ต้องมนต์ปรารถนา
เพียง "ชาร์ล" ผู้ปกครองหนุ่มใหญ่ พบ "หนูนิ่ม" เด็กในอุปการะครั้งแรกก็ราวต้องมนต์สะกดให้หลงใหลเธอ จนวาดหวังอยากได้มาเป็น "เมีย" วางแผนสารพัด ให้หญิงสาวพลัดตกหลุมรัก!
Tags: ปรารถนา,ต้องมนต์,ความรัก,โคแก่กินหญ้าอ่อน

ตอน: บทที่ 1 โคแก่กินหญ้าอ่อน

บทที่ 1

ภาพสาวน้อยยังติดตรึงอยู่ในห้วงความทรงจำจวบจนเช้าตรู่ แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะหลบลี้ความรู้สึกแปลกๆ ในอกเข้าไปนอนอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องของเขาจริงๆ หาใช่ห้องนอนแสนหวานนั้นไม่
น่าขบขันเหลือเกิน เขาแก่แล้วหรือไรกัน เพียงแค่ไม่กี่ปีที่ไม่ได้เหยียบเมืองไทย ถึงกับทำให้ลืมเลือนห้องนอนของตนเอง แท้จริงแล้วห้องของเขาอยู่ติดกับห้องของสาวน้อยนอนกอดหมอนข้างต่างหากเล่า
อีกสิ่งสำคัญที่หลงลืมเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าเขาอาจจะแก่แล้วจริงๆ สิบสองปีแล้วสินะ...
“อุ๊ย!”
เสียงร้องอุทานเรียกให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ความคิด ริมฝีปากส่งยิ้มเก๋ไปให้พร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คุณใหญ่!”
ร่างท้วมรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางกระตือรือร้น มือหนาทั้งสองถูกคว้าไปแนบแก้ม นัยน์ตาเปล่งประกายยินดีอย่างไม่ปิดบัง
“นี่คุณใหญ่กลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันคะ”
“เมื่อคืนครับ” คนถูกถามตอบเป็นสำเนียงภาษาไทยชัดเจน
“เมื่อคืน? ตายแล้ว ทำไมป้าไม่รู้เรื่องเลยล่ะคะ” นางทำท่าตกอกตกใจราวกับทำงานผิดพลาดใหญ่หลวง นับแต่นายท่านทั้งสอง บิดามารดาของคุณใหญ่หรือคุณชาร์ล เรเซเดนเดียนเสียชีวิตลง แม้ว่าบุญตาต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ราวกับเป็นเจ้าของบ้านเสียเองเพราะปกครองทุกอย่างทั้งหมด แต่นางก็ไม่เคยลืมเลือนว่ายังมีเจ้านายหนุ่มอาศัยอยู่ต่างแดน ดังนั้นในทุกวันจึงไม่เคยทำสิ่งใดบกพร่อง ทว่ากลับมาพลาดท่าในวันที่เจ้านายหนุ่มกลับมายังเมืองไทย!
“ถ้าผมเป็นขโมย ป้าจะทำยังไงครับ”
“โธ่ๆ ป้าผิดไปแล้วค่ะคุณใหญ่” นางคร่ำครวญยกใหญ่ แสดงสีหน้าสีตารู้สึกผิด
“ป้าอย่าคิดมากสิครับ ผมแค่ล้อเล่น”
“ป้าไม่ได้สนใจว่าคุณใหญ่ล้อเล่นหรือเปล่า แต่ป้าทำงานพลาด ถ้าเกิดคุณใหญ่เป็นคนร้ายจริงๆ ล่ะคะ ข้าวของในบ้านไม่ใช่บาทสองบาท ป้าแย่แน่ๆ เชียว”
“คนร้ายไม่มีทางเข้ามาได้แน่นอน บ้านเราแน่นหนาอย่างกับอะไรดี ที่ผมเข้ามาได้เพราะมีกุญแจหรอกครับ” ชาร์ลอธิบาย
“แล้วกลับมาถึงกี่ทุ่มกี่ยามกันคะ” นางถามก่อนจะเบิกตากว้าง “นี่อย่าบอกนะคะว่าคุณใหญ่นอนที่โซฟารับแขก”
“เปล่าครับ ผมขึ้นไปนอนบนห้อง ถึงได้รู้ว่าป้าบุญตาดูแลบ้านได้ดีเยี่ยมแค่ไหน” เขายิ้มกว้าง น้อยครั้งนักที่บุญตาจะได้เห็น เป็นบุญตาสมชื่อของนางจริงๆ
“โอ๊ย! คุณใหญ่ก็...แกล้งยอให้คนแก่ดีใจ”
“ผมชมจากใจจริงครับ”
“ไม่ได้เจอคุณใหญ่หลายปี ป้าคิดถึงมากรู้ไหมคะ ไม่มาเยี่ยมคนแก่เลย”
“ผมอยากมานะครับ แต่งานทางโน้นยุ่งมาก มาคราวนี้คงอยู่ให้ป้าบุญตาหายคิดถึง กำลังนำสินค้ามาขายในเมืองไทยครับ” เขายิ้มบางๆ
“ธุรกิจรถยนต์ของคุณท่านกำลังก้าวหน้า ป้าดีใจที่สุดเลยค่ะ”
“ผมพยายามสานฝันของคุณพ่อให้ดีที่สุดครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถึงจุดมุ่งหมายอย่างภาคภูมิ นับจากบิดาเสียชีวิตเขาก็บริหารธุรกิจรถยนต์ที่ติดหนึ่งในสิบของฝรั่งเศสจนบัดนี้ไต่ขึ้นมาติดหนึ่งในห้าแล้ว และกำลังขยายธุรกิจมายังทวีปเอเชีย โดยริเริ่มที่ประเทศไทย บ้านเกิดของมารดาด้วย
“คุณใหญ่หิวหรือยังคะ ป้าจะได้รีบตั้งโต๊ะให้”
“เอาสิครับ”
“อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ แกงส้มชะอมไข่ทอดของโปรดคุณใหญ่ดีไหมคะ” บุญตาเสนออย่างรู้ใจ
“เอาไว้มื้อกลางวันนะครับ มื้อเช้าขอโจ๊กร้อนๆ พอแล้วครับ”
“ได้เลยค่ะ ป้าจะไปทำให้เดี๋ยวนี้เลย รอเดี๋ยวเดียวเท่านั้นค่ะ”
บุญตายิ้มแป้นก่อนจะก้าวเท้าออกไป แต่ยังไม่ทันถึงสองก้าวด้วยซ้ำ เสียงทุ้มก็เอ่ยเรียกอึกอักเหมือนคนขาดความมั่นใจ ทั้งที่นักธุรกิจมือฉมังอย่างชาร์ล เรเซเดนเดียนเป็นที่เลื่องลือเรื่องการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในแวดวงนักธุรกิจ
“ดะ...เดี๋ยวครับ” เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะเอ่ยถาม “แล้ว...เด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน”
ไม่น่าเชื่อ...ว่า ‘เธอ’ คือคนที่เขาหลงลืม
“อ๋อ! หนูนิ่มน่ะหรือคะ ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
“หนูนิ่ม?”
“หนูวิรงรองนั่นแหละค่ะ ชื่อเล่นว่าหนูนิ่ม แกเป็นเด็กน่ารักนะคะคุณใหญ่”
เขาเชื่อ...เชื่ออย่างสนิทใจเชียว
ชาร์ลสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ใบหน้านิ่งขึง นัยน์ตาสีเทาเข้มกลอกไปมาขณะกำลังทบทวนความหลัง เขากับวิรงรองไม่ได้พบกันนานถึงสิบสองปี เมื่อเห็นเธอเมื่อคืน ก็เริ่มจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ล่ำลา สองแขนนี้อุ้มเด็กหญิงเอาไว้พร้อมบอกให้ตั้งใจเรียน เด็กหญิงไม่ค่อยรู้ความเท่าใดนักก็สัญญา โชคดีที่ยังไม่มีความผูกพันเกิดขึ้น มิเช่นนั้นแล้วคงเห็นน้ำใสๆ ในดวงตาแป๋วคู่นั้นเป็นแน่
“วิรงรองเรียนจบตั้งแต่เมื่อไร” เสียงขรึมเอ่ยถาม
“เพิ่งจบมาไม่นานนี้เองค่ะ รับปริญญาไปเมื่อเดือนที่แล้ว แกเก่งมากนะคะ จบปุ๊บได้งานทำปั๊บ ไม่แน่อาจมาช่วยงานคุณใหญ่ได้” บุญตาได้ทีคุยโขมง มิใช่อยากจะยกยอปอปั้นวิรงรอง แต่อดกลัวไม่ได้ ด้วยที่ผ่านมา ชาร์ลไม่เคยแม้แต่จะถามถึง มีเพียงนางที่คอยรายงานเรื่องค่าใช้จ่ายไป ซึ่งเลขาของชาร์ลก็เป็นคนจัดการทั้งหมด อีกทั้งนางรู้นิสัยของเจ้านายหนุ่มดีว่าต้องการความเป็นส่วนตัวแค่ไหน เขากลับมาอยู่เมืองไทยนานเช่นนี้ อาจจะรำคาญวิรงรองได้ หากเห็นว่าปีกกล้าขาแข็งแล้ว จะไม่อุปการะกันอีกต่อไป ไม่อยากคิดว่าสาวน้อยที่เฝ้าฝันอยากเห็นหน้าผู้มีพระคุณจะเสียใจขนาดไหน
ใบหน้าคมสันพยักรับ ดวงตาฉายแววบางอย่างที่แม่บ้านสูงวัยเองก็สุดจะคาดเดา ก่อนร่างสูงโปร่งจะเดินออกไป ทิ้งให้บุญตากักเก็บความไม่สบายใจไว้

แขนเรียวเอื้อมสวมกอดร่างท้วมแน่น ใบหน้าขาวอมชมพูแนบลงกับแผ่นหลัง ดวงตาคู่งามหลับพริ้ม เสียงลมหายใจดังขึ้นแรงๆ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยเสียงอู้อี้
“เหนื่อยจังเลยค่ะป้าบุญตา”
“ไปทำอะไรมาล่ะคะ แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับค่ำ” ร่างท้วมดันร่างเล็กออกนิดหนึ่ง จับจ้องใบหน้าอ่อนใสอย่างจับผิดกลายๆ
“อย่ามองแบบนั้นสิคะ” หญิงสาวครวญเสียงอ่อน “หนูนิ่มเพิ่งประชุมเสร็จค่ะ”
“แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ทานแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว
“นั่นแน่ หนูนิ่มแอบไปทานข้าวกับใครมาคะ อย่าบอกนะว่าบอสหนุ่มหล่อคนนั้น” บุญตาชี้หน้าหวานอย่างคาดโทษ วิรงรองยังเด็กสำหรับนางเสมอ แม้บอสหนุ่มจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะชาติตระกูล แต่อย่างไรนางก็อยากให้วิรงรองได้เลือกผู้ชายที่ดีที่สุดก่อนตกร่องปล่องชิ้นกับใครเร็วเกินไป
“เอ่อ...ค่ะ” วิรงรองอ้อมแอ้มตอบ ก่อนจะแก้ตัวเสียงใส “ไม่มีอะไรนะคะป้าบุญตา คุณเตชินแค่เห็นว่าประชุมเลิกดึกก็เลยพาไปทานข้าวเท่านั้นเอง”
“ค่ะ ยังไงหนูนิ่มก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เราเพิ่งไปทำงานกับเขาได้ไม่นาน อย่าไว้ใจใครง่ายๆ” หญิงสูงวัยเตือน
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“คงเหนียวตัวแย่แล้วสิคะ หนูนิ่มขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วก็พักผ่อนเถอะค่ะ”
“ค่ะป้าบุญตา” หญิงสาวรับคำแล้วทำท่าจะผละไป แต่กลับถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง
“อ้อ...เดี๋ยวค่ะหนูนิ่ม ตายแล้ว! นี่ป้าลืมบอกข่าวดีให้หนูนิ่มฟังได้ยังไงกันเนี่ย” ป้าบุญตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ข่าวดีอะไรหรือคะ” วิรงรองพลอยตื่นเต้นไปกับแม่บ้านสูงวัยด้วย
“ก็คุณใหญ่น่ะสิคะ เธอกลับมาแล้วค่ะ”
“คุณใหญ่...”
เรียวคิ้วโก่งสวยขมวดครู่หนึ่ง ก่อนความคิดจะสว่างวาบ สมองนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่แม่บ้านสูงวัยเอ่ยถึงชื่อคนๆ นี้ วิรงรองจำได้...เธอจำได้ ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติคลี่ยิ้มออกมา นัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกาย
“คุณท่าน!” เสียงเล็กๆ เอ่ยออกมาอย่างตื้นตันใจ ราวเธอเป็นสาวน้อยเอื้อมเก็บดอกไม้ที่ริมผา เอื้อมสุดแขนสักกี่ครั้งก็ไม่มีวันถึง ทดท้อใจหลายครา หลั่งน้ำตาก็ไม่รู้เท่าไร แต่ในวันนี้ วันที่ดอกไม้ดอกนั้นเห็นใจผลิบานเต็มที่ ทำให้มือน้อยๆ ไขว่คว้าถึงเสียที
การรอคอยที่แสนทรมาน สิ้นสุดแล้วสินะ...
“ป้าบุญตาคะ หนูนิ่มฟังไม่ผิดใช่ไหม ป้าบอกว่าคุณท่านกลับมา ใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามย้ำพลางเขย่าร่างท้วมด้วยความตื่นเต้น น้ำตาแห่งความดีใจเอ่อคลอหน่วยตา
“ใช่ค่ะ คุณใหญ่กลับมาเมื่อคืนนี้ค่ะ”
“เมื่อคืน...” เธอหลับไปแล้วสินะ แล้วก็ออกจากบ้านแต่เช้า คงคลาดกัน น่าเสียดายจริง “แล้วนี่คุณท่านอยู่ที่ไหนคะ ห้องทำงานข้างบนใช่ไหมหรือว่าห้องหนังสือ หนูนิ่มจะรีบไปกราบท่าน”
“ใจเย็นๆ ค่ะหนูนิ่มของป้า” หญิงสูงวัยเอ่ยเนิบนาบเพื่อให้คนตรงหน้าเพลามือที่เขย่าร่างนางไม่หยุดหย่อนนี้ ก่อนว่าต่อ “คุณใหญ่ไม่หายไปไหนหรอกค่ะ เดี๋ยวเธอก็กลับมาแล้ว”
“แล้วท่านไปไหนล่ะคะ” น้ำเสียงเอ่ยบ่งชัดว่าผิดหวัง
จะมีใครรู้บ้างไหมนะ...ว่าสักวินาที หนูนิ่มคนนี้ก็รอที่จะพบหน้า ‘ท่าน’ ไม่ไหว
“คุณใหญ่ออกไปทำธุระข้างนอกเมื่อบ่ายค่ะ คงกลับดึกแน่ๆ เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้คงได้พบเธอนะคะ วันอาทิตย์ด้วยนี่ หนูนิ่มไม่ได้รีบออกไปทำงานแต่เช้า ต้องได้พบแน่ๆ ค่ะ”
“กลับดึกแค่ไหน หนูนิ่มก็จะรอค่ะ”
กี่ปีที่ไม่ได้พบ หนูนิ่มไม่อยากนับ ใบหน้าของผู้มีพระคุณในความทรงจำเลือนรางเหลือเกิน...
“อย่าเลยค่ะ ป้าเองก็ไม่รู้ว่าคุณใหญ่กลับดึกแค่ไหน หนูนิ่มจะรอไม่ไหวเอานะคะ” บุญตาท้วงด้วยความเป็นห่วง แต่สาวน้อยหาฟังไม่
“หนูนิ่มจะรอ”
“อยากพบคุณใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ถ้าไม่มีคุณท่าน คงไม่มีหนูนิ่มในวันนี้ นับจากวันที่คุณท่านรับอุปการะเด็กกำพร้าคนนี้ หนูนิ่มก็ไม่เคยได้พบหน้าคุณท่านอีกเลย หนูนิ่มอยากตอบแทนพระคุณท่านค่ะ”
“กตัญญูจริงๆ แม่คุณ”
นางดูแลเด็กกำพร้าคนนี้มาตลอด แม้ว่าช่วงแรกจะส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ แต่ก็คอยไปเยี่ยมเยียน สอบถามสารทุกข์สุกดิบ พบว่าวิรงรองเป็นเด็กเจียมตัว เธอไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ออกมาอยู่บ้านหลังใหญ่โตของชาร์ล จนท้ายที่สุดเมื่อหญิงสาวเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยใกล้กับบ้านหลังนี้ นางเองที่ส่งจดหมายไปขออนุญาตให้วิรงรองเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ ชาร์ลอนุญาตทันที นางดีใจมาก และแล้ววันนี้ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เมื่อหญิงสาวแสดงให้เห็นว่ากตัญญูรู้คุณแค่ไหน
“ป้าบุญตาให้หนูนิ่มคอยท่านนะคะ” วิรงรองออดอ้อนเสียงหวาน แขนเรียววาดรอบร่างท้วม ซบใบหน้านวลลงที่ไหล่ กะพริบตาปริบๆ เมื่อบุญตาก้มลงมามอง
“ก็ได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ รักป้าบุญตาที่สุดในโลกเลย” สาวน้อยยิ้มแป้น อวดฟันขาวผ่องราวไข่มุกที่เรียงเป็นระเบียบสวยงาม
“แต่มีข้อแม้” หญิงสูงวัยเว้นช่วงนิดหนึ่งก่อนว่าต่อ “หนูนิ่มต้องไปอาบน้ำก่อน”
“แต่ว่า...”
เพียงเห็นนัยน์ตาแป๋วครู่เดียว แม่บ้านสูงวัยก็เดาออก รีบดักคอว่า
“เดี๋ยวป้าคอยดักคุณใหญ่ให้ค่ะ สบายใจได้”
“ขอบคุณค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูนิ่มรีบขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
หญิงสาวบอกเสียงร่าเริงกว่าทุกวัน ก่อนรีบวิ่งขึ้นบันไดไป หญิงสูงวัยมองตามแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ วิรงรองคงตื่นเต้นมากที่จะได้พบหน้าชาร์ล ไม่รู้ว่าหากพบหน้าจริงๆ จะทำหน้าตาแบบไหนกันนะ

เปลือกตาค่อยๆ ขยับ แพนขนตางอนงามที่ทาทาบแก้มใสตวัดขึ้น ดวงตากลมโตกะพริบถี่ๆ หลายครั้งเพื่อปรับโฟกัสภาพ พลันก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออะไรๆ ชัดเจนขึ้น ร่างบางในชุดคลุมนอนสีขาวมุกผุดลุกขึ้นมานั่งก่อนจะกวาดตามองเบื้องหน้าอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
ทุกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ที่นี่คือห้องนอนของเธอเอง และหญิงสาวก็กำลังนั่งอยู่บนเตียงนอน!
“เป็นไปได้ยังไง” วิรงรองถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เรียวคิ้วโก่งขมวดมุ่นครุ่นคิด
หญิงสาวประหลาดใจ จะว่าเธอละเมอก็น่าตลกเกินไป แล้วถ้าไม่ใช่ละเมอจะเป็นอะไรล่ะที่ทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างล่าง ขึ้นมาบนห้องนอนข้างบนได้ ถ้าวันนี้เธอหาบทสรุปไม่ได้คงจะไม่สบายใจไปทั้งวัน ยิ่งกลัวๆ สิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย
วิรงรองเริ่มทบทวนเหตุการณ์ช้าๆ
หลังจากที่เธอรีบรนอาบน้ำจนเสร็จภายในสิบนาทีก็รีบวิ่งลงมาข้างล่างพร้อมกับไล่ป้าบุญตาที่ยืนยันจะนั่งรอเป็นเพื่อนให้ไปนอนเสีย แล้วก็เปิดทีวีดูละคร พลางชะเง้อมองที่หน้าประตูแทบจะทุกนาที หาวสุดจะกลั้นหลายครั้งหลายครา ครั้งสุดท้ายที่มองนาฬิกาเห็นเป็นเวลาเที่ยงคืน และจากนั้น...เธอก็จำอะไรไม่ได้อีก
“อย่าบอกนะว่าเราหลับคาโซฟา” มือบางถึงกับยกขึ้นมากุมขมับเมื่อไม่สามารถทำตามความตั้งใจได้ ก่อนคิ้วสวยจะขมวดอีกครั้ง ดวงตาฉายแววสับสน “หลับที่โซฟา แล้วทำไมตอนเช้าถึงมานอนบนห้องได้กันนะ”
วิรงรองถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า คิดสับสน จะว่าเป็นลุงมีคนขับรถก็ไม่น่าใช่เพราะลุงมีนอนที่เรือนหลังเล็กและร่างชราเล็กผอมอย่างนั้นคงไม่มีกำลังวังชาพอที่จะอุ้มเธอขึ้นมานอนบนนี้ได้ ส่วนป้าบุญตายิ่งไม่ใช่ใหญ่ หากลองได้หลับไปแล้ว ยากนักที่จะตื่นขึ้นมากลางดึก ดังนั้นตัวเลือกสุดท้ายเห็นจะไม่พ้น...คุณท่าน
แขนเรียวโอบกอดตัวเองเมื่อความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาครอบครองพื้นที่หัวใจจนไหวโยน หญิงสาวอธิบายไม่ถูก คล้ายจะอบอุ่น แต่ก็เจือความหว่างโหวงตื่นเต้นอย่างน่าประหลาดนัก
แต่กระนั้น ริมฝีปากเล็กบางก็คลี่ยิ้มออกมา
“คุณท่านใจดีกับหนูนิ่มเหลือเกิน”



//////////////////////////////////////////

ขอฝากอีกเรื่องที่ลงไว้นะคะ พิศวาสรักกำมะลอ สนุกไม่แพ้กันค่ะ



จรดปลายรุ้ง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.พ. 2556, 10:36:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.พ. 2556, 10:36:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 17848





<< บทนำ ต้องมนต์รัก   บทที่ 2 คุณท่านที่ฝันหา >>
เจนิส 15 ก.พ. 2556, 11:16:03 น.
โอ้ เมื่อไรหนูนิ่มจะได้เจอคุณท่าน น่าเสียดายจัง น่าติดตามมากๆค่ะ


จรดปลายรุ้ง 15 ก.พ. 2556, 12:04:15 น.
ขอบคุณค่ะ ฮี่ๆๆ คุณท่านดูเป็นผู้ชาบอบอุ่นมากๆ เลยอ่ะ อยากเป็นหนูนิ่มเ้ลยทีเดียว


วนัน 16 เม.ย. 2556, 13:53:01 น.
น่าติดตามคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account