นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 60% ระวังหน้าแดงกิ๊วๆ ^_^

นางบำเรอตีทะเบียน (คำเตือน กดไลค์ กดแชร์ให้หนูอัญด้วยน้าาา ม่ายงั้นจางดอัพ ปิดเฟสปั่นนิยายยยยย ^^")


ด้วยความเย็นของมวลอากาศที่แผ่เข้ามาจากด้านนอกทำให้เวลาต่อมาร่างสองร่างที่ตกอยู่ในห้วงนิทราไขว่คว้าหาอ้อมกอดของกันและกัน สิมันตราและกุมภัณฑ์ตระกองกอดกันหลับสนิทนิ่งนาน จากหนึ่งนาทีเป็นหนึ่งชั่วโมง จากหนึ่งชั่วโมงเป็น...หลายชั่วโมง

สองทุ่มยี่สิบนาที บริษัทจตุรศิลป์
เสียงครางอืออาฟังไม่ได้ศัพท์เล็ดลอดออกจากริมฝีปากของคนที่นอนอยู่ข้างกาย กุมภัณฑ์ขยี้หูตาขึ้นมาแลหาต้นตอของเสียง เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟที่ข้างหัวเตียงเพื่อจะพบว่านาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเดียวกันนั้นบ่งชี้เวลายี่สิบนาฬิกายี่สิบนาที
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตั้งแต่บ่าย คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่โหมงานหนักแล้วพักผ่อนน้อย และอีกสองสิ่งที่ต้องโทษในเรื่องนี้ด้วยก็คือพายุฝนที่ยังตกพรำๆ อยู่ด้านนอก กับร่างสมันน้อยที่นอนครางอืออาอยู่ข้างๆ เพราะเนื้อนุ่มนิ่มอุ่นจนเกือบร้อนนี่กระมังที่ทำให้เขาหลับใหลได้อย่างเป็นสุข
“กวาง...ตื่นนอนเถอะ นี่มันสองทุ่มแล้วนะ” ยักษ์ใหญ่เรียกขานกวางสาว เจ้าหล่อนยังนอนขดตัวเช่นทารกในครรภ์มิได้แยแสเสียงปลุกของเขาแม้แต่น้อย
“กวาง...ฉันบอกว่าตื่นได้แล้ว กลับไปนอนที่คอนโดฯ ดีกว่า”
กุมภัณฑ์ชวนกวางน้อยหน้ามนกลับคอนโดฯ ที่พัก แต่เจ้าหล่อนก็ยังนิ่งเงียบไม่มีเคลื่อนไหว เขาจึงก้มลงไปกระซิบเสียงสั่นพร่าตั้งใจว่าจะแกล้งกวางน้อยให้หน้าแดงเล่นๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะกวางน้อยตัวร้อนผิดปกติ มันแผ่ไอร้อนมาให้เขารู้สึกทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แตะต้องร่างอรชรด้วยซ้ำ และเพื่อพิสูจน์บางอย่าง เขาจึงอังหลังมือบนหน้าผากเจ้าหล่อน
“โอ...กวาง เธอตัวร้อน!” น้ำเสียงที่ชายหนุ่มเผลอครางออกมาเต็มไปด้วยความห่วงใยสุดประมาณมันคลอเคล้าความวิตกกังวลจนล้นปรี่
“คุณ..ยักษ์...กวาง...นะ...หนาว”
สิมันตราปรือตาขึ้นมามองมือหนาที่อังอยู่เหนือหน้าผากตนก่อนจะร้องบอกเขาด้วยเสียงอันแหบแห้ง เธอรู้สึกหนาวจนสั่นลำคอก็แห้งผากเอามากๆ
“กวาง ฉันว่าเธอเป็นไข้นะ” เขาพูดออกมาอย่างกังวลและพอแลเห็นฝ่ามือบางๆ ซึ่งแผลพุพองเริ่มแดงขึ้นมาจนน่ากลัวเลยพอเดาได้ว่าเจ้าหล่อนเป็นไข้ด้วยสาเหตุอันใด
เขาหาผ้าห่มมาคลุมร่างให้หล่อนก่อนจะก้าวเร็วๆ ลงไปออฟฟิศด้านล่าง เลี้ยวไปทางห้องครัวเล็กแล้วจัดการเอาขนมปังแซนวิชที่มีในตู้เย็นมาแกะออกจากซองหุ้มห่อแล้วนำไปอุ่นในเตาไมโครเวฟ ในระหว่างที่รอก็หยิบน้ำแร่ที่ไม่ได้แช่เย็นมาวางบนถาดพร้อมหลอดดูดและกระดาษเช็ดปาก และพอไมโครเวฟส่งเสียงว่าของในนั้นร้อนได้ที่แล้วเขาก็ใช้ที่คีบคีบขนมปังร้อนๆ ออกมาวางบนจาน
สองขาเพรียวแต่อุดมด้วยมัดกล้ามยอมสิ้นเปลืองพลังงานด้วยการโดยสารลิฟต์ขึ้นชั้นบน เขาใจร้อนเกินกว่าจะเดินขึ้นบันไดไปหากวางสาวที่นอนป่วยรอเขาอยู่
“แค่กๆ คุณ...ยักษ์ คุณยักษ์!”
เสียงร้องที่ดังขึ้นหลังเสียงไอค่อกแค่กของแม่บ้านจำเป็นทำเอาหัวใจของบอสหนุ่มเต้นระส่ำ น้ำเสียงเจ้าหล่อนแหบแห้งและอิดโรยจนไม่น่าเชื่อว่าจะร้องเรียกเขาได้
“เธอลุกขึ้นมาทำไมเนี่ย!?”
“ร้อน...กวางร้อน...แล้วก็...โอย...กวางหนาวอีกแล้ว”
สิมันตราหลับตาลงแต่เปลือกตายังขยุกขยิกไม่ได้หลับสนิทแต่อย่างใด หล่อนกลับไปขดตัวอยู่ใต้ผ้านวมอีกครั้งก่อนจะถีบมันออกมาเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
กุมภัณฑ์ถอนหายใจเฮือกๆ เขารีบดึงผ้านวมมาห่มกายให้คนป่วยเพราะว่าแรงถีบของบาทาทำเอากระโปรงเจ้ากรรมของสาวเจ้าร่นขึ้นมาเลยขาอ่อน ถ้าไม่ติดกระโปรงซับในบางๆ นั่นเขาคาดว่าคงได้เจอ กวางน้อย อีกตัวแล้วล่ะ
“อยู่เฉยๆ ยัยกวางบ้าฉันจะไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้” เขาบ่นงึมงำไปตลอดทางที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักก็กลับออกมาพร้อมผ้าชื้นๆ หนึ่งผืน เขานำมันมาเช็ดใบหน้า ซอกคอ และเรียวแขนให้คนป่วยท่ามกลางเสียงฮึดฮัดขัดใจของเจ้าของ
“มันหนาวนะ กวางไม่ถอด คุณยักษ์บ้า! มาปล้ำถอดเสื้อผ้ากวางทำไม!”
สิมันตราอ้าปากช่างจ้อส่งเสียงประท้วงคนที่กำลังเช็ดตัวให้ เขาดึงเธอขึ้นมานั่งก่อนจะจับถอดเสื้อเชิ้ตเหลือแต่เสื้อกล้ามบางๆ ที่ปกปิดเสื้อชั้นในสีนิลสนิทซึ่งหุ้มห่อทรวงอวบสล้างอยู่
“ฉันจะเช็ดตัวให้เธอก่อนที่เธอจะป่วยตายในห้องทำงานของฉัน” เขาตอบเสียงแหบพร่าเช่นสิมันตรา แต่มั่นใจว่าตนไม่ได้ป่วยเหมือนสิมันตราแน่ๆ
“ใจร้ายที่สุด กวางเกลียดคุณยักษ์!” คงเป็นเพราะพิษไข้กระมังที่ทำให้สิมันตราร้องด่าบุรุษตรงหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ เขาทำทุกอย่างลงไปเพราะเหตุผลอื่นไม่ใช่เพราะห่วงใยรักใคร่เธอ
“ดี เกลียดฉันให้มากๆ ล่ะจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงผู้ชายคนอื่น” กุมภัณฑ์ไล้ผ้าชื้นๆ ไปบนเนินหน้าอกของหล่อนด้วยความรวดเร็วก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบจานขนมปังแซนวิชมาส่งให้คนป่วย
“ไม่กิน!” กวางน้อยเริ่มออกฤทธิ์
“เธอต้องกินเพราะฉันจะให้เธอกินยา ถ้าไม่กินได้เป็นโรคกระเพาะพอดี” เขาไม่พูดเปล่าแต่อาศัยจังหวะที่ริมฝีปากอวดดีอ้าเผยอยัดขนมปังรูปสามเหลี่ยมเข้าไป น่าดีใจเสียจริงที่มันสามารถปิดกั้นเสียงที่เตรียมจะเอ่ยเถียงของหล่อนได้
สิมันตราจ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอไม่สามารถเอื้อมมือไปหยิบขนมปังดังกล่าวออกจากปากได้เพราะอาการบวมตึงบนฝ่ามือทั้งสองทำให้ตอนนี้เธอมีสภาพไม่ต่างจากคนพิการ สองฝ่ามือใช้งานไม่ได้
“ห้ามคาย!” เขาสั่งอีกครั้งก่อนเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเอง
ชายหนุ่มหลบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการกับยักษ์น้อยที่ตื่นตัวกะทันหัน แน่นอนว่ามันสงบลงด้วยน้องนางทั้งห้าของฝ่ามือเขานี่ล่ะ เหนื่อยตอนเช็ดตัวให้เจ้าหล่อนยังไม่พอยังต้องมาเหนื่อยกายรีดพิษยักษ์น้อยออกจากร่างตัวเองอีก
“ไปอาบน้ำหรือไปแช่น้ำนมยะ ตั้งนานสองนานคนปวดฉี่จะตายอยู่แล้ว”
หญิงสาวที่นั่งพับเพียบหนีบขาจนชิดกันประชดประชันคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ หล่อนพยายามไม่มองอกล่ำๆ ขาวๆ ที่เปลือยเปล่ามีหยดน้ำเกาะพราวไปทั่ว
‘กรี๊ดดด!!! ยัยกวาง! ขนาดไม่อยากมองเธอยังเห็นแม้กระทั่งหยดน้ำที่เกาะพราว ไปทั่ว คิดแล้วอยากจะฆ่าตัวตาย!’
หญิงสาวพูดเองเออเองอยู่ในห้วงคำนึงก่อนจะนึกขึ้นได้รีบลุกลงจากเตียง เธอเซเล็กน้อยเมื่อพื้นห้องโคลงเคลงเปลี่ยนทิศไปมาราวกับว่าไหลได้
“เดินดีๆ สิยัยกวางเอ๊ย!”
กุมภัณฑ์เข้ามาประคองร่างที่ยืนโงนเงนอยู่ข้างเตียง เขารีบอุ้มหล่อนไปวางลงหน้าห้องน้ำ เมื่อหล่อนยืนได้นิ่งเขาก็บอกให้รอชั่วครู่เพื่อวิ่งกลับไปหาบางอย่างในลิ้นชักข้างเตียง วันนี้เขานึกขอบพระคุณมารดาเป็นล้นพ้นที่เที่ยวหาหยูกยาสามัญประจำบ้านมาไว้ให้ลูกชายเสมอ มันช่วยเขาจากเรื่องยุ่งยากนี่ได้ดีจริงๆ
“คุณยักษ์ ฉันปวดฉี่...จะให้รออะไรเนี่ย” คนปวดปัสสาวะเริ่มหน้ามุ่ย เขาจะให้เธอยืนรออะไรในเมื่อชักโครกมันอยู่ห่างออกไปแค่สามก้าวเท่านั้น
“รอเจ้านี่ไงล่ะ”
เขาชูผ้ากอซให้คนถามดู แล้วตรงเข้ามาพันฝ่ามือทั้งสองของหล่อนด้วยผ้ากอซม้วนนั้นจนจะกลายเป็นมือมัมมี่
“อย่าให้มันโดนน้ำเลย กันไว้ก่อน” เขาว่าแล้วรุนหลังหล่อนเข้าไปในห้องน้ำ
ครู่หนึ่งเสียงร้องของยัยกวางจอมป่วนก็ดังขึ้น กุมภัณฑ์กรอกตาขึ้นฟ้าอย่างระอา วันนี้มันวันอะไรเนี่ยทำไมเรื่องยุ่งยากมันเยอะเสียจริง
ชายหนุ่มพาร่างสูงใหญ่เดินไปหยุดที่หน้าห้องน้ำ เขาเพิ่งสวมได้เพียงกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ แต่ยังไม่ทันได้สวมเสื้อ ก็เพราะคนที่ร้องขึ้นนี่ไงที่ทำให้เขาต้องเสียเวลา
“คุณยักษ์อยู่หรือเปล่า มานี่เดี๋ยวเดียวได้ม้ายยย!!!”
“อาราย!?” เมื่อคนถามลากเสียงเรียก คนตอบเลยต้องเปลี่ยนจาก อะไร เป็นอาราย ให้สมกับความ เยอะ ของเจ้าหล่อน
“เข้ามาหน่อยสิ” คนข้างในร้องบอกน้ำเสียงประหม่าสั่นพร่าได้ยินอย่างชัดเจน
กุมภัณฑ์ยืนเอ๋ออยู่หน้าห้อง ยัยกวางเล่นบ้าอะไร?
ยักษ์ใหญ่ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป ยัยกวางไม่ได้ล็อกประตูห้องน้ำด้วย หล่อนต้องการบอกอะไรเขาหรือเปล่าเนี่ย หึๆ (แอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์)
“อะไรของเธอ” เขาถามเพราะคนตรงหน้ายืนไขว้ขาบิดกันแทบเป็นเลขแปด
“แบบว่าปวดฉี่ แต่...”
“แต่อะไรของเธอ” เขาพยายามใจเย็นกับอาการอ้ำอึ้งของหล่อน
“คือ...ถะ...ถอด...ถอดกางเกงในไม่ได้ แหะๆ” สิมันตราหัวเราะแห้งๆ ให้กับความอ่อนแอของตัวเอง ตอนนี้มือเธอเจ็บแถมอาการไข้รุมเร้าก็พาเรี่ยวแรงเธอหดหาย แม้แต่จะถอดกางเกงชั้นในก็ยังทำไม่ได้มันไม่ถนัดเอาเสียเลย แค่ที่ยืนอยู่กลางห้องน้ำได้ก็บุญแล้ว
“ยัยเซ่อ สวย...แต่เซ่อ” เขาย้ำชัดๆ แล้วเดินเข้ามาชิดร่างกวางน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปคลำหาตะขอที่รอบขอบกระโปรงเมื่อพบมันอยู่ด้านหลังก็แกะแล้วดึงลงให้เล็กน้อย
“ขอบคุณ”
หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบแล้วเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจบอกเขาอีกครั้ง ครั้งแรกเขาคงไม่ได้ยินสิ่งที่เธอบอกกระมัง
“คุณยักษ์คะ คือว่า...”
“อะไรอีกล่ะทีนี้ เรื่องมากจริง” เขาบ่นไปอย่างนั้นเองไม่ได้นึกรำคาญเจ้าหล่อนสักนิดที่ทำตัวเป็นผู้ป่วยต้องได้รับการดูแล (แลดู) อย่างใกล้ชิดจากบุรุษผู้แข็งแกร่งด้วยพละกำลังเช่นเขา
“อย่าเพิ่งโมโหสิ ฉันป่วยอยู่นะ มือก็เจ็บ แถมฉันยังกลั้นฉี่จนจะเป็นชำรั่วอยู่แล้วจะดุด่าอะไรนักหนายะ”
สมันน้อยเริ่มรวนอีกครั้ง หล่อนปวดปัสสาวะจะตายอยู่แล้วมาช่วยดึงกางเกงชั้นในให้เธอทีเถอะจะไหว้ขอบคุณงามๆ เลย
“จะให้ทำอะไรก็บอกมาสิ ยิ่งเธอพล่ามมากๆ ฉันจะเหมาว่าเธอกำลังอ่อยฉันนะเนี่ย!”
“คุณยักษ์บ้า!” เสียงแหบๆ ร้องด่าคุณบอสขาผู้มีแผ่นอกบึกบึนน่าซบ สิมันตราเพิ่งเห็นว่าเขายังไม่ได้สวมเสื้อ
“มัวแต่หน้าแดงอยู่นั่นแล้วฉันจะรู้ไหมว่าเธอเรียกฉันมาทำอะไรในห้องน้ำแคบๆ นี่”
“ก็คุณยังไม่ได้...ถอดกางเกงในให้ฉันนี่นา” สมันน้อยกลั้นใจตอบออกไป
กุมภัณฑ์อยากจะเอาแปรงขัดส้วมเคาะกบาลตัวเอง ให้ตายเถอะ ยัยกวางจะยั่วเขาไปถึงไหน ฮึ่ม! มันชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ!
“ยืนนิ่งๆ สิ เดี๋ยวฉันก็ทำมากกว่าถอดกางเกงหรอก” เขาขู่เสียงติดกระเส่าเล็กน้อยเมื่อต้องนั่งยองๆ ตรงหน้าหล่อนแล้วล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรง ฝ่ามือร้อนผ่าวแกล้งเจ้าของผิวเนื้อนุ่มนิ่มด้วยการคลำปัดป่ายไปทั่วสะโพกก่อนจะค่อยๆ ดึงชั้นในตัวจิ๋วให้รูดลงมาตามท่อนขา เขากองมันไว้ที่หัวเข่าหล่อน
“ต้องให้ฉันดึงกระโปรงให้ไหม”
“ไม่ต้อง” หล่อนตอบทันควัน ถ้าดึงลงนายยักษ์ก็ได้ยลโฉมน้องกวางพอดี ฝันไปเถอะย่ะ ถ้าไม่ติดที่มือเจ็บล่ะก็ป่านนี้ถลกกระโปรงขึ้นแล้วจัดการธุระเสร็จไปถึงไหนๆ แล้ว เพราะสองมือนี่ทีเดียวที่ทำให้เธอกับเขาต้องมาพบเจอเรื่องยุ่งยากชวนให้เลือดกำเดากระฉูด
“อ้าว! รออะไรล่ะ ก็นั่งลงไปสิชักโครกน่ะ ไม่ได้เอาก้นมารึไง?”
กุมภัณฑ์ท้วงทันควันเมื่อคนที่ปวดปัสสาวะไม่ยอมนั่งลงบนชักโครกเสียที
“คุณยักษ์นั่นล่ะจะรออะไรยะ ฉันปวดฉี่จะตายอยู่แล้วช่วยออกไปซะทีเซ่!”
คุณยักษ์ร่างใหญ่รีบยกมือยอมแพ้แล้วเดินถอยหลังออกมาโดยไม่รอให้หล่อนส่งเสียงแปร๋นๆ นั่นจบด้วยซ้ำ แม่กวางน้อยยังมีน้ำใจตะโกนคำขอบคุณออกมาดังๆ ว่า
“ล็อกประตูให้ด้วยซิยะ!” เขาส่ายศีรษะอย่างยอมแพ้ต่อโชคชะตาอีกครั้ง แล้วรีบปิดประตูตามที่กวางน้อยบัญชามาทันที
คลิก!
เสียงฝีเท้าเงียบหายไปและประตูถูกปิดเรียบร้อย สิมันตราจัดการธุระส่วนตัวด้วยความทุลักทุเลอย่างที่สุด เธอเพิ่งรู้ว่าการไม่มีสองมือไว้ใช้งานมันเป็นความพิการที่น่าเวทนาอย่างยิ่งยวดทีเดียว
“กรี๊ดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของคนที่อยู่ในห้องน้ำทำเอาคนที่อยู่ข้างนอกอยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพงวันละสามเวลา ตกลงว่าสิมันตรามาเป็นแม่บ้านหรือมาเป็นตัวยุ่งยากให้เขากันล่ะเนี่ย
ชายหนุ่มรีบคว้าเสื้อที่พอหาได้ในตู้มาสวมก่อนจะเดินไปหาคนที่ร้องกรี๊ดๆ อยู่ในห้องน้ำ
“กวาง! เธอจะตายแล้วใช่ไหมฉันจะได้จองวัด” น้ำเสียงฉุนจัดร้องถามคนป่วยที่หน้าประตูห้องน้ำ เสียงเล็กแหลมด้านในจึงตอบโต้ออกมาว่า
“ปากเสีย! คุณนั่นแหละไปลงนรกเลยไป!”
“ยัยกวาง! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ เธอเป็นอะไรนักหนาเดี๋ยวกรี๊ดเดี๋ยวกรี๊ด แก้วหูฉันจะเสื่อมก็เพราะเธอนี่ล่ะ”
“ตาบ้าเอ๊ย! ก็ลองมาเป็นฉันดูบ้างสิ”
สิมันตราอยากจะร้องไห้ เธอพยายามดึงกางเกงชั้นในขึ้นด้วยตัวเองจนพลาดท่าเสียหลักหกล้มหัวเข่าบวมปูด...
ประตูห้องน้ำเปิดออกในนาทีต่อมา ชายหนุ่มพบหญิงสาวซึ่งตอนนี้หน้าตาบอกบุญไม่รับ ผ้าที่พันฝ่ามือทั้งสองของหล่อนก็หลุดลุ่ยบางแห่งมีเลือดซึมออกมาด้วย
“มือเธอเลือดออก!” เขาเอ่ยอย่างตกใจแล้วรีบจูงคนตัวเล็กออกไปจากห้องทันที
“เราจะไปไหนคุณยักษ์”
สิมันตราสงสัยเพราะเขารีบร้อนพาเธอลงจากออฟฟิศชั้นบนมาขึ้นรถแล้วรีบบึ่งรถออกมาด้วยความรวดเร็ว ทั้งหมดทั้งมวลกินเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“ไปหาหมอน่ะสิ ความจริงฉันน่าจะพาเธอไปตั้งแต่แรกแล้ว...ขอโทษนะกวาง”
น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ สิมันตราได้แต่มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายยักษ์ด้วยความอิ่มเอมใจ แค่ที่เขาใส่ใจเธอมันก็ดีมากแล้ว แต่นี่เขายังขอโทษเธออีกอย่างนั้นหรือ ทั้งๆ ที่เธอทำความยุ่งยากใจให้เขามากมายเนี่ยนะ!
‘โอ...หายเจ็บแล้วค่าคุณยักษ์ขา...’



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มี.ค. 2556, 08:07:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 มี.ค. 2556, 08:07:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 8794





<< บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 40%   บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 100% >>
Lilly 13 มี.ค. 2556, 08:11:02 น.
เม้นด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ^_^


จิรารัตน์ 13 มี.ค. 2556, 12:58:31 น.
เม้นท์แล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account