บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน

ตอน: นายหน้าขายค

บทที่ 6
นายหน้าขายคฤหาสน์

“นี่ไงค่ะ คฤหาสน์หลังนี้แหละ”

ตอนเช้าป้ากับหลานชายมาเปิดประตูรั้วโดยไม่ต้องรอให้ขนมจีนเปิดประตูให้ นายหน้าสวมแว่นตากรอบหนาสวมชุดสูทสีดำศีรษะล้าน ขยับแว่นตามองดูคฤหาสน์โบราณ ทั้งป้าและหลานชายต่างไปรับมาถึงที่เพื่อให้เขามาเป็นนายหน้าขายคฤหาสน์ให้

“หลังนี้น่ะเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ เป็นคฤหาสน์โบราณราคาอาจจะแสงสักหน่อย แต่ถ้าคุณเข้าไปดูข้างในก็จะชอบนะคะ เพราะมีแต่เฟอร์นิเจอร์ราคาแสง กระเบื้องก็เป็นไม้สักนะคะ”

“อืม” นายหน้าพยักหน้า

“อะไรกันคะคุณป้า เอะอะอะไรกันตั้งแต่เช้า” ขนมจีนเดินออกมา มองนายหน้ากับป้าและหลาน “นี่คุณป้าพานายหน้ามาที่นี่เหรอคะ”

“ใช่นะสิ เชิญเลยค่ะ”

“คุณป้าคะ หนูบอกแล้วยังไงว่าไม่ขายเด็ดขาด”

“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ เธอเป็นแค่ผู้อาศัยไม่มีสิทธิอ้างในกรรมสิทธิ์ของคฤหาสน์หลังนี้ได้หรอก” ชิตทำหน้ายักคิ้วหลิ่วตา เขาดูเหมือนว่าจะเป็นลูกเลี้ยงของป้าสมัยที่แววยังไม่เกิด และตอนนี้ก็ทำเป็นมีสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ซะเต็มประดา เธอเม้มปากแน่น

“ไม่มีสิทธิ์หรอกค่ะ แต่ว่าถ้าป้าพานายหน้าเข้ามาก็ควรบอกหนูก่อน”

“ฉันบอกเธอตั้งแต่วันนั้นแล้วย่ะ เธอไม่ได้ยินเองต่างหาก”

“แต่ว่า...”

“ไม่ต้องไปสนใจ เข้าไปกันเถอะค่ะ”

ป้ากับน้องชายที่ทำหน้ากระลิ้มกระเหลี่ยเดินเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมกับนายหน้าค้าที่ดิน ขนมจีนถอนหายใจยาวจะว่ายังไงดีล่ะ เธอค่อนข้างเป็นห่วงเกรงว่าป้าและนายหน้าจะมีอันตรายต่างหาก แต่ถ้าเธอห้ามแล้วเขาไม่ฟังมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เธอภาวนาขออย่าให้ธีร์หันมาแกล้งคุณป้าอีกเลย เพราะไม่อย่างนั้นคนอื่นจะพลอยมองว่าทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ได้โดยไม่โดนผีหลอก

“เป็นยังไงคะ กระเบื้องที่ปูพื้นเป็นไม้หมดเลย ไม่ใช่แค่ชั้นล่างเท่านั้นนะคะแต่ชั้นสองก็เป็นไม้ทั้งหมดจะเป็นพื้นระเบียงหรือว่าขอบหน้าต่างก็เป็นไม้สักแทบทั้งนั้น”

“เฟอร์นิเจอร์นี่ของสะสมทั้งหมดเลยหรือครับ”

“ค่ะ เป็นของจากต่างประเทศสมัยที่คุณหลวงอยู่ที่นี่ทั้งนั้นแหละค่ะ”

“แล้วคุณไม่เอาไว้สักชิ้นหรือครับ”

“ไม่หรอกค่ะ ของผีหลอก...เอ้ย ของอย่างนี้ฉันไม่เอาไว้หรอกค่ะ ที่บ้านมีเยอะแยะแล้ว”

ขนมจีนถอนหายใจยาว

“อืม ดีนะราคานี้”

“ค่ะ สักยี่สิบล้านไม่แพงเลยใช่ไหมคะ” เธอยิ้มกริ่ม

“ยี่สิบล้าน คฤหาสน์หลังเก่าแบบนี้นี่นะคะ”

“ใช่ มันออกจะน้อยไปด้วยซ้ำ อันที่ไหนฉันกะจะขายราคาตั้งสามสิบล้านเชียวนะ”

ขนมจีนเม้มปากแน่น นี่ถ้าคุณหลวงรู้ว่าลูกหลานเขาจะขายคฤหาสน์หลังนี้ตั้งยี่สิบล้าน ท่านคงจะนอนตายตาไม่หลับแน่ ๆ เธอชำเลืองมองไปยังภาพวาดคุณหลวงที่ติดอยู่บนฝาผนัง นัยน์ตาของท่านดูเหมือนจะโกรธอยู่พักใหญ่ ทั้งคู่ยังคุยกันถึงเรื่องราคาคฤหาสน์อยู่พักใหญ่ จึงขอตัวลากลับไปยังบริษัทท่ามกลางสีหน้ายิ้มแย้มของผู้เป็นป้าและลูกชายตัวดี ขนมจีนได้แต่ถอนหายใจยาว

“หาคนซื้อได้ แล้วรีบพามานะคะ”

“ครับ ผมจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้”

เขาขอตัวกลับเหลือเพียงคุณป้าและนายชิตกับขนมจีน เมื่อเขากลับไปคุณป้าก็ออกลายหันกลับมาหาเธอพร้อมกับยืนกอดอก

“นี่ยายขนมจีน เธออยากให้คฤหาสน์หลังนี้ขายไม่ออกหรือไงกัน”

“ถ้ามันเป็นความตั้งใจของคุณหลวง หนูก็จะไม่เถียงค่ะ”

“สมบัติของคุณหลวง อะไร ๆ ก็สมบัติของคนที่ตายแล้ว แกยังจะมาเอาอะไรอีกนักหนา” คุณป้าเถียงคอเป็นเอ็น “ดูตอนนี้ซิ ฉันก็สมบัติจะหมดตัวอยู่แล้ว ส่วนแกก็พ่อแม่ตายหมด จะไม่ให้สมบัติเราเอาไว้ใช้บ้างเลยหรือไง”

“คฤหาสน์ไงคะ”

“อะไรนะ”

“ถึงหนูไม่มีที่อยู่ แต่ว่าคฤหาสน์หลังนี้หนูก็อยู่ได้ แล้วก็อยู่สบายซะด้วย” เธอยังไม่วายเถียง

“แกอยู่ได้ แต่คนอื่นล่ะเขาอยู่ได้หรือเปล่า”

“แปลว่า...ป้าจะขายให้คนอื่นมาอยู่ แล้วเขาจะถูกวิญญาณหลอกหลอนยังไงก็ช่างเหรอคะ”

ป้ายักไหล่ ลอยหน้าลอยตาตอบ

“ช่วยไม่ได้ อยากไม่สืบประวัติความเป็นมาเองนี่”

“คุณป้า”

“ช่างเถอะ จะบอกอะไรให้นะห้ามแกพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องผีเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นละก็...ฉันจะตัดขาดจากเธอแน่ ๆ” ป้าใช้นิ้วชี้หันไปทางเธอ “จำเอาไว้นะ”

ขนมจีนเม้มปากแน่น เธอรู้ดีว่าคนอย่างป้าน่ะไม่มีทางยกสมบัติให้ใครง่าย ๆ หรอก

“หลานสาวของคุณป้านี่ น่ารักดีนะครับ เวลาทำหน้าไม่พอใจนี่โอ้โห...ดารายังอายเลย” น้ำเสียงกรุ้มกริ่มของนายชิตลูกเลี้ยงของป้าดังขึ้น ทำเอาเธอขมวดคิ้ว

ป้าหันไปมองทันที

“พูดอะไรน่ะ ห้ามจีบเลยนะรู้หรือเปล่า”

“คร้าบ ผมรู้แล้ว”

แม้จะบอกว่าครับ แต่สายตาของเขาช่างกรุ้มกริ่มดีเหลือเกิน

“ไปก่อนนะครับ คนสวย”

“เชิญค่ะ” เธอออกปาก


....พระจันทร์เร้นฟ้าท่ามกลางหมู่ดาว

ขนมจีนยกแขนขึ้นดูกำไลงาช้างแกะสลักงามวิจิตรอย่างใช้ความคิด มันสวยมากและแปลกตาเหลือเกิน ไม่ว่าทำยังไงเธอก็ถอดมันไม่ออกไม่ว่าจะใช้สบู่หรือโลชั่นเธอก็ไม่สามารถถอดมันออกได้ เธอยกมันขึ้นมาดูลวดลายรอบ ๆ กำไลก็ไม่เห็นมีอะไร มีแต่กำไลงาช้างดูแปลกตา ทำไมนะ...ทำไมเธอถึงสวมมันได้ แล้วทำไมมันจึงได้อันตรธานหายไปจากตรงชั้นล่างขึ้นไปอยู่บนห้องนอนของเธอ

“แปลกจัง ทำไมนะ..” เธอรำพึงแผ่วพลางถอนหายใจยาว “แบบนี้มีหวังต้องทุบให้แตกกระมัง”

ขนมจีนลุกขึ้นเดินไปเปิดลิ้นชัก เธอเห็นไขควงอันใหญ่ที่เหมาะแก่การใช้งาน

“อันนี้คงได้มั้ง”

เธอใช้ปากของมันคีบตัวกำไลงาช้าง ออกแรงสุด ๆ กะเอาให้แตกทีเดียว แต่ว่า...ไม่ว่าจะทำยังไงมันก็ไม่ยอมแตกหรือมีรอยร้าวซักที ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่มันก็ไร้ผล

“ทำไมถึงไม่แตกนะ”

‘คิดจะทำอะไรน่ะ’

“ว๊าย” เธออุทานแผ่ว เมื่อจู่ ๆ ไขควงก็หลุดออกจากมือร่วงลงไปสู่พื้น เธอหันหลังไปมองธีร์ก็เห็นเขามาบนเตียงของเธอ เธออ้าปากค้าง ‘นายธีร์ นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง’

‘ผมเห็นไฟห้องคุณยังเปิดอยู่ ก็เลยเข้ามาดู’

“ห้ามนายเข้ามาแบบนี้อีกนะ เข้าใจหรือเปล่า”

‘ผมรู้ แต่ว่าผมไม่มีร่างกายนะ ยังจะกลัวอีกเหรอ’

“บ้า อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ” ขนมจีนหน้าแดงก่ำ นึกไปถึงรอยจูบของอีตานี่เมื่อตอนเย็นขึ้นมาทันที “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่ควรอยู่ดี”

ใบหน้าคมคายถอนหายใจยาว

‘นั่นคุณกำลังทำอะไรอยู่’

“เนี่ยเหรอ ฉันพยายามเอามันออกแต่ก็ไม่เป็นผล” ขนมจีนกระซิบแผ่ว “ทำยังไงดีล่ะ”

‘ไหนผมขอดูหน่อยซิ’

ขนมจีนเอื้อมแขนให้เขาดูกำไลงาช้าง ธีร์จับแขนเธอดู

‘นิ่มจัง...’

“อะไรนะ” เธอเอียงคออย่างสงสัย

‘เปล่า อืม...ผมว่ามันน่าจะเป็นสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง อาจเป็นกำไลที่คุณหลวงของคุณอาจมอบให้ใครบางคนก็เป็นได้’

“มอบให้ทำไมล่ะ”

‘เรื่องพวกนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน’

“แต่คุณก็เป็นวิญญาณนี่ ไม่รู้เลยเหรอ”

‘ผมเป็นวิญญาณแต่ก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกเรื่องนี่นา’

จริงเหรอ ?

ขนมจีนเอียงคอมองเขา แน่ล่ะธีร์เป็นวิญญาณที่ดี ไม่เคยหาเรื่องเธอเลยสักครั้ง แต่ว่า..เธอจะรู้ได้ยังไงล่ะว่ากำไลนี่เป็นของคุณหลวงเพื่อมอบให้ใครสักคน เมื่อตะกี้เธอพยายามหักมันออกแต่ดูเหมือนจะมีแรงต้านจนเธอทำมันร่วงลงสู่พื้นคฤหาสน์

จนกระทั่ง...

“คืนนั้น...ฉันถูกเงาดำค่อยคืนคลานมา..”

‘อะไร’

“ฉันเอามือสวมกำไลนี่ปัดไปถูกตัวมัน แล้วก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด” เธอกระซิบแผ่ว “คุณคิดว่ามันเป็นอะไรล่ะ”

‘คิดว่าคงเป็นวิญญาณชั่วร้าย คุณหลวงคุณรู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีแต่ผมกับคุณหลวง แต่ยังมีวิญญาณที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาด้วย’

“แล้วมันคืออะไรกัน”

‘ผมก็ไม่ทราบ ผมเองก็ยังไม่เห็นหน้ามันด้วย’

“คุณชบา....”

‘อะไรนะ’

“ไม่รู้สิ...ในความฝัน ฉันมองเข้าไปในคฤหาสน์สีขาว เห็นซากปรักหักถังจนตะไคร่ขึ้นเป็นสีเขียว ภายในมีแสงสว่างเรือง ๆ และฉันก็เอื้อมมือปัดซากเถาวัลย์เดินเข้าไปใจกลางพืชพรรณสีเขียวอ่อนเรืองแสง ภายในมีหินอ่อนสีขาวคล้ายกับมีบางอย่างอยู่ในนั้น และมีผู้หญิงสาวสวยหน้ากะยังกับตัวฉันเลย...เขาบอกว่าเขาชื่อคุณชบา

‘คุณชบา’

“ใช่ คุณพอรู้อะไรบ้างหรือเปล่า”

‘ไม่เลย’ ใบหน้าคมคายถอนหายใจยาว ‘อย่าถอดมันออกนะ เดี๋ยวผมจะออกไปดูรอบ ๆ บ้านเผื่อจะรู้อะไรบ้าง เดี๋ยวมา’

“เดี๋ยวสิธีร์”

ขนมจีนถอนหายใจยาว ก้มลงมองดูกำไลงาช้าง...แปลกเหลือเกินทำไมมันถึงมาอยู่ในมือเธอได้นะ เธอควรจะทำยังไงต่อไป เธอนึกไปถึงเงาดำที่พยายามเข้าใกล้เธอ กับเรื่องปราสาทกับซากปรักหักพังและชื่อคุณชบา ชื่อนั้นมันเกี่ยวกับเรื่องกำไลงาช้างงามวิจิตรหรือเปล่า

...เธอไม่รู้อะไรเลย

แสงตะวันอ่อน ๆ เล็ดรอดเข้ามาทางหน้าต่าง เธอแสบตาจึงใช้มือบังแสง เช้าแล้วหรือนี่เธอเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ขนมจีนลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วจึงเปิดหน้าต่างออกกว้าง อากาศยามเช้าสดชื่นอย่างมาก เสียงนกร้องแนวทิวไม้ทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อ เธอสวมเสื้อเชิ้ตกางเกงขาสั้นเดินลงบันได ในขณะที่เสียงกรดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น หญิงสาวขมวดคิ้วใครกันนะที่มาแต่เช้าแบบนี้

“น้องขนมจีน นี่พี่เอง”

“พี่ชิต” เธอเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำอะไรที่นี่คะ”

“แหม...น้องขนมจีนก็ พี่เอาของฝากมาให้ ต้มยำขาหมูเชียวนะ” ชิตยิ้มแป้นชูของในมือขึ้น “เปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อยสิ”

“เดี๋ยวนะคะ”

ขนมจีนเปิดประตูรั้วให้พี่ชิต เธอค่อนข้างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคุณป้าจะหาของฝากมาให้เธอด้วย ชิตยิ้มกริ่มหอบเอาขนมหวานและต้มยำขาหมูมาให้เธอ เธอยิ้มบาง ๆ แล้วจึงรับไว้ เขาจับมือของเธอแน่นมากยิ่งขึ้นไปอีก ขนมจีนชำเลืองมองแล้วดึงมือออกเบา ๆ

“คุณป้าฝากมาให้เหรอคะ”

“เปล่าหรอก นี่ตักมาให้ขนมจีนลองชิมน่ะ”

กะแล้วเชียว

“ขอบคุณค่ะ”

“นี่ขนมจีนอยู่บ้านคนเดียวเหรอ” ชายหนุ่มชะโงกดูหน้าบ้าน

“ค่ะ”

“ถ้างั้น...พี่จะมาหาบ่อย ๆ นะ กลัวว่าขนมจีนจะเหงาน่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ ไม่เหงาเลย” เธอรีบตัดบทเพราะว่ามีวิญญาณคอยอยู่กับเธอยี่สิบสี่ชั่วโมงนี่นา “พี่ชิตไม่มีงานเหรอคะ”

“เออ...ก็ว่าจะทำอยู่น่ะนะ แต่ว่างานสมัยนี้มันหายากเกินไป”

“เหรอคะ งานหายากหรือคนไม่สู้งานกันแน่”

“ขนมจีนก็ พูดอะไรก็ไม่รู้ เอาอย่างนี้ดีกว่าวันนี้แม่พี่ไม่อยู่ วันนี้พี่มาทานข้าวเป็นเพื่อนขนมจีนดีกว่า” ชิตยิ้มนัยน์ตาเป็นประกาย “ขนมจีนรังเกียจพี่หรือเปล่า”

“เอ่อ...ไม่หรอกค่ะ แต่นี่มันเพิ่งตอนเช้าพี่ทานมาหรือยังคะ”

“ไม่หรอก พี่กะมากินข้าวกับขนมจีนน่ะ”

ขนมจีนมองหน้าเขา แม่เคยบอกว่าชิตเป็นลูกเลี้ยงคนโตของป้า กิริยาท่าทางเจ้าชู้น่าดู หวังว่าเขาอาจเห็นเธอเป็นแค่ญาติที่สนิทกันก็เท่านั้นเอง

“คือว่ามัน...” เธออึกอัก

“จะไม่เปิดประตูรั้วให้พี่เข้าไปหน่อยเหรอ”

“เชิญค่ะ” ขนมจีนถอนหายใจยาว เปิดประตู้บ้านให้เขาเข้าไป เช้านี้อากาศเป็นใจให้ชิตเข้าใกล้หญิงสาวที่เป็นญาติห่าง ๆ เธอน่ารักเรียวปากเอิบอิ่มเส้นผมยาวสลวย

ชิตนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาแบบโบราณ ถอนหายใจยาวเขาเงยหน้ามองไปรอบ ๆ บ้าน เขายังนึกแปลกใจที่เธออยู่คฤหาสน์หลังนี้ได้ โดยที่ไม่เคยโดยหลอกเอาเลย ขนมจีนยกแก้วกาแฟมาให้ ชายหนุ่มถูมือไปรอบ ๆ แล้วยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอย่างสบายใจ

“ขนมจีนอยู่ในบ้านหลังนี้ มีเหตุการณ์แปลก ๆ บ้างไหม”

“เหตุการณ์แปลก ๆ”

“ก็อย่างเสียงคนเดิน เสียงปิดประตูดัง หรือไม่ก็ของหล่นลงแตกอะไรแบบนี้น่ะ” ชิตหรี่ตามองเธอ ขนมจีนอมยิ้มทำไมจะไม่มีล่ะ แต่ของแบบนั้นน่ะทำอันตรายเธอไม่ได้หรอก

“ไม่มีนี่คะ หรือพี่ชิตเคยเจอ”

“โอ้ย มันยิ่งกว่าเคยเจออีก เดินไปจู่ ๆ ของตกใส่หัวแทบสลบเหมือดไปเลยเหมือนกัน”

“เหรอคะ”

“นี่ไงมันร่วงใส่ตรงนี้ ตรงหลังมือพี่นี่แหละไม่เชื่อลองดูสิ” เขาเอื้อมหลังมือให้เธอดู ขนมจีนจึงจับมาดูชัดเห็นรอยแผลเป็นที่หลังมือ

“ตรงนี้เหรอคะ”

“ใช่...มันเจ็บเหลือเกิน” ชิตยิ้มกริ่มวางมือลงบนมือบาง “แต่ตอนนี้เจ็บที่หัวใจมากกว่า”

ขนมจีนชักมือออก ตาคนนี้ชักไว้ใจไม่ได้ซะแล้ว

“อีกหน่อยก็หายค่ะ ไม่มีอะไรต้องห่วง”

“ใช่ พี่จึงเห็นห่วงขนมจีน กลัวว่าจะเจออย่างพี่อีก”

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ขนมจีนระวังตัวดี”

“ถ้าอย่างนั้น....” ชิตขยับเข้ามาใกล้ “ยังไงคราวหลังไปนอนบ้านป้าก็ได้นะ พี่จะพูดกับคุณแม่ให้ ยังไงเสียเราก็เป็นญาติกัน ควรจะพึ่งกันได้”

พึ่งเหรอ พึ่งพาอะไรกันล่ะ

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันอยู่ที่นี่ได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเท่าไหร่”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิ”

“ปล่อยค่ะ” เธอเน้นย้ำเมื่อพี่ชิตเอื้อมมือมาแตะหลังมือเธอเข้า และทำท่าไม่ยอมปล่อย เขาทำตากรุ้มกริ่มตอนนี้ป้าไม่อยู่ซะด้วย เลยมาทำเกาะแกะ

“มาเถอะ พี่จะกอดให้คลายกังวล”

พูดจบ ที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะก็พุ่งเข้าชนหลังศีรษะของชิตเข้าให้ เขาร้องโอ้ยขนมจีนกระพริบตาถี่ ๆ เธอมองไปยังธีร์ที่ทำหน้าเคร่งเครียด ดูเขาท่าทางจะหมั่นไส้อีตาชิตจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ขว้างที่เขี่ยบุหรี่ใส่หัวเขาหรอก เธอกลั้นยิ้มในขณะที่เขายังยืนกอดอกอยู่

‘หมอนี่มันเจ้าชู้ คิดจะจีบเธอมันยังเร็วไปร้อยปี’

“อะไรวะเนี่ย” ชิตเอามือกุมหลังศีรษะทีมีแต่ฝุ่นเต็มหัวไปหมด

“อะไรคะ” ขนมจีนแกล้งตีหน้าซื่อ

“อะไรซะอีกล่ะ เมื่อกี้เห็นหรือเปล่า ไม่รู้ใครเอาที่เขี่ยบุหรี่ขว้างใส่หัวพี่” เขาร้องโอดโอย “ช่วยดูให้พี่หน่อยเถอะ พี่เจ็บจะตายอยู่แล้ว”

“ไหนคะ”

ชิตขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้ขนมจีนดูศีรษะให้ ธีร์ก็เลยใช้ปลายนิ้วยกกระถางต้นไม้บนโต๊ะขึ้นมาเป็นการเตือนให้เขารู้ตัวว่าให้อยู่ห่าง ๆ ออกมาไม่อย่างกระถางใบนี้จะทุ่มเข้าใส่ ชิตเบิกตาโตอ้าปากค้าง หน้าซีดเผือดเลือดตัวจับเป็นก้อนแข็ง เขามองไม่เห็นวิญญาณหรอกแต่มองเห็นกระถางต้นไม้ที่ทำท่าจะทุ่มเข้าใส่

“อะไรวะ”

“อย่านะ” เธออุทานด้วยความตกใจ “พี่ชิตเขาเป็นญาติฉันนะ”

ธีร์ที่กำลังจะทุ่มแจกันเข้าใส่หลังศีรษะของชิตจึงค่อย ๆ วางมันลงกับพื้น ชิตขมวดคิ้วหันไปมองหน้าขนมจีน เมื่อกี้ดูเหมือนเธอจะสั่งให้มันหยุดอย่างนั้นแหละ

“ขนมจีนเธอคุยกับใครน่ะ”

“เอ่อ...ลองตะโกนดูนะค่ะ” เธอยิ้มหวานพลางใช้มารยาเข้าสู้ “พี่ชิตเป็นญาติสนิทที่เหลืออยู่ ถึงแม้เขาจะเข้ามาบ้านก็ยังเอาของฝากมาให้ ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงในทางเจ้าชู้เลย จริงไหมคะพี่ชิต”

เมื่อเจอเข้าไม้นี้ ชิตพูดไม่ออกไปเลย

“เอ่อ...คือว่า”

“ถึงพี่จะเป็นลูกเลี้ยงคุณป้า ก็ถือว่าเป็นญาติสนิทกันอยู่ดี ไม่มีทางหรอกที่พี่จะตากรุ้มกริ่มเจ้าชู้ใส่ฉัน ใช่ไหมคะ” ขนมจีนยิ้มหวานปานจะหยด

“จะว่าอย่างนั้นมันก็จริง” ใบหน้าคมคายยิ้มแห้ง ๆ “แล้วอย่าลืมกินข้าวขาหมูด้วยนะ พี่จะกลับแล้ว”

“อ้าว ไม่อยู่ทานด้วยกันเหรอคะ”

“ไม่เอาล่ะ ขืนอยู่ไปมีหวังผีมันหักคอตายแน่ ๆ”

“เชิญค่ะ”

เมื่อออกไปยืนส่งชิตที่หน้าบ้าน เธอก็ถอนหายใจยาวไม่รู้เหมือนกันว่าไม้นี้จะใช้ได้สำเร็จ หากไม่มีธีร์คอยช่วยเธอก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไงเหมือนกัน ธีร์หายแว้บมาตรงหลังเธอ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันพลางถอนหายใจยาว ถ้าเมื่อกี้ขนมจีนไม่ให้มารยาทำให้มันออกไปได้ละก็ มีหวังแจกันคงแตกไปแล้ว

‘คุณนี่เสน่ห์แรงจังนะ’ เขาประชด

“อะไรคะ”

‘ผู้หญิงที่หน้าตาธรรมดา แต่กลับเสน่ห์แรงอย่างคุณนี่ทำดีอะไรไว้นะ’

“ความดี” เธอเลิกคิ้ว “ก็ไม่มีอะไรนี่คะ ใครแรงมาก็แรงกลับ ส่วนใครดีด้วยเราก็ดีตอบ..แต่ว่าคุณเถอะเมื่อกี้ตั้งใจจะทำอะไร คิดจะฟาดแจกันใส่หัวเขาแล้วมันก็จบหรือไง”

‘คนเจ้าชู้อย่างนั้น โดนสักทีก็สมควรแล้ว’

“บ้าจริงคุณนี่”

‘ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้ และยิ่งไม่ชอบที่เห็นมันมาอยู่ใกล้ ๆ คุณ’ คำพูดกำกวม นั้นทำให้ขนมจีนกระพริบตาถี่ ๆ นี่เขากำลังทำให้เธอคิดว่าหึงอยู่นะ

‘อะไร’ เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาใกล้ จนปลายจมูกเกือบจะชนกัน

“คุณหึงเหรอ”

‘อะไรนะ‘

“ฉันถามว่าที่คุณแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจฉัน แล้วก็โกรธพี่นราแล้วก็ชิตที่หว่านเสน่ห์ใส่ฉันเนี่ย เป็นเพราะคุณหึงใช่หรือเปล่า” น้ำเสียงถามตรง ๆ “ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลยนะ เรื่องที่ว่าคุณแอบจูบฉันน่ะ”

สีหน้าของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาหัวเราะเบา ๆ

‘อะไรทำให้คุณคิดอย่างนั้น‘ น้ำเสียงเขาเจือเสียงหัวเราะเบา ๆ

“ก็ถ้ามันไม่ใช่ แล้วคุณแอบมาจูบฉันทำไมล่ะ”

‘ก็อยากจูบ‘ ผมตอบหน้าตาเฉย

“นี่คุณ...”

‘ผมอยากจูบคุณ ไม่เกี่ยวกับการหึงอะไรนั่นเลย โอเคหรือเปล่า’ ใบหน้าคมคายยิ้มออกมา เขาโน้มใบหน้าลงมาหาเธอที่แก้มแดงปลั่ง สรุปว่าเธอเข้าใจผิดไปเองงั้นเหรอ

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นถ้าพี่นรามาจีบฉัน นายห้ามยุ่งนะ”

‘คุณว่าอะไรนะ’

“ก็ถ้านายไม่หึง แล้วจะมายุ่งทำไมไม่ทราบ”

‘นั่นมันคนละเรื่องกัน’

“เรื่องไหนล่ะที่เป็นเรื่องเดียวกัน” เธอแหวบ้าง “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ขี้เกียจคุย”

ขนมจีนเดินเข้าบ้าน ทิ้งให้ธีร์อยู่ตามลำพัง เขาถอนหายใจยาว บางที่สิ่งที่อยากพูดก็พูดไม่ได้ เขาไม่ตัวตนเป็นแค่วิญญาณ และเธอเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป...

บ้านสุดหรูของคุณป้า ยายแววนั่งอ่านหนังสือแฟชั่นอยู่บนโต๊ะนั่งเล่น เธอชำเลืองมองพี่ชายที่เดินเข้ามาแล้วเอามือกุมหลังศีรษะร้องโอดโอย เธอเลิกคิ้วเห็นว่าวันนี้แม่ไม่อยู่แล้วพี่ชายออกไปเดินเล่น ไปทำอะไรมาหัวถึงได้โนขนาดนั้น เธอยิ้มเยาะแล้วเอ่ยว่า

“เป็นอะไรคะ ไปโดนอะไรมา”

“ไอ้บ้าเอ้ย เจ็บชะมัด...โดนผีมันจับเหวี่ยงเข้าใส่น่ะสิ”

“ผีเหรอ” แวววางนิตยสารลง “ผีที่ไหน”

“ก็...ไอ้คฤหาสนคุณหลวงนั่นแหละ”

“นี่พี่ไปคฤหาสน์ผีสิงนั่นมาเหรอ”

“ก็ใช่นะสิ”

“จะบ้าเหรอ พี่ไปทำอะไรที่นั่นคนเดียว” แววขมวดคิ้ว “หรือว่า...พี่ไปหาขนมจีน”

“โธ่ ยายแวว เธอก็คิดมากเกินไป เขาเป็นญาติสนิทของเราพี่ไปหามันก็สมควรอยู่แล้ว” นายชิตเดินลงมานั่นที่เก้าอี้ตัวใน บ่นออดแอด

แววถอนหายใจยาว ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ก็ยังไปอีก

“เป็นแค่ญาติสนิทของเขา แต่เขาเห็นว่าพี่เป็นญาตินอกไส้น่ะสิคะ”

“ยายแวว”

“ก็จริงนี่ ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าพี่เป็นลูกเลี้ยงของคุณป้า แล้วนี่อยู่ดี ๆ ไปหาเขา ถามจริง ๆ เถอะพี่โปรยเสน่ห์ให้เขาสำเร็จไหม”

“โปรยบ้าอะไร ยังไม่ทันโปรยก็โดนเขกหัวซะก่อน”

แววหัวเราะแผ่ว ๆ เธอว่าแล้วว่าเขาต้องโปรยเสน่ห์ให้เธอแหง ๆ

“เหรอคะ แหมน่าเสียดายจริง ๆ”

“นี่ เรื่องนี้ไม่ต้องบอกคุณแม่นะ”

“ไม่บอกหรอกค่ะ แต่ว่า...นี่มันก็เกือบเที่ยงแล้ว ทำไมคุณแม่ยังไม่กลับมาอีกนะ”

“เขาไปไหนน่ะ”

“เห็นว่าไปหาเพื่อน แถว ๆ ตลาดเก่า”

“เล่นไพ่อีกละสิ” ใบหน้าคมคายหัวเราะหึ “ระวังน้า จะหมดตัวเข้าสักวัน”

“อย่าแช่งแม่สิ”

“ไม่ได้แช่ง ช่างเถอะไปอาบน้ำนอนฟังเพลงดีกว่า”

ชิตขึ้นไปชั้นสอง แววส่ายหน้าช้า ๆ โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักหางานทำอีก ร่างบางดูชุดนางแบบในนิตยสารต่อ จะได้สมัครไปเดินแบบเสียที...


บนชั้นสูงสุดของอาคารเป็นที่เล่นการพนันของลูกค้ามากมาย ทุกคนล้วนแต่ไฮโซใส่เครื่องประดับกันมาข่มกัน แน่นอนว่าคุณป้าผกาก็มาเล่นกับเขาด้วย เธอว่าการเล่นการพนันดีกว่าไปหาเช้ากินค่ำเสียอีก ลงไปเท่าไหร่ก็ได้กลับมาก็คุ้มค่า แต่ทว่าคืนนี้เธอมีแต่เสีย ไม่เคยได้คืนเลย ตาสุดท้ายเธอลงไปหมดเนื้อหมดตัวแต่เจ้ามือดันออกป๊อกได้ เธออารมณ์เสียไม่รู้ว่ามือตกหรือเปล่า

“ตานี้ผมกินอีกแล้ว” เสียงเจ้ามือหัวเราร่า

“โอ้ย เสียอีกแล้ว พอกันทีฉันหมดตัวแล้ว” ป้าผกาทำท่าจะกลับบ้าน คืนนี้เธอเสียไปเกือบสองแสน ชายนุ่งเสื้อสีดำยิ้มก่อนมาหาป้าผกา

“ใจเย็น ๆ สิ จะรีบไปไหนล่ะครับ เล่นด้วยกันก่อนสิ ไม่แน่นะครั้งหน้าคุณอาจจะได้เยอะเลยก็ได้”

“ฉันหมดตัวแระ เอามาเท่าไหร่ก็เสียไปจนหมด”

“น่าเสียดายจัง เอาอย่างนี้ไหมล่ะ บ่อนนี้น่ะมีเงินให้กู้ยืม”

ป้าผกาหันกลับมาทันที

“จริงหรือ”

“ถ้าคุณนายอยากได้ ผมจะพาไปหาเสี่ยก็ได้นะ รับรองว่าดอกถูกจนน่าตกในเชียวล่ะ” ชายคนนั้นเหยียดยิ้ม มีเหยื่อมาถึงที่จะปล่อยไปมันก็กระไรอยู่

“ดอกถูกจริงหรือเปล่า” ป้าผกายังกลัว ๆ

“จริงสิ ถ้าคุณหญิงไม่เชื่อจะลองอ่านในสัญญาก็ได้นะ”

“ถ้าอย่างนั้น ช่วยพาฉันไปทีสิ”

“อะไรนะ ! สิบล้านคุณแม่ทำแบบนั้นได้ยังไงน่ะ”

เสียงยายแววดังลั่นบ้าน มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง ไหนตอนที่แม่ไปบอกว่าถอนเงินไปเล่นแค่หมื่นสองหมื่น แล้วนี่กลายเป็นสิบล้านไปได้ยังไง

“แม่ก็ไม่รู้ แต่มันเสียไปแล้วก็เสียไปแล้วสิ”

“แม่คะ แล้วเขานัดเราหรือเปล่าว่าให้เวลาเท่าไหร่”

ป้าผกากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“เขาบอกว่าหามาคืนเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น...คือเขาจะมาทวงเอง”

“อะไรนะคะ” แววร้องเสียงหลง “คุณแม่จะให้เขามาทวงเอง แล้วถ้าเกิด...เขาพาลูกน้องมาด้วยล่ะ จะทำยังไง” แววหันซ้ายหันขวา

“มีแม่อยู่ทั้งคน แกยังจะกลัวอะไรอีก”

“มีแม่อยู่คนเดียวซะเมื่อไหร่กัน ยังมีลูกชายกับลูกสาวด้วยนะคะ”

“พอได้แล้ว แกก็เหอะจบมาตั้งเมืองนอก จะหาอะไรทำก็ไม่มี” เมื่อไม่ได้ดั่งใจป้าผกาก็หันไปพาลลูก “ตาชิตนั่นก็อีกคน โตจนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมออกไปทำงานอีก”

แววยืนกอดอกถอนใจยาว

“หนูไปหาแล้ว แต่มันไม่มีงานที่เหมาะกับหนูเลย”

“งานอะไรที่ว่าไม่เหมาะ”

“ก็พวกงานเลขาฯ งานพนักงานต้อนรับอะไรแบนนี้นะสิคะ งานพริตตี้งานเดินแบบที่แต่งตัวสวย ๆ ไม่เห็นเขาจะเรียกหนูไปทำงานเลย”

ป้าผกาแทบกุมหน้าผาก

“เฮ้อ ฉันจะบ้าตาย...แล้วนี่ตาชิตไปไหนล่ะ”

“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ สงสัยจะออกไปจีบสาว”

“ให้มันได้อย่างนี้สิ มีลูกตั้งสองคนแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง”

“โธ่ แม่คะอีกหน่อยแม่ก็จะขายคฤหาสน์หลังนั้นแล้วไม่ใช่เหรอ แม่ก็เอาเงินนั่นไปใช้หนี้ก็ได้นี่นา”

“แม่รู้แล้ว” ป้าผกาถอนหายใจยาว “นายหน้าเขาติดต่อมาบอกว่าจะพาคนซื้อมาดูคฤหาสน์วันพรุ่งนี้”

แววตาวางหนังสือลงแล้วหันมายิ้มให้แม่

“จริงเหรอคะ

“ใช่น่ะสิ”

“ว้าว...แววอยากรู้จังว่านายขนมจีนนั่นจะทำหน้ายังไง เมื่อรู้ว่าเราจะขายคฤหาสน์หลังนั้นไปแล้ว”

“ขนมจีนน่ะแม่ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่หรอก...”

“คุณแม่ห่วงอะไรคะ”

ป้าผกาหันไปมองหน้าลูกสาว

“แม่ห่วงผีที่อยู่บ้านหลังนั้นน่ะสิ ถ้าเกิดว่าเป็นผีคุณหลวงจริง ๆ เขาคงไม่ชอบใจแน่ ๆ หากว่าแม่จะขายคฤหาสน์หลังนั้น”

“กลัวอะไรคะ ช่วยไม่ได้ตอนตายก็แบ่งสมบัติให้เรานิดเดียว จะไปพอกินอะไร”

“นั่นสิ” ป้าผกาเชิดหน้า “แม่ไปนอนก่อนนะ ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้นอนหลับเลย”


วันมะรืน นายหน้าพาคนซื้อมาดูคฤหาสน์จริง ๆ ดูเขาพอใจอย่างมากที่มันดูสวยงามและโอ่โถง ขนมจีนเม้มปากแน่นและไม่คิดว่าเขาจะหาคนซื้อมาในเวลารวดเร็วแบบนี้ ป้าผกากับชิตเองก็ยิ้มแก้มแทบปริ คนซื้อท่าจะมีเงินมากพอ พอบอกราคาถึงไม่ติดสักคำ พวกเขาเดินไปดูภายในบ้านและภาพติดฝาผนัง

“นั่นภาพอะไรครับ” คนซื้อหันไปถามป้าผกาถึงรูปภาพที่ติดอยู่ใจกลางบ้าน

“อ๋อ นั่นนะเหรอคะ เป็นภาพคุณหลวงเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้น่ะค่ะ แต่ถ้าคุณไม่ชอบเราจะเอาออกให้เลยก็ได้นะคะ” ป้าผกายิ้มหวาน “ไปเอาลงมาสิตาชิต”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่ถามเฉย ๆ”

“ค่ะ”

“ทุกอย่างของที่นี่ล้วนแต่ของเดิมใช่ไหมครับ”

“ครบครับ ทุกอย่างยังเป็นของเดิมทุกอย่าง”

“ขายเท่าไหร่นะครับ”

“ยี่สิบล้านค่ะ ไม่มีต่อรองราคา” ป้าผกาแย่งพูดก่อน

“อืม”

ทั้งสี่คนพากันเดินสำรวจห้องภายใน ขนมจีนเดินตามหลังพร้อมทั้งรู้สึกว่าป้าผกาอยากขายคฤหาสน์แห่งนี้เหลือเกิน ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่พามาเองอย่างนี้หรอก ธีร์ปรากฏตัวที่ด้านหลังเขายิ้มและเดินตามขนมจีนไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งกระซิบที่หลังใบหู

‘จะไม่ให้ผมช่วยเหรอ’ เขากระซิบแผ่ว

******************
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาก่อนค่ะ ^__^




เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.พ. 2556, 20:32:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.พ. 2556, 20:32:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1543





<< บทที่ 5 ผู้ชายขี้หึง   ตอนที่ 7 แรงอาฆาต >>
เบลินญา 19 ก.พ. 2556, 20:38:08 น.
ขอบคุณคุณจิรารัตน์มากค่ะ >>> หม่ำขนมจีนตั้งแต่เช้าค่ะ
คุณ Auuuu >>> เค้าเรียกรักแรกพบค่ะ เหอๆ
คุณ Aephyr >>> อย่าสงสัยเคาเลยค่ะ พี่เค้าโรแมนติก (แบบแปลก ๆ ด้วย) 555


Auuuu 19 ก.พ. 2556, 20:43:53 น.
ยัยป้านี่ไม่ไหวนะ สมบัติตัวเองก็ต้องหาเองสิ คุณหลวงจะให้เท่าไรก็เป็นสิทธิ์ของเค้า


Zephyr 20 ก.พ. 2556, 00:10:54 น.
ยัยป้างกนี่ สุดๆเลย
เฮ้อ เอาเลยธีร์ ตานายแล้ว


เบลินญา 20 ก.พ. 2556, 09:02:02 น.
ยัยป้านี่ รู้สึกจะมีแต่คนเกลียดเนอะ


จิรารัตน์ 22 มี.ค. 2556, 15:35:35 น.
มาเกลียดยัยป้าอีกรอบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account