บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: ข้อตกลง 100%


บทที่ 4
ข้อตกลง
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังอยู่ข้างหู อรัญญิการ์รีบกดรับเมื่อเห็นว่าปลายสายคือผู้ใด
‘สวัสดีตอนบ่าย หนูเอมี่ว่างคุยหรือเปล่า’ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยตามสายมาอย่างอ่อนโยน
“ว่างค่ะ ท่านพ่อมีอะไรจะคุยกับเอมี่หรือคะ” เธอถามกลับไป บิดาของเขานั่นเองที่โทรมา
‘เมื่อกี้หนูแป๋ม โทรมาบอกว่าหนูไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง ให้ฉันส่งหมอไปตรวจอาการดีไหม?’
“ไม่! ไม่ต้องหรอกค่ะ เอมี่แค่เบื่ออาหารเท่านั้นเอง’
แม่มดคนงามค่อนขอดเพื่อนรักอยู่ในใจ ทำไมปาฎลีต้องบอกคุณชายเรื่องนี้ด้วย
‘อือ...ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นสักหกโมงเย็นหนูเข้าไปที่บริษัทนะ บริษัท Rose นะหนูเอมี่ ไม่ใช่โรงแรมRose’ ปลายสายย้ำเตือนถึงสถานที่ให้มั่นเหมาะ
“เอ่อ ท่านพ่อบอกเอมี่เลย ได้หรือไม่คะ เอมี่อยากทราบ” ใจจริงคือเธอไม่อยากไปต่างหาก
‘ถ้าหนูเข้าไปแล้วก็จะรู้เอง แค่นี้ก่อนนะ ฉันต้องขึ้นเครื่องไปเกาหลี ฝากความคิดถึง ถึงหนูแป๋มด้วย แล้วฉันจะซื้อของมาฝากนะ’
อรัญญิการ์มองมือถืออย่างงงๆ อยู่ๆ คุณชายเมทัตก็วางสายไปดื้อๆ เธอไม่อยากเข้าบริษัทเลย คุณชายไม่อยู่อย่างนี้ แน่นอนว่าเปรมินทร์ต้องเข้าบริษัทแทบทุกวันแน่ๆ
‘สาธุ! อย่าได้เจอกันเลย ขอร้องล่ะสวรรค์’

ก๊อกๆๆ
ประตูห้องนอนเปิดอ้าออกเพื่อให้นางฟ้าคนงามกรุยกรายเข้ามา ปาฏลีมาพร้อมกับยำตะไคร้กุ้งสดในจานสวย
อรัญญิการ์รีบลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือไปขอจานยำจากเพื่อนสาว
“เอ็ม แกทักฉันสักคำก็ได้นะ ถามว่าฉันกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยังดี” นางฟ้าคนงามประชดน้อยๆ
“อือ” อรัญญิการ์ครางอืออาแทนคำตอบ ริมฝีปากหล่อนไม่ว่างเพราะต้องเคี้ยวยำตะไคร้คำโต
“ให้ตายเถอะ ฉันอยากให้นักข่าวมาเจอสภาพนี้ของแกจริงๆ” อรัญญิการ์ส่ายศีรษะ แม่เพื่อนรักคงกลับมานานแล้ว และจัดการกวาดบ้านถูบ้านแทนการจ้างแม่บ้านรายอาทิตย์แน่ๆ หล่อนสวมเสื้อยืด (ยาน)กับกางเกงยีนเก่าคร่ำคร่า มีไม้ขนไก่เสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง มีผ้าขี้ริ้วเหน็บที่ชายพกอีกสองสามผืน แน่นอนว่าหัวหูดูไม่ได้ ยุ่งเหยิงไปหมด ที่สำคัญใบหน้าหวานๆ มันแผล็บ ไม่เหลือเค้านางฟ้าปาฏลีสักกระผีก
“พูดมากน่า วันนี้ฉันว่าง แค่รื้อห้องแค่นี้สบายมาก แถมประหยัดค่าแม่บ้านไปตั้งสามร้อย”
ปาฏลีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“งกจริงๆ เพื่อนฉัน ว่าแต่ แกมีของหวานล้างปากรึเปล่า ฉันคาวกุ้งว่ะแก”
ปาฏลีหรี่ตาลงมองจานยำ...เกลี้ยง แม่คนงามมันคาวกุ้งตอนที่เหลือแต่หางเนี่ยนะ
“ไม่มีแล้ว! แกก็รู้ว่าฉันต้องลดไขมัน เตรียมตัวไปถ่ายแบบที่โน่น ฉันไม่ซื้อมาล่อปากตัวเองหรอก”
คนงามสะบัดหน้าเชิดใส่เพื่อนสาว
“วันนี้แกจะออกไปไหนรึเปล่า ฉันขี้เกียจออกไปข้างนอก จะฝากแกซื้อโลชันเสียหน่อย”
นางฟ้าคนงามยืนยันคำพูดของตัวเอง ด้วยการบิดขี้เกียจจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบ
“อือ ตอนแรกว่าจะไม่ไป แต่คุณชายเมทัตนะสิ เรียกฉันไปที่บริษัททำไมก็ไม่รู้ สงสัยวางแผนให้ฉันเจอกับเจ้าชายอสูรแน่ๆ”
“คิกๆๆ อะไรนะ แกเรียกนายนั่นว่า อะไรนะ? เจ้าชายอสูรใช่ไหม ดีๆ ชอบๆ เข้าท่าแฮะ เอ้อ...แล้วคุณชายไปไหนล่ะแก ”
ปาฎลีเลียบเคียงถามหาคุณชายใหญ่ เจ้าของวังมัทนาฯ
“ท่านไปเกาหลีหรืออะไรสักอย่าง ฉันจำไม่ได้อ่ะ แต่เอ...แกถามหาคุณชายเมทัตบ่อยๆ หรือว่าแกกับคุณชาย...”
อรัญญิการ์อ้าปากหวอ ดวงตาเบิกโพลงอย่างตื่นตกใจ
เฟี้ยว!!! ตุ้บ!!!
หมอนอิงใบน้อยที่อยู่ใกล้มือที่สุด ถูกนางฟ้าคนงามขว้างใส่ ยัยแม่มด
“หยุดเลย! ยัยแป๋ม ฉันไม่สบายอยู่นะ!”
คนที่บอกว่าตัวเองไม่สบายกลับลงจากเตียงมายืนเท้าสะเอวรอเอาเรื่อง
“เออๆ ก็ได้ๆ ไม่แกล้งก็ได้ มันไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอกน่า ถ้าความจริงเปิดเผยขึ้นมา รับรองแกช็อกแน่ ไม่ใช่แกคนเดียวนะ ที่จะช็อก แต่ช็อกวงการเลยล่ะ”
ปาฎลียิ้มมาดหมาย สิ่งที่เธอมุ่งหวังเอาไว้หากว่าเป็นความจริงขึ้นมาคงได้ช็อกวงการบันเทิงเมืองไทยแน่ๆ แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าเธอกล้าทำจริงๆ มันคงช็อกวงการไปตั้งนานแล้ว

เจ้าของส้นสูงสีเพลิงเยื้องย่างเข้ามาในภายในบริษัทของคุณชายเมทัต ชุดเดรสเกาะอกยาวเลยสะโพกเล็กน้อย ทำให้คนที่สวมมันอยู่ถูกมองเป็นตาเดียว ชุดเดรสแนบเนื้อสีนิลสนิทตัดกับสีรองเท้าและสีกระเป๋าถือของเจ้าของได้อย่างลงตัว ดูดีที่สุด แต่ก็อย่างว่า อรัญญิการ์เสียอย่าง ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาเธอก็สามารถทำให้หนุ่มๆ แก่ๆ ในบริษัทนี้ อ่อนระทวยได้อยู่ดีเพียงแค่ปลายหางตามองด้วยซ้ำ
แม่มดคนงามเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานของเจ้าชายอสูร เมื่อวานเธอไม่ได้มาตามนัดเพราะว่าอาการที่เป็นมันเด่นชัดจนต้องขอเวลาทำใจและขอเวลาไปพบแพทย์ในคราเดียว และในที่สุดมันก็เป็นความจริง เธอตั้งครรภ์!!
“สวัสดีค่ะ พี่อ้อยคนสวย เอมี่มาหาคุณเปรมค่ะ อ่ะๆ อย่าอำนะคะว่าไม่อยู่ เพราะคุณชายไฟเขียวให้เอมี่แล้ว” แม่มดคนงามกรีดยิ้มยั่วเย้า ขณะที่เลขาสาววัยเกือบทองยิ้มแหย เมื่ออรัญญิการ์แสดงออกว่ารู้ทันเจ้าหล่อน
“แหะๆ เชิญค่ะ คุณเอมี่ คุณเปรมรอคุณเอมี่นานแล้วค่ะ”
อรัญญิการ์ยิ้มหวานให้พี่อ้อยอีกหน สามสี่ปีมานี้ เธอกับเป็นพี่อ้อยแทบจะเป็นคนในครอบครัว บางเดือนเธอเจอหน้าพี่อ้อยมากกว่าเจอหน้าแม่นางฟ้าเพื่อนรักเสียอีก ด้วยว่าเธอเทียวไล้เทียวขื่อเจ้านายของพี่อ้อยด้วยความวิริยะอุตสาหะนั่นเอง
“เชิญค่ะ” เลขาสาวใหญ่เอ่ยเชื้อเชิญอีกครา พร้อมกับเปิดประตูให้อรัญญิการ์ก้าวเข้าไปในห้อง เสียงเลขาสาวใหญ่ถอนหายใจดังเฮือกๆ เธออิจฉารูปร่างอรชรของแม่มดคนงามเสียเหลือเกิน ทั้งหน้าตาผิวพรรณผิวสีน้ำผึ้งและดวงตาคมๆ นั่นอีก เชื้อสายของแม่มดคนงามต้องเป็นแขกอาหรับหรือพวกอินเดียแน่ๆ เจ้าหล่อนถึงได้สวยคม ผิวน้ำผึ้งนวลน่าสัมผัสอย่างนั้น แต่ใครจะช่วยยืนยันได้ล่ะว่าใช่หรือไม่ใช่ ในเมื่อเจ้าตัวประกาศปาวๆ ตั้งแต่เข้าวงการว่าเป็นเด็กกำพร้ามาจากบ้านอุ่นไอรัก
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สวยดูดี เซ็กซี่ทุกกระเบียดนิ้วอย่างนี้ จะเป็นผลผลิตจากความไม่ตั้งใจของพ่อแม่ที่รักสนุก มันคงไม่มีผลกระทบต่อดาราสาวมากนักหรอก หากเจ้าหล่อนไม่มาหลงรักเจ้านายของเธอ แถมยังออกตัวแรงว่าจะเป็นสะใภ้วังมัทนาฯ ให้ได้
‘ตำแหน่ง สะใภ้เจ้า เขามีไว้สำหรับนางฟ้านางสวรรค์ ไม่ใช่แม่มดน้อยอย่างคุณหรอก คุณเอมี่ ตัดใจเถิดค่ะ’
เลขาสาวเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ของเธอ หากเป็นไปได้เธอก็อยากบอกดาราสาวอย่างที่ใจคิด นั่นล่ะ

อรัญญิการ์ใจเต้นตึกตัก มือเรียววางทาบทับบนหน้าท้องแบนราบอย่างอัตโนมัติ ตอนนี้เธอกำลังหวาดกลัวการเผชิญหน้ากับเขา ซึ่งความหวาดกลัวดังกล่าวมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง
เสียงส้นสูงดังกระทบพื้นกระเบื้อง มันไม่ได้ส่งเสียงดังจนน่ารำคาญ มันแค่ส่งสัญญาณให้เขารู้ว่า บัดนี้ แม่มดน้อยเอมี่ หล่อนมายืนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองหล่อน ร่างอรชรอยู่ห่างเขาไม่ถึงสองเมตร
‘หอม...หอมเหลือเกิน กลิ่นแม่มดมันช่างยั่วกิเลศหนาหนักได้ดีนัก กลิ่นหอมของกายเนื้อเนียนนุ่ม เต็มไม้เต็มมือ โอ...ไม่! เปรมินทร์ นายคงโดนคำสาปแม่มดแน่ๆ ถึงได้เป็นเอามากขนาดนี้’
“คุณเปรมินทร์คะ ถ้านัยน์ตาของคุณมีฟันงอกออกมา ร่างฉันคงโดนแทะจนเหลือแต่กระดูก”
อรัญญิการ์ไม่สบอารมณ์อย่างแรง เมื่อเขาสำรวจร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ด้วยดวงตาคมกริบคู่นั้น
เปรมินทร์ได้สติ เขาหลุดจากมนต์สะกดของแม่มดชุดดำแสนโสภา ไม่ใช่เพราะถ้อยคำประชดประชดประชันของสาวเจ้า แต่เพราะคำแทนตัวของเจ้าหล่อนต่างหาก มันห่างเหินเกินไป เขาไม่ชอบ!
“เชิญนั่ง!” น้ำเสียงห้วนจัด เชื้อเชิญอย่าง นุ่มนวล ในแบบฉบับของเปรมินทร์ ปกติเจ้าชายอสูรรูปงามก็ไม่เคยพูดดีกับเธออยู่แล้ว
“ขอบคุณ” หล่อนย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเขา เดรสเกาะอกเนื้อดีมิอาจปกปิดความอวบอิ่มของแม่มดน้อยเอาไว้ได้ มันดุนดันเนื้อผ้าออกมาจนเขาแลเห็นเต็มสองตา
“เอ่อ...พี่อ้อยครับ ผมขอไดเอ็ตโค้กแก้วหนึ่งครับ”
เปรมินทร์กดแป้นอินเตอร์คอมเพื่อสั่งเลขาหน้าห้อง
“เอ่อ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ฉันขอน้ำมะนาวเปรี้ยวๆ สักแก้วจะดีกว่า” เขาประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนกล้าขัดความปรารถนาดีของเขา
“เข้าเรื่องเลยสิคะ” อรัญญิการ์เร่งเร้า หล่อนยังต้องไปธุระที่อื่นต่อ
“ก็ได้ นี่สัญญาของเธอ สำหรับการเป็นตัวแทนของ Rose ตลอดหนึ่งปี ถ้าเธอตกลงว่าจะรับงานนี้ก็ลงชื่อได้เลย ส่วนเรื่องค่าเหนื่อย ท่านพ่อให้เธอกรอกเอาเอง เพราะท่านเล็งเห็นแล้วว่า เธอคงดึงดูดใจ ให้ลูกค้ามาใช้ผลิตภัณฑ์ของเราได้มากมาย จริงไหม แม่ดาวยั่ว”
เปรมินทร์ไม่พูดเปล่า แต่ใช้สายตาโลมเลียแม่ดาวยั่วของเขาอย่างน่าเกลียด
อรัญญิการ์ท่องในใจว่า งาน งาน งาน งานคือเงิน อย่าให้ความโกรธมันทำให้เธอเสียงาน เสียเงิน เป็นอันขาด
“ฉันหวังมานานแล้ว ว่าจะมีสักครั้งที่ Rose จะให้โอกาสฉันได้แสดงฝีมือ เอาเป็นว่าฉันรับงานนี้ แต่เงื่อนไขในสัญญาคงต้องปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ฉันถ่ายโฆษณาให้คุณได้มากสุดก็คือสามเดือนหลังจากนี้ ส่วนระยะเวลาที่เหลือ ฉันคงต้องขอปฏิเสธ เพราะเก้าเดือนที่เหลือฉันคงทำงานให้คุณไม่ได้”
อรัญญิการ์ปฏิเสธ ไม่ใช่ไม่อยากเป็นแบรนแอมบาสเดอร์ของ Rose แต่เพราะเธอกำลังตั้งครรภ์นี่ไง
“ทำไมล่ะอรัญญิการ์รู้หรือเปล่าว่าท่านพ่อเร่งเสนอชื่อเธอกับบอร์ดบริหารยิกๆ เธอจะปฏิเสธความหวังดีของท่านลงเชียวหรือ”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน และฉันรับรองว่าคุณชายจะเข้าใจ ฉันจะมาอีกทีวันที่คุณแจ้งเรื่องเซ็นสัญญา อ้อ ฉันถ่ายแบบ หรือถ่ายโฆษณาให้คุณได้อีกแค่สองถึงสามเดือนเท่านั้น ถ้าคุณโอเคก็รีบจัดทีมงานมาเลย เพราะถ้าช้ากว่านั้น คุณคงต้องหานางแบบคนใหม่ ขอบคุณสำหรับงานค่ะคุณเปรมินทร์”
อรัญญิการ์กล่าวเป็นงานเป็นการ หล่อนลุกขึ้นยืนทันทีที่พูดจบ อาการตาพร่าเข้าจู่โจมทันที แต่เธอยังฝืนกายลุกเดิน
เปรมินทร์ลุกจากเก้าอี้ เขาคว้าข้อมือบางของหล่อนเอาไว้ ได้ก่อนที่หล่อนจะเดินออกนอกประตู
“เอ๊ะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ คุณเปรม” เธอพยายามต่อสู้กับหัวใจตัวเอง มันร่ำๆ เรียกหาแต่เจ้าชายอสูรรูปงามตรงหน้า จนอยากโผเข้ากอดให้รู้แล้วรู้รอด
“โอ...อะไรกันนี่ อรัญญิการ์ เธอจะมาไม้ไหนอีกละทีนี้ คิดว่าทำเย็นชาเสียงแข็งใส่ฉัน แล้วฉันจะสนใจเธอขึ้นมาหรือไง ฝันไปเถอะ!”
แม่มดน้อยหน้าตึง ตอนนี้เธออยากเปลี่ยนจากโผเข้ากอดเป็นโผเข้าไปฟ้อนเล็บใส่ใบหน้าขาวๆ นั่นให้สมรัก
“เฮอะ! หลงตัวเองมากไปหรือเปล่า สามสี่ปีที่ผ่านมามันก็พิสูจน์แล้วว่า ต่อให้ฉันกระตือรือร้นทอดสะพานเสริมใยเหล็กให้คุณมากแค่ไหน มันก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง แล้วทำไมตอนนี้ ฉันต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากขนาดนั้นด้วย ฉันแค่คิดได้เท่านั้นเองว่า แสงแฟลชมันคงเข้าตาฉันมากเกินไป เลยตาพร่าเห็นซาตานชั่วช้าว่าเป็นเทพบุตร เพราะฉะนั้น ตอนนี้ เมื่อฉันตาสว่าง ฉันจึงยอมถอยก้าวหนึ่ง เราเลิกแล้วต่อกัน ฉันจะไม่ตอแยคุณอีกแล้ว” อรัญญิการ์ตอบกลับน้ำคำแน่นหนัก
เปรมินทร์ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน อะไรทำให้หล่อนเปลี่ยนใจ มันเพิ่งเดือนกว่าๆ ด้วยซ้ำที่เขาและหล่อนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน หล่อนลืมแล้วหรืออย่างไร แล้วเมื่อวันก่อนนี้เล่า มันเกิดขึ้นอีกครั้ง หล่อนลืมมันแล้วจริงๆ หรือ?
“ทำไม? อรัญญิการ์ เธอยอมแพ้แล้วอย่างนั้นหรือ ไม่น่าเชื่อ!”
“เปล่า! ฉันไม่ได้ยอมแพ้ เพราะฉันไม่เคยแข่งกับใคร ความรักของฉัน มันไม่เคยมีค่าในสายตาคุณ แต่รู้อะไรไหม ตอนนี้กลับมีอีกคนรอคอยมันอย่างใจจดใจจ่อ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณไม่ต้องการความรักของฉัน ฉันก็ไม่แคร์”
‘อะไรนะ! ยัยแม่มดชั่วร้าย กล้ามีผู้ชายคนอื่นลับหลังฉันอย่างอย่างนั้นหรือ เธอตายแน่!’
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!” แม่มดน้อยโอดครวญ ข้อมือซ้ายเจ็บร้าวเพราะมือขวาของเจ้าชายอสูรบีบมันสุดแรง
“ผู้ชายคนนั้น มันเป็นใครฮะ!”
คุณชายหนุ่มคำราม ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำเพราะความโกรธ
“คะ...ใคร?”
อรัญญิการ์ถามกลับตะกุกตะกัก เวลานี้คุณชายรูปงามกำลังกลายร่างเป็นซาตานสารเลว ใบหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะ
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ก็ไอ้ผู้ชายที่มันรอความรักจากเธอนั่นไง มันรู้หรือเปล่าว่า มันกำลังจะได้กิน ของเหลือเดน”
เผียะ!!!
ฝ่ามือแม่มดน้อยลงทัณฑ์คนปากดี เขาพูดออกมาได้อย่างไร ทุเรศที่สุด!
“เอ็ม!” ชื่อเล่นของหล่อนที่เขาจำขึ้นใจแต่ไม่เคยเรียกขาน นั่นเพราะเขาจะทำทุกวิถีทางให้มันสวนทางกับสิ่งที่หล่อนต้องการ แต่ขณะนี้ เขากลับเผลอเรียกมันออกมาเพราะความคาดไม่ถึง หล่อนกล้าตบหน้าเขา
“อรัญญิการ์ กรุณาเรียกให้ถูกด้วยคุณชาย ชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนในครอบครัวไม่ใช่ คนอื่น และจำใส่สมองอันสูงเทียมฟ้าของคุณด้วย ถึงฉันจะไปขึ้นสวรรค์หรือว่าลงนรกกับผู้ชายคนไหน คุณก็ไม่มีสิทธิ์คุกคามฉันอย่างนี้ นอนด้วยกันแค่ครั้งสองครั้งอย่ามาทำเหมือนหมาหวงก้างทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ อย่าใช้วิธีนี้มาบังคับให้ฉันต้องตกเป็นเบี้ยล่าง ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
อรัญญิการ์ขู่เขาแต่น้ำตาหยดแหมะๆ
เปรมินทร์ ไม่ต่อปากต่อคำกับเจ้าหล่อนให้เสียเวลา เขาเหนี่ยวรั้งบังคับเอาท้ายทอยหล่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะบดเบียดจุมพิตรุนแรง บนกลีบปากสีชมพูระเรื่ออวบอิ่ม
คุณชายรูปงามเลื่อนสองแขนลงโอบรัดร่างอรชรเอาไว้
แม่มดคนสวยครางอืออา ไม่ใช่เพราะมัวเมาในรสจุมพิต แต่เพราะกลิ่นหอมเอียนจากร่างหนากำลังทำให้หล่อนมึนงง นัยน์ตาพร่ามัว ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านและขัดขืน
“เอมี่!” เปรมินทร์ร้องเรียกสาวเจ้า หล่อนเป็นลมล้มพับในอ้อมแขนเขา
เปรมินทร์รีบอุ้มร่างไร้สติไปวางบนโซฟาแล้วรีบไปเรียกเลขาให้เอาหยูกยามาให้
เลขาคนดีกุลีกุจอเอายาดมมาให้นายหนุ่ม ก่อนจะวิ่งกลับไปเอากะละมังใบน้อยใส่น้ำมาเกือบเต็ม มีผ้าขนหนูวางพาดบนปากขอบ หล่อนนำผ้าลงชุบน้ำบิดหมาดๆ เพื่อจะเช็ดตัวให้ดาราสาว แต่คนที่นั่งแกว่งยาดมจ่อจมูกให้สาวเจ้านี่สิ กลับขวางไม่ให้ทำ
“ไม่ต้อง ผมทำเอง พี่อ้อยออกไปโทรยกเลิกนัดลูกค้าให้ผมดีกว่า”
เลขาสาวใหญ่ตอบรับคำสั่งอย่างงๆ และได้งงเพิ่มขึ้นอีกขั้น เมื่อนายของเธอใช้ผ้าผืนน้อย เช็ดหน้าเช็ดตาให้สาวเจ้าอย่างอ่อนโยนราวกับว่าหล่อนจะบอบช้ำหากเขากระทำรุนแรง
เลขาสาวใหญ่เดินออกจากห้องไป ปล่อยเจ้านายหนุ่มกับหญิงสาวไว้ตามลำพัง คนหนึ่งวิ่งเข้าหา แต่อีกคนกลับพยายามหลบเลี่ยง แต่พออีกคนเจ็บไข้ขึ้นมากลับแสดงออกว่าเป็นห่วงใยดุจคนในครอบครัว หม่อมหลวงรูปงามแห่งวังมัทนาฯ คงจะโง่เขลาเบาปัญญาด้วยเรื่องหัวใจกระมัง เพราะดูท่าว่าเขาคงยังไม่รู้ตัวว่าหลงรักสาวเจ้าเข้าเต็มเปา
ชายหนุ่มนั่งรออรัญญิการ์อยู่เกือบครึ่งชั่วโมงแต่หล่อนก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เขาจึงช้อนร่างหล่อนไปวางบนเตียงในห้องนอนส่วนตัวของเขา ซึ่งอยู่ด้านใน เขาห่มผ้าให้หล่อนจดจ้องวงหน้าซีดเซียว อย่างสงสัยใคร่รู้ หล่อนเป็นอะไรหนอ เหตุใดจึงอ่อนแอถึงเพียงนี้
เปรมินทร์กลับออกมายังโต๊ะทำงานอีกครั้ง ทว่าไม่ถึงสิบนาทีเขาก็ต้องรีบกลับเข้าห้องนอน เพราะเสียงอาเจียนของคนด้านใน มันทรมานสมาธิจนเขาไม่อาจฝืนทนทำได้อีกต่อไป
เปรมินทร์ยืนนิ่งไม่ไหวติง ส่งที่เขาเห็นคืออรัญญิการ์ยืนเกาะขอบอ่างล้างหน้าด้วยสองมืออันสั่นเทา หล่อนกำลังอาเจียนอย่างหนักจนไม่มีเรี่ยวแรงจะยืน ใบหน้าซีดราวกระดาษ ผมเผ้าหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง สองขาที่ยืนบนพื้น ไม่สามารถทรงกายให้ยืนได้อย่างปกติ โอ...อรัญญิการ์ เธอป่วยเป็นอะไรอย่างนั้นหรือ ป่วยมากหรือไม่ แล้วมีทางรักษาหรือเปล่า
คำถามมากมายผุดขึ้นสมองแทรกซึมลงสู่หัวใจของชายหนุ่มรูปงาม แม้จะย้ำเตือนตนเองสักหมื่นครั้งพันหน ว่าอย่าไปสนผู้หญิงพรรค์นี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ เพียงแค่หล่อนเลื่อนสายตามองผ่านเขาราวละอองเศษดิน เขากลับทนไม่ได้เสียอย่างนั้น ยิ่งตอนที่หล่อนกำลังเจ็บป่วยอย่างนี้ เขายิ่งอยากจะเจ็บแทน
‘โอ...ไม่! ฉันคงไม่ได้รักเธอหรอกนะ ยัยแม่มด!’
ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าประคองแม่มดคนงาม หล่อนยืนไม่ตรงนักจะล้มมิล้มแหล่อยู่หน้าอ่างล้างหน้า มือที่สั่นระริกเอื้อมไปเปิดก๊อกน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะกว่าจะหยุดอาเจียนก็ปาเข้าไปหลายนาที
“เอมี่!” เขาเรียกชื่อหล่อนเมื่อร่างอรชรทรุดลงในอ้อมแขน เขาอุ้มหล่อนไปนอนบนเตียง เช็ดหน้าเช็ดตาให้หล่อนด้วยผ้าผืนเดิมอีกครั้ง
“ฉันจะให้พี่อ้อยเอาข้าวต้มมาให้ เธอกินหน่อยแล้วกันจะได้มีแรง” เขาสั่งความเสียงอ่อนโยน
อรัญญิการ์มองใบหน้าคุณชายที่รักแล้วน้ำตาซึม ถ้าเธอไม่ตายตรงหน้าจะได้เห็นเขาในแง่มุมนี้ไหม
เปรมินทร์ลุกออกจากห้องไป ไม่ถึงห้านาที เขาก็กลับเข้ามาพร้อมชามข้าวต้มหอมกรุ่นและน้ำส้มแก้วใหญ่
“ไม่...ไม่ต้อง ฉันกินเองได้” เธอรีบปฏิเสธเมื่อเขาจ่อช้อนข้าวต้มให้ถึงปาก
เปรมินทร์ส่ายหน้า
“ถ้าเธอยกช้อนไหว ฉันจะป้อนเธอทำไมเล่าเอมี่” เขาประชดเล็กน้อย
อรัญญิการ์น้อมรับคำสบประมาท เธออ้าปากรับข้าวต้มจากช้อนที่เขาเพียรตักส่งให้ บางคราเขาก็เป่ามันก่อนจะส่งให้เธอ เธออยากบอกเขาเหลือเกินว่า หากเขาป้อนเธออย่างนี้ ต่อให้ในช้อนคือเปลวเพลิงเธอก็จะรับมันเข้าปากด้วยความเต็มอกเต็มใจ
เวลาผ่านเกือบครึ่งชั่วโมง ข้าวต้มชามน้อยหมดเกลี้ยง คนป่วยอย่างอรัญญิการ์เจริญอาหารน่าดู ที่สำคัญข้าวต้มชามนี้ มันไม่เหม็นเหมือนชามเมื่อเช้าสักนิด เขาจ่อหลอดน้ำส้มจนถึงปากเธออีกเช่นกัน เขาทำราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิงของเขา
แม่มดคนงามยิ้มน้อยๆ กับความคิดของตน หล่อนซึมซับเอาทุกๆ กิริยาอาการที่เขาเพียรปฏิบัติต่อตนเองไว้ในห้วงความทรงจำ อย่างน้อย หล่อนจะได้บอกกับลูกในท้องได้ว่าครั้งหนึ่ง พ่อของเขาก็เคยอ่อนโยนกับแม่เช่นกัน
“ขอบคุณค่ะ คุณเปรม เอ่อ...ถ้ายังไงช่วยเรียกพี่อ้อยให้ฉันที ฉันคงเดินไปลงลิฟต์ไม่ไหว”
เธอต่อรองเขาอย่างเกรงอกเกรงใจ หากเป็นยามปกติ ไม่มีเสียล่ะที่จะวอนขอเขาอย่างนั้น
“ไม่!..ฉันหมายถึงไม่อนุญาตให้เธอกลับตอนนี้ เธอนอนพักสักนิดก่อนดีกว่า ตื่นมาค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน”
อรัญญิการ์ปลื้มอกปลื้มใจเมื่อได้ฟังคำสั่งราวกับห่วงใยนักหนา เธอคิดเข้าข้างตัวเองมากไปหรือไม่ว่าเขาคงเป็นห่วงเป็นไยเธออยู่ จึงไม่อยากให้กลับออกไปในสภาพนี้

แม่มดคนงามตื่นนอนอีกทีตอนเกือบสามทุ่ม เธอรู้สึกเหม็นกลิ่นตัวเองเหลือคณา ไม่ใช่กลิ่นเหงื่อไคล แต่เป็นกลิ่นน้ำหอมที่พรมมาตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ร่างสวยเย้ายวนฉวยผ้าเช็ดตัวเท่าที่พอหาได้เดินฉิวเข้าห้องน้ำ ราวกับบ้านของตัวเอง
อรัญญิการ์อาบน้ำอาบท่าอยู่เกือบสามสิบนาที เธอลืมไปว่าไม่ใช่ห้องตัวเอง จะหาเสื้อคลุมอาบน้ำได้ที่ไหนกันล่ะ ที่สำคัญคือ ผ้าเช็ดตัวที่เธอติดมือมามันไม่ใช่ผ้าเช็ดตัว แต่คงเป็นผ้าเช็ดผมหรืออะไรทำนองนั้น เพราะมันสั้นเต่อ ด้านบนหน้าอกหน้าใจเธอมันก็จะหกเรี่ยราดอยู่รอมร่อ ด้านล่างนี่ก็อีก ถ้าเดินไม่ระวังคงได้เผยแก้มก้นให้ชาวบ้านได้เห็นกันล่ะ
“เฮ้อ! อะไรกันนี่! มันจะซวยกระทั่งตอนอาบน้ำเลยหรือ”
แม่มดคนงามบ่นกระปอดกระแปดขณะเดินออกจากห้องน้ำ เธอหวังว่าเจ้าของห้องคงยังไม่อยากใช้ห้องตอนนี้หรอกนะ
นัยน์ตาสีนิลของแม่มดน้อยกวาดไล้หาแป้งเด็กบนโต๊ะเครื่องแป้งของชายหนุ่ม แต่มันไม่ยักกะมี เธอเลยคว้าขวดแป้งกลิ่นกุหลาบ แน่นอนว่าเป็นของ Rose มาเทบนฝ่ามือแล้วลูบไล้ไปตามแขนขา ทว่า ให้ตายเถอะ กลิ่นกุหลาบเหม็นเกินจะทน
“กุหลาบเน่ารึเปล่าเนี่ย ทำไมมันเหม็นอย่างนี้”
มือบางกระแทกขวดแป้งลงบนโต๊ะแรงๆ อย่างอารมณ์เสีย ช่วยไม่ได้ กลิ่นแป้งมันทำให้ท้องไส้เธอปั่นป่วนนี่นา
“จมูกเธอกระมัง อรัญญิการ์ ที่มันเน่าได้ที่ มาว่าของของฉันได้ยังไง นิสัยไม่ดี”
เจ้าของห้องเดินมากระแทกเสียงใส่หูแม่มดน้อย อรัญญิการ์สะดุ้งเฮือก รีบคว้าปมผ้าเอาไว้เมื่อมันจะหลุดจากร่าง
เปรมินทร์ใจหายเมื่อเห็นหล่อนสะดุ้งสุดตัว เขาลืมไปว่าหล่อนกำลังไม่สบาย
“เอ่อ...ขอโทษที ฉัน เอ่อ...”
เจ้าชายอสูรอ้ำอึ้ง
“ถ้าคุณไม่รู้สึกอย่างที่ปากพูดก็อย่าพูดมันออกมาเลยคุณเปรม ฉันตามคุณมาสามสี่ปียังไม่รู้นิสัยกันอีกหรือ พูดแล้วก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้เคลียร์เรื่องบ้าๆ นั่นให้จบๆ ไปด้วย”
“เคลียร์ เรื่องอะไร?” เขาแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ
“ก็เรื่องที่คุณ!...เรื่องเมื่อเกือบเดือนนั่นไง รวมทั้งเรื่องเมื่อวันก่อนด้วย” แม่มดคนงามน้ำตาคลอ แต่หล่อนเงยหน้าขึ้นไม่ให้มันไหลออกมา หารู้ไม่ว่า กิริยาที่แหงนเงยทำให้ริมฝีปากของหล่อนลอยเด่นให้เขาเห็นจนอยากกดแนบริมฝีปากตัวเองลงบนนั้น
“ฉันขอยืนยันอีกครั้ง”
อรัญญิการ์ลดใบหน้าลงมาในระดับเดิม แต่ต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอยู่ดี เพราะเขาสูงกว่าเธอมาก
“ยืนยันเรื่อง?” เขายียวนยักไหล่ ถามกลับไป
“เรื่องที่ฉันไม่รับข้อเสนอบ้าๆ ของคุณนั่นไง เลิกตอแยฉันเสียที ฉันไม่มีอะไรจะให้คุณ มากกว่าที่คุณได้ไปแล้ว และฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้วางแผนให้ตัวเองอยู่บนเตียงของคุณในคืนนั้น ฉันก็เมา คุณก็เมา ทุกอย่าง มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันจึงขอยืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน ด้วยการไม่ขอรับสิ่งตอบแทนใดๆ จากคุณเลย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเงินทองหรือว่าความรับผิดชอบ แต่ว่า...”
“แต่อะไรเอมี่ เธอจะพูดให้มันจบๆ ไปทีเดียวมันจะเป็นไรไปฮะ”
“เพราะมันไม่ทรมานคนฟังไง ฉันเลยต้องพูดอย่างนี้ จะทำไมรึ!?”
“เอมี่!” เขาตะคอกใส่หน้าหล่อน อรัญญิการ์ หน้าบึ้ง เขาเคืองได้คนเดียวหรือไง
“ก็ได้ๆ ฉันจะพูดต่อ ฉันจะบอกว่าจะไม่ให้คุณรับผิดในครั้งแรกที่เราสองคนมีเผลอมีสัมพันธ์กัน แต่ว่าครั้งที่สอง ฉันจะถือว่า คุณพิศวาสและขาดฉันไม่ได้จนต้องทำทุกวิถีทางให้ฉันมาเกยบนเตียงของคุณอย่างเมื่อวาน ขอโทษทีนะคุณชาย หากอรัญญิการ์คนนี้คิดเข้าข้างตัวเองมากไป นั่นเพราะหล่อนไม่อยากจดจำไปตลอดชีวิต ว่าถูก ชายที่รักข่มขืน” ท้ายเสียงสั่นเครือ เพราะก้อนสะอื้นวิ่งมาจุกจนคับแน่นเต็มลำคอ
เปรมินทร์ขบกรามแน่น เขารับรู้ความรู้สึกของเจ้าหล่อนผ่านน้ำเสียงสั่นเครือและม่านน้ำตาที่รินหลั่งออกมาในที่สุด หล่อนปาดมันออกเร็วๆ ราวกับไม่อยากให้เขาได้เห็น



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2556, 18:09:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2556, 18:09:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2332





<< บทที่ 3 ปมมัดใจ 100%   ความจริงอันเจ็บปวด 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account