บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บุหงาราคี บทที่ 13 ชู้ไม่รู้ตัว 90%



อรัญญิการ์ปล่อยมือจากเขา หล่อนถอยหลังออกมหนึ่งก้าว ปาดหยดน้ำตาที่ไหลรินให้หายไปจากวงหน้า แล้วเอ่ยกับเขาด้วยเสียงแหบพร่าว่า
“ถ้าคุณเปรมเลือกปฏิเสธเอมี่กับลูก คุณเปรมก็ห้ามข้องเกี่ยวกับเอมี่อย่างจริงจัง ห้ามไปหา ห้ามมองหน้าเมื่อเจอ ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกัน ถ้ามีคนถามก็บอกว่า...ไม่รู้เรื่อง ไม่ตอบคำถามใดๆ ให้เป็นประเด็นขึ้นมา ส่วนที่เหลือเอมี่จัดการเอง และช่วยจำไว้ด้วยว่าเราไม่เคยคบกัน ที่ผ่านมาเอมี่คิดไปเองเท่านั้น แล้วก็...” เธอเว้นช่วงเพื่อกลืนก้อนสะอื้น มันทำให้เปรมินทร์จ้องหน้าเธออย่างสงสัย เขาคงอยากรู้กระมังว่าเธอจะร้องขออะไรอีก
“ลาก่อนค่ะคุณเปรม”
อรัญญิการ์ตัดบทแล้วเดินจากมา ความสุขความทุกข์ที่เธอได้รับในช่วงที่มีเขาอยู่ใกล้ กัน มันไม่มีความหมายต่อเขาเลย ช่างน่าขันแท้ เพราะเมื่อคิดดูดีๆ เธอก็ยังห่วงใยเขา ปกป้องเขาด้วยการให้เขาอยู่นิ่งเฉยไม่ต้องปฏิเสธหรือว่ายอมรับ นั่นเพราะหากในอนาคตเรื่องมันเกิดแดงขึ้นมาและทุกคนได้รู้ว่าเด็กในท้องเธอคือลูกของเขา เขาจะได้ไม่ลำบากไม่ต้องทนฟังถ้อยคำครหาของสังคมนั่นเอง

ปาฏลีมองเพื่อนรักเดินออกมาจากเรือนกระจก เธอรู้ว่าหล่อนร้องไห้แต่เธอไม่อยากเข้าไปปลอบเพราะเกรงว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหวเข้าไปทำร้ายเจ้าภาพในงานเลี้ยงคืนนี้
“พี่ของลูกต้องได้รับผลกรรมของเขาแน่ เปรมิกา” เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง มันทำให้เธอตกใจจนสะดุ้ง แต่ที่ต้องหยุดนิ่งเพื่อไตร่ตรองสิ่งที่เพิ่งได้ยิน นั่นเพราะเสียงนั้นเรียกเธอว่า ลูก และขานชื่อเธอว่า เปรมิกา ไม่ใช่ ปาฏลี
“เอ่อ...คุณชาย ว่าอะไรนะคะ แป๋มได้ยินไม่ถนัด” เธอปาดน้ำตาก่อนจะหันกลับไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง คุณชายเมทัตในชุดสูทเต็มยศไม่ได้มีใบหน้าเคร่งขรึมหรือแย้มยิ้มเหมือนที่เธอได้เห็นอยู่เป็นนิจ ใบหน้าท่านตอนนี้หม่นเศร้า ดวงตาสองข้างแดงก่ำเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา บางทีท่านอาจเห็นมันแล้ว สร้อยทับทิมเส้นนั้น
“อย่าทำร้าย พ่อ นักเลยลูกรัก พ่อคิดถึงลูกทุกนาที แต่พ่อ...หาลูกไม่เจอ” คุณชายเอ่ยวาจาเคล้าหยาดน้ำตาสุดขมขื่น ท่านเจ็บปวดเหลือเกินเมื่อบุตรตรีที่รักยิ่งพยายามปฏิเสธสิ่งที่ท่านเอ่ยออกไปเมื่อครู่นี้
“อย่าล้อเล่นสิคะ ลูก...ที่ไหนกัน คุณเปรมยังอยู่ข้างในอยู่เลย หรือว่าคุณชายจะให้แป๋มไปตามคะ”
เธอพยายามที่จะไม่ยอมรับว่า ลูก ที่ท่านเอ่ยถึงคือตัวเอง เธอบอบช้ำจนชินแล้ว ไม่อยากให้ความรักที่กำลังจะได้รับมาทำให้เธออ่อนแอได้อีก
“เดี๋ยวแป๋มไปเรียกให้นะคะ” เธอหันหลังทว่าก้าวขาได้เพียงครึ่งเดียว คุณชายก็เอ่ยขึ้นอีก
“ปัทมา เป็นยังไงบ้าง” คุณชายสูดหายใจแรงๆ เมื่อน้ำมูกหลั่งมาขังในโพรงจมูก ปาฏลีทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอยืนร้องไห้สะอื้นฮักๆ เพียงเพราะได้ยินคุณชายเอ่ยชื่อมารดา
“แม่...ไปสบายแล้ว! คุณชายไม่มีสิทธิ์เอ่ยชื่อแม่ สิทธิ์ของคุณชายหมดไปตั้งแต่วันที่ขึ้นรถคันนั้น รถยนต์คันหรูตีตราชื่อวังแห่งนี้ คุณชายยังจะถามหาคนที่คุณชายทอดทิ้งไปตั้งยี่สิบกว่าปีอีกทำไม!? ถามหน่อยเถอะ มีความสุขมากไหมที่ได้อยู่ในวังสวยงาม...ห้อมล้อมด้วยเจ้าดอกมัทนาเหล่านี้ หนูถามหน่อยว่า พ่อ มีความสุขมากไหมเมื่อไม่มีหนูกับแม่ พ่อ มีความสุขมากใช่ไหม...ฮือออ พ่อมีความสุขมากใช่ไหม!?”
ปาฏลีร้องระงมลั่นสวนสวยไม่ได้หวั่นเกรงว่าใครจะมาพบเจอเหตุการณ์เข้า เธออยากให้บิดารับรู้ว่าความเจ็บปวดที่ถูกทอดทิ้งมันเป็นเช่นไร
“ลูกหญิง พ่อ...พ่อเสียใจ พ่อผิดเองที่ไม่ได้ดูแลแม่ให้ดี พ่อ...” คุณชายเมทัตพูดไม่ออก ท่านก้าวเข้าไปใกล้บุตรสาวดึงร่างสั่นเทาของหล่อนมากอดปลอบ ปาฏลีหรือ เปรมิกาอยากจะขัดขืนแต่ว่าอ้อมแขนแสนอุ่นของบิดา มันอบอุ่นเกินกว่าที่เธอจะหาญกล้าละทิ้งมันไป
คุณชายกอดปลอบลูกรักด้วยความปลื้มอกปลื้มใจที่ได้พบ แม้มันจะปนเปื้อนหยดน้ำตาแห่งความทุกข์มิใช่น้อย ด้วยว่าสตรีที่รัก เช่น ปัทมา หล่อนไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อย่างที่ท่านเข้าใจเสียแล้ว
‘อโหสิกรรมให้ฉันด้วย ปัทมา แม้ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติ และต้องตายอีกกี่ร้อยหนมันก็ไม่สมต่อความผิดที่ฉันทำไว้ต่อเธอ’
ซุ้มดอกราตรีที่พันเกี่ยวต้นดอกจำปีช่วยกำบังร่างหนึ่งในมุมมืดสลัว อ้อมขวัญพยายามบันทึกภาพที่เห็นตรงหน้าลงในโทรศัพท์คู่ใจหล่อน
“คุณพระช่วย นี่มันเรื่องอะไรกันนี่ เพื่อนรักเจ้าหล่อนก็กำลังโดนข่าวฉาวรุมเล่นงานด้วยข้อหาว่าเบนโล แล้วในขณะเดียวกัน แม่นางฟ้าแสนดีหล่อนมายืนกอดกับคุณชายเมทัตแนบแน่นอะไรอย่างนี้ ท่าทางจะสนิทชิดเชื้อมากกว่าคนรู้จักซะแล้ว เอ...อย่างนี้ก็ งานเข้า แม่นางฟ้า นะสิ หึๆ”
อ้อมขวัญหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ขณะมองภาพชัดแจ๋วในมือถือ หล่อนเร้นกายให้ห่างจากบุคคลทั้งสองด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เธอมั่นใจ งานนี้แม่นางฟ้าดับแน่ๆ

กุหลาบขาวดอกหนึ่งถูกดึงทึ้งออกจากช่อดอก ดวงตาคู่คมวาวโรจน์ด้วยความโกรธระคนแขยง ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเขาต้องเร่งเบือนหน้าหนี บิดาของเขากำลังกอดกันแนบแน่นกับแม่นางฟ้าปาฏลี ทุเรศ! คนหนึ่งรึ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ อีกคนก็ดีแสนดีเป็นนางฟ้านางสวรรค์ของประชาชน ทั้งสองน่าจะมีสติไตร่ตรองถูกผิดหรือสมควรมิสมควร ไม่ใช่ว่าอยากที่ไหนก็คว้าร่างกันและกัน มากกกอดหน้าไม่อายอย่างนี้ อุบาทว์!
หม่อมหลวงเปรมินทร์ปาเจ้าดอกมัทนาสีสะอาดลงสู่พื้นแล้วเร่งฝีเท้าหลีกไปให้ห่างภาพตรงหน้า
เขาขยะแขยงเกินกว่าจะยืนมองคนทั้งสองพลอดรักกัน วันนี้มันเป็นวันหายนะของเขาหรืออย่างไร ทำไมอะไรๆ มันถึงจู่โจมเข้าสู่สมองมากมายขนาดนี้ แล้วเขาจะหยุดคิดเรื่องไหนก่อนดี เรื่องที่อ้อมขวัญก่อไว้ เรื่องสร้อยเส้นนั้นของอรัญญิการ์ หรือว่าเรื่องที่หล่อนบอกว่าท้องกับเขา หรือว่าจะเป็นเรื่องล่าสุดเมื่อสักครู่ แต่ที่แน่ๆ ที่บิดาบอกว่าแม่ใหม่เขาจะอาจจะชื่ออรัญญิการ์ เขาคิดว่าคงไม่ใช่แล้วกระมัง



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มี.ค. 2556, 00:07:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2556, 00:07:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 7560





<< บทที่ 13 ชู้ไม่รู้ตัว 70% กำลังเข้มข้น ><   บทที่ 13 ชู้ไม่รู้ตัว 100%+บทที่ 14 สร้อยทับทิม >>
nutcha 1 มี.ค. 2556, 12:07:00 น.
คูณเปรมยังโง่ต่อไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account