นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 100%

นางบำเรอตีทะเบียน
บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 100%

‘โอ...หายเจ็บแล้วค่าคุณยักษ์ขา...’
เวลาต่อมา
รถยนต์ของบอสหนุ่มแห่งจตุรศิลป์จอดติดไฟแดงที่สี่แยกกลางกรุงเมืองใหญ่ กวางสาวหน้าสวยซึ่งหลงอยู่ในไออุ่นอันอ่อนโยน ปลุกแรงฮึดในหัวใจให้กล้าพอที่จะโน้มกายไป...หอมแก้มนายยักษ์
ฟอด!
“ยัยกวาง! เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!?”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของแก้มสากหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก เขาอยากลุกไปบีบคอขาวๆ ของยัยกวางนักเชียว มาเล่นอะไรบ้าๆ อย่างนี้เดี๋ยวเขาตบะแตกแล้วหล่อนจะรู้สึก ชิ!
“อ่า...ขะ...ขอโทษ ขอโทษค่ะ แล้วก็...ขะ...ขอบคุณนะคะ บอส”
กวางสาวเอ่ยออกมาแล้วหน้าแดงหล่อนทำออกไปเพราะใจมันเรียกร้องหลงลืมเสียสนิทว่าตัวเองกับเขามิได้เป็นคนรักกัน ไม่สมควรด้วยประการทั้งปวงที่เธอจะไปหอมแก้มเขาอย่างนั้น
“อือ...อย่าไปขอบคุณผู้ชายที่ไหนแบบนี้ล่ะ ฉัน...หวง”
สิมันตรามองหน้ากุมภัณฑ์ตาไม่กะพริบ เขาบอกว่าห้ามเธอไปขอบคุณผู้ชายคนอื่นแบบนี้อีกเพราะว่าเขาหวง แล้วทำไมเขาต้องหวงเธอเล่า หรือว่า...
เพียงแค่คิดใบหน้าคนป่วยก็เห่อร้อนยิ่งกว่าเดิม สิมันตราอยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้เธอจะได้ซึมซับเอาความสุขเล็กๆ ที่อบอวลอยู่รอบกายไปเก็บไว้ในความทรงจำให้มากที่สุด ก็จะมีสักกี่ครั้งที่จะได้เห็นนายยักษ์ปักหลั่นพวงแก้มแดงเรื่อราวหนุ่มน้อยผู้ยังด้อยประสบการณ์ในสนามรัก โอ...ยัยกวางเอ๋ย ดูท่าว่าเธอจะหลงคุณบอสขาของเธอเข้าแล้วล่ะ เฮ้อ!

เวลาสี่ทุ่มวันถัดมา
นางวิภาให้เจรียงไปตามลูกสะใภ้มารับประทานอาหารด้วยกันที่บนตึก นางเที่ยวจัดหาของดีๆ มาบำรุงว่าที่คุณแม่จนละลานตาไปหมด ละอองดาวตอบรับน้ำใจของแม่สามีด้วยการรับประทานอาหารทุกอย่างที่แม่สามีตักใส่จานมาให้ ความสุขมากมายเกิดขึ้นในใจของสองสาวต่างรุ่นซึ่งทั้งสองรู้ดีว่าความสุขในครานี้เกิดจากชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตามาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“แพ้มากหรือเปล่าล่ะแม่คุณ” นางวิภาถามลูกสะใภ้ด้วยคำถามในแบบฉบับของนาง ตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากรับประทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อย
“นิดหน่อยค่ะ ส่วนมากจะเป็นตอนเช้าๆ” ละอองดาวตอบแล้วเอาลูบมือบนหน้าท้องบางๆ ของตน
“แล้วเมื่อไหร่ลูกชายฉันมันจะรู้ซะทียะว่าหล่อนท้อง” นางถามต่อเพราะเริ่มมั่นใจแล้วว่าวาโยยังไม่ได้ระแคะระคายเรื่องนี้
“เอ่อ...แล้วดาวจะหาโอกาสบอกคุณโยนะคะคุณแม่”
“ย่ะ อย่านานนักล่ะ ฉันอยากฉลองแล้วนะ” แม่สามีทำหน้ายื่นปากจู๋อย่างขัดใจที่ไม่สามารถจัดงานฉลองใดๆ ได้เพราะว่าบุตรชายยังไม่ทราบข่าวที่น่ายินดีนี้ “แล้วนี่ยังไม่กลับมารึ?”
นางวิภาถามต่อทั้งๆ ที่รู้ว่าบุตรชายยังไม่กลับมาบ้านและรู้ด้วยว่าเขาอยู่ที่ไหนทำไมถึงยังไม่กลับ
“เมื่อเช้าบอกว่าจะเข้าไปดูงานที่บริษัทให้คุณยักษ์ค่ะ ส่วนตอนบ่ายโทรมารอบหนึ่งเห็นว่าอยู่ที่คอนโดฯ คงกลับไปเคลียร์แบบที่จะส่งไปสิงคโปร์กระมัง”
ละอองดาวหมายถึงแบบคอนโดฯ ที่สามีจะสร้างในสิงคโปร์ ป่านนี้มิสเตอร์คิงส์คงเตรียมที่ทางไว้ให้แล้ว ช่วงนี้วาโยยุ่งน่าดูทั้งต้องทำงานทั้งต้องไปดูแลวีนุตตราที่ป่วย เธอเพิ่งรู้จากแม่สามีนี่ล่ะว่าเจ้าหล่อนเป็นมะเร็งสมองอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ แสดงว่าสามปีที่ผ่านมาหล่อนคงทรมานอยู่กับโรคร้ายนี้ บางทีก็น่าเห็นใจวีนุตตราอยู่เหมือนกันที่หล่อนป่วยเป็นโรคร้ายแรง
“ไม่รู้จะทำไปทำไมไอ้คอนโดฯ ที่ว่านั่น ต้องไปตะลอนๆ ต่างบ้านต่างเมืองมันสนุกรึไงกัน” นางวิภาบ่นอุบ นางอยากให้บุตรชายทั้งสองบริหารบริษัทจตุรศิลป์ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำแร่ของครอบครัวอย่างเต็มกำลัง ไม่อยากให้คนใดคนหนึ่งแยกออกไปทำงานของตนอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะนางอคติ แต่เพราะนางกลัวว่าบุตรชายจะทำงานหนักเกินไปไม่มีเวลาพักผ่อน
“คุณโยเค้ารักงานของเค้านะคะคุณแม่” ละอองดาวแก้ต่างแทนสามี
“ย่ะแม่คุณ หล่อนนี่รู้จักแก้ตัวแทนสามีตั้งแต่เมื่อไหร่ยะแม่ดาว รักผัวหลงผัวจริงนะ”
สะใภ้ใหญ่แห่งจตุรศิลป์หน้าแดงเรื่อเมื่อถูกเย้า แม่สามีรู้ทันเธอทุกที
“โธ่...คุณแม่ละก็ คนอยู่ด้วยกันมาหลายปีจะไม่ให้มีความรู้สึกต่อกันเลยมันก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คุณโยเป็นสามีคนแรกและคนเดียวของดาวนะคะ” ละอองดาวตอบตามความจริงแต่สิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไปทำให้นางวิภาทั้งประหลาดใจและ ดีใจ พร้อมๆ กัน
“หล่อนพูดจริงรึแม่ดาว แล้วที่ตาโยบอกว่าพาหล่อนมาจาก...” นางละไว้ในฐานที่เข้าใจ คงไม่มีใครอยากจะถูกตอกย้ำหรอกว่าตนมาจากซ่อง
“ค่ะ วันนั้นดาวถูกญาติที่บ้านนอกหลอกมา ตอนแรกพวกเค้าบอกว่าจะพาดาวมาเรียนหนังสือแล้วก็จะหางานให้ดาวทำด้วย ดาวมารู้ทีหลังว่างานที่ว่านั่น...”
ว่าที่คุณแม่น้ำตารื้นเมื่อหวนคิดถึงโชคชะตาของตัวเอง จำได้ว่าสองปีหลังจากจบมัธยมปลาย ญาติฝ่ายมารดาก็จับเธอยัดขึ้นรถตู้ของนายหน้าค้าเนื้อสด ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกขาย น่าสมเพชจริงๆ
“ตาโยนึกยังไงถึงเลือกเธอนะ เขามองเห็นอะไรในตัวของเธอกัน”
“ดาวว่าคงไม่ทันได้มองมากกว่า คงจะชี้มั่วๆ ได้ดาวมาเป็นเมียหลอกๆไว้ปั่นหัวคุณแม่กระมังคะ คิกๆ”
ละอองดาวหัวเราะชอบใจ หล่อนจำได้ว่าสามปีที่ผ่านมาได้ทำวีรกรรมอะไรกับนางวิภาไว้บ้าง คำว่าแสบคงน้อยไปกระมัง
“ย่ะ แม่คนเก่ง แล้วไม่อยากเรียนหนังสือบ้างหรือ หล่อนอยู่ว่างๆ นี่นา” นางวิภาออกความคิดเห็นความจริงนางอยากให้ละอองดาวไปเรียนหนังสือตั้งแต่ปีแรกที่เจ้าหล่อนเข้ามาเป็นลูกสะใภ้แล้ว
“อ้าว! คุณไม่รู้หรือคะว่าคุณดาวจะรับปริญญาปีหน้า” เสียงของนางเจรียงเอ่ยแทรกการสนทนาของแม่ผัวลูกสะใภ้ นางถือถาดผลไม้เข้ามาวางบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยซึ่งตั้งอยู่กลางวง
“จริงรึแม่ดาว หล่อนไปเรียนตอนไหนฉันไม่เห็นว่าหล่อนจะออกไปไหนเลยถ้าตาโยไม่สั่ง”
“ดาวเรียนมหาลัยเปิดค่ะ ไม่ต้องไปเรียนก็ได้แต่ไปสอบเอา ดาวเรียนเก่งนะคะคุณแม่แค่สองปีครึ่งก็เรียนจบแล้ว” ละอองดาวโอ้อวดด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจก็นานๆ ทีจะมีคนรับฟังความภาคภูมิใจของเธอบ้างเธอก็ขอคุยโวให้เต็มที่หน่อย
“ย่ะ แม่คนสมองดี หล่อนอยากได้อะไรไหมล่ะฉันกำลังอารมณ์ดี เผื่อหล่อนอยากขอของขวัญวันรับปริญญา”
ละอองดาวฉีกยิ้มกว้างเมื่อมารดาของสามีเปิดทาง ตอนนี้เธอหวังอย่างยิ่งว่าสิ่งที่ขอจะได้รับกลับมาจริงๆ
“คุณดาวขอเลยค่ะ คุณภาไม่ได้ใช้เงินนานแล้ว เดี๋ยวปลวกขึ้นนะคะ”
นางเจรียงเอ่ยแซวเจ้านายที่รัก คุณนายวิภาของนางนั้นมีบุญนักเกิดมาบนกองเงินกองทองมีบิดามารดาร่ำรวย พอแต่งงานก็ได้แต่งกับสามีที่มีฐานะ กิจการที่ทำก็รุ่งเรืองเลยทำให้เวลานี้คุณนายวิภาขึ้นแท่นเศรษฐีนีคนหนึ่งของประเทศ หากลูกสะใภ้จะขออะไรเป็นของขวัญบ้างนางคงไม่รีรอที่จะจัดการให้สมดังที่เจ้าหล่อนร้องขอ
ละอองดาวสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าก่อนเอ่ยออกมา
“ถ้าอย่างนั้นดาวขอ...ขอนามสกุลจตุรศิลป์ ให้ลูกของดาวได้ไหมคะคุณแม่”
“คุณดาว!...นี่คุณกำลัง...? จริงหรือคะเนี่ย!”
นางเจรียงยกมือทาบอกด้วยความตื่นเต้นแกมดีใจ นางกำลังจะได้อุ้มคุณหนูตัวน้อยจริงๆ หรือนี่ น่าดีใจจริงๆ
“ดาวท้องค่ะคุณเจรียง” ละอองดาวหันมาบอกคุณแม่บ้านที่ดูท่าจะตื่นเต้นดีใจแกมประหลาดใจที่ได้ยินว่าเธอขออะไรจากแม่สามี ป้าเจรียงนั้นให้ความเมตตาลูกนกลูกกาตาดำๆ เช่นเธอมาหลายปี นางเปรียบเสมือนแม่อีกคนของเธอก็ว่าได้
“แล้วทำไมต้องขอด้วยยะ ลูกหล่อนก็ต้องใช้นามสกุลเหมือนพ่อของเขาอยู่แล้วนี่” นางวิภาฉงนเล็กน้อยเลยถามออกไป
“ดาวหมายถึงว่า ถ้าวันหนึ่งดาวหย่ากับคุณโยดาวก็ยังอยากให้ลูกใช้นามสกุลเดียวกันกับพ่อของเขา ดาวกลัวว่าถ้าถึงวันนั้นจริงๆ คุณโยอาจจะไม่ยอม คุณแม่จัดการเรื่องนี้ให้ดาวได้ใช่ไหมคะ”
นางวิภาถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตอบคำถามง่ายๆ สั้นๆ
“ไม่ย่ะ...เพราะหล่อนจะไม่มีวันได้หย่าแน่นอน”
นางเจรียงคลี่ยิ้มกว้างเมื่อนายของนางพูดเช่นนั้น มันหมายความว่าไม่มีวันที่คุณหนูตัวน้อยๆ จะลำบากเรื่องนามสกุลเพราะย่าของหลานตั้งมั่นแล้วว่าอย่างไรเสียก็จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้นแน่นอน
“คุณแม่...”
ละอองดาวไม่รู้จะหาคำพูดใดมาโต้เถียงกับนางวิภาแล้ว เธอเหนื่อยกับแม่ลูกคู่นี้จริงๆ คนหนึ่งก็ร่ำๆ จะให้ไปหย่า อีกคนก็ยืนยันนักหนาว่าหย่าไม่ได้ ก็ถ้าคนที่เธอแต่งงานด้วยมีใจให้เธอสักนิดหัวใจเธอคงไม่เอนเอียงไปทางใบหย่าหรอก แต่เธอจะเซ็นก็ต่อเมื่อสิ่งที่เธอต้องการมาอยู่ในมือเธอแล้วเช่นกัน
ระหว่างที่คนทั้งสามกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น รถยนต์คันงามตีตราจตุรศิลป์ก็แล่นมาจอดที่หน้าตึก นางเจรียงลุกไปดูก็ได้เห็นว่าหลานสาวเดินหน้าบูดหน้าบึ้งเข้ามาในบ้าน
สิมันตรายกมือไหว้สตรีทั้งสาม หล่อนนั่งลงข้างๆ ป้าเจรียงก่อนจะโผเข้ากอดนางแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นท่ามกลางความตกอกตกใจของทุกคน
“ยัยกวาง...? เธอจะร้องทำไมเนี่ยเดี๋ยวคุณแม่ก็หาว่าฉันทำอะไรเธอหรอก”
กุมภัณฑ์ที่เดินตามหลังสิมันตรามาติดๆ รีบออกตัวเมื่อสายตาทั้งสามคู่หันมามองเขาเป็นตาเดียว ยัยกวางบ้าเอ๊ย! เงยหน้ามาอธิบายเดี๋ยวนี้นะ!
“เป็นอะไรฮึแม่กวาง แล้วนี่มือไปโดนอะไรมาทำไมต้องพันผ้าเป็นมัมมี่อย่างนี้” นางเจรียงสงสัยยิ่งนัก หลานสาวจอมซุ่มซ่ามไปก่อวีรกรรมจนเจ็บตัวมาอีกแล้วแน่ๆ
“กวาง...ฮึกๆ กวาง..ฮือๆๆ”
คนที่ถูกถามเอาแต่สะอึกสะอื้นมิสามารถตอบกลับคุณป้าที่รักได้เลย
“ก็อุ่นกับข้าวแล้วไม่เอาผ้ารองตอนยกออกจากไมโครเวฟไงครับ สวยแต่เซ่อเลยเจ็บตัวอย่างนี้ล่ะ” เป็นยักษ์ใหญ่กุมภัณฑ์ที่ตอบคำถามแทนกวางสาว เจ้าหล่อนเอาแต่ร้องไห้โยเยเป็นเด็กๆ มันน่าจับตีก้นจริงๆ
“ตายจริง! เป็นอะไรมากหรือเปล่าแม่กวางแล้วไปหาหมอมารึยัง?”
นางวิภาวิตกกังวลเมื่อได้ฟังคำให้การของบุตรชาย ว่าที่ลูกสะใภ้คนเล็กคงเจ็บไม่น้อยไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไม่ปล่อยโฮให้อับอายชาวบ้านหรอก
“ผมพาไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ แต่เค้าไม่สะดวกตอนเข้าห้องน้ำผมเลยต้องพากลับมานอนที่บ้านกับป้าเจรียงนี่ล่ะ” กุมภัณฑ์พูดเองเออเองทั้งๆ ที่นางวิภาไม่ได้ถามเจ้าตัวสักคำสร้างความสงสัยให้พอกพูนในหัวใจของมารดาเป็นล้นพ้น นางคาดว่าหากเอ่ยถามอีกสักหนึ่งคำถามเจ้าลูกชายตัวดีคงได้ให้คำตอบแทนสาวเจ้าอีกตามเคย ไม่เชื่อคอยดู
“แย่จริงๆ ลูกเอ๊ย คงเจ็บมากใช่ไหมนั่นน่ะ” คุณนายวิภาลองเลียบเคียงถามคนเจ็บอีกรอบ
“แน่นอนครับคุณแม่ไม่งั้นไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างนี้หรอก ฮ่าๆๆ”
นางวิภากรอกลูกตาไปมาเพราะสิ่งที่นางคาดการณ์ไว้ไม่ผิดเลยสักนิด ดูท่าว่ากวางน้อยจะล้มยักษ์ใหญ่กุมภัณฑ์ได้ในเร็ววันนี้ล่ะนางมั่นใจ
“คุณยักษ์อย่ามาหัวเราะเยาะฉันนะ! หุบปากไปเลยยิ่งดี” กวางน้อยตวาดแหวลืมไปเลยว่าตัวเองกำลังเล่นบทเด็กน้อยผู้น่าสงสารร้องไห้เป็นเผาเต่าอยู่กับอกผู้เป็นป้า
“ยัยกวาง! ไปขึ้นเสียงกับคุณยักษ์ได้ยังไง ขอโทษคุณยักษ์เดี๋ยวนี้”
นางเจรียงเตือนสติหลานสาว เจ้าหล่อนก้าวร้าวนายน้อยของนางมากไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับป้า ผมชินแล้วล่ะ ยัยกวางกัดเก่งนะครับไม่น่าชื่อกวาง น่าจะชื่อ...หึๆ”
กุมภัณฑ์หัวเราะหึๆ ในลำคอแล้วรีบลุกจากวงสนทนา ส่วนฝ่ายที่ถูกพูดจากระทบกระเทียบได้แต่ครางฮึ่มๆ ในลำคอเพราะไม่อาจเอาคืนเขาได้ด้วยวาจาเช่นที่เคย
ละอองดาวขอตัวออกจากวงสนทนาเป็นคนต่อมา หล่อนได้ยินเสียงรถของสามีแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกจึงคิดได้ว่าสมควรแก่เวลาที่ต้องกลับไปยังที่ของหล่อนแล้ว อย่าอยู่ให้รกหูรกตาสามีจะดีกว่า
“ดาวไปนอนก่อนนะคะคุณแม่” เธอบอกแม่สามีสั้นๆ ก่อนหันมายิ้มให้สองป้าหลานที่นั่งตระกองกอดกันอยู่
“ย่ะ อย่าลืมกินยาด้วยล่ะเดี๋ยวร่างกายไม่แข็งแรง” นางวิภามิวายเอ่ยเตือนเรื่องยาบำรุงที่คุณหมอให้ไว้ตั้งแต่คราวที่มาตรวจครั้งแรก
“ค่ะคุณแม่ คุณแม่ก็ขึ้นนอนได้แล้วนะคะ พรุ่งนี้เราจะได้ตื่นมาใส่บาตรพร้อมกัน”
นางวิภายิ้มให้เมื่อลูกสะใภ้เอ่ยชวน
“เดินดีๆ นะคะคุณดาว” นางเจรียงร้องส่งนายสาวที่หันหลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นทางประตูหลังตึก นาทีต่อมาวาโยก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมด้วยไหล่สองข้างที่ลู่ลงเพราะความเหนื่อยอ่อน
“ทำอะไรอยู่หรือครับทำไมยังไม่นอนกันอีก”
วาโยเอ่ยถามสาวๆ ที่อยู่ในห้องนั่งเล่น สิมันตรายกมือไหว้เจ้านายอีกคนของเธอ นอกจากความหล่อเหลาที่โคลนนิ่งกันมาแล้ว พี่ชายของบอสจอมหื่นไม่เห็นจะเหมือนน้องชายสักนิด ท่าทางเขาดูสุขุมใบหน้าก็ไร้รอยยิ้มไม่ใช่เอาแต่ฉีกยิ้มกว้างคอยแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เธอเหมือนคนเป็นน้อง
“ก็นั่งคุยกันนี่ล่ะค่า ว่าจะพาคนป่วยไปนอนแล้วเหมือนกัน”
“ใครเป็นอะไร กวางหรือ?” เขาถามหลานสาวของคุณแม่บ้านที่เคารพแล้วเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ละอองดาวเพิ่งลุกจากไป
“ค่ะ มือพองนิดหน่อย กวางไม่ระวังเอง” กวางน้อยตอบวาโยผู้เป็นนาย
“ตายักษ์พาไปหาหมอหรือยังล่ะ” เขาถามอีก
“ค่ะพาไปแล้วเมื่อวาน” สิมันตราตอบแล้วยกมือป้องปากหาวหวอดๆ ทั้งที่ดวงตายังชุ่มหยาดน้ำใส สงสัยว่ายาแก้อักเสบจะออกฤทธิ์เสียแล้ว
“งั้นอิฉันไปนอนก่อนนะคะคุณภา อิฉันสั่งเด็กๆ เก็บบ้านช่องเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ”
นางเจรียงชี้แจงด้วยไม่อยากให้เจ้านายเป็นกังวล นางรีบจูงแขนหลานสาวกลับห้องทันที ในหัวใจของคนเป็นป้าไม่ได้นิ่งเฉยไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องของหลานสาว ตรงกันข้ามตอนนี้หัวใจของนางกำลังร้อนรุ่มสุดประมาณ คุณยักษ์บอกว่ายัยกวางช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตอนเข้าห้องน้ำ แล้วเมื่อวานนี้ล่ะ ใครเป็นคนอำนวยความสะดวกให้สาวเจ้า คงไม่ใช่คุณยักษ์หรอกนะ
นางบำเรอตีทะเบียน

อินเลิฟ http://www.inlove-book.com/n_novel_detail.php?ide=8481
สิรินดา http://home.love-stories.net/lovestories/room/Lilly Goodmanttp
ห้องสมุด ://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2797
เด็กดี http://writer.dek-d.com/valalee601/story/view.php?id=911052
ธันวลัยhttp://www.tunwalai.com/chapter/9194
ไลต์ออฟเลิฟhttp://www.lightoflovebooks.com/fiction.php?id=316



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2556, 08:00:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2556, 08:00:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 10362





<< บทที่ 8 ความยุ่งยากที่น่ารัก 60% ระวังหน้าแดงกิ๊วๆ ^_^   บทที่ 9 หนามตำใจ 50% บีบอารมณ์สุดติ่ง Y^Y >>
Lilly 14 มี.ค. 2556, 08:06:18 น.
เอาความน่ารักมาส่งจร้า


มะเหมี่ยว 14 มี.ค. 2556, 11:12:48 น.
เมื่อไรคุณโยจะรู้สักที่ว่าคุณแม่ดาวท้อง
รูัแล้วคุณโยจะทำอย่างไงนะ


ลิลลี่ 14 มี.ค. 2556, 17:42:51 น.
ไไรท์เตอร์ อยากให้พระเอกระแคะระคายบ้างหรือรู้เลยก็ดีว่าเมียตัวเองอ่ะท้องอยู่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account