู้แหละ ฉันได้ยินได้จริง ๆ นะ”

คราวนี้แววลุกขึ้นยืน ธีร์อยู่ข้างหลังเธอเขาแกล้งเอาขาขัดตัวเธอ ทำเอาแววร้องว้ายแล้วล้มลงสู่พื้นขาแพลงโอดโอย ขนมจีนตกใจรีบประคองทันที

“คุณแวว เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ฉันโดนอะไรไม่รู้ขัดขา เธอเห็นไหม”

“เอ่อ...ไม่เห็นค่ะ คงลื่นมั้งคะ”

“ลื่นอะไรล่ะ ฉันโดนขัดขาจริง ๆ พอแล้ว ฉันจะกลับบ้าน”

“เดี๋ยวค่ะ”

“ว้าย” จู่ ๆ เธอก็โดนผลักหกล้มไปใส่ขนมจีน เธอเอื้อมมือไปรับเธอทันที พร้อมกับขมวดคิ้วเมื่อธีร์เริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เธอคว้าจับแววที่ตอนนี้หน้าซีดเผือด “ใครผลักฉันน่ะ เธอเห็นไหม”

“เห็นค่ะ เห็นว่าคุณล้มลงมา”

“ไม่เอาแล้ว ฉันจะกลับแล้ว บ้านนี้อะไรก็ไม่รู้” เธอร้องเหมือนจะร้องไห้ ร่างบางรีบวิ่งออกไปจากประตูหน้าบ้าน ขนมจีนถอนหายใจยาวพลางขมวดคิ้วมองหน้าธีร์ที่กลั้นยิ้ม

“คุณแกล้งเธอเกินไปแล้วนะ”

‘ผมแค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง เธอตกใจไปเองต่างหาก’

“ถ้าเกิดว่าคุณโดนขัดขาโดนผลักหกล้มบ้าง จะตกใจหรือโกรธอย่างเธอกันแน่”

‘เอาล่ะ ผมขอโทษ” เขาถอนหายใจยาว ‘แต่ผมไม่ชอบที่เธอพูดถึงพ่อกับแม่คุณ’

ขนมจีนกระพริบตาถี่ ๆ

“อะไรนะ”

‘ถึงผมจะเป็นแค่วิญญาณ แต่ผมก็พอฟังออกว่าคุณแววไม่ชอบคุณ’

ขนมจีนมองหน้าธีร์ เธอมองเห็นความอ่อนโยนและความอบอุ่นซ่อนอยู่ในท่าทีแข็งกระด้างของเขา ความจริงแล้วสิ่งที่เขาทำกับแววก็เพื่อกันเธอออกไป

“ขอบคุณนะ แต่คราวหลังไม่ต้องก็ได้”

‘ครับ คุณผู้หญิง’

ธีร์ยิ้มบาง ๆ เธอถอนหายใจยาว

“คุณทำอย่างนี้ทำไม”

‘ผมแค่อยากอยู่คนเดียว ไม่ต้องการให้คนอื่นมาเอะอะหนวกหูมันน่ารำคาญ’ เขาถอนหายใจยาว ‘ผมแค่แกล้งโผล่ออกมาให้เขาเห็นครั้งสองครั้ง’

“ครั้งสองครั้งเหรอ แค่ครั้งเดียวเขาก็ไม่อยู่แล้วล่ะ” เธอเม้มปากแน่น “เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้นะ แล้วคุณล่ะเป็นอะไร คุณก็แค่วิญญาณผู้อยู่อาศัยต่างหาก”

‘ผมจะไม่ทำอีก ถ้าหากว่าคุณเอ่ยปากห้ามอย่างนี้’

“ห้ามสิ ต่อไปนี้ห้ามคุณหลอกพวกเขาอีก จนกว่าฉันจะสั่ง”

‘ได้สิครับ’ เขารับปากง่าย ๆ ‘ผมจะไม่ทำอีก ถ้าหากว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณ’

“อะไรนะ”

ธีร์ หายวับไปทั้ง ๆ ที่ยังพูดไม่จบ เธอถอนหายใจยาว....

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ขนมจีนมักมาเดินบริเวณตลาดน้ำเก่า เธอเดินดูของตามสถานที่ที่น่าสนใจนานเกือบสามชั่วโมง ดูต้นไม้แปลกตาสวย ๆ กับบรรยากาศ และวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำเป็นแห่งสุดท้าย ที่นี่มีทั้งวัดและบ้านทรงไทย ทั้งแบบเก่าและแบบประยุกต์ สองฝั่งเต็มไปด้วยร้านค้า สวนผักและผลไม้พื้นบ้าน ทุกวันอาทิตย์เธอมักหาเวลาว่างให้ตัวเอง เดินซื้อของตามย่านตลาดน้ำเพื่อผ่อนคลายกับบรรยากาศสบาย ๆ อยู่เสมอ ร่างสูงโดดเด่นหยุดดูสินค้าหน้าร้านขายเครื่องหัตถกรรมโบราณเป็นระยะ

บรรยากาศร่มรื่นกับตลาดตามแนวคลอง ทำให้ผู้คนนิยมมาเดินจับจ่ายซื้อของกินในวันหยุดเป็นจำนวนมาก มีของกินให้เลือกมากมายทั้งคาวหวาน หน้าร้านขายต้นไม้ประดับประดาด้วยสีสันกล้วยไม้แลดูสดชื่นสบายตา เธอมัวแต่เดินดูของจนแทบไม่ได้มองไปด้านหน้า จนกระทั่งเกือบชนเข้ากับนราเสียงร้องเบา ๆ กับร่างที่เกือบตกลงไปในน้ำดีนะที่ผู้ชายคนที่เธอล้มใส่คว้าแขนเอาไว้ได้ทัน

“พี่นรา” เธอร้อง

“เป็นยังไงบ้างครับ อ้าวขนมจีน”

ขนมจีนเกือบเขกหัวตัวเอง ที่ซุ่มซ่ามจนเกือบตกลงไปในน้ำ

“เอ่อ..เปล่าค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันเดินชนคุณ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“พี่นรา มาซื้ออะไรเหรอคะ”

“ก็ของฝากพวกญาติ ๆ น่ะ แล้วเราล่ะมาทำอะไร”

“เดินดูของนะค่ะ พวกต้นไม้แล้วก็พวกของที่ระลึก”

“ของที่ระลึกหรือ ร้านนู้นมีแน่ะ”

“จริงหรือคะ แหม...อุตส่าห์หาตั้งนาน ที่แท้ก็อยู่ที่นี่เอง” เธอยิ้มหวาน มองหน้าอบอุ่นของชายหนุ่ม “แล้วพี่นราจะกลับแล้วเหรอคะ”

“ยังหรอก พี่เพิ่งมาน่ะ”

“ฉันก็เพิ่งมาเหมือนกันค่ะ งั้นเรา..ไปเดินด้วยกันไหมคะ”

“อืม ก็ดีเหมือนกัน”

ขนมจีนและนราเดินดูของเป็นเพื่อนกัน เธอเดินไปดูต้นไม้เขาก็ช่วยเลือกปุ๋ยและดินให้ ทั้งคู่เดินดูดอกกล้วยไม้กันสองคน และเดินไปดูของที่ระลึกที่ร้านแห่งหนึ่ง เธอเลือกหมวกใบหนึ่งพยายามเอามาสวมหัวแต่ก็ไม่พอดี นราจึงเป็นฝ่ายสวมใส่ให้ดูราวกับคู่รักกัน พอดีเธอเลือกดูเสื้อผ้ากะจะส่งไปให้เพื่อนจึงทาบทับกับแผ่นหลังของพี่นรา แม่ค้าที่ยิ้มแก้มปริเป็นฝ่ายเดินเข้ามาบอกว่าเป็นคู่รักที่น่ารักจริง ๆ เลย ทำเอาขนมจีนหันไปมองหน้าพี่นราแล้วแก้มแดงปลั่ง

“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”

“จริงเหรอคะ”

“จริงครับ” พี่นรายิ้ม “เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นจริง ๆ”

“แหม..น่าเสียดายนะคะ ออกจะเป็นคู่รักที่เหมาะสมกันมากแท้ ๆ”

ขนมจีนชำเลืองมองพี่นราแล้วก็ยิ้มออกมาน้อย ๆ

“ไปกันเถอะค่ะ”

“ครับ”


หลังจากที่เดินดูขนมและของฝากในตลาดน้ำ เขาและเธอก็ไปนั่งร้านก๋วยเตี๋ยวที่ร้านนี้จัดบรรยากาศคล้าย ๆ กับเรือโบราณ บรรยากาศร่มรื่นมีต้นไม้เยอะแยะ เธอสั่งก๋วยเตี๋ยวมากินและบอกให้เขาสั่งต่อ

“ไม่ละครับ คุณสั่งเถอะ”

“ทำไมละคะ”

“ผมกินง่าย อะไรก็ทานได้”

“เหรอคะ งั้นฉันสั่งก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่ลูกชิ้นมีแต่เส้นให้คุณดีไหมคะ” เธอยิ้มบาง ๆ

“ไม่มีลูกชั้น มีแต่ก๋วยเตี๋ยวแล้วผมจะกินได้ยังไงละครับ”

“อ้าว ก็เมื่อกี้คุณบอกว่าทานอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ”

“มันก็ใช่” พี่นรายกมือขึ้นเกาท้ายทอย

“ล้อเล่นนะค่ะ เอาเป็นว่าเอาเหมือนกันก็ได้

พี่นรายิ้มอย่างโล่งอก

“ครับ”

ทั้งคู่นั่งคุยกันเนิ่นนานจนเริ่มสนิทกัน ขนมจีนกินก๋วยเตี๋ยวจนหมดถ้วย แถมยังมีสายตาอบอุ่นของพี่นราลอบมองมาเขาอยากรู้จักกับขนมจีนมากขึ้นกว่านี้ เขาชอบที่เธอเป็นคนง่าย ๆ ไม่ถือตัว ขนมจีนคุยกับเขาอยู่นานจนก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ นี่เป็นเวลาเกือบบ่ายแล้วนี่เธอมาเดินตั้งแต่เช้าเลยเหรอเนี่ย

“เป็นอะไรเหรอครับ” พี่นราเห็นจึงถาม

“เป็นเวลาบ่ายแล้ว พี่นรารีบไปไหนหรือเปล่าคะ”

“ไมนี่ แล้วขนมจีนล่ะรีบไปไหนหรือเปล่า”

“ก็....” เธอนึกไปถึงหน้าของธีร์เข้า ช่างเขาเถอะอยากไม่ยอมตามมาเอง “เปล่าค่ะ แค่ถามดูเฉย ๆ เท่านั้น”

พี่นรายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน

“ขนมจีน มีแฟนหรือยังน่ะ”

“อะไรนะคะ”

“เปล่า คือผม...แค่อยากรู้น่ะ”

ขนมจีนแสร้งยิ้ม อย่าบอกว่าเป็นแฟนเลยแค่เข้ามาจีบเธอน่ะ ก็ยังแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ จะว่า ๆ เธอเรื่องมากมันก็ใช่น่ะนะ แต่ผู้ชายแต่ละคนล้วนแต่ถือดอกไม้มาหรือไม่ก็ชวนไปเที่ยวกันสองคนไม่มีเพื่อนเธอไปด้วย พวกผู้ชายก็เป็นอย่างนี้แหละ เธอจึงครองตัวโสดอยู่นี่ไง

“แล้วพ่อแม่ของขนมจีนล่ะ เขามาอยู่ด้วยไหม”

พูดถึงพ่อแม่ของเธอ หญิงสาวก็มีสีหน้าที่อ่อนลงทันที

“เสียไปแล้วค่ะ เพิ่งประสบอุบัติเหตุได้ไม่นาน”

“ขอโทษที ผมไม่รู้เลย”

“ไม่เป็นไร ฉันชิตซะแล้ว” เธอยิ้ม ๆ

พี่นรามองเธออยู่นาน เขาไม่เคยเห็นใครที่แข็งแกร่งเหมือนเธอเลยสักนิด

“แล้วที่ผมถามเมื่อกี้....”

“เรื่องแฟนนะเหรอคะ ยังไม่มีเลยค่ะ ฉันถึงอยู่เป็นโสดแบบนี้ไง” เธอหัวเราะพลิ้วหวาน สำหรับพี่นราไม่ใช่ว่าเธอไม่น่ารักหรือไม่เก่ง แต่อาจเป็นเพราะผู้ชายสมัยนี้หายากกันเหลือเกิน

“ใครว่าผู้หญิงโสดไม่น่ารักหรือไม่เก่ง ผมว่าคุณเป็นข้อยกเว้นเลยทีเดียว”

**********************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ^___^




เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2556, 12:57:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2556, 12:57:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1700





<< บทที่ 3 เสียงกระซิบอย่างอ่อนโยน   บทที่ 5 ผู้ชายขี้หึง >>
Zephyr 16 ก.พ. 2556, 16:28:52 น.
อ้าว เอ๊ะใครจีบใครเนี่ย


จิรารัตน์ 22 มี.ค. 2556, 14:54:17 น.
แอบมาอ่านอีกรอบ

เวียนหัวกับแววมาก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account