นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า
บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ
หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ
ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย
ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน
คำโปรยหลัง
เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก
วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน
ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี
หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา
วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที
โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!
สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก
แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!
เวลาต่อมา
เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม
แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!
ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!
ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^
เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ
หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ
ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย
ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน
คำโปรยหลัง
เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก
วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน
ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี
หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา
วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที
โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!
สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก
แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!
เวลาต่อมา
เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม
แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!
ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!
ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^
เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร
ตอน: บทที่ 2 เจ้าของสายลม 50%
บทที่ 2
เจ้าของสายลม
ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกครั้ง เขาหยิบชุดนอนที่กองบนพื้นไปทิ้งลงในตะกร้าเตรียมให้แม่บ้านของโรงแรมนำไปซัก ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงยังโซฟาเนื้อดี เอนหลังอย่างผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อครู่
สามสิบนาทีผ่านไป ลำไส้ของบุรุษผู้เพิ่งสูญเสียพลังงานก็ร้องครวญ นั่นเพราะมันอยากได้พลังงานไปเติมเต็มส่วนที่ถูกเผาผลาญไปแล้วนั่นเอง
เขาหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะเตี้ย เพื่อสั่งอาหารง่ายๆ กับทางโรงแรม นั่นคือ สปาเกตตีราดซอสเห็ดสองจาน พร้อมกับน้ำส้มคั้นสองแก้ว เขานั่งรออยู่ชั่วครู่บริกรก็นำอาหารขึ้นมาส่ง
วาโยจัดแจงวางทุกอย่างลงบนโต๊ะรับแขกเล็กๆ แล้วเดินกลับไปเรียกคนที่ยังหลับสนิทในห้องนอน
“ดาว ตื่นมาทานอะไรหน่อย เมื่อกี้เธอดื่มอย่างเดียวไม่ยอมกินอะไรเลย เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”
สามีไร้หัวใจเดินเข้าไปใกล้ภรรยา ก่อนจะใช้มือแตะแขนหล่อนเบาๆ เพื่อจะพบว่าเนื้อตัวหล่อนรุมๆ ชอบกล
“ดาว! เป็นไข้หรือเปล่า หรือว่าตัวร้อนเพราะดื่มมากไป ดาว...ดาว ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงแกร่งกร้าวดังเข้าไปฉุดสติสัมปชัญญะของละอองดาวให้ตื่นจากการหลับใหล หล่อนลืมตาขึ้นมาช้าๆ เพื่อจะพบว่าสามีที่รักตีหน้ายักษ์จดจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อเธออยู่ข้างเตียง
“ยะ...อย่า! ดาวกลัวแล้ว...อย่าทำอะไรดาวเลย ดาวเจ็บนะคะ ขอร้องล่ะคุณ..โย..”
ร่างอ่อนแรงไม่อาจทรงกายให้ลุกนั่งได้ด้วยตัวเอง หล่อนเพิ่งสร่างเมา และกำลังจะจับไข้ ที่สำคัญคือเรี่ยวแรงที่พอมีก็ถูกสามีสูบไปจนหมดสิ้น
วาโยบังคับร่างน้อยให้ลุกนั่งพิงอกแกร่ง
“เธอควรกินอะไรสักนิดแล้วกินยาลดไข้ด้วย ฉันว่าเธอตัวรุมๆ นะ” เขาบอกคนที่ตัวสั่นในอ้อมแขน ขณะที่อีกมือหยิบหมอนสองใบมาวางซ้อนกันแล้วให้ภรรยาเอนร่างลงไปพิง
“ดาว...ปวดหัว” เธอบอกเสียงอ่อย เอามือคลำหน้าผาก และมันทำให้ผ้านวมที่ปกปิดอกอวบร่นลงจนเผยเนื้อทรวงเกือบครึ่งค่อน
“อุ๊ย!” หญิงสาวรีบหยิบผ้านวมมาปกปิดเรือนร่าง แม้ว่าจะอ่อนแรงก็ต้องฝืนใจคว้าผ้ามาปิดไว้ เธอไม่อยากเสี่ยงกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของสามี ทางที่ดีควรป้องกันตัวเองไว้ก่อนด้วยการซ่อนกายเนื้อเปล่าเปลือยให้มิดชิดจากสายตาเขาให้มากที่สุด
“ฉันไม่ทำอะไรอะไรคนป่วยหรอกน่า”
สามีรูปงามรู้ดีว่าภรรยาหวั่นเกรงสิ่งใด เขาจึงเอ่ยออกไปเพื่อให้หล่อนสบายใจที่สุด
“ดาวไม่ได้ว่าอะไร แค่ผ้าหลุดเท่านั้น” เธอค้าน
วาโยเดินกลับไปด้านนอก แล้วยกจานสปาเกตตีเข้ามาในห้องนอน เขาวางมันบนตักของคนป่วยพร้อมช้อนส้อมและแก้วน้ำส้ม เขาวางอย่างหลังไว้บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง ก่อนจะกลับไปนั่งบนโซฟาตัวยาวด้านนอกหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายภาพการแข่งขันฟุตบอลคู่โปรด
ชายหนุ่มรับประทานอาหารในจาน สายตาก็ดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสองสโมสรดังไปด้วย
เคล้ง!
วาโยพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อเสียงบางอย่างร่วงกระทบกันดังมาจากห้องนอน คราวนี้ภรรยาตัวดีจะมารยาอะไรอีก หล่อนไม่ใช่คนที่เขารักนะจะได้เทียวป้อนข้าวป้อนน้ำให้ แม้ว่าจะไม่สบายก็เถอะ
เขาวางช้อนกับส้อมลงที่เดิม ยกน้ำส้มขึ้นมาจิบแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง และสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นเรื่องจริง
เคล้ง!
ละอองดาวอยากฆ่าตัวเองนักที่ไม่มีแรงขนาดยกช้อนส้อม เธอจ้องมองอาหารในจานอย่างโกรธเคือง เธออยากเสกให้มันเข้าไปอยู่ในท้องได้เลยโดยไม่ต้องกลืน ถ้าทำได้คงจะดี
“ทำไมไม่เรียกฉัน” เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นที่หน้าประตู ละอองดาวเพิ่งรู้ว่าเขาเข้ามา
“เอ่อ...ไม่ดีกระมังคะ ดาวคิดว่า...ตัวเองไม่ได้...สำคัญ...ขนาดนั้น”
หยดน้ำตารินรดแก้มบางใส ละอองดาวอยากปัดมันทิ้งไปแต่เธอไม่มีแรงเลย
“แค่ป้อนข้าวคนป่วย ฉันจะถือว่าทำบุญละกัน” สามีตีตราตอบภรรยาโสเภณีตามที่สมองสั่งการ แม้เสียงหนึ่งจะค้านขึ้นมาจากหัวใจ...ว่าไม่จริง! เขาทำเพราะอยากทำมิใช่เพราะต้องการเป็นบุญคุณ
“ขอบคุณที่กรุณา ดาว...จะตอบแทน...แน่นอน” เธอให้คำมั่น ขณะที่เขาเคลื่อนร่างมานั่งข้างๆ หยิบจานสปาเกตตีไปวางบนตักตัวเองแล้วใช้ส้อมม้วนเส้นเป็นคำเล็กๆ ส่งเข้าปากเธอ
ละอองดาวรับประทานได้สองสามคำก็เริ่มอิ่ม ความจริงคือเธอกลืนมันไม่ลง ซอสเห็ดมันเลี่ยนเกินไปจนเธอผะอืดผะอม สามีที่รักจึงรีบยกแก้วน้ำส้มให้จิบ
“เป็นไง ดีขึ้นบ้างไหม”
หญิงสาวพยักหน้า รสของน้ำส้มเปรี้ยวๆ หวานๆ ลดอาการเลี่ยนได้ดีทีเดียว
ชายหนุ่มตั้งท่าจะป้อนหล่อนอีก แต่ละอองดาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ไหวแล้วค่ะ มันเลี่ยน” เธอตอบตามตรง เขาไม่พูดอะไรแต่ลุกเอาจานไปเก็บแล้วเดินเข้ามาหาบางอย่างในกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
ละอองดาวเห็นสามี เปิดซิปกระเป๋าแล้วค้นซอกนั้นมุมนี้แล้วก็ให้สงสัย เขาหาอะไร? หรือว่า...
“ถ้าจะหายาลดไข้ให้ดาว มันอยู่ในซิปด้านในอีกทีค่ะ” เธอบอกเพราะใจคิดเช่นนั้น แต่สามีที่รักคงพูดดีๆ กับภรรยาเช่นเธอไม่เป็นกระมัง ถึงได้ตอบกลับมาว่า
“เปล่านี่ ฉันหา ถุงยาง ต่างหาก”
หัวใจละอองดาวเจ็บจุกสุดประมาณ คำที่สามีเอ่ยขานช่างชัดเจนเหลือเกิน
“งั้น...ก็ อย่าหาเลยค่ะ ดาวไม่ได้เตรียมมันมาเพราะว่าจะหาทางจับคุณ”
หล่อนยิ้มเยาะเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าเขาสลดลง
“คิดดีแล้วหรือที่พูด เราหมดสัญญาต่อกันแล้วนะ” เขาท้วง มือขวาสอดเข้าไปหาของในช่องกระเป๋าด้านในที่เพิ่งรูดซิปออก และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซองยาขนาดเล็กก็ติดมือหนาออกมาในที่สุด
“อ่า..ขอโทษทีค่ะ ดาวล้อเล่น” เธอเลือกสิ่งที่ถูกต้อง วาโยไม่ใช่ผู้ชายที่จะยอมอะไรง่ายๆ หากว่าตอนหย่า เธอเกิดมีเด็กขึ้นมา เขาคงรับแต่ลูกเขาเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นหัวใจก็วูบโหวงอย่างประหลาด มันว่างเปล่าเพียงเพราะคิดว่าวันข้างหน้าจะไม่มีเขา
ร่างอรชรเลื่อนกายลงนอนช้าๆ เธอดึงหมอนออกจากศีรษะหนึ่งใบเพราะมันสูงเกินไป เวลาเดียวกันนั้น วาโยก็ได้เดินมายื่นเม็ดยาสีขาวสองเม็ดมาให้ คงเป็นยาลดไข้แก้ปวดอะไรสักอย่าง
“ดาวไม่ได้เป็นอะไร”
“เธอกำลังจะเป็น อย่าเรื่องมาก ถ้าพรุ่งนี้มิสเตอร์คิงส์ติดต่อมาฉันจะกลับเมืองไทยทันที เพราะฉะนั้นกินมันซะ!”
หญิงสาวรับเม็ดยามาป้อนเข้าปากแล้วดื่มน้ำส้มตามลงไปจนเกือบหมดแก้ว เขายืนคุมกระทั่งเธอกลืนยาเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกนอกห้องอีกครั้ง เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ก่อนจะเงียบไป และเพียงห้านาทีหลังจากนั้น ร่างสูงใหญ่ก็มาหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้า
“เก็บเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ละอองดาว เราต้องกลับกรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุด”
ละอองดาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน เธอเพิ่งมาถึงไม่กี่ชั่วโมงแต่เขาจะพากลับเอาตอนนี้เนี่ยนะ แล้วเครื่องบินล่ะ เขาจะจองตั๋วทันได้ยังไง
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นคะ ดาวยังไม่หายเหนื่อยเลย” เธอพูดตรงๆ กับเขา เธอเหนื่อย เธอเพลียและอยากหลับเอามากๆ แต่สามีตีตรากลับพยักหน้าเข้าใจ แล้วเอ่ยว่า
“ยี่สิบนาที! ฉันให้เวลาเธอแค่นี้ ถ้ายังชักช้าก็หาทางกลับเอง”
เขาพูดแล้วเดินออกจากห้อง เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอคร้านจะจำ เธอลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าให้เสร็จในสิบนาที อย่างน้อยสิบนาทีที่เหลือจะได้เอาไว้จัดการกับหน้าโทรมๆ ของตัวเอง เพราะถ้าปล่อยเอาไว้ เธอได้ถูกเขาประณามค่าที่ไม่ให้เกียรติสามีด้วยการดูแลตนเองให้สวยอยู่เสมอ นี่ล่ะ หนึ่งในหน้าที่ของ ภรรยาตีทะเบียน
ประเทศไทย
หลังจากลงเครื่องที่สุวรรณภูมิ ละอองดาวก็ถูกสามียัดขึ้นรถแท็กซี่ส่วนเขาก็บึ่งรถคันงามที่ให้คนรถนำมาจอดไว้ให้ไปเพียงลำพัง ไม่บอกก็รู้ว่าเขาไปไหน คำว่า บ้านของเรา คงไม่มีค่าพอให้เขากลับไปกระมัง
เมื่อรถแล่นมาจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวก็หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางลงมา อาการบางอย่างรุมเร้าจนเธอไม่อยากเดินเข้าบ้าน นั่นเพราะว่าที่ตรงนั้น ที่ลานน้ำพุหน้าบ้าน มีร่างของสตรีจอมป่วนประสาทยืนรอท่าด้วยใบหน้าขุ่นเคืองระคนเย้ยหยัน
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมหล่อนกลับมาคนเดียวยะ แม่ดาว” เสียงของแม่สามีจิกกัดเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ ละอองดาวยกมือไหว้คุณนายวิภา นางไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ไร้สกุลเช่นเธอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“คุณแม่ก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะถามดาวทำไมคะ”
เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เดินหนีคุณนายโดยอ้อมไปตามทางเดินหลังตึกเพื่อจะได้กลับบ้านหลังน้อยของตัวเอง สาวใช้นางหนึ่งนามว่านกเอี้ยงรีบเข้ามาช่วยเธอถือกระเป๋าอันหนักอึ้ง ดีที่เจ้าหล่อนมาช่วยเพราะตอนนี้เธออยากเปลี่ยนทางเดินเป็นเตียงนุ่มๆ เหลือเกิน
นางวิภาสตรีวัยห้าสิบปลายๆ ทอดสายตาตามหลังลูกสะใภ้อย่างขุ่นเคือง นางไม่ชอบใจที่ละอองดาวเข้ามาเป็นสะใภ้ก็จริง แต่พออยู่ด้วยกันเป็นเวลานานหลายปีเช่นนี้ ลึกๆ แล้วความผูกพันใกล้ชิดก็ทำให้อดสงสารใบหน้าอิดโรยนั่นไม่ได้
“พี่เจรียง! พี่เจรียง” นางร้องเรียกแม่บ้านวัยใกล้กันซึ่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้จนแต่งงานมีลูกเต้า นางเจรียงก็ไม่เคยห่างกายนางเลย จนนับถือนางเจรียงว่าเป็นเช่นพี่เช่นเพื่อน มากกว่าข้าทาสรับใช้ถึงแม้ว่านางเจรียงจะรับเงินเดือนของนางก็ตาม
“ขา..ค่ะ คุณภาจะเอาอะไรคะ?” นางเจรียงสตรีร่างอ้วนใบหน้าอวบอูม เดินแกมวิ่งออกมาจากห้องครัว
“แม่ดาวกลับมาแล้วนะพี่ หน้าตาดูอิดโรยชอบกล ฉันว่าจะตามไปดูหน่อย พี่ช่วยทำข้าวต้มให้ฉันทีนะ”
นางเจรียงอิดออดเล็กน้อย
“เดี๋ยวก็โดนคุณดาวแขวะเอาหรอกค่ะ ค่าที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ” นางบอกด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้นายสาวถูกถอนหงอกด้วยคนที่นางหวังดีช่วยเหลือ
“ช่างปะไร ถ้ามันกล้าแขวะฉัน ฉันจะตอกกลับว่าไม่อยากให้ใครมาตายในบ้านเสียก็สิ้นเรื่อง เร็วๆ นะพี่”
นางวิภาว่าแล้วก็เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปทางเรือนอีกหลังที่บุตรชายปลูกไว้เป็นเรือนหอ แต่แน่นอนว่าเขายังพักบนตึกใหญ่กับนาง วาโยแต่งงานเพื่อประชดนางเท่านั้นโดยเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างละอองดาวเข้ามาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาให้นางได้เจ็บใจเล่นๆ คิดแล้วก็ยังเคืองไม่หาย
สิบนาทีหลังจากที่ละอองดาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอก็รีบเข้านอนทันที อาการปวดศีรษะแถมยังตัวรุมๆ แสดงออกชัดเจนจนเธออยากไปนอนบนเตียงของโรงพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณดาวคะ คุณนายมาค่ะ”
นกเอี้ยงบอกกล่าว เจ้าหล่อนเข้ามาเอาเสื้อผ้าของนายสาวไปซักนั่นเอง
“แต่ฉันเพลียเหลือเกินนกเอี้ยง ไม่มีแรงรบกับคุณนายของเธอหรอก ช่วยบอกคุณนายทีว่าฉันไม่สบายขอพลัดเป็นวันหลัง” เธอสั่งความนกเอี้ยงทั้งที่ยังหลับตา และไม่ได้รู้ว่าแม่สามีมายืนค้ำหัวอยู่ครู่ใหญ่แล้ว
“ไม่สบายทำไมไม่ไปหาหมอยะ อยากให้ลูกชายฉันมาโอ๋หรือไง” นางวิภาแดกดัน
“คุณแม่! มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” คนป่วยร้องถามด้วยความตกใจ เธอรีบลุกนั่งแต่อาการมึนศีรษะหน้ามืดทำให้ต้องหลับตาปี๋
“ท่าจะอาการหนักแล้วนะ ฉันว่าหล่อนไปโรงพยาบาลดีไหมแม่ดาว ฉันไม่อยากให้หล่อนตายที่นี่หรอกนะ ฉันกลัวผี” เสียงเล็กแหลมบ่งบอกว่ากลัวจริงๆ ละอองดาวอยากขำแต่ขำไม่ออก แม่สามีเธอนี่ยังไง พอตอนดีๆ ไม่เจ็บป่วยละก็เจอหน้าเป็นจิกกัดไม่เลือกที่ แต่พอเธอล้มหมอนนอนเสื่อทีไรเป็นได้หาข้าวปลาหยูกยามาให้ทุกที
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่ไข้หวัดธรรมดา ทานยาก็หายแล้ว”
ขณะนั้นนางเจรียงก็ประคองถาดใส่ชามข้าวต้มเข้ามาพอดี ยังดีที่มีข้าวต้มสำเร็จรูปที่พอตั้งไฟก็ได้ข้าวต้มทันใจมาหนึ่งชาม นางเลยไม่ต้องเสียเวลากับการปรุงอาหารให้คนป่วยมากนัก
นางวิภาขัดใจในคำตอบของลูกสะใภ้ นางสั่งทางสายตาให้นางเจรียงเอาถาดข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ นางเจรียงก็ช่างรู้ใจหยิบเอายาแก้ไข้มาด้วย
“งั้นกินข้าวกินยา แล้วนอนพักเสียล่ะ ขาดหล่อนไปซักคนฉันไม่มีใครให้จิกกัด มันเซ็ง” นางวิภาลอยหน้าตอบอย่างกลัวเสียฟอร์ม ละอองดาวยกมือไหว้แม่สามี คราวนี้คุณนายมีรอยยิ้มนิดๆ เพราะไม่ได้โดนหญิงสาวแขวะใส่แต่ได้รับการไหว้ตอบแทน
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ ขอบคุณป้าเจรียงด้วยค่ะ” เธอฝืนยิ้มให้คนทั้งสองก่อนที่พวกท่านจะกลับออกไป สาวใช้นามว่านกเอี้ยงยังคงอยู่รับใช้กระทั่งเธอทานข้าวทานยาเสร็จเรียบร้อย แต่พอล้มตัวนอนอีกครั้งอาการคลื่นไส้มันก็ทำให้เธอต้องลากสังขารไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะระบายสิ่งที่รับประทานเข้าไปเมื่อครู่ลงสู่ชักโครกจนเกลี้ยงกระเพาะ
“คุณดาว!”
สาวใช้ร้องอย่างตกใจ ตอนนี้ไม่เพียงแต่อาการอาเจียนเท่านั้น แต่นายสาวล้มลงไปกองบนพื้นห้องน้ำ หมดสติไปต่อหน้าต่อตา
สาวนกเอี้ยงรีบไปตามคนมาช่วย หล่อนเร่งสาวเท้าเข้าไปในตึกใหญ่แต่กลับไม่พบใครเลย...นอกจาก
“คุณยักษ์! คุณยักษ์คะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
บุรุษหน้าคมคิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสัน ละสายตาและริมฝีปากจากถ้วยกาแฟร้อนๆ ของตนอย่างหัวเสีย วันนี้แม่นกเอี้ยงมีอะไรจะให้เขาช่วยงั้นรึ
“ฉันว่าจะเปลี่ยนชื่อดีไหมนก เธอจะได้เรียกคนอื่นบ้าง” ชายหนุ่มประชดเล็กน้อยตามนิสัย แต่ไม่คิดโกรธจริงจัง
“โธ่ คุณยักษ์ อย่าเพิ่งว่านกเลยค่ะไปช่วยคุณดาวที คุณดาวสลบอยู่ในห้องน้ำ!”
“อะไรนะ! / อะไรนะ!”
สองเสียงของสตรีสูงวัยสองคนดังประสานกันราวกับว่าสิ่งที่หูได้ยินเป็นเรื่องประหลาด คุณนายวิภากับนางเจรียงจ้องหน้ากันอย่างกังวล ทั้งสองเพิ่งเดินมาได้ยินสิ่งที่สาวใช้เอื้อนเอ่ย
“รีบไปดูเถอะค่ะ” นางเจรียงเตือนนายทั้งสองก่อนที่คนทั้งสี่จะรุดไปยังเรือนไม้หอมของละอองดาว
******************************************************************************
จริงจัง จริงใจ แคร์
เจ้าของสายลม
ชายหนุ่มอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกครั้ง เขาหยิบชุดนอนที่กองบนพื้นไปทิ้งลงในตะกร้าเตรียมให้แม่บ้านของโรงแรมนำไปซัก ก่อนจะทิ้งกายนั่งลงยังโซฟาเนื้อดี เอนหลังอย่างผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อครู่
สามสิบนาทีผ่านไป ลำไส้ของบุรุษผู้เพิ่งสูญเสียพลังงานก็ร้องครวญ นั่นเพราะมันอยากได้พลังงานไปเติมเต็มส่วนที่ถูกเผาผลาญไปแล้วนั่นเอง
เขาหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะเตี้ย เพื่อสั่งอาหารง่ายๆ กับทางโรงแรม นั่นคือ สปาเกตตีราดซอสเห็ดสองจาน พร้อมกับน้ำส้มคั้นสองแก้ว เขานั่งรออยู่ชั่วครู่บริกรก็นำอาหารขึ้นมาส่ง
วาโยจัดแจงวางทุกอย่างลงบนโต๊ะรับแขกเล็กๆ แล้วเดินกลับไปเรียกคนที่ยังหลับสนิทในห้องนอน
“ดาว ตื่นมาทานอะไรหน่อย เมื่อกี้เธอดื่มอย่างเดียวไม่ยอมกินอะไรเลย เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ”
สามีไร้หัวใจเดินเข้าไปใกล้ภรรยา ก่อนจะใช้มือแตะแขนหล่อนเบาๆ เพื่อจะพบว่าเนื้อตัวหล่อนรุมๆ ชอบกล
“ดาว! เป็นไข้หรือเปล่า หรือว่าตัวร้อนเพราะดื่มมากไป ดาว...ดาว ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงแกร่งกร้าวดังเข้าไปฉุดสติสัมปชัญญะของละอองดาวให้ตื่นจากการหลับใหล หล่อนลืมตาขึ้นมาช้าๆ เพื่อจะพบว่าสามีที่รักตีหน้ายักษ์จดจ้องราวจะกินเลือดกินเนื้อเธออยู่ข้างเตียง
“ยะ...อย่า! ดาวกลัวแล้ว...อย่าทำอะไรดาวเลย ดาวเจ็บนะคะ ขอร้องล่ะคุณ..โย..”
ร่างอ่อนแรงไม่อาจทรงกายให้ลุกนั่งได้ด้วยตัวเอง หล่อนเพิ่งสร่างเมา และกำลังจะจับไข้ ที่สำคัญคือเรี่ยวแรงที่พอมีก็ถูกสามีสูบไปจนหมดสิ้น
วาโยบังคับร่างน้อยให้ลุกนั่งพิงอกแกร่ง
“เธอควรกินอะไรสักนิดแล้วกินยาลดไข้ด้วย ฉันว่าเธอตัวรุมๆ นะ” เขาบอกคนที่ตัวสั่นในอ้อมแขน ขณะที่อีกมือหยิบหมอนสองใบมาวางซ้อนกันแล้วให้ภรรยาเอนร่างลงไปพิง
“ดาว...ปวดหัว” เธอบอกเสียงอ่อย เอามือคลำหน้าผาก และมันทำให้ผ้านวมที่ปกปิดอกอวบร่นลงจนเผยเนื้อทรวงเกือบครึ่งค่อน
“อุ๊ย!” หญิงสาวรีบหยิบผ้านวมมาปกปิดเรือนร่าง แม้ว่าจะอ่อนแรงก็ต้องฝืนใจคว้าผ้ามาปิดไว้ เธอไม่อยากเสี่ยงกับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของสามี ทางที่ดีควรป้องกันตัวเองไว้ก่อนด้วยการซ่อนกายเนื้อเปล่าเปลือยให้มิดชิดจากสายตาเขาให้มากที่สุด
“ฉันไม่ทำอะไรอะไรคนป่วยหรอกน่า”
สามีรูปงามรู้ดีว่าภรรยาหวั่นเกรงสิ่งใด เขาจึงเอ่ยออกไปเพื่อให้หล่อนสบายใจที่สุด
“ดาวไม่ได้ว่าอะไร แค่ผ้าหลุดเท่านั้น” เธอค้าน
วาโยเดินกลับไปด้านนอก แล้วยกจานสปาเกตตีเข้ามาในห้องนอน เขาวางมันบนตักของคนป่วยพร้อมช้อนส้อมและแก้วน้ำส้ม เขาวางอย่างหลังไว้บนโต๊ะเตี้ยข้างเตียง ก่อนจะกลับไปนั่งบนโซฟาตัวยาวด้านนอกหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งกำลังฉายภาพการแข่งขันฟุตบอลคู่โปรด
ชายหนุ่มรับประทานอาหารในจาน สายตาก็ดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างสองสโมสรดังไปด้วย
เคล้ง!
วาโยพ่นลมหายใจแรงๆ เมื่อเสียงบางอย่างร่วงกระทบกันดังมาจากห้องนอน คราวนี้ภรรยาตัวดีจะมารยาอะไรอีก หล่อนไม่ใช่คนที่เขารักนะจะได้เทียวป้อนข้าวป้อนน้ำให้ แม้ว่าจะไม่สบายก็เถอะ
เขาวางช้อนกับส้อมลงที่เดิม ยกน้ำส้มขึ้นมาจิบแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง และสิ่งที่คิดไว้ก็เป็นเรื่องจริง
เคล้ง!
ละอองดาวอยากฆ่าตัวเองนักที่ไม่มีแรงขนาดยกช้อนส้อม เธอจ้องมองอาหารในจานอย่างโกรธเคือง เธออยากเสกให้มันเข้าไปอยู่ในท้องได้เลยโดยไม่ต้องกลืน ถ้าทำได้คงจะดี
“ทำไมไม่เรียกฉัน” เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นที่หน้าประตู ละอองดาวเพิ่งรู้ว่าเขาเข้ามา
“เอ่อ...ไม่ดีกระมังคะ ดาวคิดว่า...ตัวเองไม่ได้...สำคัญ...ขนาดนั้น”
หยดน้ำตารินรดแก้มบางใส ละอองดาวอยากปัดมันทิ้งไปแต่เธอไม่มีแรงเลย
“แค่ป้อนข้าวคนป่วย ฉันจะถือว่าทำบุญละกัน” สามีตีตราตอบภรรยาโสเภณีตามที่สมองสั่งการ แม้เสียงหนึ่งจะค้านขึ้นมาจากหัวใจ...ว่าไม่จริง! เขาทำเพราะอยากทำมิใช่เพราะต้องการเป็นบุญคุณ
“ขอบคุณที่กรุณา ดาว...จะตอบแทน...แน่นอน” เธอให้คำมั่น ขณะที่เขาเคลื่อนร่างมานั่งข้างๆ หยิบจานสปาเกตตีไปวางบนตักตัวเองแล้วใช้ส้อมม้วนเส้นเป็นคำเล็กๆ ส่งเข้าปากเธอ
ละอองดาวรับประทานได้สองสามคำก็เริ่มอิ่ม ความจริงคือเธอกลืนมันไม่ลง ซอสเห็ดมันเลี่ยนเกินไปจนเธอผะอืดผะอม สามีที่รักจึงรีบยกแก้วน้ำส้มให้จิบ
“เป็นไง ดีขึ้นบ้างไหม”
หญิงสาวพยักหน้า รสของน้ำส้มเปรี้ยวๆ หวานๆ ลดอาการเลี่ยนได้ดีทีเดียว
ชายหนุ่มตั้งท่าจะป้อนหล่อนอีก แต่ละอองดาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ไหวแล้วค่ะ มันเลี่ยน” เธอตอบตามตรง เขาไม่พูดอะไรแต่ลุกเอาจานไปเก็บแล้วเดินเข้ามาหาบางอย่างในกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
ละอองดาวเห็นสามี เปิดซิปกระเป๋าแล้วค้นซอกนั้นมุมนี้แล้วก็ให้สงสัย เขาหาอะไร? หรือว่า...
“ถ้าจะหายาลดไข้ให้ดาว มันอยู่ในซิปด้านในอีกทีค่ะ” เธอบอกเพราะใจคิดเช่นนั้น แต่สามีที่รักคงพูดดีๆ กับภรรยาเช่นเธอไม่เป็นกระมัง ถึงได้ตอบกลับมาว่า
“เปล่านี่ ฉันหา ถุงยาง ต่างหาก”
หัวใจละอองดาวเจ็บจุกสุดประมาณ คำที่สามีเอ่ยขานช่างชัดเจนเหลือเกิน
“งั้น...ก็ อย่าหาเลยค่ะ ดาวไม่ได้เตรียมมันมาเพราะว่าจะหาทางจับคุณ”
หล่อนยิ้มเยาะเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าเขาสลดลง
“คิดดีแล้วหรือที่พูด เราหมดสัญญาต่อกันแล้วนะ” เขาท้วง มือขวาสอดเข้าไปหาของในช่องกระเป๋าด้านในที่เพิ่งรูดซิปออก และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซองยาขนาดเล็กก็ติดมือหนาออกมาในที่สุด
“อ่า..ขอโทษทีค่ะ ดาวล้อเล่น” เธอเลือกสิ่งที่ถูกต้อง วาโยไม่ใช่ผู้ชายที่จะยอมอะไรง่ายๆ หากว่าตอนหย่า เธอเกิดมีเด็กขึ้นมา เขาคงรับแต่ลูกเขาเท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นหัวใจก็วูบโหวงอย่างประหลาด มันว่างเปล่าเพียงเพราะคิดว่าวันข้างหน้าจะไม่มีเขา
ร่างอรชรเลื่อนกายลงนอนช้าๆ เธอดึงหมอนออกจากศีรษะหนึ่งใบเพราะมันสูงเกินไป เวลาเดียวกันนั้น วาโยก็ได้เดินมายื่นเม็ดยาสีขาวสองเม็ดมาให้ คงเป็นยาลดไข้แก้ปวดอะไรสักอย่าง
“ดาวไม่ได้เป็นอะไร”
“เธอกำลังจะเป็น อย่าเรื่องมาก ถ้าพรุ่งนี้มิสเตอร์คิงส์ติดต่อมาฉันจะกลับเมืองไทยทันที เพราะฉะนั้นกินมันซะ!”
หญิงสาวรับเม็ดยามาป้อนเข้าปากแล้วดื่มน้ำส้มตามลงไปจนเกือบหมดแก้ว เขายืนคุมกระทั่งเธอกลืนยาเสร็จเรียบร้อยจึงเดินออกนอกห้องอีกครั้ง เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ก่อนจะเงียบไป และเพียงห้านาทีหลังจากนั้น ร่างสูงใหญ่ก็มาหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้า
“เก็บเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ละอองดาว เราต้องกลับกรุงเทพฯ ให้เร็วที่สุด”
ละอองดาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน เธอเพิ่งมาถึงไม่กี่ชั่วโมงแต่เขาจะพากลับเอาตอนนี้เนี่ยนะ แล้วเครื่องบินล่ะ เขาจะจองตั๋วทันได้ยังไง
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นคะ ดาวยังไม่หายเหนื่อยเลย” เธอพูดตรงๆ กับเขา เธอเหนื่อย เธอเพลียและอยากหลับเอามากๆ แต่สามีตีตรากลับพยักหน้าเข้าใจ แล้วเอ่ยว่า
“ยี่สิบนาที! ฉันให้เวลาเธอแค่นี้ ถ้ายังชักช้าก็หาทางกลับเอง”
เขาพูดแล้วเดินออกจากห้อง เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเธอคร้านจะจำ เธอลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าให้เสร็จในสิบนาที อย่างน้อยสิบนาทีที่เหลือจะได้เอาไว้จัดการกับหน้าโทรมๆ ของตัวเอง เพราะถ้าปล่อยเอาไว้ เธอได้ถูกเขาประณามค่าที่ไม่ให้เกียรติสามีด้วยการดูแลตนเองให้สวยอยู่เสมอ นี่ล่ะ หนึ่งในหน้าที่ของ ภรรยาตีทะเบียน
ประเทศไทย
หลังจากลงเครื่องที่สุวรรณภูมิ ละอองดาวก็ถูกสามียัดขึ้นรถแท็กซี่ส่วนเขาก็บึ่งรถคันงามที่ให้คนรถนำมาจอดไว้ให้ไปเพียงลำพัง ไม่บอกก็รู้ว่าเขาไปไหน คำว่า บ้านของเรา คงไม่มีค่าพอให้เขากลับไปกระมัง
เมื่อรถแล่นมาจอดนิ่งสนิทที่หน้าบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวก็หอบหิ้วกระเป๋าเดินทางลงมา อาการบางอย่างรุมเร้าจนเธอไม่อยากเดินเข้าบ้าน นั่นเพราะว่าที่ตรงนั้น ที่ลานน้ำพุหน้าบ้าน มีร่างของสตรีจอมป่วนประสาทยืนรอท่าด้วยใบหน้าขุ่นเคืองระคนเย้ยหยัน
“ฉันอยากรู้ว่าทำไมหล่อนกลับมาคนเดียวยะ แม่ดาว” เสียงของแม่สามีจิกกัดเล็กน้อยพอหอมปากหอมคอ ละอองดาวยกมือไหว้คุณนายวิภา นางไม่ปรารถนาลูกสะใภ้ไร้สกุลเช่นเธอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“คุณแม่ก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แล้วจะถามดาวทำไมคะ”
เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เดินหนีคุณนายโดยอ้อมไปตามทางเดินหลังตึกเพื่อจะได้กลับบ้านหลังน้อยของตัวเอง สาวใช้นางหนึ่งนามว่านกเอี้ยงรีบเข้ามาช่วยเธอถือกระเป๋าอันหนักอึ้ง ดีที่เจ้าหล่อนมาช่วยเพราะตอนนี้เธออยากเปลี่ยนทางเดินเป็นเตียงนุ่มๆ เหลือเกิน
นางวิภาสตรีวัยห้าสิบปลายๆ ทอดสายตาตามหลังลูกสะใภ้อย่างขุ่นเคือง นางไม่ชอบใจที่ละอองดาวเข้ามาเป็นสะใภ้ก็จริง แต่พออยู่ด้วยกันเป็นเวลานานหลายปีเช่นนี้ ลึกๆ แล้วความผูกพันใกล้ชิดก็ทำให้อดสงสารใบหน้าอิดโรยนั่นไม่ได้
“พี่เจรียง! พี่เจรียง” นางร้องเรียกแม่บ้านวัยใกล้กันซึ่งอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้จนแต่งงานมีลูกเต้า นางเจรียงก็ไม่เคยห่างกายนางเลย จนนับถือนางเจรียงว่าเป็นเช่นพี่เช่นเพื่อน มากกว่าข้าทาสรับใช้ถึงแม้ว่านางเจรียงจะรับเงินเดือนของนางก็ตาม
“ขา..ค่ะ คุณภาจะเอาอะไรคะ?” นางเจรียงสตรีร่างอ้วนใบหน้าอวบอูม เดินแกมวิ่งออกมาจากห้องครัว
“แม่ดาวกลับมาแล้วนะพี่ หน้าตาดูอิดโรยชอบกล ฉันว่าจะตามไปดูหน่อย พี่ช่วยทำข้าวต้มให้ฉันทีนะ”
นางเจรียงอิดออดเล็กน้อย
“เดี๋ยวก็โดนคุณดาวแขวะเอาหรอกค่ะ ค่าที่เป็นห่วงเป็นใยเธอ” นางบอกด้วยความเป็นห่วง ไม่อยากให้นายสาวถูกถอนหงอกด้วยคนที่นางหวังดีช่วยเหลือ
“ช่างปะไร ถ้ามันกล้าแขวะฉัน ฉันจะตอกกลับว่าไม่อยากให้ใครมาตายในบ้านเสียก็สิ้นเรื่อง เร็วๆ นะพี่”
นางวิภาว่าแล้วก็เดินไปตามทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปทางเรือนอีกหลังที่บุตรชายปลูกไว้เป็นเรือนหอ แต่แน่นอนว่าเขายังพักบนตึกใหญ่กับนาง วาโยแต่งงานเพื่อประชดนางเท่านั้นโดยเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างละอองดาวเข้ามาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาให้นางได้เจ็บใจเล่นๆ คิดแล้วก็ยังเคืองไม่หาย
สิบนาทีหลังจากที่ละอองดาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอก็รีบเข้านอนทันที อาการปวดศีรษะแถมยังตัวรุมๆ แสดงออกชัดเจนจนเธออยากไปนอนบนเตียงของโรงพยาบาลให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณดาวคะ คุณนายมาค่ะ”
นกเอี้ยงบอกกล่าว เจ้าหล่อนเข้ามาเอาเสื้อผ้าของนายสาวไปซักนั่นเอง
“แต่ฉันเพลียเหลือเกินนกเอี้ยง ไม่มีแรงรบกับคุณนายของเธอหรอก ช่วยบอกคุณนายทีว่าฉันไม่สบายขอพลัดเป็นวันหลัง” เธอสั่งความนกเอี้ยงทั้งที่ยังหลับตา และไม่ได้รู้ว่าแม่สามีมายืนค้ำหัวอยู่ครู่ใหญ่แล้ว
“ไม่สบายทำไมไม่ไปหาหมอยะ อยากให้ลูกชายฉันมาโอ๋หรือไง” นางวิภาแดกดัน
“คุณแม่! มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” คนป่วยร้องถามด้วยความตกใจ เธอรีบลุกนั่งแต่อาการมึนศีรษะหน้ามืดทำให้ต้องหลับตาปี๋
“ท่าจะอาการหนักแล้วนะ ฉันว่าหล่อนไปโรงพยาบาลดีไหมแม่ดาว ฉันไม่อยากให้หล่อนตายที่นี่หรอกนะ ฉันกลัวผี” เสียงเล็กแหลมบ่งบอกว่ากลัวจริงๆ ละอองดาวอยากขำแต่ขำไม่ออก แม่สามีเธอนี่ยังไง พอตอนดีๆ ไม่เจ็บป่วยละก็เจอหน้าเป็นจิกกัดไม่เลือกที่ แต่พอเธอล้มหมอนนอนเสื่อทีไรเป็นได้หาข้าวปลาหยูกยามาให้ทุกที
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่ไข้หวัดธรรมดา ทานยาก็หายแล้ว”
ขณะนั้นนางเจรียงก็ประคองถาดใส่ชามข้าวต้มเข้ามาพอดี ยังดีที่มีข้าวต้มสำเร็จรูปที่พอตั้งไฟก็ได้ข้าวต้มทันใจมาหนึ่งชาม นางเลยไม่ต้องเสียเวลากับการปรุงอาหารให้คนป่วยมากนัก
นางวิภาขัดใจในคำตอบของลูกสะใภ้ นางสั่งทางสายตาให้นางเจรียงเอาถาดข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ นางเจรียงก็ช่างรู้ใจหยิบเอายาแก้ไข้มาด้วย
“งั้นกินข้าวกินยา แล้วนอนพักเสียล่ะ ขาดหล่อนไปซักคนฉันไม่มีใครให้จิกกัด มันเซ็ง” นางวิภาลอยหน้าตอบอย่างกลัวเสียฟอร์ม ละอองดาวยกมือไหว้แม่สามี คราวนี้คุณนายมีรอยยิ้มนิดๆ เพราะไม่ได้โดนหญิงสาวแขวะใส่แต่ได้รับการไหว้ตอบแทน
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ ขอบคุณป้าเจรียงด้วยค่ะ” เธอฝืนยิ้มให้คนทั้งสองก่อนที่พวกท่านจะกลับออกไป สาวใช้นามว่านกเอี้ยงยังคงอยู่รับใช้กระทั่งเธอทานข้าวทานยาเสร็จเรียบร้อย แต่พอล้มตัวนอนอีกครั้งอาการคลื่นไส้มันก็ทำให้เธอต้องลากสังขารไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะระบายสิ่งที่รับประทานเข้าไปเมื่อครู่ลงสู่ชักโครกจนเกลี้ยงกระเพาะ
“คุณดาว!”
สาวใช้ร้องอย่างตกใจ ตอนนี้ไม่เพียงแต่อาการอาเจียนเท่านั้น แต่นายสาวล้มลงไปกองบนพื้นห้องน้ำ หมดสติไปต่อหน้าต่อตา
สาวนกเอี้ยงรีบไปตามคนมาช่วย หล่อนเร่งสาวเท้าเข้าไปในตึกใหญ่แต่กลับไม่พบใครเลย...นอกจาก
“คุณยักษ์! คุณยักษ์คะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
บุรุษหน้าคมคิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสัน ละสายตาและริมฝีปากจากถ้วยกาแฟร้อนๆ ของตนอย่างหัวเสีย วันนี้แม่นกเอี้ยงมีอะไรจะให้เขาช่วยงั้นรึ
“ฉันว่าจะเปลี่ยนชื่อดีไหมนก เธอจะได้เรียกคนอื่นบ้าง” ชายหนุ่มประชดเล็กน้อยตามนิสัย แต่ไม่คิดโกรธจริงจัง
“โธ่ คุณยักษ์ อย่าเพิ่งว่านกเลยค่ะไปช่วยคุณดาวที คุณดาวสลบอยู่ในห้องน้ำ!”
“อะไรนะ! / อะไรนะ!”
สองเสียงของสตรีสูงวัยสองคนดังประสานกันราวกับว่าสิ่งที่หูได้ยินเป็นเรื่องประหลาด คุณนายวิภากับนางเจรียงจ้องหน้ากันอย่างกังวล ทั้งสองเพิ่งเดินมาได้ยินสิ่งที่สาวใช้เอื้อนเอ่ย
“รีบไปดูเถอะค่ะ” นางเจรียงเตือนนายทั้งสองก่อนที่คนทั้งสี่จะรุดไปยังเรือนไม้หอมของละอองดาว
******************************************************************************
จริงจัง จริงใจ แคร์

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2556, 22:25:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2556, 22:25:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 4385
<< บทที่ 1 โสเภณีตีตรา 100% ไม่มีฉากรักให้หัวใจวายแน่นอน คอนเฟิร์มค่า ^/\^ | บทที่ 2 เจ้าของสายลม 100% >> |