นางบำเรอตีทะเบียน By อัญจรี น้ำจันทร์
คำโปรยหน้า

บุพเพฤาชะตา ที่นำพามาพบเจอ

หน้าที่เมียบำเรอ เขาให้เธอจำขึ้นใจ

ฉากหน้าแสนโสภา ภรรยานิตินัย

ฉากหลังนั่งร้องไห้...นางบำเรอตีทะเบียน



คำโปรยหลัง

เมื่อความรักที่มีไม่ได้รับความเห็นชอบจากมารดาที่รัก

วาโย จึงต้องหาใครสักคนมาแก้แค้นผู้เป็นมารดาให้สมกับที่ท่านกีดกันเขาและสาวคนรักออกจากกัน

ละอองดาว คือผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดในเวลานั้น เพราะหล่อนไม่ใช่ไฮโซ ไม่ใช่ลูกผู้ลาภมากดี

หล่อนเป็นเพียงแค่ โสเภณี ที่เขาบังเอิญถูกชะตา

วาโยไม่รอช้าจดทะเบียนตีตรากับหล่อนเพื่อประชดมารดาในทันที

โดยหารู้ไม่ว่าแม่โสเภณีที่เขาซื้อมาหล่อนยังไร้ ราคี!



สามปีให้หลังเมื่อสัญญานางบำเรอสิ้นสุดลง ละอองดาวดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธะสัญญาที่ไร้รัก

แต่ทว่าสามีผู้หลงใหลในเรือนร่างคุณภรรยา กลับไม่ยอมหย่าให้!



เวลาต่อมา

เมื่อสตรีที่วาโยรักนักรักหนากำลังจะดับดิ้นสิ้นลมหายใจ เขาจึงอยากจะได้ใบหย่าไปให้สาวเจ้าชื่นชม

แต่ทว่า ตอนที่เธออยากหย่าเขาไม่ยอมหย่าให้ ตอนนี้ก็อย่าหวังเลยว่าเขาจะได้มันไป เช่นกัน!

ความเจ็บปวดใดๆ ที่สามีเคยทำไว้กับภรรยา นาทีนี้ก็เตรียมตัวรับความเจ็บปวดเช่นนั้นกลับไป สองเท่าตัว!




ชื่อเดิม โสเภณีตีทะเบียน -> คมทันฑ์สิเน่หา -> มาจบที่ นางบำเรอตีทะเบียน ค่า
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามมิให้ผู้ใดทำซ้ำหรือดัดแปลงแก้ไข ใครอุบอิบเอาของเขาขอให้แฟนทิ้งแฟนมีหญิงใหม่ สาธุ ^/\^

เตรียมใจตั้งแต่เนิ่นๆ นิยายอัพถึงบทที่ 15 นะคะ อาจจะแถมให้ถึง 16 ถ้าคนอ่านช่วยกระหน่ำไลค์ แต่เรื่องอัพจบคงไม่อัพจบค่าเพราะนิยายเรื่องนี้อัพมาหลายรอบแล้ว แต่ก็ขอบคุณนะคะที่ยังให้กำลังใจกันด้วยดี ป,ล ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยจร้า นักเขียนตัวน้อยยังด้อยประสพการณ์ ^/\^
Tags: ตีพิมพ์สำนักพิมพ์ธราธร

ตอน: บทที่ 11 ภรรยาสายฟ้าแลบ 40%

นางบำเรอตีทะเบียน (สำนักพิมพ์ธราธร ลิขสิทธ์)

นางเจรียงกำลังนั่งสนทนาอยู่กับคุณนายวิภาเมื่อตอนที่หลานสาวของนางกลับมาจากที่ทำงาน เวลาเกือบห้าทุ่มมิได้ทำให้ทั้งสองสนใจเท่าคราบน้ำตาที่ติดบนใบหน้าซีดเซียวนั้น
“อ้าว หนูกวาง ทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้?” นางวิภาถามด้วยความสงสัย ปกติถ้าเลยสี่ห้าทุ่มไปแล้วเจ้าหล่อนจะไม่มาค้างกับนางเจรียงที่นี่ แล้วบุตรชายนางล่ะไปไหนแล้วได้ขับรถมาส่งเจ้าหล่อนหรือเปล่า
“นั่นนะสิลูก ป้านึกว่าจะค้างที่คอนโดฯ เสียอีก” คุณป้าที่รักทักท้วงหลานสาวด้วยความห่วงใย ปกติถ้าไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์สิมันตราจะไม่มาค้างกับนางและถ้าจะมาก็ไม่มาดึกดื่นขนาดนี้
“อ่า...พอดีว่าหนูลืมยาทามือค่ะคุณท่านเลยกลับมาเอา”
สิมันตราอึกอักเพราะต้องหาคำแก้ต่างให้ตัวเอง สองมือที่เป็นแผลพุพองเลยถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างรู้สึกเวทนาตนเองอยู่ครามครัน เพราะแผลทางกายได้ยาทารักษาเดี๋ยวเดียวก็หายแต่แผลที่หัวใจนี่สิใช้ยาอะไรเล่ารักษาถึงจะช่วยบรรเทา
“โธ่เอ๊ย! แม่คนความจำสั้น นี่อย่าบอกว่าทนปวดแผลมาตลอดทั้งวันดูสิน้ำหูน้ำตาเป็นคราบซะดูไม่ได้เลย” นางเจรียงบ่นให้หลานสาวที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง สิมันตราเมื่อคนเป็นป้าเอ่ยดังนั้นก็รีบเช็ดหยดน้ำตาพัลวัน เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันทิ้งร่องรอยเอาไว้
“แล้วนี่ตายักษ์ไปไหนทำไมไม่กลับมาพร้อมกัน นี่อย่าบอกนะว่าหนูนั่งแท็กซี่กลับมาเอง”
นางวิภาตั้งข้อสังเกตเพราะสงสัยว่าเหตุใดหลานสาวคุณแม่บ้านจึงกลับมาคนเดียว แล้วกุมภัณฑ์เล่าทำไมถึงได้กล้าให้สิมันตรานั่งรถแท็กซี่กลับมา
“อ่าค่ะกวางนั่งแท็กซี่มา ส่วนคุณยักษ์ตอนที่กวางออกมาก็ไม่เห็นแล้วค่ะ” สิมันตราโป้ปดเพราะตอนที่หนีออกมาเขายังหลับอุตุอยู่บนเตียงไม่มีวี่แววว่าจะตื่นด้วยซ้ำ
“มานี่มา ป้าจะดูมือหน่อยทำไมมันไม่หายซักที” นางสั่งให้หลานสาวมานั่ง ส่วนตนเองลุกไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาให้ซึ่งใช้เวลาไปกลับไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ
เวลาต่อมา
ขณะที่นางเจรียงกำลังง่วนอยู่กับการทำแผลให้หลานสาว ร่างอรชรของละอองดาวก็ก้าวลงจากรถที่คนขับรถเพิ่งจอดสนิท หญิงสาวร่างอวบอิ่มในชุดสีฟ้าครามที่เธอโปรดปรานเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่เพื่อหาอะไรในครัวมารองท้องก่อนที่เธอจะเป็นลมเพราะหิวจนตาลาย
“อ้าว...กวางเป็นอะไรคะคุณแม่” เธอถามทันทีที่เดินเข้าไปเห็นสตรีสูงวัยกำลังรุมพันผ้าพันแผลบนฝ่ามือของสาวน้อยที่ชื่อสิมันตรา เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นมองเธอเล็กน้อยก่อนจะยกมือไม่สมประกอบของเธอขึ้นไหว้เท่าที่จะทำได้
ละอองดาวยกมือรับไหว้ก่อนจะนั่งลงสมทบกับคนทั้งสาม
“แผลเก่าค่ะไม่ยอมหายสักที” สิมันตราตอบสั้นๆ แล้วนั่งเงียบไป นางวิภาเลยได้โอกาสถามถึงการมาของลูกสะใภ้
“หล่อนไปไหนมายะกลับเสียดึกดื่น”
“ไปงานเลี้ยงรับรองลูกค้ามาค่ะ อ่า...ป้าเจรียงมีอะไรให้ดาวทานบ้างไหมคะดาวหิวมากๆ เลย” หญิงสาวสารภาพ ภายในงานเลี้ยงมีแต่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์กับอาหารเบาๆ เธอรับประทานไปเยอะแยะแต่ก็ไม่อยู่ท้องต้องกลับมาตายรังที่บ้านเหมือนเดิม
“เดี๋ยวป้าไปดูให้นะคะ” นางเจรียงรับคำแล้วรีบลุกเข้าครัว นางทำแผลให้หลานสาวเสร็จพอดี
“งั้นกวางขอตัวไปพักก่อนนะคะ คุณท่านมีอะไรจะให้กวางรับใช้อีกไหมคะ”
คุณนายวิภาส่ายหน้าปฏิเสธ นางคงไม่กล้าใช้งานว่าที่สะใภ้เล็กหรอกเดี๋ยวพ่อลูกชายตัวดีจะเล่นงานเอา
“ไปเถอะจ้ะฉันจะขึ้นนอนแล้ว”
สิมันตรายกมือไหว้คุณท่านและลูกสะใภ้ของนางก่อนจะพาใบหน้าเซียวๆ และร่างอันอ่อนแรงของตนหลบเข้าห้อง เธออยากใช้ความคิดไตร่ตรองบางอย่างก่อนนอนสักหน่อยเพื่อหาคำตอบให้กับหัวใจบางๆ ของตัวเอง
“แล้วตาโยไปไหนล่ะ ทำไมไม่กลับมาพร้อมกัน” นางวิภาถามถึงบุตรชายคนโต วันนี้ทำไมลูกๆ ของนางถึงยังไม่กลับบ้านกันนะมัวแต่ไปกกอีหนูอยู่ที่ไหนกัน มันน่าจับฟาดให้ก้นลายจริงเชียว
ละอองดาวถอนหายใจแล้วค้อนมารดาของสามีไปหนึ่งทีอย่างเสียมิได้
“คุณแม่ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคุณโยจะไปไหนได้นอกจากที่ทำงานกับบ้านโน้น” ลูกสะใภ้ตอบอย่างอ่อนเพลียละเหี่ยใจ วันก่อนเขาปล้ำจูบเธอในห้องนั่งเล่นตอนแรกก็นึกว่าจะกลับใจมารักลูกรักเมีย แต่ที่ไหนได้พอข้ามวันเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เกลียดจริงๆ เลยผู้ชายรักเดียวใจเดียวเนี่ย จะเผื่อแผ่ความรักมาให้เธอกับลูกบ้างก็ไม่ได้
“อะไรกันยัยนุตนี่! จะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว ทำไมต้องมายุ่งกับสามีชาวบ้านเค้านักหนา ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“โธ่..คุณแม่คะ พูดอะไรอย่างนั้นบาปกรรมเปล่าๆ”
ละอองดาวปรามมารดาของสามีที่พูดราวกับว่าอยากแช่งชักหักกระดูกฝ่ายโน้นให้สิ้นลมหายใจไวๆ วาโยมีรักมั่นคงอยู่กับวีนุตตราจนยากที่เธอจะพรากเขามาเสียแล้ว เพียงแค่นิลอรโทรมาบอกว่าฝ่ายโน้นอาการทรุดหนักเขาก็สั่งให้คนรถตีรถไปส่งที่โรงพยาบาลทันที
“ช่างหัวบาปกรรมสิ ถ้าฉันต้องบาปเพราะเลือกสิ่งดีๆ ให้ลูกฉันก็ให้นรกกินกบาลเถอะฉันยอม” แม่สามีจีบปากจีบคอประชดประชันลูกสะใภ้ นาทีนี้ละอองดาวได้แต่ยกมือยอมแพ้ เถียงกันไปก็เหนื่อยเปล่าเพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ชนะอยู่ดี
นางเจรียงเดินนำหน้าสาวใช้นางหนึ่งเข้ามาพร้อมกับเกี๊ยวกุ้งชามโต ละอองดาวยิ้มแป้นรับชามนั้นมาจ้วงตักเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อย
“ค่อยๆ ทานก็ได้ค่ะไม่มีใครแย่งหรอกค่ะคุณดาว”
นางเจรียงเตือนด้วยความหวังดี ละอองดาวยิ้มเขินๆ แล้วลดความรีบร้อนในการรับประทานอาหารลง เธอนั่งรับประทานอยู่อย่างนั้นจนชามเกี๊ยวไม่เหลือแม้แต่น้ำแกงสักหยด
“อร่อยมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะคุณเจรียง ดาวไปนอนก่อนนะคะคุณแม่” ลูกสะใภ้หันไปเอ่ยกับแม่สามีแล้วพาร่างอวบอิ่มในชุดราตรีสีครามเดินหายไปทางห้องครัวซึ่งประตูห้องด้านหลังเชื่อมต่อกับทางเดินสู่เรือนไม้หอม
“อะไรกันแม่คนนี้ อิ่มปุ๊บนอนปั๊บ” นางวิภาบ่นถึงท่าทีของลูกสะใภ้ที่ทำอะไรปุบปับรวดเร็วจนตามไม่ทัน
“คนท้องคนไส้นี่คะคุณ กินนอนไม่เป็นเวลาหรอกค่ะคุณน่าจะดีใจนะคะที่คุณดาวยังกินอิ่มนอนหลับ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นรู้ว่าสามีไปคอยเอาใจใส่คนที่เขารัก เจ้าหล่อนคงทนได้กระมัง นับว่าคุณดาวเธอเข้มแข็งอยู่พอสมควรนะคะ” นางเจรียงแสดงทัศนะอย่างคนที่เห็นความเป็นไปของลูกหลานบ้านนี้มานาน
“นั่นสินะ ถ้าเป็นฉันคงร้องไห้วันละสามเวลาเชียวล่ะถ้าพ่อตาโยไปคอยเอาใจใส่คนอื่นตอนที่ฉันกำลังตั้งท้องลูกของเขา ยัยดาวมันเข้มแข็งอย่างที่พี่ว่าจริงๆ พี่เจรียง อย่างนี้สิมันถึงจะสมกับตำแหน่งลูกสะใภ้ฉัน ไม่ใช่เอะอะก็จะเรียกหาแต่ตาโย เชอะ! พูดมาแล้วมันโมโหพี่ ยัยนิลอรนั่นก็เหลือเกินจะโทรมาหาลูกฉันทำไมก็ไม่รู้ พี่เชื้อตัวเองจะเป็นจะตายทำไมไม่เรียกหมอมันน่าโมโหจริงๆ”
นางวิภายังบ่นไม่เลิก ลองนางได้เกลียดใครแล้วละก็เกลียดเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว อย่าหวังว่าชาตินี้นางจะยอมญาติดีกับสองพี่น้องคู่นั้น ไม่มีวันเสียล่ะ
“แม่ครับ! กวางกลับมาบ้านหรือเปล่า!?”
ร่างสูงใหญ่ที่แต่งกายไม่ค่อยเรียบร้อยนักของบุตรชายคนรองโผล่เข้ามาพร้อมคำถามที่แปะหราอยู่กลางหน้าผาก นางวิภาเบะปากเล็กน้อยด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะตอบกลับไปเชิงประชดเล็กน้อย
“ลูกฉันนี่มันใช้ได้จริงๆ พี่เจรียง ฉันนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้แทนที่มันจะถามว่าทำไมฉันยังไม่นอนมันกลับถามหาลูกน้องของมัน”
“โธ่ คุณแม่ครับ อย่าเพิ่งรวนผมเลย ขอร้องล่ะช่วยตอบผมทีว่ายัยกวางกลับมาแล้วยัง ว่าไงครับป้าเจรียง กวางกลับมาแล้วใช่ไหมครับ”
นางเจรียงมองหน้านายน้อยคนรองไม่สนิทใจนัก อาการร้อนรนเพราะห่วงใยเกินเหตุของเขาทำให้นางไม่สบายใจเลย
“ยัยกวางกลับมาแล้วค่ะ คุณยักษ์มีอะไรจะให้ยัยกวางรับใช้หรือคะ” นางถามกลับเจ้านายหนุ่มแต่เขาส่ายหน้าปฏิเสธ และดูเหมือนว่าคำตอบของนางจะทำให้เขายิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ
“ยัยบ้าเอ๊ยตกใจแทบแย่ กลับมาก็ไม่บอกโทรไปก็ไม่รับ” กุมภัณฑ์ค่อนขอดคนที่ถูกถามถึง
“มีอะไรล่ะตายักษ์ แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า แล้วทำไมแกแต่งตัวแบบนี้”
นางวิภาผิดสังเกตยิ่งนัก กุมภัณฑ์ไม่เคยหละหลวมเรื่องความเนี๊ยบของตัวเอง แต่ดูตอนนี้สิผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ชายเสื้อก็ออกนอกกางเกงดูไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลย อ้อ ยกเว้นใบหน้าหล่อเหลาเท่านั้นที่มองอย่างไรนางก็ว่าดูอิ่มเอิบจนผิดปกติ มันน่าสงสัยจริงๆ
“งั้นผมไปนอนก่อนนะครับ”
กุมภัณฑ์บอกแล้วจะเดินผ่านสตรีที่รักทั้งสองนางขึ้นห้องนอนแต่นางเจรียงกลับรั้งเขาไว้ด้วยเสียงเรียบนิ่งชนิดที่เขายังเดาอารมณ์ไม่ถูก
“อย่าเพิ่งไปสิคะคุณยักษ์ มานั่งตรงนี้ก่อนเถอะค่ะป้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
นางวิภามองแม่บ้านคู่ใจด้วยความสงสัย หวังว่าพี่เจรียงคงไม่เอ่ยเรื่องนั้นตอนนี้หรอกนะ
กุมภัณฑ์ทรุดกายลงนั่งตรงข้ามกับมารดาเพื่อรอการสนทนาที่คุณป้าเจรียงกำลังจะเปิดประเด็น
“คุณติ๋วเป็นยังไงบ้างคะ” นางเจรียงเอ่ยถามถึงหญิงสาวที่เจ้านายคนนี้เคยควงและตอนนี้ก็ยังควงกันไปไหนมาไหนอยู่บ่อยๆ เห็นได้จากข่าวซุบซิบในหน้านิตยสารที่นางต้องอ่านให้คุณนายวิภาฟังอยู่เสมอ นางจะไม่ใส่ใจเลยหากวันนั้นไม่บังเอิญไปเห็นคุณยักษ์กับหลานสาวของนางกำลังกกกอดกันอยู่ในสวนกลางดึก
“ก็สบายดีนี่ครับ ป้าเจรียงถามทำไมหรือ”
“ป้าแค่อยากรู้ค่ะ เห็นข่าวบ่อยๆ ว่าคุณยักษ์ควงคุณติ๋วไปโน่นมานี่เลยลองถามดู แล้วเมื่อไหร่คุณภาจะได้ไปขอคุณติ๋วที่วังล่ะคะ” นางเจรียงเลียบเคียงถามแต่กุมภัณฑ์ก็ฉลาดเกินกว่าจะเล่นตามเกมของผู้สูงวัย เขาไม่รู้ว่าคุณป้าเจรียงต้องการสิ่งใด เลยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามนั้นและถามกลับเจ้าตัวแทน
“ป้าเจรียงมีอะไรก็พูดมาเถอะครับเรื่องที่ป้ากังวลใจคงไม่ได้เกี่ยวกับคุณติ๋วโดยตรงหรอกใช่ไหม”
นางวิภาเห็นด้วยกับบุตรชาย การโยกโย้นอกเรื่องรังแต่จะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ
“พูดออกมาเถอะพี่ เราอยู่ด้วยกันมานานฉันไม่อยากให้พี่กังวลใจ และยิ่งคนที่เป็นต้นเหตุคือลูกของฉันฉันก็ยิ่งไม่สบายใจนะพี่”
กุมภัณฑ์ใจคอไม่ดีเมื่อมารดาเอ่ยเช่นนั้น นี่เขาเผลอไปทำความผิดอะไรให้คุณป้าแสนดีวิตกกังวลกันหนอ
“ก็เพราะอยู่ด้วยกันมานานนี่ไงคะ อิฉันถึงลำบากใจที่จะพูดมันออกมาตรงๆ” นางเจรียงสารภาพแล้วเอ่ยต่อ “คุณยักษ์อย่ายุ่งกับยัยกวางเลยนะคะ ป้าขอได้ไหม”
ประดุจเมฆฝนพายุร้ายเคลื่อนเข้าปกคลุมหัวใจของกุมภัณฑ์ก่อนที่หยาดฝนจะเทกระหน่ำนำพาเอาไอเย็นแทรกซึมลึกลงสู่แก่นกระดูก บังเกิดความเจ็บปวดเหน็บหนาวไปทั่วร่าง มิหนำซ้ำพายุอันชั่วช้ายังส่งสายฟ้าอันทรงพลังมาฟาดลงกลางหัวใจเขาจนแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
‘ป้าเจรียงพูดออกมาได้ว่าอย่าให้เขายุ่งกับสิมันตรา จะไม่ให้ยุ่งได้อย่างไรเล่า นั่นเมียทั้งคนนะ!’

อินเลิฟ http://www.inlove-book.com/n_novel_detail.php?ide=8481
สิรินดา http://home.love-stories.net/lovestories/room/Lilly Goodmanttp
ห้องสมุด ://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2797
เด็กดี http://writer.dek-d.com/valalee601/story/view.php?id=911052
ธันวลัยhttp://www.tunwalai.com/chapter/9194
ไลต์ออฟเลิฟhttp://www.lightoflovebooks.com/fiction.php?id=316



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มี.ค. 2556, 12:46:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มี.ค. 2556, 12:46:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 20959





<< บทที่ 10 กวางน้อยน่ารักนายยักษ์เลยจับกิน 100% งานนี้ได้เสีย!   บทที่ 11 ภรรยาสายฟ้าแลบ 60%ลบ >>
Lilly 22 มี.ค. 2556, 12:59:13 น.
นางบำเรอตีทะเบียน (สำนักพิมพ์ธราธร ลิขสิทธ์) ใครอ่านตอนก่อนหน้านี้ไม่ทัน แวะไปอ่านเลยจ้า
บทที่ 11 ภรรยาสายฟ้าแลบ 40%
อินเลิฟ http://www.inlove-book.com/n_novel_detail.php?ide=8481
สิรินดา http://home.love-stories.net/lovestories/room/Lilly Goodmanttp
ห้องสมุด ://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2797
เด็กดี http://writer.dek-d.com/valalee601/story/view.php?id=911052
ธันวลัยhttp://www.tunwalai.com/chapter/9194
ไลต์ออฟเลิฟhttp://www.lightoflovebooks.com/fiction.php?id=316


ลิลลี่ 22 มี.ค. 2556, 13:00:41 น.
เรืืองของยักษ์และกวางตอนนี้ไม่น่าห่วงเท่ากับ ดาว
เมื่อไหร่วาโยจะรู้น๊อ ยิ่งวีนุตตราอาการทรุดแบบนี้วาโยก็คงเร่งมาบีบบังคับเรื่องหย่าอีกแน่


Lilly 22 มี.ค. 2556, 13:33:02 น.
มาดูกันค่ะว่าใครจะตายก่อนกัน ฮ่าๆๆๆ


ลิลลี่ 22 มี.ค. 2556, 16:13:53 น.
โหยยยไรเตอร์ ก็คนอ่านนี่ไงจะขาดใจตายก่อน 5555


mhengjhy 23 มี.ค. 2556, 12:11:26 น.
ป้าขาาาา ช้าไปนิดดดดด


Muauan 23 มี.ค. 2556, 21:32:12 น.
รอออออ ไม่ไหวววว จะตายยยแรววคร้า ลุ้นนน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account