หัวใจพิทักษ์รัก
จะทำอย่างไรเมื่อร้อยตำรวจเอกคริสโตเฟอร์ สมิทธิ์โดนผู้หญิงผมทองหักอก ทำให้ชาตินี้เขาคิดว่าจะไม่เอาผู้หญิงผมทองมาเป็นแฟนหรือแม่ของลูกโดยเด็ดขาด ถึงกระนั้นก็ตามเขาก็ยังเชื่อว่ารักแท้นั้นมีอยู่จริง อีกคนเอมิกา วัตสัน พยาบาลสาวไทยที่เก่งและฉลาดเชื่อว่ารักแท้ไม่เคยมีจริง ถ้ามีก็คงแค่นิยายน้ำเน่าเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อได้พบกับเขาความคิดนั้นก็เริ่มไขว้เขว หนึ่งคนเชื่อว่ารักแท้มีจริงแต่อีกคนกลับเชื่อตรงข้าม ทั้งสองจะรักกันได้อย่างไหร่ แค่ความคิดก็ตรงข้ามกันเสียแล้วหากทว่ามีคำพูดๆหนึ่งที่กล่าว่า ทุกอย่างได้กำหนดมาแล้ว คงไม่มีวิธีไหนที่จะแก้ไขมันได้ นอกจากจะต้องพิสูจน์บททดสอบเรื่องความรักแล้วยังต้องรบราฝ่าฟันกับอุปสรรคเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น พวกเขาทั้งสองจะผ่านมันไปได้ไหมแล้วเขาจะชนะใจเธอได้หรือเปล่า

Tags: รัก,ความแค้น,มีบู๊มาเกี่ยวข้อง

ตอน: แรกพบสบตา(รีไรท์)

แรกพบสบตา


แรกพบสบตา
แสงแดดอุ่นๆของเช้าวันใหม่สาดส่องมาทางหน้าต่างรบกวนหญิงสาวที่นอนอยู่บนที่นอนที่ตอนนี้เธอหรี่ตาเพื่อให้ชินกับแสงอันน่ารำคาญใจนั้นและบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยล้าก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงตรงไปยังหน้าต่างบานใหญ่ที่แสงแดดสะท้อนเขามา หญิงสาวยิ้มมุมปากเพราะไม่มีใครที่มาเปิดหน้าต่างตอนเช้าได้นอกจากแม่ของเธอทำให้เธอนึกถึงช่วงวัยเด็กที่มีความสุข แต่รอยยิ้มนั้นก็จางหายไปเมื่อคิดถึงความฝันของเมื่อคืนที่ผ่านมาเธอหันหลังพิงหน้าต่างเท้าคางนึกคิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร

“คุณเป็นใครแล้วมาเรียกฉันทำไมกันนะ” ร้อยแปดคำถามผุดขึ้นมาในสมองของเธอจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นค่อยทำให้เธอเลิกคิดพวกนั้น เอมิกามองดูหมายเลขโทรศัพท์แล้วยิ้มก่อนที่จะกดรับอย่างไม่ลังเล

“ไงเจนนี่ เธอจะมารับฉันกี่โมง”
“ตกลงสิบโมงเช้าเจอกันที่งานแสดงเลยละกัน จ๊ะ” เธอกล่าว
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยวันนี้เธอเปลี่ยนลักษณะการเปลี่ยนตัวเองใหม่ด้วยการสวมกางเกงยีนต์ตัวโปรดพร้อมเสื้อสีขาวแขนกุดและทับด้วยแจ๊ดเก๊ตสีน้ำตาลเพื่อให้ขับผิวขาวโทนเอเชียอย่างเธอ

“เฮ้ ลูกพ่อ จะไปไหนจ๊ะ” ผู้เป็นพ่อถามอย่างสงสัย

“หนูจะไปดูแอร์โชว์กับเจนนี่ค่ะพ่อ” หญิงสาวตอบก่อนที่จะโผเข้ากอดและหอมที่แก้มของผู้ป็นพ่ออย่างรักใคร่

“อายุขนาดนี้แล้วยังอยากจะไปดูอยู่อีกเหรอนี่ที่นั้นมีแต่เด็กๆ” เจมส์ถามงุนงงแต่ก็อดแซวไม่ได้ ทันใดนั้น ก็ต้องเจ็บตัวเมื่อผู้เป็นภรรยาหยิกที่บ่าเข้าให้

“ โอ้ ที่รัก อะไรกันนี่ ผมเจ็บนะ” เจมส์โอดครวญเมื่อหันไปถามภรรยา

“คุณก็ชอบแซวลูกไปเรื่อย”ภรรยาสาวตอบอย่างทันท่วงที แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาลูบๆรอบหยิกนั้นเพื่อให้มันบรรเทาลง ก่อนที่จะหันไปถามหญิงสาวที่กำลังทานแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อย

“แล้วจะออกไปตอนไหนละลูก”

"อีกห้านาทีหนูก็จะออกไปแล้วค่ะ เพราะจากบ้านเราถึงที่ฟอร์ทเวิร์ทก็คงจะสิบโมงพอดี โชคดีที่วันนี้อากาศไม่ครึ้มแล้วก็หิมะไม่ตกเหมือนเมื่อสองวันก่อนที่หนูมาจากฮุสตันวันนี้เด็กๆคงจะสนุกน่าดูและรวมถึงหนูด้วย” หญิงสาวตอบก่อนที่จะวางอาหารเช้านั้นลงบนจาน

“หนูคงต้องไปแล้วค่ะพ่อแม่เจอกันเย็นนี้นะค่ะ เดี๋ยวหนูจะซื้อของมาฝาก” หญิงสาวกล่าวก่อนที่จะออกจากบ้านไป จันทรามองรถของลูกสาวจนสุดตา ก่อนที่หันมามองสามีที่กำลังตั้งใจกับการอ่านหนังสือพิมพ์
เอมิกาใช้เวลาในการเดินทางออกจากเบนบรู๊คถึงเมืองฟอร์ตเวิร์ทราวๆยี่สิบนาทีเพราะแน่นอนว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อนของครอบครัวใครๆต่างก็พาลูกหลานๆมาดูแอร์โชว์ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ การแสดงแอร์โชว์เป็นการแสดงการผาดโผนของเครื่องบินนอกจากนั้นยังมีนิทรรศการของเครื่องบินที่เคยใช่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองตลอดไปจนถึงการเปิดโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้ส่วนประกอบของเครื่องบินรบไม่ว่าจะเป็นห้องของนักบินและภายในของตัวเครื่องซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นๆให้เด็กๆเลยก็ว่าได้


“เจนนี่ ฉันมาถึงแล้วนะตอนนี้ฉันอยู่หน้าป้ายการแสดงโชว์ เธออยู่ไหน”

“ตกลง ฉันจะไปรอทีเดิมนะ”

พูดเสร็จเธอก็เดินไปยังที่แสตนฝั่งทางซ้ายมือ เพื่อไปรอเพื่อนสาวที่นั้น แต่เมื่อเดินไปได้สักพัก จู่ๆก็มีเสียงคนเรียกชื่อเธอ เธอชั่งใจอยู่หลายครั้งว่าไม่แน่ใจว่ามีคนเรียกเธอหรือเปล่าแต่ครั้งนี้เสียงดังจนทำให้เธอนั้นหันกลับไปมอง และบุคคลนั้นก็ทำให้เธอตกใจอย่างมาก

“เอมี เอมี่” เสียงของไมค์ดังขึ้นก่อนที่จะวิ่งมาหาเธอ
เอมิกาทำท่าทีว่าจะเดินหนีแต่เธอก็ต้องหยุดเพราะมือของเขาไวอย่างกับหนวดปลาหมึก จึงทำให้เธอหยุดการเคลื่นไหวนั้นอย่าง่ายดาย

“หยุดคุยกับผมก่อนสิ คุณจะรีบไปไหนครับ”

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ขอตัวคะ” ว่าแล้วหญิงสาวสลัดมือแล้วก็หมุนตัวกลับไป แต่ใช่ว่าไมค์นั้นจะยอม

“ผมรู้ว่าคนยังโกรธเรื่องนั้นอยู่ แต่ผมมีอะไรจะบอกคุณ คะ คือ ...”

“ฉันไม่อยากฟังขอตัวคะ” หญิงสาวไม่อยากฟังอะไรทั้งสิ้นเพราะไม่ใช่ว่าเหตุการณ์นั้นที่ยังตามหลอกหลอนเธออยู่แต่เป็นเพราะว่าเธอเห็นแก่นิสาจึงไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว แต่ทว่าคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นทำให้เธองุนงง

“ผมเลิกกับนิสาแล้ว เราเลิกกันได้สักพักแล้ว”

“….”
“เอมี เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ผมขอแค่คุณให้โอกาส” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม

“….”

“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม กลับมาคบกัน”

“โอกาสมันหมดไปตั้งแต่วันที่คุณบอกเลิกฉันแล้วละค่ะ ฉันไม่สามารถให้โอกาสคุณได้อีก ปล่อยฉันเถอะ ฉันรีบไป” หญิงสาวกล่าวอย่างสุภาพก่อนที่จะแกะมือปลาหมึกของเขา แต่ก็ไม่ได้นำมาแถมเขายังจับไหล่เธอแน่นกว่าเดิม

“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันเจ็บ ปะ ปล่อย”ก่อนที่จะสถานการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ จู่ๆก็มีเสียงเข้มดังขึ้นมา หญิงสาวนึกขอบคุณสวรรค์

“ผู้หญิงเขาบอกให้ปล่อยก็ปล่อยซิครับกรุณาให้เกียรติสุภาพสตรีด้วย”ร่างสูงของ
คริสโตเฟอร์ยืนอยู่เบื้องหน้าของเอมิกาและแกะมือของผู้คุกคามนั้นออก ก่อนที่จะชำเลืองมองหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ข้างหลังซึ่งทำให้หญิงสาวตัวเล็กไปในพริบตา

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ มันเป็นเรื่องของ ระ เรา…...”

“จะเป็นเรื่องของใครผมก็ไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าการที่คุณทำให้ผู้หญิงนั้นเจ็บตัว มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างผมต้องคุ้มครองผู้ที่ถูกคุกคาม” ยังไม่ทันที่ไมค์จะพูดจบชายหนุ่มดันพูดขึ้น ไม่พูดเปล่าชายหนุ่มพูดพร้อมหันหน้าไปทางไมค์

“คุกคาม?” เสียงของไมค์ถามอย่างเสียงหลง

“คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร อีกอย่างเราสองคนรู้จักกันจะมาเรียกฉันว่าคุกคามได้อย่างไรกัน เอมี เอมี่”น้ำเสียงของไมค์โมโห

ตัวของเอมิกาสะดุ้งตัวโหยงเมื่อไมค์เรียกชื่อเธอ ให้ตายสิเธอไม่ชอบเหตุการณ์อะไรแบบนี้ซะด้วย และเธอไม่คิดว่าไมค์จะเข้ามาจู่โจมเธออย่างน่าตกใจเพียงนี้ และก่อนที่เธอจะคิดต่อไปนั้น เสียงข้อความจากเจนนี่ที่ส่งมาหาเธอก็ดังขึ้น เธอเปิดดูก่อนที่จะผละตัวไปอย่างเงียบๆ ส่วนชายหนุ่มเมื่อรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจะผละตัวออกไปนั้น ตัวเขาเองก็พยายามที่จะถ่วงเวลาให้เธอและหาเรื่องไมค์เพื่อเบี่ยงเบนจุดสนใจไป

“ดูเหมือนว่าผู้หญิงของคุณ เขาจะไม่อยากคุยกับคุณนะ” เสียงของคริสโตเฟอร์พูดอย่างกวนท่าที พูดเสร็จชายหนุ่มผู้นี้ก็สบถออกมาอย่างแรง

“พับผ่าสิ เป็นเพราะแกคนเดียว” พูดเสร็จเขาก็เดินหันหลังกลับไปทันที

พอตัวของไมค์จากไปนั้น คริสต์พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ จริงๆเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากจะสวยสาวร่างเล็กคนนั้นทั้งๆที่เขาเองก็น่าจะประเมินได้จากสถานการณ์ว่าทั้งสองคงจะเป็นแฟนกันทีมีเรื่องไม่พอใจกันเลยมีปากเสียงแต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเขาเห็นเธอออกมาจากรถแล้วเดินมาคนเดียวก่อนที่ชายคนนั้นจะเขามาจับมือเธอ ตอนแรกเขาเองก็ไม่ได้สนใจมองกับภาพๆนั้นแต่พอหันกลับมาดูอีกทีก็ตอนที่เธอโดนผู้ชายคนนั้นจับไหล่และเห็นเธอแสดงอาการเจ็บจึงทำให้เขาเข้าไปช่วยโดยทันที นึกเสียดายที่เธอนั้นได้แต่ก้มหน้าจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะเห็นใบหน้านั้นได้แต่ลักษณะท่าทางแล้วเขากลับจับได้แม่นเลยทีเดียว นั้นก็อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของการเป็นตำรวจที่ดีของเขานั้นเอง เสียงของโทรศัพท์ชายหนุ่มดังขึ้นเขากดรับก่อนที่จะไปหาเพื่อนซี้ที่ห้องปฏิบัติการเครื่องบิน

“ว่าไงจ๊ะ สาวน้อย ทำไมมาช้าจัง” เจนนี่หน้ามุ่ยก่อนตั้งคำถามเมื่อเอมิกามาถึง
เอมิกานั่งลงข้างเพื่อนซี้ เแล้วก็ถอนหายใจก่อนที่เธอจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่เธอได้เจอมาก่อนหน้านี้

“ตายแล้วฉันลืมไปว่าไมค์เขาต้องมาทีนี้เพราะเขาเป็นผู้ควบคุมทางด้านปฐมพยาบาลร่วมกับหมอของค่ายพ่อฉัน แล้วเธอเป็นอย่างไรบ้างโดนมันทำร้ายมาหรือเปล่า”เจนนี่ตกใจเอามือทาบอกแล้วจับเพื่อนสาวหมุนหน้าหลังเพื่อตรวจสอบดูว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า

“จะ เจนนี่ พอๆ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกก็แค่เจ็บที่ไหล่ ดีที่มีคุณตำรวจคนนั้นเข้ามาช่วยไม่อย่างนั้นฉันคงปลีกตัวออกมาไม่ได้”

“ใครกัน ตำรวจไหน”

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเขาเป็นตำรวจ” เอมิกากล่าวสั้นๆ

“แล้วจำเขาได้ไหม”เอมิกาสายศีรษะเป็นคำตอบ ก่อนจะตอบอีกว่า “ก็ตอนนั้นเขามายืนอยู่ข้างหน้าฉันพอดีจึงไม่ได้เห็นหน้าเขานะ”

“เฮ้อ เอมี่ ต่อไปเธอต้องระวังตัวดีๆยิ่งต้องกลับไปทำงานวันเมื่อรืนแล้วด้วย คงต้องเจอหน้ากันแน่ๆไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ถามจริงเธอเลิกชอบเขาแล้วใช่ไหม”
“เจนนี่ เธอเห็นฉันเป็นคนอย่างไร ฉันนะลืมเขาไปแล้วอีกอย่างฉันไม่อยากมีเรื่องกับนิสา เธอก็รู้ว่านิสาเป็นเพื่อนฉัน”

“เธอก็รู้ว่ารักแรกของผู้หญิงทุกคนนั้นลืมยากมากกว่าอะไร ฉันก็ถามเพื่อความแน่ใจ เอมี่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอต้องเข้มแข็งและหนักแน่นเข้าไว้นะ รู้สึกเป็นห่วงเธอจัง เอาไว้ทอมว่างเมื่อไหร่ฉันจะรีบไปหาเธอทันที อะ อะ แล้วก็เลิกเกรงใจคนสักที ทอมเขาไม่ว่าอะไรหรอก” เจนนี่ร่ายยาวก่อนจะทำเสียงจุ๊เพื่อเป็นการขัดเอมิกาเมื่อเธออ้าปากกำลังจะแย้ง เธอคงทำอะไรไม่ได้นอกจาก

“จ๊ะ แม่สาวเจนนี่จอมบงการ” ทั้งสองหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“เรียนท่านผู้มีเกียรติทุกท่านเหลืออีกประมาณสิบห้านาทีเราจะเริ่มการแสดงโชว์เครื่องบินแล้วนะครับ โปรดจับจองที่นั่งแล้วเตรียมชมการแสดงนี้ได้อีกไม่นานนี้”



ภายในห้องปฏิบัติการ
คริสโตเฟอร์เดินตรงไปหาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังตรวจดูสภาพความเรียบร้อยของเครื่องบินที่จะพร้อมการแสดงในไม่ช้า ส่วนทอมนั้นเมื่อเห็นเพื่อเดินมาก็ยิ้มทักก่อนจะแจกแจงหน้าที่แต่ละแผนก เมื่อเสร็จแล้วทอมก็เดินไปหาเพื่อนที่รออยู่

“ไง ไหนบอกว่าจะมาสอบโมง นี่กี่โมงแล้วนี่” ทอมถามพลางมองนาฬิกาข้อมือเป็นการเหน็บแนม

“ข้าก็เดินรอบพื้นที่ๆแถวนี้ๆ ก็มันชิน” ชายหนุ่มตอบแต่น้ำเสียงดูเหมือนว่าเขากลับทำให้ทอมนั้นสงสัย ทอมเลยอดแซวไม่ได้ว่า

“ห่ะแน่ะ เอ็งไปแอบเจอสาวมาใช่ไหม”

“ เฮ้ย ไม่ใช่ ข้าก็หมายความอย่างที่พูดไป แล้วตรวจดูสภาพเรียบร้อยยังวะ” แน่นอนเขาเปลี่ยนเรื่องคุยเรื่องอื่นแบบขอไปที

“ หึ ก็เรียบร้อยแล้วสักแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ที่เหลือก็รอคนขับเครื่องบินว่ามันใช้ได้หรือเปล่า” ทอมกล่าว

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยพวกเขาทั้งสองจึงเดินออกมาจากที่นั้นเพราะหมดหน้าที่ของทอมแล้ว อีกอย่างเขาเองก็อยากจะไปดูการแสดงโชว์ครั้งนี้ด้วยตัวเอง ระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินออกมานั้น

“ขอโทษครับ” เสียงของชายร่างเล็กกล่าวขอโทษที่ได้เดินชนบ่าของคริสโตเฟอร์ ทอมนั้นกะจะเอาเรื่องที่เดินชนเพื่อนเขาและเดินไม่ดูทางแต่โชคดีที่คริสโตเฟอร์ห้ามไว้ก่อน

“ไม่เป็นไร คราวหลังก็เดินดีๆหน่อยนะ” เขาเตือน

“ครับ” เสียงของชายร่างเล็กตอบรับ

เมื่อชายร่างเล็กเดินไปแล้ว คริสโตเฟอร์หันหลังเหลียวกลับไปมองแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อีกอย่างการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในไม่ช้านี่

“เอาละครับแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ทุกท่านกำลังจะได้พบกับการแสดงโชว์เครื่องบินของเรากำลังจะได้เริ่มต้น ณ บัดนี้ เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมพบกับเครื่องบินลำแรกได้เลย”
เมื่อพิธีกรกล่าวเสร็จทุกคนในพื้นที่ต่างก็ให้ความสนใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทุกพื้นที่ต่างก็ถูกจับจองเต็มไปด้วยผู้คนมากมายไม่ว่าจะเป็นทั้งอัฒจันทร์และที่กั้นทางระหว่างสนาม

“ตื่นเต้นจัง เอมี่ เธอรู้ไหมว่าเครื่องบินที่จะโชว์เป็นลำแรกก็คือเครื่องบินที่เคยใช้ในการรบสงครามโลกครั้งที่สอง” ตาของเธอโตเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

“ใช่ ระเบิดปรมาณูก็ถูกบรรจุข้างหลังของตัวเครื่องบินเมื่อทิ้งไปทุกสิ่งอย่างก็จะราบเป็นหน้ากลอง เพราะด้วยความเร็วของตัวเครื่องอีกอย่างลักษณะเฉพาะนั้นเป็นเครื่องบินรบที่เงียบกริบ ซึ่งทำให้จู่โจมได้ง่ายต่อศัตรู” ไม่พูดเปล่าเอมิกาชี้ไปยังท้ายเครื่องของเครื่องบินที่ตอนนี้กำลังแสดงการวางระเบิดให้เหมือนกับครานั้นเสมือนในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาของคนที่อยู่รอบสนาม

“ดีมาก สมแล้วที่เธอเป็นนักเรียนเก่งและได้คะแนนสูงสุดในเรื่องของประวัติสหรัฐอเมริกา” เจนี่กล่าว

การแสดงโชว์เครื่องบินมีไปอย่างต่อเนื่องจนถึงการแสดงเครื่องบินที่เป็นจุดเด่นของงานวันนี้ซึ่งก็คือฝูงบินผาดแผลงยูเอสนาวีที่ชื่อว่า Blue Angles เมื่อพิธีกรภาคสนามกล่าวเสร็จทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาใจจดจ่อกับการแสดงโชว์ผาดโผนของฝูงบินนี้ และการแสดงก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเครื่องบินทั้งสามลำเหินตัวขึ้นพร้อมกัน และแยกออกจาก เครื่องบินลำที่หนึ่งแสดงการหวาดเสียวเดียวการหมุนตัวอยู่กลางอากาศ และที่มากไปกว่านั้นเป็นทั้งสองลำได้ขับสวนกัน ทั้งสามใช้แสดงในการโชว์มากกว่าหนึ่งชั่วโมง และเพื่อเป็นการส่งท้ายก่อนที่จะจบการแสดงทั้งสามลำจะจัดการแสดงสุดท้ายเพื่อเป็นการขอบคุณผู้ที่มาชมงานนี้โดยขับสวนทางกันพร้อมกันทั้งสามลำ

“จะจบแล้ว เอ็งลองดูนะ นี่คือจุดเด่นสุดๆของงานวันนี้” เสียงทองดังขึ้น
“อืม” คริสต์ตอบรับเบาๆ

เมื่อเครื่องบินทั้งสามลำอยู่ในตำแหน่งที่สมควรแล้วเครื่องบินลำแรกขับวนและสวนทางกับเครื่องบินที่สองและเครื่องบินที่สามก็ทำตามลำดับ แล้วตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของเครื่องบินลำที่สามที่ต้องวนและขับสวนทางเครื่องบินทั้งสองลำเพื่อนเป็นการปิดท้ายการโชว์นี้

“เอาละครับทุกท่าน นาทีนี้อย่าหลับตาเลยที่เดียวเพื่อเครื่องบินหมายเลขที่สามจะบินวนและสวนทางเครื่องบินทั้งสองลำนี้ เรามารวมส่งกำลังใจให้นักบินกันดีกว่าครับ”

และเมื่อเวลานั้นมาถึงเครื่องบินหมายเลขสามขับวนและผ่านไปได้ด้วยดีและขณะที่จะกำลังนั้นขับสวนทางนั้นจู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินลำนั้นเกิดอาการเสียหลักบังคับและที่น่ากลัวไปมากกว่านั้นเครื่องบินกำลังมุ่งมายังคนดู เมื่อทอมเห็นเหตุการณ์ที่ไม่สู้ดีเขารีบวิ่งไปยังเจ้าหน้าที่เรียกกำลังระดมการควบคุมของเครื่องบินก่อนที่จะมันจะดิ่งลงพื้น ส่วนคริสโตเฟอร์นั้นรีบไปช่วยคนเพื่อให้ออกจากอัฒจันทร์เพราะผู้คนที่อยู่บนนั้นมีจำนวนมากกว่าบนพื้นดิน ส่วนสองสาวเมื่อรู้ว่าเครื่องบินกำลังจะมุ่งมาทางนี้ทั้งสองรีบวิ่งออกจากที่นั่งและช่วยคนออกมาพร้อมกันให้เร็วที่สุด

“เจนนี่ ออกไปก่อน ยังเหลือเด็กคนหนึ่งที่ติดอยู่ข้างบน แล้วรีบเรียกคนเข้ามาช่วยเลยนะ” เอมิกาสั่ง

“จะทำบ้าอะไรเอมี่มันอันตรายเกินไป” เจนนี่ตกใจเมื่อเพื่อนสาวของเธอคิดจะเข้าไปข้างในอีกครั้ง

“เชื่อฉัน เธอไปเรียกคนมาช่วย อย่าลืมเอาถังออกซิเจนมาด้วย”พูดเสร็จเธอก็หันหลังกลับเข้าไปยังอัฒจันทร์

“หนู หนู อยู่ตรงไหนจ๊ะ”

เอมิกามองหาเด็กร่างอวบที่ตอนนี้ไม่อยู่ตรงมุมไหนของอัฒจันทร์ แต่แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อเสียงไอของเด็กนั้นทำให้เธอรู้ตำแหน่งที่แน่นอนของท่าน ไม่รอช้าหญิงสาวเข้าไปยังเด็กชายนั้นทันที

“ไหวนะจ๊ะ หนู”

“ไหว ไหว ผมไหวครับ” เด็กน้อยพูดเสียงสั่น

เอมิกามองดูเครื่องบินที่ตอนนี้เศษฝุ่นควันและเหล็กทั้งหลายปกคลุมรอบทั้งอัฒจันทร์ เธอเดินลัดออกไปทางเดิมก่อนที่จะออกไปยังข้างนอกนั้นจู่ๆส่วนบริเวณปีกของเครื่องบินกำลังมุงหน้ามายังเธอ เมือเป็นเช่นนั้นเธอจึงตัดสินใจและอุ้มวิ่งทันที เมื่อเห็นประตูอยู่ใกล้แค่เอื้อมเธอจึงเร่งฝีเท้าที่จะออกไป

“โอ๊ย” เอมิการ้องลั่นเมื่อรู้ว่าตนเองชนกับแผงอกเข้าอย่างจัง ทำให้เธอล้มอยู่บนตัวของผู้ชายคนไหนไม่รู้

"คุณเป็นไรมากไหมค่ะ" เธอค่อยๆลุกขึ้นถามก่อนที่จะนำตัวเด็กชายไปส่งให้กับครอบครัว

"ฮะ เอ่อ ผะ ผม ไม่เป็นไรมากหรอกครับ"
ชายหนุ่มบอกอย่างเสียงแผ่วเบาก่อนทีจะมองสาวข้างหน้าตนที่ตอนนี้ศีรษะของเธอเต็มไปด้วยฝุ่นของขวัญ ระหว่างที่เธอปัดเศษผมนั้น ทันใดนั้นเองเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นก็คือสาวร่างเล็กเมื่อเช้าที่โดนแฟนหนุ่มคุกคามนั้นเอง ได้จังหวะพอดีที่เธอเงยหน้ากับเขาทั้งสองสบตากันได้สักพักก่อนที่เธอจะขอตัวและวิ่งไปยังผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่บนทางเท้าอย่างรวดเร็ว ส่วนเขานั้นโทรเรียกตำรวจพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ แต่ก่อนที่จะผละจากไปนั้น สายตาคมกริบของเขามองไปยังร่างบางเพื่อจดจำใบหน้านั้นเอาไว้ เมื่อคริสโตเฟอร์หันหลังกลับไปนั้นมีสายตาคู่หนึ่งที่มองร่างสูงใหญ่จนลับเช่นกัน แต่มีน่ากลัวมากกว่านั้นยังมีสายตาของคนผู้หนึ่งที่หลบไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุมองร่างของชายหนุ่มด้วยสายตาเคียดแค้นก่อนที่จะออกจากที่นั้นไป!

ฝ่ายทางด้านของเอมิกา เมื่อขอตัวจากผู้ชายร่างสูงใหญ่เพื่อมาช่วยผู้บาดเจ็บที่เกิดจากการการเผาไหม้ตามร่างกายโดยโดนจากเศษของเครื่องบินนั้น เท่าที่ดูเธอคงช่วยได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้นเพราะเธอเองก็ไม่มีอุปกรณ์ของเครื่องมือทางแพทย์มาเสียด้วย เธอคงช่วยได้เพียงเท่านี้ ระหว่างที่เธอพยายามที่จะให้ศีรษะของร่างวัยชราพิงเสาไฟบริเวณนั้น สายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนั้นที่กำลังหันหลังกลับไป แต่ก็ต้องละสายตาจากเขาคนนั้นไป เมื่อเสียงไอของคุณลุงที่ตอนนี้กำลังบอกว่าไม่ไหวแล้ว
“ แม่หนู ฉันกำลังจะตายใช่ไหม” เสียงของร่างวัยชราถามขึ้นอย่างแผ่วเบา

“ยังค่ะ คุณลุงหายใจเข้าลึกๆนะค่ะ สักพักรถพยาบาลก็มาแล้ว รอแค่นิดเดียวนะค่ะ”

“ฉันจะพยายามนะ ฉันจะพยายาม”เสียงยิ่งแผ่วลงกว่าเดิม

“คุณลุงต้องทำได้ค่ะ” หญิงสาวให้กำลังใจ

ไม่นานเสียงของรถพยาบาลก็ดังขึ้นพร้อมกับหน่วยแพทย์ทั้งหลายที่กำลังเข้ามายังจุดเกิดเหตุ เอมิกาส่งสัญญาณมือให้กับทางหน่วยแพทย์เพื่อมาช่วยชายวัยชราให้ทันท่วงทีเพราะลมหายใจของเขาแผ่วลงเรื่อยๆ

“เขามีอัตราการเต้นหัวใจที่ต่ำมากเพราะเกิดจากการสำลักควัน ต้องใช้แอมบูแบ๊คระหว่างนี้ เพื่อช่วยในการหายใจ” เอมิกากล่าวก่อนที่จะจับชีพจรเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“คุณคือ” หนึ่งในหน่วยแพทย์ถามขึ้น

“ฉันเป็นพยาบาลค่ะ อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยนะค่ะ เอาเป็นว่าช่วยคนป่วยก่อน” เธอตอบก่อนที่จะส่งร่างของวัยชราให้กับหน่วยแพทย์ และลุกขึ้นเพื่อไปดูผู้บาดเจ็บที่เหลือ

“เอมี่ เอมี่ เป็นอะไรมากรึเปล่า ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่” เสียงของเจนนี่ดังขึ้นเมื่อมาหยุดอยู่หน้าของร่างบาง

“ฉันไม่เป็นอะไรพะ เพราะว่า” เสียงของเอมิกาตะกุกตะกัก จะให้เธอตอบไปว่าเป็นเพราะเธอชนกับแผงอกของชายหนุ่มคนนั้นทำห้เธอไม่บาดเจ็บอย่างนั้นเหรอ ถ้าตอบไปอย่างนั้นมีหวังเจนนี่ต้องถามต่ออีกแน่ๆ

“ก็เป็นเพราะว่าฉันวิ่งออกมาได้ทันไง ถึงไม่ค่อยเป็นอะไรมากดูซิ” ไม่พุดเปล่าเธอยืนมือทั้งสองข้างเพื่อให้เจนนี่ดู

“เธอแน่ใจนะ เอมี่” เจนนี่ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

ระหว่างที่เจนนีกำลังตรวจดูแขนของเอมี่ที่ยื่นมานั้น สายตาของเธอมองเห็นร่างของไมค์ที่กำลังเดินมายังที่ที่สองสาวกำลังยืนอยู่

“เอมี่ ฉันว่ารีบไปเถอะ ไมค์ กำลังเดินมา ถ้าเดาไม่ผิดเขาเดินมาหาเธอแน่ๆเอมี่” ไปเถอะรีบไปเอมี่ เร็วๆ แกยืนอยู่ทำไม

“ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องหนี เจนนี่ ถ้าฉันทำอย่างนั้นมันก็ทำเหมือนกับเขาได้ใจ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าไมค์เป็นคนอย่างไร” เอมิกาตอบอย่างหนักแน่น

“เอมี่ เอมี่ คุณเป็นไรหรือเปล่าได้ยินว่าคุณเข้าไปในนั้น” เสียงของไมค์ถามอย่างร้อนรน ก่อนที่จะเอื้อมมือจะจับข้อมือของเอมิกา แต่ดีที่เธอหลบสัมผัสนั้นได้

“ ไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่เจ็บนิดเดียว ขอตัวก่อนนะค่ะ” หญิงสาวตอบก่อนที่จะหมุนตัวกลับไป

“ เดี๋ยว เอมี่ ผมเป็นห่วงคุณนะ ทำไมถึงได้เย็นชากับผมขนาดนี้” ไมค์เดินมาหยุดตรงหน้าของเอมิกา

“ฉันคิดว่าฉันพูดไปชัดแล้วเมื่อเช้า หลีกค่ะ”


“หลีกไปเถอะไมค์ อย่าหวังว่าอย่าจะได้เป็นเหมือนเดิมเลย คุณทำอะไรไว้ก็น่าจะเข้าใจนะ” เมื่อเห็นสถานการณ์จะเป็นไปไม่ได้ด้วยดี เจนนี่จึงพูดขึ้นบ้าง ไมค์หันมามองเจนนี่สักพักก่อนจะพูดว่า

“ เธอเป็นเอมี่เหรอ ถึงได้มาพูดแทน” ไมค์ตะคอกใส่

“ไมค์คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดอย่างนี้กับเพื่อนของฉัน หยุดสักที ถ้าไม่เห็นแกเรา คุณก็ควรจะเห็นแก่ทุกคนที่ตอนนี้กำลังมองอยู่สำหรับฉันและเจนนี่คงไม่รู้สึกอะไร แต่คุณ คุณยินดีเหรอที่หมออย่างคุณมีปากเสียงกับผู้หญิง” เมื่อเห็นว่าไมค์ทำท่าทางข่มเพื่อนสาวเอมิกาจึงใช้วิธีสุดท้ายที่จะทำให้ไมค์นั้นหยุด และก็เป็นดังที่เธอคาดเมื่อเขาหยุดพฤติกรรมทุกอย่าง และก่อนที่เขาจะรู้ตัวทั้งสองก็ได้เดินออกจากที่นั้นไปแล้ว ไมค์จับจ้องร่างบางนั้นจนลับตา

“ผมจะไม่มีวันเสียคุณไปอีกเด็ดขาด คุณต้องเป็นของผมคนเดียว”




¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬¬





กชศรัญย์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.พ. 2556, 12:35:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มี.ค. 2556, 12:36:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1004





<< เรื่องจริงหรือฝันไป.....   
ไม้เอก 22 ก.พ. 2556, 18:17:58 น.
ในที่สุดก็ได้เจอกันแล้ว ^^


กชศรัญย์ 1 มี.ค. 2556, 16:30:50 น.
^_________^ ฮี่ ฮี่


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 3 มี.ค. 2556, 18:25:46 น.
เิอมิกามองหาเด็กร่างอวบ แล้วไหงเดินไปหาชายชรา ผิดหรือเปล่า ค่ะ อ่านแ้ล้วยังงงงงง


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 3 มี.ค. 2556, 18:29:22 น.
เธอลืมไปแล้วหรือว่าทอมเป็นคนอย่างไร ตกลงว่าเป็นไมค์ หรือ ทอม กันแน่


กชศรัญย์ 3 มี.ค. 2556, 23:34:32 น.
อ่อ ขอโทษทีค่ะ ยังไม่ได้แก้คำผิด เดี๋ยวลงให้ใหม่นะคะ TT


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account