นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 10 กวางน้อยน่ารักนายยักษ์เลยจับกิน 40%

นางบำเรอตีทะเบียน (สำนักพิมพ์ธราธร ลิขสิทธิ์)


กลิ่นหอมฉุยของโจ๊กเนื้อเนียนทำให้คนที่สลบแน่นิ่งเมื่อสิบนาทีที่แล้วค่อยๆ ลืมตาตื่น วาโยลุกขึ้นช้าๆ เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวย สองแขนของภรรยาตีทะเบียนยังคงประคองไม่ห่างและเมื่อเขานั่งได้นิ่งสนิทดีเจ้าหล่อนก็เอาผ้าหมาดๆ มาซับเหงื่อตามใบหน้าและซอกคอให้
“ฉันเกลียดเธอ” เขากระซิบใส่หน้าคนที่กำลังทำหน้าที่ภรรยาปรนนิบัติสามี ละอองดาวมิได้โต้ตอบได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บจุกนั้นไว้ แล้วทำหน้าที่ของตนต่อไป นี่หรือรางวัลที่แม่สามีเอ่ยอ้างไม่เห็นน่ายินดีสักนิด
“ทานข้าวก่อนนะคะ ช่วงนี้คุณโหมงานหนักจนร่างกายจะรับไม่ไหวแล้วรู้หรือเปล่า”
“ไม่ต้องมาพูดดี ผู้หญิงโลเล ถ้าฉันมีแรงพอคงบีบคอขาวๆ ของเธอไปแล้ว” วาโยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขายังไม่หายโกรธเรื่องใบหย่า
“ฉันจะนั่งนิ่งๆ ให้คุณบีบคอเลยคุณโย แต่กินข้าวก่อนนะคะ” เธอขอร้องเขาแล้วยิ้มเจื่อนๆ ส่งให้
วาโยหัวใจสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งที่เขาร้ายกับหล่อนทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะบีบคอหล่อน แต่แม่โสเภณีคนนี้กลับบอกให้เขา...กินข้าว!
‘เธอบ้าไปแล้วหรือละอองดาว!?’
“เธอมัน...บ้า! ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้...”
วาโยหมดโอกาสต่อว่าต่อขานเพราะละอองดาวเอาช้อนข้าวยัดเข้าปากเขาพอดิบพอดี ในเมื่อบอกดีๆ ยังโยกโย้ไม่ยอมเชื่อฟังมันก็ต้องโดนอย่างนี้ล่ะ
“มีแรงเคี้ยวโจ๊กในปากให้หมดแล้วค่อยมาบีบคอดาวนะคะ”
ละอองดาวเยาะเย้ยสามี วาโยได้แต่ถลึงตาใส่เพราะไม่มีแรงจะบีบคอหล่อนจริงๆ แต่ไอ้คำสบประมาทนั่นน่ะ มัน...เหลือเกินจริงๆ หล่อนคิดได้อย่างไร? ให้เขามีแรงเคี้ยวโจ๊กอย่างนั้นหรือ? เขาไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้นเสียหน่อย แค่ใกล้เคียงเท่านั้นเอง
ภรรยาที่สามีบอกว่าไม่เคยรักใคร่กำลังปรนนิบัติสามีด้วยความเต็มอกเต็มใจ และใส่ใจยิ่ง ขณะที่วาโยก็กำลังสับสนอย่างรุนแรง เขาเห็นภาพตัวเองซ้อนทับร่างละอองดาว ในวันที่เขาปรนนิบัติพัดวีสตรีที่รักแต่คนที่กำลังตอบแทนเขาอย่างเดียวกันกลับมิใช่วีนุตตรา ทว่า เป็นภรรยาที่ชื่อ...ละอองดาว
“อิ่มแล้วหรือคะ?” ภรรยาเอ่ยถามสามีหนุ่ม เขาเลยชี้ให้หล่อนดูในชามว่ามันยังมีข้าวเหลือสักเม็ดหรือไม่
“โอ...ขอโทษทีค่ะ ดาวป้อนเพลินไปหน่อย อิๆ”
ละอองดาวหัวเราะน้อยๆ เพราะนึกขันความเปิ่นของตัวเอง วาโยยกแก้วน้ำมาดื่ม พอได้กินข้าวกินปลากำลังวังชามันก็ไหลมาราวได้ยาวิเศษ เขารู้สึกดีกว่าเมื่อชั่วโมงที่แล้วมากโข
“ทำไมไม่หย่า” เขาถามออกมาโต้งๆ ไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ก็ไม่ทำไม แค่ไม่หย่า”
“สับปลับ ปลิ้นปล้อน” สามีต่อว่าภรรยา
“คุณเองก็เหมือนกันนั่นล่ะ” ละอองดาวแก้ต่าง เขามันจอมลวงโลก ตัวเขาเองรู้ดีที่สุด สัญญานรกนั่นก็ด้วย ถ้าเขาจะบอกให้เธออ่านก่อนเซ็นเธอคงไม่ต้องมาทุกข์ใจอย่างนี้หรอก
“ไม่เหมือนหรอกเพราะฉันยังเหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ แต่เธอเพิ่งมาเปลี่ยนความตั้งใจเอาวันนี้เพราะเห็นแก่สมบัติของฉัน”
ฉึก!
วาจาสามีประดุจดั่งปลายธนูอันแหลมคมมิหนำซ้ำยังผสมแต้มทาด้วยยาพิษ มันซึมแทรกไปตามกระแสเลือดดื่มกินพลังชีวิตที่เหลืออยู่จนหมดสิ้นไม่มีเหลือหลอ แม้ว่าสิ่งที่เขากล่าวหามันจะเป็นความจริง แต่เธอก็อดเจ็บปวดรวดร้าวไม่ได้ เขาพูดราวกับเธอเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน ทั้งๆ ที่ความจริงเธอทำเพื่อลูกของเขาแท้ๆ
“ใช่! ยกให้ฉันสิคะ ตอนนี้ฉันไม่เอาแล้วนะเรือนไม้หอม แต่ฉันจะเอาทุกอย่างที่เป็นของคุณ เอาบ้านหลังนี้ด้วย ถ้าคุณอยากหย่าก็เชิญไปฟ้องเอา แต่อย่าลืมนะว่าฉันมีหลักฐานสำคัญเรื่องวีนุตตรา สำคัญชนิดที่มันทำให้คุณตกเป็นจำเลยในศาลจนไม่อาจอุทธรณ์ใดๆ ได้เลยทีเดียว”
ละอองดาวเชิดหน้าโต้กลับสามีได้อย่างแสบสัน แม่สามีที่แง้มประตูดูอยู่ถึงกับแอบยกนิ้วเชียร์
“ให้มันได้อย่างนี้สิยัยดาว! แหมๆ มันร้ายได้ใจฉันจริงๆ”
นางวิภาที่ยืนแอบมองผ่านช่องประตูห้องนั่งเล่นที่แง้มไว้กระซิบบอกกับนางเจรียงแม่บ้านคู่ใจ อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้ รู้สึกว่าคุณนายวิภาจะเชียร์ลูกสะใภ้เกินหน้าเกินตาไปหน่อยนะเนี่ย
“น่ากลัวคุณโยจะฆ่าคุณดาวหรือเปล่าคะคุณ” นางเจรียงกระซิบตอบ
“มันไม่กล้าฆ่าเมียตัวเองหรอกน่าคอยดูไปเถอะ”
คุณนายวิภามั่นใจ นางเลี้ยงลูกมากับมือทำไมจะไม่รู้ เห็นใจแข็งเป็นพระอิฐพระปูนอย่างนี้ความจริงเจ้าวาโยบุตรชายมันขี้ใจน้อยจะตาย และไอ้ที่ทำฮึดฮัดไม่พอใจเมียก็คงเพราะเถียงไม่ชนะเมียเท่านั้นเอง
ขณะที่นางวิภากำลังกระซิบกระซาบอยู่ที่หน้าประตูนั้นภายในห้องนั่งเล่นก็ดูเหมือนว่าวาโยจะพาพายุอารมณ์มาป่วนจนละอองดาวไม่อยากสู้ต่อ เธออยากหนีไปให้พ้นจากการคุกคามทางอารมณ์ของเขา
“อย่าคิดว่าคุณแม่ให้ท้ายแล้วฉันจะเกรงใจนะ ฉันอยากได้อะไรฉันก็ต้องได้ ไม่เว้นแม้แต่ใบหย่า” เขาเค้นเสียงออกมาอย่างยากเย็น ความผิดหวังระคนโมโหโกรธาปะปนแรงปรารถนาที่ไหลมาเพียงเพราะได้สัมผัสกายเนื้อของแม่ภรรยาตัวดี เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดกันแน่คือสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ ชัยชนะในสงครามอารมณ์ ใบหย่า หรือว่าริมฝีปากสีชมพูซีดจางของหล่อน
“ฉัน...ไม่ให้!...อุ้บ!...”
ละอองดาวตกใจอย่างที่สุดเมื่อวาโยคว้าท้ายทอยของเธอเข้าหาก่อนจะบังคับให้มันแหงนเงยเพื่อที่เขาจะได้ประทับจุมพิตดูดดื่มลงทัณฑ์
นางวิภาหลับตาแล้วส่งเสียงกรี๊ดอย่างเบาที่สุดเท่าที่นางจะทำได้ ก่อนจะหันไปมองพ่อลูกชายที่กำลังกระหน่ำจูบลูกสะใภ้อยู่ในห้องนั่งเล่น
“เชื้อพ่อมันแรงได้ใจจริงๆ”
“เชื้ออะไรคะคุณ” นางเจรียงถามโดยไม่หันหน้าขึ้นมามองเจ้านายด้วยซ้ำ ตอนนี้นางกำลังมีความสุขอยู่กับการมองสองร่างที่กำลังนัวเนียอยู่ในห้องนั่งเล่นตรงหน้านี้ ทั้งสองไม่รู้กระมังว่านางและคุณนายวิภาแอบดูอยู่
“ก็เชื้อ...? พี่เจรียงล่ะก็!” คุณนายวิภาหน้าแดงเรื่อเมื่อถูกคำถามธรรมดาๆ เล่นงานจังเบ้อเร่อ นางรีบเสให้คุณแม่บ้านปิดประตูลงกลอนเพื่อกันมิให้ใครเข้าไปรบกวนคนทั้งสอง “ปิดประตูซะ ล็อกด้วยล่ะ”
“จะดีหรือคะ?” นางเจรียงถามกลับอย่างไม่แน่ใจนักแต่ก็ยอมปิดประตูแต่โดยดี
“ดีสิพี่! หลานฉันจะได้มีแขนมีขาครบก็วันนี้ล่ะ” นางวิภาตอบกลับแล้วยิ้มน้อยๆ หวังว่าวาโยจะไม่ทำเสียเรื่องนะ นางอุตส่าห์ปิดประตูตีแมวให้แล้วขนาดนี้
“แล้ววันนี้คุณโยจะได้ไปทำงานไหมคะคุณ” นางเจรียงเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อทั้งสองเดินมาถึงห้องอาหาร
“ไม่รู้สิ ไม่กระมัง ฉันว่าบ่ายโมงมันจะออกมาจากห้องนั่งเล่นหรือเปล่า”
“หา...หมายความว่า...คุณโยกับคุณดาว...”
“ฉันล้อเล่นน่าพี่เจรียงก็” นางวิภารีบแก้ความเข้าใจผิดของคุณแม่บ้านคู่ใจแล้วนวยนาดไปยังโต๊ะอาหาร
คุณนายเริ่มมื้อเช้าด้วยความสุขและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่บุตรชายคนรองเห็นแล้วยังรู้สึกไม่ค่อยจะปลอดภัย
“ระวังไว้เถอะตาโยเอ๊ย สักวันแกจะต้องเสียใจ เชอะ!”
“ว่าอะไรนะครับคุณแม่” กุมภัณฑ์ที่เพิ่งเดินลงมาสมทบที่โต๊ะอาหารเอ่ยถาม มารดาเขานั้นนั่งยิ้มเจ้าเล่ห์ทั้งพึมพำอะไรสักอย่างกับชามโจ๊กตรงหน้า
“เปล่านี่ ว่าแต่...จะไปแล้วหรือลูก”
“ครับ แล้วกวางไปไหนครับหรือว่าไม่สบายไปไม่ไหว”
กุมภัณฑ์มีท่าทีวิตกกังวลจนเกิดเหตุเขารีบลุกขึ้นกะว่าจะไปดูอาการของคนที่เขาคิดว่าป่วย
“อะแฮ่มๆ ไม่ต้องกระมังคะ พอดีมีเพื่อนมารับยัยกวางไปทำงานแล้วค่ะ”
นางเจรียงรีบแจ้งแก่นายน้อยคนรองด้วยรอยยิ้ม นางวิภาตาโตเท่าไข่ห่านเพราะนางไม่เห็นว่าใครจะมารับแม่กวางน้อยออกไปเลย ดีไม่ดีเจ้าหล่อนเดินออกไปนั่งรถที่หน้าปากซอยด้วยซ้ำ งานนี้พี่เจรียงคงอยากโดนตายักษ์ถอนหงอกกระมัง ไม่เชื่อคอยดูเถอะ
“ใคร!? คงไม่ใช่เพื่อนผู้ชายหรอกนะ” กุมภัณฑ์กระแทกกายลงนั่งที่เดิม เขาหัวเสียขึ้นมาได้ในเสี้ยววินาทีเพียงเพราะได้ยินว่าสิมันตรามีคนอื่นมารับ นางเจรียงทำตัวไม่ถูก นางไม่คิดว่าจะได้รับโทสะของนายน้อยเป็นสิ่งตอบแทน นางแค่หวังว่าเขาจะประหลาดใจเพียงเท่านั้นแล้วปล่อยมันผ่านไปและไม่นานเขาคงเลิกสนใจสิมันตราไปเอง แต่ดูท่าว่ามันจะไม่ใช่เสียแล้วสิ
“อ่า...ป้าก็เดาๆ เอาละค่ะเห็นคุยโทรศัพท์แล้วรีบออกไปเลย” นางเจรียงขออภัยคุณพระคุณเจ้าอยู่ในใจที่วันนี้นางจำต้องผิดศีลเอ่ยคำลวง นางยังไม่อยากโดนยักษ์หน้าหล่อบีบคอเป็นแน่
กุมภัณฑ์ลุกพรวดขึ้นก่อนจะคว้าเสื้อสูทที่พาดไว้กับพนักเก้าอี้แล้วก้าวออกจากห้องอาหารไปด้วยความรวดเร็ว
นางเจรียงกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ หันไปมองผู้เป็นนายก็เห็นนางกรีดนิ้วชี้วาดผ่านลำคอช้าๆ บอกนางเป็นนัยว่างานนี้ตายแน่ๆ พี่เจรียง



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 มี.ค. 2556, 21:09:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 มี.ค. 2556, 21:09:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 16401





<< บทที่ 9 หนามตำใจ 100% แม่ผัวแซบเวอร์ค่า ^__^   บทที่ 10 กวางน้อยน่ารักนายยักษ์เลยจับกิน 60% น่ารักมากกกกก ^__________^ >>
ลิลลี่ 18 มี.ค. 2556, 21:43:05 น.
รอลุ้นเมื่อไหร่วาโยจะรู้ซักที ว่าเมียท้อง
ลุ้นจนตัวโก่งแล้ว


kaelek 18 มี.ค. 2556, 22:55:12 น.
งานเข้าหนูกวางแน่เลย


Lilly 19 มี.ค. 2556, 07:49:58 น.
จัดหนักวัดพื้นที่ค่าาาาาาาาาาาา ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account