ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ

เขา... นายตำรวจหนุ่ม

เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ

ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น

แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ

แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ

ตอน: บทที่ 10 (ลุ้นรัก... 3)

บทที่ 10
(ลุ้นรัก 3)

สองสาวเพื่อนรักนั่งรอรถที่จะมารับอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นของบ้าน รจนานั่งอ่านหนังสือดูสงบเรียบร้อยผิดกับอีกรายที่ออกอาการตื่นเต้นที่แทบจะเก็บไม่อยู่นั้น เพราะนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เดินทางไปท่องเที่ยวภาคเหนือเป็นครั้งแรกในชีวิต

รจนาเหลือบสายตาขึ้นมาเพื่อนที่นั่งแทบไม่ติดอย่างขำขัน นึกถึงตอนจัดเสื้อผ้าเก็บกระเป๋าแล้วตลกกับอาการตื่นเต้นเกินเหตุของเพื่อน เพราะความที่ไม่เคยไปเที่ยวข้างคืนที่ไหนมาก่อนเลยมีปัญหาเรื่องการจัดกระเป๋าพอสมควร รจนาจึงรับหน้าที่ควบคุม และแนะนำให้นำของไปเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้า รจนาแนะนำว่าไม่ต้องจัดเต็ม แค่เสื้อไหมพรมตัวหนา กับเสื้อกันหนาวแขนยาวก็พอแล้วที่จะเผชิญกับสภาพหนาเย็นของอากาศในฤดูหนาวของประเทศไทย พวกเขาเลือกเดินทางแต่เช้ามือเพราะต้องการให้เป็นถึงเชียงรายทันพระอาทิตย์ตกดิน เพราะคนขับรถจะได้นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

“แยม... โทรถามยายต้อมอีกทีซิ ออกมาหรือยัง”

“เพิ่งจะโทรไปเมื่อสิบนาทีก่อนนี้เอง นั่งรอเฉยๆ เถอะเดี๋ยวเขาก็มาเองนั้นแหละ”

“แต่ว่า...”

“ไม่ต้องมาแต่ แกนั่งลงสักทีเถอะเดินไปเดินมาฉันเวียนหัว”

“ก็มันตื่นเต้นอ่ะ”

ดลินาเดินมานั่งลงข้างรจนา นั่งมองทำตาปริบๆ จนรจนาต้องเอานิ้วจิ้มไปที่ขมับเพื่อนรักอย่างหมั่นไส้ปนรำคาญ หลังจากที่ดลินายอมนั่งลงได้ไม่นานร่างของคุณแม่บ้านก็เดินเข้ายังห้องนั่งเล่น

“คุณแยมคะ รถมารับแล้วค่ะ”

“โอเคจ่ะ พี่มลเดี๋ยวช่วยแยมยกกระเป๋าขึ้นรถหน่อยนะคะ”

“ได้ค่ะ”

แล้วคุณแม่บ้านคนนั้นก็รีบเดินไปจัดการตามที่นายสาวบอก พอดีกับร่างของคุณวันชัยเดินลงมาจากชั้นสอง

“อ้าวพอลงมาทันพอดีเลยใช่ไหม”

“พอดีค่ะคุณพ่อ รถมารับแล้ว”

แล้วดลินาก็ปลีกตัวจากรจนามายืนเต้นยิ้มหน้าบานเกาะแขนคุณวันชัย

“ตื่นเต้นใหญ่เลยนะเรา ไปเดี๋ยวพ่อเดินไปส่งที่หน้าบ้าน”

“คุณแม่เป็นไงบ้างคะ อาการดีขึ้นหรือยัง”

“ไม่ต้องห่วงหรอกไข้ลดแล้ว ไปเที่ยวให้สนุกเถอะ”

รจนาเอ่ยถึงถึงอาการป่วยของมารดา เมื่อวานนี้ทั้งที่มีอาการป่วยแต่ยังมานั่งเตรียมนู้นเตรียมนี้ให้กลัวไปเที่ยวแล้วจะไม่สะดวก ขาดนู้นขาดนี้ จนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่สุดท้ายตกดึกอาการไข้เลยเล่นงานเข้า
คุณวันชัยเดินมาส่งหน้าบ้านโดยมีดลินาเกาะแขนกระโดกโหยงๆ ตีคู่มาด้วยกัน ส่วนรจนามองอาการลิงโล้ดของเพื่อนสาวเดินหัวเราะมาตลอดทาง แถมยังมีการแอบถ่ายคลิปวิดีโอไว้อีกด้วย

ที่ลานหน้าบ้านมีรถตู้เอนกประสงค์ 4 ประตู 7 ที่นั่งจอดรออยู่แล้ว เมื่อดลินาเห็นว่าใครที่กำลังจัดการวางกระเป๋าอยู่ที้ทายรถก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ชายหนุ่มดูแปลดตาไปจากทุกวัน วันนี้เขาสวมเสื้อเชิร์ตแขนสั้นสีฟ้าอ่อนเป็นเสื้อนอกมีเสื้อยืดสีขาวสะอาดสวมซ้อนอยู่ด้านใน กางเกงผ้าสีน้ำตาลสวมใส่สบาย สวมรองเท้าผ้าใบเข้ากับชุด... บอกได้เลยว่า หล่อโฮก

“นี้แกเช็ดน้ำลายหน่อย มันจะไหลอยู่แล้ว”

รจนากระซิบแซวเพื่อนสาว ดลินาจึงรู้สึกตัวรีบหุบปากตัวเองทันที แล้วจึงเปลี่ยนจากกอดแขนคุณวัยชัยเปลี่ยนมาคล้องแขนเพื่อนกระซิบคุยกันแค่ได้ยินกันสองคน

“แกไม่เห็นหรอกผู้กองเท่ห์จะตายไป”

“จ้าๆ สำหรับแกไม่ว่าจะชุดไหนก็เท่ห์และดูดีเสมอ ไปเตรียมขึ้นรถได้”

ศิวกรจัดการปิดประตูหลังรถเมื่อเห็นสองสาวเดินตรงมาทางเขาก็ยิ้มรับอย่างสุภาพ ก่อนจะยกมือไหว้คุณวันชัยที่เดินตามมาส่งสองสาว

“ฝากดูแลเด็กๆ ด้วยนะครับ ถ้าซนมากอนุญาตให้ทำโทษได้เป็นกรณีพิเศษ”

“คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลให้ดีที่สุดครับ”

คุณวันชัยพยักหน้ารับ รจนาที่ยืนยิ้มอยู่ข้างบิดาแทบจะหุบยิ้มไม่ทันเมื่อเห็นร่างของใครอีกคนเดินลงมาจากรถฝั่งคนขับ... ให้ตายสิ นึกแล้วไม่มีผิด

“สวัสดีครับคุณหมอ”

ทนงศักดิ์ยกมือไหว้แสดงความเคารพผู้อาวุโสกว่า ส่วนคุณหมอใหญ่ก็รับไหว้อย่างคนอัธยาศัยดี รจนายืนมองทนงศักดิ์หน้าเชิดเล็กน้อย ถ้าไม่ติดว่าผู้เป็นบิดาอยู่ด้วยคงได้เปิดศึกวาจาปะทะกันหนึ่งยกก่อนออกเดินทาง

“ต้อมไปไหนแล้วล่ะคะ”

ดลินาเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นร่างของแม่จอมจุ้น

“ไปเข้าห้องน้ำครับเดี๋ยวก็คงมา”

“มาแล้วค่ามาแล้ว พร้อมออกเดินทางกันหรือยังคะ”

เสียงร่าเริงสดใสของผกาวดีดังนำมาก่อนที่ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนวิ่งออกมาจากบ้านรจนา ผมยาวสลวยที่วันนี้ถักเปียสองข้างวิ่งมาสมทบกับเหล่าบรรดาผู้อาวุโสกว่าตน

“คุณตาสวัสดีค่ะ พี่ข้าว พี่แยม สวัสดีค้า”

ผกาวดีทักทายอย่างร่าเริง วิ่งมาเกี่ยวแขนดลินาไว้

“พร้อมกันหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้วเดินทางได้”

“จ้าๆ รู้แล้วจ้าแม่คุณ... คุณพ่อคะ ถ้าอย่างนั้นพวกแยมไปกันก่อนนะคะ ไว้จะซื้อขอกินอร่อยๆ มาฝาก”

“เดินทางกันดีๆ นะลูก ถึงบ้านพักแล้วโทรมาบอกพ่อหน่อยนะ”

“ทราบแล้วค่ะ”

สามสาวเอ่ยพร้อมกัน ก่อนจะยกมือไหว้คุณวันชัยก่อนจะเดินขึ้นรถไปพร้อมกันทั้งสามคน เมื่อลับร่างของสามสาวคุณวันชัยก็เดินเข้ามาหานายตำรวจทั้งสอง

“ฝากดูแลสาวๆ ด้วยนะครับ”

“คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลให้ดีที่สุดครับ”

“พวกคุณอาจจะลำบากหน่อยนะครับ ทโมนอยู่พร้อมทั้งกันทั้งสามคน”

คุณวันชัยเอ่ยกับศิวกรและทนงศักดิ์ ซึ่งทั้งสองดูจะเห็นด้วยกับคำพูดของคุณหมอใหญ่อยู่ครบแก๊งค์แบบนี้คงครื้นเครงกันน่าดู

“ออกเดินทางได้แล้วครับ เดี๋ยวสายมากแดดจะร้อน ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ”

แล้วทั้งสองหนุ่มก็ยกมือไหว้ลาคุณวันชัย ก่อนจะกลับไปประจำตำแหน่งของตน พลัดแรกเป็นทนงศักดิ์ออกสตาร์ทก่อน

“เอาล่ะสาวๆ พร้อมยังครับ”

“พร้อมแล้วค่า”

ดลินากับผกาวดีกอดคอเอ่ยตอบอย่างมีอารมณ์ร่วม แต่ดลินาดูจะตื่นเต้นมากกว่าผกาวดี รจนาเพียงแต่ยิ้มรับเท่านั้น เพราะมัวแต่ขำท่าทางของทั้งสอง ส่วนทะนงศักดิ์ที่มองผ่านจากกระจกมองหลังพยักหน้าก่อนจะเหยียบคนเร่งเคลื่อนรถมุ่งหน้าสู่ดินแดนล้านนา

**********************************************************

ตั้งแต่รถเคลื่อนที่ออกจากกรุงเทพมหานครผ่านมาแล้วกว่าสามชั่วโมง ทั้งสามสาวดูจะยังแรงไม่ตก เพราะสนทนากันมาแทบจะตลอดทาง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไม่ค่อยมีสาระแต่ก็คุยสนุกปากเหมาะแก่การเดินทาง ส่วนสองหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ มีบางครั้งเงียบฟังสาวๆ คุยกัน มีบ้างที่เข้าร่วมวงสนทนาด้วย

“หิวหรือยังครับ แวะทานอะไรก่อนไหมครับ”

ศิวกรหันมาถามสามสาวเมื่อเห็นว่าเวลานี้ก็สายมากแล้วซึ่งทุกคนยังไม่ได้ทานอะไรกัน ซึ่งทั้งสามก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทนงศักดิ์เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารราดแกงร้านหนึ่ง ตอนแรกทนงศักดิ์นึกว่าสามสาวจะจุกจิกจู้จี้เรื่องอาหารการกิน แต่มันตรงกันข้ามกับที่เขาคิดโดยสิ้นเชิง เพราะทั้งสามดูจะกินง่ายกว่าที่คิด หลังจากมื้อเช้าผ่านพ้นไป กลับเข้ามาในรถออกเดินทางอีกครั้ง ทรงศักดิ์ในตำแหน่งคนขับเป็นคนถามข้อสงสัยของตน

“พวกคุณนี้ทานง่ายกว่าที่ผมคิดอีกนะครับ”

“ทานง่าย เลี้ยงง่ายอยู่แล้วค่ะพี่ศักดิ์ พี่ข้าวรายนี้นะขอให้อาหารไม่บูดเป็นใช้ได้ออกแนวลิ้นจระเข้ ส่วนพี่แยมเห็นเปรี้ยวจี๊ดบาดใจแบบนี้นะคะแต่เรื่องอาหารการกินไม่เรื่องมากเลยสักนิดค่ะ”

ผกาวดีเป็นคนตอบข้อสงสัยของทนงศักดิ์ แถมยังใจดีแถมให้อักหลายประโยค

“เห็นว่าเป็นสาวเมืองกรุงจ๋าแบบนี้นะคะพี่ศักดิ์ พี่แยมน่ะแต่ออกแพทย์อาสาบ่อยมากเลยนะคะ”

“ใช่ค่ะ... ยายแยมเขาชอบออกแพทย์อาสาน่ะค่ะ ไปท้องถิ่นทุรกันดารมาก็มาก สมบุกสมบันพอสมควร ไม่ได้คุณหนูอย่างที่คิดหรอกนะคะ”

“เก่งเหมือนกันนะครับ ผมเห็นบางคนไม่กล้าเข้าไปตามสถานที่ทุรกันดารเพราะกลัวลำบาก”

“ฉันอยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์ ถือเป็นการตอบแทนคุณให้แก่แผ่นดินบ้าง”

รจนากล่าวอย่างภูมิใจ ส่วนคนฟังก็ดูจะชื่นชมในอุดมการณ์ของเจ้าหล่อน

“นี่ๆ พี่ศักดิ์คะเชียงรายมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้างคะ”

“ถ้าพูดถึงเชียงรายก็ต้องนึกถึงดอยตุงเป็นที่แรกเลยครับ หลังจากนั้นก็เป็นดอยแม่สลอง และภูชี้ฟ้า”

“ดอยตุงนี้ใช้ที่เขาปลูกเมล็ดกาแฟกาแฟอราบิก้าใช่หรือเปล่าคะ”

ดลินาเอ่ยถามอย่างสนใจ

“ใช่ครับ... คราวนี้คุณได้ไปดื่มถึงถิ่นแล้วคุณจะติดใจในรสชาติ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีสอคะ ข้าวจะได้รับเมล็ดกาแฟของดอยตุงไปใช้ที่ร้านบ้าง”

“นี้แม่คุณ... มาเที่ยวยังไม่วายคิดเรื่องธุรกิจเลยนะ”

“มาเที่ยวก็เหมือนทัศนศึกษา ฉันยังต้องทำงานเลี้ยงปาดเลี้ยงท้อง หนี้สินก็ยังต้องจ่าย”

“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลไปครับ อีกหน่อยเรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมช่วยหารเอง”

หลังจากเงียบอยู่นานพอดีโอกาสได้พูด ศิวกรก็เล่นเอาร้องแซวกันทั้งคันรถ ส่วนคนถูกแซวหน้าแดงตามระเบียบ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น ไม่รู้ว่าป่านนี้แต่ละคนคิดลึกไปถึงไหนต่อไหนกันบ้างแล้ว

**********************************************************

ระยะทางกว่า 830 กว่ากิโลเมตร ทนงศักดิ์และศิวกรวางแผนการเดินทางโดยไปตามทางหลวงหมายเลข 1 แล้วแยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดอยุธยา สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก เข้าสู่จังหวัดลำปาง แล้วตรงไปจังหวัดพะเยา และท้ายที่สุดมุ่งสู่เชียงราย

ตอนนี้คณะเดินทางของเรากำลังจอดพักรถอยู่ที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งของจังหวัดกำแพงเพชร โดยให้เวลาพักประมาณครึ่งชั่วโมงให้แต่ละคนยืดเส้นยืดสายและทำธุระส่วนตัว ศิวกรยืดเส้นยืดสายอยู่ที่ศาลาไม้ข้างร้านกาแฟ ไม่นานนักร่างบางของดลินาเดินมาพร้อมกับกาแฟร้อนในมือ

“ดื่มหน่อยนะคะ จะได้ตาสว่าง”

“ขอบคุณครับ”

ดลินาจัดแจงหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กในกระติกใบจิ๋วที่ถือติดมือลงมาด้วยภายในแช่ผ้าเย็นไว้ส่งให้ศิวกรเพื่อเช็ดหน้าเช็ดตาเรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย

“เหนื่อยหรือเปล่าคะ ได้งีบหลับบ้านหรือเปล่า”

“แอบหลับไปบ้างเหมือนกันครับ แต่ก็กลัวเพื่อนจะง่วง พอได้หลับสักตื่นต้องรีบชวนศักดิ์คุย”

“เพลียแดดหรือเปล่าคะ”

“ไม่ครับ มาทริปนี้ไม่ต้องกลัวเรื่องป่วยไข้เพราะมีคุณหมอมาด้วย ว่าแต่คุณเหนื่อยหรือเปล่าครับ”

“เมื่อยมากกว่าเหนื่อยค่ะ ไม่เคยนั่งรถนานๆ แบบนี้มาก่อน แรกๆ ปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้ก็เริ่มชินบ้างแล้ว”

“คุณต้องดูแลตัวเองนะครับ เพิ่งหายป่วยร่างกายยังอ่อนแออยู่”

“รู้แล้วค่ะ... ดื่มกาแฟสักหน่อยสิคะ เดี๋ยวจะเย็นแล้วรสชาติจะไม่อร่อย”

ศิวกรยอมดื่มกาแฟร้อนอย่างว่าง่าย พอจิบไปได้หนึ่งอึกศิวกรก็ทำหน้าเบ้ จนคนนั่งข้างๆ มองอย่างแปลกใจ

“เป็นอะไรคะ กาแฟรสชาติแปลกหรอ ข้าวว่าเขาชงออกจะดี”

ถึงแม้จะมีประสบการณ์เรื่องกาแฟมาได้ไม่นาน แต่ดลินาก็พอมองแยกแยะออกว่ารสชาติดีหรือไม่ เพียงแค่ดูจากการชง

“ไม่หรอกครับ เพียงแต่ว่าพอติดรสมือคุณ ต่อให้กินกาแฟคุณภาพดีแค่ไหนก็สู้รสมือคุณไม่ได้”

“พูดเป็นเล่น”

ดลินาตีแขนคนปากหวานอย่างเขินอาย ส่วนศิวกรก็หัวเราะชอบอกชอบใจ วันนี้เพิ่งจะมีโอกาสได้คุยกับหญิงสาวจริงๆ จังๆ ก็ตอนนี้ ถึงแม้จะนั่งอยู่กันคนละที่แต่เขาก็ตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงสาวตลอดการเดินทาง ดูเหมือนดลินาจะเพลิดเพลินกับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก หญิงสาวมักจะชวนผกาวดีคุยจ้อกันอยู่สองคน เพราะรจนามักจะงีบหลับเสียมากกว่า

“เป็นไงบ้างครับเดินทางไกลครั้งแรก ตื่นเต้นมากหรือเปล่าครับ”

“ตื่นเต้นค่ะ ข้าวไม่เคยไปเที่ยวค้างคืนมาก่อน ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เมื่อคืนวานโดนแบมเขาดุใหญ่เลยค่ะเรื่องจัดกระเป๋า”

ศิวกรหัวเราะอย่างชอบใจที่เห็นดลินาทำหน้าบึ้ง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งเกลี่ยผมปอยหนึ่งที่ลงมาปรกใบหน้ารูปหัวใจไปทัดหูให้อย่างเอ็นดู ส่วนหญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อยยิ้มอย่างเขินอายแต่ก็ชอบใจที่ชายหนุ่มคอยดูแลเอาใจใส่เธอ

“ไปกันหรือยังครับ ป่านนี้น่าจะไปรอที่รถกันหมดแล้ว”

“ไปสิคะ คราวนี้เป็นตาคุณเป็นคนขับรถใช่หรือเปล่าคะ”

ดลินาถามชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างเธอ ศิวกรก้มลงมองหญิงสาวเล็กน้อย

“ใช่แล้วครับ คราวนี้จะตียาวขึ้นเชียงรายเลย เราทำเวลาได้ดีพอสมควรไปถึงเชียงรายก็คงหัวค่ำ”

“แต่ว่าบ้านพักอยู่แถวดอยตุงไม่ใช่หรือคะ”

“ใช่ครับ พอเข้าเชียรายต้องขับรถไปอีกพอสมควรกว่าจะถึงดอยตุง”

“ขึ้นเขาตอนกลางคืนไม่น่ากลัวหรอคะ”

“เราค่อยๆ ไป ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกครับ อีกอย่างเดี๋ยวนี้ถนนหนทางเขาดีไม่เหมือนเมื่อก่อน”

ดลินาและศิวกรเดินมารอที่รถก็ยังไม่เห็นเงาของสามคนที่เหลือจึงมองหาอย่างสงสัย ศิวกรเห็นผกาวดีกำลังยืนซื้อถั่วต้มและกำลังรับเงินถอนอยู่ไม่ไกลนัก เขามองหาจนทั่วแต่ก็ไม่เห็นเงาของเพื่อนและคุณหมอคนเก่ง

“แยมอยู่กับคุณศักดิ์ตรงร้านลูกชิ้นตรงนั้นคุณเห็นหรือเปล่าคะ”

ดลินาชี้ไปยังจุดที่ทั้งสองคนอยู่ ศิวกรจึงมองตามเนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนพอสมควรจอดรถแวะพักกันที่ปั้มน้ำมันแห่งนี้พอสมควร จึงยากพอสมควรที่จะมองหาคนรู้จัก เมื่อมองไปยังทิศที่หญิงสาวชี้ก็เห็นคุณหมอกับเพื่อนของเขายืนซื้อลูกชิ้นปิ้งอย่างที่ดลินาว่าไว้

“เดี๋ยวก็คงมากัน เข้าไปรอในรถก่อนไหมครับข้างนอกมันร้อน”

“ข้าวยืนเป็นเพื่อนคุณดีกว่าค่ะ เดี๋ยวต้องนั่งอีกนาน”

ศิวกรพยักหน้าไม่ว่าอะไร ดีเสียอีกที่ดลินามายืนอยู่เคียงข้าง เขาไม่อยากให้ดลินาเดินนำหน้า หรือเดินตามหลัง แต่ไม่ว่าจะไปไหนเขาขอแค่ให้เธออยู่เคียงข้างเขาก็พอแล้ว

“มากันครบหรือยังคะ”

ผกาวดีที่เดินถือถุงถั่วต้มถุงใหญ่ มองซ้ายมองขวาหาร่างของอีกสองคนที่เหลือ

“ซื้อลูกชื้นปิ้งอยู่จ่ะ เดี๋ยวก็คงมา ต้อมจะเข้าไปรอในรถก่อนไหม”

“ก็ได้ค่ะ แล้วพี่ข้าวกับพี่ศิลาล่ะคะ”

“เดี๋ยวพี่ยืนรออยู่ด้านนอกนี้แหละครับ สองสาวเข้าไปนั่งรอในรถดีกว่า เดี๋ยวพี่สตาร์ทรถเปิดแอร์ให้”
ดลินากับผกาวดียิ้มรับก่อนจะจูงมือกันเดินไปนั่งรอบนรถอย่างที่ศิวกรว่า

อีกด้านหนึ่งร้านลูกชิ้นปิ้งรจนากับทนงศักดิ์ที่ยืนซื้อลูกชิ้นปิ้ง รจนารู้สึกรำคาญชายคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นอย่างมาก เพราะเขาเล่นมายืนประกบเธอไม่ห่างตั้งแต่เดินออกจากห้องน้ำเพื่อมาซื้อลูกชิ้นอาหารโปรด เธอต้องข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้หันทะเลาะกับเขา ถึงอย่างไรเธอก็รู้จักคำว่า “มารยาทในที่สาธารณะ” เหมือนกัน
เมื่อแม่ค้าส่งลูกชิ้นที่รจนาสั่งไว้มาให้ทนงศักดิ์ชิงตัดหน้าแย่งคุณหมอสาวมาถือไว้

รจนาได้แต่มองด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะส่งธนบัตรสีแดง 1 ใบส่งให้แม่ค้าและรับเงินทอน ทนงศักดิ์รอให้รจนาเดินนำก่อนเขาจึงเดินตามไปติดๆ ไม่เว้นช่องว่างมากนัก ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะมากวนอารมณ์ของคุณหมอสาวแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะตั้งแต่คุณหมอคนสวยก้าวลงจากรถ สายตาหลายสิบคู่ต่างก็มองเธอเป็นตาเดียวกัน

จะไม่ให้มองได้อย่างไร ก็วันนี้คุณหมอสาวแต่งตัวได้น่ารักผิดหูผิดตาไปจากปรกติที่จะแต่งชุดสุภาพ แต่ออกแบบไว้อย่างสวยงามดูมั่นอกมั่นใจเหมาะบุคลิกของเจ้าตัว แต่พอมาสวมชุดสบายๆ ก็ดูน่ารักเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยก็ไม่ปาน ยิ่งใบหน้าสวยไร้การตกแต่งเผยให้เห็นโครงหน้าที่แท้จริงก็ยิ่งต้องเดินตามประกอบติด แถมยังปล่อยลำแสงพิฆาตจากสายตาไปให้ชายทุกคนที่มองมาทางคุณหมอสาว

“อะไรของคุณเนี่ย มาเดินเบียดฉันทำไมที่ก็ออกกว้าง”

ตอนแรกรจนาก็เฉยๆ กับทนงศักดิ์ แต่ตอนนี้มันเหลืออดแล้วจริงๆ

“ผมกลัวหลง เดินใกล้กันไว้จะได้ไม่หลงกันไงครับ”

“ประสาท”

รจนาพึมพำเสียงเบา มีหรือที่ทนงศักดิ์จะไม่ได้ยินแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ

“ถ้าทางคุณจะชอบกินลูกชิ้นนะครับ เห็นเจอที่โรงพยาบาลที่ไรต้องมีลูกชิ้นเป็นของทานเล่นวางไว้บนโต๊ะเสมอ”

“ก็ฉันชอบแล้วจะทำไม”

“เปล่าไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมจะได้จำไว้ไงว่าคุณชอบอะไรไม่ชอบอะไร”

“แล้วคุณจะรู้ไปทำไมว่าฉันชอบอะไรไม่ชอบอะไร”

รจนามองคนที่เดินอยู่ข้างๆ เขาอย่างหาเรื่อง ส่วนคนถูกถามก็นิ่งเงียบเพียงชั่วครูก่อนจะหันมาส่งสายตาที่ทำให้รจนารู้สึกใบหน้าของตัวเองร้อนซู่

“ก็ต้องจำไว้สิครับ เพราะอีกหน่อยคงมีเรื่องอีกมากมายเกี่ยวกับคุณให้ผมต้องจำ”



TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2556, 20:56:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2556, 20:56:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1160





<< บทที่ 10 (ลุ้นรัก... 2)   บทที่ 11 (ตรงใจ... 1) >>
Auuuu 13 ก.พ. 2556, 23:11:08 น.
แอร๊ยยยยย เขินนนนนนนนนน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account