เพลิงสีมุก
“อุ๊ย เออ” ไม่ใช่สิ่งของหรือบุปผาแต่เป็นเพลิง เทพธากร เจ้าเหนือหัวแห่งเกาะสีมุกที่กำลังมองวิลันดาด้วยสายตาเฉียบคมจนหญิงสาวแทบไม่อยากหายใจอีกต่อไป พลางคิดว่าเขารู้ได้ยังไงว่าหล่อนอยู่ที่นี่และกำลังจะหนี
เพลิงมีเพียงกางเกงขายาวเพียงตัวเดียวและรองเท้าผ้าใบ เพราะเขามักจะออกวิ่งทุกเช้าเพื่อเรียกเหงื่อและความกระปรี่กระเปล่าให้ตัวเองก่อนจะไปทำงาน
“ทำไมไม่ไปต่อล่ะ ไปสิ ฉันให้โอกาสเธออีกครั้ง แต่ถ้าครั้งนี้เธอพลาดก็อย่าหวังว่าจะออกจากเกาะแห่งนี้ไปได้เป็นอันขาด” เพลิงกอดอกมองหญิงสาวด้วยแววตาสมเพช
“คุณขังฉันทำไม ฉันไม่เคยไปทำอะไรให้คุณ”
“เธอไม่... แต่พี่ชายเธอทำ ไอ้หน้าตัวเมียอย่างพี่ชายเธอ ให้ตายต่อหน้าฉันก็ไม่สะใจเท่าที่เอาน้องของมันมาทรมานเหมือนที่มันทำร้ายน้องของฉันหรอก” เพลิงย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“พี่วิสไปทำอะไรน้องของคุณ อ้อ ที่ว่าท้อง แล้วหาว่าพี่ชายฉันเป็นพ่ออย่างนั้นเหรอ ฮึ” วิลันดาพ้นลมออกจากจมูกอย่างดูแคลน
“ใช่ ไอ้วิสมันเลว” กรามหนาบดเข้าหากันแน่น ไหนจะแววตาคมดุ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครา มันส่งให้เขาดูน่ากลัวไม่น้อยเลย แต่ไม่ใช่วิลันดา หล่อนจะไม่กลัวเขาเป็นอันขาด
“แล้วมาลงที่ฉันทำไม ทำไมไม่ไปคุยกับพี่วิสเอาเอง”
“เธอไปมุดหัวอยู่ไหนล่ะตอนที่ฉันไปหามันที่เชียงใหม่ห๊า มันเอาเงินฉันไปไม่พอ มันยังทำให้ยัยเพลงต้องเสียใจจนต้องหนีออกจากบ้านไป ฉันถามหน่อยเถอะมันสมควรเป็นคนอยู่ไหม” เสียงตะคอกทำให้หญิงสาวต้องขยับถอยหลังไปอีกนิด แม้ว่าปากจะบอกว่าไม่กลัวเขา แต่ใจตอนนี้ยอมรับว่าหวั่นไม่น้อย
“เรื่องของคุณกับพี่วิสไปเคลียร์กันเอาเองฉันไม่เกี่ยว ปล่อยฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันให้โอกาสเธอแค่ครั้งเดียว ถ้าไปไม่รอดก็อย่าหวังจะได้ออกไปอีกเลย ไปสิ!”
วิลันดามองหน้าเหี้ยมเกรียมอย่างชั่งใจ แต่ก็ยันตัวลุกขึ้นด้วยความรวดเร็ว แล้ววิ่งผ่านหน้าของเพลิงย้อนกลับไปทางเก่า ในเมื่อเขาให้โอกาสออกจากเกาะได้แล้ว หล่อนจะไม่ละทิ้งโอกาสอันดีอันนี้ไปแน่

Tags: เพลิงที่กำลังจะเผาหญิงสาวเก่งกล้าอย่าวิลันดาให้หมดไหม้

ตอน: ตอนที่ 3 ร้ายมาร้ายไป Part 1

ตอนที่ 3 ร้ายมาร้ายไป
เพล้ง!
จานข้าวตกลงมาตรงหน้าของวิลันดา จนข้าวในจานหกกระจายเกลื่อนแคร่ไม้ที่วิลันดากำลังนั่งหมกตัวอยู่อย่างหมดอะไรตายอยาก
“กินเข้าไปสิ”นิ้วเรียวไม่เหมือนกันเป็นคนทำงานบ้านกรีดชี้ลงไปยังจานข้าว
“ข้าวเปล่าเนี่ยนะ”
“บุญเท่าไหร่แล้วที่มีให้กิน” บุปผายืนกอดอกมองวิลันดาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ฉันไม่กินถ้าไม่มีกับข้าวมาด้วย”วิลันดาสะบัดหน้าหนี บุปผาเบ้ปากใส่แต่อีกฝ่ายไม่ทันเห็น
“ไม่กินก็ตามใจ ฉันเอามาให้เธอแล้วนะ” บุปผาก้มลงเก็บจานข้าวเดินลอยหน้าลอยตาออกไปจากกระท่อมตามด้วยประตูที่ปิดลง
“คนในเกาะนี้เขาใจดำกันจังนะ” เสียงเปรยดังๆทำให้เท้าของบุปผาชะงักพร้อมทั้งหมุนตัวกลับมาในกระท่อม พร้อมทั้งทิ้งจานข้าวไปยังแคร่ไม้ข้างตัววิลันดา
“ถ้าไม่ใช่เธอที่อยู่ในกระท่อมนี้ คนทั้งเกาะก็ไม่มีใครเขาใจดำหรอก รู้ไว้ด้วย”
“เหรอ แต่ฉันว่า โดยเฉพาะเธอนะทั้งใจดำ ทั้งโง่ ไม่เจียมตัว ไม่รู้ว่านายหัวจะเลี้ยงให้เสียข้าวสุกทำไม”
“อีวิลันดา!” บุปผาชี้หน้ามือไม้สั่น
“จะทำไมฉัน” หญิงสาวลุกขึ้นตั้งท่ารอบุปผาแต่ร่างบางเซน้อยๆ หน้ามืดกะทันหันเพราะการอดข้าว
บุปผาเปลี่ยนท่าที ก่อนจะยืนเท้าสะเอวแล้วยิ้มเยาะความอวดดีของวิลันดา “ไงล่ะ แม่คนเก่ง แน่จริงก็เข้ามาสิ อีนังบุปผาคนนี้แหละ จะจับแกโยนทะเลแทนนายหัวเอง อย่าเลี้ยงไว้ให้เปลืองข้าวเปลืองน้ำเลย คนอย่างแกกับพี่ชายแกสมควรตายอย่างทรมาน ไม่น่าจะมายืนท้าทายคนโน้นทีคนนี้ที”
บุปผาเดินไปรอบๆ ร่างของวิลันดาที่ยืนนิ่ง “แต่เธอก็เก่งนะทีกล้ามาที่นี่ ไอ้วิสรัชมันคงไม่กล้ามาด้วยตัวเองสิ เลยส่งเธอมาหรือมันหวังอะไร ท่าทางหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ หรือไอ้บ้านั่งมันวางแผนให้แกมาจับนายหัว ใช่ไหม บอกมาสิ” บุปผาบีบปลายคางเรียว วิลันดาสะบัดหน้าจนหลุดแล้วผลักร่างอวบจนก้นจ้ำเบ้ากับพื้นทราย
“เธอมันความคิดต่ำทรามเลยได้แต่ทำงานรองมือรองเท้าของคนอื่น และคงเป็นไปจนตาย”
บุปผาลุกขึ้น “มันเรื่องของฉัน แกอย่าหวังจะใช้ความสาวความสวยจับนายเลย ฉันไม่ยอม และนายหัวต้องเป็นของฉันคนเดียว จำไว้อีนังบ้า”
“เขาคงเอาเธอหรอกนะ เขาทั้งหล่อ ทั้งรวย จะหาที่สวยๆ ระดับนางงามนานาชาติก็ได้ เธอมันกระจอกเกินไปสำหรับเขา”
“อ้าย! อีวิลันดา ปากแกน่าจะเอาน้ำกรดราดนะ อีบ้า” บุปผาเต้นเร้า
“ทำไม ไม่พอใจเหรอ ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิ ที่จริงจะว่าไปฉันก็เหมาะกับเขาดีนะ ที่เธอพูดมามันก็ดีเหมือนกัน ฉันน่าจะใช้ความสาวความสวยให้เป็นประโยชน์น่าจะดี คงไม่ต้องทนนอนกระท่อมซอมซ้อนี้” วิลันดาแกล้วบุปผาไปอย่างนั้นเอง เธอไม่สิ้นคิดจะชื่อเรือนร่างไต่เต้าให้ตัวเองสุขสบายหรอก เธอไม่อยากเป็นที่ครหาในภายหลัง
“เห็นไหม เดาแล้วไม่ผิด แกคิดจะจับนายหัวจริงๆ ฝันไปเถอะ ถ้ายังมีอีนังบุปผาคนนี้อยู่ แกอย่าหวังจะได้นายไปครอบครอง แกนั่งแหละที่สมควรจะเจียมตัว” บุปผาใช้นิ้วผลักจนวิลันดาหน้าหงาย มือบางแนบลำตัวกำแน่น
“ไม่แน่นะ เขาอาจติดใจฉันก็ได้ ฉันยังบริสุทธิ์ผุดผ่อน ไม่เหมือน...” แกล้งลากเสียงแล้วมองร่างอวบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “นายหัวคงไม่อยากกินของเหลือใคร”
กรีด!
“นี่แนะ” บุปผาก้มลงกำทรายยัดใส่ปากวิลันดา แต่หญิงสาวหุบฉับแล้วบ่ายเบี่ยงให้พ้นร่างอวบ แต่ทำได้ยากเพราะบุปผาร่างใหญ่กว่า เรี่ยวแรงรึก็มากกว่า
ร่างอวบขึ้นคร่อมแล้วใช้ทรายขยี้ทั้งใบหน้าเนียนโดยเฉพาะที่ปาก หมายให้วิลันดารู้สำนึกว่าอย่ามาปากเสียกับหล่อนอีก จนกระทั่งทรายหลุดเข้าไปในปากเล็กน้อย วิลันดาไอติดๆ และพยายามถ่มน้ำลายไล่ทรายและเศษขยะออก แต่บุปผากดมือปิดปากเรียวไว้แน่น แล้วก็หัวเราะชอบใจเมื่อวิลันดา ดิ้นรนตีโบยตีพายแต่ช่วยตัวเองไม่ได้
“นี่ยังน้อยไปสำหรับแกนังวิลันดาหน้าลิง”
วิลันดาลุกขึ้นได้ก็ผลักร่างบุปผาลุงไปนอนใต้ร่างตัวเองบ้าง แล้วก็ถ่มทรายใส่หน้า ทรายที่ทำให้หล่อนเกือบหายใจไม่ออก บุปผาใช้มือปาดทรายพร้อมน้ำลายบนใบหน้าขึ้นมาดูก่อนจะเอากลับด้วยการใช้มือข้างนั้นฟาดหน้าวิลันดา จนหญิงสาวหน้าหันแล้วหลุดจากร่างของบุปผา
“แกมันจะสะอาดกว่าฉันตรงไหน หรือตัวสั่นทนรอไม่ไหว ฉันจะหาใครมาช่วยแก้เหงาให้เอาไหม”
“เธอนั่งแหละที่สกปรก ไปนอนกับใครมาบ้างล่ะ แล้วได้ค่าทำนมมาเท่าไหร่เหรอ”
“อี... อีวิ ยังไม่เลิกปากเน่าอีกเหรอ” บุปผาชี้หน้าตัวสั่น เท้างามกระทืบไม่หยุด
“ฉันจะปากเน่าปากหอมมันก็เรื่องของฉัน”
“ใช่ มันเรื่องของแก ถ้าแกไม่มาด่าฉัน”
“ทางที่ดีฉันว่าเธออย่ามายุ่งกับฉันดีกว่า ฉันไม่อยากรังแกคนไม่มีทางสู้”
“ชิ ใครกันแน่ที่ไม่มีทางสู้ เอาแต่อ้าปากกัดไม่เลิก ไม่ต้องกินมันแล้วข้าวน่ะ”พูดพร้อมกับคว้าจานข้าวขึ้นมาถือ ใบหน้าเนียนสีน้ำผึ้งสะบัดจนผมกระจาย
“เอาของเธอออกไปเลย ฉันก็ไม่อยากกินนักหรอก” วิลันดาว่าไล่หลัง มือบางยกขึ้นปาดทรายเช็ดรอยทรายบนใบหน้าทิ้ง
ใครว่าวิลันดาไม่หิวหิวจนไส้จะขาดแต่มีแค่ข้าวเปล่ามันจะทรมานกันเกินไป ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย แค่ที่เขาเอามากักขังอยู่อย่างนี้มันก็มากเกินพอแล้ว
“แม้แต่ข้าวเปล่าก็อย่ากินเลยอีนังโง่” บุปผาเดินกลับมาทางเดิม
“ดูสิเผ้าเฝ้า ทรายทั้งนั้น ฝากไว้ก่อนเถอะอีนังวิ” บุปผาปากว่ามือไม้ก็บัดทรายและเศษขยะตามเนื้อตัว
ข้าวเปล่าที่เหลือว่าครึ่งพร้อมทั้งหยิบถ้วยแกงที่เอาแอบไว้เดินถือกลับไปยังบ้านของนายหัวเพลิง วันนี้เพลิงไม่อยู่ในเกาะเพราะออกไปในเมืองตั้งแต่เมื่อวานและคงเข้าไปดูงานที่ร้านจิวเวอรี่และโรงงานเจียรนัยที่มีเดโชแฝดผู้พี่ของเดชาคอยดูแลอยู่และไม่รู้ว่าจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่
“นังบุปผา นั่นทำไมไม่เอาข้าวไปให้คุณคนนั้นอีกล่ะ เขาจะตายคาเกาะเอานะ”ป้าละอองเห็นบุปผาเดินถือข้าวและแกงกลับมาในลักษณะเดิม หลังจากที่แอบชิมไปบางส่วนแล้ว
“ตายสิดี ฉันไม่ใช่ทาสมันสักหน่อย จะให้ฉันส่งข้าวส่งน้ำทำไม แล้วป้ารู้ไหมมันทำอะไรฉันบ้าง นังนั่นมันปากเน่า กัดฉันยังกับหมาบ้า”บุปผากระแทกก้นนั่งไขว้ห้างลงบนเก้าอี้หินอ่อนในครัวทำท่าทางไม่สนใจที่ป้าละอองพูดเท่าไหร่นัก
“แกนี่มันใจจืดใจดำเหมือนใครกันนะเราเอาเขาไปขังเขาก็ต้องด่าต้องว่าอะไรแกบ้างนั่นแหละ”
“แล้วทำไมต้องไปใจดีกับผู้หญิงคนนั้นด้วย ป้าละอองก็รู้นี่ว่าไอ้วิสรัชพี่ชายมันทำให้คุณเพลงเธออับอายจนต้องหนีออกจากบ้านไป”
“ฉันไม่ลืมหรอกว่าพี่ชายเขาทำอะไรกับนายหัวและคุณเพลงบ้าง แต่เธอเป็นคนล่ะคนกัน แค่เอาเธอไปขังก็มากพอแล้ว แล้วนี่จะให้อดข้าวอีกเหรอ”
“ถ้าป้ากลัวมันตายก็เอาไปให้มันเองสิ ไม่อยากเห็นหน้าเน่าๆ ปากเน่าๆ ของมัน ฉันจะไปที่ฟาร์ม”บุปผาลุกขึ้นสะบัดก้นงอนงามออกจากห้องครัวไปทันที ป้าละอองได้แต่ส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของหล่อนเต็มที
“เฮ้ย มีคนอย่างนังบุปผาสัก 10 คน ฉันคงต้องปวดหัวตายแน่น” ป้าละอองส่ายหน้าน้อยๆมองตาร่างอวบอัดสมส่วนของบุปผาจนลับตาไป
บุปผาเดินผิวปากออกจากบ้านตรงไปยังส่วนที่เป็นฟาร์มหอยมุก การได้แกล้งวิลันดาเล็กๆ น้อยๆ มันทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง บุปผาเดินเลียบเส้นทางเล็กๆ ผ่านแนวต้นไม้ที่พร้อมใจกันบดบังแสงแดดเป็นอย่างดีเลยไม่ร้อนนัก แต่เมื่อเดินไปได้ไม่ไกลแขนเรียวก็ถูกกระชากเข้าไปข้างทางจนบุปผาหัวคะมำเข้าไปหาเจ้าของมือปริศนา
“มานี่”
“ว้าย! อะไรของแกฉันจะไปที่ฟาร์ม”เมื่อเห็นว่าเป็นใครบุปผากลับสะบัดตัวเต็มแรงเพื่อให้หลุดพ้นจากวงแขนแข็งแรงที่นึกรังเกียจมาตลอดเวลาหลายปี
“จะไปอ่อยใครอีกล่ะ ชอบนักเหรอมีผัวหลายคนน่ะ”
“ปากแกอย่างนี้ไงฉันถึงได้เกลียดแก”บุปผาผลักใบหน้าของเดชาจนหน้าคร้ามแดดหันไปด้านข้างอย่างแรง ด้วยความที่บุปผาเกลียดที่เดชาเหมือนพูดแทงใจดำ
“เกลียดผัวตัวเองไม่ได้หรอกนะ ถึงยังไงฉันก็เป็นผัวเธอวันยังค่ำ”
“หึ นายหัวต่างหากเป็นผัวฉัน แกไม่มีสิทธิ์ไอ้เดชา รู้จักเจียมตัวเสียบ้าง”บุปผาทำท่าว่าจะผลักหน้าของเดชาอีกครั้งเมื่อเขาก้มลงมาหอมซอกคอเนียนนุ่มสีน้ำผึ้ง แต่เดชารวมมือนั้นไว้ได้ทัน
“เมียนายหัวเหรอ อยากหัวเราะให้ตายคาเกาะ ถ้านายหัวเขาเอาเธอจริง เขาคงไม่ให้มาทำงานบ้านงกๆ อยู่หรอก ต้องฉันสิผัวตัวจริงและพร้อมที่จะรับเธอเป็นเมียด้วยไม่ว่าเธอจะผ่านใครมากี่คนก็ตาม”
“อ้าย ไอ้บ้าฉันไม่เอาแกหรอก”
“เธอไม่เอาแต่ฉันอยากให้”
เดชาปล้ำกอดจูบบุปผาอยู่ข้างทางซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ที่เดินผ่านจากบ้านของนายเหนือหัวเพลิงไปที่ฟาร์มหอยมุกซึ่งจะไม่มีใครเดินผ่านทางนี้เลยนอกจากเพลิง เดชาและบุปผาเท่านั้นซึ่งเพลิงนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะมาเห็นเหตุการณ์ของเกมสวาทครั้งนี้เพราะในขณะนี้เขาไม่ได้อยู่บนเกาะ
“ไอ้เดชาปล่อยนะ”
เดชาถลกเสื้อกล้ามสีชมพูของบุปผาออกทันทีเผยให้เห็นอกอวบอิ่มภายใต้บราเซียร์ตัวเล็กจิ๋วที่ปกปิดเนินเนื้อไม่มิด ตามมาด้วยกางเกงขาสั้นที่บุปผาชอบใส่เป็นประจำ จากนั้นก็อาภรณ์ชิ้นเล็กสองชิ้นที่หลุดออกไปอย่างง่ายดาย เดชาก้มลงไปดูดเม้นปลายยอดดอกบัวอวบอัดนุ่มหยุ่น มือหนาเลื่อนลงไปด้านล่างผ่านหน้าท้องแบนราบ กดต่ำลงไปเรื่อยๆ ผ่านปอยไหมดกหนานุ่มมือ
“ไอ้เดชา...” บุปผาปรามเดชาเสียงสั่นเมื่อนิ้วมือแข็งแทรกผ่านความบอบบางของดอกไม้บานฉ่ำเข้าไปสำรวจภายในธารธารา



สวัสดีค่ะทุกท่าน ขอแจ้งข่าวหน่อยนะคะ คือตอนนี้กำลังอัพนิยายอยู่ในเว็บเลิฟสองเรื่องค่ะ อีกเรื่องหนึ่งคือ ยอดดวงใจ สายใยแห่งรัก อัพวันเว้นวันสลับกับเรื่องนี้นะคะ ขอให้ทุกคนรับทราบด้วยค่ะ ขอบคุณที่ติดตาม และทุกเม้นต์ ทุก Like นะคะ ขอให้สวยๆ หล่อๆ ไปตามๆ กัน
เรืองริน



เรืองริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.พ. 2556, 13:15:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.พ. 2556, 13:15:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1711





<< ตอนที่ 2 นายหัวเพลิง Part 2 จบตอน   ตอนที่ 3 ร้ายมาร้ายไป Part 2 จบตอน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account