หนาวเสน่หา
ฤดูกาลเคลื่อนคล้อยแปรผัน
หากแต่หัวใจนั้น
สัมผัสได้เพียงแค่...เหมันตร์อันหนาวเหน็บ
โปรเจกต์พิเศษ Duo Lovers
ภาคต่อจาก ปรารถนาร้อน by ฝันหวาน
หากแต่หัวใจนั้น
สัมผัสได้เพียงแค่...เหมันตร์อันหนาวเหน็บ
โปรเจกต์พิเศษ Duo Lovers
ภาคต่อจาก ปรารถนาร้อน by ฝันหวาน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: หนาวเสน่หา ตอนที่ 15 ร้ายพ่ายรัก (จบ)
หลังจากที่รพพ์ได้เตือนอดีตภรรยาไปแล้ว ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่รู้ว่าผลมันจะออกมาอย่างไร แต่เขาก็ไม่คิดจะนิ่งเฉยเป็นฝ่ายตั้งรับ หรือรอให้ผู้หญิงที่เขารักต้องมาโดนลูกหลงจากความโกรธและความอยากเอาชนะของมลฤดีได้อีก สิ่งต่อมาที่เขาทำก็คือ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’
“ผมคิดว่าคุณวรารัตน์เหมาะที่จะไปทำงานเป็นนักสืบหรือสายข่าวให้กับสำนักพิมพ์มากกว่างานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา”
“ท่านประธาน!...” วรารัตน์หน้าเผือดซีดเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกท่านประธานเรียกให้เข้ามาพบ ขาสั่นจนแทบจะทรุดตัวลงไปนั่งแปะกับพื้นเมื่อมองสบกับสายตาเยือกเย็นของท่านประธาน
“ผมต้องการคนทำงานไม่ได้ต้องการผู้หวังดี...ในเมื่อคุณทำเกินหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย...ผมก็จำเป็นที่จะต้องทำตามกฎ...หลังจากที่ออกไปจากห้องผมแล้วคุณก็ไปติดต่อกับฝ่ายบุคคลได้เลย ผมได้แจ้งให้คุณองอาจประสานไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว” พูดจบท่านประธานหนุ่มก็ก้มหน้าลงอ่านแฟ้มงานต่อ
“ท่านประธานคะ...” น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาด้วยความตระหนกเมื่อรู้ว่าตนเองถูกเรียกมาทำไม
“ผมพูดจบแล้ว...เชิญคุณออกไปได้” รพพ์ปฏิเสธการร้องอุทธรณ์ในทุกกรณี
“ใหญ่คะ...มลขอเวลาสักสิบนาทีได้ไหม” เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงประตูห้องทำงานของท่านประธานก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวในชุดสูทกระโปรงสั้นเหนือเข่าก็เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับ...”
“ใหญ่ไล่คุณวรารัตน์ออกจากงานทำไมคะ” มลฤดีโกรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อผู้ช่วยเลขาของท่านประธานแห่งโรงแรมเลอสรวงร้องไห้โฮไปบอกกับเธอว่าโดนท่านประธานไล่ออกจากงาน
รพพ์ถอนหายใจยาว วางปากกาลงบนโต๊ะ แล้วเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้
“หน้าที่ของคุณคือดูแลรับผิดชอบงานตกแต่งภายใน...ไม่ใช่เรื่องบริหารภายในโรงแรม”
“ใหญ่ไม่คิดว่าทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยเหรอคะ...เพียงแค่คุณวรารัตน์รู้จักกับมลใหญ่ก็ไล่เขาออกจากงาน”
“ผมเรียนรู้การใช้อำนาจมาเป็นสิบปี...ผมไม่ได้ใช้มันพร่ำเพรื่อหรือใช้โดยไม่มีเหตุผล”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมใหญ่ไม่ยกเลิกสัญญางานตกแต่งภายในเสียด้วยเลยล่ะคะ”มลฤดีถามเสียงเกรี้ยว
“สัญญาที่เราทำกันเอาไว้ เป็นสัญญาต่างตอบแทน...ตราบใดที่งานของคุณไม่มีข้อผิดพลาดผมก็ไม่สามารถที่จะยกเลิกสัญญาได้...แต่ในอนาคตเราจะทำงานร่วมกันอีกได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“ไม่น่าเชื่อว่าแม่ผู้จัดการตึกใหญ่จะสามารถทำให้คุณเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” มลฤดีกำหมัดแน่น ในหัวใจอัดแน่นไปด้วยความแค้น และแทบจะคลั่งใจตายที่ไม่สามารถทำอะไรคนที่ทำให้เธอเจ็บปวดได้ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเก่งกว่า แต่เป็นเพราะผู้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนั่นต่างหากที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องยอมจำนนต่อความเจ็บช้ำ แม้จะเกลียดผู้หญิงอีกคนมากแค่ไหน แต่มันยังน้อยกว่าความกลัวว่าจะถูกผู้ชายที่เธอรักเกลียดและตัดความสัมพันธ์ในทุกๆ ทาง ถึงแม้ว่าชีวิตนี้จะไม่ได้หัวใจเขามาครอบครอง แต่อย่างน้อยเธอก็จะไม่สูญเสียเขาไปในฐานะเพื่อน
“ใหญ่วางใจเถอะค่ะ...ถึงแม้ว่ามลจะเกลียดกุลนิดามากขนาดไหน...แต่ความเกลียดนั้นยังน้อยกว่าความรักที่มลมีให้ใหญ่” มลฤดีเชิดหน้าขึ้นด้วยความทระนง ถ้าจะต้องแพ้เธอก็ขอเก็บศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้
“ผมเชื่อว่าสักวันคุณจะได้พบผู้ชายที่รักคุณและทำเพื่อคุณได้ทุกอย่าง” รพพ์เอ่ยขึ้นเมื่อสบนัยน์ตาที่อ่อนแสงลง แล้วลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว
“เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอ...” รพพ์วางมือลงบนไหล่บอบบางที่เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นไหว “ผมไม่เคยเสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ...แม้ว่ามันอาจจะไม่นาน แต่ความทรงจำนั้นจะอยู่กับผมตลอดไป”
“ใหญ่...” มลฤดีก้าวเข้าไปกอดร่างสูงแน่น ปล่อยน้ำตาแห่งความร้าวรานให้ไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมทั้งบอกตัวเองว่าเธอจะเสียน้ำตาให้กับความเสียใจและผิดหวังครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จากวันนี้ไปเธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องตกเป็นทาสของความรักอีก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเยียวยารักษาหัวใจที่ขาดวิ่นดวงนี้นานสักแค่ไหนก็ตาม สักวันเธอจะต้องได้พบกับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเธอ
“ใหญ่กอดมลอีกสักครั้งได้ไหมคะ....” มลฤดีวอนขอเสียงแหบเครือ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
รพพ์ยิ้มที่มุมปาก สองแขนยกขึ้นโอบกอดร่างเพรียวด้วยความเต็มใจและบริสุทธิ์ใจเพราะนี้เป็นการกอดในฐานะเพื่อน
“มลขอโทษนะคะที่ทำเรื่องงี่เง่าให้ใหญ่ต้องผิดหวัง”
“ผมก็ต้องขอโทษมลด้วยเช่นกัน...ที่การแต่งงงานของเราจบลงส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมบกพร่องในการทำหน้าที่ของสามีที่ดี” รพพ์ยิ้มอ่อน รู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อเรื่องมันจบลงได้ง่ายกว่าที่คิด เพราะความจริงแล้วเขาไม่คิดจะทำร้ายมลฤดีเลย ที่ผ่านมานั้นหญิงสาวถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคนหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นเพื่อนคนนี้จะขออะไรใหญ่สักอย่างจะได้ไหมคะ...” มลฤดียกมือขึ้นเช็ดน้ำตา หลังจากที่ผละออกจากอ้อมแขนอบอุ่นคู่นั้นอย่างอาวรณ์
“ถ้าสิ่งนั้นไม่ยากเกินไป...ผมก็ยินดี” รพพ์ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว
“ยกเลิกคำสั่งไล่คุณวรารัตน์ออกได้ไหมคะ...มลคงจะกลายเป็นคนบาปและรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าทำให้คนที่บริสุทธ์ต้องมาตกงานเพราะมล”
“ได้โปรดเถอะค่ะ...ขอให้ใหญ่พิจารณาใหม่อีกสักครั้ง...คนที่ผิดคือตัวมลเองที่ไปพูดบิดเบือนให้คุณรัตน์เข้าใจผิดว่าใหญ่กับมลยังรักกันอยู่” หญิงสาวมองเขาอย่างวิงวอน เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไปกับคำขอร้องของเธอ
“เอาเถอะ...ผมจะถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก...แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็คงจะไม่ได้ ผมจะลงโทษด้วยการสั่งพักงานสองเดือนโดยไม่มีสิทธิรับเงินเดือน” ท่านประธานหนุ่มตัดสินใจออกมาในที่สุด
“ขอบคุณค่ะ...” มลฤดียิ้มรับในบทลงโทษที่ยังคงความเป็นท่านประธานใหญ่คนเดิม “ถ้าอย่างนั้นมลขอตัวก่อนนะคะ...จะได้ไปบอกให้คุณรัตน์รู้ข่าวดีนี้ด้วย” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ต่างจากตอนที่เข้ามาเมื่อยี่สิบนาทีก่อน
“คุณมล...ออกไปแล้วเหรอคะ” กุลนิดาค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องน้ำส่วนตัวในห้องทำงานของท่านประธานบริหาร และเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งกอดอกยิ้มอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานก็เดินยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา วันนี้เธอมีนัดรับประทานอาหารเที่ยงและนัดไปตรวจร่างกายกับสามีที่โรงพยาบาล
“ผมกำลังคิดอยู่เชียวว่าถ้าคุณไม่ออกมาจากห้องน้ำภายในห้านาทีนี้ผมจะเรียก รปภ.ขึ้นมาพังประตูห้องน้ำ” รพพ์บอกภรรยายิ้มๆ
“คุณมลคงไม่อยากจะเห็นหน้านิดาตอนนี้หรอกค่ะ...” หญิงสาวค้อนสามียิ้มๆ
“คุณได้ยินที่มลพูดทั้งหมดแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ...ได้ยิน แล้วก็แอบเห็นคุณใหญ่กอดคุณมลด้วย” กุลนิดาย่นจมูก
“คุณหึง?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง
“ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นอาจจะหึง...แต่นี่เป็นเจ้าของเก่า รู้สึกเห็นใจมากกว่าหึง...ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ คุณมลถึงยอมรับง่ายจังเลยล่ะคะ”
“ปกติแล้วมลไม่ใช่คนดื้อ...เขาคงจะคิดทบทวนดูแล้วว่าขืนดึงดันไปก็จะมีแต่เสียมากกว่าได้” รพพ์ไม่ได้บอกภรรยาว่าเมื่อสองวันก่อนเขาไปที่บ้านของมลฤดีและพูดอะไรกับเธอบ้าง
“นิดาจะยินดีและรู้สึกดีมากถ้าหากว่าคุณมลกับคุณใหญ่จะคบหาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” กุลนิดาบอกในสิ่งที่เธอคิด
“ไม่กลัวถ่านไฟเก่าเหรอ...” รพพ์แกล้งถามกลับ ในใจนั้นรู้สึกพอใจกับความใจกว้างของภรรยาสาว
“คุณใหญ่รู้จักความรักตอนอายุสามสิบห้า...และคงต้องใช้เวลาอีกสามสิบห้าปีเช่นกันถึงจะรู้วิธีนอกใจเมีย...ถึงตอนนั้นถ้าคุณใหญ่ยังไหว นิดาจะเป็นคนเลือกผู้หญิงมาให้ด้วยตัวเองเลยล่ะคะ” หญิงสาวแสร้งเชิดหน้าขึ้นวิจารณ์ความสามารถในเชิงรักของสามี
รพพ์กลั้นหัวเราะจนหน้าแดงกับคำสัพยอกของหญิงสาว ชายหนุ่มเชื่อว่าถ้าหากเขามีชีวิตจนถึงอายุเจ็ดสิบปี เขาก็จะเป็นตาแก่ที่แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพราะเขามียาชูกำลังนั่นก็คือสาวแก่นที่นั่งยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าเขา
“ในที่สุดฉันก็สามารถนอนตายตาหลับได้เสียทีนะศรีนวล” คุณหญิงคณิณีปรารภกับต้นห้องคู่ใจ ขณะที่นั่งจิบน้ำชายามบ่ายในห้องนั่งเล่น
“คุณหญิงอย่าพูดอย่างนี้ให้คุณใหญ่กับคุณเล็กได้ยินเชียวนะคะ” ป้าศรีนวลเอ่ยเตือนนายหญิงที่นางอยู่รับใช้มาตั้งแต่วัยสาวจนกระทั้งตอนนี้ลูกๆ ของท่านต่างก็ออกเรือนมีครอบครัวกันหมดแล้ว
“คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องตายกันทั้งนั้น...ตอนนี้ฉันหมดห่วงแล้วล่ะ ลูกชายของฉันทั้งสองต่างก็มีผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมกับเขามาอยู่เคียงข้างแล้ว... แต่ถ้าบุญฉันยังมีเหลืออยู่บ้างก็คงจะมีโอกาสได้อุ้มหลานก่อนตาย”
“ดิฉันเชื่อว่าคุณหญิงจะต้องมีชีวิตอยู่จนหลานๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวแน่ๆ ” ต้นห้องให้กำลังใจ
“ไม่มีใครฝืนสังขารตัวเองได้หรอกนะศรีนวล...” คุณหญิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ไม่รู้ว่าเล็กหรือใหญ่จะได้เป็นคุณพ่อก่อนกันนะ”
“ดิฉันว่าน่าจะเป็นคุณเล็กนะคะ...เพราะคุณเล็กขยันชวนคุณลียาไปฮันนิมูนบ่อยๆ และที่สำคัญคือคุณเล็กรู้ว่าคุณหญิงอยากจะอุ้มหลานแล้ว...อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่คุณแม่ปรารถนาคุณเล็กจะไม่นิ่งเฉย” คุณหญิงยิ้มเมื่อนึกไปถึงลูกชายคนเล็กที่ท่านทั้งรักทั้งห่วง ไม่ว่าเขาจะโตแค่ไหน แต่สำหรับคุณหญิงแล้วทัพพ์ยังเป็นน้องเล็กที่ติดแม่และขี้อ้อนอยู่เสมอ รักแรกพบไม่ใช่ว่าจะเกิดได้แค่ครั้งเดียวหรือกับคนแค่คนเดียว เพราะสำหรับในชีวิตของเธอนั้นได้เกิดรักแรกพบถึงสามครั้ง ครั้งแรกกับพ่อของลูก ครั้งที่สองคือรพพ์ลูกชายคนแรกที่เธอเฝ้าถนอมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และครั้งสุดท้ายคือ ทัพพ์ ลูกชายคนเล็กลูกชายที่เธอทั้งรักและสงสารในกำเนิดของเขา คุณหญิงคณิณียังจำได้ว่าครั้งแรกที่เธอรับทารกน้อยในห่อผ้าขาวขึ้นมาอุ้มแนบอก น้ำตาของเธอก็ไหลรินลงมาราวกับทำนบพังโดยที่หาเหตุผลไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิด แต่เมื่อได้โอบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแนบใจ คุณหญิงก็บอกตัวเองได้ทันทีว่าเธอรักเด็กคนนี้ และทัพพ์คือลูกชายของเธอ ลูกชายที่พลัดหลงไปเกิดผิดที่...ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเติบโตขึ้นในครรภ์ของใคร เขาก็ต้องกลับมาเป็นลูกของเธอ
“ไหนคุณใหญ่บอกว่าอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ไปอีกสักปีสองปีไม่ใช่เหรอคะ...แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจล่ะคะ”กุลนิดถามสามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างสงสัย เพราะวันนี้เขาได้พาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการมีบุตร
“ผมอยากเป็นคุณพ่อตอนที่ยังหนุ่มๆ อยู่นะสิ...ถ้าหากมีช้า กว่าลูกจะโตผมก็คงจะแก่เกินไปและคงจะวิ่งเล่นกับลูกไม่ไหว”รพพ์ตอบพลางหันไปวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง
“คุณใหญ่น่ะหรือคะที่จะวิ่งเล่นกับลูก”อนาคตแม่ของลูกถามเสียงสูง คิ้วโก่งเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เธอคิดภาพที่เขาจะวิ่งเล่นกับลูกไม่ออกเอาเสียเลย
“คุณไม่ต้องตกใจหรอก...ผมคิดมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าถ้าผมมีลูกผมจะเลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน ให้อิสระกับเขาเต็มที่ เขาอยากเล่น อยากเรียน หรืออยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้นผมพร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
“คุณใหญ่...”หญิงสาวเดินเข้ามานั่งบนเตียงใกล้ๆสามี เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาอย่างเข้าใจ รพพ์ถูกกำหนดเส้นทางให้เดินตั้งแต่เกิด ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกในสิ่งที่ชอบและไม่สามารถปฏิเสธในสิ่งที่บิดาสั่ง เขาใช้ชีวิตอยู่ในกรอบมาตลอด
“นิดาเชื่อค่ะว่าคุณใหญ่จะต้องเป็นพ่อที่ลูกๆภูมิใจ...และลูกๆของเราเขาจะต้องเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดที่มีคุณใหญ่เป็นพ่อของเขา”หญิงสาวพูดให้ความมั่นใจกับสามี
“และสิ่งที่ผมมั่นใจที่สุดก็คือ...ผมเลือกแม่ของลูกไม่ผิดคน”รพพ์ยกมือซ้ายขึ้นรั้งศีรษะของหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับที่ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปประทับจูบบนเรียวปากอิ่ม ส่งปลายลิ้นไล้เลียเชิญชวนให้หญิงสาวเปิดปากตอบรับ มือขวารั้งสายชุดนอนให้เลื่อนลงจากไหล่บอบบาง
“คุณใหญ่ขานี่ชุดนอนตัวใหม่ของนิดานะคะ...แล้วนิดาก็เพิ่งจะใส่ได้แป๊บเดียวเอง”หญิงสาวประท้วงเสียงหวานเมื่อชุดนอนตัวใหม่ที่เธอตั้งใจใส่โชว์ แต่บัดนี้ได้กระเด็นลงไปอยู่ข้างเตียงเสียแล้ว
“คุณตั้งใจซื้อมาใส่เพื่อยั่วผมใช่ไหม...”รพพ์ถามอย่างรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยอมรับว่าชุดนอนที่หญิงสาวใส่ในคืนนี้มีผลต่ออารมณ์ของชายหนุ่มไม่น้อย เพราะตอนที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดนอนสีขาวสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเบานั้นทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย
“คุณใหญ่ชอบใช่ไหมละคะ...”ใช่ว่าเขาจะรู้ใจเธอฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
“ชอบเวลาคุณไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า”ชายหนุ่มตอบพร้อมกับก้มลงไปเชยชิดอกอวบอิ่มตรงหน้า
“คุณใหญ่ขา...”กุลนิดาเงยหน้าขึ้นครางเสียงสั่นหวิวแอ่นอกเข้าหาเขาอย่างเผลอไผล เมื่อยอดปทุมข้างหนึ่งถูกเลียไล้ดึงดูดเข้าไปในอุ้งปากร้อนผ่าว ส่วนอีกข้างก็ถูกมือใหญ่เคล้นคลึงปลุกเร้าการตอบสนอง
“ได้เวลาผลิตลูกแล้ว...”รพพ์เงยหน้าขึ้นบอกหญิงสาวยิ้มๆ นัยน์ตาคมฉายแววเสน่หาลึกซึ้ง มือใหญ่ค่อยๆดันร่างน้อยให้นอนราบไปกับเตียงนุ่ม
“นิดาขอลูกแฝดนะคะ...”หญิงสาวสั่งฝ่ายผลิตเสียงแจ๋ว สองแขนเรียวตวัดขึ้นคล้องลำคอของคนร่างสูงที่ทิ้งตัวตามลงมาแนบชิด
“ผมจะพยายาม...”รพพ์ตอบรับอย่างขำๆกับคำสั่งนั้น ชายหนุ่มบอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้หัวใจของเขาจะไม่หนาวเหน็บอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้หญิงในอ้อมกอดเขานั้นเปรียบดั่งแสงแห่งตะวันที่เข้ามาทำให้หัวใจเขาอบอุ่นและเร้าร้อนได้ในเวลาเดียวกัน
สามเดือนต่อมา
บรรยากาศภายในห้องทำงานของท่านประธานบริหารโรงแรมเลอสรวงสงบเงียบเชียบไม่แตกต่างจากทุกวัน ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ปรากฏร่างสูงสมาร์ทของรพพ์ เลิศเกียรติเลอสรวง นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้บุนวม แผ่นหลังของชายหนุ่มตั้งตรง ใบหน้าก้มลงเพื่อกวาดสายตาอ่านเอกสารภายในแฟ้ม เบื้องหน้าโต๊ะทำงานมีร่างของเลขาฯคู่ใจยืนรอรับคำสั่งตามหน้าที่
แต่ทว่าความสงบนั้นกลับต้องสะดุดลง เมื่อประตูถูกเคาะและเปิดออกทันทีโดยที่บุคคลภายในห้องยังไม่มีโอกาสได้เอ่ยอนุญาต ร่างสูงของท่านรองประธานบริหารก้าวรัวเร็วเข้ามาภายในห้อง
ทัพพ์ไม่ลืมเอ่ยปากทักทายองอาจก่อนจะเดินผ่านเลขาฯหนุ่ม ไปดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของพี่ชายออกมานั่ง
“ไหวไหม...”รพพ์เงยหน้าขึ้นมองพิจารณาสภาพของน้องชายคนเดียวอย่างเป็นห่วง มุมปากกระตุกยิ้มเมื่อตาเหลือบไปเห็นยาดมในมือของท่านรองประธานขวัญใจพนักงานโรงแรมเลอสรวง
“ถ้าบอกว่าไม่ไหว...เฮียจะอนุญาตให้ผมลาพักร้อนเหรอ”ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยสดใส ดูซีดเซียว อีกทั้งท่าทางก็อ่อนระโหยโรยแรงไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเคย
“เสียใจ...นายใช้วันลาพักร้อนไปหมดแล้ว”ถึงจะรู้สึกเวทนาในสภาพของน้องชาย แต่รพพ์ก็ยังไม่ใจอ่อน
“ผมรู้สึกพะอืดพะอมไม่สบายตัวเอาเสียเลย”ผู้เป็นน้องชายบอกอาการที่เป็น
“มีไข้หรือเปล่า”
ต่อให้น้องชายโตถึงขนาดมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ความห่วงใยที่รพพ์มีให้กับทัพพ์ก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง องอาจถึงกับแอบอมยิ้มเมื่อเห็นท่านประธานหนุ่มที่มักตีหน้าเคร่งอยู่เสมอยื่นมือข้ามโต๊ะเพื่อแตะลงบนหน้าผากของน้องชาย
คนที่สามารถถอดหน้ากากความเฉยชาออกจากใบหน้าของรพพ์ได้นอกจากคุณหญิงคณิณีมารดาและกุลนิดาภรรยาของเขา ก็เห็นจะมีทัพพ์นั่นแหละที่รพพ์ยังคงพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจไม่เคยเปลี่ยน หากแต่การเอาใจของรพพ์ไม่ได้แสดงออกผ่านทางคำพูด แต่ชายหนุ่มมักจะปล่อยให้ทัพพ์ทำตามอำเภอใจอยู่เสมอ
“ผมโตแล้วนะเฮีย อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กได้หรือเปล่า?...แล้วอีกไม่กี่เดือนผมก็จะเป็นพ่อคนแล้วด้วย”คนที่อยู่ในอาการแพ้ท้องแทนเมียทำหน้างอ
“ไปโรงพยาบาลไหม...พี่จะให้องอาจเตรียมรถให้...แล้วส่งคุณศรัญญาตามไปดูแล”
“ไม่เอาหรอก ผมไม่ได้ป่วยหนักถึงขั้นต้องไปโรงพยาบาล และถึงญาญ่าจะเป็นเลขาฯส่วนตัวของผม แต่ถ้าเมียผมรู้ว่าผมเข้าโรงพยาบาลกับผู้หญิงอื่นคงงอนสะบัดไม่ยอมคุยกับผมเป็นเดือน”
“ถ้าทนไหวก็รอจนถึงตอนเย็นก็แล้วกัน คุณองอาจตั้งแต่วันนี้ช่วยจัดเวลาว่างช่วงเย็นให้ผมวันละหนึ่งถึงสองชั่วโมงทุกวัน แจ้งคุณศรัญญาให้จัดเวลาเผื่อท่านรองด้วย”
“ครับท่านประธาน”องอาจรีบจดคำสั่งลงสมุดบันทึก
“เฮีย...จะทำอะไรเหรอ”ท่านรองถามอย่างงงๆ
องอาจเองใคร่รู้เช่นกันว่าเจ้านายหนุ่มที่หลงใหลการทำงานเป็นชีวิตจิตใจอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้ต้องการเวลาว่างขึ้นมากะทันหัน
“แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วย เฮียให้คุณองอาจจัดเวลาว่างเพื่อจะได้มีเวลาไปสวีทกับยัยลูกเจี๊ยบใช่หรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น เย็นนี้เราสองคนจะไปโรงพยาบาลด้วยกัน”
“เฮียใจดีจะพาผมไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง? ผมสุดแสนจะซาบซึ้ง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทุกวันด้วย”
“ตั้งแต่วันนี้ฉันจะแบ่งเวลาช่วงเย็นไปเข้าคอร์สการเป็นคุณพ่อ และดูเหมือนนายเองก็จำเป็นต้องเข้าคอร์สเดียวกันกับฉัน”
องอาจที่กำลังจดคำสั่งลงสมุดถึงกับชะงัก ส่วนทัพพ์จากที่นอนเกลือกกลิ้งใบหน้ากับโต๊ะทำงานของพี่ชายก็ถึงกับตะลึงดึงลำตัวขึ้นนั่งตรงแน่ว จ้องดวงตาคมกริบไปยังพี่ชาย
“หมายความว่า...”ทัพพ์มองพี่ชายตาโต
“ใช่!...กุลนิดาท้องแล้ว...และฉันก็กำลังจะได้เป็นพ่อคน”รพพ์ตอบ ริมฝีปากบางสีแดงสดแย้มยิ้มกับความสำเร็จของตัวเอง จากนี้ไปสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้คือ ความรักของพ่อที่มีต่อลูก
-จบ -
ขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่าน เม้นต์ และกดไลท์ให้กันตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมาถึงตอนจบ
และสามารถติดตามตอนพิเศษของคุณใหญ่และลูกเจี๊ยบได้ในฉบับรูปเล่มนะคะ
“ผมคิดว่าคุณวรารัตน์เหมาะที่จะไปทำงานเป็นนักสืบหรือสายข่าวให้กับสำนักพิมพ์มากกว่างานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขา”
“ท่านประธาน!...” วรารัตน์หน้าเผือดซีดเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกท่านประธานเรียกให้เข้ามาพบ ขาสั่นจนแทบจะทรุดตัวลงไปนั่งแปะกับพื้นเมื่อมองสบกับสายตาเยือกเย็นของท่านประธาน
“ผมต้องการคนทำงานไม่ได้ต้องการผู้หวังดี...ในเมื่อคุณทำเกินหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย...ผมก็จำเป็นที่จะต้องทำตามกฎ...หลังจากที่ออกไปจากห้องผมแล้วคุณก็ไปติดต่อกับฝ่ายบุคคลได้เลย ผมได้แจ้งให้คุณองอาจประสานไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว” พูดจบท่านประธานหนุ่มก็ก้มหน้าลงอ่านแฟ้มงานต่อ
“ท่านประธานคะ...” น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาด้วยความตระหนกเมื่อรู้ว่าตนเองถูกเรียกมาทำไม
“ผมพูดจบแล้ว...เชิญคุณออกไปได้” รพพ์ปฏิเสธการร้องอุทธรณ์ในทุกกรณี
“ใหญ่คะ...มลขอเวลาสักสิบนาทีได้ไหม” เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงประตูห้องทำงานของท่านประธานก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหญิงสาวในชุดสูทกระโปรงสั้นเหนือเข่าก็เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับ...”
“ใหญ่ไล่คุณวรารัตน์ออกจากงานทำไมคะ” มลฤดีโกรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อผู้ช่วยเลขาของท่านประธานแห่งโรงแรมเลอสรวงร้องไห้โฮไปบอกกับเธอว่าโดนท่านประธานไล่ออกจากงาน
รพพ์ถอนหายใจยาว วางปากกาลงบนโต๊ะ แล้วเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้
“หน้าที่ของคุณคือดูแลรับผิดชอบงานตกแต่งภายใน...ไม่ใช่เรื่องบริหารภายในโรงแรม”
“ใหญ่ไม่คิดว่าทำเกินกว่าเหตุไปหน่อยเหรอคะ...เพียงแค่คุณวรารัตน์รู้จักกับมลใหญ่ก็ไล่เขาออกจากงาน”
“ผมเรียนรู้การใช้อำนาจมาเป็นสิบปี...ผมไม่ได้ใช้มันพร่ำเพรื่อหรือใช้โดยไม่มีเหตุผล”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมใหญ่ไม่ยกเลิกสัญญางานตกแต่งภายในเสียด้วยเลยล่ะคะ”มลฤดีถามเสียงเกรี้ยว
“สัญญาที่เราทำกันเอาไว้ เป็นสัญญาต่างตอบแทน...ตราบใดที่งานของคุณไม่มีข้อผิดพลาดผมก็ไม่สามารถที่จะยกเลิกสัญญาได้...แต่ในอนาคตเราจะทำงานร่วมกันอีกได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“ไม่น่าเชื่อว่าแม่ผู้จัดการตึกใหญ่จะสามารถทำให้คุณเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” มลฤดีกำหมัดแน่น ในหัวใจอัดแน่นไปด้วยความแค้น และแทบจะคลั่งใจตายที่ไม่สามารถทำอะไรคนที่ทำให้เธอเจ็บปวดได้ ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเก่งกว่า แต่เป็นเพราะผู้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนั่นต่างหากที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องยอมจำนนต่อความเจ็บช้ำ แม้จะเกลียดผู้หญิงอีกคนมากแค่ไหน แต่มันยังน้อยกว่าความกลัวว่าจะถูกผู้ชายที่เธอรักเกลียดและตัดความสัมพันธ์ในทุกๆ ทาง ถึงแม้ว่าชีวิตนี้จะไม่ได้หัวใจเขามาครอบครอง แต่อย่างน้อยเธอก็จะไม่สูญเสียเขาไปในฐานะเพื่อน
“ใหญ่วางใจเถอะค่ะ...ถึงแม้ว่ามลจะเกลียดกุลนิดามากขนาดไหน...แต่ความเกลียดนั้นยังน้อยกว่าความรักที่มลมีให้ใหญ่” มลฤดีเชิดหน้าขึ้นด้วยความทระนง ถ้าจะต้องแพ้เธอก็ขอเก็บศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้
“ผมเชื่อว่าสักวันคุณจะได้พบผู้ชายที่รักคุณและทำเพื่อคุณได้ทุกอย่าง” รพพ์เอ่ยขึ้นเมื่อสบนัยน์ตาที่อ่อนแสงลง แล้วลุกขึ้นยืนแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาว
“เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอ...” รพพ์วางมือลงบนไหล่บอบบางที่เขาสัมผัสได้ถึงอาการสั่นไหว “ผมไม่เคยเสียใจที่ครั้งหนึ่งเคยได้ใช้ชีวิตร่วมกับคุณ...แม้ว่ามันอาจจะไม่นาน แต่ความทรงจำนั้นจะอยู่กับผมตลอดไป”
“ใหญ่...” มลฤดีก้าวเข้าไปกอดร่างสูงแน่น ปล่อยน้ำตาแห่งความร้าวรานให้ไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมทั้งบอกตัวเองว่าเธอจะเสียน้ำตาให้กับความเสียใจและผิดหวังครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จากวันนี้ไปเธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องตกเป็นทาสของความรักอีก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาเยียวยารักษาหัวใจที่ขาดวิ่นดวงนี้นานสักแค่ไหนก็ตาม สักวันเธอจะต้องได้พบกับคนที่เห็นคุณค่าในตัวเธอ
“ใหญ่กอดมลอีกสักครั้งได้ไหมคะ....” มลฤดีวอนขอเสียงแหบเครือ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
รพพ์ยิ้มที่มุมปาก สองแขนยกขึ้นโอบกอดร่างเพรียวด้วยความเต็มใจและบริสุทธิ์ใจเพราะนี้เป็นการกอดในฐานะเพื่อน
“มลขอโทษนะคะที่ทำเรื่องงี่เง่าให้ใหญ่ต้องผิดหวัง”
“ผมก็ต้องขอโทษมลด้วยเช่นกัน...ที่การแต่งงงานของเราจบลงส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมบกพร่องในการทำหน้าที่ของสามีที่ดี” รพพ์ยิ้มอ่อน รู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อเรื่องมันจบลงได้ง่ายกว่าที่คิด เพราะความจริงแล้วเขาไม่คิดจะทำร้ายมลฤดีเลย ที่ผ่านมานั้นหญิงสาวถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคนหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นเพื่อนคนนี้จะขออะไรใหญ่สักอย่างจะได้ไหมคะ...” มลฤดียกมือขึ้นเช็ดน้ำตา หลังจากที่ผละออกจากอ้อมแขนอบอุ่นคู่นั้นอย่างอาวรณ์
“ถ้าสิ่งนั้นไม่ยากเกินไป...ผมก็ยินดี” รพพ์ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธเสียทีเดียว
“ยกเลิกคำสั่งไล่คุณวรารัตน์ออกได้ไหมคะ...มลคงจะกลายเป็นคนบาปและรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าทำให้คนที่บริสุทธ์ต้องมาตกงานเพราะมล”
“ได้โปรดเถอะค่ะ...ขอให้ใหญ่พิจารณาใหม่อีกสักครั้ง...คนที่ผิดคือตัวมลเองที่ไปพูดบิดเบือนให้คุณรัตน์เข้าใจผิดว่าใหญ่กับมลยังรักกันอยู่” หญิงสาวมองเขาอย่างวิงวอน เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่งไปกับคำขอร้องของเธอ
“เอาเถอะ...ผมจะถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก...แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็คงจะไม่ได้ ผมจะลงโทษด้วยการสั่งพักงานสองเดือนโดยไม่มีสิทธิรับเงินเดือน” ท่านประธานหนุ่มตัดสินใจออกมาในที่สุด
“ขอบคุณค่ะ...” มลฤดียิ้มรับในบทลงโทษที่ยังคงความเป็นท่านประธานใหญ่คนเดิม “ถ้าอย่างนั้นมลขอตัวก่อนนะคะ...จะได้ไปบอกให้คุณรัตน์รู้ข่าวดีนี้ด้วย” พูดจบหญิงสาวก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ต่างจากตอนที่เข้ามาเมื่อยี่สิบนาทีก่อน
“คุณมล...ออกไปแล้วเหรอคะ” กุลนิดาค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากประตูห้องน้ำส่วนตัวในห้องทำงานของท่านประธานบริหาร และเมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งกอดอกยิ้มอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานก็เดินยิ้มเจี๋ยมเจี้ยมเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา วันนี้เธอมีนัดรับประทานอาหารเที่ยงและนัดไปตรวจร่างกายกับสามีที่โรงพยาบาล
“ผมกำลังคิดอยู่เชียวว่าถ้าคุณไม่ออกมาจากห้องน้ำภายในห้านาทีนี้ผมจะเรียก รปภ.ขึ้นมาพังประตูห้องน้ำ” รพพ์บอกภรรยายิ้มๆ
“คุณมลคงไม่อยากจะเห็นหน้านิดาตอนนี้หรอกค่ะ...” หญิงสาวค้อนสามียิ้มๆ
“คุณได้ยินที่มลพูดทั้งหมดแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ...ได้ยิน แล้วก็แอบเห็นคุณใหญ่กอดคุณมลด้วย” กุลนิดาย่นจมูก
“คุณหึง?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง
“ถ้าเป็นผู้หญิงอื่นอาจจะหึง...แต่นี่เป็นเจ้าของเก่า รู้สึกเห็นใจมากกว่าหึง...ว่าแต่ทำไมอยู่ๆ คุณมลถึงยอมรับง่ายจังเลยล่ะคะ”
“ปกติแล้วมลไม่ใช่คนดื้อ...เขาคงจะคิดทบทวนดูแล้วว่าขืนดึงดันไปก็จะมีแต่เสียมากกว่าได้” รพพ์ไม่ได้บอกภรรยาว่าเมื่อสองวันก่อนเขาไปที่บ้านของมลฤดีและพูดอะไรกับเธอบ้าง
“นิดาจะยินดีและรู้สึกดีมากถ้าหากว่าคุณมลกับคุณใหญ่จะคบหาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” กุลนิดาบอกในสิ่งที่เธอคิด
“ไม่กลัวถ่านไฟเก่าเหรอ...” รพพ์แกล้งถามกลับ ในใจนั้นรู้สึกพอใจกับความใจกว้างของภรรยาสาว
“คุณใหญ่รู้จักความรักตอนอายุสามสิบห้า...และคงต้องใช้เวลาอีกสามสิบห้าปีเช่นกันถึงจะรู้วิธีนอกใจเมีย...ถึงตอนนั้นถ้าคุณใหญ่ยังไหว นิดาจะเป็นคนเลือกผู้หญิงมาให้ด้วยตัวเองเลยล่ะคะ” หญิงสาวแสร้งเชิดหน้าขึ้นวิจารณ์ความสามารถในเชิงรักของสามี
รพพ์กลั้นหัวเราะจนหน้าแดงกับคำสัพยอกของหญิงสาว ชายหนุ่มเชื่อว่าถ้าหากเขามีชีวิตจนถึงอายุเจ็ดสิบปี เขาก็จะเป็นตาแก่ที่แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพราะเขามียาชูกำลังนั่นก็คือสาวแก่นที่นั่งยิ้มหวานอยู่ตรงหน้าเขา
“ในที่สุดฉันก็สามารถนอนตายตาหลับได้เสียทีนะศรีนวล” คุณหญิงคณิณีปรารภกับต้นห้องคู่ใจ ขณะที่นั่งจิบน้ำชายามบ่ายในห้องนั่งเล่น
“คุณหญิงอย่าพูดอย่างนี้ให้คุณใหญ่กับคุณเล็กได้ยินเชียวนะคะ” ป้าศรีนวลเอ่ยเตือนนายหญิงที่นางอยู่รับใช้มาตั้งแต่วัยสาวจนกระทั้งตอนนี้ลูกๆ ของท่านต่างก็ออกเรือนมีครอบครัวกันหมดแล้ว
“คนเราทุกคนเกิดมาก็ต้องตายกันทั้งนั้น...ตอนนี้ฉันหมดห่วงแล้วล่ะ ลูกชายของฉันทั้งสองต่างก็มีผู้หญิงที่ดีและเหมาะสมกับเขามาอยู่เคียงข้างแล้ว... แต่ถ้าบุญฉันยังมีเหลืออยู่บ้างก็คงจะมีโอกาสได้อุ้มหลานก่อนตาย”
“ดิฉันเชื่อว่าคุณหญิงจะต้องมีชีวิตอยู่จนหลานๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวแน่ๆ ” ต้นห้องให้กำลังใจ
“ไม่มีใครฝืนสังขารตัวเองได้หรอกนะศรีนวล...” คุณหญิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ไม่รู้ว่าเล็กหรือใหญ่จะได้เป็นคุณพ่อก่อนกันนะ”
“ดิฉันว่าน่าจะเป็นคุณเล็กนะคะ...เพราะคุณเล็กขยันชวนคุณลียาไปฮันนิมูนบ่อยๆ และที่สำคัญคือคุณเล็กรู้ว่าคุณหญิงอยากจะอุ้มหลานแล้ว...อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่คุณแม่ปรารถนาคุณเล็กจะไม่นิ่งเฉย” คุณหญิงยิ้มเมื่อนึกไปถึงลูกชายคนเล็กที่ท่านทั้งรักทั้งห่วง ไม่ว่าเขาจะโตแค่ไหน แต่สำหรับคุณหญิงแล้วทัพพ์ยังเป็นน้องเล็กที่ติดแม่และขี้อ้อนอยู่เสมอ รักแรกพบไม่ใช่ว่าจะเกิดได้แค่ครั้งเดียวหรือกับคนแค่คนเดียว เพราะสำหรับในชีวิตของเธอนั้นได้เกิดรักแรกพบถึงสามครั้ง ครั้งแรกกับพ่อของลูก ครั้งที่สองคือรพพ์ลูกชายคนแรกที่เธอเฝ้าถนอมตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และครั้งสุดท้ายคือ ทัพพ์ ลูกชายคนเล็กลูกชายที่เธอทั้งรักและสงสารในกำเนิดของเขา คุณหญิงคณิณียังจำได้ว่าครั้งแรกที่เธอรับทารกน้อยในห่อผ้าขาวขึ้นมาอุ้มแนบอก น้ำตาของเธอก็ไหลรินลงมาราวกับทำนบพังโดยที่หาเหตุผลไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นผู้ให้กำเนิด แต่เมื่อได้โอบอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแนบใจ คุณหญิงก็บอกตัวเองได้ทันทีว่าเธอรักเด็กคนนี้ และทัพพ์คือลูกชายของเธอ ลูกชายที่พลัดหลงไปเกิดผิดที่...ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าเขาจะเติบโตขึ้นในครรภ์ของใคร เขาก็ต้องกลับมาเป็นลูกของเธอ
“ไหนคุณใหญ่บอกว่าอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ไปอีกสักปีสองปีไม่ใช่เหรอคะ...แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเปลี่ยนใจล่ะคะ”กุลนิดถามสามีที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างสงสัย เพราะวันนี้เขาได้พาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายเตรียมพร้อมสำหรับการมีบุตร
“ผมอยากเป็นคุณพ่อตอนที่ยังหนุ่มๆ อยู่นะสิ...ถ้าหากมีช้า กว่าลูกจะโตผมก็คงจะแก่เกินไปและคงจะวิ่งเล่นกับลูกไม่ไหว”รพพ์ตอบพลางหันไปวางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง
“คุณใหญ่น่ะหรือคะที่จะวิ่งเล่นกับลูก”อนาคตแม่ของลูกถามเสียงสูง คิ้วโก่งเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เธอคิดภาพที่เขาจะวิ่งเล่นกับลูกไม่ออกเอาเสียเลย
“คุณไม่ต้องตกใจหรอก...ผมคิดมาตั้งแต่เด็กๆแล้วว่าถ้าผมมีลูกผมจะเลี้ยงลูกเหมือนเพื่อน ให้อิสระกับเขาเต็มที่ เขาอยากเล่น อยากเรียน หรืออยากเป็นอะไรเมื่อโตขึ้นผมพร้อมที่จะสนับสนุนเต็มที่
“คุณใหญ่...”หญิงสาวเดินเข้ามานั่งบนเตียงใกล้ๆสามี เงยหน้าขึ้นมองสบตาเขาอย่างเข้าใจ รพพ์ถูกกำหนดเส้นทางให้เดินตั้งแต่เกิด ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกในสิ่งที่ชอบและไม่สามารถปฏิเสธในสิ่งที่บิดาสั่ง เขาใช้ชีวิตอยู่ในกรอบมาตลอด
“นิดาเชื่อค่ะว่าคุณใหญ่จะต้องเป็นพ่อที่ลูกๆภูมิใจ...และลูกๆของเราเขาจะต้องเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดที่มีคุณใหญ่เป็นพ่อของเขา”หญิงสาวพูดให้ความมั่นใจกับสามี
“และสิ่งที่ผมมั่นใจที่สุดก็คือ...ผมเลือกแม่ของลูกไม่ผิดคน”รพพ์ยกมือซ้ายขึ้นรั้งศีรษะของหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับที่ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปประทับจูบบนเรียวปากอิ่ม ส่งปลายลิ้นไล้เลียเชิญชวนให้หญิงสาวเปิดปากตอบรับ มือขวารั้งสายชุดนอนให้เลื่อนลงจากไหล่บอบบาง
“คุณใหญ่ขานี่ชุดนอนตัวใหม่ของนิดานะคะ...แล้วนิดาก็เพิ่งจะใส่ได้แป๊บเดียวเอง”หญิงสาวประท้วงเสียงหวานเมื่อชุดนอนตัวใหม่ที่เธอตั้งใจใส่โชว์ แต่บัดนี้ได้กระเด็นลงไปอยู่ข้างเตียงเสียแล้ว
“คุณตั้งใจซื้อมาใส่เพื่อยั่วผมใช่ไหม...”รพพ์ถามอย่างรู้ทัน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยอมรับว่าชุดนอนที่หญิงสาวใส่ในคืนนี้มีผลต่ออารมณ์ของชายหนุ่มไม่น้อย เพราะตอนที่หญิงสาวเดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดนอนสีขาวสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเบานั้นทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลย
“คุณใหญ่ชอบใช่ไหมละคะ...”ใช่ว่าเขาจะรู้ใจเธอฝ่ายเดียวเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
“ชอบเวลาคุณไม่ใส่อะไรเลยมากกว่า”ชายหนุ่มตอบพร้อมกับก้มลงไปเชยชิดอกอวบอิ่มตรงหน้า
“คุณใหญ่ขา...”กุลนิดาเงยหน้าขึ้นครางเสียงสั่นหวิวแอ่นอกเข้าหาเขาอย่างเผลอไผล เมื่อยอดปทุมข้างหนึ่งถูกเลียไล้ดึงดูดเข้าไปในอุ้งปากร้อนผ่าว ส่วนอีกข้างก็ถูกมือใหญ่เคล้นคลึงปลุกเร้าการตอบสนอง
“ได้เวลาผลิตลูกแล้ว...”รพพ์เงยหน้าขึ้นบอกหญิงสาวยิ้มๆ นัยน์ตาคมฉายแววเสน่หาลึกซึ้ง มือใหญ่ค่อยๆดันร่างน้อยให้นอนราบไปกับเตียงนุ่ม
“นิดาขอลูกแฝดนะคะ...”หญิงสาวสั่งฝ่ายผลิตเสียงแจ๋ว สองแขนเรียวตวัดขึ้นคล้องลำคอของคนร่างสูงที่ทิ้งตัวตามลงมาแนบชิด
“ผมจะพยายาม...”รพพ์ตอบรับอย่างขำๆกับคำสั่งนั้น ชายหนุ่มบอกกับตัวเองว่าต่อไปนี้หัวใจของเขาจะไม่หนาวเหน็บอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้หญิงในอ้อมกอดเขานั้นเปรียบดั่งแสงแห่งตะวันที่เข้ามาทำให้หัวใจเขาอบอุ่นและเร้าร้อนได้ในเวลาเดียวกัน
สามเดือนต่อมา
บรรยากาศภายในห้องทำงานของท่านประธานบริหารโรงแรมเลอสรวงสงบเงียบเชียบไม่แตกต่างจากทุกวัน ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ปรากฏร่างสูงสมาร์ทของรพพ์ เลิศเกียรติเลอสรวง นั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้บุนวม แผ่นหลังของชายหนุ่มตั้งตรง ใบหน้าก้มลงเพื่อกวาดสายตาอ่านเอกสารภายในแฟ้ม เบื้องหน้าโต๊ะทำงานมีร่างของเลขาฯคู่ใจยืนรอรับคำสั่งตามหน้าที่
แต่ทว่าความสงบนั้นกลับต้องสะดุดลง เมื่อประตูถูกเคาะและเปิดออกทันทีโดยที่บุคคลภายในห้องยังไม่มีโอกาสได้เอ่ยอนุญาต ร่างสูงของท่านรองประธานบริหารก้าวรัวเร็วเข้ามาภายในห้อง
ทัพพ์ไม่ลืมเอ่ยปากทักทายองอาจก่อนจะเดินผ่านเลขาฯหนุ่ม ไปดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของพี่ชายออกมานั่ง
“ไหวไหม...”รพพ์เงยหน้าขึ้นมองพิจารณาสภาพของน้องชายคนเดียวอย่างเป็นห่วง มุมปากกระตุกยิ้มเมื่อตาเหลือบไปเห็นยาดมในมือของท่านรองประธานขวัญใจพนักงานโรงแรมเลอสรวง
“ถ้าบอกว่าไม่ไหว...เฮียจะอนุญาตให้ผมลาพักร้อนเหรอ”ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยสดใส ดูซีดเซียว อีกทั้งท่าทางก็อ่อนระโหยโรยแรงไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเคย
“เสียใจ...นายใช้วันลาพักร้อนไปหมดแล้ว”ถึงจะรู้สึกเวทนาในสภาพของน้องชาย แต่รพพ์ก็ยังไม่ใจอ่อน
“ผมรู้สึกพะอืดพะอมไม่สบายตัวเอาเสียเลย”ผู้เป็นน้องชายบอกอาการที่เป็น
“มีไข้หรือเปล่า”
ต่อให้น้องชายโตถึงขนาดมีครอบครัวเป็นของตัวเองแล้ว แต่ความห่วงใยที่รพพ์มีให้กับทัพพ์ก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง องอาจถึงกับแอบอมยิ้มเมื่อเห็นท่านประธานหนุ่มที่มักตีหน้าเคร่งอยู่เสมอยื่นมือข้ามโต๊ะเพื่อแตะลงบนหน้าผากของน้องชาย
คนที่สามารถถอดหน้ากากความเฉยชาออกจากใบหน้าของรพพ์ได้นอกจากคุณหญิงคณิณีมารดาและกุลนิดาภรรยาของเขา ก็เห็นจะมีทัพพ์นั่นแหละที่รพพ์ยังคงพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจไม่เคยเปลี่ยน หากแต่การเอาใจของรพพ์ไม่ได้แสดงออกผ่านทางคำพูด แต่ชายหนุ่มมักจะปล่อยให้ทัพพ์ทำตามอำเภอใจอยู่เสมอ
“ผมโตแล้วนะเฮีย อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กได้หรือเปล่า?...แล้วอีกไม่กี่เดือนผมก็จะเป็นพ่อคนแล้วด้วย”คนที่อยู่ในอาการแพ้ท้องแทนเมียทำหน้างอ
“ไปโรงพยาบาลไหม...พี่จะให้องอาจเตรียมรถให้...แล้วส่งคุณศรัญญาตามไปดูแล”
“ไม่เอาหรอก ผมไม่ได้ป่วยหนักถึงขั้นต้องไปโรงพยาบาล และถึงญาญ่าจะเป็นเลขาฯส่วนตัวของผม แต่ถ้าเมียผมรู้ว่าผมเข้าโรงพยาบาลกับผู้หญิงอื่นคงงอนสะบัดไม่ยอมคุยกับผมเป็นเดือน”
“ถ้าทนไหวก็รอจนถึงตอนเย็นก็แล้วกัน คุณองอาจตั้งแต่วันนี้ช่วยจัดเวลาว่างช่วงเย็นให้ผมวันละหนึ่งถึงสองชั่วโมงทุกวัน แจ้งคุณศรัญญาให้จัดเวลาเผื่อท่านรองด้วย”
“ครับท่านประธาน”องอาจรีบจดคำสั่งลงสมุดบันทึก
“เฮีย...จะทำอะไรเหรอ”ท่านรองถามอย่างงงๆ
องอาจเองใคร่รู้เช่นกันว่าเจ้านายหนุ่มที่หลงใหลการทำงานเป็นชีวิตจิตใจอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้ต้องการเวลาว่างขึ้นมากะทันหัน
“แล้วผมเกี่ยวอะไรด้วย เฮียให้คุณองอาจจัดเวลาว่างเพื่อจะได้มีเวลาไปสวีทกับยัยลูกเจี๊ยบใช่หรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น เย็นนี้เราสองคนจะไปโรงพยาบาลด้วยกัน”
“เฮียใจดีจะพาผมไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง? ผมสุดแสนจะซาบซึ้ง แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทุกวันด้วย”
“ตั้งแต่วันนี้ฉันจะแบ่งเวลาช่วงเย็นไปเข้าคอร์สการเป็นคุณพ่อ และดูเหมือนนายเองก็จำเป็นต้องเข้าคอร์สเดียวกันกับฉัน”
องอาจที่กำลังจดคำสั่งลงสมุดถึงกับชะงัก ส่วนทัพพ์จากที่นอนเกลือกกลิ้งใบหน้ากับโต๊ะทำงานของพี่ชายก็ถึงกับตะลึงดึงลำตัวขึ้นนั่งตรงแน่ว จ้องดวงตาคมกริบไปยังพี่ชาย
“หมายความว่า...”ทัพพ์มองพี่ชายตาโต
“ใช่!...กุลนิดาท้องแล้ว...และฉันก็กำลังจะได้เป็นพ่อคน”รพพ์ตอบ ริมฝีปากบางสีแดงสดแย้มยิ้มกับความสำเร็จของตัวเอง จากนี้ไปสิ่งที่เขาต้องเรียนรู้คือ ความรักของพ่อที่มีต่อลูก
-จบ -
ขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่าน เม้นต์ และกดไลท์ให้กันตั้งแต่ต้นจนกระทั่งมาถึงตอนจบ
และสามารถติดตามตอนพิเศษของคุณใหญ่และลูกเจี๊ยบได้ในฉบับรูปเล่มนะคะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 เม.ย. 2556, 21:08:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 เม.ย. 2556, 21:09:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 7155

supayalak 13 เม.ย. 2556, 21:42:43 น.
น่ารักจังเลยค่ะ ทั้งความรักของแม่ที่มีต่อลูก พี่มีกับน้อง สามีกับภรรยา เพื่อนกับเพื่อนและสุดท้ายของคนทีรักกันปรารถนาดีต่อกัน แต่เสียดายที่จบเร็วไปนิดส์นึงอ่ะ
น่ารักจังเลยค่ะ ทั้งความรักของแม่ที่มีต่อลูก พี่มีกับน้อง สามีกับภรรยา เพื่อนกับเพื่อนและสุดท้ายของคนทีรักกันปรารถนาดีต่อกัน แต่เสียดายที่จบเร็วไปนิดส์นึงอ่ะ



HaDeS 13 เม.ย. 2556, 21:48:04 น.
ว้าว จบแล้ว น่ารักมากมาย ขอบคุณ LALA ที่สร้างสรรค์ผลงาน ออกมาให้เราได้ติดตามนะคะ ติดตามต่อไปค่า
ว้าว จบแล้ว น่ารักมากมาย ขอบคุณ LALA ที่สร้างสรรค์ผลงาน ออกมาให้เราได้ติดตามนะคะ ติดตามต่อไปค่า

ปิศาจสัญจร 13 เม.ย. 2556, 21:52:08 น.
น่ารักค่ะ
น่ารักค่ะ

invisible 13 เม.ย. 2556, 22:26:19 น.
คุณใหญ่น่ารักมากเลยค่ะ ^^
คุณใหญ่น่ารักมากเลยค่ะ ^^

Sukhumvit66 13 เม.ย. 2556, 23:06:13 น.
ว้า เหมือนเพิ่งอ่านเมื่อวานนี้เอง จบไวจังเบย
ว้า เหมือนเพิ่งอ่านเมื่อวานนี้เอง จบไวจังเบย

konhin 13 เม.ย. 2556, 23:55:12 น.
กรี๊ดๆๆ น่ารักอ่ะ คุณใหญ่สุดยอดดด
กรี๊ดๆๆ น่ารักอ่ะ คุณใหญ่สุดยอดดด

yellowblob 14 เม.ย. 2556, 00:00:08 น.
See you in book form!
See you in book form!

หมูอ้วน 14 เม.ย. 2556, 00:43:07 น.
น่ารักมาก ๆ ค่ะ
น่ารักมาก ๆ ค่ะ

คิมหันตุ์ 14 เม.ย. 2556, 01:37:18 น.
เดี๋ยวไปรอลุ้นว่า ลูกใครจะเกิดก่อนกันเนาะ...อิอิ
เดี๋ยวไปรอลุ้นว่า ลูกใครจะเกิดก่อนกันเนาะ...อิอิ

sirynth 14 เม.ย. 2556, 07:28:35 น.
thanks ka, everybody is so cute, including the writer & readers. take care.
thanks ka, everybody is so cute, including the writer & readers. take care.


ลิลลี่ 14 เม.ย. 2556, 10:43:43 น.
ฮือๆๆ จบไวไปนิดนึง เสียดาย !!!!!อยากอ่านต่อนานๆๆ
ตกลงลูกใครจะเกิดก่อนกันเนี่ย?!! 5555 ใหญ่รึเล็กที่เป็นฝ่ายผลิตส่งออเดอร์ให้กับลูกค้า(คุณแม่)ก่อนกันเนี่ย มาท้องไล่เลี่ยกัน ************อ่านเรื่องนี้มีความสุขมากค่ะ ความรักของพี่น้องระหว่างทัพพ์และรพพ์เห็นแล้วแบบคือใครจะมาแยกมายุแยงนี่ยากมาก พี่และน้องทั้ง2อาจจะเป็นผู้ชายแต่สัมผัสได้เลยว่าเค้าสองคนรักกัน พี่ดูแลน้องน้องใส่ใจพี่และแคร์กันมาก เป็นความรักที่น่ารักมากยิ่งตอนที่ทัพพ์บ่นไม่สบายแล้วรพพ์เอามือมาแตะหน้าผากโคตรน่ารักเลย
ฮือๆๆ จบไวไปนิดนึง เสียดาย !!!!!อยากอ่านต่อนานๆๆ
ตกลงลูกใครจะเกิดก่อนกันเนี่ย?!! 5555 ใหญ่รึเล็กที่เป็นฝ่ายผลิตส่งออเดอร์ให้กับลูกค้า(คุณแม่)ก่อนกันเนี่ย มาท้องไล่เลี่ยกัน ************อ่านเรื่องนี้มีความสุขมากค่ะ ความรักของพี่น้องระหว่างทัพพ์และรพพ์เห็นแล้วแบบคือใครจะมาแยกมายุแยงนี่ยากมาก พี่และน้องทั้ง2อาจจะเป็นผู้ชายแต่สัมผัสได้เลยว่าเค้าสองคนรักกัน พี่ดูแลน้องน้องใส่ใจพี่และแคร์กันมาก เป็นความรักที่น่ารักมากยิ่งตอนที่ทัพพ์บ่นไม่สบายแล้วรพพ์เอามือมาแตะหน้าผากโคตรน่ารักเลย

whitelotus 14 เม.ย. 2556, 12:57:27 น.
สนุกมากแต่จบไวไปนิด ออกเป็นเล่มเดือนไหนแจ้งข่าวบ้างนะคะ
สนุกมากแต่จบไวไปนิด ออกเป็นเล่มเดือนไหนแจ้งข่าวบ้างนะคะ

nutcha 14 เม.ย. 2556, 14:53:25 น.
สนุกมากค่ะ ขอบคุณไรเตอร์ทีทนำผลงานดี ๆ มาให้อ่าน ออกเป็นรูปเล่มเมื่อไรจะไปสอยมาไว้ในอ้อมกอดค่ะ
สนุกมากค่ะ ขอบคุณไรเตอร์ทีทนำผลงานดี ๆ มาให้อ่าน ออกเป็นรูปเล่มเมื่อไรจะไปสอยมาไว้ในอ้อมกอดค่ะ

goldensun 14 เม.ย. 2556, 17:23:47 น.
ครอบครัวอบอุ่น ขอบคุณค่ะ
ครอบครัวอบอุ่น ขอบคุณค่ะ

หมวยจ้า 14 เม.ย. 2556, 22:07:47 น.
ได้อ่านแค่ตอนหลังๆ สนุกดีค่ะ
ได้อ่านแค่ตอนหลังๆ สนุกดีค่ะ

เด็กหญิงม่อน 16 เม.ย. 2556, 21:32:30 น.
คุณใหญ่เป็นผู้ชายที่น่ารักมากกก กอไก่ล้านตัว อิอิ
รออ่านตอนพิเศษอยู่นะคะ ^^
คุณใหญ่เป็นผู้ชายที่น่ารักมากกก กอไก่ล้านตัว อิอิ
รออ่านตอนพิเศษอยู่นะคะ ^^

saralun 17 เม.ย. 2556, 13:03:31 น.
ไปร้านหนังสือหลายรอบละ...ยังไม่เข้าเลย TT
ไปร้านหนังสือหลายรอบละ...ยังไม่เข้าเลย TT

ผักหวาน 18 เม.ย. 2556, 09:46:25 น.
คุณหญิงเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีจริงๆ ค่ะ
คุณหญิงเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีจริงๆ ค่ะ

จิรารัตน์ 6 พ.ค. 2556, 14:26:38 น.
รอเป็นเล่มจ้าจอย
รอเป็นเล่มจ้าจอย