บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: ความจริงอันเจ็บปวด 100%

บทที่ 5
ความจริงอันเจ็บปวด
“ฉันจะเคลียร์ทุกอย่างให้จบในวันนี้ แต่ขอ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม”
เปรมินทร์หลีกทางให้หล่อน ถ้าเขาตาไม่ฝาด เขาคิดว่า เขาเห็นแม่มดคนงามหน้าแดง น่ารัก ไม่นึกว่าผู้หญิงร้อยเล่ห์มายาเมื่ออยู่หน้ากล้อง หล่อนจะหน้าแดงเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่เกือบทุกครั้งที่เขาและหล่อนเข้าใกล้กันในระยะที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจอย่างนี้
อรัญญิการ์เดินออกมาจากห้องน้ำอีกหน หล่อนสวมเดรสสีดำแนบเนื้ออวดเนินไหล่นวลสีน้ำผึ้งยวนตาชุดเดิม
“เอาสิ ว่ามา เธออยากตกลงอะไร?”
อรัญญิการ์ยังไม่ตอบ หล่อนเดินนำเขาไปที่ประตู
“ฉันไม่คุย ธุระ ใน ห้องนอน เพราะมันจะทำให้ฉัน เสียเปรียบ”
เปรมินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ไล่หลังสาวเจ้า เสียเปรียบ อย่างนั้นหรือ เฮอะ! ถ้าเขาต้องการหล่อนล่ะก็ ที่ไหนเขาก็จัดการหล่อนได้ ไม่ต้องบนเตียงหรอก บนพื้นพรมนี่ยังได้เลย
ริมฝีปากของคุณชายรูปงามยกยิ้มอีกครา สายตาคมมองลงยังพื้นห้องที่ปูพรมสีเลือดนกเอาไว้ พรุ่งนี้เขาคงต้องเปลี่ยนพรมผืนใหม่ เอาแบบที่นุ่มมากกว่านี้ เพราะบางทีมันอาจได้ทำหน้าที่ แทนเตียง
“หน้าฉันมันอุบาทว์อย่างนั้นหรือ คุณถึงได้จ้องมองแต่พรมปูพื้น”
อรัญญิการ์อดแขวะไม่ได้ ทีพูดกับเธอทำหน้าบูด หน้าบึ้ง ทีมองพื้นล่ะยิ้มเอา ยิ้มเอา อย่างกับคนสติไม่ดี
“หึๆ ปากดีจริงๆ อรัญญิการ์ อย่างนี้ไงถึงไม่มีใครเอา” เขาประชด เขาจำได้ดีว่าตั้งแต่เข้าวงการมา เจ้าหล่อนไม่เคยมีข่าวว่ามีกิ๊กกั๊กสักราย นอกจากเขาเท่านั้น
“แน่ใจหรือ ว่าไม่มี?” หล่อนประชดกลับ
เปรมินทร์ยกมือขอยอมแพ้ คงจะเคลียร์กันไม่รู้เรื่องหากยังต่อปากต่อคำเถียงกันไม่จบเช่นนี้
“ก่อนอื่นฉันขอบคุณมากสำหรับข้าวต้มชามพิเศษ ฉันจะจดจำเอาไว้ว่า ครั้งหนึ่งเจ้าชายรูปงามเคยป้อนข้าวแม่มดอย่างฉัน” รอยยิ้มละไมผุดพรายที่มุมปากยามเจ้าตัวเอื้อนเอ่ยประโยคนั้น
แม่มดคนงามในชุดเดรสสีนิล นั่งตรงข้ามกับเปรมินทร์ที่สวมชุดสีขาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“อือฮึ ก็แค่ทำตามหน้าที่...เอ่อ เจ้านาย ที่ดีในอนาคต” เขาแก้ต่าง
“หรือคะ ก็ดีค่ะ แต่ฉันขอร้องล่ะ กรุณาอย่าทำมันอีก อย่าเข้าใกล้ อย่ามองมา อย่า! แตะ ฉันอีก เพราะมันจะทำให้ฉัน เปลี่ยนใจ!”
“ได้! ได้อยู่แล้ว เรื่องง่ายสบายมาก เธอคงไม่เปลี่ยนใจทีหลังล่ะ”
เปรมินทร์สับสนขึ้นมาเล็กน้อย ปากเขาพร้อมจะเอ่ยว่า ไม่! แต่ทำไม หัวใจ มันร่ำร้องอยู่ในอกว่าอยากให้หล่อน เปลี่ยนใจ
“ไม่แน่นอนค่ะ ถึงฉันจะเป็นคนไม่ดีในสายตาคุณ แต่ฉันมีสัจจะพอ”
“ฉันจะได้อะไรตอบแทนล่ะ เอมี่ ถ้าฉันทำอย่างที่เธอว่า” เขาย้อนถาม
“ฉัน...ก็จะหายไปจากชีวิตของคุณ ตลอดไป” เสียงเครือตอบกลับมา น้ำตาปริ่มจะไหล แต่แม่มดคนงามกลั้นมันเอาไว้ ไม่ให้เอ่อล้นสองหน่วยตา
“แล้วถ้าไม่ล่ะ” เขาลองเชิง
“ก็เตรียมตัวเป็น เจ้าบ่าว ของ แม่มด อย่างฉันอย่างไรเล่า คุณเปรม”
“ฝันไปเถอะ!” เขาตอกกลับมาจนคนฟังหน้าหงาย
อรัญญิการ์แค่นยิ้มสมเพชตัวเองก่อนจะตอบกลับไปอีกครั้ง
“ดี! นี่แหละที่ฉันอยากฟัง”
“อรัญญิการ์!” เปรมินทร์สบถต่ออีกสองสามคำหลังจากนั้น กว่าจะรู้ตัวก็สายเกิน
เขาตกหลุมพรางที่หล่อนดักล่อเอาไว้จนได้ ใจจริงเขาอยากเหนี่ยวรั้งใบหน้าหล่อนมาชิดใกล้แล้วบดจุมพิตลงทัณฑ์ให้สาสม แต่มันติดที่เขารับปากหล่อนไปแล้วว่าจะไม่ แตะ หล่อนอีก
“ความจริง ทำไมฉันต้องรับข้อเสนอของเธอด้วย ถ้าฉันอยากได้เธอขึ้นมาฉันก็มีวิธีทำให้เธอยอมสยบ ซบลงที่อกของฉันได้อยู่ดี”
“ก็ลองดูสิ คุณชาย อยากเสี่ยงก็เอา ฉันพร้อมจะเป็นข่าวได้ทุกเมื่อ แต่พวกผู้ดีหน้าบางอย่างคุณนี่สิจะทนได้สักกี่น้ำ อย่าทำเป็นหวงก้างนักเลยคุณเปรม ผู้หญิงในสต็อกของคุณมีเป็นฮาเร็ม ขาดฉันไปสักคนคุณก็ไม่อดตายหรอก อีกอย่าง ข้อตกลงของฉันมันมีแต่ฝ่ายคุณนะที่ได้เปรียบ สามสี่ปีมานี่ คุณเองก็เลี่ยงหลบฉันมาตลอด น่าดีใจเสียอีก ที่ฉันจะเลิกทำบ้าๆ อย่างนั้น เอาล่ะ ฉันพูดจบแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่คุณ ขอตัวกลับนะคะ คุณเปรมินทร์”
อรัญญิการ์ฉวยคลัตช์สีเพลิงมาถือไว้ ลุกก้าวตรงไปยังประตู แต่ก่อนจะก้าวออกไปหล่อนก็หันกลับมาบอกเขา...ในบางเรื่อง
“คุณเปรมคะ” เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดมันออกมา
“ไม่ต้องแปลกใจนะ ถ้าหากวันพรุ่งนี้ กุหลาบขาว มันจะไม่ปักในแจกันใบนั้น นั่นเพราะว่า ฉันจะไม่ส่งมันมาให้คุณ อีกแล้ว”
อรัญญิการ์บอกเขาน้ำตาซึม หล่อนเปิดประตูออกไปเงียบๆ ขณะที่เปรมินทร์นั่งอึ้งอยู่กับที่
คุณชายรูปงามรู้ตัวดี เขาผ่อนคลายทุกครั้งยามได้จ้องเจ้ากุหลาบขาวในแจกันใบสวยบนโต๊ะทำงาน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นหล่อนที่ส่งมาให้ เขาคิดมาตลอดว่าเลขาของเขาเป็นคนจัดการ แต่ช่างเถอะ มันไม่สำคัญเท่าที่ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไป เขาจะไม่ได้เห็นมันอีก ให้ตายเถอะ! เขาไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เลย

สามวันถัดมา
ปาฎลีแทบจะพังประตูห้องน้ำเข้าไปหาอรัญญิการ์ เจ้าหล่อนส่งเสียงอาเจียนจนเธออยากจับส่งโรงพยาบาลเสียให้รู้แล้วร้องรอด
“แก! เป็นไงมั่ง ให้ฉันไปบอกคุณชายไหมว่าแกไม่สบาย” ปาฏลีเสนอแนะทันทีที่อรัญญิการ์เปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ทว่าเจ้าตัวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่! ไม่ต้องหรอก เสียมารยาทแย่ แค่ที่ฉันไม่ยอมเซ็นสัญญาระยะยาวกับ Rose มันก็มากพอแล้ว วันนี้ท่านก็อุตส่าห์มาฟังเหตุผลด้วยตัวของท่านเอง ถ้าฉันยังไม่ยอมออกไปพบท่าน มันก็คงน่าเกลียดสุดๆ จริงไหม?”
“แต่ว่า...แกจะตอบท่านยังไง เรื่อง...”
อรัญญิการ์วางมือบนหน้าท้อง หล่อนค่อยๆ ย้ายตัวเองจากห้องน้ำมานั่งพักบนเตียงกว้างด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนสาว อาการที่เป็นรุนแรงขึ้นทุกที ทำไมถึงได้แพ้ท้องมากมายเสียอย่างนี้ก็ไม่รู้
“ฉันคงต้องพูดความจริง เหตุผลอะไรท่านจะยอมเชื่อล่ะ ว่าคนอย่างฉันกล้าปฏิเสธงานช้างขนาดนั้น แกมาช่วยฉันภาวนาดีกว่า ว่าอย่าให้ท่านถามถึงพ่อเด็กเลย ฉันไม่อยากโกหกท่าน บาปกรรมเสียเปล่าๆ”
“เอ็ม! หมายความว่าแก แกจะไม่บอกเขาเรื่องเด็กจริงๆ อย่างนั้นรึ!?”
อรัญญิการ์พยักหน้าเบาๆ ปาฏลีส่ายศีรษะอย่างระอา
“เอ็ม! แกนี่มัน...นางเอกสุดๆ ฉันชักจะทนแกไม่ไหวแล้วนะ! ฉันอุตส่าห์บอกคุณชายไปว่าแกไม่สบาย ท่านถึงมาเยี่ยม เพื่อที่แกจะได้ตกลงกับท่านเรื่องเด็กในท้อง แต่ดูแกสิ มัวทำสนิมสร้อยอิดออดเป็นนางเอกหนังไทยไปได้ ยัยเอ็มที่ฉันรู้จักไม่ใช่คนขี้ขลาดอย่างนี้นะ แกอยากให้ลูกแก หลานฉันต้องเกิดมาแล้วมีคำว่า อุ่นไอรัก ห้อยท้ายชื่อเหมือนแม่ของแกรึไง!”
ปาฏลีโพล่งออกมาอย่างเหลืออด อรัญญิการ์เหลือบมองที่ประตู เธอเกรงว่าคุณชายเมทัตที่นั่งรออยู่ด้านนอกจะได้ยินสิ่งที่พวกหล่อนถกเถียงกันอยู่
“แต่เขา เขาไม่ได้รักฉันนะ แป๋ม เขาไม่ได้รักฉัน แล้วเขาจะรักลูกของฉันได้ยังไง เขาเกลียดฉัน ฉันทนได้ แต่ฉันทนไม่ได้แน่ๆ ถ้าเขาจะเกลียดลูกตัวเอง” แม่มดคนงามน้ำตาซึม
ปาฏลีนั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก หล่อนถอนหายใจดังเฮือกๆ สามสี่หนเพื่อดับอารมณ์โกรธ ก่อนจะรั้งร่างของเพื่อนมากอดปลอบโยน
“ฉัน ฉันขอโทษเพื่อน ฉันโมโห ฉันขอโทษ อาแป๋ม ขอโทษนะหลานรัก” มือของปาฏลีวางบนหน้าท้องของเพื่อนสาว
อรัญญิการ์มัวแต่ดีใจที่จะได้บอกบางเรื่องกับเพื่อนรัก จึงไม่ได้เอะใจกับคำแทนตัวของปาฏลียามเอ่ยกับลูกในท้องของเธอ อาแป๋ม
“ไม่ใช่หลานรักสักหน่อย ต้องเป็น หลานๆ ที่รัก ต่างหาก”
“หา! นี่แก! แกท้องลูกแฝด!!!”
อรัญญิการ์พยักหน้ายิ้มๆ หยดน้ำตายังรินรดพวงแก้มซีดเซียวเธอมั่นใจ เด็กสองคนในความฝันอันรางเลือนบอกว่าเธอเป็นแม่ของพวกเขา
“ฉันจะเป็นลม เจอสองเด้งเลยแกเอ๊ย สงสัยอาต้องเป็นนางในฮาเร็มของเจ้าชายขี่อูฐแล้วมั้ง ถึงจะมีสตางค์มาเลี้ยงเจ้าหลานๆ สองคนนี้ เฮ้อ...ฉันแล้วแต่แกก็แล้วกัน เอาไงก็เอา เราไปข้างนอกกันเถอะ คุณชายเมทัตนั่งรอแกนานแล้ว”
ปาฏลีช่วยพยุงเพื่อนสาว ถ้าเธอต้องไปเป็นนางในฮาเร็มของเจ้าชายขี่อูฐจริงๆ มันจะเป็นเช่นไรหนอ...ไม่มีทาง! คนอย่าง เปรมิกา มัทนาอริศวงศ์ ไม่มีวันยอมขายศักดิ์ศรีแน่นอน!

“สวัสดีค่ะท่านพ่อ เอมี่ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านพ่อต้องรอนาน”
อรัญญิการ์ทำความเคารพคุณชายสูงวัย ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มให้ท่านเหมือนเช่นเคย แม้ว่าวันนี้มันจะไม่ได้เคลือบทาด้วยสีแดงจัดจ้าน แต่เป็นสีชมพูซีดๆ ก็ตาม
“โอ...เอมี่ หนูเป็นอะไรมากหรือเปล่า ฉันว่าหนูคงอาการร้ายแรงแน่ๆ ดูหน้าตาซีดเซียวเหลือเกิน”
คุณชายเอื้อนเอ่ยออกมาตามที่ท่านเล็งเห็น
“ท่านพ่ออย่าวิตกเลยค่ะ เอมี่แค่วิงเวียนคลื่นเหียนธรรมดาเท่านั้น”
คนที่บอกว่าตัวเองเป็นโรคธรรมดากลับมีอาการไม่ธรรมดา อรัญญิการ์หน้ามืดทั้งที่ยังนั่งอยู่ หล่อนเอนซบศีรษะกับไหล่เพื่อนรักท่ามกลางความตกอกตกใจของคุณชายและเพื่อนสาว
ปาฎลีรีบควานหายาดมในกระเป๋าเสื้อของคนป่วย ขณะที่คุณชายเมทัตเพ่งมองหญิงสาวด้วยนัยน์ตาค้นคว้า และลางสังหรณ์บอกท่านว่าบางอย่างไม่ธรรมดาอย่างที่สาวเจ้ากำลังบอก
“พักนี้เป็นบ่อยหรือหนูแป๋ม”
ปาฏลีสะดุ้งเฮือก เมื่อถูกถามอย่างนั้น เธออ้ำอึ้งก่อนจะพยักหน้าแทนคำตอบ
“ฉันพอจะรู้แล้วละว่าทำไมหนูเอมี่ถึงไม่เซ็นสัญญากับ Rose”
อรัญญิการ์ลืมตาขึ้นมาในที่สุด หล่อนพยายามลุกขึ้นนั่ง ขณะที่คุณชายล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อมาต่อสายถึงเลขาส่วนตัว ห้านาทีหลังจากนั้น ปาฏลีก็ได้ลุกไปเปิดประตูเพื่อรับเอาบางอย่างจากเลขาของคุณชาย
“คุณชายให้เลขาเอากุหลาบมาให้ใครคะ” ปาฏลีถามด้วยความสงสัย เธอนั่งลงข้างๆ เพื่อนสาวอีกครั้ง อรัญญิการ์มองเจ้าช่อกุหลาบขาวในมือเพื่อนรักตาเป็นมัน กลิ่นของมันเมื่อได้สูดเข้าไปเต็มปอดทำให้เธอรู้สึกดีมากๆ ดีเหลือเกิน
‘ถ้าได้ ชิม สักดอกจะรสชาติเป็นเช่นไรนะ’
“เอามาให้ หลาน ฉันนะสิ” คุณชายกล่าวเป็นนัย
อรัญญิการ์ได้สติ ใบหน้าซีดเซียวเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในบัดดล
“หนูเอมี่ เรารู้จักกันมานานแล้วนะ ฉันรู้ดี หนูไม่ใช่คนสิ้นคิดเหลวแหลก ถึงแม้บางครั้งสิ่งที่หนูแสดงออก มันจะทำให้หลายคนเข้าใจผิด แต่ยังมีฉันคนหนึ่งนะที่เชื่อว่าดอกอรัญญิการ์ดอกนี้งดงามด้วยหัวใจบริสุทธิ์และเข้มแข็ง แม้ว่ากิ่งก้านใบจะไม่ได้สูงเสียดฟ้า แต่มันก็ไม่ยอมอยู่ติดดินให้คนเขาเหยียบย่ำง่ายๆ หรอก จริงไหม?”
อรัญญิการ์หน้าสลด น้ำตาหยดเผาะๆ ไม่เหลือเค้าแม่มดสาวจอมวีนแตก มือสองข้างประสานกันไว้บนหน้าตัก หล่อนก้มหน้าก้มตาปลดปล่อยสายธาราแห่งความรู้สึกลงบนฝ่ามือ
“ฉันไม่รู้เรื่องราวระหว่างหนูเอมี่กับชายเปรมดีนักว่าหนักหนาสาหัสสักเท่าไร สามสี่ปีที่ผ่านมา ฉันก็เห็นแต่ว่าพอคนหนึ่งวิ่งตามอีกคนก็คอยแต่วิ่งหนี ไม่เห็นหนทางเลยสักนิดที่จะทำให้สายเลือดมัทนาฯ มาก่อเกิดกับหนูได้ ฉันขอถามตรงๆ เถิดนะแม่หนู ลูกชายของฉันทำร้ายหนูใช่ไหม?”
คุณชายเมทัตกล่าววจีอ่อนโยนไถ่ถามสาวเจ้า
อรัญญิการ์ได้แต่ก้มหน้าร้องไห้ จะให้หล่อนตอบท่านได้อย่างไร ว่าถูกบุตรชายของท่าน ข่มขืน ด้วยความ ยินยอม พร้อมใจ
“เอาล่ะๆ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ฉันไม่อยากรู้แล้วก็ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม กุหลาบขาวในมือของหนูก็บ่งบอกอยู่แล้วว่า วังมัทนาฯ ยินดีต้อนรับหนูเอมี่และลูกของหนู ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของฉัน พวกเราสายเลือดมัทนาฯ จะมีอาการแพ้แปลกๆ ตอนตั้งครรภ์ ฉันคิดว่าฉันเดาไม่ผิด หนูเอมี่ กำลังอยาก กิน มันใช่ไหม”
ปาฏลีมองหน้าเพื่อนรักราวกับอยากถามว่าจริงหรือไม่ อรัญญิการ์พยักหน้าอีกครั้ง คุณชายพลอยยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“เอาล่ะ เห็นที ฉันคงต้องขอตัว หนูเอมี่จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ กุหลาบจากไร่ของวังจะมาส่งที่นี่ และจะมาส่งให้ทุกวันจนกว่า...” ท่านละไว้ในฐานที่เข้าใจท่านอยากให้หญิงสาวไปอยู่ในวัง ไม่ใช่คอนโดแคบๆ อย่างนี้
อรัญญิการ์เช็ดน้ำตาพร้อมๆ กลับกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ
“ฉันอยากให้หลานของฉัน ได้ภาคภูมิใจในเกียรติของเรา หนูเอมี่คิดดูดีๆ นะ ฉันจะคุยกับคุณเปรมเรื่องนี้เอง จะแย้งกับคุณเปรมให้ถึงที่สุด สายเลือดมัทนาฯ จะไประเหเร่ร่อนตกระกำลำบากไม่ได้! ”
คุณชายสูงวัยเอ่ยวจีหว่านล้อมอรัญญิการ์ หญิงสาวซาบซึ้งจนต้องเลื่อนกายลงไปกราบแทบตักของท่าน ทว่าถ้อยคำที่ผู้ครองวังไม้หอมได้เอื้อนเอ่ยออกมา กลับมีความหมายตรงกันข้ามเมื่อคนฟังเป็น ปาฏลี
นางฟ้าคนงามนึกสังเวชตัวเอง ขณะที่คุณชายยินดีรับหลานในท้องเข้าสู่วังมัทนาฯ แต่เธอกลับถูกกีดกันให้เผชิญชะตากรรมอยู่ตามลำพัง เธออยากรู้เหลือเกิน เจ้าของวังมัทนาฯ ท่านหลงลืมเปรมมิกาคนนี้ไปแล้ว หรือท่านเพียงแค่ไม่อยากรับรู้ว่าเธอยังมีตัวตนอยู่กันแน่
ร่างอรชรลุกพรวดเดินออกจากตรงนั้น คุณชายและอรัญญิการ์งุนงงในสิ่งที่นางฟ้าคนงามปฏิบัติ
“ขออภัยค่ะ ท่านพ่อ ที่แป๋มเสียมารยาท เอมี่คิดว่า...”
คุณชายโบกมือห้ามเพราะท่านเข้าใจดีนั่นเอง
“หนูแป๋มกำลังโกรธ ฉันผิดเองที่มีลูกไม่รักดีอย่างชายเปรม ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ อรัญญิการ์”
“ช่างมันเถอะค่ะ เอมี่ไม่โทษใคร เอมี่ผิดเองค่ะ”
อรัญญิการ์น้ำตารินอีกหน คุณชายวิตกด้วยเกรงว่าหลานคนแรกจะกระทบกระเทือนหากมารดายังร่ำไห้เช่นนี้ ท่านจึงเลี่ยงกลับวังทันที

วันโชว์ตัว สามอาทิตย์ถัดมา
อรัญญิการ์ไม่เคยลำบากใจมากเท่านี้มาก่อนเลย นับแต่เข้าวงการมา ชุดลูกไม้ซีทรูหรูหราสีนิลสนิทยาวเพียงแก้มก้นก็จริง แต่มันก็บางจนเห็นชัดถึงเนื้อในสีน้ำผึ้งนวลเนียน ทว่าไม่ใช่ชุดอย่างเดียวที่ทำให้เธอหนักใจ แต่หน้าท้องที่เคยแบนเรียบต่างหาก มันนูนขึ้นมาเล็กน้อยในเวลาไม่ถึงสองเดือน ไม่แปลกกระมังเพราะในท้องของเธอตอนนี้ มีหัวใจเต้นพร้อมๆ กันถึงสองดวง
“ยัยเอ็ม! แกทำอะไรอยู่ฮะ ทีมงานเขาให้ฉันมาเรียกแกสามรอบแล้วนะเนี่ย สื่อมวลชนก็มาแล้วด้วย ออกันชิดขอบเวที เพื่อรอดูแก แก้ผ้าทาโลชัน”
ปาฏลีประชดเพื่อนรักน้อยๆ แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนรักจะไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากเล่นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่กังวลกับรูปร่างของตัวเอง
“แป๋ม แกว่าจะมีใครสังเกตไหมวะว่าฉันมีหน้าท้อง”
อรัญญิการ์กังวลใจ ใบหน้านวลอิ่มเอิบดวงตาสีนิลระยับจดจ้องร่างของตัวเองในกระจก
“คิดมากน่า สู้ๆ เพื่อน นี่แค่งานอีเวนต์นะ ถ้าแกฝ่อตั้งแต่เริ่มแล้วแกจะกระเตงหลานฉันตะลอนๆ ทำงานให้เขาจนเสร็จได้ยังไง”
ปาฎลีให้กำลังใจเพื่อนรักก่อนจะออกไปจากห้องแต่งตัว ปล่อยให้อรัญญิการ์ทำหน้ามุ่ยอยู่หน้ากระจกต่อไป

เสียงดนตรีสุดคลาสสิกเปิดคลอดังทั่วงาน วันนี้คุณชายรูปงาม ใช้พื้นที่กลางห้างดังเป็นสถานที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของ Rose โลชันตัวใหม่ซึ่งมีอรัญญิการ์เป็นนางแบบ แม่มดคนงามช่วยส่งเสริมการขายได้อย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากยอดขายที่พุ่งพรวดในเวลาไม่ถึงเดือนหลังจากปล่อยโฆษณาตัวแรกออกไป
“งานครึกครื้นดีนะคะ คุณเปรม”
ปาฎลีทักทายด้วยเสียงหวานหู นั่นเพราะสื่อมวลชนรอทำข่าวเธอกันถ้วนหน้า ถ้าเธอ ฉะ กับเขาตอนนี้คงไม่ดีต่อภาพพจน์นางเอกแน่ๆ
“คงจะครึกครื้นยิ่งกว่านี้ ถ้าคุณปาฏลียอมถ่ายโฆษณาให้เราบ้าง” เขาโต้กลับเสียงทุ้ม รู้ดีว่าหล่อนไม่มีทางยอมเสียภาพพจน์นางฟ้าปาฎลีมาแก้ผ้าถ่ายโฆษณาให้เขาหรอก
“ค่ะ แล้วหลังจากนั้นภาพพจน์นางเอกอย่างฉันคงพังพินาศ แต่ถ้าคุณเซ็นสัญญาให้ฉันเป็นนางแบบเพียงคนเดียวตลอดไปล่ะก็ ฉันจะยอมเสี่ยงให้ก็ได้”
ปาฏลีโต้กลับกึ่งประชด เขาจะให้เธอนุ่งน้อยห่มน้อยถ่ายโฆษณาเพิ่มยอดขาย มีหวังแฟนคลับของนางฟ้ารุมฉีกอกเธอพอดี
“โอ...ไม่น่าเชื่อ! นางฟ้าปาฏลีแขวะผมต่อหน้ากล้อง เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ เราแค่โชว์ผลิตภัณฑ์โดยผ่านทางนางแบบ อาจจะเซ็กซี่บ้างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง” เปรมินทร์แก้ต่าง
“อ้อ...หรือคะ ถ้างั้นเพื่อนฉันคงเข้าใจผิด เพราะหล่อนบอกฉันว่าต้อง ถอด ชุดนอน ก่อนทาโลชันของพวกคุณ ยอดขายคงพุ่งแรงทะลุเพดานกระมังคุณเปรม แม่มดเอมี่แก้ผ้ากลางห้างเหลือแค่ชั้นในชิ้นบนกับชิ้นล่างเพื่อ Rose ทุ่มสุดตัวจริงๆ เพื่อนฉัน หึๆ”
“อะไรนะ! หมายความว่ายังไง ตกลงกันไว้แค่ว่าสวมชุดนอนออกมาทำทีว่าทาโลชันเท่านั้นไม่ใช่หรือ?”
เปรมินทร์มุ่นคิ้วคิดหนัก เขาเป็นคนสั่งทีมงานอย่างนั้นเองเพื่อ...เพื่ออะไรเขาก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่อยากให้ใครได้เห็นเนื้อนวลของอรัญญิการ์นอกจากเขาเท่านั้น
เปรมินทร์อยากซักนางเอกสาวต่ออีกสักหน่อย แต่เจ้าหล่อนเดินไปนั่งรอชมการแสดงแล้ว เขาเดินตามไปติดๆ พอดีกับการแสดงบนเวทีเริ่มขึ้น
เสียงเพลงเริ่มบรรเลงจังหวะถี่ขึ้น อรัญญิการ์ก้าวเท้าออกมาจากหลังม่านด้วยหัวใจที่เต้นระรัวสอดประสานเป็นจังหวะกับเสียงดนตรีชวนลุ้นระทึก เธออยู่ในชุดคลุมบางเบาพลิ้วไหวสั้นเพียงคลุมสะโพกผาย
แม่มดคนงามเดินไปรอบๆ เวที ที่ตกแต่งเป็นห้องนอนหรูหราประดับประดาด้วยดอกกุหลาบ ดุจห้องบรรทมของเจ้าหญิงในเทพนิยาย เธอส่งยิ้มยั่วยวน หว่านเสน่ห์ให้กับบรรดาช่างภาพที่ออชิดติดขอบเวที
เธอเดินมาหยุดตรงโต๊ะเครื่องแป้งหยิบโลชันของ Rose ขึ้นมาโชว์ไปรอบๆ ให้เห็นโดยทั่วกัน ก่อนจะบีบมันจากขวดจงใจให้ล้นจากฝ่ามือเรียว ไหลหล่นโดนขาอ่อนสีน้ำผึ้งที่ถูกยกขึ้นวางบนเก้าอี้
แสงไฟ แสงแฟลชกระทบร่างของเธอจนเริ่มตาพร่ามองไม่เห็นผู้คนในงาน แต่เธอก็ยังฝืนยิ้มขณะชโลมครีมบำรุงผิวลงบนท่อนขาทีละข้าง กลิ่นของมันหอมฟุ้งทีเดียว ทว่าพอผสานกลับกลิ่นกุหลาบที่มีมากบนเวทีมันกลับทำให้เธอชักมึนๆ กุหลาบแดงกลิ่นชวนคลื่นเหียนกำลังจะทำให้เธอหมดสิ้นความอดทน แต่ยังก่อน งานของเธอยังไม่เสร็จ เธอจะทิ้งกลางคันไม่ได้
กลิ่นกุหลาบสีเพลิงผสมกับกลิ่นของครีมบำรุงผิวขวดทดลอง ที่ทีมงานเดินแจกคนที่มาร่วมงาน มันทวีความแรงขึ้นเรื่อยๆ ชั่วพริบตาทั่วบริเวณลานที่จัดงานก็ฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบจากครีมบำรุงผิวของ Rose
อรัญญิการ์กระชากเสื้อคลุมออกจากร่างแล้วเหวี่ยงมันลงด้านล่างเวที เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดานักข่าวชายวัยฉกรรจ์ได้ดีทีเดียว แล้วเสียงฮือฮาก็ได้ดังขึ้นอีกคำรบเมื่อหล่อนค่อยๆ ปลดแพนตี้ตัวบางออกจากร่างจนสุดท้ายเหลือเพียงชั้นในเพียงสองชิ้น บน ล่าง ปกปิดเนินเนื้ออวบอัดยั่วเย้าใจชาย
อรัญญิการ์บรรจงชโลมเนื้อครีมด้วยลีลาสุดยั่วยวนทั่วเรือนกาย เธอทำตามสคลิปอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพื่อให้การแสดงสมบูรณ์แบบที่สุดและจบลงเสียที ในใจก็เฝ้าภาวนาว่า อย่าให้ใครผิดสังเกตหน้าท้องของเธอเลย



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2556, 18:12:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2556, 18:12:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2567





<< ข้อตกลง 100%   บทที่ 6 เขาอ่อนโยนหรือเธออ่อนแอ 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account