ดุจตะวัน ทอฝันรัก
“พี่อยากจะให้ฝันทำอย่างอื่นมากกว่านี่คะ”
อย่างอื่น อะไรกัน หรือว่าเขา อื้อ บ้าแล้วกลางวันแสกๆ
ตะวันรอยยิ้มผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อสบตากับหญิงสาวในอ้อมแขนที่เขานึกรู้ว่าป่านนี้ความคิดของเธอคงเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ
“ยิ้มอะไรหรือว่าจะแกล้งอะไรฝันอีก”
“เปล่า แค่คิดว่าฝันน่ารักจัง ไม่ได้คิดไกลเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย”
“บ้า”
คนโดนชมซึ่งๆหน้าเมินหน้าหนีแต่คนชมก็ไม่ยอมให้เธอหลบสายตา รอคอยวันนี้มานาน ทรมานความกับรู้สึกของตัวเองเพราะคิดถึงเธอมาก็มาก พอๆกับเธอที่ยังมีเขาอยู่ในใจไม่เสื่อมคลายแล้วเขาจะรีรอไปทำไมอีก
“แต่งงานกันนะ”
“คะ?”
นี่เขาขอเธอแต่งงานงั้นหรือ ในห้องทำงาน ที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ
“ค่ะฝันจะแต่งงานกับพี่ตะวัน”
แต่ทอฝันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่ว่าเขาจะขอเธอแต่งงานที่ไหนหากเป็นผู้ชายคนนี้คำตอบของเธอก็คงมีแต่คำๆนี้เท่านั้น ขอแค่เขาได้มีโอกาสถามเธอ ที่ไหนเมื่อไหร่ คำตอบของเธอก็ยังคงเดิม
อย่างอื่น อะไรกัน หรือว่าเขา อื้อ บ้าแล้วกลางวันแสกๆ
ตะวันรอยยิ้มผุดพรายขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อสบตากับหญิงสาวในอ้อมแขนที่เขานึกรู้ว่าป่านนี้ความคิดของเธอคงเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ
“ยิ้มอะไรหรือว่าจะแกล้งอะไรฝันอีก”
“เปล่า แค่คิดว่าฝันน่ารักจัง ไม่ได้คิดไกลเหมือนคนแถวนี้สักหน่อย”
“บ้า”
คนโดนชมซึ่งๆหน้าเมินหน้าหนีแต่คนชมก็ไม่ยอมให้เธอหลบสายตา รอคอยวันนี้มานาน ทรมานความกับรู้สึกของตัวเองเพราะคิดถึงเธอมาก็มาก พอๆกับเธอที่ยังมีเขาอยู่ในใจไม่เสื่อมคลายแล้วเขาจะรีรอไปทำไมอีก
“แต่งงานกันนะ”
“คะ?”
นี่เขาขอเธอแต่งงานงั้นหรือ ในห้องทำงาน ที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ
“ค่ะฝันจะแต่งงานกับพี่ตะวัน”
แต่ทอฝันก็ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มสดใส ไม่ว่าเขาจะขอเธอแต่งงานที่ไหนหากเป็นผู้ชายคนนี้คำตอบของเธอก็คงมีแต่คำๆนี้เท่านั้น ขอแค่เขาได้มีโอกาสถามเธอ ที่ไหนเมื่อไหร่ คำตอบของเธอก็ยังคงเดิม
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 2
ตอนที่ 2.....
ทอฝันมองนาฬิกาข้อมือครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความกระวนกระวายใจ เมื่อเวลาเดินไปช้าๆจนตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ารุ่นพี่ตะวันจะโผล่มาให้เห็นหน้า ถ้าเขาไม่มาเธอมิต้องทำการบ้านย้อนหลังเป็นสิบๆหน้ากระดาษหรอกหรือ เมื่อรู้อยู่ว่าอาจารย์ภารตีนั้นเข้าขั้นโหดแค่ไหน หากตรวจพบว่าสมุดการบ้านของใครมีการบ้านไม่ครบตามที่อาจารย์เคยให้ไว้ จะต้องทำส่งย้อนหลังทั้งหมด
...ตายเธอต้องตายแน่ๆเลย ต้องทำการบ้านย้อนหลังเป็นสิบๆหน้ากระดาษภายในเสาร์อาทิตย์นี้ เธอไม่ต้องมือหงิกมืองอหรอกหรือ โอ๊ย!!!เครียด...
ทอฝันตัดสินใจที่จะลุกเดินออกจากลานนั่งเล่นหน้าอาคารเรียนเมื่อคิดว่าอย่าเสียเวลาอีกเลย แต่เมื่อจะเดินออกจากลานนั่งเล่นไปเธอก็พบว่าตะวันมายืนขวางหน้าเธอเอาไว้พอดี
“จะกลับแล้วหรือคะ”
ยังจะมีหน้ามาถามเธออีกหรือ แล้วดูแววตาที่มองเธอสิแบบนี้แสดงว่าแกล้งให้เธอมานั่งรอเป็นนานแน่ๆ
“ค่ะ”
น้ำเสียงที่ตอบกลับไปไม่ได้ใส่อารมณ์ว่าเธอกำลังโกรธโมโหกรุ่นๆอยู่ในตอนนี้ทำให้คนตรงหน้าเธอยิ้มกว้าง แล้วยิงคำถามออกไปในสิ่งที่ตนต้องการจะรู้
“แต่ยังไม่ได้ให้คำตอบเลยนะ ว่าฝันจะตอบตกลงหรือเปล่า”
“ถ้าไม่เพราะคำตอบที่พี่ตะวันอยากจะได้ ฝันก็ไม่มานั่งรอพี่เกือบชั่วโมงแบบนี้หรอกนะคะ พอใจหรือยังล่ะที่ได้แกล้งฝัน เอาสมุดฝันคืนมา สวัสดี”
ความอดทนที่มีหมดลงในที่สุด เมื่อเห็นรอยยิ้มของเขาที่ส่งกลับมา เพราะรู้แน่แล้วว่ารุ่นพี่ตะวันตั้งใจแกล้งให้เธอมานั่งรอแน่ๆ ทอฝันเลยต่อว่าออกไปด้วยความโมโห ดึงสมุดมาจากมือของตะวัน พลางกระแทกกระทั้นน้ำเสียงเอ่ยสวัสดีเขาออกไปด้วยสายตาที่ตะวันคิดว่าเธอคงอยากจะฆ่าเขาเต็มที
“เดี๋ยวสิคะทอฝัน”
ตะวันคว้าข้อมือของทอฝันเอาไว้ เมื่อเธอจะเดินผ่านหน้าเขาไป เขาจะปล่อยให้เธอเดินจากเขาไป ด้วยอารมณ์เคืองโกรธแบบนี้ไม่ได้หรอก ที่สำคัญตอนนี้มันเย็นมากแล้วด้วย นักเรียนที่เคยเดินกันเต็มฟุตบาทหน้าโรงเรียนก็ไม่มีอีกแล้ว แถมด้วยระยะทางจากโรงเรียนไปยังป้ายรถประจำทาง ก็ไม่ใช่ว่าจะใกล้ๆเสียด้วยสิ
“จะเอาอะไรกับฝันอีกละคะ อยากจะให้ฝันเข้าแข่งขันกับพี่ฝันก็ตอบตกลงแล้วไง...ฮึ”
“ก็ยิ้มหน่อยสิคะ”
“โกรธ โมโห ไม่พอใจ ไม่ยิ้ม เข้าใจภาษาไทยไหมคะ”
เกิดมาเขาไม่เคยเลยจริงๆที่จะต้องมาง้อผู้หญิง ทำให้ตะวันทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจอปฏิกิริยาจากทอฝัน ก็ทำไมเธอต้องโกรธเขามากมายด้วยล่ะ ในเมื่อเขาแค่อยากจะให้เธอกล้าที่จะสู้เพื่อความฝันของตัวเอง ที่เธอเคยบอกกับอาจารย์การินว่าเธออยากจะได้เหรียญทองในระดับจังหวัด ในการเป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งขันทักษะวิชาการทางด้านวิชาภาษาไทย หากเธอไม่ฝึกฝนเสียแต่ตอนนี้ แล้วเธอจะไปสู้กับใครได้ หากเธอไม่เป็นตัวสำรองของใครไปก่อน แล้วเธอจะก้าวมาเป็นที่หนึ่งได้อย่างไรในวันข้างหน้า ในเมื่อของแบบนี้มันต้องฝึกฝนและแข่งขันกันตลอดเวลาไม่ใช่ว่าจับฉลากเอาใครก็ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน ถึงแม้ว่าปีหน้าเขาจะไม่ได้เรียนที่นี่แล้วก็ตาม หากเธอไม่เคยลงสนามแล้วอาจารย์จะสนใจในตัวเธอได้ยังไง
“พี่ไม่ใช่อาจารย์สอนภาษาไทย อย่างอาจารย์การินนี่จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ”
แต่ปากเจ้ากรรมของเขา ก็ดันพูดประชดออกไปอย่างที่ใจคิดเสียแล้ว ทำให้ทอฝันมองเขาตาลุกวาวด้วยความโกรธ ซึ่งเขาคิดว่าตอนนี้คงยิ่งเพิ่มทวีคูณหลายเท่าทีเดียว
“ก็แหงล่ะ พี่จะใช่อาจารย์การินได้ยังไงกัน ในเมื่ออาจารย์เค้าทั้งเก่งทั้งความรู้ดีไม่ว่าจะด้านไหน โดยเฉพาะด้านกีฬา ซึ่งเท่าที่จำได้ฝันยังไม่เคยเห็นพี่เล่นเป็นเลยสักอย่าง จริงไหมคะ”
ทอฝันถามกลับไปโดยที่ไม่รู้เลยว่า ตัวเองจี้จุดอ่อนของตะวันเข้าอย่างจัง ชนิดหากเป็นใบมีด คำพูดของเธอก็กรีดลึกจนถึงเนื้อชั้นในลึกสุดของเขาเลยทีเดียว มือแข็งแรงที่จับข้อมือของเธอเอาไว้ปล่อยลงช้าๆ ดวงตาที่เคยมีแววว่าขำเธอตอนนี้ไม่มีอีกแล้วให้เห็น ไร้ซึ่งคำพูดใดๆจากตะวันเมื่อเขาเดินจากเธอไป
....................
“เห็นมั้ยในที่สุดเธอก็ต้านทานความต้องการของหัวใจตัวเองไม่ไหวสุดท้ายก็พ่ายต่ออาจารย์การิน”
“นี่พูดอะไรของเธอยัยบัว ใครมาได้ยินเข้าจะมองว่าเราแก่แดดกันพอดี”
ทอฝันรีบห้ามเพื่อน เมื่อสโรชาดูเหมือนจะชอบใจที่เธอบอกว่า ได้ไปสมัครเข้าแข่งขันทักษะทางวิชาการวิชาภาษาไทยมาเรียบร้อยในวันนี้ การที่สโรชาเอ่ยชื่ออาจารย์การินออกมาในทำนองนี้ ใครมาได้ยินเข้าก็คงมองว่าพวกเธอแก่แดดแก่ลม เป็นนักเรียนแท้ๆแต่กลับพูดจาถึงครูบาอาจารย์ในทำนองชู้สาว
“โธ่ เราก็รู้อยู่แก่ใจนี่นา ว่าที่เราชื่นชมอาจารย์ไม่ได้แปลว่าเราจะรักชอบอย่างผู้หญิงพึงมีต่อผู้ชายสักหน่อย จริงไหมยัยปุ้ม”
“มันก็จริงทั้งที่เธอพูดและที่ฝันพูดนั่นแหละ”
จุฑารัตน์บอกทั้งสองออกไป แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทอฝันรู้สึกดีขึ้นได้ เมื่อมองไปนอกห้องเรียน พบว่าหน้าห้องเรียนข้างๆห้องของเธอมีกลุ่มของรุ่นพี่มอหกห้องของรุ่นพี่ตะวันมานั่งรอจะเข้าเรียนในคาบวิชาต่อไป และใบหน้าของตะวันก็ยังคงไร้ซึ่งรอยยิ้มยามที่มองผ่านมายังเธอ
คิดว่าเธออยากจะง้ออย่างนั้นหรือ เธอไม่ได้ทำผิดอะไรทำไมเธอต้องง้อด้วยล่ะ ก็มีแต่รุ่นพี่ตะวันไม่ใช่หรือ ที่มายุ่งกับเธอก่อนทอฝันคิดเข้าข้างตัวเอง แต่กลับพบว่าเธอไม่มีสมาธิกับการเรียนเอาเสียเลย เมื่อคิดถึงสีหน้าเรียบเฉยของรุ่นพี่ตะวัน
“เอ่อ...”
ทั้งๆที่คิดหาคำพูดเตรียมเอาไว้มากมาย แต่สุดท้ายเมื่อเธอมายืนต่อหน้าตะวัน ทอฝันก็กลับพูดไม่ออก ยิ่งเมื่อเขาเงยหน้าสบตาเธอด้วยแววตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึก ปากที่จะขยับพูดก็กลับปิดสนิท คำพูดต่างๆที่ตระเตรียมมาหายไปจากความทรงจำ มันทำให้เธอใบ้รับประทานอย่างที่เขาเคยพูดล้อเธอเอาไว้จริงๆ
“มีอะไรหรือเปล่า”
“คือฝันเอ่อฝัน”
ทำไมการจะเอ่ยขอโทษใครสักคนมันถึงได้ยากเย็นเช่นนี้นะ ทอฝันอยากจะเอากำปั้นเขกหัวตัวเองยิ่งนัก ทั้งๆที่คนอื่นที่เธอเคยทำผิดใส่ไม่ว่าจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เธอก็ไม่เคยเกิดอาการพูดไม่ออกแบบนี้มาก่อนเลย อย่ามองเธอด้วยสีหน้าแววตาแบบนี้อีกไม่ได้หรือไงนะ แค่นี้เธอก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว ทอฝันไม่วายค่อนขอดต่อว่าเขาอยู่ภายในใจ เมื่อเห็นสายตาที่รุ่นพี่ตะวันมองเธอ
“ว่าไงคะถ้าไม่มีอะไรพี่ขอตัวก่อนนะ”
เมื่อน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนฟังเต็มไปด้วยความอ่อนโยนจากเขาถามกลับมา ทำให้ทอฝันค่อยยิ้มออกมาได้ เขาพูดดีๆกับเธอแล้วเขาคงไม่โกรธเธอแล้ว เธออยากจะร้องตะโกนออกไปดังๆจริงๆเลย และเพราะความดีใจที่เธอได้ยินเขาถามกลับออกมาซึ่งนุ่มนวลไม่ชวนให้เธอคิดว่าเขาโกรธเธออีก ทำให้เธอยิ้มกว้างออกมาในทันที
“อ้าว เลยมายืนยิ้มมองพี่ ตกลงถ้าไม่มีอะไรพี่ไปเรียนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวค่ะพี่ตะวัน”
ทอฝันรีบเอ่ยเรียกเขาเอาไว้ก่อนที่ตะวันจะลุกจากไป ในเมื่อเธอตั้งใจมาขอโทษแล้วก็อยากจะพูดเสียเลยในวันนี้ หากไม่ได้พูดรับรองได้เลยว่าคืนนี้เธอคงจะนอนไม่หลับอีกเป็นแน่
“แต่พี่จะเข้าเรียนสายแล้วนะคะ”
“เย็นนี้เจอกันที่ม้าหินอ่อนตัวเดิมนะคะ ฝันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ตะวัน”
“ได้สิ พี่ไปเรียนก่อนนะคะ”
ตะวันยิ้มให้เธอ แม้ว่าจะไม่ใช่รอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อก่อนที่เธอเคยเห็น แต่ก็ทำให้ทอฝันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้ ว่าเขาไม่โกรธเธอแล้วในตอนนี้
“อะไรนะมีนัดกับทอฝัน”
พิชญ์มองเพื่อนที่ดูชักจะยังๆไงเสียแล้ว เมื่อได้ยินตะวันบอกว่าวันนี้เขามีนัดกับทอฝัน จะไม่กลับบ้านพร้อมกับตนและวิธานอย่างเคยอีกวันหนึ่ง หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตะวันก็บอกว่านัดกับทอฝันไว้
“ไม่มีอะไรหรอก นายอย่ามองหน้าฉันแบบนั้นสิวะ เรายังเด็กๆกันเลยคิดอะไรของนายฮะ”
“ก็มันแปลกใจนี่ ร้อยวันพันปีนายไม่เคยจะพูดกับทอฝัน แต่ตอนนี้กับมีนัดกับทอฝันถี่ซะเหลือเกิน มันจะไม่ให้คิดได้ยังไงล่ะ”
“ฉันไม่ได้นัดทอฝันนะ น้องเค้าเป็นคนนัดฉันเอง ยังงงอยู่เหมือนกันว่าทอฝันมีอะไรจะคุยด้วย”
“งั้นหรือ เอ...สงสัยจะขอคำปรึกษาเรื่องที่ลงแข่งขันทักษะวิชาการละมั้ง”
“ก็คงจะใช่ ...จะให้เป็นเรื่องอื่นได้ยังไงกันล่ะ ฉันไม่อยากจะมีอะไรให้คิดมากไปกว่าเรื่องเรียนหรอกนะตอนนี้นายก็รู้”
ตะวันยิ้มแค่นให้กับเพื่อนสนิท เพราะนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วของการเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย แต่เขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีโอกาสได้เข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหรือเปล่า เมื่อน้าสาวของเขาเองก็ไม่ได้มีฐานะดีพอที่จะส่งเขาร่ำเรียนได้สูงๆ เป็นเพียงแค่ลูกจ้างในร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่งเท่านั้น แค่มีกินไปวันๆมีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ก็เรียกว่าโชคดีแล้วในตอนนี้
“คิดมาก อาจารย์ลีลาวดีไม่ทิ้งศิษย์รักอย่างนายหรอกนะ ยังไงก็ต้องช่วยติดต่อหาทุนให้นายจนได้แน่ๆ”
“ฉันไม่อยากจะรบกวนใครมากเกินไป ความช่วยเหลือจากทุกคน ที่ฉันได้รับมาตลอดสามปีที่ผ่านมา ก็มากพอจนฉันชดใช้ให้แทบไม่หมดแล้วล่ะ”
“นายนี่ก็ดื้อไม่เบาเลยนะ ระวังเถอะคบกับยัยฝันมากๆ จะทะเลาะกันตาย”
“ทำไมทอฝันนี่ดื้อมากเลยหรือไง”
“ก็ทั้งดื้อทั้งรั้น”
“ดูนายรู้จักทอฝันดีจังเลยนะ”
อารมณ์น้อยใจ ของเพื่อนทำให้พิชญ์ยิ้มเก้อ ทั้งๆที่ที่คิดจะเปลี่ยนเรื่องคุยให้เพื่อนเกิดความสบายใจ แต่กลับทำให้เพื่อนดูเหมือนจะยิ่งไม่สบายใจมากไปกว่าเดิม
“ไหนว่านัดทอฝันไว้ไง จะสี่โมงครึ่งแล้วนะ”
“จริงด้วย คราวก่อนลงไปช้า ทอฝันแทบจะบีบคอฉันตายเลยว่ะ ฉันไปก่อนนะไม่รู้ยัยดื้อทอฝันของนายมีอะไรจะคุยด้วยสิ เออ...ฉันต้องเตรียมตัวเตรียมใจอะไรบ้างไหม นายอาจจะแนะนำได้นะ”
“ไปเถอะ มือเล็กๆแบบนั้นบีบคอนายไม่ตายหรอก”
พิชญ์หัวเราะเบาๆ เมื่อโบกมือไล่ส่งเพื่อนให้รีบไปเจอกับทอฝัน ตะวันกับทอฝันงั้นหรือ ก็น่าสนใจไม่น้อยหากว่าทั้งสองจะคบหากัน ในเมื่อสมัยนี้ความรักในสมัยเรียน ไม่ใช่จะมีแต่จะสร้างปัญหาในสังคมเสมอไป มันอยู่ที่ว่ารักเป็นหรือไม่ต่างหาก และพิชญ์ก็เชื่อว่าตะวันเพื่อนของเขามีวุฒิภาวะพอ ที่จะรู้ว่าอะไรควรไม่ควรเมื่อตะวันเองก็พบเจอกับอะไรๆมามากมายในชีวิต ชนิดที่ผู้ใหญ่บางคนก็ยังไม่เคยพบเจอ ประสบการณ์ชีวิตที่ต้องอดทนต่อสู้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่รอดมาได้ ดั่งเช่นตะวัน
“รอนานไหมคะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนจากตะวัน ทำให้ทอฝันละสายตาจากหนังสือเรียนในมือของเธอมองเขาด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้โกรธแล้วจริงๆด้วย เพราะหากโกรธเขาก็คงไม่ลงท้ายคำพูดกับเธอด้วยคำว่าคะน่ารักๆแบบนี้ สมัยนี้จะมีผู้ชายสักกี่คนกันเชียวที่จะพูดจาลงท้ายด้วยคำว่าคะขากับผู้หญิง ยิ่งเป็นวัยรุ่นอย่างรุ่นพี่ตะวันแล้ว ถ้าไม่ใช่ผู้ลากมากดีคงไม่มีหรอก แต่เพราะตะวันไม่ใช่ผู้ลากมากดีมาจากไหนเลยยิ่งทำให้เธอรู้สึกดีด้วยทุกครั้งที่เขาพูดจาแบบนี้กับเธอ
“ไม่นานค่ะ แค่อ่านหนังสือวิชาชีววิทยาจบไปหนึ่งบทเอง”
ตะวันหัวเราะเบาๆ เมื่อคำว่าไม่นานของทอฝันยังมีประโยคต่อท้ายที่เหน็บแหนมเขาเอาไว้อีกจนได้ ก็เพราะแบบนี้สินะเขาถึงสะดุดตาทอฝันแต่แรกเห็น เมื่อสองปีก่อนเมื่อตอนที่เขาย้ายมาเรียนต่อชั้นมัธยมปลายที่นี่วันแรก เพื่อนใหม่ สังคมการใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่เขาไม่คุ้นเคยทำให้ตะวันเลือกที่จะอยู่เงียบๆตามลำพังมากกว่า แต่ทุกครั้งที่เขาเห็นทอฝันกับกลุ่มเพื่อนเดินผ่านรอยยิ้มของเธอเสียงหัวเราะใสๆของเธอ ก็ทำให้เขาเผลอมองและยิ้มได้ทุกที แม้ว่าบางครั้งเขากำลังนั่งจมเจ่าอยู่กับปัญหาที่เขาพบเจอและยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขยังไงต่อไปดี
“แล้วฝันมีอะไรจะพูดกับพี่หรือคะ”
“คือฝัน เอ่อฝันอยากจะขอโทษพี่ตะวัน ที่ฝันพูดจาไม่ดีใส่พี่ตะวันไปเมื่อวันก่อน”
“แค่นี้เอง”
น้ำเสียงแปลกใจจากตะวัน ทำให้ทอฝันนั่งงง เธอนอนไม่หลับ เรียนไม่รู้เรื่องเพราะคิดว่าเขาคงโกรธเธอมาก เมื่อเธอเอาเขาไปเปรียบเทียบกับอาจารย์การินซึ่งทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิมีมากกว่าเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาถามเธอกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูแปลกใจ ในสิ่งที่เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเขางั้นหรือ มันอะไรของเขาเนี่ยเธอไม่เข้าใจจริงๆผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้ลึกลับซับซ้อน ไม่เหมือนกลุ่มเพื่อนของเขาเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็นพี่พิชญ์หรือพี่วิธาน ที่เธอรู้จักและคุ้นเคย หรือเพราะว่าตะวันไม่ใช่คนแถวนี้แต่กำเนิด ความคิดความอ่านเลยดูแปลกไปกว่าคนอื่นๆ
“สงสัยอะไรพี่อีกน่ะ”
เพราะใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของทอฝัน ทำให้ตะวันเอ่ยถามออกไป ทอฝันเลยมองค้อนให้ ตกลงเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ จะใจดีหรือใจร้ายหรือว่าผีเข้าผีออกเธอเดาไม่ถูกแล้วสิ
“เปล่านี่คะ ฝันแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้เกี่ยวกับพี่ตะวันสักหน่อย”
“จริง?”
“จริงค่ะ ว่าแต่พี่ตะวันไม่โกรธฝันจริงๆนะคะ ฝันขอโทษจริงๆเรื่องวันนั้น ตอนนั้นฝันกำลังเครียดเรื่องการบ้าน ก็เลยโมโหไปหน่อย”
“อย่างกับภูเขาไฟระเบิดเชียวล่ะ เค้าไม่เรียกว่าหน่อยแล้ว”
“เว่อร์แล้วล่ะ ทอฝันออกจะน่ารักใครๆเขาก็ว่าอย่างนั้นทั้งนั้นแหละ จะไประเบิดใส่ใครได้”
“น่ารัก?”
“ใช่ค่ะ น่ารักมากกกกกกกกกกกก”
ทอฝันแกล้งยานเสียงลากยาว เพื่อเน้นคำว่ามากออกมาให้ยาวที่สุด ทำให้ตะวันหัวเราะออกมาเบาๆ
“พี่ตะวันหัวเราะได้แล้ว ดีจัง”
น้ำเสียงดีอกดีใจจากเธอ ทำให้ตะวันหัวเราะออกมาเสียงใส ใครอยู่กับทอฝันหากยิ้มไม่ออกก็แปลกแล้วล่ะ ในเมื่อเธอออกจะทำให้ทุกสิ่งรอบตัวเธอสดใสไปด้วย
“เย็นมากแล้ว กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
ตะวันช่วยเก็บหนังสือหนังหาตรงหน้ายื่นส่งให้เธอขณะชวนเธอกลับบ้าน ทอฝันยื่นมือไปรับหนังสือจากเขาแต่โดยดี หากเธอโตขึ้นจนเรียนจบเธออยากจะมีแฟนแบบนี้จริงๆเลย ผู้ชายที่น่ารักและเอาอกเอาใจคนรักพูดจาคะขาฟังแล้วอบอุ่นดีเหลือเกิน รุ่นพี่ตะวันจะว่าอะไรเธอไหมนะ หากเธอจะยึดเขาเป็นสเปกของผู้ชายในฝันของเธอ
“คิดอะไรอยู่น่ะ”
ตะวันถามออกไป เมื่อเห็นเธอจมอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบๆอีกแล้วในตอนนี้
“เปล่าค่ะ กลับกันเถอะค่ะ ไปทางเดียวกันใช่ไหมคะ ดีเลยฝันจะได้มีเพื่อนเดินไปที่ป้ายรถประจำทาง”
ทอฝันรีบตอบปฏิเสธออกไป จะให้เธอบอกเขาออกไปหรือไม่มีทางซะหรอก บอกไปก็ขายหน้าแย่สิ ดีไม่ดีเขาจะหาว่าเธอแก่แดดแก่ลมอายุแค่นี้แต่กลับคิดไปไกลถึงเรื่องมีครอบครัว แต่คนเราก็มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือฝันไม่ใช่หรือ ที่สำคัญเธอไม่ได้อยากจะมีครอบครัวเสียเดี๋ยวนี้สักหน่อย ทอฝันคิดพลางยิ้มออกมา แล้วเดินตามรุ่นพี่ตะวันไปยังป้ายรถประจำทาง ซึ่งเธอต้องไปคอยรถโดยสารโดยไม่รอช้าเพราะกลัวว่าเขาจะดุว่าเธออีก หากเธอชักช้าเดินไม่ทันเขา
......... ตอนที่ 2 มาแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาในหน้านิยายเรื่องนี้นะคะ
ไม่ว่าจะอ่านจนจบหรือไม่
แต่ยอดวิวที่เห็นก็คือกำลังใจดีๆนี่เองค่ะ
อัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มี.ค. 2556, 09:14:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2556, 09:14:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1046
<< ตอนที่ 1 |