สนิมดอกรัก (ตีพิมพ์แล้ว - สนพ.อรุณ)
แพรวเพชร สิริณธรณ์ ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เมื่อเผ่าภาคินที่เธอเข้าใจว่าเสียชีวิตไปแล้วเกือบสี่ปี
จู่ๆจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
แถมยังมาในมาดมหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อ ร่ำรวย
และโหดเหี้ยมเหมือนในนิยายเป๊ะ!
.
.
.
.
“เชิญกรอกข้อมูลส่วนตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแนะนำรายละเอียดและขอบเขตการให้บริการให้ฟัง อ้อ...ต้องให้ดิฉันแจ้งค่าใช้จ่ายให้ทราบคร่าวๆก่อนไหมคะ เพราะค่าบริการของเราไม่แพงก็จริง แต่สำหรับคนกำลังเก็บเงินแต่งงาน มันก็...เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลย”

“ดูเหมือนว่าเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตคุณเสมอเลยนะ คุณแพรวเพชร” เผ่าภาคินหยัน

“พูดอย่างกับว่ามันไม่สำคัญสำหรับคุณงั้นแหละ” หญิงสาวบิดริมฝีปากนิดๆอย่างดูถูก จากนั้นเดินไปยังโต๊ะที่วางชิดผนัง ดึงเอกสารแผ่นหนึ่งจากแท่นใสทรงกระบอกถือมากางตรงหน้าชายหนุ่ม พลางอธิบายด้วยท่าทีเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่สนใจแม้จะเห็นว่าสายตาที่จ้องเธอแทบจะแผดเผาลุกเป็นไฟ

“นี่ค่ะ อัตราค่าสมัครแรกเข้าสำหรับลงทะเบียนเป็นสมาชิกของคิวปิดฯ ส่วนคอร์สที่คุณจะเข้าใช้บริการแยกคิดเป็นรายครั้ง เรามีรายการให้คุณเลือกเยอะค่ะ ทั้งดำน้ำ วาดรูป อบรมบุคลิกภาพ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ ทำบุญไหว้พระ ทำขนม อ้อ...แต่สุดท้ายนี่ฉันไม่แนะนำนะคะ เพราะคุณคงไม่อยากให้ครูคนนั้นรู้ว่ามาสมัครเป็นลูกค้าที่นี่”

“แล้วมีคอร์สสับรางไม่ให้รถไฟชนกันบ้างไหม หรือไม่ก็พวก...วิธีซ่อนชู้ ซ่อนกิ๊กอะไรแบบนี้น่ะ ผมสนใจเป็นพิเศษ และถ้าให้แนะนำ ผมว่าคุณน่ะเหมาะจะเป็นวิทยากรมาก ใช้ประสบการณ์ตรงมาสอนก็ได้ คงมีคนอยากเรียนกันเยอะแยะ”

แพรวเพชรหัวเราะขัน “แปลกนะคะ คุณพูดเองแท้ๆว่าฉันไม่ได้มีเกียรติ มีเสน่ห์ หรือว่ามีค่าพอให้คุณเสียดมเสียดายอะไรแล้ว แต่ไอ้ที่คุณพูดๆมาเนี่ย เหมือนว่า...คุณจะจำเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉันได้แม่นยำจังเลย”

หญิงสาวดักคอและลอยหน้าเอ่ยประโยคต่อไปว่า “เอ...หรือว่าอันที่จริงแล้วคุณไม่ได้คิดอย่างที่พูด แต่กำลังเรียกร้องความสนใจจากฉัน หรือบางทีไอ้ที่บอกว่าจะแต่งงานกับคุณนวลนรีนั่นก็เป็นแค่การโกหก แกล้งทำเป็นโชว์ออฟ เพียงเพราะอยากให้ฉันรู้สึกรู้สาไปด้วยเท่านั้นเอง ประชด...อะไรทำนองนั้นน่ะเหรอคะ”

ปฏิกิริยาที่ไม่ได้คาดไว้ล่วงหน้าทำให้เผ่าภาคินค้นหาคำตอบโต้ไม่พบแม้แต่คำเดียว

แพรวเพชรแต้มยิ้มทำสีหน้าสมเพช จากนั้นก้าวเข้ามาใกล้ เอื้อมมือแตะแก้มอีกฝ่ายแผ่วเบาหยอกเย้า “โถ...น่ารักจริง แต่ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ผิดหวัง ฉันแต่งงานแล้ว และก็ไม่เคยคิดนอกใจสามี เพราะเขาเป็นคนดีมาก ยิ่งเขาดีเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งนึกเสียดายที่เคยไปเกลือกกลั้วกับของสกปรกมาก่อน โชคดีที่เขาไม่ถือสาอดีตของฉัน ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่ได้เป็นผู้หญิงโชคดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

ประโยคสุดท้ายทิ่มแทงหัวใจคนฟังจนแทบทนไม่ไหว และเพียงเสี้ยววินาทีที่เผ่าภาคินปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความควบคุม อุ้งมือแข็งแรงก็ตวัดคว้าต้นแขนหญิงสาวพร้อมทั้งบีบรุนแรง กระแสบางอย่างที่แล่นปราดผ่านปลายนิ้วทำให้ชายหนุ่มเกือบจะปล่อยมือ แต่เขาก็ฝืนกำมือแน่น เค้นเสียงลอดไรฟันเอ่ยคำถัดมา

“ใช่ ฉันมันเลว ชั่ว แต่ก็สมกันดีแล้วไม่ใช่เหรอ ผู้ชายสกปรกกับผู้หญิงที่น่าขยะแขยงน่ะ แพรวเพชรคนอ่อนโยนไร้เดียงสาที่ฉันเคยรู้จัก มาวันนี้กลับกลายเป็นผู้หญิงกร้านโลก หลายใจ น่ารังเกียจไปแล้ว ทุเรศที่สุด”

“ในเมื่อพี่เผ่าคนที่ฉันเคยรู้จักตายไปแล้ว แพรวเพชรคนที่คุณเคยรู้จักก็สมควรจะตายไปได้แล้วเหมือนกัน ถือว่าเราเสมอกันไงคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างสะใจ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เนื้อหาทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าเพจนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พุทธศักราช ๒๕๓๗ ห้ามมิให้ทำการคัดลอก ดัดแปลง หรือแก้ไข บทความเพื่อนำไปใช้ก่อนได้รับการอนุญาต

หากฝ่าฝืน สิริณ จะดำเนินการทางกฎหมายทั้งจำและปรับ โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น

ผู้ใดชี้เบาะแสการคัดลอก สิริณ มีรางวัลนำจับให้ด้วยนะคะ ^^
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๘

“เพชร...ทำไมถึงใช้คุณนรามาเอาของที่บ้านล่ะลูก” เสียงเข้มงวดของเพราพิศตำหนิมาตามสายโทรศัพท์ตอนสายของวันรุ่งขึ้น เป็นผลให้แพรวเพชรขมวดคิ้วด้วยความฉงน

“ของอะไรคะ เพชรไม่ได้ให้พี่นราไปเอาอะไรที่บ้านสักหน่อย”

“อ้าว! ก็สามีเราเขาบอกว่าเพชรจะเอาตำราเรียนเก่าๆไปใช้ทำงาน เขาเลยมาหาให้”

“พี่นราบอกแม่อย่างนั้นเหรอคะ” แพรวเพชรเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ เมื่อเช้าตอนแยกกับนราธิปที่หน้าคฤหาสน์ก่อนไปทำงาน ไม่เห็นเขาพูดอะไรสักคำ จู่ๆกลับไปที่บ้านมารดาเธอเพื่อค้นข้าวของเก่าๆ นี่ไม่น่าจะเป็นเรื่องปกติ หญิงสาวมองนาฬิกาข้อมือแล้วตัดสินใจถาม“พี่นรากลับออกมาหรือยังคะ”

“เพิ่งขึ้นไปที่ห้องเพชรเมื่อกี้นี้เอง แม่ไม่ชอบนะเพชร สามีเราเขาเป็นคุณหนู พ่อแม่เลี้ยงมาไม่เคยต้องทำงานอะไร มีคนรองมือรองเท้ามาตลอด เพชรจะมาใช้งานเขาทำโน่นทำนี่แบบนี้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขารักแล้วจะใช้เขาแบบนี้ หัดให้เกียรติเขาซะบ้างนะยะ” มารดาเหน็บแนมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ค่ะแม่ เพชรทราบแล้ว” แพรวเพชรวางสายแล้วถอนหายใจอย่างบอกไม่ถูกว่าหนักใจหรือเหนื่อยใจกันแน่
เพราพิศและมารดาของนราธิปสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แม้ฐานะของสุภาพสตรีทั้งสองจะแตกต่าง แต่นั่นไม่เป็นปัญหาเลย เพราะครอบครัวนราธิปรู้จักและเอ็นดูความประพฤติของเธอมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว เธอเองก็สนิทสนมกับชายหนุ่มเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง

นั่นคงเป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้ใหญ่พูดคุยจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน เมื่อแพรวเพชรเริ่มโตเป็นสาว หญิงสาวหาข้ออ้างหลีกหนีจากกรงทองที่แม่เปิดรอเอาไว้ด้วยการขอไปเรียนต่อ แต่กลับถูกพันธนาการไว้ด้วยพิธีหมั้นหมาย ก่อนจะยอมให้โผบินสู่อิสรภาพช่วงสั้นๆในต่างแดน โดยมีคู่หมั้นตามไปดูแลใกล้ชิด

ถ้าเป็นบ้านอื่นคงไม่กล้าส่งลูกหลานวัยหนุ่มสาวไปเรียนด้วยกันตามลำพังเพราะห่วงเรื่องชิงสุกก่อนห่าม แต่กรณีของเธอตรงข้าม ทุกคนอยากให้แต่งงานกันก่อนไปด้วยซ้ำ เธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายประวิงเวลาเอาไว้ เพราะฉะนั้นหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันจริง หญิงสาวเชื่อว่าทั้งสองแม่คงจะดีใจมากกว่าเสียใจแน่นอน

เรื่องราวที่แพรวเพชรนอกลู่นอกทางไปคบหากับเผ่าภาคินไม่เคยรู้มาถึงหูของบุพการีทางเมืองไทย นราธิปปกปิดเรื่องนั้นไว้เป็นอย่างดี และเมื่อเธอเดินทางกลับสู่มาตุภูมิพร้อมกับบุตรสาววัยแรกเกิด นราธิปจึงถูกมารดาของทั้งสองฝ่ายเอ็ดด้วย ‘รอยยิ้ม’ ที่ไม่รู้จักหักห้ามใจและให้เกียรติเธอ!

ชายหนุ่มไม่ปริปากอธิบายใดๆ เพียงแค่ยืนกรานว่าต้องการแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีเท่านั้น ตลอดเวลาสามปีเศษๆเกือบสี่ปี นราธิปปฏิบัติต่อเธอดีเสมอต้นเสมอปลาย เขารักเธอโดยไร้ข้อแม้ และแพรวเพชรก็เชื่อมั่นเหลือเกินว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

จนกระทั่งวันนี้...ความเชื่อนั้นกลับเริ่มสั่นคลอนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอไม่ได้กลัวว่านราธิปจะรักตัวเองน้อยลงแต่ที่หวั่นคือตนเองจะรักเขาไม่ได้มากพอที่จะทดแทนความรักมากมายที่ได้รับต่างหาก!

หญิงสาวออกจากสำนักงานโดยไม่หยุดคิดเลย ขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านมารดา เพียงไม่ถึงสิบนาทีก็เลี้ยวเข้ามาในเขตบ้านเดี่ยวหลังเล็กๆท่ามกลางสวนเขียวขจี รถบีเอ็มคันโตของสามียังคงจอดอยู่ที่หน้าบ้าน

แพรวเพชรทำความเคารพมารดาแล้วเดินแกมวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของเธอตั้งแต่สมัยก่อนแต่งงาน หญิงสาวยืนอยู่หน้าประตู สูดหายใจเข้าลึก รวบรวมกำลังใจก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตูห้องผลักเข้าไปช้าๆ

นราธิปนั่งอยู่ท่ามกลางกองอัลบั้มรูปที่วางเรียงรายระเกะระกะตรงหน้า ดวงหน้าที่ค่อยๆหันมามองสบตาเธอมีร่องรอยเจ็บปวดโชนฉาย ดวงตาคู่นั้นบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวต้องกลืนกลั้นรอยน้ำตาไว้ยิ่งยวด เส้นสายบนหน้าผากบอกให้รู้ว่าเขาสับสนกับสิ่งที่เพิ่งได้เห็นเช่นกัน

แพรวเพชรก้าวเข้ามาในห้อง งับประตูปิดพร้อมกับกดล็อก ก่อนขยับมานั่งลงบนพื้นตรงหน้าชายหนุ่ม

“ถ้าพี่นราอยากรู้ ทำไมไม่ถามเพชรตรงๆล่ะคะ เพชรจะได้อธิบายให้ฟังด้วยตัวเอง” เธอเริ่มต้นช้าๆ

นราธิปลูบหน้าแรงๆ สีหน้าเผือดขาวบอกให้รู้ว่าเขาคล้ายยังอยู่ในภวังค์ช็อกนิดๆ

ผู้ชายจากในอัลบั้มที่เพิ่งผ่านตาเมื่อครู่กับ ‘นายจันทโครพ’ ลูกค้าของแพรวเพชร คือคนเดียวกันโดยไม่ต้องสงสัย แม้จะมีลักษณะบางอย่างเปลี่ยนไปมากมายจนจำแทบไม่ได้ แต่เมื่อรวมกับปฏิกิริยาแปลกๆในระยะไม่กี่วันที่ผ่านมาของแพรวเพชร ก็เป็นยิ่งกว่าคำยืนยันให้นราธิปมั่นใจว่า สิ่งที่เขาสันนิษฐานไม่มีทางผิดไปจากความเป็นจริงเด็ดขาด เขารู้จักผู้ชายคนนี้...‘อดีต’ ผู้ชายในชีวิตของแพรวเพชร!

“เป็นเขาจริงๆใช่ไหม” น้ำเสียงที่เอ่ยถามแหบพร่า

จำเลยก้มหน้าคอตก “ค่ะ พี่นราไม่ได้คิดมากไปเอง เป็นเขาจริงๆ”

มีความเงียบเนิ่นนานตกหล่นอยู่ในอากาศ กว่านราธิปจะค้นหาคำถามใหม่พบ “เพชรรู้ได้ยังไงว่าพี่อยู่ที่นี่”

“แม่โทร.ไปเอ็ดที่เพชรใช้สามีมาเอาของที่บ้าน เพชรจำได้ว่าไม่เคยรบกวนพี่นราให้ทำแบบนั้น ก็เลยเดาได้ว่าพี่นรากำลังสงสัยเรื่องอะไร” หญิงสาวหยิบอัลบั้มรูปมาพับสอดเก็บใส่ลัง แล้วเลื่อนเข้าไปเก็บไว้ที่ลิ้นชักใต้ตู้ตามเดิม “พี่นราได้รู้ในสิ่งที่ต้องการแล้วใช่ไหมคะ”

แพรวเพชรช้อนสายตาขึ้นสบสานกับสามี “เพชรเคยขอเวลาพี่นรา และวันนี้เพชรพร้อมแล้ว ถ้าเราจะส่งตัวกันตรงนี้ พี่นราจะว่ายังไงคะ” มือขาวบางค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนออกทีละเม็ดอย่างมั่นคง

นราธิปยึดคว้าข้อมือเธอไว้ทันที เขาแค่นหัวเราะขื่นๆ “มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอเพชร เห็นพี่เป็นอะไร ถนอมตัวอยู่หลายปี แต่พอไอ้หมอนั่นกลับมา ก็มาร้องขอเป็นเมียพี่ คิดว่าพี่อ่านเกมไม่ออกหรือว่าเพชรจะใช้พี่เป็นเครื่องมือประชดนายคนนั้นน่ะ โทษทีนะ พี่ไม่เห็นด้วยกับวิธีของเพชร”

ไหล่บอบบางไหวสะท้าน ขณะมือที่ถูกกุมไว้ร่วงลงมาบนตัก แพรวเพชรเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นรอยสะอื้น แต่ก็ทำไม่สำเร็จ สุดท้ายจึงปล่อยน้ำตาพร่างลงอย่างควบคุมไม่ได้

นราธิปขยับเข้ามาใกล้ ดึงตัวเธอเข้าไปกอดพร้อมกับลูบหลังด้วยอาการปลอบประโลม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือความเจ็บปวดชัดเจน

“พี่ไม่ได้รังเกียจเพชร แต่พี่รักเพชรมากเกินกว่าจะยอมให้เพชรเสียใจหรือรู้สึกผิดในภายหลัง พี่เคยบอกแล้วว่าพี่ไม่ต้องการแค่ตัว แต่พี่ต้องการหัวใจของเพชรด้วย ถ้าไม่ได้ทั้งหมด พี่ก็ไม่ต้องการอะไรเลย”

แพรวเพชรปล่อยโฮออกมาเต็มเสียง ซุกใบหน้ากับอกสามีในนาม ใช้แผงอกแกร่งของเขาซับน้ำตา

นาน...กว่าหญิงสาวจะถอนสะอื้น

นราธิปแตะบ่าดันหญิงสาวออกห่าง ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้คนที่กำลังก้มหน้าหลบตาเขาอยู่ ขณะสมองอึงอลด้วยคำถามที่ไม่เคยเตรียมใจไว้เผชิญ

เผ่าภาคินควรจะต้อง ‘ตาย’ ไปแล้วมิใช่หรือ ไฉนเขายังมีชีวิตอยู่ แล้วทำไม...เขาต้องกลับมาพบกับแพรวเพชรอีกครั้งด้วย หรือว่าหมอนั่น...จะมาทวงสิทธิ์ ทวงทุกอย่างที่เคยเป็นของตัวเองกลับคืน!
เพียงความคิดนั้นพาดผ่านมาในสมอง นราธิปก็รู้สึกเหมือนจะทนไม่ได้เสียแล้ว

คิ้วหนาเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่น ดวงตาที่เคยอ่อนโยนเป็นนิจหรี่ลงนิดๆอย่างหมายมาด

แพรวเพชรเป็น ‘ผู้หญิงของเขา’ เธอเป็นอย่างนั้นตลอดสี่ปีที่ผ่านมา และเขาต้องการให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป ต่อให้ต้องแลกด้วยทุกสิ่งในชีวิต เขาก็พร้อมจะทำ แต่จะไม่มีวันปล่อยมือจากแพรวเพชรเด็ดขาด
เขารักผู้หญิงคนนี้ และใครหน้าไหนก็แย่งไปไม่ได้ด้วย!

นราธิปเชยคางแพรวเพชรให้เงยขึ้นสบตา ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไร้อารมณ์ขึ้งโกรธปะปน

“บางที...นี่อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้นะเพชร ที่เราสามคนจะได้สะสางเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจกันให้เรียบร้อยเสียที”
.
.
.
นวลนรีส่งยิ้มให้นักเรียนคอร์สทำขนมคนสุดท้ายที่กล่าวลาเธอ คอยจนฝ่ายนั้นปิดประตูห้องเรียนไล่หลังไปแล้ว จึงนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ตัวอย่างสิ้นเรี่ยวแรง เกือบสิบนาทีถัดมาอิงอรุณก็ผลักประตูกลับเข้ามาในห้อง รอยยิ้มที่ส่งมาให้มีร่องรอยชื่นชมชัดเจน

“เหนื่อยไหมคะคุณนวล อิงเรียนอยู่หลังห้อง เห็นแล้วหมดพลังงานแทนเลยนะคะเนี่ย”

“เหนื่อยเหมือนกันค่ะ แต่สนุกมาก ลูกค้าคุณอิงทำให้ห้องเรียนนี้หวานๆยังไงพิก๊ลพิกล” นวลนรีล้อเลียน

“ค่ะ เรียนกันไป ส่งสายตากันไป อิงก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าวิชาทำขนมจะเซ็กซี่ได้ขนาดนี้ ตอนที่ช่วยกันนวดแป้งกรุถาดพายนี่...เชื่อไหมคะว่ารูปที่ถ่ายออกมาดูอย่างกับในหนังแน่ะ มีจ้องตากัน หยอกเอินกัน วู้ย...เห็นแล้วต่อมจินตนาการทำงานกระเจิดกระเจิงไปหมด อิงว่าถ้าเอารูปไปขยายติดที่บริษัท คอร์สหน้าพอเปิดสอนทำขนม รับรองว่าคนคงแย่งกันลงทะเบียนจนเต็มอย่างรวดเร็วแหงๆ”

“คุณอิงนี่มีความสุขกับการจับคู่ใครต่อใครจังเลย ถามหน่อยได้ไหมคะว่าคุณอิงมีแฟนหรือยัง” นวลนรีสบตาคู่สนทนาอย่างเปิดเผย

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าคนที่มีอยู่นี่เรียกว่าแฟนหรือยัง แต่อิงไม่รีบหรอกค่ะ ยังมีเวลาดูกันไปอีกนาน” เจ้าของบริษัทจับคู่เสียงใส “จะว่าไปบางทีอิงก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลัวความรักนะ กลัวว่าจะรักหรือถูกรักมากน้อยเกินไป ไม่ว่าจะแบบไหน อิงว่ามันเจ็บทุกประตูเลย ยกเว้นเสียแต่ว่าเราจะโชคดี เจอคนที่รักกันในแบบที่กำลังดี”

หญิงสาวชั่งใจครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ...ลองเชิง “ว่าแต่คุณนวลเถอะค่ะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคะ”

“คงอีกนานค่ะ”

“อ้าว...ทำไมล่ะคะ ครั้งนั้นที่เจอพี่ชายคุณนวล เขาบอกว่าขอคุณนวลแต่งงานแล้วนี่นา”

“อืม...” นวลนรีมีท่าทางครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจตก “จะว่าไปแล้ว ที่นวลยังไม่ตอบตกลง คงเป็นเพราะนวลเองก็ไม่แน่ใจความรู้สึกของพี่เผ่าเหมือนกันมั้งคะ บางทีนวลรู้สึกเหมือนเขามีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ทั้งที่นั่งอยู่ด้วยกัน แต่คล้ายกับว่าเขาไม่อยู่ตรงนั้นกับนวลเลย ใจเขา...เหมือนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ประมาณนั้นน่ะค่ะ”

“คุณนวลรู้จักคุณเผ่ามานานแล้วหรือคะ”

“เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงปีเลยค่ะ คุณแม่พี่เผ่ากับคุณแม่นวลทำบุญสายเดียวกัน พอดีนวลเพิ่งเปิดร้าน พี่เผ่าเลยมาช่วยดูแลเรื่องระบบคอมพ์ให้ ก็เลยสนิทกันมากขึ้น” ตอนท้ายคนพูดถอนหายใจแผ่วๆ

อิงอรุณแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นความหนักใจที่อีกฝ่ายเผอเรอแสดงออก แต่ถือโอกาสนั้นถามต่อ “คุณเผ่าเขาเก่งเรื่องคอมพ์มากเลยเหรอคะ”

“ค่ะ พี่เผ่าเก่งมาก ขนาดคุณแม่เขายังไม่คาดคิดเลยว่าลูกชายจะมีวันนี้ได้ นวลเคยได้ยินเขาคุยกับพนักงานที่แคนเบอร์รานะคะ เหมือนคุยภาษาต่างดาวกันเลย คือนวลฟังรู้เรื่องทุกคำ แต่เอามารวมกันเป็นประโยคแล้วกลับไม่เข้าใจ พี่เผ่าเขาเริ่มต้นจากติดลบนะคะ ไม่ใช่ศูนย์ ไปกู้เงินพวกมาเฟียมาลงทุนทำบริษัทครั้งแรก พอบริษัทเริ่มอยู่ตัวถึงได้ทยอยคืนเงิน ถ้าคุณอิงรู้ว่าพี่เผ่าจ่ายดอกเบี้ยไปเท่าไหร่ คุณอิงต้องเสียดายแทนแน่ๆ”

“แล้วทำไมต้องไปกู้พวกมาเฟียล่ะคะ ทำสินเชื่อจากธนาคารไม่ง่ายกว่าหรือ”

“พี่เผ่าเป็นแค่คนต่างชาติคนหนึ่ง ไม่มีวีซ่าถาวร แถมยังเป็นคนเอเชียอีก แบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อให้หรอกค่ะ ไม่ใช่ไม่พยายามนะคะ แต่ลองทุกวิถีทางแล้วก็ยังไม่ได้ พี่เผ่าถึงตัดสินใจนัดพบพวกผู้มีอิทธิพล แม้จะเสียดายดอกเบี้ยที่จ่ายไป แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีนะคะ กลายเป็นว่ามีลูกค้าของมาเฟียพวกนี้แนะนำกันมาเรื่อยๆ บริษัทพี่เผ่าเติบโตเร็วมาก แค่ไม่ถึงสี่ปี จากคนที่ไม่มีเงินติดตัวสักเซ็นต์ เขากลายเป็นเศรษฐีพันล้าน มีเงินจ้างฝรั่งมาทำงานให้เป็นร้อยๆคน นักข่าวบางคนถึงกับเรียกพี่เผ่าว่าพ่อมดไอทีเลยละ”

“เขาคงรักคุณแม่เขามากนะคะ ถึงพยายามก่อร่างสร้างตัวขนาดนี้” อิงอรุณเริ่มไม่สบายใจ ดูเหมือนอะไรๆจะก่อตัวเป็นรูปร่างในหัวสมองเธอชัดขึ้นเรื่อยๆ

นวลนรีแต้มยิ้มบางๆ “ถ้านวลรู้มาไม่ผิด แฟนเก่าทิ้งพี่เผ่าไปแต่งงานกับเศรษฐีค่ะ พี่เผ่าเสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน พอได้สติเขาเลยมุทำงานหาเงินอย่างที่เห็นนี่แหละ”

“นี่เอง...เหตุผลที่คุณนวลยังไม่ยอมรับปากแต่งงาน ลึกๆแล้วคุณอาจจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังต่อสู้กับเงาของคนในอดีตหรือเปล่าคะ”

เจ้าของร้านพยักหน้า ยิ้มเก้อๆเมื่อถูกรู้ทัน “ก็ส่วนนึงค่ะ ถ้าเขารักนวลไม่เท่าที่เคยรักแฟนเก่า นวลไม่อยากได้หรอกค่ะ นวลยโสนะ แล้วก็มั่นใจในตัวเองพอสมควร นวลเชื่อว่าตัวเองคู่ควรกับความรักดีๆและความรักแบบเต็มร้อยจากใครสักคน ไม่ใช่แค่ครึ่งๆกลางๆอย่างที่พี่เผ่ากำลังพยายามยัดเยียดและหลอกนวลว่ามันคือทั้งหมดแล้ว”

“แต่ถ้าตลอดชีวิตที่เหลือเขาไม่มีวันลืมผู้หญิงคนนี้ได้ล่ะ ไม่เท่ากับว่าคุณนวลต้องทิ้งเวลาไปกับการรอคอยโดยเปล่าประโยชน์หรือคะ”

“ใครว่านวลรอเขาล่ะคะ ทุกวันนี้นวลไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง หากมีใครเสนอตัวเข้ามาแล้วไม่ขี้ริ้วขี้เหร่นัก นวลก็ให้โอกาสตัวเองเสมอแหละ” นวลนรีอมยิ้ม

“ระหว่างนี้คุณนวลลองไปนัดบอดกับคิวปิดฯดูไหมคะ เผื่อจะมีตัวเลือกเก๋ๆเข้าตาบ้าง”

นวลนรีหัวเราะเสียงใส “มีจริงๆหรือคะ การจัดนัดบอดเนี่ย”

“มีสิคะ คุณผะ...” อิงอรุณเกือบหลุดปากถึงลูกค้าจอมยุ่งที่ก่อปัญหาให้กับหุ้นส่วนของบริษัทเธอไปแล้ว แต่เพราะนึกได้เสียก่อนว่าไม่ใช่หัวข้อที่เหมาะจะเล่าให้ ‘ว่าที่ภรรยา’ ของลูกค้าฟัง จึงชะงัก เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน “คุณนวลลองไปนัดบอดดูสักครั้งสิ อาจจะติดใจก็ได้นะ เอาไหมคะ นัดเล่นๆก็ได้ อิงจัดให้ ไม่คิดเงิน”

คู่สนทนาส่ายศีรษะหวือ “ไม่เอาเด็ดขาดเลยค่ะ”

“แหม...ใจร้าย ทำให้อิงเสียกำลังใจเลยนะเนี่ย” อิงอรุณอมยิ้ม “เอาอย่างนี้ ไว้คราวหน้าอิงเชิญคุณนวลไปเที่ยวที่บริษัทอิงบ้าง ไม่สวยน่ารักเหมือนที่นี่หรอกนะคะ แต่อยากให้คุณนวลไปแนะนำคอร์สทำขนม เผื่อจะมีสมาชิกสมัครมาเรียนเพิ่มขึ้น ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านไปในตัวด้วยเลย ตกลงนะคะ”

เมื่อจนด้วยคำโต้แย้ง สุดท้ายนวลนรีจึงทำได้เพียงพยักหน้า “ตกลงค่ะ แล้วนวลจะหาโอกาสเข้าไปที่บริษัทผู้ช่วยกามเทพให้ได้เลย”
.
.
.
หลังจากแพรวเพชรล้างหน้าและใช้เครื่องสำอางตกแต่งกลบเกลื่อนร่องรอยการร้องไห้จนแนบเนียนแล้ว นราธิปก็จูงมือหญิงสาวลงมายังชั้นล่าง และเพียงผ่านเข้ามาในห้องรับแขก สองสามีภรรยาก็ต้องชะงักเมื่อพบกับบรรยากาศคุกรุ่นที่อวลอยู่ภายใน

“มีอะไรกันหรือเปล่าคะแม่ ทำไม...ท่าทางดูเครียดกันจัง” แพรวเพชรเหลียวมองมารดาทีบิดาทีอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรหรอกลูก วันนี้เพชรกับคุณนราว่างหรือ ถึงแวะมาที่บ้านน่ะ” บิดาของเธอเลื่อนแฟ้มเอกสารที่กำลังอ่านอยู่ไปข้างๆ แล้วเงยขึ้นมาตั้งคำถามแทน

“พอดี...เพชรมาหาหนังสือเรียนเก่าๆ จะเอาไปใช้ทำงานน่ะค่ะ พี่นราเลยมาช่วยขน” แพรวเพชรใช้ข้ออ้างเดิมที่สามีบอกกับมารดาไปก่อนหน้า

“แล้วเจอไหมลูก ทำไมมือเปล่ากันทั้งคู่เลยล่ะ” คนเป็นพ่อตั้งข้อสังเกต

“หาไม่เจอค่ะ จำไม่ได้ว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหน สงสัยต้องไปลองหาที่บ้านอีกที” แพรวเพชรไหลไปได้เรื่อยๆ และเพราะยังติดใจกับเรื่องเดิมจึงย้อนกลับมาตั้งคำถามอีกครั้ง “ท่าทางป๊าดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรหรือเปล่าคะ”

นพพลถอนใจ “ก็...มีบ้างนิดหน่อย ลูกค้าที่ออสเตรเลียสั่งของเพิ่มมา แต่ตอนนี้กำลังการผลิตของโรงงานเราเต็มหมดแล้ว”

เมื่อบิดาเอ่ยถึงธุรกิจของท่าน แพรวเพชรก็มีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมาทันที

ยี่สิบกว่าปีก่อนบิดาของเธอซึ่งจบวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ตัดสินใจลาออกจากบริษัทขายเครื่องจักรมาริเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง โดยรับจ้างทำแผงวงจรพีซีบีเป็นเจ้าแรกๆในเมืองไทย สำนักงานแรกสุดของบริษัทไอซีอินทิเกรทเต็ดก่อตั้งขึ้นในโรงรถของพ่อนั่นเอง ท่านแบ่งพื้นที่ด้านข้างของบ้านเดี่ยวและรุกรานสนามหญ้าของแม่มาตั้งโรงเรือนเล็กๆเพื่อใช้เป็นห้องเวิร์กช็อปและสถานที่ผลิต ภาพที่พ่อก้มๆเงยๆอยู่ในโรงเรือนโดยมีลูกมือสองคนช่วยงานคุ้นชินตาแพรวเพชรมาตั้งแต่จำความได้แล้ว

งานรับจ้างผลิตแผงวงจรต้นแบบให้กับมหาวิทยาลัยสร้างชื่อให้พ่อจนมีงานหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ณ จุดหนึ่งพ่อจึงรวบรวมเงินซื้อที่แถวชานเมืองเกือบห้าไร่เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม โดยสั่งเครื่องจักรเข้ามาทำการผลิตแผงอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร จากตรงนั้นเองที่ไอซีอินทิเกรทเต็ดเริ่มรับจ้างผลิตแผงไอซีให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศ จนเมื่อบริษัทผ่านมาตรฐานการรับรองจากองค์กรนานาชาติ พ่อจึงขยับขยายไปถึงการส่งออกแผงวงจรให้กับบริษัทต่างชาติเพื่อนำไปใช้เป็นชิ้นส่วนตั้งต้นในอุปกรณ์ต่างๆ

บัดนี้...การที่โรงงานมีกำลังการผลิต ‘ไม่เพียงพอ’ ย่อมหมายถึงการขยับขยายอีกครั้ง แต่นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อหลังจีนเปิดประเทศ ราคาค่าแรงที่ต่ำกว่าทำให้ประเทศเพื่อนบ้านได้รับผลกระทบกันหมด สินค้าของไอซีอินทิเกรทเต็ดขายดีก็จริง แต่กำไรต่อชิ้นลดต่ำลงมาก สถานการณ์การเมืองง่อนแง่นและค่าแรงงานที่ถีบตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจของพ่อถูกบีบจนเหลือทางให้เดินแคบลงทุกที

“ป๊ากำลังคิดว่าจะ...ขยายโรงงานหรือเปล่าคะ”

“การเงินของบริษัทตึงตัวเต็มทีแล้ว โอกาสที่จะหาทุนมาขยายคงยาก” น้ำเสียงนพพลส่อแววหนักใจ

“งั้นเราก็ผลิตเท่าที่ทำไหวสิคะ รอให้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกดีกว่านี้ อะไรๆอาจจะเปลี่ยนไปในทางที่เอื้อประโยชน์กับบริษัทมากขึ้นก็ได้”

ศีรษะของพ่อส่ายช้าๆ “ถ้าปฏิเสธลูกค้าได้ง่ายๆแบบนั้น ป๊าคงทำไปแล้ว ของล็อตนี้มันจะเกี่ยวเนื่องไปถึงออร์เดอร์ในอนาคตด้วย ถ้าเขาไม่สั่งของต่อ ไตรมาสหน้าโรงงานคงไม่มีอะไรให้ผลิตแน่”

แพรวเพชรเหลียวไปทางสามีที่นั่งอยู่ข้างๆกัน สีหน้าเป็นกังวลของเธอคงฉายชัด เพราะนราธิปเอื้อมมากุมมือเธอไว้อย่างปลอบประโลม “ทำเรื่องขอกู้เงินเพิ่มจากธนาคารเพื่อขยายโรงงานไหมครับ” นราธิปช่วยคิด

“พ่อไม่มีสินทรัพย์อะไรไปค้ำเพื่อกู้เพิ่มแล้วละคุณนรา”

“แบ่งงานให้โรงงานขนาดกลางหรือขนาดเล็กรับจากเราไปผลิตอีกทอด แล้วเอามาติดยี่ห้อเราส่งออกได้ไหมคะ” แพรวเพชรเสนอ

“โรงงานพวกนั้นมาตรฐานการผลิตไม่เท่ากับบริษัทเรา ขืนพวกนั้นส่งสินค้าไม่มีคุณภาพมาติดยี่ห้อเรา ไอซีอินทิเกรทเต็ดก็จะพลอยเสียชื่อไปด้วย” ผู้อาวุโสที่สุดในห้องถอนหายใจลึก เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของบุตรีและลูกเขยก็พยายามฝืนยิ้มพลางโบกมือ “สองคนไม่ต้องห่วง ตรงนี้ป๊าหาวิธีจัดการเองได้ ที่ผ่านมาบริษัทเราเจอวิกฤตมาตั้งหลายครั้ง ป๊าก็พาฝ่าฟันมาได้ทุกหน ครั้งนี้ก็เหมือนคราวอื่นนั่นแหละ สบายใจได้”

“ป๊ามีอะไรให้เพชรช่วยก็บอกได้นะคะ หรือถ้าจะให้เพชรไปเจรจากับลูกค้าให้ยอมเลื่อนกำหนดส่งสินค้าก็ได้นะ” แพรวเพชรขันอาสา

“ใช่ครับ คุณพ่อไม่ต้องเกรงใจนะครับ ถ้ามีอะไรที่พอจะทำได้ ผมกับเพชรยินดีช่วยสุดความสามารถ”

แพรวเพชรส่งยิ้มให้สามีพร้อมด้วยแววตาแสดงความขอบคุณ ชื่อเสียงของนราธิปในฐานะข้าราชการประจำกรมส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลางนั้น ใครก็รู้ว่าเขามือสะอาดนัก การที่เขาออกปากว่ายินดีให้ความช่วยเหลือบิดาเธอย่อมสร้างความซาบซึ้งแก่หญิงสาวยิ่ง

“อย่าเลย พ่อไม่อยากให้ใครมาครหาได้ว่าคุณนราใช้หน้าที่การงานมาเอื้อผลประโยชน์ให้โรงงานของพ่อ จะเสียภาพพจน์ของคุณหมด”

แม้นพพลจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่แพรวเพชรก็ไม่หนักใจ เพราะรู้ว่าพ่ออ่อนลงมากแล้ว ถ้าเทียบกับตอนที่เธออุ้มลูกกลับจากต่างประเทศ บิดาผิดหวังในตัวเธอมาก และโกรธแม่ที่ส่งเสริมให้เธอไปเรียนต่อกับคู่หมั้นจนกลายเป็นเรื่องเลยเถิดเสื่อมเสีย ครั้งนั้นท่านมีปากเสียงกันจนเกือบต้องแยกทางกัน โชคดีที่เธอและนราธิปใช้กานติมาเป็นกาวใจประสานรอยร้าวนั้นได้สำเร็จ

“คุณพ่อไม่ต้องห่วงครับ ชื่อเสียงสำหรับผมเป็นแค่หัวโขนเท่านั้น ผมรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็พอแล้วเรียนตามตรงว่าผมจะยินดีมากกว่าถ้าพอจะมีอะไรที่ช่วยธุรกิจของคุณพ่อได้บ้าง”

“เอาเถอะ พ่อขอบใจคุณนรามาก เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรที่คุณช่วยได้ รับรองว่าพ่อจะไม่เกรงใจแน่นอน”

แพรวเพชรสบตาสามี อีกฝ่ายยักไหล่บอกให้รู้ว่าจนปัญญาเกลี้ยกล่อมเช่นกัน สุดท้ายหญิงสาวจึงฝืนยิ้มเอ่ยลาและทำความเคารพบุพการี ก่อนจูงมือสามีพากันเดินออกจากบ้านเงียบๆ แพรวเพชรอดไม่ได้ เหลียวกลับไปมองบิดาที่ยังนั่งกุมขมับอยู่ แล้วไหล่บอบบางก็ไหวนิดๆด้วยความหนักใจ

“อย่าเพิ่งคิดมากเลยเพชร พี่เชื่อว่าสถานการณ์ยังอยู่ในความควบคุม ไม่งั้นพ่อคงต้องเล่าอะไรให้เพชรฟังมากกว่านี้ อย่าลืมสิว่าท่านอยู่ในธุรกิจนี้มาเกือบยี่สิบปี ผ่านทุกอย่างมาหมดแล้ว และนี่ก็จะเป็นอีกเรื่องที่ผ่านไปเหมือนกัน” เสียงนุ่มปลอบโยนอยู่ข้างหู

“เพชรก็หวังแบบนั้นค่ะ” แพรวเพชรบีบกระชับมือชายหนุ่มแทนคำขอบคุณ “เย็นนี้ไปรับหนูกานแล้วเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันนะคะพี่นรา”

เพียงนราธิปพยักหน้ารับคำ แพรวเพชรก็ยิ้มกว้าง เขย่งตัวจูบแก้มอีกฝ่ายเบาๆ แล้วแยกไปยังรถตัวเองอย่างรวดเร็ว

นราธิปยกมือลูบแก้มอย่างใจลอย พยายามฝืนส่งยิ้มและโบกมือให้ภรรยา คอยจนเลกซัสสีขาวแล่นจากรั้วลับตาไปแล้ว จึงผ่อนลมหายใจออกช้าๆ รอยเจ็บแปลบนิดๆที่อุ้งมือเรียกให้ก้มลงมองด้วยความฉงน แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าเล็บที่ตัดสั้นจิกลงในเนื้อจนเห็นเป็นรอยแดงก่ำ

ชายหนุ่มไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำกิริยาเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไร นับจากวินาทีที่แพรวเพชรหยามศักดิ์ศรีเขาด้วยการเชื้อเชิญอย่างไร้ค่า หรือเป็นตอนลางสังหรณ์ลึกที่สุดในใจกำลังพยายามยอมรับความจริงว่า ผู้หญิงที่อยู่ในฐานะภรรยาของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจจะกำลังหลุดลอยไปเป็นผู้หญิงของคนอื่นในไม่ช้า!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มี.ค. 2556, 00:08:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มี.ค. 2556, 00:08:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1888





<< ตอนที่ ๗   ตอนที่ ๙ >>
สิริณ 9 มี.ค. 2556, 00:09:28 น.
หลายคนอาจจะเริ่มกังวล กลัวจะจบเศร้า
ยืนยันให้ทราบนะคะ ว่าเรื่องนี้ แฮปปี้เอนดิ้งแน่นอนค่ะ ^^

อ่านจบแล้ว อย่าลืมนะค้า
หากถูกใจ ขอแรงกดไล้ค์คนละที
ขอกำลังใจให้คนเขียนชื่นใจบ้างนะค้า


Pampam 9 มี.ค. 2556, 00:39:05 น.
อิงก็น่าสงสัยเหมือนกัน พี่น้องคู่นี้น่าสงสัย คนร้ายยังไม่ปรากฎตัวเราก็เดาต่อไป เอาอีกไรเตอร์มาอัพบ่อยๆนะคะ กดlikeให้แล้วด้วย


Auuuu 9 มี.ค. 2556, 00:40:02 น.
โรงงานพ่อนางเอกเกี่ยวข้องกับพระเอกชัวร์!!!!


พันธุ์แตงกวา 9 มี.ค. 2556, 09:28:42 น.
กดไลค์ให้คุณAuuuu ด้วย


supayalak 9 มี.ค. 2556, 12:25:44 น.
ทำไมพี่นราถึงดีขนาดนี้เน้อ มันต้องมีอะไรมากกว่านี้แหง่มๆ


goldensun 9 มี.ค. 2556, 12:42:51 น.
เบื้องหลังที่เผ่าเจ็บปางตาย นรารู้เรื่องด้วยรึเปล่า ที่ไม่รวบรัดเพชรเพราะรู้ว่าเผ่าไม่มีทางมาแย่งได้อีก เลยคิดว่าเพชรเป็นของตายใช่มั้ยคะ
ทำไมอิงถึงเรียกเผ่าว่าพี่ชายกับนวลคะ ไม่ใช่พี่ชายนวลซะหน่อย


nunoi 9 มี.ค. 2556, 23:17:59 น.
พี่เผ่ามีส่วนเกี่ยวกับโรงงานพ่อของเพชรแน่ๆ


รอให้เป็นเล่ม 10 มี.ค. 2556, 21:24:28 น.
เริ่มจะสงสารคุณนวล


bloomberg 11 มี.ค. 2556, 10:53:02 น.
@ คุณgoldensun แทนไรเตอร์
เรียกพี่ชายก็เพราะนวลแนะนำเพชรกับอิงว่าพี่เผ่าเป็นพี่ชายนี่คะ เพราะยังไม่มั่นใจในความสัมพันธ์ค่ะ


ทราย 14 มี.ค. 2556, 19:32:44 น.
สนุกมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account