ร้อยรัดดวงใจรัก ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มายดรีมจ้า วางแผงประมาณเดือนมิถุนายน
อิงลดาถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยบอกเลิกเพราะเพิ่งค้นพบตัวเองว่าชอบเพศเดียวกัน ทำให้อิงลดาเสียใจมากเพราะตั้งความหวังไว้ว่าเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน ทำให้ตั้งป้อมรังเกียจผู้ชายผู้ชายหน้าตาหล่อๆ แต่เมื่อมาเจอกับลอราช ช่างภาพชื่อดังที่หน้าตาไม่ได้อยู่ในข่ายของความหล่อเพราะไว้หนวดไว้เคราจนดูหน้าคล้ายโจรห้าร้อย และการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก อิงลดาไม่ชอบขี้หน้าลอราชเลยสักนิดเดียว แต่เพราะพรหมลิขิตทำให้ทั้งคู่ต้องมาพัวกันเป็นวันพันหลักทั้งด้วยเรื่องของงานและคนรอบข้างทั้งคู่จึงถูกร้อยรัดไว้ด้วยความรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3 เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง


หลังแยกตัวจากน้องชายและเพื่อนสนิทแล้ว อภิรดีก็หันมาคาดคั้นถามอิงลดาขณะอยู่ด้วยกันในรถอีโก้คาร์คันใหม่เอี่ยมอ่อง

“น้ำอิง บอกพี่มาตามตรงนะจ๊ะว่าทำไมถึงได้ไปถามคุณลอราชเขาแบบนั้น”

“ถามอะไรเหรอคะพี่แจง” คนถูกถามทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง

“อย่ามาเฉไฉกับพี่นะน้ำอิง” น้ำเสียงดุๆ ที่เอ่ยออกมาจากปากของอภิรดีไม่ได้ทำให้อิงลดาหวั่นกลัวแม้แต่น้อย เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งพูดไปอย่างนั้นแหละ แต่ไม่อยากจะมีเรื่องปิดบังอีกฝ่ายจึงสารภาพออกไป

“เขาอยากมาปากเสียกับน้ำอิงก่อนทำไมล่ะคะ”

“ปากเสีย??” อภิรดีย้อนถามด้วยความงุนงงระคนสนเท่ห์ เพราะเธอยังไม่เห็นลอราชจะพูดอะไรไม่ดีกับอิงลดาเลยแม้แต่น้อย

“เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะพี่แจง” จากนั้นอิงลดาจึงเปิดปากเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้อภิรดีรับทราบ ซึ่งเมื่ออีกฝ่ายฟังจบก็ถึงกับพ่นลมหายใจออกจากปากแล้วจึงเอ่ยออกมา

“พี่คิดว่าเรนคงไม่ได้ตั้งใจหรอกจ้ะ คงร้อนจากการถูกกาแฟหกรดมากกว่า แล้วน้ำอิงคิดว่ากาแฟร้อนหรือเปล่าล่ะจ๊ะ”

เมื่อถูกย้อนถามแบบนี้ คนเจ้าคิดเจ้าแค้นจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆและอ้อมแอ้มกล่าวออกมา “ร้อนค่ะ”

“นั่นไงล่ะ ถ้าเป็นน้ำอิงถูกกาแฟร้อนๆ หกรดแบบนี้จะโวยวายออกมาหรือเปล่าล่ะจ๊ะ” อภิรดีเอ่ยถามยิ้มๆ เพราะรู้ว่าปกติลูกน้องของเธอเป็นคนมีเหตุผลเสมอ และเมื่อถูกถามแบบนี้อิงลดาจึงเงียบไม่ตอบคำ

“รู้ตัวไหมจ๊ะสายตาของน้ำอิงเวลาที่มองเรนน่ะเหมือนโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน แค่เขาโวยวายออกมาน้ำอิงโกรธเขามากขนาดนั้นเลยหรือจ๊ะ”

คำถามของอภิรดีจี้จุดและโดนใจของอิงลดาอย่างจัง ทว่าเธอเองก็ไม่รู้จะอธิบายให้อีกฝ่ายทราบได้อย่างไร ว่าที่เธอเกลียดขี้หน้าลอราชนั้นมาจากเพราะเธอตั้งปณิธานว่า ต่อแต่นี้จะรังเกียจผู้ชายหน้าตาหล่อๆ และตอนนี้เพิ่มมีหนวดเข้าไปอีก เพราะดูมันไร้ซึ่งเหตุผลที่จะไปบอกกับอภิรดีแบบนี้

“ถ้าในอนาคตเกิดเรนมาใช้บริการของบริษัทเราจริงๆ น้ำอิงจะทำงานลำบากนะจ๊ะ”
ที่อภิรดีพูดออกมาก็ถูกต้อง แต่อิงลดาคิดว่ารอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาพูดเรื่องนี้กันก็คงยังไม่สาย รู้หรอกว่าลูกค้าคือพระเจ้า แต่เวลานี้ขอเกลียดพระเจ้าหน้าหนวดคนนี้ไปก่อนแล้วกัน! แต่ปากก็จำต้องบอกออกไป

“ค่ะพี่แจง” อภิรดีฟังแล้วถึงกับถอนหายใจเฮือกออกมา ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรับปากออกมาอย่างงั้นเอง เพราะนัยน์ตายังวาววับอยู่เลย เพราะอิงลดานั้นบทจะดื้อขึ้นมาก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทำงานมาด้วยกันเกือบสามปีทำไมจะไม่รู้นิสัยกัน!

ขณะบุคคลที่อยู่ในหัวข้อสนทนาอย่างลอราชกำลังนั่งอยู่ในรถคันใหญ่ของภูวดล และกำลังถูกซักฟอกไม่ต่างกันโดยมีดอนกับแดนนั่งอยู่เบาะด้านหลัง

“ไอ้เรน! แกมีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่าวะ”

“ปิดบังอะไรมิทราบ” ลอราชแสดงสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้จนคนถามเกิดอาการหมั่นไส้แทบอยากจะตะบันหน้าหนวดๆ ของเพื่อน

“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยไอ้เรน แกมีปัญหาอะไรกับคุณน้ำอิง” ภูวดลหรี่ตามองสีหน้าของเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ระคนคาดคั้น

“ฉันจะไปมีปัญหาอะไรกับเค้าล่ะ หน้าก็เพิ่งจะเจอกันแค่สองครั้ง….” พอภูวดลได้ยินคำว่าสองครั้งก็หันขวับไปทางเพื่อนสนิทและเอ่ยถามออกมาทันควัน

“แสดงว่าแกเคยเจอคุณน้ำอิงมาก่อน?”

“ก็คุณน้ำอิงนี่แหละที่เป็นคนทำกาแฟหกรดใส่แขนแล้วยังด่าฉันด้วยไงล่ะ” ลอราชตัดสินใจเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนสนิทฟัง เพราะอดหมั่นไส้ท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ของอิงลดาไม่ได้

“อ้าว! คุณน้ำอิงเองเหรอที่ทำกาแฟหกรดแก” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะของภูวดลทำให้ลอราชรู้สึกหมั่นไส้เพื่อนสนิทเหลือกำลัง

“ดูเหมือนว่าแกกำลังหัวเราะเยาะฉันเลยนะไอ้เคน”

“อ้าว! แกอย่ามาทำเสียงพาลๆ ใส่ฉันแบบสิวะไอ้เรน มันน่าหัวเราะไหมล่ะ ฉันเข้าใจผิดคิดว่าผู้หญิงที่ทำกาแฟหกรดใส่แกคงจะหน้าตาเต็มกลืนแถมยังปากจัดด่าแกอีก ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงสวยๆ แบบคุณน้ำอิงนี่หว่า เพราะปกติแกกับเหล่าสตรีเพศโดยเฉพาะสวยๆ มักไม่ค่อยจะแคล้วคลาดกันไม่ใช่หรือวะ แล้วจะไม่ให้ฉันหัวเราะได้ยังไงล่ะ” ภูวดลชี้แจงให้เพื่อนฟังด้วยน้ำเสียงยังไม่คลายจากอาการหัวเราะลงแม้แต่น้อย

“ผู้หญิงอะไรไม่รู้ ทำกาแฟหกรดใส่แถมด่าฉันยังไม่พอ ยังจะมาทำท่าจงเกลียดจงชังอีก เหมือนฉันไปทำเรื่องอะไรให้เจ้าหล่อนช้ำใจแบบนั้นแหละ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” ลอราชบ่นออกมาอย่างขัดอกขัดใจไม่หาย

“นั่นสิ! ฉันก็เห็นสายตาของคุณน้ำอิงที่มองแก ยังแอบงงและสงสัยอยู่เหมือนกัน ว่าแต่แกเคยไปทำอะไรให้คุณน้ำอิงช้ำอกช้ำใจบ้างหรือเปล่าวะ ลองคิดทบทวนดีๆ นะไอ้เรน” ภูวดลเอ่ยกระเซ้า

ลอราชเอ่ยปฏิเสธกับเพื่อนเสียงสูงทันทีพลางบ่นต่อตามหลังเสียงขรม “จะบ้าหรือไอ้เคน! ฉันเพิ่งเคยเจอหน้าเจ้าหล่อนครั้งแรกก็วันนี้แหละโว๊ย ผู้หญิงอะไรวะไม่น่ารักเอาเสียเลย”

“ไอ้เรน! แกจงระวังคำพูดตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ แล้วกัน ฉันจะคอยดู แหม! สวยขนาดนี้พูดออกมาได้ว่าไม่น่ารักเอาเสียเลย” ภูวดลเอ่ยค่อนขอดเพื่อน

“เออ! แกไม่ต้องมาคอยดูหรอก ผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่สเปกฉันหรอกน่า แกไม่ต้องเป็นห่วง” ลอราชพูดออกไปทั้งที่ภายในใจไม่ได้คิดตามที่ปากพูดเลยสักนิดเดียว เพียงเพราะต้องการเอาชนะคำเพื่อนเท่านั้น

“เออ! จะคอยดูพวกปลาหมอตายเพราะปาก” ภูวดลเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเคลื่อนรถพุ่งออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที

“คนอย่างฉันไม่ตายเพราะปากแน่นอน ตายคาอกล่ะไม่แน่ และฉันจะต้องรู้ไห้ได้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมาแสดงอาการไม่ชอบหน้าฉันนักหนา ทั้งที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก” ลอราชหันไปพูดกับเพื่อนอย่างหมายมาด

ภูวดลใช้เวลาในการขับรถไม่ถึงชั่วโมงดีก็ถึงที่พักของเพื่อนสนิท ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่กินบริเวณเนื้อที่ร่วมสองร้อยตารางวา ที่เจ้าของเดิมเป็นชาวต่างชาติและยังไม่เคยมาอยู่ด้วยซ้ำ โดยลอราชให้เขาเป็นคนจัดการติดต่อซื้อให้ จากนั้นจึงจ้างคนที่ไว้ใจได้มาคอยดูแลทำความสะอาดอยู่อย่างสม่ำเสมอ บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในย่านที่ที่ดินมีราคาแพงมหาศาลเพราะใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน เดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวกโดยไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ด้วยซ้ำ

“ฉันให้คนมาทำความสะอาดบ้านไว้ให้แกแล้วนะ” ภูวดลเอ่ยขึ้นหลังจากจอดรถเรียบร้อย และเปิดประตูก้าวลงมาพลางกวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณบ้านของเพื่อนสนิท ซึ่งร่มครึ้มไปด้วยเงาไม้ใหญ่ที่ปลูกแซมเป็นระยะกับตะโกดัด

“ขอบใจมากว่ะ ฉันไม่ได้เห็นต้นไม้ใบหญ้าที่บ้านเกิดเมืองนอนมานานแล้ว บอกตรงๆ เลยว่าไม่คิดอยากจะกลับไปอยู่ต่างประเทศอีกแล้ว ที่ไหนๆ ก็สู้เมืองไทยไม่ได้จริงๆ” ลอราชบ่นออกมาให้เพื่อนได้ยินซึ่งคนฟังก็มีความเห็นไม่แตกต่างกัน

เพราะทั้งคู่ไปเรียนต่างประเทศกันตั้งแต่จบชั้นมัธยมจนถึงขั้นปริญญาโท จึงใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนมาโดยตลอด แต่ตัวของภูวดลนั้นเมื่อเรียนจบก็รีบบินกลับมาเมืองไทยในทันที

ลอราชยังสนุกกับงานที่ตัวเองรักจึงอยู่ต่อ แต่ดูเหมือนยิ่งอยู่ไปเรื่อยๆ ความรู้สึกโหยหาบ้านเกิดยิ่งทวีมากขึ้นทุกขณะและทุกวัน จนในที่สุดเมื่อคนที่บ้านต่างจังหวัดโทรมาบอกว่าบิดาไม่สบายมาก จึงถือโอกาสนี้กลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรซะเลย

ดอนกับแดนช่วยกันนำกระเป๋าแล้วข้าวของต่างๆ ขึ้นไปเก็บ ส่วนเจ้าของบ้านกับผู้เป็นเพื่อนพากันเดินตรงไปยังศาลาทรงกลมทันสมัย ที่อยู่ข้างๆ สระน้ำกว้างใหญ่รูปตัวยู และเมื่อทรุดกายนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อย ลอราชถึงกับสูดอากาศยามแดดร่มลมตกเข้าปอดด้วยความสดชื่น

“ถ้าได้เบียร์เย็นๆ เข้ากับบรรยากาศแบบนี้สักขวดสองขวดก็น่าจะดีนะไอ้เรน”

ภูวดลพูดยังไม่ทันขาดคำแดนก็ถือถาดใส่เบียร์เย็นเฉียบกับแก้วทรงสูงสองใบ พร้อมกับจานกับแกล้มมาวางให้บนโต๊ะ

“คนของแกเนี่ยสุดยอดจริงๆ รู้ใจเจ้านายไปทุกอย่าง” ภูวดลเอ่ยชมหลังจากแดนเดินผละไปแล้ว

“สองคนนี้เป็นลูกคนเก่าคนแก่ของพ่อฉันโว๊ย ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ” ทั้งดอนและแดนตามไปอยู่กับลอราชเมื่อตอนเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยจวบจนปัจจุบัน จึงคุ้นเคยกับภูวดลเป็นอย่างดี

“แล้วไม่รีบกลับไปหาพ่อแกหรือวะไอ้เรน” หลังจากยกแก้วเบียร์เย็นๆ จนเป็นวุ้นขึ้นจิบแล้ว ภูวดลอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้

“แกคิดว่าคนร่างกายแข็งแรงอย่างพ่อฉันจะล้มป่วยลงง่ายๆ หรือวะ แล้วถ้าป่วยหนักจริงๆ คงมีคนโทรตามฉันเป็นระยะอยู่แล้ว” ลอราชพูดอย่างรู้ทางผู้เป็นบิดาเป็นอย่างดี เพราะมุกนี้ใช้มาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยสำเร็จ ถ้าครั้งนี้ไม่เป็นเพราะเขาอยากกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรแล้วล่ะก็ คงไม่สำเร็จเหมือนเดิม

ภูวดลมองหน้าเพื่อนแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ตัวเขารับรู้เรื่องของเพื่อนมาโดยตลอด ลอราชเป็นบุตรชายคนเดียวของผู้ทรงอิทธิพลอย่างพ่อเลี้ยงพูนลาภ จึงทำให้ต้องมีคนสนิทตามติดตัวอยู่ตลอด เนื่องจากมีศัตรูคอยจ้องทำลายล้างอยู่รอบด้าน แต่ด้วยศักยภาพของกำลังคนและอิทธิพลที่ล้นเหลือจึงไม่เคยมีใครหน้าไหนลูบคมได้เลยสักครั้ง

เขารู้อยู่เต็มอกว่าแรกๆ ผู้เป็นเพื่อนผู้รักอิสระอย่างลอราชไม่ได้ชอบให้ใครมาติดตามเป็นเงาตามตัวแบบที่แดนกับดอนกระทำเลยสักนิด แต่ขัดความประสงค์ของผู้เป็นบิดาไม่ได้ แต่ปัจจุบันคงกลายเป็นความเคยชินไปจนขาดไม่ได้แล้ว

“แล้วแกจะลงไปปากช่องเมื่อไหร่วะ”

“พรุ่งนี้บ่ายๆ แกจะไปกับฉันไหมล่ะ” ลอราชเอ่ยถามเพื่อนขณะยกเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

“ไปก็ได้ว่ะ ช่วงนี้เบื่อกรุงเทพด้วย”

ภูวดลเป็นบุตรชายของเจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย นอกจากนั้นยังมีนิตยสารชื่อดังอีกหลายฉบับรวมทั้งสำนักพิมพ์ที่เป็นกิจการของครอบครัว

ตัวของภูวดลรับผิดชอบดูแลคอลัมม์เกี่ยวกับข่าวสังคม ธุรกิจ และรับผิดชอบเต็มตัวกับนิตยสารเอฟเอ็มแอลซึ่งกำลังดังเป็นพลุแตกในหมู่ชายหนุ่มที่ชอบผู้หญิงแต่งตัววับๆ แวมๆ โดยเขาคิดจะให้ลอราชมาทำหน้าที่เป็นช่างภาพประจำนิตยสารเล่มนี้อยู่

“แล้วแกไม่ต้องหาพวกแม่ครัวมาทำอาหารหรือเด็กมาช่วยทำงานบ้านหรือไง”

“เรื่องทำอาหารแกก็รู้ว่าดอนกับแดนทำอร่อยกว่าพวกกุ๊กตามร้านอาหารเสียอีก ส่วนคนทำงานบ้านเดี๋ยวพ่อฉันคงจัดการให้เอง คงไม่พ้นส่งคนที่โน่นมาช่วย” ลอราชบอกเพื่อนพลางส่ายหน้าน้อยๆ อย่างรู้นิสัยของผู้เป็นพ่อดี


ทางด้านอิงลดาขับรถคันใหม่พาอภิรดีมาส่งยังบ้านถนนลาดพร้าว ซึ่งกว่าจะฝ่าการจราจรที่ติดยาวเหยียดจนเป็นกิจวัตรของถนนเส้นนี้มาได้ ก็ใช้เวลารวมสองชั่วโมง เมื่อมาถึงบ้านหลังงามซึ่งเป็นหมู่บ้านดังในย่านนี้ หลังจากเปิดประตูรั้วนำรถเข้าไปจอดเรียบร้อย อภิรดีก็เดินแกมวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีพลางร้องเรียกบุตรชายเสียงดังลั่น

“น้องภีม”

“คุณแม่คร๊าบ” เสียงใสๆ พร้อมกับร่างของเด็กชายตัวกลม ผิวขาวผ่อง ผมหยิกหยอย ปากแดงหยักย้อย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ในชุดกางเกงเอี๊ยมยีนส์ที่วิ่งหัวซุนโผเข้าหาอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ เรียกรอยยิ้มให้เกิดกับหน้าเรียวสวยของอิงลดาที่เดินตามหลัง ก่อนจะทรุดลงนั่งบนโซฟาพร้อมทั้งวางกระเป๋าใบใหญ่ของอภิรดีที่ถืออยู่ในมือลงข้างกาย

“น้องภีมดื้อ ซนกับคุณพ่อหรือเปล่าลูก” คุณแม่คนสวยเอ่ยถามขณะอุ้มลูกชายวัยสามขวบครึ่งพลางจับเหวี่ยงไปมาด้วยความคิดถึง สร้างเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากให้เกิดกับเด็กชายทันที

“ดื้อนิดเดียวและก็ซนนิดหน่อยคร๊าบ” เสียงเด็กชายตอบเสียงแจ่มแจ๋วและก็พลันดิ้นรนจะลงมายืนข้างล่างให้ได้ จนผู้เป็นแม่จำต้องปล่อยให้ลงมายืนบนพื้น จากนั้นร่างกลมป้อมก็เดินมาส่งยิ้มหวานให้อิงลดาตรงหน้าก่อนจะเอ่ยทักเสียงแจ๋วออกมา

“หวัดดีคร๊าบพี่น้ำอิงคนสวย”

“ว่าไงครับน้องภีมรูปหล่อ” อิงลดาทักทายตอบ เธอเคยมาบ้านหลังนี้หลายครั้งแล้วจึงคุ้นเคยกับเด็กชายเป็นอย่างดี พร้อมกับก้มลงอุ้มร่างกลมๆ เข้าสู่อ้อมแขน หยิกแก้มยุ้ยๆ เบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

“คิดถึงพี่น้ำอิงคร๊าบ” น้องภีมพูดพลางยื่นหน้าเล็กๆ เข้าไปหาพร้อมกับใช้ปากหยักแดงของตัวเองจุ๊บที่ปากและสองข้างแก้มของอิงลดา

ร่างสูงใหญ่ของพันตำรวจโทพิริยะ กรณ์เดชากุล ที่เดินออกมาจากในครัวในชุดผ้ากันเปื้อนถึงกับหัวเราะลั่นออกมา เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายตัวน้อยที่เวลานี้กอดคอสาวไว้แน่น พร้อมทั้งซบหน้าน้อยๆ ไว้ที่ซอกคอไม่ห่าง มิหนำซ้ำไม่ยักจะดิ้นรนลงมาข้างล่างเหมือนอยู่กับผู้เป็นแม่เมื่อครู่

“ชักจะเจ้าชู้ใหญ่แล้วนะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยแซวลูกชายตัวน้อยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“สงสัยคงจะจำท่าทางเจ้าชู้ ขี้หลีแบบนี้มาจากพ่อนั่นแหละ” อภิรดีเอ่ยออกมาพร้อมกับค้อนสามีที่เดินเข้ามาสวมกอดขวับใหญ่

“อ้าวมาลงอะไรที่ผมล่ะครับ” พูดพลางก้มลงหอมแก้มผู้เป็นภรรยาทั้งสองข้างเลียนแบบลูกชาย

“ทำอะไรไม่อายน้ำอิงเลยนะพีท” อภิรดีเอ่ยออกมาอายๆ แกมขัดเขินต่อสายตาของสาวสวยที่มองตรงมายิ้มๆ

“สวัสดีค่ะพี่พีท” อิงลดาเอ่ยทักสามีของอภิรดีซึ่งเป็นนายตำรวจมือปราบจากหน่วยสันติบาล

“สวัสดีครับน้ำอิง”

“คุณพ่อหอมแก้มจุนแม่ด้วย กิ๊ว กิ๊ว” เสียงลูกชายตัวดีเอ่ยเสียงแจ๋วระคนเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนตาหยี แม้แต่อิงลดาก็พลอยอดหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้ มองเด็กชายตัวอวบซึ่งมีแววเจ้าชู้ตั้งแต่เด็กที่ซบนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเธออยู่ขณะนี้

อภิรดีเล่าให้เธอฟังว่าเพิ่งจะปล่อยให้มีเจ้าตัวน้อยตอนอายุใกล้สามสิบ เพราะมัวแต่บ้างานทั้งที่แต่งงานมาแล้วหลายปี และด้วยความช่างพูด ช่างจดช่างจำตามประสาเด็กฉลาด เด็กชายพชรจึงกลายเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อและแม่ รวมทั้งวงศาคณาญาติต่างๆ แม้กระทั่งตัวเธอเองก็ยังอดหลงรักเด็กชายที่กำลังอุ้มอยู่ด้วยไม่ได้

“น้องภีมครับ มาหม่ำๆ ข้าวกันดีกว่า พี่น้ำอิงเมื่อยแล้วนะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายที่ไม่ยอมลงมาจากตักของหญิงสาว

“พี่น้ำอิงยังไม่ได้บอกว่าเมื่อยเลย คุณพ่อมั่ว” น้องภีมต่อว่าผู้เป็นบิดาท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน แต่ก็ยอมลงมาแต่โดยดีทว่ายังหันไปส่งเสียงออดอ้อนสาว

“เดี๋ยวพี่น้ำอิงป้อนข้าวน้องภีมด้วยนะคร๊าบ คุณพ่อป้อนข้าวไม่เห็นอาหร่อยเลย”

“อ้าว! น้องภีมไหงพูดแบบนี้ล่ะลูก” เสียงคุณพ่อโวยวายแต่ลูกชายหันไปทางคุณแม่ที่ยืนยิ้มอยู่และพูดออกมาในเชิงฟ้องว่า “คุณพ่อป้อนข้าวน้องภีมแล้วชอบโทรศัพท์ไปด้วย เซ็งเป็นบ้า”

“ว๊า พูดไม่เพราะเลย เดี๋ยวจะถูกตี แต่ว่าจริงหรือลูก! ถึงว่าสิแม่ไปแค่สี่วันเอง ทำไมลูกชายของแม่ถึงได้ตัวผอมนัก” อภิรดีพูดกับลูกชายตัวน้อยก่อนจะหันไปทางสามี

“คุณทำอย่างที่ลูกบอกจริงๆ เหรอคะ”

“แหม! แค่ครั้งเดียวเองพอดีลูกน้องโทรเข้ามาเรื่องงาน แหมเจ้าตัวแสบช่างฟ้องนักนะ” ว่าแล้วก็อุ้มลูกชายขึ้นโยนด้วยความหมั่นเขี้ยว ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจของเด็กชายนักหนา ร่ำร้องให้ทำต่ออีกหลายๆ ครั้ง จนผู้เป็นแม่ต้องเอ่ยทักท้วงเพราะกลัวลูกชายพลัดตก

“ไม่เอานะลูกไม่เล่นแบบนี้” ก่อนจะหันไปเอ่ยกับอิงลดา

“เดี๋ยวอยู่กินข้าวเย็นกับพี่นะน้ำอิง”

“ห้ามปฏิเสธนะครับ เพราะพี่ทำกับข้าวไว้หลายอย่างเผื่อน้ำอิงด้วย” ยังไม่ทันที่อิงลดาจะเอ่ยอะไรออกไป น้องภีมก็เอ่ยการันตีฝีมือผู้เป็นพ่อออกมาเสียงดัง

“คุณพ่อของน้องภีมทำกับข้าวอาหร่อยที่สุดในโลกเลยนะคร๊าบ”

“อ้าว! เมื่อกี้ยังบอกว่าพ่อป้อนข้าวไม่อร่อยไม่ใช่หรือลูก” ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่ยังอุ้มอยู่บนบ่าพลางหอมพวงแก้มยุ้ยๆ อย่างหมั่นเขี้ยวระคนหมั่นไส้

“เมื่อกี้น้องภีมล้อเล่น” น้องภีมตอบก่อนจะหลบซ่อนหน้าน้อยๆ กับบ่ากว้างเป็นพัลวัน เมื่อถูกบิดาไล่หอมอยู่ไม่ยั้ง

“อยากให้พี่น้ำอิงป้อนข้าวให้ล่ะสิน้องภีม เจ้าเล่ห์นักนะลูก” อภิรดีหันไปหยิกแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายอย่างเอ็นดู

“เจ้าเล่ห์เหมือนน้าเคนไงคร๊าบ” ลูกชายตัวน้อยตอบก่อนจะดิ้นรนลงจากร่างของพ่อลงมายืนข้างล่าง และตรงเข้ากุมมือของอิงลดาไว้ไม่ปล่อยเสมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีกลับ และจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาอิงลดาแวะมาที่นี่ ซึ่งหญิงสาวก็มักจะอยู่ด้วยนานๆ เสียทุกครั้งไป ได้แลเห็นครอบครัวเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยความรักจนเธอสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก

ทั้งหมดพากันตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มีอาหารหน้าตาน่ากินหลายอย่างที่พิริยะทำไว้ กำลังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนจมูก อิงลดาถึงเอ่ยออกมาอย่างชื่นชม

“พี่พีททำกับข้าวเก่งจังเลยค่ะ” พิริยะยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกมา อภิรดีก็เอ่ยออกมาก่อนว่า

“ก่อนแต่งงานพี่พูดไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าพี่ทำกับข้าวไม่เป็น ดังนั้นห้ามมาตั้งความหวังเรื่องนี้กับพี่”

“นั่นสิน้ำอิง พี่เหมือนโดนบังคับแล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะ” สีหน้าขณะเอ่ยของพิริยะไม่ได้เหมือนถูกบังคับอย่างที่ปากบอกเลยสักนิด ทำให้อิงลดายิ่งนิยมชมชอบครอบครัวนี้ขึ้นอีกหลายเท่า เพราะแม้ว่าจะมาที่นี่อยู่หลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ค่อยได้พบพิริยะเท่าใดนัก

“อิจฉาพี่แจงจังเลย ถ้าน้ำอิงมีครอบครัวก็อยากได้แบบของพี่แจง” สีหน้าขณะกล่าวของอิงลดาสลดลงเมื่อนึกถึงตัวเองขึ้นมา ทำให้อภิรดีต้องหันไปสบตาสามีและรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันใด

“เรามากินข้าวกันดีกว่า น้องภีมหิวหรือยังครับ”

“วันนี้พ่อทำซุบไก่ของโปรดน้องภีมให้ด้วยนะลูก” ผู้เป็นพ่อหันมาบอกลูกชายพลางตักข้าวแจกทุกคน

“คร๊าบ! วันนี้น้องภีมจะหม่ำข้าวให้พุงแตกไปเลย” น้องภีมหันไปฉะอ้อนบอกกับอิงลดาทำให้อีกฝ่ายอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“วันนี้แจงเจอเคนด้วยที่สนามบิน” อภิรดีหันไปบอกสามีขณะตักข้าวเข้าปาก ขณะที่ลูกชายตัวน้อยของเธอเวลานี้มีอิงลดาเป็นคนคอยป้อนข้าว และก็ดูจะเจริญอาหารเป็นพิเศษเพราะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย จนคนป้อนแทบป้อนไม่ทัน

“เดี๋ยวพี่ป้อนแทนแล้วกันจ้ะน้ำอิง ไม่งั้นไม่ได้กินข้าวเป็นแน่” อภิรดีเอ่ยกับหญิงสาว เพราะลูกชายตัวดีของเธอไม่ยอมปล่อยให้อิงลดาได้จัดการกับอาหารของตัวเองเลยสักนิด

“ไม่เป็นไรค่ะพี่แจง จริงๆ น้ำอิงยังอิ่มอยู่เลย เพิ่งกินสเต็คไปด้วย” เมื่อพูดถึงอาหารดังกล่าว หน้าหนวดๆ ของใครบางคนก็โผล่แวบเข้ามาในมโนภาพทันที จนต้องรีบปัดความคิดนี้ออกไปโดยเร็ว

“น้าเคนบอกว่าจะหากิ๊กให้น้องภีมด้วยคร๊าบคุณแม่” น้องภีมหันไปพูดกับผู้เป็นแม่หลังจากเคี้ยวข้างหมดคำและหมดจาน

“ตายแล้ว! มันน่าตีนักตาเคน สอนหลานดีจริงๆ” อภิรดีบ่นงึมงำขณะที่สามีถึงกับหัวเราะก๊ากด้วยออกมาด้วยความขบขัน ก่อนจะหันไปถามลูกชาย

“จะมีกิ๊ก แล้วน้องภีมมีแฟนแล้วหรือลูก”

“มีแล้วสิคร๊าบ พี่น้ำอิงไงแฟนน้องภีม” เสียงเด็กชายพชรพูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ สร้างเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจให้เกิดกับทุกคน อิงลดาถึงกับก้มลงหอมแก้มยุ้ยๆ ของคนพูดด้วยความเอ็นดู

“ถ้าเป็นแฟนพี่น้ำอิงแล้วน้องภีมต้องไม่ดื้อ ไม่ซนกับคุณพ่อ คุณแม่นะครับ”

“น้องภีมจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน และไม่เจ้าชู้เหมือนคุณพ่อกับน้าเคนด้วยคร๊าบ”

“อ้าว! น้องภีมพูดแบบนี้ไม่สวยนะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยเสียงหลง

“น้องภีมไม่อยากสวยเดี๋ยวเป็นกระเทย” น้องภีมหันมาเถียงผู้เป็นพ่อด้วยสีหน้าจริงจัง พิริยะกับอภิรดีถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ ส่วนอิงลดาหัวเราะคิกออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ คิดว่าเด็กชายคงจำมาจากโทรทัศน์อย่างแน่นอน

ไม่นานอิงลดาก็ขอตัวกลับบ้านย่านห้วยขวาง เมื่อขับรถผ่านบ้านเก่าของอาชวินก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ตึกหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับบ้านของเพื่อนที่ปกติไม่เห็นมีใครอยู่ แต่ทำไมวันนี้ถึงเปิดไฟสว่างไสว แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก รีบกลับบ้าน เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้ผู้เป็นอาจะรอกินข้าวอยู่หรือเปล่า เพราะไม่ได้โทรมาบอกด้วย



ฐิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2556, 08:28:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2556, 08:40:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 2102





<< ตอนที่ 2 คนอะไรหนอ..หล่อกระชากใจ   บทที่ 4 ซ่อนรัก >>
nunoi 15 ก.พ. 2556, 16:26:09 น.
สนุกดีค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account