พิศวาสปรารถนา Sweet Trip in Sevilla
ความรักอันเร่าร้อนในสเปน...ดินแดนแห่งความสนุกสนาน
นตานรีหนีความเจ็บช้ำมาสเปน ก่อนจะได้มาพบสัตว์ร้ายผู้งามสง่า ชายหนุ่มที่จะทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์
เขาคือ ลอเรนโซ ผู้ชายที่มาพร้อมกับเพลิงพิศวาสซึ่งจะแผดเผาเธอจนมอดไหม้!
Tags: เซบียา,ลอเรนโซ,นตานรี,สเปน

ตอน: 1: ราชาตัวร้าย

คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้

1.นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักหวานแหวว--เบาสมองมากกกกกกกกกกกกกกกกกก และไม่ดราม่า ไม่สามารถหาน้ำตาจากเรื่องนี้ได้

2.นิยายติดเรตแค่บางฉากเท่านั้น นะจ๊ะ...ไม่ใช่ทั้งเรื่อง

3.เพื่อให้ลงนิยายได้ต่อเนื่องจนกระทั่ง ตอนๆ หนึ่งที่ลงจะไม่ยาวนักค่ะ

........................................................................

Sweet Trip - 1

เปลือกตาบางกะพริบอยู่สองสามทีก่อนจะลืมขึ้น เพดานที่มองเห็นได้เพราะแสงลางๆ จากภายนอกที่ผ่านผ้าม่านโปร่งเข้ามานั้นทำให้นึกรู้ได้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่โรงแรมเซบียา พาเลซ ประเทศสเปน...

มือซ้ายคว้าหมับเข้าที่หัวเตียงตามความเคยชิน ก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเครื่องดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลา 23:40 นาที หญิงสาวรับรู้ได้ว่านี่ยังไม่ข้ามวันใหม่ และเธอมีเวลานอนอีกอย่างน้อยก็ 6 ชั่วโมงได้หรือจะนอนยาวไปจนถึง 9 โมงเช้าก็ไม่ผิดอะไร

‘นี่มันวันหยุดพักผ่อนของเธอนี่นา...’

อะไรบางอย่างสะกิดเข้าที่หัวใจอย่างแรง จนเธอต้องกัดริมฝีปากล่างและหน้ามุ่ยอัตโนมัติ

‘มันไม่ใช่แค่วันหยุด แต่มันเป็น...’

คิ้วที่กันมาอย่างดีขมวดเข้าหากันฉับพลัน หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนอย่างแรง เธอพลิกตัวนอนตะแคง ความว่างเปล่าของพื้นที่ข้างๆ ทำให้หล่อนเผลอแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา มือกำแน่น

‘ไม่เสียใจ เรื่องแค่นี้เอง ไม่เสียใจหรอก...’

เรือนร่างบอบบางบนเตียงคิงไซส์หนานุ่มพลิกกลับไปอีกด้าน สอดส่ายสายตาไปมองรอบๆ ห้องที่สลัวเลือนราง แต่เพราะไม่มีอะไรน่าสนใจ หญิงสาวจึงปิดตาลง หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาจะเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใส หากทว่าหัวใจของเธอมีตะกอนบางเรื่องลอยขึ้นมาเสียแล้ว ทำให้ทำยังไงก็ไม่อาจหลับได้เสียที เดี๋ยวเธอก็นอนคว่ำ เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นนอนหงายแต่ทำได้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนท่าใหม่จนในที่สุดหญิงสาวถอดใจที่จะนอนต่อ เธอลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มที ก่อนจะลุกออกไปยังห้องน้ำ ในเมื่อเธอนอนไม่ได้ งั้นเธอก็จะไม่นอน ไปฆ่าเวลาด้วยการตระเวนเที่ยวยามราตรีก็ได้ หญิงสาวตรวจเช็กสัมภาระก่อนจะล็อกมันไว้ในตู้เซฟของห้องพัก จากนั้นก็หยิบเอามือถือ,กระเป๋าตังค์และพาสปอร์ตมาพกไว้ เธอสอบถามพนักงานโรงแรมถึงที่เที่ยว ก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกมาจากโรงแรมไป

อากาศยามดึกกำลังเย็นสบายดี และแม้จะเที่ยงคืนแล้วก็ตามแต่ผู้คนก็มีให้เห็นว่ายังเดินผ่านเธอไปอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะส่วนใหญ่มาเป็นคู่หรือไม่ก็เป็นกลุ่ม ทำให้ความเปล่าเปลี่ยวเข้ามาเกาะกุมในหัวใจพร้อมกับเงาความเศร้าที่เธอทิ้งมันไว้ที่เมืองไทย

ที่จริงแล้วเธอควรมีรอยยิ้มที่เบิกบาน ดวงตาสดใสเจิดจ้า เหมือนผู้หญิงที่เดินควงแขนซบไหล่แฟนหนุ่มผ่านหน้าเธอไปเมื่อกี้นี้ ที่จริงแล้ววันนี้ควรเป็นวันมาฮันนีมูนของคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันด้วยซ้ำ...

แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดไว้เลยสักอย่าง

เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เธอยังเป็นผู้หญิงมีความสุขสมกับชื่อ ‘นตานรี’ อยู่เลย ชื่อที่แปลว่าผู้หญิงที่มีความสุข...มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยันตัวเอง มีความสุขเพราะงานแต่งงานงวดเข้ามาทุกขณะ

เจตนิพิฐ แฟนของเธอเป็นคนมีฐานะอยู่บ้าง แม้จะไม่ถึงขั้นรวยอะไร แต่ก็คงบอกได้ว่าพอมีพอกิน เธอคบกับเขามาได้ร่วมสี่ปี จนมั่นใจว่าแฟนหนุ่มเป็นคนดีและคิดที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในสถานะสามีภรรยา

เธอหมั้นกับเขาไปเมื่อเดือนก่อนด้วยพิธีที่จัดง่ายๆ ในญาติสนิทมิตรสหายตามฤกษ์ที่ได้มา ส่วนงานแต่งก็ควรจะจัดขึ้นเมื่อวานซืน ในโรงแรมแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ และวันนี้สมควรจะเป็นวันที่เธอกับสามีเดินทางมาถึงสเปนเพื่อมาฮันนีมูนกัน...ทุกอย่างควรจะเป็นไปตามนี้

ถ้าหากว่าไม่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาเธอที่บ้านแล้วแนะนำตัวว่าชื่อเกตุญาดา เป็นภรรยาพฤตินัยของเจตนิพิฐซึ่งตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว

นตานรีจำได้ว่าตอนนั้นตัวเองตกตะลึงมึนงงเหมือนโดนหมัดฮุกเข้าหน้าเต็มๆ เธอคิดว่ามาตลอดว่า ว่าที่สามีเป็นคนดีมาก เหล้าไม่ดื่ม บุหรี่ไม่สูบ การพนันไม่เล่นและที่สำคัญคือ ตั้งแต่คบกันมาไม่มีปัญหาเรื่องความเจ้าชู้ให้เธอหนักใจแม้สักนิด พอมาวันนี้เธอเลยอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก นตานรีคิดว่าตัวเองควรต้องหนักแน่นเข้าไว้ สุดท้ายก็เลยให้ผู้หญิงคนนี้รออยู่ในห้องรับแขก และเธอก็โทรไปหาให้เจตนิพิฐมาหาเธอที่บ้าน

เขามีปฏิกิริยาทันทีเมื่อเห็นหน้าเกตุญาดา คงคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้เจอกับเกตุญาดาที่นี่ ด้านนตานรีคิดจะแอบหลบมุมฟังทั้งคู่คุยกันแต่ก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่ออกมาพบเจตนิพิฐด้วย หญิงสาวเชื่อว่าเรื่องนี้มีมูล แม้ว่าแฟนของเธอจะปฏิเสธความรับผิดชอบ โมโหฉุนเฉียว กลบเกลื่อนความตกใจ ส่วนเกตุญาดาก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้เสียจนนตานรีคิดว่าตัวเองเป็นนางร้ายที่เข้ามาพรากผัวพรากเมียพรากลูกเขาออกจากกัน

แต่เธอไม่ใช่นางร้ายและเธอก็ไม่ใช่นางเอกด้วย หญิงสาวเองรู้สึกอยากร้องไห้เหมือนกันแต่เห็นอีกฝ่ายฟูมฟายเสียขนาดนั้นแล้ว เธอก็ไม่รู้จะร้องไห้แข่งทำไม เจตพินิฐส่งสายตาอ้อนวอนขอร้องมาให้เธอในขณะที่เขาตวาดอีกฝ่ายให้เงียบเสียงลง นตานรีคิด...สำหรับเธอเหมือนวันนี้เป็นวันโลกแตกเลยทีเดียว

และเธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมานั่งเคลียร์ปัญหารักสามเส้าของเราสามคนแบบที่เป็นอยู่

สุดท้ายวันนั้นเธอขอให้เจตกลับบ้านไปโดยให้ไปส่งเกตุญาดาที่กำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะท้องลูกของเขาตามกล่าวอ้างหรือไม่ แต่เธอก็เป็นคนท้อง เห็นแก่เด็กบริสุทธิ์...ตัวแม่ควรเป็นคนที่ได้รับการดูแล หากเจตไม่ทำ เธอก็จะไปส่งผู้หญิงคนนี้เอง

นตานรีคิดว่าเจตก็คงเป็นพ่อของเด็กคนนี้ แต่ต่อให้เขาไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องเกตุญาดาจริง เธอก็ไม่ต้องการเขาในฐานะสามีอีกต่อไป...แค่การที่เขานอกใจเธอไปนอนกับผู้หญิงอื่น เธอก็รับไม่ได้แล้ว

แต่ก่อนที่เธอจะบอกการตัดสินใจนี้ให้เจตได้รับรู้ เจตก็มาบอกให้เธออย่าเลื่อนงานแต่งออกไป เขาจะตรวจดีเอ็นเอเด็ก และหากเป็นลูกของเขาจริง เขาจะรับเลี้ยงเอาไว้ เอาลูกแต่ไม่เอาแม่ ส่วนเธอจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาคนเดียวเท่านั้น

นตานรีมองหน้าผู้ชายที่เธอเคยคิดจะใช้ชีวิตคู่อยู่กับเขาไปจนแก่เฒ่าอย่างพินิจพิจารณาครู่ใหญ่ แล้วเธอก็พูดกับคู่หมั้นที่กำลังจะกลายเป็นอดีตอย่างช้าๆ และมั่นใจที่สุดว่า เลิกกันเถอะ เธอเหนื่อยใจจนไม่คิดจะอธิบายมากไปกว่านี้อีกแล้ว แต่เจตไม่ยอม เขาขอให้เธอรอ รอเขาเคลียร์ปัญหานี้ก่อน ซึ่งมันจะจบภายในไม่กี่วัน และเราก็ยังเดินหน้าทำพิธีแต่งงานได้ตามเดิม โรงแรมก็เสียเงินจองไปแล้ว แขกเหรื่อก็แจกการ์ดไปจนหมดแล้ว ทุกอย่างสมควรเดินหน้าต่อไป...

เจตพยายามยืนยันว่ารักเธอคนเดียว และนี่เป็นปัญหาที่เราทั้งคู่ต้องฝ่าฟันออกไปให้ได้ เป็นบททดสอบชีวิตคู่ หากเธอถอนตัวโดยทิ้งเขาไปจากตรงนี้ ให้เขาเผชิญหน้าปัญหาเพียงลำพัง เท่ากับว่านตานรีไม่ได้รักเขาจริง ทิ้งเขาไปในยามที่มีปัญหา…

นตานรีแปลกใจมากในตรรกะความคิดของเจตที่มันออกมาในรูปแบบนี้...ถ้ารักกันจริงย่อมต้องรอได้?

ทำไมเธอต้องรอเขาพิสูจน์ตัวตนด้วย? แค่เขาไปมีอะไรกับใครในระหว่างที่คบกับเธออยู่ เธอก็ไม่สามารถให้อภัยเขาได้แล้ว แล้วนี่มันเรื่องเลยเถิดไปถึงขั้นมีลูกด้วยกันอีกต่างหาก เธอควรทำใจยักษ์ใจมารยืนเคียงข้างต่อสู้กับเขางั้นเหรอ? ต่อสู้กับใคร? ภรรยาทางพฤตินัยและลูกที่สืบเชื้อสายของเขางั้นเหรอ?

ปัญหาของนตานรีคือ เจตไม่ซื่อสัตย์ต่อเธอจริง และนั่นก็นำไปสู่หนทางของการเลิกรากัน นตานรีรับไม่ได้ตรงจุดนี้ แต่เจตนิพิฐกลับไม่เข้าใจ เขาคิดว่า ปัญหาอยู่ที่ผู้หญิงหรือไม่ก็เด็กในท้อง เขาสามารถเลือกเด็กและตัดแม่ออกไป เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว

นตานรีคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้รู้เช่นเห็นชาติเขาก่อนที่จะแต่งงานกันไปแล้วกลายเป็นคนอกไหม้ไส้ขมหนักกว่าเดิมอีก หญิงสาวเพียรชี้แจงให้เจตฟังด้วยน้ำเสียงที่พยายามปั้นให้ฟังดูดี ไม่เคืองโกรธกัน ทั้งที่เธอโกรธจนตัวสั่น อยากจะตบหน้าเขาเป็นร้อยครั้งเพื่อให้เธอหายแค้นด้วยประโยคที่เขาบอกให้เธอรอ

นตานรีถามอย่างห้ามใจไม่อยู่ว่า เธอทำผิดอะไร? ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยนอกใจเขาเลยสักครั้ง ในสายตามองแต่ผู้ชายคนนี้ สนใจแต่ผู้ชายคนนี้ แล้วทำไมเขาต้องนอกใจเธอด้วย เจตบอกว่าเขาไม่ผิด เพราะเธอไม่ยอมมีเซ็กส์กับเขา ทำให้บางเวลาเขาต้องไปหาเศษหาเลยบ้าง แต่เขาไม่ได้จริงจังกับใครเท่าเธอ... มันก็เหมือนว่าในยามที่เขามีความต้องการ เขาก็แค่จ่ายเงินไปหาโสเภณีก็เท่านั้น

นตานรีกัดริมฝีปากล่าง เธอจำได้ว่าตอนที่เขาขอคบ เธอก็บอกเขาไปแล้วว่า เธอจะไม่มีอะไรกับเขา การมีอะไรกันก่อนแต่งงานสำหรับเธอมันเป็นสิ่งผิดประเพณี เธออยากจะแต่งงานด้วยความสบายใจที่สุดและไม่อยากพลาดท้องขึ้นมา ตอนนั้นเขาหัวเราะและบอกว่าเขาไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้...เขาสามารถรอเธอได้อยู่แล้ว เขาอยากให้เจ้าสาวของเขาบริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดเหมือนกัน

แต่...แค่สามปีกว่า เขาก็นอกใจเธอเสียแล้ว

และหากว่าเธอแต่งงานกับเขาจริง มิกลายเป็นว่าเธอต้องพบกับวันโลกแตกแบบนี้อีกกี่สิบครั้งกัน จะมีเมียคนที่ห้าหกเจ็ดหรืออันดับที่เท่าไหร่เรียงหน้าเข้ามาทวงสิทธิ์ที่ควรได้รับ?

สุดท้ายของท้ายที่สุดเธอเป็นคนโทรไปยกเลิกงานแต่งงานและแคนเซิลทุกอย่างเสีย ยกเว้นตั๋วฮันนีมูนที่มาที่สเปนแห่งนี้ ซึ่งตอนแรกเธอตั้งใจจะให้เพื่อนไป แต่หลังจากที่ไปบอกกล่าวกับบรรดาเพื่อนๆ ว่ายกเลิกการแต่งงานและเลิกกับเจตแล้ว เธอก็พบสายตาสมเพชเวทนาสงสารเห็นใจหรือแม้กระทั่งแววตาเยาะเย้ยสมน้ำหน้าจากเพื่อนฝูงทั้งสนิทและไม่สนิทมาเป็นระยะๆ จนเธอรู้สึกรำคาญมาก แม้จะบอกไปแล้วว่าเธอไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรเลย แต่ดูเหมือนกับคนรอบตัวจะหาว่าเธอปากแข็ง รั้นและส่งสายตาเห็นใจหนักข้อขึ้นกว่าเก่า

นตานรีคิดอยากจะไปให้ไกลจากคนรอบตัว ปุบปับหญิงสาวก็เลยตรงดิ่งมายังที่นี่...เซบียา เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศสเปน

หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็มาหยุดยังร้านหนึ่งริมถนน ที่หยุดเพราะได้ยินเสียงเพลงสากลเก่าที่คุ้นเคย ท่วงทำนองที่ฟังจนชินและชื่อเพลงที่มีความหมายเสียดแทงใจเธอในตอนนี้ ‘...ความรักอยู่ที่ไหน’

ฮึ...นั่นสิ ความรักมันอยู่ที่ไหนกันนะ?

นตานรีเดินตรงเข้าไปในผับนั้นทันใด บางทีเธออาจจะต้องการแสงสีที่เธอไม่เคยชอบเลย บางทีเธออาจต้องการอยู่ในกลุ่มผู้คนที่พลุกพล่านเพื่อให้ลืมเรื่องราวร้ายๆ ก็เป็นได้

การสั่งแอลกอฮอล์มาดื่มกลับเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะ คนที่นี่ใช้แต่ภาษาสเปนกัน ไม่ค่อยมีใครใช้ภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่ นตานรีได้ทางรอดจากการชี้ไปที่เมนูเท่านั้นเอง ก็พอกล้อมแกล้มรอดไปได้

ไม่นานบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็ชงเหล้ามาให้เธอหนึ่งแก้ว ช่วงเที่ยงคืนกว่าๆ ของที่สเปน เธอรู้สึกว่าคนไม่เยอะเท่าไหร่ เวลาผ่านไปเพลงที่เปิดเริ่มมีจังหวะสนุกสนานเร้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ หนุ่มสาวชาวสเปนก็พากันทยอยเข้ามาในผับแห่งนี้มากขึ้นเช่นกัน ในระหว่างที่เธอมองไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายนั้น ที่ทางเข้าก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาท่ามกลางสาวๆ ที่รายล้อมเขาไม่ต่ำกว่าสี่คน

หนุ่มชาวสเปนผู้มีใบหน้าอันหล่อเหลาและนัยน์ตาสีเขียวเข้มราวกับสีของต้นไม้ในป่าลึก ผมสีดำหยักศกยาวถึงต้นคอ คิ้วของเขาหนาเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากแสนเซ็กซี่นั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ ชวนให้เข้าไปสนิทสนมด้วย ชายหนุ่มไว้หนวดและเคราบางๆ ที่ทำให้ดูเซอร์และทรงเสน่ห์ยิ่งขึ้น เขาตัวสูงโปร่งแต่ไม่ได้ผอมบาง ในขณะเดียวกันมันช่างดูดีไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า มองเผินๆ ก็บ่งบอกได้ว่าเสื้อผ้าเครื่องประดับบนตัวเขาเป็นของแบรนด์เนมทั้งหมด เขาเป็นผู้ชายที่เหมือนกับหลุดออกมาจากโลกเทพนิยายของผู้หญิงชัดๆ

ทุกคนจ้องมองไปที่เขาและเงียบเสียงคุยลง ปล่อยให้เพลงดังคลอเบาๆ ในระหว่างที่เขาก้าวเข้ามา นั่นราวกับการปรากฏตัวของราชา...โลกถูกหยุดลงเพราะเขาคนเดียว

นตานรีรู้สึกว่าตัวเองออกจะเว่อร์ไปเสียหน่อย แต่เธอก็รู้สึกจริงๆ ว่าผู้ชายที่ตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนในร้านไม่ว่าชายหรือหญิงนั้นมีรัศมีบางอย่างที่เจิดจรัส หากเทียบเป็นสัตว์ในป่าก็คงเป็นราชสีห์กระมัง...สัตว์ร้ายผู้งามสง่าท่ามกลางฝูงสัตว์ดาษดื่นอันอ่อนแอและพร้อมจะยอมสยบต่อเขา

มีคนเข้าไปทักชายหนุ่มคนนี้เพิ่มซึ่งนตานรีฟังไม่ออกว่าเขาพูดอะไรกัน แต่ตอนที่เขาเดินผ่านหน้าเธอไปพร้อมกับคนที่รายล้อมรอบกาย นตานรีได้สบดวงตาสีเขียวเข้มนั่นชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเบนหนีไปอย่างไม่เข้าใจตัวเองนัก

หัวใจเธอเต้นดังมากราวกับว่าจะหลุดออกมานอกอกด้วย หญิงสาวคิดว่าตัวเองเสียการควบคุมตัวเองไปชั่วขณะที่สบกับนัยน์ตาคมกริบคู่นั้น เหมือนเขาคือสัตว์ร้ายที่จับจ้องมาและเธอคือเหยื่อตัวเล็กที่ไม่อาจต้านทานพลังอำนาจของเขาได้ก็ไม่ปาน

...แต่เธอก็แค่คิดไปเอง ผู้ชายคนนั้นหายเข้าไปในห้องวีไอพีพร้อมกับกลุ่มคนเสียแล้ว และบรรยากาศในผับก็กลับมาเป็นเหมือนปกติ แม้หญิงสาวจะไม่เข้าใจภาษาสเปนแต่เธอมั่นใจได้ว่าคนในผับกำลังซุบซิบนินทาผู้ชายคนนั้นอยู่

แค่ปรากฏตัวก็คล้ายจะหยุดเวลาเอาไว้ แค่ปรากฏตัวก็เป็นที่รุมล้อมเอาอกเอาใจ…
แม้ว่านตานรีจะนึกทึ่งในตัวชายหนุ่มปริศนาผู้นั้น แต่หญิงสาวก็นึกหมั่นไส้ด้วย โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ เธอยกแก้วขึ้นกระดกเหล้าลงคอไป

...และไม่ว่าชายผู้นั้นจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับเธออยู่แล้วนี่นา

นตานรีฆ่าเวลาไปกับการโยกหัวและใช้เท้าเคาะพื้นไปตามจังหวะดนตรีมันส์ๆ เธอเต้นไม่เป็นและก็ไม่คิดจะเข้าไปเบียดเสียดกับสาวๆ หนุ่มๆ ในพื้นที่น้อยนิดเพื่อโชว์ลีลาเด็ดดวงใดๆ ทั้งสิ้น

“มาเที่ยวคนเดียวหรือครับ” เสียงทักทายภาษาอังกฤษทำให้หญิงสาวอดเหลียวดูที่มาของเสียงไม่ได้

สัตว์ร้ายตัวนั้นนั่นเอง

นตานรีขมวดคิ้วนิดๆ แทบอยากจะขยี้ตาเผื่อมองใหม่แล้วจะพบว่าเธอตาฝาดไป

‘ผู้ชายที่แสนจะโดดเด่นคนนั้นทำไมมานั่งข้างเธอได้?’ หญิงสาวมองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ มองอย่างสนเท่ห์ ไม่ได้ขยับปากพูดคำใด จนชายหนุ่มต้องย้ำถามอีกครั้ง

“มาเที่ยวคนเดียวหรือครับ? สาวน้อย”

นตานรีมองซ้ายมองขวา ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่ง ไม่แน่ใจว่าเขาคุยกับใคร ...กับเธองั้นเหรอ? หญิงสาวคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้มากถึงมากที่สุดที่ชายหนุ่มหน้าตาดีมากที่สุดคนหนึ่งที่เธอเคยเห็นมาในชีวิตจะมาเอ่ยทักผู้หญิงชาวเอเชียหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะกลืนหายไปในฝูงชนง่ายๆ

“ผมพูดกับคุณนั่นแหละ”

“คะ เอ่อ...คำว่าสาวน้อยมันไม่เหมาะกับฉันมานานมากแล้วละค่ะ แล้วก็ตอนนี้ฉันรอเพื่อนอยู่ค่ะ” นตานรีโกหกไป อย่างน้อยก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเข้ามาทักเพราะเหตุใด
ไอ้ครั้นจะบอกว่ามาคนเดียวก็ดูจะไม่สวยนัก คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนี่นา...

“หืม ผมคิดว่าคุณอายุสักยี่สิบต้นๆ ซะอีก”

“นั่นเป็นคำปลอบใจให้หญิงชรางั้นเหรอคะ”

“ถ้าคุณเป็นหญิงชรา ผมก็คงเป็นตาแก่วัยแปดสิบแล้วละครับ ก่อนเพื่อนคุณมา ขอผมนั่งรอเป็นเพื่อนคุณนะครับ” เจ้าตัวส่งยิ้มพรายมาให้พลางทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้บาร์ข้างๆ โดยไม่รอคำอนุญาตจากหญิงสาวสักคำ

‘หือ? เอางี้เลยเหรอ? ฉันยังไม่ได้อนุญาตให้คุณนั่งเลยนะ’ แม้ใจของเธอจะคิดอย่างนี้ แต่ปากก็ว่า

“เชิญสิคะ” นตานรีรู้สึกทันทีว่าเพียงแค่ชายผู้นี้มาอยู่ข้างเธอ ก็คล้ายเขาดูดเอาออกซิเจนไปหมด และทำให้เธออึดอัดกับการตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ส่งสายตาทิ่มแทงมาให้อย่างไม่ปกปิดอะไรเลย

และชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มแพรวพราวชนิดที่นตานรีขัดหูขัดตาก็หันไปสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์แล้วก็กลับมาชวนเธอคุยต่อ

“ผมชื่อลอเรนโซครับ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร มาจากไหนเหรอครับ ใช่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเปล่าครับ” นตานรีคิดว่าคุยแก้เบื่อไปก็ดี หากไม่ทำอะไรเธอก็คงจะดื่มเหล้าหมดไปเป็นขวดแน่ๆ

“ถามเป็นชุดขนาดนี้แล้ว ไม่ถามอายุ อาชีพ งานอดิเรก พ่อแม่เป็นใครไปด้วยเลยล่ะคะ” เธอตอบประชดเพราะตอนนี้เธอมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด คาดว่ามันมีสาเหตุมาจากคนข้างๆ เธอนี่แหละ

“ถ้าคุณจะบอกหมดเลย ผมก็ยินดีรับฟังครับ” ลอเรนโซขยิบตาให้อย่างคนขี้เล่น ซึ่งหญิงสาวรู้สึกว่าเขาน่าคบหาผิดจากตอนที่เดินผ่านหน้าเธอไปอย่างลิบลับ

“ฉันชื่อนตานรี” หญิงสาวหันมามองหน้าคู่สนทนาอีกครั้งก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับขวดเหล้าหลากหลายบนชั้นกระจกหลังเคาน์เตอร์ นั่นทำให้ลอเรนโซไม่พอใจนักเท่าไหร่ที่เธอไม่ให้ความสนใจในตัวเขาเท่าที่ควร แต่เขายังไม่คิดจะกดดันแม่สาวผมยาวไปมากกว่านี้

“นาตาลี?” ลอเรนโซจงใจออกเสียงผิดให้หญิงสาวหันมามองเขาและแก้คำผิดออกมา ซึ่งเป็นอย่างที่คิด นตานรีปรายตามองเขาอย่างไม่สบอารมณ์นิดๆ แล้วก็กล่าวช้าๆ ชัดๆ อีกครั้ง

“นะ-ตา-นะ-รี”

“นาตานารี อืม...ขอผมเรียกว่า นาตาลีละกันนะครับ”

“เอ่อ...โอเค” หญิงสาวขี้เกียจเถียง ก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง จะนาตาลงนาตาลีหรืออะไรก็ตาม มันก็แค่ชื่อเรียกเท่านั้นจะไปซีเรียสกับมันทำไม

“คุณยังไม่บอกผมเลยว่าคุณมาจากที่ไหน”

“ฉันจะตอบก็เมื่อคุณเล่าเรื่องตัวเองให้ฉันฟังเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวแค่ต้องการการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน แม้จะเป็นแค่การถามไถ่ก็ตาม

“โอเค ผมชื่อลอเรนโซ คนสเปนเต็มตัว เกิดที่มาดริด โตและเรียนที่มาดริดและมาปิดเทอมที่เซบียาเป็นประจำ แล้วก็ไปทำงานที่มาดริด...เป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้กลับมาเที่ยวที่เซบียา อายุ 33 ปี ยังโสดครับ” หนุ่มโสดอมยิ้มยามแนะนำตัวอย่างย่อ แต่นตานรีกลับรู้สึกหมั่นไส้ตงิดๆ

“เอ้า เล่นกับคุณด้วยก็ได้ ฉันชื่อนตานรี เป็นคนไทย เกิดและโตที่กรุงเทพฯ ทำงานก็ที่กรุงเทพฯ นี่แหละ ตอนนี้มาเที่ยว อายุ 29 ปีค่ะ”

“โอ๊ะ คนไทยอย่างที่ผมคิดจริงๆ ด้วย แล้วไม่โสดแล้วหรือครับ” นตานรีเลี่ยงคำถามหลังไปโดยให้ความสนใจกับประโยคหน้าแทน

“อะไรคือ...อย่างที่คิด?”

“ผมสนใจประเทศไทยอยู่นิดหน่อยน่ะครับ เคยไปเที่ยวมาด้วยนะ ที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต แล้วก็เชียงใหม่ อีกอย่างที่เกสต์เฮ้าส์ของแม่ผมก็เคยมีแขกคนไทยมาพักอยู่เหมือนกัน”

“หือ บ้านคุณเป็นเกสต์เฮ้าส์งั้นหรือคะ?” หญิงสาวสนใจขึ้นมาทันที ที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่แค่มาเที่ยวเฉยๆ แต่มีเรื่องที่ต้องทำอยู่อย่าง...

“ครับ สนใจมาพักไหม ตอนนี้ถึงจะมีงานเทศกาล แต่ผมหาห้องว่างให้ได้นะ” สัตว์ดุร้ายดูเหมือนจะกลายเป็นแมวหนุ่มตัวโตที่กระตือรือร้นจะชวนสาวน่ารักมาเล่นกันไม่มีผิด

“ไม่ละค่ะ ฉันมีที่พักแล้ว ขอบคุณมากนะคะ”

“แล้วมาเที่ยวที่ไหนมาบ้างหรือยังครับ ผมเป็นไกด์ให้เอาไหม?”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่อยากได้ไกด์...เอ่อ ฉันไม่มีเงินจ้างพอน่ะค่ะ”

“พรุ่งนี้ผมว่าง เลี้ยงข้าวผมมื้อเดียวก็พอแล้วสำหรับค่าไกด์...ไม่สิ วันนี้ต่างหากล่ะ” เจ้าตัวดูนาฬิกาข้อมือแล้วหัวเราะเบาๆ นตานรีเลยเพิ่งสังเกตว่านาฬิกาเขาเป็นของแพงโขอยู่

หญิงสาวส่ายหน้าไปมาจนหางม้าที่ผูกไว้แกว่งไปมา พลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกอึกหนึ่ง ในใจนึกอยู่ว่า เธอควรจะกลับได้รึยังนะ? ในใจอีกด้านกลับแย้งว่า ในเวลาแบบนี้ ที่แบบนี้ เธอควรหาเพื่อนใหม่ซะ ดีกว่ากลับไปแล้วนอนไม่หลับยังห้องที่โรงแรมหรือเปล่า?

“ฉันคิดว่าคุณคุยยากกว่านี้เสียอีก”

“ใครๆ ก็คิดงั้นเวลาเห็นผมเฉย แต่จริงๆ ผมเป็นมิตรมากเลยนะ ใจดี สปอร์ตมากด้วย” เจ้าตัวโอ้อวดสรรพคุณด้วยนัยน์ตาวิบวาวคล้ายกับนายพรานหนุ่มที่กำลังวางกับดักอยู่

‘เสียใจด้วยนะที่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สนใจกับความสปอร์ตของคุณ’

“สปอร์ต? มีรถไหมคะ ถ้าคุณมีรถฉันอาจพิจารณาเป็นพิเศษนะ” นตานรีพูดล้อเล่นกลับไปบ้าง ในเมื่อที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ไม่จำเป็นต้องซีเรียสไปเสียทุกอย่าง พรุ่งนี้..ไม่สิ วันนี้ตอนสายๆ เธอก็จะลืมหมดแล้วว่าพูดอะไรไปบ้าง

“มีรถจักรยานคันหนึ่ง สนใจไหมครับ” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวต้องหันมามองอย่างเต็มตัวอย่างนึกไม่ถึง แล้วหัวเราะออกมา

“หึ พูดมาได้ว่ารถจักรยาน...ถ้าคุณมีจักรยานจริง ฉันจะยอมซ้อนท้ายคุณกลับโรงแรมคืนนี้เลยเอ้า”

“อ๊ะ พูดแล้วนะครับ อย่าลืมที่พูดล่ะ”

“สัญญาค่ะ” นตานรีที่มีใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยกนิ้วก้อยขึ้นทำท่าสัญญา ลอเรนโซไม่รอช้ายกนิ้วขึ้นมาเกี่ยวด้วย แต่ด้วยความที่เทคนิคแพรวพราว เขาฉวยโอกาสนี้ก้มลงจุมพิตที่นิ้วก้อยของหญิงสาวเบาๆ อีกด้วย ส่งผ่านความร้อนของริมฝีปากแผ่ซ่านไปทั่วเรือนร่างบอบบางนั้น นตานรีนิ่งขึง หัวใจของเธอกลับไม่นิ่งด้วย มันเต้นตึกตักจนหญิงสาวนึกด่าในใจที่หวั่นไหวไปกับสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ นี่ทำไม

“ผมประทับตราสัญญาแล้วนะครับ ปรินเซซา” ลมหายใจอุ่นๆ ที่ราดรดอยู่บนปลายนิ้วทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตนถูกน้ำร้อนลวกก็มิปาน เธออยากชักมือออกแต่...เดี๋ยวฝ่ายตรงข้ามจะรู้ว่าเธอกลัว

“ค่ะ ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” นตานรีฝืนยิ้มพลางถือโอกาสชักมือออกมาอย่างแนบเนียน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำ หญิงสาวมองตัวเองในกระจกด้วยความประหลาดใจและเตือนตัวเองว่า เธอไม่สมควรเล่นกับไฟ ผู้ชายคนนั้นอันตราย และเธอควรกลับโรงแรมได้แล้ว... ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์เตือนว่าข้อความเข้า

‘หือ อะไร? เมล์? ตอนนี้เนี่ยนะ’

เธอจะลบทิ้งเพราะคิดว่าเป็นเมล์ขยะ แต่หัวข้อชื่อเป็นชื่ออดีตคู่หมั้น เธอเลยอดคลิกเข้าไปดูไม่ได้ และสิ่งที่เห็นมีฤทธิ์ทำให้เธอมึนงงได้ดียิ่งกว่าเหล้าที่ดื่มลงไปเสียอีก แถมยังให้รสขมขื่นท่วมท้นไปทั้งใจในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา

รูปชายหญิงคู่หนึ่งมีความสัมพันธ์กันอย่างเร่าร้อนบนเตียงจำนวน 10 รูป แม้ว่ารูปจะไม่เผยอวัยเพศอย่างชัดเจนแต่บ่งบอกชัดว่ามันมาจากการทำกิจกรรมอะไร ซึ่งฝ่ายชายคือเจตนิพิฐ ฝ่ายหญิงก็คือเกตุญาดา...

แต่สิ่งที่ทำให้นตานรีจุกที่สุดไม่ใช่รูปการมีอะไรกันของทั้งคู่ แต่เป็นวันที่ในรูป...5 รูปแรกคือเดือนที่แล้วก่อนวันหมั้นหนึ่งวัน ส่วนห้ารูปหลังคือ อดีตฤกษ์วันแต่งงาน นั่นเอง

หญิงสาวเหยียดยิ้ม น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะปาดมันทิ้ง

เขาที่บอกกับเธอว่า ให้คืนดีกัน ...เช้าวันแต่งงานนั่นยังส่งเมล์มายาวเหยียดเพื่อขอให้เธอยกโทษให้แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ เฮอะ ดูเขาทำกับเธอสิ...คนทรยศ! ทุเรศ!

นตานรีกล้ำกลืนความเจ็บปวดที่เอ่อท้นล้นออกมานอกหัวใจ จนเธอรู้สึกมึนๆ ไปหมด

พอกันที! ในเมื่อเขาไม่ได้มีความสำนึกผิดอะไรเลย เธอจะมัวมานั่งเสียใจทำไม? เขามีคนข้างกายได้ เธอก็มีได้และต้องมีดีกว่าเขาด้วย เธอไม่ใช่ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอกเสียหน่อย...แล้วสักวันหนึ่งคุณจะต้องเสียดายฉัน!

วันนี้เธอจะดื่มให้เมาไปข้างแล้วพอตื่นขึ้นมา เธอจะกลายเป็นคนใหม่ที่สลัดความเจ็บทุกอย่างทิ้งไป

หญิงสาวส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วเดินกลับมาที่บาร์พร้อมด้วยสีหน้าที่ออกจะกระด้างไปเสียหน่อยแต่ก็มีรอยยิ้มพิมพ์ใจประดับอยู่ เธอยืนอยู่ข้างเก้าอี้ตัวเก่าแล้วถามลอเรนโซที่นั่งหันข้างมาทางเธอว่า

“ลอเรนโซ วันนี้คุณว่างใช่ไหมคะ?”

“ไง เปลี่ยนใจจะให้ผมเป็นไกด์แล้วเหรอ? นาตาลี”

“เปล่าซะหน่อย ฉันหาเพื่อนดื่มเหล้าต่างหาก...มาดื่มเป็นเพื่อนฉันจนถึงเช้าเถอะค่ะ” เท้าขยับมายืนอิงที่บาร์ แล้วหยิบแก้วเหล้าไว้ ดวงตาคมจับจ้องมองอากัปกิริยาที่แปลกไปของเธออย่างใคร่ครวญ

“ฉลองอะไรหรือไงครับ”

“ฉลองให้กับตัวฉันในตอนเช้าค่ะ” มุมปากเรียวยกยิ้มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แขนเรียวเสลายื่นออกไปหาใบหน้าของชายหนุ่ม ปลายนิ้วไล้กรอบคางไปมา ก่อนที่นตานรีจะตัดสินใจทำเรื่องที่ตัวเธอเมื่อชั่วโมงที่แล้วจะไม่มีวันทำเด็ดขาด

เธอก้มลงจูบเขาเบาๆ ไม่สิ เรียกว่าใช้เรียวปากสัมผัสที่มุมปากของเขาจะเหมาะกว่า เธอแตะลงนิดๆ เผยอริมฝีปากของตัวเองหน่อยๆ และเลื่อนหน้าคล้ายอยากจะสัมผัสที่ริมฝีปากน่าจูบของเขาแต่ไม่ต่อไปมากกว่านั้น เธอผละออกโดยทิ้งกรุ่นไอเสน่หาจางๆ ไว้ที่ร่างของลอเรนโซ เพียงแค่นี้หญิงสาวก็ใจเต้นรัว อุณหภูมิในร่างกายพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ แก้มซับสีเลือดขึ้นมาทันควันกับพฤติกรรมไวไฟของตนเอง

“จูบไม่ได้มีไว้สำหรับคนเจ็บปวดหรอกนะครับ”

“คุณรู้ได้ยังไง?” นตานรีมองเขาอย่างหวาดระแวง

“ก็คุณทำหน้าเหมือนลืมรอยยิ้มมาจากบ้านอย่างงั้นแหละ” คำตอบของเขาทำให้นตานรีนิ่งไป แต่ดวงตานั้นบ่งบอกความประหลาดใจก่อนจะกลายเป็นความขุ่นมัวที่มีคนมารับรู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวดอยู่

มันเจ็บ...เจ็บ...เจ็บ

อยากลืมความเจ็บนี้จะต้องทำอย่างไรนะ

“แล้วคุณสามารถทำให้ฉันยิ้มได้ในตอนเช้าได้หรือเปล่าคะ?” นตานรีมองนัยน์ตาสีเขียวนั้นแล้วเผลอใจถามออกไป

“ลองดูไหมล่ะครับ ปรินเซซา” ชายหนุ่มยื่นไปเกี่ยวเอวอ้อนแอ้นเข้ามาไว้ในวงแขนของเขา นตานรีไม่ขัดขืนเลยสักนิด นั่นอาจมาจากมนตร์สะกดจากดวงตาของเขาก็เป็นได้ หรือไม่ก็เป็นสัญชาตญาณของเธอที่พ่ายแพ้ให้กับเพศผู้ที่งดงามและแข็งแกร่ง

“คุณเรียกฉันว่าอะไรนะคะ” นตานรีเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองชอบน้ำเสียงของเขาทุ้มและนุ่มนวลคล้ายไวน์ชั้นดีที่ถูกเก็บไว้นานนับสิบปีแต่ร้อนแรงในที ทำให้คนมึนเมาได้อย่างง่ายดายหลังจากลองลิ้มชิมรสไปไม่กี่อึก

“ปรินเซซา แปลว่า เจ้าหญิง”

“งั้นคุณจะเป็นเจ้าชายของฉันในคืนนี้อย่างนั้นเหรอคะ?” เธอเอียงคอถามแหย่ไป แก้มนวลเนียนขึ้นสีระเรื่อช่างดูน่ารักในสายตาของชายหนุ่ม ปลายนิ้วที่สากนิดๆ เอื้อมไปลูบไล้ผิวอ่อนนุ่มอันร้อนผะผ่าวของหญิงสาวช้าๆ

“ไม่...ไม่ว่าตอนไหนเมื่อไหร่ผมก็เป็นราชาต่างหากล่ะครับ” ราชาหนุ่มส่งยิ้มร้ายกาจมาให้

“คนเผด็จการ” นตานรีต่อว่าอย่างไม่จริงจังอะไร ตอนนี้เธอมึนๆ อยู่ไม่น้อย
ไม่ว่าจะเป็น สายตา วาจา กลิ่นกายและอ้อมกอดหลวมๆ นี่ ทุกอย่างที่สรรค์สร้างขึ้นมาเป็นชายผู้นี้มันเย้ายวนเกินไปและทำให้เธอหลงใหลได้อย่างง่ายดาย

“แน่นอนที่สุด” เขายักไหล่ให้ ทำเหมือนมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผด็จการ
ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงมาพร้อมกับลมหายใจที่คละเคล้ารสเหล้าร้อนแรง ทำให้หญิงสาวลืมเลือนทุกสิ่งที่คิดไว้ สัมผัสอันนุ่มนวลละมุนละไมล่อหลอกให้เธอเดินตามการชักนำของเขา ริมฝีปากสีชมพูเผยอออก ยอมรับให้ชายหนุ่มเข้าไปค้นหาความหอมหวานที่เธอมี เรียวลิ้นอุ่นกระหวัดรัดพันอีกฝ่าย

มือที่วางไว้บนไหล่ของชายหนุ่มเลื่อนขึ้นไปโอบต้นคอหนาดึงเขาเข้ามาใกล้

“อย่างนี้ต่างหากถึงจะไม่ใช่รอยจูบที่เกิดจากความเจ็บปวด” เสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ขึ้นที่ข้างหูในยามที่ริมฝีปากเขาละเรื่อยมาบริเวณแก้ม

“นี่คุณมอมยาฉันรึเปล่านะ” นตานรีเอ่ยถามด้วยใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบรัว

“ไม่ใช่มอมยา แต่อาจจะเป็นจูบลบคำสาปก็ได้นะ” ปลายจมูกโด่งถูไถไปกับสันจมูกของอีกฝ่าย

“จูบของเจ้าชายไม่ใช่เหรอคะ ถึงจะคลายคำสาปได้”

“จูบของราชาให้ผลที่ดีกว่าแน่นอนครับ”

อา...เธอหลงคารมผู้ชายอันตรายนี่ไปเรียบร้อยแล้ว

*************************
ขอเมนท์ให้ฟ้าด้วยนะคะ ขอบคุณค่า

แหะๆ หลังจากผ่านไปเป็นชาติ (ประมาณครึ่งปีกว่าๆ) ในที่สุดก็เขียนนิยายออกมาได้ครึ่งเรื่องแล้วค่ะ ตอนแรกว่าจะไปแต่งแนวคอมมาดี้ แต่จับพล็อตไปจับพล็อตมา ก็ไม่ก้าวหน้าสักเท่าไหร่

อยากจะลองเขียนงานน่ารักๆ ไม่ดราม่ากับเขาดูสักหน และสุดท้ายก็ปลุกปล้ำจนออกมาเป็นนิยายเรื่องนี้แหละจ้า

ตอนเขียนก็ท่องไว้ว่า ไม่นี๊ดน้ำตา ไม่นี๊ดดราม่า อย่าซาดิสต์ อย่าเลือดตกยางออก อดกลั้นความต้องการส่วนตัวจนออกมาเป็น รักหวานปน(หื่น)บ้างไรบ้าง ตามเทรนด์นิยม (หลังจากเขียนตามใจนิยมมาหลายเรื่องแล้ว)

ถ้าชอบก็เมนท์ให้ฟ้าหน่อยนะคะ
ปล. ใครส่งจดหมายมาทางนี้แล้วฟ้าไม่ได้ตอบกลับ ขออภัยด้วยนะคะ เพราะไม่ได้เข้ามาเช็กเลยอ่ะ



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 เม.ย. 2556, 06:30:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 เม.ย. 2556, 06:51:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2300





   2:แค่คืนเดียว >>
Siang 1 เม.ย. 2556, 08:56:17 น.
รอนิยายเรื่องใหม่ของคุณน้องมานานนนนน ได้อ่านซักที ตอนแรกก็ทำท่าจะร้อนแรงซะแล้ว (ผิดคาดจากเรื่องก่อนๆเลยนะนี่ )


mhengjhy 1 เม.ย. 2556, 18:34:04 น.
หลงด้วยอีกคนค่า


phugan 2 เม.ย. 2556, 07:43:23 น.
สนุกค่ะ...


ลิลลี่ 3 พ.ค. 2556, 21:10:31 น.
หลงราชาเหมือนกัน555


ลิลลี่ 3 พ.ค. 2556, 21:10:52 น.
แต่ดูท่าแล้วราชานี่คงร้ายกาจไม่เบา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account