บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บทที่ 15 ไม่ใช่ลูกชู้ 100%

“กรี๊ดดด!!!”

“เอ็ม! / หนูเอมี่!”

คุณชายกับปาฏลีรีบเข้าประคองยัยแม่มด หล่อนถูกเพื่อนสาวพยุงมานั่งบนเก้าอี้ ขณะที่คุณชายพยายามห้ามไม่ให้สื่อมวลชนรุมล้อมอรัญญิการ์

คุณชายเมทัตสั่งให้การ์ดของโรงแรมเคลียร์บรรดานักข่าวออกไปโดยให้พวกเขาไปรออีกห้อง และถ้าใครหาเปรมินทร์ในตอนนี้ เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่เขาหมดแรงทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ตัวเก่ง สายตาจ้องล็อกเกตเขม็งสลับกับเงยหน้าขึ้นมองปาฏลีเป็นครั้งคราว เนิ่นนานกระทั่งเสียงของอรัญญิการ์ฉุดเขาขึ้นมาจากหลุมดำของมโนจิต

ปาฏลีถามเพื่อนรักว่าหล่อนเป็นอะไรมากไหม แต่เธอส่ายหน้า เธอโกรธที่เขาทำร้ายเธอกับลูก ถ้าลูกเป็นอะไรไปล่ะก็เธอไม่ไว้ชีวิตเขาแน่ๆ

อรัญญิการ์ลูบคลำหน้าท้องป้อยๆ ความจริงเธอปวดตรงก้นกบ แต่ตรงนี้มันประเจิดประเจ้อเกินกว่าจะเอามือไปจับไปลูบ เธออายสายตาคนที่มองมา

ห้านาทีผ่านไป อรัญญิการ์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!!

“แป๋ม...เจ็บท้อง!”

“หนู! เป็นยังไงบ้าง เจ็บยังไง บอกฉันที!” คุณชายถามร้อนรนยิ่งกว่าคนเจ็บด้วยซ้ำ

“เจ็บ! โอ๊ย! เหมือนเกร็ง...แต่ มากกว่าปกติ..โอ๊ย!”

“เอ็ม! แกเจ็บมากไหม ท่านพ่อคะ! เรียกหมอเร็ว!” ปาฏลีร้องสั่งบิดา

“ไม่ต้อง!ไปโรงพยาบาลดีกว่า ถ้ารอเดี๋ยวไม่ทัน” เสียงห้าวทุ้มดังแทรกขึ้น

เปรมินทร์ได้สติ เขาสงบจิตใจที่ว้าวุ่นลงชั่วคราว เขาคงใจดำหากไม่เข้าช่วยเหลือหล่อน

“ไม่! อย่าให้คนเลวแตะฉันนะ แป๋ม! แกอย่าให้เขาแตะต้องฉันนะ! ฮือๆ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! เปรมินทร์ปล่อยฉัน! อะ..โอ๊ย! แป๋ม! ฉันเจ็บ! ฮือออ”

เปรมินทร์อยากจะบ้า หล่อนพาลพาโลเหมือนเด็กๆ แหกปากร้องด่าเขามากกว่าจะร้องโอดโอยเพื่อบรรเทาความเจ็บของตัวเองเสียอีก

“หนูขับเอง!” ปาฏลีร้องบอกแล้วรับเอากุญแจรถจากมือบิดา เสียงสัญญาณปลดล็อกดังขึ้นสองหนก่อนที่เธอจะเปิดประตูทางตอนหลังให้ทั้งคู่แล้วจะอ้อมมาสตาร์ทรถ

“ขับรถดีๆ นะลูก พ่อเคลียร์นักข่าวเสร็จแล้วจะรีบตามไปที่โรงพยาบาล” คุณชายรับสั่งแล้วรีบปิดประตูรถยนต์ ท่านมองเข้าไปทางตอนหลังก็เห็นบุตรชายกอดประคองแม่มดน้อยไว้ไม่ห่าง

รถยนต์เคลื่อนออกมาจากหน้าโรงแรมใหญ่มาได้เกือบสิบนาที ปาฏลีเริ่มโมโหเพราะเธอไม่เจอโรงพยาบาลเลยสักแห่ง แล้วตอนนี้เสียงอรัญญิการ์ก็แผ่วลงทุกที

“แป..แป๋ม เจ็บจัง ฮึกๆ”

อรัญญิการ์เอ่ยขึ้นเมื่อความปวดเกร็งจู่โจมอีกครา

“เอมี่! เธออย่าหลับเพิ่งนะ! มองหน้าฉันสิ เธอเจ็บตรงไหน!? เอมี่...” เปรมินทร์น้ำตาคลอเมื่อเห็นสีหน้าเจ็บปวดของหล่อน มือข้างหนึ่งช้อนใต้แผ่นหลังหล่อนส่วนอีกข้างกำลังเลื่อนไปวางบนหน้าท้องนูน

“อย่า! แตะต้องลูกฉัน!” เธอยังไม่วายปกป้องตัวเอง

มือของเปรมินทร์ชะงักค้างกลางอากาศ

“เอมี่! ฉัน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งผลักเธอจริงๆ”

“อย่า!...แตะลูกฉัน คุณ..ปล่อยนะ! โอย..ลูกจ๋า อย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ! แป๋ม! ทำไมฉันเจ็บอย่างนี้ฮือๆๆ”

“เอ็ม! แกอย่าเพิ่งพูดได้ไหม หลานฉัน...จะหลุดออกมา เพราะ...แกพูดมากนี่แหละ...”

นางฟ้าคนงามค่อนขอดเล็กน้อย แต่มือบางต้องยกปาดน้ำตาถี่ๆ ด้วยว่าหยดน้ำตามันบดบังการมองเห็นของเธอนั่นเอง

“ลูก...ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป ฉันจะฆ่าคุณคอยดู!”

เปรมินทร์ไม่สนคำด่าทอ เขาโอบร่างหล่อนแน่นกว่าเดิมจับศีรษะและใบหน้าให้ซุกซบกับแผ่นอกเขา กระซิบถ้อยคำลอบโยนจนหล่อนสงบลง เขาเลื่อนมือลงไปลูบหน้าท้อง หล่อนอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยอยากปลอบขวัญคนที่อยู่ข้างใน

“อย่าดื้อสิ ยัยหนู แม่เจ็บนะรู้รึเปล่า” เขาเอ็ดเบาๆ ข้างหูหล่อน

“อย่ามาเอ็ดลูกฉันนะ รู้ได้ยังไงว่าเป็นยัยหนู เขาอาจเป็นตาหนูก็ได้” ว่าที่คุณแม่ยังโวย เปรมินทร์ยิ้มทั้งน้ำตา เขาเงยหน้าขึ้นมองกระจกสบตาเข้าพอดีกับน้องสาว ปาฏลีก็ล่อยโฮเมื่อเห็นภาพนั้น เปรมินทร์โอบอุ้มคนที่เขาเกลียดชังทั้งแม่ทั้งลูก ไว้ด้วยสองแขนแกร่งและสายตาห่วงใยอย่างที่สุด

“ตาหนู...ลูกฉัน เขา..จะรูปหล่อ เหมือนพ่อ...ฮึก เขาจะตัวสูงเหมือนพ่อ...เขา จะเก่งเหมือนพ่อ...”

เปรมินทร์ปวดใจเหลือที่ได้ฟัง เขาอยากรู้จริงๆ ผู้ชายคนนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหนทำไมถึงไม่มาดูแลหล่อน ทำไมปล่อยให้แม่ของลูกต้องเจ็บเจียนตายในอ้อมแขนของชายอื่น ทำไม!?

“เอมี่! แป๋ม! เอมี่สลบไปแล้ว!” เปรมินทร์ร้องบอกน้องสาวน่าตาตื่น ปาฏลีแทบจะพารถฝ่าไฟแดงและหล่อนก็จะได้ทำมันจริงๆ แล้ว

เปรมินทร์เลื่อนมือไปช้อนใต้ขาพับเพื่อจับขยับร่างหล่อนแต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ของฝากติดมือเขามาด้วย

“เอมี่!”

“ไม่!” แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่มือเขาไล้ผ่านมันคือโลหิตสีแดงฉานและตอนนี้! มันเริ่มซึมออกมาจากชุดกระโปรงสีไข่ไก่ของหล่อนเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

“เอ็ม! แกอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ! เอ็ม! แกตอบฉันเร็วสิ!”

ปาฏลีร้องเสียงหลงเมื่อเห็นบางอย่างเปรอะเปื้อนฝ่ามือของพี่ชาย เธออยากจะปล่อยมือจากพวงมาลับแล้วไปร่วมร่ำให้ปลอบใจเพื่อนให้สมรักแต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เธอจึงทำได้เพียงเหยียบจนมิดฝ่าทุกไฟแดงจนหวิดจะเฉี่ยวชนก็หลายรอบ แต่ดวงเธอยังดีและดวงคนอื่นอาจจะดีกว่า เพราะตอนนี้เธอเห็นสัญลักษณ์โรงพยาบาลชื่อดังอยู่ข้างหน้าแล้ว

“หมอครับ! ช่วยที! เร็วเข้า! เร็วสิ เธอแย่แล้ว!”

เสียงเปรมินทร์โวยลั่นทันทีที่รถจอดสนิทหน้าประตู บุรุษพยาบาลรับร่างชุ่มเลือดของคนเจ็บวางลงบนรถเข็น เปรมินทร์วิ่งตามรถเข็นไป ขณะที่น้องสาวยังต้องเอารถไปหาที่จอด

ห้านาทีต่อมาปาฏลีก็มาปรากฏตัวหน้าห้องฉุกเฉิน แผนกสูติ ซึ่งไม่มีหมอหรือพยาบาลคนไหนอยู่บริเวณมีแต่ร่างสูงใหญ่ของเปรมินทร์ผุดลุกผุดนั่งอยู่อย่างนั้น

“ฉันจะไปกรอกเอกสารให้เอมี่” เธอบอกเขาเมื่อเห็นว่าคงอีกนานกว่าคุณหมอจะทำการรักษาเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าเปรมินทร์เขาจะไม่รับรู้ หรือบางทีรับรู้แต่ไม่ใส่ใจ

“ถ้าเอมี่มาเห็นคุณ มอมแมมอย่างนี้ เธอคงไม่ให้คุณเข้าใกล้” เธอทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นแล้วเดินจากมา วันนี้โรงพยาบาลคนไข้เยอะมาก เธอต้องยืนรอคิวนานจนเมื่อยกว่าจะได้กรอก แต่พอเดินกลับไปที่ห้องนั้นอีกครั้งไฟที่ทางเข้ายังเปิดอยู่ แสดงว่าเพื่อนรักคงอาการสาหัส แล้วเขาหายไปไหนล่ะ เธอเดินหาแต่ไม่เจอเลยคิดว่าคงกลับไปแล้ว เธอเดินมายังด้านหน้าที่มีคนไข้และบรรดาญาติๆ นั่งรวมกันอยู่พวกเขาดูไม่สดชื่นเลย เธอก็เช่นกัน แถมเด็กบางคนยังส่งเสียงร้องระงมพลอยทำให้คนไม่ป่วย อยากป่วยตามไปด้วย

เธอกลับไปนั่งรอที่หน้าห้องฉุกเฉิน เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมาเปรมินทร์ก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับท่านพ่อของเธอ

“เป็นยังไงบ้างลูก มีใครออกมาบ้างหรือยัง” คุณชายเมทัตเอ่ยขึ้นทันทีที่มาถึง เธอตอบบิดาว่ายังไม่มีใครออกมาเลย เปรมินทร์ อาบน้ำแต่งตัวใหม่แต่ไม่ค่อยเรียบร้อยนัก เห็นได้จากผมที่ยังไม่ได้หวีซึ่งผิดระเบียบคุณชายเจ้าสำอาง อย่าว่าแต่หวีเลยเขายังไม่ได้เช็ดมันด้วยซ้ำ เธอล้วงมือควานหาบางอย่างในกระเป๋าและไปยื่นให้เขา แต่เขาไม่สนใจ

“ผ้าพันคอยัยเอ็ม เช็ดผมเถอะเดี๋ยวไม่สบาย” เธอบอก คราวนี้เขาหยิบมันไปแต่ไม่ได้เอาไปเช็ดผมอย่างที่เธอต้องการเข้ากอบกุมมันไว้ด้วยสองมือแล้วซุกใบหน้าลงไป บางทีเขาอาจจะเห็นมันเป็นแก้มบางของเพื่อนเธอกระมัง

ไฟหน้าห้องถูกปิดลง เปรมินทร์ลุกจากที่นั่งก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงร่างคุณหมอราวกับฝ่าเท้าเขาติดสปริงไว้อะไรอย่างนั้น

“ปลอดภัยแล้วครับ แต่อาการหนักพอดู น่าจะให้นอนพักรักษาตัวสักอาทิตย์ คุณพ่อควรจะดูแลอย่างใกล้ชิดนะครับ ดีที่มาโรงพยาบาลทัน เลือดยังออกไม่มาก อีกอย่าง คุณแม่ร่างกายอ่อนแออาจเป็นเพราะไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอเลยทำให้เวลากระแทกเพียงเล็กน้อยก็ทำไห้คุณแม่เสี่ยงต่อถาวะแท้งเอาง่ายๆ ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดครับ”

“ครับแล้วเราเข้าเยี่ยมได้รึเปล่า” เปรมินทร์ถาม

“ตอนนี้ยังครับ เดี๋ยวให้พยาบาลเข็นคุณแม่ไปที่ห้องพัก แล้วค่อยเข้าเยี่ยมตอนนั้นจะดีกว่า อ้อ...ช่วงนี้ พยายามอย่าให้เดินมากนะครับจะได้ไม่กระทบกระเทือน น่าจะสักอาทิตย์คงดี”

“ขอบคุณครับหมอ” คุณชายเอ่ยกับคุณหมอและตามไปถามเรื่องคนป่วยกับคุณหมอต่ออีก ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น อรัญญิการ์ก็ถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน มีสายน้ำเกลือห้อยย้อยติดที่ข้อมือหล่อน สองพี่น้องก้าวขาตามบุรุษพยาบาลไปยังห้องพักและนั่งรอแต่คนเจ็บก็ยังไม่ยอมตื่น กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือของปาฏลีดังขึ้นเธอเลี่ยงไปรับและไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็กลับเข้ามาเพียงด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

“หนูต้องไปทำงานคืนนี้ เครื่องออกตอนสามทุ่ม แต่...เอมี่”

“ทำไมเร็วอย่างนี้ไหนบอกว่าอีกหลายวัน” คุณชายเอ่ยถามทันทีที่เปิดเข้าประตูมาแล้วได้ยินบุตรสาวเอ่ยอย่างนั้น

“พอดีว่าทางโน้นพายุเข้าค่ะ ถ้ารออีกสามวันตามกำหนดเขาว่าเครื่องจะบินลำบาก เพื่อความปลอดภัยเขาเลยแนะให้เร่งไปวันนี้เลย” เธอตอบบิดา

“แป๋มจะไปเอากระเป๋า และจะกลับมาอีกทีตอนค่ำ ตอนนั้นยัยเอ็มคงฟื้นแล้ว”

“เดี๋ยวพ่อไปส่งลูกเอง” คุณชายอาสา

“แต่ว่า...” เธอมองไปยังเตียงที่เพื่อนรักนอนอยู่

“พี่ชายของลูกเขาจะดูแล เพื่อน ของ น้องสาว อย่างดีที่สุด จริงไหมคุณเปรม”

เปรมินทร์ลุกขึ้น เดินไปจ้องคนป่วยที่ข้างเตียงก่อนจะขานตอบบิดาสั้นๆ

“ครับ”

“ขอบคุณนะคะ...พี่ชาย”

คุณชายอมยิ้มเมื่อลูกสาวเอ่ยคำนั้น เจ้าหล่อนเอ่ยจบก็เปิดประตูออกจากห้องไม่รอฟังคำขานรับจากพี่ชาย ด้วยซ้ำ

เปรมินทร์อึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อโดนความอบอุ่นของคำว่าพี่ชาย วิ่งชนหัวใจเต็มแรง มันอบอุ่นจนหัวใจหยิ่งทระนงเริ่มอ่อนยวบหวั่นไหว เขาช่างขี้ขลาดนักที่ให้น้องสาวเป็นฝ่ายอ่อนข้อทั้งที่เขาผิดเต็มประตู แต่ถ้าจะเท้าความกันจริงๆ คนที่ผิดที่สุดก็คือมารดาหล่อนนั่นล่ะที่แย่งบิดาเขาไป



แสงสว่างที่เจิดจ้าที่ลอยอยู่ข้างหน้ามันคืออะไร ทำไมมันช่างทำร้ายการมองเห็นของเธอได้ขนาดนี้ แม้ว่าจะหลับตาลงเพื่อรับสภาพให้คุ้นชิน แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“เอมี่! เธอฟื้นแล้ว!” เสียงที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินกลับเป็นเสียงแรกที่เอ่ยขึ้นใกล้ๆ มันใกล้จนเธอได้กลิ่นแชมพูของเขาและมันอาจทำให้เธออยากอาเจียน

“ออกไป...ห่างๆ ฉัน ฉันเหม็นกลิ่นกุหลาบ” เธอบอก

เปรมินทร์เด้งตัวออกราวกับเธอเป็นของต้องห้าม สีหน้าเขาดูประหลาดจนเธออยากหัวเราะแต่สังขารมันไม่อำนวยเท่าไหร่

“น้ำ ขอน้ำด้วย” เธอร้องขอ และเขาก็เอามาจ่อให้ถึงปาก เธอดื่มเสร็จแล้วแต่เขายังไม่ยอมไป เธอเลยโบกมือไล่



************************

















Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มี.ค. 2556, 00:44:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มี.ค. 2556, 00:50:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 6468





<< บทที่ 15 ไม่ใช่ลูกชู้ 40%   
nutcha 7 มี.ค. 2556, 09:59:48 น.
วางแผงเมื่อไรจ๊ะหนูอัญ


มะเหมี่ยว 7 มี.ค. 2556, 20:30:28 น.
เอมี่จะทำอย่างนอกับของลูก
อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
รออยู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


yinyin 28 เม.ย. 2556, 04:34:47 น.
อ๋อยย กะลังสนุกเลย วางแผงยังคะ อัพต่อไม่ได้หรอคะ TT


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account