เจ้าบ่าวค้างสต็อก by สลิลา

Tags: เจ้าบ่าว ,สต็อก ,โรแมนติก

ตอน: บทที่ 21


นวินผุดลุกขึ้นตั้งแต่ได้ยินคำว่าวาณีล้มแล้ว จากนั้นก็วิ่งออกไปที่หน้าบ้านด้วยความรวดเร็ว โดยมีหว้าวิ่งตามติด คนที่เหลือได้แต่มองหน้ากันเลิกลัก

“ใครวะ วาณี...”

“เอ้า อยู่ตรงนี้จะรู้ได้ไง ไปสิวะ” ไกรศรว่าพลางเดินนำทุกคนไปยังจุดเกิดเหตุ ทั้งหมดสวนกับช้องนางและปิยะภัสร์ที่กำลังยกยำจานใหญ่มาจากครัวพอดี และครั้นทราบเรื่อง ช้องนางก็หมุนตัวเดินเร็วๆ ไปอีกคน

เมื่อทุกคนตามไปถึง ก็พบว่านวินอุ้มหญิงสาวขึ้นจากพื้นแล้วและกำลังจะพาเข้าบ้าน ส่วนออมเงินยืนตัวแข็งทื่อหน้าซีดอยู่กับที่ ปิยะภัสร์จึงเดินไปใกล้แล้วแตะแขนเย็นชืดเบามือเพื่อเป็นการเรียก ลูกสาวกอบทรัพย์สะดุ้งน้อยๆ แล้วน้ำตาก็ไหล ก่อนที่ปิยะภัสร์จะจูงมือหล่อนเดินตามทุกคนกลับเข้าบ้านอีกครั้ง

นวินวางร่างแบบบางลงบนโซฟาทะนุถนอม หว้าตามไปช่วยจัดท่านอนให้สบายที่สุด แล้วถอยออกเพื่อให้อากาศถ่ายเทรอบๆ ตัวหญิงสาวให้มากที่สุด จากนั้นนวินก็จัดการถอดแว่นออกจากใบหน้าเปื้อนกระนั้นให้ เป็นจังหวะเดียวกับที่ช้องนางที่เมื่อครู่นี้เดินเลยไปหยิบกล่องยาสามัญประจำบ้านกลับมา เธอยื่นสำลีชุบแอมโมเนียให้ชายหนุ่ม ซึ่งก็รีบรับไปจ่อใกล้ปลายจมูกเชิดรั้นทันที

ระหว่างรอหญิงสาวฟื้น นวินหันไปทางออมเงิน แววตามีทั้งตำหนิทั้งผิดหวัง ออมเงินก้มหน้างุด เพราะตั้งแต่จำความได้ อาหนุ่มไม่เคยมองเธอด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน

“หว้าบอกว่า ออมผลักเขาล้ม...”

“ค่ะ...ออมพลั้งมือไป”

“บางทีอาก็คิดว่าอาไม่รู้จักออมเลย”

“ออมขอโทษค่ะ อาวิน ออมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้” เสียงหล่อนสั่น แววตาบ่งบอกความเสียใจอย่างจริงใจ “ออมแค่โกรธที่น้ำเพชรปากแข็งเรื่องคุณรัฐ ทั้งที่มีหลักฐานอยู่ทนโท่”

ยังไม่ทันที่นวินจะเอ่ยถามว่าหลักฐานดังว่าคืออะไร ช้องนางก็ร้องบอกว่า วาณีรู้สึกตัวแล้ว ชายหนุ่มหันไปมอง ครั้นเห็นว่าหล่อนเริ่มขยับตัว ก็ลุกออกจากตรงนั้นเพื่อให้ช้องนางดูแลต่อ

“เป็นยังไงบ้างคะ หนูวาณี”

วาณีไม่ตอบในทันใด แต่กวาดตามองไปรอบๆ งงๆ ก่อนพยายามขยับตัวลุกขึ้น โดยมีหว้าช่วยประคอง และเมื่อนั่งได้เรียบร้อยแล้ว หล่อนก็มองไปทางนวินแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมาที่ช้องนางตามเดิม

“ฉันสลบไปนานแค่ไหนคะ ป้า”

“ไม่ถึงสิบนาทีมังคะ หนูล้มไม่นาน คุณวินก็ไปถึง แล้วก็รีบอุ้มหนูมาที่นี่และปฐมพยาบาลให้นี่แหละค่ะ”

ปรากฏร่องรอยพิศวง ประหลาดใจและไม่อยากเชื่อเต็มในดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาว

“สิบนาทีเองเหรอคะ ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก...” หล่อนเว้นช่วงเพื่อใช้ความคิดอย่างหนัก “แล้วคุณอา...กลับมาอุ้มฉันได้ยังไง...ในเมื่อคุณอาออกไปจากบ้านก่อนฉันอีก”

คำพูดของหล่อน ทำให้นวิน ช้องนาง และหว้าเป็นฝ่ายประหลาดใจบ้าง

“เธอพูดอะไรน่ะ ฉันกับเธอกลับบ้านพร้อมกันเมื่อกี้นี้ไง”

วาณีส่ายหน้า งงหนักกว่าเดิม

“กลับ กลับจากไหนคะ...ฉันจำได้ว่า คุณอาออกจากบ้านไปแล้ว ส่วนฉันก็กำลังจะออกไปหางานทำ”

คราวนี้ทั้งสามคนหันสบตากันด้วยความงุนงงหนักยิ่งกว่าหล่อน

“เธอทำให้ฉันงงไปหมดแล้ว” นวินขมวดคิ้ว ขณะที่เพื่อนๆ ของเขา รวมทั้งออมเงินและปิยะภัสร์ยังคงจับตาดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความใคร่รู้ “เอาอย่างนี้ เหตุการณ์สุดท้ายที่เธอจำได้ในขณะนี้คือเรื่องไหน”

“ก็ตอนที่ฉันจะออกไปทำงานนั่นแหละค่ะ แต่คนของคุณอาพากันห้าม แล้วเด็กคนนี้ก็มาดึงแขนฉันไว้...” หล่อนชี้ไปที่หว้า “เรายื้อกันไปมา คนชื่อจินดาจ้างเธอห้าร้อยบาทให้จับฉันให้ได้ แต่ฉันบอกว่าจะให้พันหนึ่งถ้าเธอยอมปล่อยฉัน...พอเธอปล่อยเร็วๆ ฉันก็เลยล้มลง เหมือนหัวจะกระแทกพื้นด้วย...”

ทั้งสามทำหน้าตระหนกระคนไม่อยากเชื่อ

“มีอะไรหรือคะ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า” เห็นสีหน้าของพวกเขา หล่อนก็ถามตระหนก

นวินสูดลมหายใจยาวๆ ครั้งหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงไปเอ่ยว่า “ที่เธอพูดมา มันเป็นเหตุการณ์เมื่อ...เกือบสามเดือนที่แล้ว”

“อะไรนะคะ หมายความว่ายังไง” หญิงสาวผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ แต่ความที่เพิ่งฟื้น หล่อนจึงเกิดอาการหน้ามืด ทำท่าจะล้มลง ดีที่นวินผวาไปประคองไว้ทัน

พออาการหน้ามืดหายไป และรู้ว่าแขนของตนถูกเขาถือครอง วาณีก็ดึงออกอย่างไว้ตัว แล้วถามเสียงห่างเหิน

“คุณอากำลังจะบอกอะไรฉันคะ”




หนุ่มใหญ่เจ้าของบ้านยืนมองจนรถคันสุดท้ายแล่นพ้นบริเวณบ้าน จึงหันหลังเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ ด้วยเมื่อครู่นี้เขายังยืนยันว่า วาณีเป็นญาติ จำต้องเปลี่ยนชื่อปกปิดตัวตนเพราะมีความจำเป็นบางอย่าง

แต่เขารู้สึกว่าทุกคนยังคงเคลือบแคลงสงสัยอยู่ และเมื่อสงสัยแล้ว ก็จะต้องมีการสืบสาวราวเรื่องจนถึงที่สุดแน่ ก็แค่ขนาดรู้ว่า เขาพา ‘ญาติ’ เข้ามาอยู่ที่บ้าน ยังไม่เชื่อ จนต้องขนกันมาดูจนครบองค์ประชุม นี่มาเห็นท่าทางแปลกๆ ของวาณีเข้าให้ด้วยแล้ว งานนี้ เขาต้องเจอปัญหาหนักแน่

ดังนั้นเอง เมื่อมาถึงห้องรับแขกแล้ว เขาจึงบอกหว้าให้เรียกทุกคนในบ้านมารวมตัวกันที่ห้องรับแขก แล้วสั่งว่า ให้ปิดปากเรื่องของวาณีให้สนิท

“ห้ามเอ่ยชื่อกอบทรัพย์คู่กับวาณีเด็ดขาด ไม่ว่าใครจะให้เงินเท่าไรก็ตาม” ตอนท้ายเขาปรายตาไปทางจินดากับสมเพียร เพราะจำได้ว่าหว้าเคยบอกว่ากอบทรัพย์จ้างสองคนนี้ให้คอยดูแลวาณีเป็นอย่างดี สองคนนั้นก้มหน้างุดหลบความผิดทันที

เมื่อทุกคนรับปากแล้ว เขาก็ให้กลับไปทำงานส่วนของตนต่อ เว้นแต่ช้องนางกับหว้า จากนั้น ชายหนุ่มก็หันมาทางวาณีที่รอฟังคำตอบจากคำถามที่หล่อนถามค้างไว้อย่างใจจดจ่อ

“ฉันคิดว่าเธอกำลัง...สูญเสียความทรงจำบางช่วงไป”

เกิดความเงียบขึ้นทั้งห้อง ก่อนที่วาณีจะหัวเราะขำ มองหน้าคนพูดราวกับเขาเป็นนักแสดงตลกสุดยอดฝีมือ แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะเอ่ยคำใด เขาก็ชิงเอ่ยได้ก่อน

“ไม่ใช่เรื่องขำ ไม่ใช่เรื่องบ้า แต่มันคือเรื่องจริง...ฉันหมายความว่า ถ้าสิ่งที่เธอบอกเป็นความจริงด้วยน่ะนะ”

วาณีอ้าปากค้างก่อนจะหุบลง แล้วพึมพำเสียงแผ่ว

“เป็นไปได้ยังไง...” แล้วก็เงียบไปอีก สักพักจึงหันไปทางนวินอีกครั้ง “แล้วสามเดือนที่ผ่านมา ฉันอยู่ที่ไหน ทำอะไรคะ”

แล้วนวินก็เริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับจากวันนั้นจนกระทั่งวันนี้ โดยมีหว้าและช้องนางคอยเสริมในจุดที่เขาอาจจะขาดตกบกพร่องไป ซึ่งมีหลายครั้งที่วาณีเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น ตกใจ และไม่อยากเชื่อ โดยเฉพาะเรื่องของนภดล

และเมื่อมาถึงเรื่องที่ทำให้หล่อนต้องถูกออมเงินผลักล้ม หว้าเป็นคนเล่า เพราะเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น

“...คุณออม ขอคุยกับพี่วาณีเรื่องคุณรัฐฮะ เธอบอกประมาณว่าผิดหวังในตัวพี่ที่ทำท่าหงิมๆ แต่จริงๆ แล้วก็แอบชอบคุณรัฐเหมือนกัน”

“งั้นหรือ...คุณรัฐกับคุณออมอะไรเนี่ย เขาเป็นคนรักกันเหรอ” หญิงสาวถามอย่างสงสัย

“เปล่า” นวินเป็นคนตอบ

“อ้าว แล้วคุณออมมาทำกับฉันอย่างนี้ทำไมล่ะ”

“เอ่อ...ก็...” หว้าอึกอัก ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“ฉันขอโทษแทนหนูออมด้วย แก...”

“ชอบคนชื่อรัฐ...” วาณีต่อให้อย่างคนที่เดาสถานการณ์ออก เรื่องที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งทำอะไรไร้สติมีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก ก่อนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “อย่าบอกนะคะวา ฉันเป็นแฟนกับผู้ชายคนนั้นน่ะ”

“เรื่องนี้ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ระหว่างเธอกับเขา อาจจะมีคำตกลงอะไรบางอย่างต่อกันก็ได้” นวินแบ่งรับแบ่งสู้ วาณีหน้ามุ่ย ไม่พอใจคำตอบ

“ฉันจะได้เจอเขาใช่มั้ยคะ”

“แน่นอน เธอยังมีภารกิจหลายอย่างที่โรงงานนั่น...”

วาณีพยักหน้ารับทราบ แล้วหันมาทางหว้าต่อ “เพราะเรื่องแค่นี้เหรอ คุณออมถึงผลักฉันน่ะ”

“ฮะ คุณออมโกรธที่พี่วาณีเอาแต่ปฏิเสธว่าไม่มีอะไรกับคุณรัฐ ทั้งที่มีหลักฐานอยู่...หลักฐานที่ว่าคือ...กระดาษแผ่นนี้ฮะ คุณออมบอกว่าเจอมันตกอยู่ใกล้โต๊ะพี่วาณี เมื่อกี้นี้ คุณออมขยำมันแล้วปาใส่หน้าพี่ หว้าเก็บเอาไว้ได้” พูดจบเด็กสาวก็ยื่นแผ่นกระดาษยับยู่ยี่แผ่นหนึ่งไปตรงหน้าวาณี หญิงสาวรับมาอ่าน สักพักก็ขมวดคิ้ว

“ภาษาไทย...ฉันอ่านไม่ออกค่ะ” แล้วก็ส่งให้นวิน

ก้มลงอ่านข้อความนั้นครู่เดียว นวินก็ผุดลุกขึ้นไปยืนทางหนึ่ง และขบกรามแน่น ท่าทีแบบนั้นของเขาทำให้ทุกคนโดยเฉพาะวาณียิ่งอยากรู้ จนต้องลุกขึ้นไปถามใกล้ๆ

“คะ คุณอา มันคืออะไรคะ”

“เนื้อเพลง...รัก...รัฐเขียนให้เธอ” คนตอบตอบเสียงลอดไรฟันไม่รู้ตัว

วาณีดึงกระดาษกลับมาเพื่อดูอีกครั้งราวกับมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ชนิดใหม่ ก่อนเงยหน้ามาเอ่ยกับนวินอย่างไม่แน่ใจนัก

“แน่นะคะ...คุณอาไม่ได้เข้าใจผิดใช่มั้ย...คือ สมัยนี้ยังมีผู้ชายเขียนเพลงให้ผู้หญิงอยู่แบบนี้อีกเหรอคะ”

“นั่นลายมือของรัฐจริงๆ...ฉันคิดว่าที่เขายอมเขียนแทนที่จะเซิร์ชในเน็ตแล้วปริ๊นท์ให้เธอ คงเพราะอยากให้เธอเห็นว่าเขาจริงใจแค่ไหน...”

วาณีทำหน้าปูเลี่ยนๆ กับคำพูดนั้น ก่อนจะนึกได้ว่า คนพูดเป็นหนุ่มเมื่อหลายสิบปีก่อน ก็เลยออกจะชื่นชมวิธีการนี้เป็นพิเศษ แต่หล่อนก็ไม่ได้ใส่ใจกับกระดาษแผ่นนั้นอีก วางมันบนโต๊ะแล้วตัวเองก็ถอยกลับไปนั่งที่เดิมด้วยแววตาสับสน หวั่นใจ ไม่แน่ใจในอะไรหลายๆ อย่าง และนวินก็อ่านสายตาหล่อนออก

“ฉันว่าเธอไปหาหมอหน่อยดีกว่า หมอเขาอาจช่วยเธอเรื่องรื้อฟื้นความทรงจำได้”

วาณีทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ย้อนถาม “นอกจากเรื่องงานที่ฉันต้องรับผิดชอบแล้ว มันมีความทรงจำอย่างอื่นที่ฉันควรจะต้องจดจำมันหรือเปล่าคะ...คือ ถ้ามันไม่มี ฉันก็คิดว่าคงไม่จำเป็น ส่วนเรื่องงานฉันก็น่าจะพอเรียนรู้ใหม่ได้”

นวินมองไปทางอื่นและเงียบไปคล้ายไม่แน่ใจว่าควรจะตอบอย่างไรดี เห็นอย่างนั้น ช้องนางก็รีบทำหน้าที่แทน

“ป้าเห็นด้วยเรื่องที่จะไปพบหมอค่ะ หนูวาณี...” เธอเว้นช่วงเพื่อมองไปทางนวิน “...เพราะว่ามีความทรงจำดีๆ อีกมากมาย รอหนูอยู่”

“ค่ะ ก็ได้” หญิงสาวรับคำอย่างว่าง่าย แล้วก็เหมือนนึกอะไรออก “แล้วพ่...เอ่อ คุณกอบล่ะคะ เอาหนูมาทิ้งไว้นี่แล้วเขาไปไหน”

นวินชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมบอกความจริง เพราะเห็นแล้วว่า วาณีคนเมื่อสามเดือนก่อน ยอมทำตามที่เขาสั่งห้าม ขอเพียงใช้เหตุผล และเขาก็คิดว่า วาณีตรงหน้าก็คงไม่ต่างกัน เพราะเขาไม่รู้สึกว่านิสัยหล่อนจะแตกต่างจากเดิมเท่าไร

“อะไรนะคะ? เป็นอัมพาตเลยเหรอ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ” วาณีทะลึ่งพรวด หน้าตาบ่งบอกความตกใจสุดขีด

“เขายังคงพูดไม่ได้ ขยับตัวได้บ้างนิดหน่อย”

“แล้วอยู่ที่ไหนคะ โรงพยาบาลหรือที่บ้าน”

“โรงพยาบาล เพราะเราคิดกันว่าถ้าพาไปอยู่บ้าน จะยิ่งทำให้พี่แบม...เอ่อ เมียเขาน่ะ ไม่สบายใจและพลอยเครียดไปอีกคน”

“หนูจะไปเยี่ยมเขา” วาณีประกาศและทำตามคำนั้นทันที

“ไม่ได้ เราตกลงกันแล้ว ว่าเธอจะไม่ยุ่งกับเขาอีก”

“อะไรนะคะ...ฉันนะเหรอไปตกลงอย่างนั้น” หล่อนหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ

“ใช่ แลกกับการที่เธอได้ใช้ชีวิตในแบบที่เธอต้องการ ฉันหมายถึงก่อนหน้าที่เธอจะมีเรื่องกับนภดลน่ะ เธอได้ออกไปทำงานที่เธออยากทำ”

“เดี๋ยว...แล้วทำไมก่อนหน้านั้นฉันถึงไม่มีสิทธิ์ใช้ชีวิตอย่างที่ฉันอยากใช้ล่ะคะ”

“เพราะฉันไม่ไว้ใจเธอ กลัวว่าเธอจะไปประกาศฐานะของตัวเองให้เมียหลวงรู้น่ะสิ” พูดออกไปแล้ว นวินก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะพูดแรงและใช้น้ำเสียงหนักไป จึงรีบพูดว่า “คือ...เมื่อก่อน ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง ฉันจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะกลัวเรื่องจะวุ่นวายไปมากกว่านี้”

วาณีนิ่งไปเพื่อใช้ความคิด “คุณอาพูดเหมือนฉันเป็นเมียน้อยอย่างนั้นแหละ”

นวินกับช้องนางหันสบตากันอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน

“ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอแสดงให้ฉันเห็นแล้วว่า เธอไม่ได้อยากเป็น...เอ่อ...เป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ฉันกลัวในตอนนี้กลับไม่ใช่เธอ แต่ฉันเกรงว่าพี่กอบจะแสดงปฏิกิริยาบางอย่างต่อเธอ ซึ่งอาจทำให้พี่แบมและเด็กๆ สงสัยได้”

วาณีขมวดคิ้วและคิดตามคำพูดเขา ขณะที่นวินเอ่ยต่อไปว่า

“ที่สำคัญตอนนี้ ทุกคนรวมทั้งหนูออมรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ในฐานะหลานของฉัน...ฉันว่ามันดูแปลกๆ ถ้าหากว่าหลานสาวของฉันจะไปเยี่ยมพี่กอบ”

“ถ้าอย่างนั้น...ให้ฉันไปเป็นตัวแทนคุณอาสิคะ จะได้ไม่มีใครสงสัย” หญิงสาวต่อรองทั้งที่ยังมีสีหน้าคล้ายงงกับบางคำพูดบางของเขาอยู่

“ฉันบอกแล้วไงว่า ปัญหาสำคัญจริงๆ อยู่ที่พี่กอบ ไม่ใช่เธอหรือใคร หวังว่าเธอจะเข้าใจนะ”

วาณีส่ายหน้าอย่างดื้อดึง “แต่ฉันเป็นห่วงเขา ฉันอยากไปให้เห็นกับตาว่าเขาเป็นยังไงบ้าง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สบายใจ”

นวินมีสีหน้ายุ่งยากใจเป็นหนักหนา ถึงกระนั้นก็ยังใจเย็น เพราะเข้าใจความรู้สึกหล่อนคนนี้ดี

“ฟังนะ วาณี... เธอคนนั้นไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพี่กอบ เธอไม่รอใช้เงินจากเขา เธอออกไปหางานทำ และประกาศว่า เธอจะเลิกกับเขาอย่างเด็ดขาด ซึ่งฉันและทุกคนดีใจที่เธอตัดสินใจแบบนั้น...ฉันจึงไม่อยากให้เธอกลับไปใช้ชีวิตเดิมๆ อีก ชีวิตเธอกำลังจะดีอยู่แล้วนะ”

“คุณอาทำให้ฉันงงเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ที่คุณอาว่าคือแบบไหน แล้วทำไมฉันจะต้องเลิกกับเขาด้วย ของแบบนี้มันเลิกกันได้ด้วยเหรอคะ”

“เลิกได้สิคะ” ช้องนางรีบเดินเข้าไปใกล้และสวมกอดหล่อนเอาไว้อย่างเอ็นดู “ก็แค่ทำอย่างที่หนูทำในช่วงที่ผ่านมา...ป้าหมายถึงทำให้ป้ากับทุกคนเชื่อและเห็นว่า หนูเกลียดการเป็นเมียน้อยมากแค่ไหนไงคะ”

“อะไรนะคะ เมียน้อย!!!” วาณีอุทานเสียงลั่น ดึงตัวเองออกวงแขนของแม่บ้าน แววตาตื่นตกใจ “ฉันเนี่ยนะคะ เป็นเมียน้อยของ...พ่...เอ่อ ของคุณกอบ”

หล่อนเองก็ทำให้ทุกคนฉงนเป็นรอบที่เกือบร้อยเหมือนกัน ตกลงวาณีคนไหนกันแน่ที่ความจำเสื่อม!

“พวกคุณจะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้เป็นเมียน้อยนะ เข้าใจผิดกันไปใหญ่โตแล้ว คนอย่างฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่ๆ”

“อ้าว แล้วเธอเป็นอะไรกับเขา ทำไมเขาต้องพาเธอมาจากซิดนีย์ด้วย”

“เป็น...เอ่อ...เป็นอะไรก็ช่าง แต่ไม่ใช่เมียน้อยแน่นอน...” หญิงสาวเว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อกวาดสายตามองทุกคนในที่นั้น “รู้ความจริงอย่างนี้แล้ว ฉันคงไปเยี่ยมเขาได้นะคะ”

พูดจบหล่อนก็หมุนตัวก้าวฉับๆ ไปทางหน้าบ้าน นวินตั้งสติได้ก่อนเพื่อน รีบเดินตามไปทันที

“เดี๋ยว...นี่ค่ำแล้ว รอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนดีกว่า...หวังว่าจะรอได้นะ!”



นวินทรุดกายนั่งบนโซฟาด้วยแววตาผิดหวังระคนไม่แน่ใจ อาการปวดหลังกำเริบ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ ส่วนช้องนางมองตามวาณีที่หว้าช่วยพาขึ้นห้องนอนไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด

หลังจากนวินทักท้วง วาณีก็ไม่ได้ดึงดันจะไปเยี่ยมกอบทรัพย์ในตอนนี้ให้ได้ คงเห็นว่านอกจากมืดค่ำแล้ว ขณะนี้ ข้างนอกฝนยังตกอีกด้วย ช้องนางจึงบอกให้หล่อนไปพักผ่อนเสีย

ครั้นทั้งคู่ก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย แม่บ้านสาวใหญ่จึงหันมาทางผู้ที่เป็นทั้งญาติและเจ้านาย “ที่หนูวาณีพูด หมายความว่ายังไงคะ”

“ก็หมายความว่า เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นเมียน้อยพี่กอบน่ะสิ แต่ผมไม่เชื่อหรอก ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วพี่กอบจะพามาเมืองไทยด้วยทำไม ไม่มีเหตุผล”

“อืม เป็นไปได้มั้ยคะว่า อาจจะเป็นหลานหรือญาติน่ะค่ะ”

“ถ้าเป็นญาติ ทำไมต้องเอามาฝากผมด้วยล่ะ ทำไมไม่เอาเข้าไปอยู่ในบ้าน แล้วแกก็ยังอ้ำอึ้ง ทำท่าทางมีพิรุธตลอดเวลา...” นวินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“แต่หนูวาณีแกยืนยันหนักแน่นนะคะ ท่าทางแกไม่ได้โกหกด้วย”

อีกฝ่ายแค่นยิ้มหยามหยัน “ผมว่า เราโดนเด็กหลอกแล้วละ”

“เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงคะ” หญิงเลยกลางคนทำหน้าไม่เข้าใจ “ก็เห็นกันอยู่นี่คะ ว่าแกจำอะไรไม่ได้”

“จำไม่ได้หรือไม่อยากจำกันแน่...ผมกำลังคิดว่า วาณีกำลังจะชิ่งหนีพี่กอบไปหานายรัฐมากกว่า เลยทำเป็นความจำเสื่อม แล้วก็ปฏิเสธเสียงแข็งว่าตนไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร ทำตัวเองให้บริสุทธิ์ผุดผ่องสำหรับนายรัฐว่างั้นเถอะ”

“อะไรนะคะ นี่คุณคิดแบบนี้จริงๆ เหรอ” ช้องนางมองเขาอย่างไม่แน่ใจ

“เหตุการณ์มันบีบให้ผมคิดอย่างนั้น พี่นาง...แต่ยังไงก็ตาม แม้จะผิดหวังกับวิธีที่เขาเลือกใช้ แต่ผมก็ยินดีถ้าหากเขาจะไปคบนายรัฐแล้วเลิกกับพี่กอบได้จริงๆ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องการมาตลอดอยู่แล้ว” นวินเอ่ยเสียงขรึม ความเจ็บปวดพาดผ่านใบหน้าเขา...เจ็บปวดที่ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ยอมบอกเขาสักคำว่าคบอยู่กับรัฐภูมิ...

คราวนี้เป็นช้องนางที่ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“คุณคิดอะไรลึกลับซับซ้อนไปหรือเปล่าคะ เท่าที่รู้จักกันมา หนูวาณีเป็นคนตรงไปตรงมาออกค่ะ มีอะไรก็พูดตรงๆ ทำตรงๆ...แล้วเมื่อกี้นี้ คุณก็เห็นว่าแกอยากไปเยี่ยมคุณกอบจะตาย คนที่จะเลิกกับใคร คงไม่อยากเจอหน้าเขาขนาดนี้หรอกมังคะ”

“เขาอาจจะอยากไปพูดกับพี่กอบเรื่องนี้ก็ได้” นวินคิดคำตอบได้เป็นตุเป็นตะ

“พี่ไม่ขอเชื่อในสิ่งที่คุณวิเคราะห์” ช้องนางประกาศเสียงดังฟังชัด

“แล้วพี่เชื่อว่าอะไรล่ะ เชื่อว่าเขาซื่อสัตย์กับพี่กอบงั้นเหรอ”

อีกฝ่ายส่ายหน้า “ตอนนี้พี่เชื่อคำพูดของหนูวาณีที่ว่า แกไม่ได้เป็นเมียน้อยคุณกอบค่ะ”

“แล้วเขาเป็นอะไรกับพี่กอบกันแน่ล่ะ เด็กที่เขารับอุปการะเหรอ? ถ้าอย่างนั้น มันยากตรงไหนที่พี่กอบจะบอกความจริง เพราะไม่มีใครระแวงว่าเขาจะมีเมียน้อยอยู่แล้ว ในเมื่อได้ชื่อว่ารักลูกรักเมียขนาดนั้น แต่นี่แกไม่พูดอะไรสักคำ เหมือนมีอะไรปกปิดผมอยู่...ไม่รู้ละ... ผมคนหนึ่งละที่ไม่เชื่อว่าวาณีไม่ใช่เมียน้อยพี่กอบ แถมกำลังคิดว่าเขาไม่ได้ความจำเสื่อมด้วย!”

(จบบทที่ 21 ค่ะ)

ป.ล. อย่าเพิ่งหมั่นไส้ตาแก่นะค้า เอ็นดูและทำความเข้าใจแกหน่อยนะ ๕๕๕๕



ทักท้ายค่ะ

คุณ Pampam...มาแล้วค่ะ อิอิ

คุณ Sukhumvit66...ตอนนี้ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายขึ้นแล้วเนอะ อิอิ

คุณ Pat...สายไปแล้วค่ะ ดูเหมือนคุณอาจะหลุดซะแล้ว

คุณ ลิลลี่...55555555 เนาะ เดี๋ยวโมโหแล้วไม่ให้สมหวังซะเลยนี่ ตาแก่เนี่ย

คุณ Konhin...ได้รับหนังสือหรือยังคะ ^_^

คุณ NB...มาแล้วๆ

คุณ Hibara...อย่าเพิ่งขาดใจ มาแว้ว มาแว้ว

คุณ goldensun...อ๊ะ เรื่องนี้ก็น่าคิดนะคะ อิอิ

อ้อม...เอ๊ะอ๊ะ คนเขียนไม่พูดจ้า 555555555

คุณ minddeer...มาแล้วค่า มาแล้ว





วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มี.ค. 2556, 16:19:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มี.ค. 2556, 16:19:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 2277





<< บทที่ 20    บทที่ 22 >>
รักเร่ 14 มี.ค. 2556, 16:39:22 น.
ลุงเอ๊ย..ระแวงไม่เข้าเรื่อง ไม่เชื่อใจนางเอกบ้างเล้ย


ตุ๊งแช่ 14 มี.ค. 2556, 16:51:23 น.
คนเขียน เขียนให้คนอ่านปวดหัวตามตาแก่ไป ด้วย เว้ยๆๆๆ


pattisa 14 มี.ค. 2556, 17:14:07 น.
ลูกเมียน้อยป่าวเนี่ย


goldensun 14 มี.ค. 2556, 17:38:36 น.
พ่ น่าจะพ่อนะ ว่าแต่พอความจำเสื่อม ลืมไปเลยหรือคะ ว่าเตี๊ยมกับกอบทรัพย์ว่ายังไง ในเมื่อตอนแรกที่เข้าบ้านนวิน ยังจงใจปล่อยให้เข้าใจว่าเป็นเมียน้อย
แล้วเพลงรักของรัฐที่วาอ่านไม่ออก ไปเข้าใจได้ยังไงว่าวารู้เรื่อง รัฐจะส่งเพลงรักที่วาอ่านไม่ออกให้ทำไม ตอนนี้รู้สึกนวินจะหน้ามืดตามัวไปแล้ว


ลิลลี่ 14 มี.ค. 2556, 18:30:26 น.
โอ้ยยย อิลุงเนี่ยคิดไปโน่น ตกลงยังเชื่ออยู่ใช่มั้ยว่าเป็นเมียน้อย เออดี!!!
ให้โอกาสอีกแค่ตอนหน้าตอนเดียวนะตาลุง ถ้าไม่ปรับความคิดซะใหม่ พอความจริงเผยออกมาอย่ามาตามจีบเด็กล่ะ

ในที่สุดวาณีก็เป็นลูกของกอบทรัพย์จริงๆสินะ ความจำวาณีกลับไปกลับมาแฮะ ก่อนมาไทยก็เข้าใจว่าตัวเองเป็นเมียน้อยกอบทรัพย์ เป็นเมียน้อยทั้งๆที่ตัวเองจำไม่ได้ว่าเป็นตั้งแต่ตอนไหน พอมาตอนนี้ดันจำได้ว่ากอบทรัพย์คือพ่อ บางทีคนอ่านก็งงตามตาแก่เหมือนกันนะเนี่ย5555

นี่โกรธแทนเด็ก55555555555


minddeer 14 มี.ค. 2556, 18:35:22 น.
หมั่นไส้อาวินมาก คิดไปเองคนเดียวนะเนี๊ยะ ไม่ไหวๆ จัดหนักอาวินไปเลยยย

มาเร็วๆอีกน๊า รอ..รอ ต่อไป


วิรัตต์ยา 14 มี.ค. 2556, 18:49:51 น.
ใจเย็นๆ นะค้า ทุกคนนนนนนนน 555555555


Pat 14 มี.ค. 2556, 19:21:34 น.
คุณอาใจเย็นๆ ค่อยๆประมวลคำพูดวาณีใหม่เน้อ (เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าวาณีล้มแค่นี้ความทรงจำจะหายไปและความทรงจำอดีตจะกลับมา อ่ะค่ะ)


konhin 14 มี.ค. 2556, 19:56:45 น.
เย้ๆ เหมือนว่าที่เคยเดาไว้ถูกน้าาา ขอบคุณค่ะสำหรับหนังสือ


Pampam 14 มี.ค. 2556, 22:59:30 น.
ปล่อยตาลุงแกคิดไป เดี๋ยวก็หน้าแตกอีก


Sukhumvit66 15 มี.ค. 2556, 00:24:11 น.
มันนะยุ่งมากกว่าเดิมอีกรึป่าวเนี่ย


NB 16 มี.ค. 2556, 14:38:10 น.
เป็นแผนการของรัฐที่จงใจหลอกใช้ออมเงิน รึป่าวเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account