นางร้ายยอดรัก (ชื่อเิดิมพิศวาสรักกำมะลอ)
‘ภัทรศยาภา’ นางร้ายสาวที่มุ่งหมายอยากมีผู้ชายดีๆ สักคนไว้ข้างกาย เล็ง ‘วิรุฬห์’ พระเอกหนุ่มชื่อดังเอาไว้มั่นเหมาะ คิดการใหญ่หาทางเล่นละครด้วยกันสักเรื่องเพื่อเป็นข่าว แต่ผิดคาดเมื่อดันกลายเป็น 'เดนนิส' ดาวร้ายตัวฉกาจที่เธอไม่ชอบขี้หน้าเสียได้

หญิงสาวยิ่งตกที่นั่งลำบากเมื่อตกเป็นข่าวคาวๆ กับเขา จนต้องยอมเป็นแฟนหลอกๆ เพื่อพลิกวิกฤตเป็นโอกาส

หัวใจจ๋า...อย่าเผลอใจให้นายตัวร้ายเชียว!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2 งานเข้า!!!

บทที่ 2



ทีมกองบรรณาธิการนิตยสารของคณะนิเทศศาสตร์จำนวนหกคนนั่งล้อมเป็นวงกว้าง ตรงกลางมีกระดาษแผ่นใหญ่วางอยู่ เส้นสายที่ถูกขีดเขียนไปมาบ่งบอกถึงการระดมความคิด เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดก็เสร็จสิ้น

“ตกลงตามนี้นะ” บรรณาธิการที่จริงๆ แล้วก็คือเพื่อนในทีมที่ถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันรับตำแหน่งนี้เอ่ยขึ้นหลังสรุปภาพรวมของนิตยสาร

“ไม่ตกลง” สาวลูกครึ่งแย้งขึ้นมาหน้ามุ่ย

“ทำไมล่ะ ทุกอย่างพวกเราก็ใช้หลักประชาธิปไตยด้วยการโหวตนะ” บรรณาธิการบอกถึงความยุติธรรมที่เกิดขึ้น

“รู้แล้ว แต่มีใครถามแอลลี่สักคำไหมว่าจะทำงานนี้ได้หรือเปล่า”

“ถ้าแอลลี่ทำไม่ได้ คงไม่มีใครทำได้แล้วแหละ” สิตา เพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยขึ้น ตามด้วยอีกหลายเสียงที่ยืนยันว่าเห็นด้วย ยิ่งทำให้สาวน้อยหงุดหงิดใจเป็นที่สุด

“สัมภาษณ์พี่เดนนิสไม่ได้เหรอ” หญิงสาวต่อรอง

“โอย...คนอ่านนิตยสารคงเบื่อแล้ว เล่นสัมภาษณ์ไปตั้งห้าฉบับ รู้ลึกถึงรูขุมขนกันทีเดียว เปลี่ยนคนบ้าง” บรรณาธิการใหญ่เอ่ยอย่างระอา

“ใช่”

“แต่คนนั้นมันสัมภาษณ์ยากนี่นา”

“สัมภาษณ์ยากหรือเปล่าไม่รู้ แต่คนนี้น่าสัมภาษณ์ที่สุดแล้วในช่วงสามเดือนนี้” สิตากุมมือที่หน้าอกอย่างคนเพ้อฝัน

“นายวิรุฬห์เนี่ยนะ”

“ทำไมล่ะ ทั้งหล่อ ทั้งรวย เนื้อหอม โอย...ผู้หญิงที่ไหนก็อยากอ่านบทสัมภาษณแบบเจาะลึกด้วยกันทั้งนั้น” ทีมบรรณาธิการคนหนึ่งเสนอขึ้นมา ยิ่งทำให้แอลลี่เซ็งหนัก

“ในฐานะที่แอลลี่เป็นน้องสาวของตัวโกงอย่างพี่เดนนิส การเข้าถึงวิรุฬห์ย่อมง่ายกว่าพวกเรา” สิตาให้เหตุผล แน่นอนว่ามีน้ำหนักจนแอลลี่ต้องถอนหายใจ

ก็ถูกอย่างเพื่อนว่า แค่เธอให้พี่ชายนัดพบให้ แล้วไปสัมภาษณ์เท่านั้นก็เรียบร้อย หากเป็นเพื่อนๆ คงต้องจองตัวนานเป็นเดือนกว่าจะได้สัมภาษณ์ แต่เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างนั้น แอลลี่รู้ดีว่าเดนนิสไม่ค่อยชอบขี้หน้าวิรุฬห์ ด้วยพระเอกหนุ่มยังมือใหม่อยู่มากจึงถ่ายพลาดๆ อยู่หลายฉาก คนใจร้อนอย่างพี่ชายของเธอจึงเสียอารมณ์มาก ไม่เพียงแค่นั้น แฟนคลับที่เคยกรี๊ดกร๊าดเดนนิสก็เปลี่ยนใจไปปลาบปลื้มพระเอกใหม่อย่างวิรุฬห์หลายต่อหลายคน อย่างนี้แล้ว เธอจะขอร้องให้พี่ชายนัดพบเขาได้อย่างไร

“แล้วไม่มีใครอยากไปสัมภาษณ์นายวิรุฬห์เลยหรือไง”

“โอ๊ย! ใครๆ ก็อยากไปทั้งนั้นแหละ แต่นิตยสารมันต้องเร่งทำ การลัดคิวสัมภาษณ์เป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว ดังนั้นแอลลี่ทำงานนี้นั่นแหละถูกต้องที่สุด” เพื่อนสาวที่ย้ายสังกัดจากพี่ชายของเธอไปหลงใหลนายวิรุฬห์เอ่ยบอกเสียงเสียดาย

“ไม่...เราไม่ทำงานนี้หรอก” น้องสาวตัวโกงยืนยันที่จะปฏิเสธ เธอไม่สามารถให้พี่ชายไปนัดพบวิรุฬห์ได้แน่ แล้วจะได้สัมภาษณ์เร็วๆ ได้ยังไงกันเล่า แอลลี่ถือคติที่ว่างานนิตยสารคือความสบายใจที่ได้ทำ แต่ถ้าลำบากใจเธอจะมีความสุขหรือ

“แอลลี่ เป็นอะไรของเธอ นี่คืองานนะ” เพื่อนคนหนึ่งท้วงขึ้น

“ใช่ เราร่วมกันทำนิตยสารเล่มนี้มาตั้งแต่ปี 3 เธอก็ไม่เคยไม่รับผิดชอบนี่ งานอื่นที่ยากกว่านี้เธอก็ทำเต็มที่ จะเรียนจบแล้ว ยังไงก็สู้ๆ กับมันหน่อยเถอะ งานที่เรารักนะ” สิตาให้แง่คิด

“ไม่ ยังไงเราก็ไม่สัมภาษณ์วิรุฬห์หรอก” หญิงสาวยืนยันอีกครั้ง

“พวกเรา จับตัวไว้” ชานนท์เอ่ยสั่งเสียงเข้มดุ ผิดวิสัยของเขา แอลลี่เบิกตาโตด้วยความตกใจที่จู่ๆ ก็คล้ายโดนโจรจับไปเรียกค่าไถ่อย่างไงอย่างงั้น เพื่อนๆ กรูกันเข้ามาล็อคตัวเธอเอาไว้ พร้อมกับกระเป๋าสะพายใบโปรดถูกแย่งไป

“อะไรกันน่ะ จะทำอะไรฉัน ไอ้เพื่อนบ้า” หญิงสาวร้องโวยวายเสียงหลง

“อยากเล่นตัวดีนัก คราวนี้อยากรู้ว่าเธอจะเล่นตัวอีกไหม แอลลี่”

ชานนท์หัวเราะต่อท้ายราวโจรร้ายก็ไม่ปาน กระเป๋าของเธอถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ผ้าอนามัยยี่ห้อที่ใช้ประจำกระเด็นออกมา หญิงสาวหลับตาปี๋เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ นายชานนท์หยิบมันใส่กระเป๋าให้ดังเดิมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มล้อเลียน แอลลี่สะบัดหน้าพรืดอย่างแง่งอน นายนั่นหาสนใจไม่ ยังคงรื้อค้นกับสิตาอย่างสนุกสนาน และแล้ว สิ่งของสำคัญของเธอก็ถูกหยิบขึ้นมาจนได้ ชานนท์ทำท่าจะเปิดออก ทว่าเสียงแหลมเล็กรีบร้องห้าม

“อย่าเปิดนะ!”

“ทำไม เขียนอะไรถึงใครไว้” ชานนท์หัวเราะหึๆ เขาสงสัยมานานแล้วว่าสมุดบันทึกที่แอลลี่พกติดตัวตลอดเวลานี้เขียนถึงใคร รู้แต่ว่าหญิงสาวหวงมาก จึงใช้เป็นข้อต่อรองเสียเลย

“ปะ...เปล่า เอาคืนมานะสิ ไม่งั้นเราจะตัดเพื่อน” แอลลี่ขู่ฟ่อ แต่พอสิ้นคำขู่เท่านั้น ทุกคนก็หัวเราะงอหงาย รู้ดีว่าแอลลี่ไม่เคยโกรธใครจริงจัง อย่างมากก็แค่งอนเท่านั้น

“ไม่คืน จนกว่าพวกเราจะได้บทสัมภาษณ์แบบเจาะลึกของวิรุฬห์” ชานนท์บอกเสียงขรึม เป็นจริงเป็นจัง

“จะบ้าหรือไง บอกแล้วว่าไม่สัมภาษณ์ ทำไมต้องบังคับจิตใจเพื่อนด้วย”

“เอาน่าแอลลี่ พวกเราสัญญาว่าจะไม่เปิดดูพร้อมรักษาเป็นอย่างดี ถ้าแอลลี่ได้บทสัมภาษณ์มาเร็วเท่าไร บันทึกเล่มนี้ก็จะเป็นอิสระเร็วขึ้นเท่านั้น”

“ไม่ ยังไงก็ไม่สัมภาษณ์”

“งั้นก็...เปิดดูดีกว่า เอ...ข้างในเขียนถึงใครน้า” สิตาแกล้งทำท่าจะไขกุญแจที่ล็อคสมุดออก แอลลี่รีบร้องห้ามเสียงหลง

“อย่านะ โอเค...สัมภาษณ์ก็ได้ อย่าเปิดนะ”

“แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง พวกเราปล่อยแอลลี่คนสวยได้แล้ว”

“เราจะรีบสัมภาษณ์วิรุฬห์มาให้เร็วที่สุด พวกนายห้ามเปิดดูบันทึก” หญิงสาวสั่งเสียงแข็ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเฝ้ามองสมุดบันทึกในมือเพื่อนอย่างเป็นห่วง

“เราสัญญา”

“สัญญาต้องเป็นสัญญานะ” หญิงสาวสำทับอีก



ดวงตาสองคู่ส่งรังสีอำมหิตแก่กันอยู่นาน ก่อนที่ฝ่ายผู้เสียหายจะถอนหายใจพรืดแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างมีจริต อีกคนแอบเบ้ปากในกิริยาท่าทางของฝ่ายตรงข้าม

“จะเอายังไงก็ว่ามา” กำธร ผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มทั้งแท่งของเดนนิสเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด หลังจากทนนั่งมองเชอร์รี่สะบัดหน้าแล้วสะบัดหน้าอีกอย่างน่ารำคาญอยู่นาน

“เฮอะ! คนของนายทำผิด ยังไงก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” เชอร์รี่ว่าพลางปรายตามอง ก่อนจะสะบัดหน้าเชิดไปทางอื่น

“ก็ทางคุณจะเอายังไงล่ะ”

“หน็อย! คนทำผิดก็ต้องเสนอตัวรับผิดชอบสิ ข่าวออกมาเสียหายแบบนี้ คุณน้องแพมของฉันจะทำยังไงล่ะ นอกจากจะเสียใจที่เสียตัวแล้ว ยังต้องเสียภาพลักษณ์ แถมยังอาจดับโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย”

“ก็...”

“หยุดเลยย่ะ ฉันยังพูดไม่จบ คนของนายเป็นผู้ชายภาษาอะไร รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ แถมยังปัดความรับผิดชอบอีก” เชอร์รี่ตะโกนด่าเสียงลั่นอย่างเหลืออด โชคดีที่เขาเลือกนัดพบกำธรที่บ้านของตัวเอง หากนัดคุยที่ร้านอาหารอย่างที่คิดไว้ตอนแรก คงอับอายชาวบ้านชาวเมือง แถมเรื่องของเดนนิสและภัทรศยาภาอาจจะถูกแพร่งพรายได้

“จบยัง” กำธรเอ่ยเสียงเบื่อหน่าย

“จบแล้วย่ะ”

“คุณเดนนิสให้ผมมาจัดการเรื่องนี้ ให้อำนาจแทนทั้งหมด”

“ขนาดนั้นเชียว นี่ถ้านายรับปากจะให้เดนนิสแต่งงานกับคุณน้องแพม นายนั่นก็ต้องแต่งงั้นสิ”

“ใช่”

“แล้วไง จะจัดการยังไงยะ นายผู้จัดการใหญ่”

“คุณเดนนิสบอกว่าไม่ได้ทำอะไรคุณแพม แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เท่านั้น” ผู้จัดการส่วนตัวของดาวร้ายหนุ่มชี้แจงตามข้อเท็จจริงที่ฟังมา เขาเองก็ไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไรนัก ใครๆ ก็รู้ว่าเดนนิสเรียกได้ว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อ

“ฉันไม่เชื่อหรอก นายนั่นจะปัดความรับผิดชอบมากกว่า ผู้ชายอะไร น่าเอากระโปรงมานุ่ง!”

“นี่คุณ! จะดูถูกกันมากไปหน่อยแล้ว” กำธรเริ่มเดือดดาล แม้เขาจะไม่รู้ว่าเดนนิสทำมิดีมิร้ายภัทรศยาภาจริงหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ต้องปกป้องดาราในสังกัดให้ถึงที่สุด

“ก็มันเรื่องจริงนี่”

“เอาล่ะๆ ผมว่าเถียงกันไปเถียงกันมาก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องที่เขาสองคนมีอะไรกันหรือเปล่าเราคงไม่มีทางรู้หรอก เอาเป็นว่าเรามาช่วยกันแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนก็แล้วกัน ส่วนจะแต่งงงแต่งงานอะไรก็ค่อยว่ากันทีหลัง ดีไหมคุณ” กำธรเสนอ หลังจากพยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้

เชอร์รี่คิดทบทวนดูแล้วก็เห็นจริงดังนั้น ตอนนี้สถานการณ์กำลังย่ำแย่ แค่เมื่อเช้าก็มีคนโทรมาแคนเซิลงานถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารสองรายแล้ว หากปล่อยให้เรื่องยังค้างคาแบบนี้ ไม่แคล้ว ภัทรศยาภาคงเป็นดาวหล่นฟ้าแน่ๆ

“โอเค เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง แล้วนายมีอะไรจะเสนอไหม”

“ผมกำลังคิดว่า ควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส”

“ยังไง”

“ตอนนี้ทั้งเดนนิสและคุณแพมกำลังดังเปรี้ยงปร้างด้วยกันทั้งคู่ การมีข่าวคาวๆ แบบนี้ก็อาจมีผลตามมาสองทางคือดับหรือดังยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเราควรจะทำให้เป็นอย่างหลัง”

“น่าสนใจมาก” เชอร์รี่เริ่มยิ้มออก

“แม้ว่าเดนนิสกับคุณแพมจะไม่เคยข้องแวะกัน แต่เมื่อมีข่าวออกมาอย่างนี้ เราก็จัดฉากให้ทั้งคู่คบหาดูใจกันแบบลับๆ เสียเลย ประมาณว่าอยากรอให้แน่ใจเสียก่อน ค่อยเปิดเผยต่อสื่อ คราวนี้แหละ คู่รักร้ายก็จะเป็นข่าวดังในทางที่ดี แน่นอนว่างานดีๆ จะต้องตามมาอย่างแน่นอน” กำธรอธิบายแผนการ

“เป็นความคิดที่ดีมาก ส่วนเรื่องข่าวที่ออกมานั่น เราก็แค่ให้เหตุผลว่าคุณน้องแพมไม่สบาย เดนนิสจึงมารับ ส่วนที่คอนโดของเดนนิส ฉันจะบอกว่าฉันก็อยู่ที่นั่นด้วยก็แล้วกัน จะได้ไม่เสียหายมาก”

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะติดต่อให้สัมภาษณ์เลย บอกคุณแพมว่าให้เตรียมตัวให้สัมภาษณ์กับเดนนิสในฐานะแฟน!”



“สัมภาษณ์กับเดนนิส!”

“ถูกต้องค่ะคุณน้องแพม” ผู้จัดการสาวประเภทสองยืนยันเสียงหนักแน่น วิธีนี้ดีที่สุดอย่างที่กำธรว่า นอกจากจะกลบข่าวคาวๆ แล้วยังมีผลพลอยได้เรื่องงานตามมาอีกด้วย

“ไหนพี่เชอร์รี่บอกว่าจะไปเคลียร์ให้แพมไงคะ” หญิงสาวถามเสียงเหนื่อย จากที่นั่งสบายๆ อยู่บนโซฟา กลับกลายเป็นต้องลุกขึ้นเดินพล่านราวกับหนูติดจั่น ตอนนี้ แค่หน้าของนายตัวร้ายนั่น เธอยังไม่อยากเจอด้วยซ้ำ นี่จะให้ไปสัมภาษณ์ด้วยกันอีก เธอรับไม่ได้

“ก็นี่แหละค่ะที่พี่จัดการให้ คุณน้องแพมแค่ทำตามที่บอกเท่านั้น ทุกอย่างก็เรียบร้อย”

“แพมนึกว่าจะเรียบร้อยโดยที่แพมไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับนายนั่นอีก แพมไม่อยากเห็นหน้าเขาค่ะ” เดินวนไปวนมาอยู่ได้ไม่นาน ร่างระหงก็จำใจกลับมาทรุดกายลงนั่งก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดไม่ตกจริงๆ เธอจะสู้หน้าเขาได้อย่างไร

“โอย อย่าคิดอย่างนั้นนะคะเพราะต่อจากนี้ไป คุณน้องแพมต้องเป็นแฟนหลอกๆ กับเดนนิสเพื่อกลบข่าวค่ะ”

“อะไรนะคะ!” ภัทรศยาภาถามเสียงหลง รู้สึกหน้ามืด ใจหวิวจนอยากจะเป็นลมเสียให้ได้

“นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของพี่กับอีตากำธร ผู้จัดการส่วนตัวของเดนนิสน่ะค่ะ”

“ไม่นะคะ แค่นี้แพมก็ขยะแขยงนายนั่นจะแย่อยู่แล้ว ขืนต้องทำสวีทต่อหน้านักข่าว แพมต้องกระอักเลือดตายแน่ๆ พี่เชอร์รี่หาวิธีอื่นเถอะนะคะ แพมขอร้อง” หญิงสาวโอดครวญ

ที่เธอตัดสินใจไปขวางหน้ารถยนต์ของวิรุฬห์ก็เพื่อต้องการเป็นข่าวกับเขา ต้องการสนิทสนมจนได้เล่นละครด้วยกันและพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้ง ทว่ากลับตาลปัตรไปหมด ทำไมเธอต้องกลายเป็นแฟนกับเดนนิส ผู้ชายที่เกลียดแสนเกลียดด้วยนะ

“วิธีนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ นอกจากจะได้กลบข่าวแล้ว ยังได้งานอีกนะคะ กระแสดีจะตาย เรื่องดาราเป็นแฟนกัน แถมยังไม่เคยมีตัวร้ายเป็นแฟนกันอีกต่างหาก คุณน้องแพมกับเดนนิสเป็นคู่แรกในประวัติศาสตร์เลยนะคะ”

“ถามแพมสักนิดไหมคะว่าอยากเป็นหรือเปล่า” หญิงสาวหน้ามุ่ย

“โถ! พี่ก็เห็นใจนะคะ แต่เพื่อความอยู่รอด มันจำเป็นจริงๆ” เชอร์รี่ย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกับนางร้ายสาวก่อนจะเอ่ยต่อ “ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละค่ะ พอมีงานละคร งานถ่ายแบบ งานโฆษณาเข้ามาสักระยะหนึ่งก็ประกาศว่าเลิกกัน โอ๊ย! ขี้คร้านจะดังกันอีกรอบ”

“แพมไม่มีทางเลือกเลยใช่ไหมคะ”

“มีค่ะ เลือกตะกายดาว หรือว่ากลับสู่ดินอย่างเดิม” ผู้จัดการส่วนตัวทำสีหน้าจริงจัง จนดาราสาวถอนหายใจเฮือก

“แพมไม่มีวันหวนกลับไปจุดนั้นอีกเด็ดขาด!”



ร่างเล็กบางในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ท่าทางทะมัดทะแมงก้าวเข้ามาในบริเวณกองถ่ายละคร หมวกใบเล็กกับแว่นกันแดดพออำพรางใบหน้าได้ แต่กระนั้น หัวใจก็ยังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ดี กลัวจะเจอพี่ชายสุดหล่อของเธอเข้าให้ หากเจอแล้วโดนซักจนจับได้ว่ามาทำอะไรที่นี่ล่ะก็...แผนการดักสัมภาษณ์วิรุฬห์คงพังเรียบ ที่แย่ไปกว่านั้นคือ สมุดบันทึกอันเก็บความลับสุดยอดเอาไว้อาจจะถูกพวกเพื่อนตัวดีเปิดดูเสียหมด

“เพี้ยง! ขอให้วันนี้ได้สัมภาษณ์วิรุฬห์ด้วยเถิด” แอลลี่แทบจะยกมือไหว้สาธุ เมื่อนึกว่าต้องไปดักขอสัมภาษณ์ชายหนุ่ม หญิงสาวก็เริ่มเกิดความไม่มั่นใจตัวเองขึ้นมา ต่อหน้าเขา เธอจะพูดจาฉะฉานได้อย่างตอนที่สัมภาษณ์คนอื่นหรือไม่

ชุดที่หญิงสาวใส่มาพอถูๆ ไถๆ ไปกับพวกเด็กเสิร์ฟน้ำได้บ้าง แอลลี่ค่อยโล่งใจ ทว่าเมื่อมีสายตาหลายคู่มองมายังเธอราวเห็นตัวประหลาด หญิงสาวก็เริ่มทำตัวไม่ถูก นึกขึ้นได้ว่า ไม่เห็นมีใครใส่แว่นดำยังกับนักสืบสักคน จึงจำใจต้องถอดแว่นออก เผยให้เห็นดวงหน้าอ่อนใส ริมฝีปากแดงจัดเป็นธรรมชาติคลี่ยิ้มแหยๆ ส่งให้ทุกคน

ไม่มีเครื่องป้องกันใบหน้าแล้ว แอลลี่คงต้องคอยหลบเดนนิสให้ดีๆ เธอจะถูกจับได้ไม่ได้เด็ดขาด

“ตะ...ตายแล้ว” หญิงสาวอุทานออกมาก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหลบวูบ หัวใจเต้นตึกตักๆ อย่างน่ากลัวว่าจะทะลุออกมาข้างนอก ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง มาดเคร่งขรึมทั้งๆ ที่อายุเพียงยี่ห้าปีเท่านั้น เดินผ่านหน้าไป สายลมบางเบาพัดผ่านร่างบางจนสะท้านเยือก

ให้ตาย! เพียงเขาเดินผ่าน เธอยังรีบหลบเป็นพัลวัน หากต้องไปสัมภาษณ์ต่อหน้าเล่า จะไม่ตัวสั่น ปากสั่นหรือ ไม่สิ! คนอย่างแอลลี่ต้องทำให้ได้

หญิงสาวพาตัวเองมานั่งแอบที่เก้าอี้ข้างพุ่มไม้ เท้าคางสังเกตการณ์อย่างเบื่อหน่าย พี่ชายของเธอกำลังฟาดฟันกับพระเอกของเรื่องอย่างวิรุฬห์ ไม่น่าเชื่อว่าพี่เดนนิสที่ใจดี น่ารักกับเธอ เวลาเข้าฉากจะดูโหดร้ายถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่านายวิรุฬห์จะกลับกันอย่างพี่เดนนิสหรือเปล่า เวลาเข้าฉากนั้นแสนดีจนสาวๆ หลงรักทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เมื่อเป็นตัวของตัวเองอาจจะโหดร้ายก็เป็นได้ แต่ก็ช่างสิ ไม่เห็นเกี่ยวกับเธอสักหน่อย

“เย้! ถ่ายเสร็จสักที” แอลลี่ร้องออกมาอย่างดีใจเป็นที่สุด หลังนั่งรอยาวนานถึงห้าชั่วโมงเต็ม รู้แล้วว่าที่พี่เดนนิสไม่ค่อยชอบหน้านายวิรุฬห์ก็เพราะมันเสียอารมณ์อย่างนี้นี่เอง ถ่ายพลาดอยู่นั่นแหละ ไม่เห็นใจคนอื่นบ้าง

ร่างบางลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้กับบริเวณที่พักนักแสดง แลเห็นนักข่าวประชิดอยู่รอบด้านราวข้าศึกรอบุกเมือง เธอจะไปทันเขาได้อย่างไร ไหนจะต้องรอให้พี่เดนนิสกลับไปก่อนอีก แล้วนี่พี่ชายตัวดีจะโดนสัมภาษณ์ด้วยหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ทำไมต้องลำบากลำบนแบบนี้เนี่ย

ถือเป็นโชคดีของเธอ เมื่อพี่เดนนิสทำหน้าเหวี่ยงๆ เซ็งๆ นักข่าวจึงพากันหลบวูบ ไม่กล้าสัมภาษณ์ตอนอารมณ์ไม่ดี ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก นายวิรุฬห์ถ่ายพลาดจนเสียเวลาไปมากทีเดียว แอลลี่รอจนพี่ชายคนดีเดินลับตาไปแล้ว จึงรีบพาตัวเองวิ่งเร็วๆ มายังจุดที่นายวิรุฬห์โดนมะรุมมะตุ้ม

แม้จะเหนื่อยจนเหงื่อซึมหน้าผากแต่ชายหนุ่มก็ยังยิ้มได้ สาวน้อยเผลอจับจ้องรอยยิ้มจริงใจของเขาอยู่นาน ได้สติก็เมื่อถูกนักข่าวสาวคนหนึ่งเดินมาชนไหล่เข้า คนอะไรไม่มีมารยาท แอลลี่บ่นกระปอดกระแปดอยู่คนเดียว ก่อนจะพยายามพาตัวเองไปเบียดเสียดกับพวกนักข่าวมืออาชีพ ท่าทางกระหายข้อมูลจนหญิงสาวต้องเบ้ปาก พลันความคิดดีๆ ก็ผุดออกมา เธอแค่รอฟังนักข่าวคนอื่นถาม พอวิรุฬห์ตอบมา เธอก็นำไปเขียนคอลัมน์ ฉลาดจริงๆ เลยแอลลี่

สาวน้อยยิ้มกริ่มก่อนจะรีบกดปุ่มบันทึก หูผึ่งรอฟังเต็มที่ ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปยังใบหน้าเรียวหล่อเหลาของพระเอกหนุ่ม ท่าทางของเขาดูจริงใจเสียนี่กระไร

“ไม่ทราบว่าคุณวิรุฬห์คิดว่าจะดังแซงรุ่นพี่หรือเปล่าคะ”

“ไม่เลยครับ ผมยังมือใหม่มากๆ นี่ก็ถ่ายพลาดหลายฉาก โชคดีทีได้เพื่อนร่วมงานดีอย่างพี่เดนนิส ที่คอยสอนผมเสมอครับ”

พี่เดนนิสเนี่ยนะ เพื่อนร่วมงานที่ดี...แอลลี่คิดพลางส่ายหน้า

“เรื่องงานไม่มีปัญหา แล้วเรื่องความรักล่ะคะ เข้าวงการมาตั้งนานแล้ว ไม่เคยมีข่าวเรื่องนี้เลย”

นี่แหละๆ คำถามที่ต้องการ ในที่สุดก็โผล่มาแล้ว แอลลี่ยิ้มกว้างอย่างดีใจ

นิตยสารฉบับนี้จะออกในเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก ดังนั้นเรื่องราวในเล่มทุกคอลัมน์ จึงเน้นหนักที่ไปความรัก การสัมภาษณ์วิรุฬห์ก็เช่นกัน แต่ก็แน่นอนว่าแค่รู้ว่ามีแฟนหรือยัง แฟนเป็นใคร เท่านั้นยังไม่พอ มันต้องลึกซึ้งถึงรูขุมขน!

“ผมยังไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอกครับ” พระเอกหนุ่มตอบเขินๆ

“ไม่ได้คิดหรือว่ายังไม่เจอคนที่ใช่คะ”

“ทำนองนั้นครับ”

“แล้วผู้หญิงที่คิดว่าใช่ ต้องแบบไหนหรือคะ” นักข่าวสาวพยายามซอกซอนด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง แอลลี่ก็เช่นกัน จ้องหน้าพระเอกหนุ่มตาเขม็งอย่างรอคอย

“จริงๆ ก็ยังบอกไม่ได้นะครับ ต้องรอเจอที่ใช่ก่อน คือถ้าหัวใจคลิกก็คนนั้นแหละครับ ใช่เลย”

เสียงฮือฮาดังขึ้นหลังจบคำตอบอันแสนจะน้ำเน่าของนายวิรุฬห์ ทว่าแอลลี่กลับกัดฟันด้วยความขัดใจ เกือบจะได้คำตอบแล้วเชียวว่าสเปกสาวในฝันของพระเอกดังเป็นอย่างไร ดันท่ามาก ไม่ตอบอีก

“แง้มนิดๆ ไม่ได้เหรอคะ สาวๆ จะได้รู้ตัวว่าจัดอยู่ในสเปกของวิรุฬห์หรือเปล่า” นักข่าวยังรุกต่อ ทำให้แอลลี่เริ่มมีความหวังขึ้นมา

“ไม่ทราบจริงๆ ครับ คือไม่รู้ใจตัวเอง”

“แหม! อย่างนี้ต้องรีบหาคนรู้ใจแล้วนะคะ” นักข่าวสาวคนหนึ่งแซว

“ถ้าคลิกกันก็โอเคครับ ยังไงขอตัวก่อนนะครับ”

ว่าแล้วพระเอกหนุ่มก็เดินด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผยออกจากวงล้อมนักข่าวไปอย่างง่ายดาย ไม่โดนดักหน้าดักหลังเมื่อยังไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจแม้สักนิด อ้อ...คารมดีนี่ เลี่ยงตอบเรื่องสเปกสาวโดยใช้คำพูดกระแทกใจอย่าง ‘ไม่รู้ใจตัวเอง’ มาใช้ล่อให้นักข่าวมีเรื่องเขียน

โถ! แล้วนักข่าวสมัครเล่นที่ต้องการข้อมูลเรื่องสเปกและอื่นๆ ที่ลึกถึงรูขุมขนอย่างเธอเล่า จะนำส่วนไหนไปเขียน ขนาดนักข่าวเขายังไม่ตอบเลย แล้วเธอจะได้คำตอบนี้จากเขามาได้อย่างไร

แอลลี่ถอนหายใจพรืดอย่างเหนื่อยหน่าย ขณะมองร่างสูงโปร่งก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป



จรดปลายรุ้ง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.พ. 2556, 21:32:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.พ. 2556, 21:32:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1593





<< บทที่ 1 พ่อพระหรือเสือร้าย   บทที่ 3 คู่รักแห่งปี !!! >>
วนัน 8 เม.ย. 2556, 14:53:27 น.
น่าสนคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account