คุณชายมาเฟียกับเมียเจ้าพ่อ
มะกอ หญิงสาวที่แสนจะธรรมดาที่กลายมาเป็นเมียเจ้าพ่อจำเป็นของศรัณ ด้วยเหตุผลของเขาเพื่อความปลอดภัยจากการถูกปองร้ายของกลุ่มมาเฟียชิโน
แต่ชิโนชายหนุ่มที่เพิ่งรับตำแหน่งหัวหน้าได้ไม่นานนัก กลับออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจและพร้อมจะพิสูจน์ทุกวิถีทาง
และเหตุการณ์ที่ทำให้หญิงสาวต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งสำคัญ เมื่อศรัณเสียชิวิตอย่างกระทันหัน ทำให้เธอปักใจเชื่ออย่างฝังรากว่า ชิโนต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ชิโนจึงจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นบอดี้การ์ดแฝงเข้ามาในกลุ่มพรรคพวกของศรัณ เพื่อสืบหาว่าใครเป็นผู้ร้ายที่แท้จริง
อีกทั้งยังต้องแบกรับภาระหัวใจเมื่อเขารู้ตัวว่าแอบหลงรักเมียเจ้าพ่อไปเสียแล้ว เขาจะพิชิตใจมะกอได้จริงหรือ ในเมื่อเธอได้มอบความรู้สึกดีๆให้กับศรัณชายอันเป็นที่รักผู้จากไปทั้งดวงใจ
Tags: เอื้อสิริ/สร้อยระย้า

ตอน: 1

เสียงนาฬิกาปลุกดิจิตอล ดังเตือนให้ฉันต้องหลุดจากฝันหวานที่หนุ่มๆกำลังแย่งกันรุมแจกขนมจีบ แต่มันก็เป็นแค่ความฝันเพราะเมื่อฉันตื่นมาก็ต้องพบกับความจริงที่ว่างเปล่าไร้คนข้างกาย

อันที่จริงสิ่งที่พ่อกับแม่ให้มาก็ไม่ได้สรุปว่าฉันจะเป็นคนขี้ริ้วขี้เหร่ซะเมื่อไหร่ ตรงกันข้ามหน้าตาออกจะน่ารักจิ้มลิ้ม ฉันอดชมตัวเองเสียไม่ได้

วันนี้มีนัดสอบสัมภาษณ์งานที่ฉันได้กรอกใบสมัครไว้ รู้สึกว่าวันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อากาศสดชื่น ฉันเดินทอดน่องมุ่งไปเบื้องหน้าอย่างสบายใจ สายตาจดจ้องไปยังป้ายรถโดยสารประจำทางหน้าปากซอย ตั้งแต่ครั้งสมัยมัธยมต้นจนจบปริญญาตรีฉันมักจะใช้บริการในการเดินทางไปยังที่ต่างๆอยู่เป็นนิจ

“ลงไหนจ๊ะหนู”
“หน้าบริษัทขายอะไหล่รถยนต์ค่ะ” ฉันตอบ ยิ้มรับเป็นกันเองให้กับป้ามนหญิงวัยกลางคนตรงหน้า อันที่จริงฉันรู้จักกับพนักงานเดินรถอยู่หลายคน เพราะด้วยความที่อาศัยรถประจำทางเสมอ ทำให้ฉันสนิทชิดเชื้อกับพวกเขาไปโดยไม่รู้ตัว

“สมัครงานหรือจ๊ะ แต่งตัวซะสวยเชียว” ป้ามนถามพลางหย่อนก้นลงที่นั่งว่างข้างฉัน
“ค่ะ” ถึงแม้จะไม่ใช่หนุ่มๆเอ่ยปากชมก็เหอะ แต่ประโยคของป้ามนก็เล่นเอาฉันเขินจนอยากจะลงไปนอนดิ้นดีใจให้รู้แล้วรู้รอดไป

“หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูแต่ทำไมไม่เห็นมีแฟนสักทีล่ะ”
“อ่ะ…เอ่อ...” ฉันหุบยิ้มทันควัน อารามดีใจเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะป้า” ฉันก้มหน้าตอบอย่างถอดใจ นึกรันทดในชีวิตไร้รักของตัวเอง ชาติก่อนฉันทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นซังกะตายถึงเพียงนี้




ตั้งแต่เล็กจนโตเพิ่งจะเข้าใจหัวอกคนตกงาน ว่าทำไมเขาต้องทำหน้าถอดใจเดินคอตกกันจนกลายเป็นท่าฮิตติดอันดับคนในเมืองกรุง
จนเมื่อฉันต้องเป็นหนึ่งในผู้ร่วมชะตากรรมตกงานกับเขาด้วย ทำไมโชคชะตาช่างโหดร้ายกับคนน่ารักอย่างฉันได้ลงคอ

“น้ำเต้าหู้ค่ะแม่” ฉันชูถุงน้ำเต้าหู้ ส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่ที่ดูฝืนกับความรู้สึกในตอนนี้อย่างสิ้นเชิง

“กลับมาแล้วเหรอลูก”แม่พยายามยันตัวขึ้นจากเตียงผู้ป่วย ฉันรีบท้วงก่อนจะโผเข้าไปประคอง
แม่ป่วยเป็นโรคเบาหวานเจ็บออดๆแอดๆเดินเข้าออกโรงพยาบาลเหมือนกับว่าเป็นบ้านหลังที่สอง โชคยังดีที่ฉันกับแม่รู้จักอดออมมัธยัสถ์จึงพอมีเงินเก็บเอาไว้ใช้ส่วนตัวกับรักษาแม่ยามเจ็บป่วย
หลังจากที่พ่อเสียด้วยอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน แม่ก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำงานส่งฉันเรียนจนจบ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาวคนเดียวแต่ก็ไม่เคยเอาแต่ใจตัวเอง
ฉันแอบภูมิใจเล็กๆที่คิดดีทำดีและมีแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่ฉันตั้งแต่เล็กจนโต และมันก็คงถึงเวลาที่ฉันจะเป็นฝ่ายดูแลเอาใจใส่แม่บ้าง

“ได้งานแล้วเหรอลูก”
“ค่ะ วันที่15บริษัทนัดให้ไปทำงาน” ฉันเลือกที่จะโกหก อย่างน้อยก็ทำให้ได้เห็นรอยยิ้มแม่บนใบหน้าที่ซีดเซียวแลดูอิดโรย

“แม่ดูแลกอมาทั้งชีวิตแล้ว ต่อไปนี้กอจะขอดูแลแม่บ้างนะคะ” ฉันเลื่อนมือไปกุมมือแม่ น้ำตาคลอ แม่ลูบหัวคล้ายเข้าใจในคำพูดที่แสดงออกจากปากของฉัน






ทุกๆเย็นหลังจากที่เยี่ยมแม่ ฉันจะต้องนำข้าวไปให้เจ้าดีโด้กับคุณนายปีโป้สุนัขรักษาการณ์ความปลอดภัยภายในบ้าน
จากนั้นจึงทำภารกิจส่วนตัวให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมที่จะไปเฝ้าแม่อีกครั้ง คู่รักพันทางกระดิกหางรู้ทันขณะที่ฉันกำลังเปิดประตูรั้ว

“พอได้แล้ว อย่าโดดนะ” ฉันเอ็ดจ้องเขม็ง สองตูบทำหน้าหงอนั่งนิ่งเพราะรู้ว่าถ้าฉันโมโหจะทำให้มันทั้งสองตัวอดกินข้าวเย็น

“ดีมาก” ฉันลูบหัวมันทั้งสอง ก่อนจะเทข้าวใส่ถาด จู่ๆหูของฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนมีวัตถุอะไรหล่นลงพื้นจากด้านหลังบ้าน

ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่เริ่มคิดในทางที่ไม่ดีแต่ยังอุ่นใจที่มีท่อนไม้ขนาดพอเหมาะไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ทุกนาทีที่ก้าวขามันช่างเชื่องช้า ฉันเตรียมเงื้อมมือพร้อมประจัญบานกับเสียงลึกลับนั้น ขณะที่ยามพันทางของฉันไม่มีทีท่าจะมาช่วยสาดส่องอาณาบริเวณแม้แต่น้อย

อุ๊บ!!!! ฉันหยุดชะงักเมื่อรู้สึกเหมือนมีมือของใครคนหนึ่งปิดปากของฉัน ร่างกายในตอนนี้มันขยับเขยื้อนไม่ได้เอาเสียเลย ทั้งที่อยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือให้ลั่นบ้าน

“ช่วยเงียบๆได้ไหมครับ ผมมาดีไม่ได้มาร้าย” เสียงของชายผู้รุกล้ำที่ยืนอยู่เบื้องหลัง ช่างทุ้มนุ่มชวนดูน่าฟัง แต่ฉันก็ไม่อาจจะไว้วางใจได้ ถึงแม้ร่างกายจะถูกควบคุมด้วยฝ่ามืออันทรงพลังของเขา แต่มือของฉันก็ยังกำท่อนไม้ไว้แน่น

“วางไม้เถอะผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ถ้าผมจะทำผมไม่ต้องมาพูดให้เสียเวลาหรอกครับ” ไม่รู้ทำไมฉันถึงต้องเชื่อฟังเขาอย่างง่ายดาย
อ้อมแขนที่รัดเอวแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก ค่อยๆละมือจนฉันเริ่มรู้สึกถึงความปลอดภัยที่มาจากคำพูดของเขา
เงามืดจากพุ่มไม้หลังบ้านถึงแม้จะทำให้ฉันเห็นเขาไม่ถนัดนัก แต่ก็ได้แสงไฟสลัวๆที่อยู่ห่างไม่ไกลเท่าไรเผยให้เห็นรูปหน้าและแววตาของเขา

ไม่ทันที่ฉันจะได้พิจารณารูปร่างหน้าตาของเขาได้ละเอียดถี่ถ้วน จู่ๆชายหนุ่มตรงหน้าก็ฉุดมือฉันให้นั่งลงอย่างทันใด เขาชูนิ้วทำท่าให้ฉันเงียบเสียง ฉันเข้าใจความหมายของเขาในทันทีเมื่อมีแสงไฟของรถยนต์ส่องมาทางรั้วหลังบ้านของฉัน

“เมื่อกี้ ผมเห็นมันวิ่งมาทางนี้ หายไปไหนแล้ววะเร็วชิบ!!”เสียงของใครคนหนึ่งดังแว่วมา ทำให้ฉันพอจับใจความได้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังหนีการตามล่าจากคนพวกนั้นแน่ๆ

ณ เวลานี้รู้สึกว่าฉันกำลังสวมบทบาทแสดงละครเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่พระเอกพบกับนางเอกโดยบังเอิญและกำลังหนีการตามล่าพวกมาเฟีย นี่ฉันเผลอคิดอะไรเลยเถิดไปเพียงนี้เชียวหรือ

“พวกเรากลับ” เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนพวกนั้นเริ่มเงียบลง ตอนนี้มีเพียงเสียงลมหายใจที่รดแผ่วเป็นจังหวะเท่านั้น สายตาของฉันยังคงจ้องพินิจคนตรงหน้า หากแต่ว่าเขากับไม่สนใจมองมาที่ฉันแม้แต่น้อย ยังคงจับจ้องข้ามรั้วไปยังเบื้องหน้าเพื่อให้แน่ใจอะไรบางอย่าง

“ขอบคุณมากนะครับ โอ๊ย!!”
“เลือด!!! นี่คุณบาดเจ็บมาเหรอ”






“ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกอย่าง ว่าแต่ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“มะกอค่ะ”
“อะไรนะ!!”
“มะ…กอ” ฉันเน้นเสียงยาวเมื่อถูกอีกฝ่ายทำหน้าฉงน
“ทำไมเหรอ ฉันชื่อมะกอมันผิดหรือไง”
“ป่ะ เปล่าครับฟังดูแปลกแต่ก็น่ารักดีครับ” ความรู้สึกของฉันเผลอไปสะดุดกับคำว่าน่ารักเข้า จึงเผลอกดบาดแผลที่แขนของเขา จนเจ้าตัวถึงกับร้องลั่น
“อุ๊ย!! ขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ” จบประโยคเพียงแค่นั้นแต่สายตาของเขายังคงจ้องมองมาที่ฉัน เราสองคนสบตากัน
ฉันไม่อยากคิดอะไรไปไกลมากกว่านี้ แต่ว่า…จูบแรก จูบแรกแน่ๆ มันอดไม่ได้จริงๆที่จะคิดเข้าข้างตัวเอง ใบหน้าคมเข้มของผู้ชายคนนี้เหมือนมีมนต์สะกดให้ฉันต้องมองและมองจนไม่อาจลดละสายตาลงได้ เพียงชั่วครู่เท่านั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“ผมขอตัวสักครู่นะครับ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำ เขาจึงลุกจากเก้าอี้ออกไปคุยโทรศัพท์ตามลำพัง ถึงแม้หน้าตาคมคายของเขาจะชวนให้ฉันคิดเพ้อฝันก็เถอะ
แต่ในแววตาของผู้ชายคนนี้คล้ายว่ามีความลับอะไรซ่อนอยู่และดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวที่ลึกลับซับซ้อนเสียด้วย

ไม่บ่อยครั้งนักที่ฉันจะทำตัวเป็นนักสืบจำเป็น แต่ครั้งนี้มันอดห้ามใจไม่ไหวไว้จริงๆ อยากรู้นักว่าเขาคุยกับใคร ทำไมถึงต้องมีลับลมคมในขนาดนั้น
“อ๊ะ!!” ฉันอุทานอารามตกใจ จู่ๆเขาก็โผล่พรวดมาชนกับฉัน นาทีนั้นที่ฉันกำลังจะเสียหลักล้มลง เขาก็รีบโผประคองรับตัวฉันไว้ได้ทันท่วงที ผู้ชายคนนี้ อัศวินขี่ม้าขาวชัดๆ

“ไม่เป็นไรนะครับ”
“ค่ะ”
ครั้งแรกในชีวิตฉันที่ถูกอ้อมแขนของผู้ชายนอกจากพ่อ ก็มีแต่เขานี่แหละ มันเป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก นี่ฉันรู้สึกดีๆกับชายคนนี้เพียงแค่พบสบตาครั้งแรกเชียวหรือ







“ทำไมมาช้าจังล่ะลูก”
“………”
“กอ เป็นอะไรไปลูก”
“ป่ะ..เปล่าค่ะแม่ เมื่อกี้แม่ถามว่าไงนะ”
“แม่ถามว่าทำไมมาช้าจัง”
คำถามของแม่เล่นเอาฉันคิดหาคำแก้ตัวแทบไม่ทัน ขืนบอกว่าอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง แม่คงจะตกใจถึงขั้นช็อกแน่ๆ แม่จ๋ากอขอโทษนะ…
“กอหาแปรงสีฟันไม่เจอค่ะ”
“…….”
“พอกอลงไปหาข้างล่างเลยเจออยู่ตรงโซฟา แต่พอขึ้นมาจะอาบน้ำยาสีฟันก็หาไม่เจอค่ะ”
“……” แม่ปั้นหน้างุนงงกับคำตอบที่ได้ยิน ถึงแม้เหตุผลจะฟังดูไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้แม่เลิกยิงคำถามเดิมๆ จนบางทีฉันอาจจะเผลอหลุดปากบอกไปเองก็ได้







ทุกๆเช้าที่เฝ้าไข้แม่ ฉันจะมาใส่บาตรหน้าโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ ไม่ลืมที่จะซื้ออาหารเช้าไปฝาก ก่อนจะเตรียมตัวกลับบ้าน วันนี้อากาศยังคงแจ่มใสสดชื่นเหมือนเมื่อวาน
แต่ชีวิตในเมืองก็ยังหลีกหนีไม่พ้นภาพรถราสัญจรไปมาจนแน่นขนัดรู้สึกขวางหูขวางตาฉันเป็นที่สุด ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีเงินเก็บมากพอ ฉันคงจะไปซื้อที่ดินเล็กๆในต่างจังหวัดปลูกบ้านอยู่กับแม่สองคน ชีวิตคงจะมีความสุขมากกว่านี้

“สวัสดีครับ มะกอ” เสียงของใครคนหนึ่งชวนคุ้นหูแว่วมาจากด้านหลัง หัวใจของฉันมันเต้นตึกๆไม่เป็นจังหวะ คิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าต้องใช่เขาแน่ๆ
“ค่ะ…คุณ”
“ต้องขอโทษด้วยนะครับเมื่อคืนผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อศรัณครับ”

ในที่สุดฉันก็รู้จักชื่อของเขาสักที จากเหตุการณ์ที่พบเจอกันด้วยเหตุบังเอิญหรือเหตุผลใดก็ตามแต่ นาทีนี้ที่ฉันได้เจอเขาจังๆอีกครั้ง ใบหน้าอันคมคายกับน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นน่าค้นหา นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเขาต้องแอบติดตามมาแน่ๆ

“มะกอ ระวัง!!!” จู่ๆศรัณก็โผมากอดฉันแล้วเหวี่ยงตัวล้มลงกับพื้นอย่างทันที เสียงปังดังสนั่นเลื่อนลั่น จนหูของฉันรู้สึกชาด้านได้ยินแต่เสียงของเขาที่ฟังดูอื้ออึงจับใจความไม่ถนัดนัก

นาทีนั้นร่างกายของฉันรู้สึกชาวูบไปทั่วร่าง ของเหลวบางอย่างไหลย้อยลงมาจากศีรษะและมันยังคงไหลลงมาเรื่อยๆจนเริ่มบดบังดวงตา เลือด…มันคือเลือด ฉันอุทานในใจไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับปาก จากนั้นสติของฉันก็ดับวูบลงไป…



เอื้อสิริ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2556, 22:09:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.พ. 2556, 19:35:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1810





แว่นใส 17 ก.พ. 2556, 22:54:37 น.
มาเฟียกับเจ้าพ่อไม่ใช่คนเดียวกันเหรอ


เอื้อสิริ 17 ก.พ. 2556, 23:02:10 น.
ผมตั้งใจตั้งชื่อเรื่องให้เป็นแบบนี้น่ะครับ

ถ้าคิดจะตั้งว่าคุณชายมาเฟียกับเมียมาเฟียมันก็ทะแม่ง

หรือจะคุณชายเจ้าพ่อกับเมียมาเฟียมันก็ยังไง

คือตั้งใจให้คล้องจอง อ่านดูแล้วลื่นตาน่ะครับ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account