จุมพิตอัคคี (ภาคต่อหัวใจใกล้เกินเอื้อม) by น้ำจันทร์ อัญจรี
วางแผง 28-3-56 งานหนังสือบูธทัชนะคะ C1 บูธ M 20

จุมพิตอัคคี
(ภาคต่อหัวใจใกล้เกินเอื้อม)

เมรภัทร เอวะโยธิน
น้องพาย เธอเก่ง เธอสวย เธอเซ็กซี แต่เธอไร้หัวใจ

เดลลอร์ฟ เจมส์
เดลทุกอย่างทำเพื่อ สตรีรัก ไม่ได้ใจร้าย แต่ไม่ยอมรามือ

หลังจากที่ จิตาภา พกพาความแค้นที่มีต่อ เมธาวีและธีรภัทรคนรักมานานหลายปี
(อ่านเรื่องของภาคแม่ได้ใน หัวใจใกล้เกินเอื้อม สามารถหาซื้อได้ในงานหนังสือมีนานี้ และที่ร้านซีเอ็ด นายอินทร์ เพราะหน้าเว็บ สำนักพิมพ์ Touch Publishing หมดสต็อกแล้วค่ะ 15-3-56 )
เวลานี้ก็ถึงเวลาสะสาง นางให้หลานชายบุญธรรม คือเดลลอร์ฟ มาขืนใจ เมรภัทร ลูกสาวของเมธาวี โดยแผนการนั้นมีอยู่ว่าเดลจะต้องเอาโรงแรมทิพย์ธารามาขึ้นกับเจมส์ให้ได้แล้วเดลจะได้รางวัลเป็น การแต่งงาน กับ เจนนิตา ลูกสาวของนาง หารู้ไม่ว่า ลูกสาวที่หวงยิ่งกว่าไข่ในหินกำลังปลูกต้นรักอย่างเงียบๆ กับภีรภัทร น้องสาวของเมรภัทร ลูกอีกคนของเมธาวี

เดลลอร์ฟถูกเมรภัทรซ้อนแผน หล่อนเสแสร้งให้เขารักในบทบาทของน้องพาย ผู้หญิงที่เป็นเพียงเหยื่อในแค้นครั้งนี้ เดลลอร์ฟหลงน้องพายหัวปักหัวปำ เขาโอนทุกอย่างให้น้องพาย แม้แต่หุ้นของเจมส์ เพราะเขาเกรงว่าหากวันหนึ่งถูกปองร้ายจากศัตรู น้องพายกับลูกของเขาจะได้ไม่ลำบาก หารู้ไม่ว่า คนที่สั่งการให้มือสังหารมายิงตัวเองคือเมรภัทรภรรยาที่แสนดีนั่นเอง
********** วางแผง 28-3-56 งานหนังสือ ระดับชาติศูนย์ศิริฯ*************

ไรเตอร์รั่วๆ แต่จริงใจ ^_^

เข้ามาแล้วไซร้ไยไม่กดถูกใจละเจ้าคะ

^_^ งุงิงุงิ อ้อนๆๆๆๆๆ












Tags: สำนักพิมพ์ ViVa ในเครือ Touch

ตอน: บทที่ 2ปมมัดใจ


เสียงรถยนต์ของมารดาแล่นออกไปแล้ว เจนนิตาโผล่หน้าออกมาดูที่หน้าต่างห้องนอน เมื่อแน่ใจว่ามารดาออกไปข้างนอกจริงๆ ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดอยู่บ้านเป็นชุดสำหรับออกไปข้างนอก ไม่ใช่อะไรมากมายแค่เพียงให้มันรัดกุมขึ้นเท่านั้น

“โธ่! คุณจี๊ดขา ทำไมพักนี้ไปบ่อยจังคะ นมขี้เกียจโกหกคุณจินนะคะ ถ้าเธอโทรมาถามหาคุณ”

“แหม...แม่อ่อนคนดีของจี๊ด จี๊ดแวะไปแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมา จริงๆ น่านะ จี๊ดอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหนมา ยี่สิบปี แล้วนะ จี๊ดอยากออกไปเผชิญโลก อยากเห็นผู้คน อยากเห็นตึกรามบ้านช่องที่มากกว่าหลังคาบ้านเรา อยากเห็น...”

“พอค่ะ พอ ไม่ต้องยกแม่น้ำมาหว่านล้อมหรอกค่ะ จะไปก็รีบไป ป้าไปเรียกตาชุ่มให้ รีบไปรีบมานะคะ”

“จ้า แม่อ่อนใจดี เดี๋ยวจี๊ดจะเอาบุญมาฝาก”

คนสวยออดอ้อน มือฉวยเอาข้าวของที่ซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้าออกมาถือจนแขนห้อย นมอ่อนส่ายหัวรีบเข้าไปช่วยคุณหนูของนางถือของไปขึ้นรถ

รถยุโรปคันงามสีดำเงาวับแล่นสวนเข้ามา พี่ชายคนดีนั่นเอง

“พี่เดล! เพิ่งกลับมาเหรอเนี่ย อย่าให้รู้เชียวนะว่าไปเที่ยวอ่างมา ติดโรคล่ะก็ จี๊ดจะไม่เผาผีจริงด้วย”

น้องสาวค้อนพี่ชายไม่จริงจังนัก แต่คนเป็นพี่กลับยิ้มดีใจที่น้องสาวห่วง หวง

“ไม่ติดหรอกจ้า เพราะพี่สวมหมวกนิรภัย”

พี่ชายเย้าแหย่สาวน้อยคืน เจ้าหล่อนทำหน้ามู่ทู่เมื่อเห็นว่าพี่ชายยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ

“ทะลึ่งที่สุดๆ เพี้ยงๆๆ เอาความลามกไปให้ไกลๆ จี๊ดนะ จี๊ดจะไปทำบุญให้ป๋า พี่เดลไปหื่น ไปลามกที่อื่นเลย”

“จ้าจ้ะ เอาบุญมาฝากพี่ด้วย” เขาร้องสั่งคนสวยที่กำลังก้าวขึ้นรถ

“จี๊ดกะว่าขากลับจะแวะ บ้านอิ่มใจ พี่เดลจะฝากอะไรถึง แม่ครูไหม” ชายหนุ่มส่ายหน้า

“พี่เดลไม่มีอะไรจะฝากแน่นะคะ อยู่บ้านเฉยๆ ถ้าแม่โทรมารับแทนด้วย จี๊ดไปแป๊บเดียวจริงๆ”

คนสวยร้องสั่งพี่ชาย เดลลอร์ฟพยักหน้าแทนคำตอบ

เดลลอร์ฟคิดถึงใบหน้าอารีของแม่ครูแห่งบ้านอิ่มใจ ท่านเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย กระทั่ง มิสเตอร์ลู มาขออุปการะเขา ตอนนั้นมิสเตอร์ลูซึ่งก็คือบิดาของน้องสาว ท่านทำธุรกิจหลายด้านมีทรัพย์สินมากมาย ญาติๆของท่านจึงไม่ยอมให้เขาที่เป็นเพียงลูกเลี้ยงได้ใช้นามสกุลของท่าน เขาจึงใช้นามสกุลของแม่ครูเรื่อยมา จนท่านแต่งงานกับนางแบบสาวสวยคือคุณอาจิตาภา เมื่อยี่สิบกว่าที่แล้ว เขาจึงได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น เจมส์ ตามความต้องการคุณอานับแต่นั้น

เขาเคารพรักมิสเตอร์ลูและคุณอาจิตาภา ยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆ เพราะท่านทั้งสองให้ชีวิตใหม่ ให้ความรู้ และให้ความรักแก่เด็กกำพร้าพ่อแม่ทิ้งอย่างเขา มิสเตอร์ลูเสียชีวิตลงเมื่อน้องสาวคนดีอายุเพียงสิบสองเท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาจึงเป็นเขาเองที่ต้องคอยบริหารงานโรงแรมแทนท่าน เคียงบ่าเคียงไหล่คุณอาผู้หญิงด้วยความจงรักภักดีเสมอมา

สายตาคมมองตามรถน้องสาวจนประตูหน้าบ้านเลื่อนปิดลง เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาต่อสายหาคนสำคัญทันที

‘ว่าไง เรียบร้อยไหม’ คนปลายสายกระหายใคร่รู้

“อาโกหก! อาบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงไม่ดี ตอนไปเรียนเมืองนอกก็ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า แต่...เมื่อคืน”

เดลลอร์ฟพูดไม่ออกเมื่อเสียงหัวเราะอย่างสาสมใจดังลอดมาตามสาย

“ถ้าบอกแล้วเดลจะยอมทำตามที่อาขอร้องรึ เอาน่าเดล ไหนๆ มันก็ผ่านไปแล้ว เดลได้ตัวเมรภัทรฟรีๆ ไม่ดีรึ?”

“คุณอา!”

“โอเคๆ ไม่อยากเถียงแล้ว ขอบใจที่งานแรกผ่านไปได้ด้วยดี อยากได้อะไรล่ะ”

เดลลอร์ฟชั่งใจ เขาทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อผู้หญิงอีกคน...แต่ช่างเถอะ หล่อนกับเขาคงไม่มีทางมาปรองดองกันได้ เกลียดกันเข้าไว้นั่นล่ะดีที่สุด เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็เอ่ยกับคุณอาที่รักเรื่อง ของรางวัล ทันที

‘เจนนิตา เธอจะรู้บ้างไหมว่า อิสระของเธอ พี่แลกมาด้วยพรหมจรรย์ของใคร’



เจนนิตานั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวอย่างอ่อนแรง หลังจากไปทำบุญที่วัดเธอก็มาแวะที่นี่ บ้านอิ่มใจ บ้านเก่าของพี่ชาย บ้านอีกหลังของเธอ

“ตัวจี๊ด เหนื่อยมากล่ะสิท่า”

บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร เอ่ยถาม คนรัก ด้วยความห่วงใย

“โธ่ ไม่เหนื่อยหรอกแค่นี้สบายมาก”

เจนนิตารีบตอบ เธอไม่ยอมให้ความเหนื่อยมาบั่นทอนความสุขของเธอลงได้

“ภีคมีของจะให้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ล้วงเอากล่องแหวนในกระเป๋ากางเกงมาถือไว้

“ให้อะไร? ภีคไม่ต้องให้หรอก ตัวเองเก็บตังค์ไว้เปิดบริษัทเถอะน่า”

คนสวยตัดพ้อ อยากให้แฟนหนุ่มตั้งหลักปักฐานได้เสียที เธอจะได้บอกเรื่องเขากับมารดา ด้วยฐานะที่แตกต่างทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะพาเขาไปแนะนำที่บ้าน

“ยื่นมือมา” หญิงสาวไม่รู้จะยื่นมือไหนให้ เลยยื่นให้เขาทั้งสองมือ

“เอาข้างซ้าย” เขาดึงมือหล่อนมาวางบนตักเบาๆ แล้วบรรจงสวมบางอย่างให้ที่นิ้วนางข้างซ้าย

“คิกๆๆๆ ตางกเอ๊ย!” สาวสวยหัวเราะชอบใจเมื่อแฟนหนุ่มสวมแหวนที่ทำเป็นรูปดอกกุหลาบมาให้มันจะน่าขันน้อยกว่านี้ หากว่ามันจะทำจากเพชรพลอย แต่นี่มันทำจาก...พลาสติก

“อ้าว! ก็ตัวจี๊ดบอกให้เก็บตังค์ไง ภีคเลยประหยัดเอาใจตัวจี๊ด สุขสันต์วันเกิดนะครับ เจ้าหญิงของภีค” ภีรภัทร ก้มลงจุมพิตหลังมือแฟนสาว เขาเจอเจ้าหญิงแสนดีคนนี้เมื่อสามปีก่อน หล่อนมาทำบุญที่สถานสงเคราะห์แห่งเดียวกับเขา และต้นรักแสนงามก็ผลิดอกออกช่อนับแต่วันนั้น

“ขอบคุณ มันเป็นของขวัญวันเกิดที่จี๊ดชอบที่สุดเลย” คนสวยยิ้มกว้างเพราะได้ของถูกใจ

“แหวนปลอมเนี่ยนะ?”

“อาฮะ เพราะมันคือของที่ คนรัก ให้ยังไงเล่า”

เจนนิตาทำเสียงเง้างอนพลางชะเง้อคอไปทางคนรถแวบหนึ่งอย่างเสียไม่ได้ เธออยู่เล่นกับเด็กๆ ที่บ้านอิ่มใจนานเกินไปเลยทำให้มีเวลาอยู่กับแฟนหนุ่มตามลำพังเพียงเล็กน้อย

“เมื่อไหร่จี๊ดจะยอมไปเที่ยวด้วยกันบ้าง สามปีแล้วนะ ภีคก็เรียนจบแล้วด้วย แต่เรายังไม่เคยไปดูหนังด้วยกันสักรอบเลย ความจริงแค่ทานข้าวสักมื้อยังไม่เคยด้วยซ้ำ”

ชายหนุ่มตัดพ้อคนรัก นัยน์ตาหวานปนโศกเหมือนมารดาเจือแววน้อยเนื้อต่ำใจจนแฟนสาวละอาย

“เค้าขอโทษ อย่าว่าแต่กินข้าว หรือดูหนังเลย โรงเรียน จี๊ดยังไม่มีโอกาสได้ไปด้วยซ้ำ...”

เจนนิตาตัดพ้อแฟนหนุ่มคืนบ้าง หล่อนลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกจากตาชุ่ม คนรถอีกครั้ง

“ตัวจี๊ด ภีคขอโทษนะ ภีคจะรีบทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆ ภีคจะไปสู่ขอตัวจี๊ดกับคุณแม่ แล้วเราสองคนจะไปเที่ยวให้รอบโลกเลย” ภีรภัทรให้คำมั่น เจนนิตายิ้มได้หายงอนทันที

“เค้าไม่อยากไปหรอกเที่ยวรอบโลกอย่างที่ตัวว่า ถ้ามันจะมีวันนั้นจริงๆ ที่แรกที่เขาจะไปก็คือ

บ้านอิ่มใจ นี่แหละ คิกๆๆ” สาวสวยหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจ เมื่อเห็นสีหน้าแฟนหนุ่ม

“ที่อื่นมีให้ไปเยอะแยะไม่ยักไป”

“โธ่ กว่าจี๊ดจะมาบ้านอิ่มใจได้แต่ล่ะทียากเย็นแสนเข็ญนี่นา ถ้ามีโอกาสนะ จี๊ดจะมานั่งเล่นกับน้องๆ ทั้งวันทั้งคืนเลย”

เจนนิตายิ้มให้แฟนหนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายแล้วผละไปขึ้นรถ ภีรภัทรไม่อยากให้หล่อนไปเลย นานๆ ทีถึงจะได้เจอกันสักหน มารดาของเจ้าหล่อนก็ช่างกระไร จะหวงอะไรนักหนา ถึงกับต้องให้เรียนหนังสืออยู่แต่บ้าน ราวกับว่ากำลังซ่อนเจ้าหล่อนจากอะไร หรือจากใครประมาณนั้น เขาอยากรู้จริงๆ

ภีรภัทรส่ายศีรษะเมื่อไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ เขาหันหลังกลับเดินไปขึ้นรถเช่นเดียวกัน นัยน์ตาหวานปนโศกทอประกายมืดหม่นเมื่อแลเห็นชายคาสถานสงเคราะห์

บ้านอิ่มใจ มันคือสถานที่ที่เขาและเธอมีความความทรงจำร่วมกัน...เพียงแห่งเดียว



เผียะ!!! เผียะ!!!

เสียงฝ่ามือบางฟาดลงบนใบหน้าของบอดีการ์ดอย่างแรง ใบหน้านิ่งเฉยอยู่เป็นนิจ บัดนี้ เรียบสนิทไร้ซึ่งอารมณ์ มีเพียงนัยน์ตาสีนิลดุดันคู่นั้นที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังโกรธสุดขีด

“ไปได้! อย่าให้มีคราวหน้า เพราะฉันจะไม่เว้นโทษตายให้อีกแล้ว”

น้ำเสียงนิ่งเรียบขู่เรื่องเป็นตายราวกับเรื่องธรรมดา สองบอดีการ์ดร่างยักษ์พาร่างสะบักสะบอมของตนเองกลับห้องพัก พวกเขาเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี้หลังจากโดนลวงไปซ้อมจนน่วม ที่ด้านหลังโรงละคร โดนแค่คนละตบจากนายสาว เพื่อลงโทษ พวกเขารู้ดีว่านั่นคือความปราณีอย่างที่สุดแล้ว

เมรภัทรละสายตาจากต้นพิกุลสูงใหญ่ เธอจ้องมันนิ่งนานด้วยความแค้นเคืองราวกับว่ามันคือตัวแทนของเขา สองมือบางปาดน้ำตาให้พ้นทาง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่ตรงดิ่งมาทางนี้

มือหนาของใครบางคนแตะแล้วบีบเบาๆ บนบ่าสองข้าง ไออุ่นพลันแทรกซึมลงสู่หัวใจน้ำแข็งของเธอ มันอุ่นจนสามารถละลายหัวใจเยือกแข็งดวงนี้ ให้กลายเป็นธารน้ำใสไหลซึมออกมาเป็นหยาดน้ำตา

“เมื่อกี้...ภีค เดินสวนทางกับการ์ดของพี่ พวกเขาไม่อยากบอกหรอก แต่ขัดคำสั่งไม่ได้ พี่ครับ...หันหน้ามาคุยกับภีคเถอะ ภีครู้ว่าพี่ไม่อยากบอกใคร มันเจ็บ! มันแค้น! พี่! ขอร้องล่ะ”

ภีรภัทรบอกเสียงอ่อนโยนในตอนท้าย เขาปล่อยมือจากบ่าสะท้านไหวของหล่อน

“ภีคเจ็บแทนพี่ไม่ได้ แต่...ภีค ขอแบ่งปันความเจ็บปวดของพี่ได้ไหม” ภีรภัทรเอ่ยเสียงเครือ

เมรภัทรหันหน้ากลับมาในที่สุด สองมือหล่อนกำบีบแน่นอยู่ข้างลำตัว ริมฝีปากบวมเจ่อเม้มเข้าหากันเพื่อสะกดกลั้นเสียงสะอื้น

เมรภัทรไม่อาจต้านทานความอ่อนแอได้อีกต่อไป หล่อนโผเข้ากอดร่างน้องชายแนบแน่นปลดปล่อยเสียงร้องระงม ที่พร่างพรมด้วยหยาดน้ำตา...บนบ่าของภีรภัทร น้องภีคของพี่พาย



หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ฝ่ามือเรียวหยิบซองของขวัญของมารดาขึ้นมาพินิจอีกหน ในซองนั้นปรากฏเอกสารบางอย่างที่ส่งมาจากสถานสงเคราะห์ บ้านอิ่มใจ

นกน้อยในกรงทองถึงกับหลั่งน้ำตา เมื่อเห็นว่ามีรายชื่อใครเด่นหรา อยู่กลางหน้ากระดาษ

“พี่เดล! พี่เดล มาดูนี่เร็วเข้า”

สาวน้อยวิ่งไปหาพี่ชายด้วยความตื่นเต้น เดลลอร์ฟสลัดความคิด (ถึง) เรื่องใครบางคนออกไปจากสมอง เขาหันมาสนใจน้องสาวคนงาม

“คุณแม่! คุณแม่ยอมให้จี๊ดไปสอนเปียโนที่บ้านอิ่มใจ พี่เดลดูสิ พี่เดลช่วยจี๊ดดูทีว่าจี๊ดไม่ได้ตาฝาด”

สาวน้อยตื่นเต้นดีใจ เธอไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ

เดลลอร์ฟยิ้มที่มุมปาก เขารู้ดีว่ามันคือสิ่งใด คุณอาช่างมั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะทำสำเร็จ ขนาดเอารางวัลใส่ซองไว้รอท่า น่าดีใจไหมเดลลอร์ฟ

“ดีใจด้วย ต่อไปตัวจี๊ดจะได้ไม่เหงาอยู่แต่บ้าน ออกไปสอนเด็กๆ เล่นเปียโนคงได้อะไรๆ มากกว่าอยู่เฉยๆ แน่ๆ” เดลลอร์ฟประชดน้องสาวกรายๆ สาวน้อยค้อนขวับ

“พี่เดล! พูดอย่างกับว่าจี๊ดอยากอยู่บ้านนักนี่ แม่ทำอย่างกับจี๊ดเป็นเจ้าหญิงอยู่บนหอคอยเสียอย่างนั้น จะหวงอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ไม่มีเหตุผลเลย เฮ้อ!” สาวสวยถอนหายใจ เธอเซ็งชีวิตตัวเองจริงๆ

“อืม... พี่เดล วันนี้ว่างรึเปล่า จี๊ดคิดถึงน้อง พี่เดลพาไปหน่อยสิ”

เจนนิตาออดอ้อนพี่ชาย ร่างอรชรเลื่อนไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ชายหนุ่มแล้วเขย่าต้นแขนเขาแรงๆ เร่งเร้าเอาคำตอบอย่างที่เจ้าตัวต้องการ

“ก็ได้ๆ อย่าเกินชั่วโมงนะ”

เขาสั่งก่อนจะพาหล่อนไปขึ้นรถ ความจริงแล้วมิสเตอร์ลูท่านมีสองบ้าน และเขาว่ามันแปลกเพราะลูกสาวบ้านใหญ่ รักใคร่ปรองดองกับคุณมินตราภรรยาอีกคนของมิสเตอร์ลู มากกว่ามารดาของตัวเองเสียอีก อาจเป็นเพราะน้องสาวอีกคนของเขากระมังที่ทำให้ตัวจี๊ดรบเร้าให้เขาพาไปวันละสามเวลา


เสียงฮัมเพลงอย่างมีความสุข ดังคลอไปตลอดทางจนถึงบ้านหลังกลางเก่ากลางใหม่ของคุณมินตรา เจนนิตาแทบจะถลาลงจากรถเมื่อได้เจอหน้ามารดาและน้องสาวอีกคน คนทั้งสามสวมกอดกันด้วยความคิดถึงราวกับไม่ได้พบเจอเป็นแรมปี ถ้าพวกหล่อนเป็นแม่ลูกกันจริงๆ ก็คงจะดี เจนนิตาอาจมีความสุขมากกว่านี้ก็เป็นได้

เดลลอร์ฟเห็นภาพตรงหน้าแล้วสะเทือนใจ บางทีเขาก็อยากถูกโอบกอดอย่างนี้บ้าง ไออุ่นจากสองแขนของคนที่เฝ้ารอเราอยู่ มันจะเป็นอย่างไร? จะอบอุ่นเท่า...เท่าเมื่อคืนไหม เมรภัทร ป่านนี้หล่อนจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาอยากรู้เหลือเกิน



โรงแรมทิพย์ธารา

“เป็นไปได้ยังไง โรงแรมเราไม่เคยมีประวัติเรื่องนี้ อยู่ๆ มีหญิงขายบริการลวงลูกค้ามารูดทรัพย์ได้ยังไง?”

เมรภัทรหลับตาลงเพื่อไตร่ตรองครุ่นคิด ทำไมเรื่องร้ายๆ ถึงประดังเข้ามาในเวลานี้ มันพอเหมาะพอเจาะราวกับมีคนวางแผนไว้...หรือว่าจะเป็น...

“บอสคะ!”

เลขาสาวจอมเปิ่นกระหืดกระหอบเข้ามารายงานเรื่องบางอย่าง เมรภัทรมุ่นคิ้วหน้าตึง เจ้าหล่อนควรมีมารยาทเคาะประตูเสียก่อน

“ถ้าคราวหน้าลืมเคาะประตู ฉันจะหักเงินเดือน”

เธอขู่กรายๆ ทั้งที่สองตายังปิดสนิท แผ่นหลังบอบบางเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน

เลขาสาวหน้าเจื่อนทันใด แต่พอนึกเรื่องขึ้นได้ก็รีบรายงานให้นายสาวได้รู้

“นักสืบค่ะ นักสืบแจ้งความคืบหน้ามาแล้วค่ะ”

เมรภัทรลืมตาขึ้นมาทันใด นี่คือความหวังสุดท้ายของเธอแล้ว

“เป็นพวกเขาจริงๆ ค่ะ แต่รายงานบอกเพียงว่าเป็น เจมส์ แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นประธานหรือรองประธาน”

“ไม่ว่าใครก็ เจมส์ เหมือนกัน จะจองล้างจองผลาญกันไปถึงไหนนะ ปล่อยวางไม่เป็นหรือยังไง”

เมรภัทรอ่อนอกอ่อนใจ ผู้หญิงคนนั้นจะราวีพ่อกับแม่เธอไปถึงไหน ขนาดพวกท่านไปถือศีลกินเจก็ไม่เว้น หาทางมาลงที่เธอจนได้

เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะด้านนอกดังขึ้น เลขาสาวเลี่ยงออกไปรับ สักครู่ก็กลับเข้ามารายงานหน้าตาตื่นยิ่งกว่าเก่า

“บอสคะ นักข่าวมาเต็มเลยค่ะ เอายังไงดีคะ” เมรภัทรชักมึน ถ้าเธอต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างนี้ เธอจะมีผู้จัดการเอาไว้ทำไม!

“รวี! ถ้าเธอถามฉันอีกครั้ง ฉันจะให้เธอไปล้างส้วมแล้วให้ป้าดาวแม่บ้านมานั่งโต๊ะเลขาแทนเธอ”

แสงรวีทำหน้าเหมือนโดนไล่ออก เธอเลี่ยงออกไปอีกครั้งเพื่อต่อสายภายในสั่งการให้ผู้จัดการรับหน้ากองทัพนักข่าว แต่ดูเหมือนว่ามันจะช้าเกินไป

“บอสคะ รวีคิดว่า ระวีอยากได้แปรงขัดส้วมค่ะ”

แสงระวีเลขาจอมเปิ่นเอ่ยกับนายสาวผ่านแป้นโทรศัพท์

เมรภัทรอยากฆ่าตัวตาย อะไรกันนักกันหนา เธอเอนหลังพิงเบาะแรงๆ เพลียเหลือเกิน ทั้งร่างกายและจิตใจ...แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม เธอลืมตาขึ้นมามอง ริมฝีปากเตรียมเอ็ดเอากับเลขาจอมเปิ่น แต่ลิ้นกับค้างแข็งเมื่อเห็นบุรุษที่ยืนซ้อนหลังเจ้าหล่อน

‘โจทย์ มาเยือนถึงที่แล้ว จะทำอย่างไร ภีรภัทร น้องชายก็ไม่อยู่เสียด้วย’

“ไม่เป็นไร เธอออกไปได้ อ้อ...เรื่องนักข่าวไม่ต้องเคลียร์หรอก พวกเขาคงไม่ไปจนกว่าจะได้คุ้ยเขี่ยหามูลความจริง เปิดห้องที่เกิดเรื่องให้พวกเขาเข้าไปเลย ฉันมั่นใจ! โรงแรมเราไม่เคย ค้าเนื้อสด บางทีคนแถวนี้ อาจจะเอา เนื้อสด จากที่อื่นมาโยนให้เราก็ได้ คงวางแผนกันมานานจนเนื้อมันเน่าได้ที่ให้นักข่าวตามกลิ่นเจอ ฉันขอเวลาเจรจาสักชั่วโมง เพื่อหาทางโกยเนื้อเน่าคืนเจ้าของ ถ้าตกลงกันไม่ได้ ฉันจะลงไปเคลียร์กับนักข่าวเอง” เมรภัทรสั่งเลขา

บอดีการ์ดของเธอที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านนอกรีบเข้ามาขวางทางเขา เธอโบกมือให้พวกเขาหยุดและไม่ต้องเข้ามาอีกจนกว่าเธอจะสั่ง

เดลลอร์ฟยิ้มเย้ยการ์ดร่างยักษ์ของหล่อนก่อนจะปิดประตู ลงกลอนเรียบร้อย

“ว่าไงเจ้าหญิง เจอกันกี่ครั้งกี่หนก็พูดอะไรๆ เข้าใจยากเหมือนเคยนะ แต่ช่างเถอะ ฉันเริ่ม ชิน แล้วล่ะ” เดลลอร์ฟเข้าประชิดร่างเมรภัทร

“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน กรุณาเอาใบหน้าอัน โสโครกต่างเผ่าพันธุ์ ของนาย ออกไปให้ห่างๆ ฉัน เพราะฉันขยะแขยงมันเต็มทน”

เมรภัทรกัดฟันกรอดๆ จากที่ตั้งใจว่าจะลองเจรจาอย่าศึก คงกลายเป็นเจรจาเปิดศึกเสียกระมัง

เดลลอร์ฟหน้าตึง หล่อนจะกล่าวหาว่าร้ายเขาเรื่องอื่นใด เขาไม่เคยแยแส แต่เรื่องชาติกำเนิด เขาทนไม่ได้จริงๆ

มือหนาคว้าเอวคอดมาแนบชิด เมรภัทรหวีดร้องแต่เสียงของหล่อนกลับกลืนหายเข้าไปในโพรงปากของเขา ร่างอรชรดิ้นขลุกขลักในอ้อมแข็งแกร่ง

ริมฝีปากทั้งสองประกบกันเนิ่นนาน เรียวลิ้นร้อนๆ ของเขาเที่ยวปาดไล้หาความหวานทั่วโพรงปากอย่างดูดดื่มและโหยหา ในคราแรกนั้น เขาจูบหล่อนด้วยอารามอยากสั่งสอนคนปากเก่ง ทว่า พอได้ลิ้มชิมรสจริงๆ บางอย่างที่มันเคยๆ มันก็เริ่มสนองตอบสิ่งเร้า

เขากอดรัดหล่อนแน่นขึ้นยังผลให้เมรภัทรรับรู้ถึงความต้องการอันร้อนผ่าวของเขา มันถูไถเสียดสีกับหน้าท้องแบนเรียบของเธอ

เมรภัทรยิ่งหนีก็ยิ่งอ่อนแรง เดลลอร์ฟ จูบเอา จูบเอาไม่ยอมให้เธอได้พักหายใจ เธอคงขาดใจตายเพราะจุมพิตอัคคีจากซาตานตนนี้กระมัง

เดลลอร์ฟจำต้องถอนจูบ เพื่อสูดเอาอากาศเข้าปอด เมรภัทรอยากตบหน้าเขาสักฉาด แต่เรี่ยวแรงมันไม่มี!

“ปล่อย!”

เธอร้องสุดเสียงที่มี เขาจับยกเอวบางรั้งร่างของเธอขึ้นไปวางบนโต๊ะทำงานหมิ่นๆ กักกันไว้ด้วยท่อนขากำยำทั้งสองข้าง ขณะที่ปากไม่ปล่อยให้เมรภัทรได้ส่งเสียงเพียรฉกจุมพิตครั้งแล้ว ครั้งเล่า

แรงตัณหาราคะเข้าครอบงำเมรภัทรอีกหน เดลลอร์ฟรับรู้ด้วยสัญชาตญาณ เขาเปลี่ยนจากจูบหื่นกระหายเป็นจูบจุมพิตอ้อยอิ่ง เว้าวอนอ่อนหวาน ปลายจมูกโด่งคมสูดดมพวงแก้มนวลอย่างโหยหา ไต่ระเรื่อยลงมาถึงติ่งหูบอบบางและลำคอขาวผ่อง มือหนาจัดการดึงกระโปรงตัวสวยของเจ้าหล่อนให้พ้นจากสะโพกผาย เขาอยากจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ ด้วยซ้ำถ้าไม่ห่วงว่าหล่อนจะต้องออกไปเคลียร์กับนักข่าวหลังจากนี้

“อย่า!”

เมรภัทรร้องขอทั้งน้ำตา ทรวงอกของเธอก่ายเกยอยู่บนแผงอกกว้างของเขา สองขาของเธอถูกถ่างออกจากกันเพื่อที่คนเอาแต่ใจจะแทรกเข้าตรงกลางได้ถนัดถนี่ เธออยากวิงวอนร้องขอ แต่จุมพิตหนนี้ ทำให้สมองเธอมึนงง ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน สองแขนจึงโอบรอบคอเขาเพื่อกันมิให้ร่วงลงไปกองบนพื้น

ชั้นในตัวบางถูกเขารูดออกจากขาข้างหนึ่ง มันร่นลงไปห้อยอยู่ข้อเท้าข้างซ้าย หากไม่มีส้นสูงคู่นี้ มันคงได้ลงไปกองบนพื้นเช่นเดียวกับกระโปรงของเธอ ขณะที่กางเกงของเขาร่นคาอยู่บนท่อนขาทั้งสองข้าง

“ได้โปรด...เดล นี่...ห้องทำงานนะ”

เธอวอนเสียงสั่น หยดน้ำตาร่วงริน ทำไมเวลาที่ควรเข้มแข็งมันถึงอ่อนแออย่างนี้

“ใช่! เราจะได้คุยเรื่องงานไปด้วยอย่างไรเล่า เจ้าหญิง”

เดลลอร์ฟยิ้มยั่ว มือซ้ายเหนี่ยวเอวคอดเข้ามาใกล้ มือขวาช้อนใต้ศีรษะคนงาม แล้วก้มลงจุมพิตดูดดื่มอีกหน ลิ้นร้อนปาดไล้ทั่วโพรงปากเร็วรี่ ควานหาความหอมหวานที่ดูดชิมลิ้มลองเท่าไรก็ไม่หมดสักที เขาละมือจากท้ายทอยหล่อนเลื่อนลงมาประสานกันที่บั้นท้ายงอนงามของหล่อน จับยกขึ้นเพื่อให้ตำแหน่งแห่งการเสพสมพอเหมาะพอเจาะ แต่มันคงเกิดขึ้นเร็วเกินไป เมรภัทรจึงเปล่งเสียงร้องอย่างทรมานเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ยิน

ชายหนุ่มถอนจูบเพื่อให้หล่อนได้ร้องครวญอย่างเต็มที่ หล่อนทรมานเขารู้ เมื่อคืนก่อนก็แทบไม่ได้นอน ยังไม่ทันข้ามวันดีเขาก็มาซ้ำรอยเดิมเสียแล้ว ที่สำคัญคือเขาพร้อม แต่หล่อนไม่พร้อม ความคับแน่นฝืดตึงจึงส่งผลให้หล่อนเจ็บปวดเช่นนี้

“พอแล้ว...เดล มันเจ็บ ฉันขอร้องเดล พอเถอะ”

เมรภัทรวอนขอเสียงสั่นสะท้าน เอนซบใบหน้าพิงอกหนา เธอเจ็บเหลือเกินรู้สึกเหมือนมีบางอย่างซึมออกมาด้วย เมื่อเช้ากว่าจะลุกจากที่นอนมาได้ก็ฝืนสุดกำลัง แล้วเขามาซ้ำรอยเดิมอย่างนี้เธอไม่ต้องนอนซมบนเตียงหรอกหรือ โอ...เดลลอร์ฟ คุณจะจ้องทำลายเพียงฉันใช่ไหม ได้โปรดเมตตาฉันบ้างเถิด

“รับปากสิ เจ้าหญิง นักข่าวอยู่ข้างล่าง ลงไปบอกพวกเขาว่าทิพย์ธาราน้อมรับความผิดที่เกิดกับลูกค้ารายนั้น” เขาเอ่ยเสียงพร่า เกมธุรกิจที่คุณอาวางแผนไว้มันช่างทุเรศสิ้นดี แต่จะทำอย่างไรได้ คนที่ต้องทำตามคำสั่งเช่นเขา หากคุณอาบอกให้ไปตายเขาก็ยอมเดินเข้ากองไฟให้สมใจหล่อน

‘คำว่าบุญคุณมันค้ำคอ คำว่ารักใคร่ห่วงใย มันผลักดันให้เขาชั่วช้า หากเขาทำงานนี้สำเร็จเจนนิตาจะได้รับอิสระเพิ่มขึ้นมาอีกขั้น มีเพียงหล่อนเท่านั้นที่ช่วยเขาได้’

“เดล!โอ๊ย”

เมรภัทรนิ่วหน้า กัดฟันข่มความเจ็บปวด ที่ถาโถมเข้าสู่ใจกลางร่างระลอกแล้วระลอกเล่า หนักหน่วงราวคลื่นทะเลแห่งความขุ่นแค้นสาดซัดอย่างแรงด้วยความสะใจ!




Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2556, 22:23:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มี.ค. 2556, 22:23:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1213





<< บทที่ 1แค้นฝังใจ...ลงที่ใครดี วางแผง 28-3-56 โซน C1 บูธ M20 สำนักพิมพ์ ทัชจ้า   บทที่ 3 เสน่หาราคี >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account