เล่ห์รักพรหมลิขิต
พรหมลิขิตกำหนดความรัก แต่ความรักของเขาต้องใช้เล่ห์เข้ามาช่วย เพื่อครอบครอบหัวใจเธอ
Tags: พรหมลิขิต

ตอน: ตอนที่ 2 ช่วยเหลือ


เมื่อรถโฟร์วีลสีน้ำเงินแล่นเข้ามาจอดที่ไร่แสงตะวัน แม่เลี้ยงการะเกดก็เดินออกมาจากหน้าบ้านทันที เมื่อเห็นดังนั้น ลูกน้องทั้งสองก็ขอแยกตัวออกไปที่บ้านพัก พ่อเลี้ยงสิงห์จึงเดินเข้ามาพร้อมเสือ เมื่อเห็นภรรยายังยืนอยู่ ก็เอ่ยทัก
“ยังไม่นอนอีกเหรอคุณการะเกด”
“ยังค่ะ..วันนี้กลับมา ได้ยินยายแม้นแม่บ้านบอกว่าคุณไปพบพ่อเลี้ยงราเชนทร์ที่ไร่ภูคำนึง ฉันเป็นห่วง ก็เลยรอคุณกลับมานี่แหละค่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ไปคุยเรื่องที่ดินน่ะ มีคนเอามาขายให้ เป็นที่ดินใกล้ภูเขาแถวห้วยไคร้ ที่สวยดีนะ”
“ที่แถวห้วยไคร้ เกี่ยวอะไรกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์คะ?”
“ก็คนที่ขายให้น่ะสิครับคุณแม่ ดันติดหนี้สินกับพ่อเลี้ยงราเชนทร์ คุณพ่อเลยตัดสินใจเข้าไปคุย เพราะไม่อยากมีปํญหาน่ะครับ” เสือตอบแทน
“ตายจริง..แล้วนี่พ่อเลี้ยงราเชนทร์จะยอมหรือคะ ข่าวออกจะหนาหู เรื่องที่ทางไร่ภูคำนึงจะขยายกิจการไปยังที่ดินผืนนั้น ดีไม่ดีจะโดนเล่นงานเข้าให้ พ่อเลี้ยงราเชนทร์ก็ไม่ค่อยจะชอบทางเราเท่าไหร่”
“เพราะเรื่องนั้นแหละ ผมถึงต้องเข้าไปเจรจาด้วย พูดตามตรง ผมก็ไม่ไว้ใจพ่อเลี้ยงราเชนทร์เท่าไรหรอก แต่ก็ต้องว่าไปตามตรง ว่าขอให้แบ่งครึ่งในการทำธุรกิจในที่ดินผืนนี้กัน” พ่อเลี้ยงสิงห์เล่าให้ฟัง
“แล้วทางนั้น ว่ายังไงบ้างคะ?”
“เราบอกไม่อยากให้ยืดเยื้อ เลยให้เวลาตัดสินใจสามวัน ทางเขาก็ตกลงตามนั้น”
แม่เลี้ยงการะเกดเห็นผู้เป็นสามีทำหน้าไม่ค่อยสบายใจ เลยไม่พูดอะไรต่อ แต่ในใจนึกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในการขยายธุรกิจไปยังที่ดินผืนนี้เสียแล้ว

ในเวลาช่วงสายของวัน วารินทร์ รู้สึกมีความสุขกับการถีบจักรยานสีชมพูคันโปรด ไปยังเส้นทางของถนนภายในไร่ภูคำนึง มองดูทัศนียภาพของไร่ข้างทางที่สวยงาม โดยเฉพาะต้นทิวลิปสีเหลืองที่กำลังบานเต็มที่ รับกับอากาศสดชื่น มีคนงานประมาณสิบคน กำลังใช้กรรไกรตัดดอกลิลลี่และดอกทิวลิปเข้ากระบุงสานที่สะพายไว้ด้านหลังเพื่อจะนำไปรวบรวมส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง และแปรรูปเป็นของที่ระลึกส่งออก วารินทร์ชอบบรรยากาศที่นี่ แต่พอนึกถึงวันที่พ่อเลี้ยงสิงห์เข้ามาคุยเรื่องที่ดินกับบิดา วารินทร์ก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆนั้น
‘ทำไมคุณพ่อกับพ่อเลี้ยงสิงห์ถึงอยากได้ที่ดินผืนนั้นนะ ที่ดินมีตั้งเยอะตั้งแยะ’ วารินทร์ใช้ความคิด ‘หรือว่าที่ดินผืนนั้นมีอะไรดีที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ถึงทำให้พ่อเลี้ยงสิงห์มาคุยกับคุณพ่อด้วยตัวเอง’
‘ที่สวยงั้นเหรอ..จะสวยขนาดไหนนะ...ดีล่ะ!..เราลองแอบไปดูสักหน่อยดีกว่า’ เมื่อคิดดังนั้น เด็กสาวจึงรีบถีบจักรยานสีชมพูคันโปรด ทะยานไปข้างหน้าทันที
เด็กสาวผ่านเส้นทางของต้นนางพญาเสือโคร่ง ทะลุผ่านมาหน้าป้ายที่เขียนว่า ‘ไร่ภูคำนึง’ ก่อนพึมพำเบาๆ “ถ้าจำไม่ผิด ทางไปที่ดินแถวห้วยไคร้ ต้องไปทางขวาสินะ ถ้าผ่านทางนี้ก็ต้องผ่านไร่แสงตะวันก่อน”
ราวินทร์ปั่นจักรยานเรียบกับถนนสีแดงลูกรัง ซึ่งเป็นถนนตัดผ่านระหว่างสองไร่ คือไร่แสงตะวัน และไร่ภูคำนึง โดยไร่ทั้งสองห่างกันเพียงห้ากิโลเมตร โดยมีสระบัวขนาดใหญ่คั่นกลางระหว่างไร่สองไร่นี้
วารินทร์ถีบจักรยานไปช้าๆ เพื่อจะมองทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย จึงเห็นดอกบัวสีขาวสลับสีชมพูขนาดใหญ่หลายดอก กำลังออกดอกชูช่อโผล่พ้นน้ำ มีแมลงเล็กๆหลายชนิดบินไปมา รวมทั้งนกกระยางหลายตัวที่กำลังหากินอยู่ในสระ ทำให้สระบัวดูชีวิตชีวา และน่าประทับใจ
“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!มีคนตกน้ำค่ะ!”
วารินทร์ชะงัก ได้ยินเสียงเหมือนเด็กผู้หญิงตะโกนเรียกให้คนช่วย หันซ้ายขวาเพื่อค้นหาต้นเสียง เมื่อคาดว่าอยู่ไม่ไกลแถวๆนี้จึงรีบถีบจักรยานไปยังที่หมายทันที
“ช่วยด้วยค่ะ!ช่วยด้วย!” ภาพที่วารินทร์เห็นคือมีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ปี คนหนึ่ง ตะโกนร้องเสียงดังให้คนแถวนั้นช่วย โดยจับที่ด้ามปลายไม้ยาวประมาณสามเมตร คอยยึดเพื่อนที่ตกอยู่ในสระบัวอีกด้านไว้อยู่ เด็กผู้หญิงที่ตกอยู่ในสระร้องไห้ด้วยความเสียขวัญ
“น้อง! อดทนก่อนนะ” วารินทร์ตะโกนพลางผลักจักรยานที่ยังไม่จอดสนิทดี วิ่งเข้าไปที่สระบัว และกระโดดลงไป
“ตู้ม!” น้ำแผ่กระจายเป็นวงกว้าง วารินทร์เคยเรียนว่ายน้ำตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม จึงรีบว่ายน้ำไปที่เด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความมั่นใจ ไม่นานก็เข้าถึงตัว
“น้อง! จับไหล่พี่ไว้นะ!” เด็กผู้หญิงค่อยๆผละมือออกจากไม้ มาเกาะที่ไหล่วารินทร์ โดยวารินทร์พยายามว่ายลอยตัวเข้าหาฝั่ง
“ตรงไหนๆ! คนตกน้ำอยู่ตรงไหน?” เสียงชาวบ้านร้องตะโกนมาแต่ไกล โดยมีเด็กผู้หญิงอีกคนวิ่งนำหน้ามา คาดว่าน่าจะเป็นกับเพื่อนเด็กผู้หญิงสองคนนี้ เสียงชาวบ้านทำให้วารินทร์มองไปยังกลุ่มคนนั้น
“นายเสือ!” วารินทร์อุทานด้วยความตกใจที่เห็นเสือวิ่งมาพร้อมชาวบ้านและคนงานในไร่จำนวนหนึ่ง และกำลังวิ่งใกล้เข้ามาที่ฝั่ง
“นั่นไงๆ! มีคนมาช่วยแล้ว!” ชาวบ้านคนหนึ่งร้องเมื่อเห็นวารินทร์และเด็กผู้หญิงกำลังจะว่ายเข้ามาที่ฝั่ง
ทั้งหมดจึงรีบวิ่งมายืนตรงที่เด็กผู้หญิงที่ตะโกนร้องเมื่อครู่กันแน่น
“ส่งมือมาๆ จับไว้ๆ” เสียงชาวบ้านร้องกันเซ็งแซ่
“มาๆ อีหนูๆ ขวัญเอ้ยขวัญมา..”ชาวบ้านช่วยกันยื่นมือมาดึงตัวเด็กผู้หญิงที่ตกน้ำขึ้นไป วารินทร์พยายามพยุงเด็กผู้หญิงขึ้นด้วย
เมื่อเด็กผู้หญิงขึ้นไปแล้ว วารินทร์จึงจะยืดตัว แต่เมื่อก้มลงมองตัวเอง ฉับพลันก็ลงไปที่น้ำตามเดิมทันที
‘ตายแล้ว..นี่ฉันใส่เสื้อสีขาวบางยังงี้ได้ยังไง?’ วารินทร์หันหลัง คิ้วขมวด
เสือและชาวบ้านจึงหันไปมองวารินทร์ที่ยังไม่ขึ้นฝั่ง ก็ตื่นตกใจ
“เฮ้ย! นังหนู! ทำไมไม่ขึ้นฝั่ง?”
“เป็นตะคริวรึเปล่า? ทำไมลงไปยังงั้นน่ะ?”
“เอ้า!ช่วยกันเร็วๆ!” ใครบางคนตะโกนออกมาจากกลุ่ม ชาวบ้านตกใจ ร้องตะโกนไม่ได้ศัพท์ เสือเห็นท่าไม่ดี จึงรีบกระโดดลงไปทันที
“ตู้ม!!”
“ว้าย!” วารินทร์ตกใจ น้ำแผ่กระจายเป็นวงกว้าง กระเด็นเข้าหน้าโครมใหญ่ ทำให้ต้องหลับตาหันไปอีกทาง
ทันใดนั้น มือของเสือข้างหนึ่งคว้าเอวเล็ก บอบบางทันที
“พี่เสือ!” วารินทร์ตกใจ เสือไม่ได้ยินและพยายามดันตัวให้ไปทางฝั่งชาวบ้าน วารินทร์พยายามแกะมือออก แต่ไม่เป็นผล จึงหันหน้ามาทางเสือทันที
“พี่เสือ! ปล่อยก่อน!”
เสือมองหน้าวารินทร์ด้วยความตกตะลึง
“น้องรินทร์!”
“อย่ามองนะ!”
วารินทร์กลัวเสือจะมองลงต่ำ จึงรีบยื่นมือโอบรอบคอเสือไว้ และเอาหน้าซบที่ไหล่ เสือยืนอึ้ง
วินาทีนี้เหมือนเวลาจะหยุดหมุน เสือไม่แน่ใจว่าได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง หรือของเด็กผู้หญิงตรงหน้าเต้นแรงกันแน่ มันเหมือนเสียงหัวใจใครบางคนกำลังจะกระเด็นออกมาจากร่าง ฉับพลันเสือได้กลิ่นหอมละมุนจากเส้นผมและเรือนกายอ่อนๆของคนตรงหน้า ทำให้รู้สึกวูบวาบขึ้นมาทันที
“หนูขอโทษนะ หนูใส่เสื้อบางมาก ไม่กล้าขึ้นค่ะ” วารินทร์กระซิบ รู้สึกตัวเองหน้าแดง ใจสั่น อายชาวบ้าน
เสือเกือบหัวเราะออกมา จึงได้แต่อมยิ้ม รู้สึกเอ็นดูเด็กสาวขึ้นมาทันที
“น้าชุน..น้าชุนครับ ช่วยหยิบผ้าผืนใหญ่ๆแถวนั้นให้ผืนสิครับ” เสือเรียกลูกน้องของบิดา ถึงจะถือเป็นลูกน้องของบิดา แต่เมื่อมีอายุมากกว่า เสือจึงมักพูดด้วยความสุภาพเสมอ
“ได้ครับนายเสือ” ผ่านไปชั่วอึดใจ ชุนก็หยิบผ้าขนหนูยื่นมาให้เสือ เสือจึงเอามาคลุมให้วารินทร์ และช่วยผลักวารินทร์ขึ้นฝั่ง โดยที่ชาวบ้านช่วยกันยื่นมือมาจับไว้
“ขอบคุณพี่มากนะคะ” เด็กผู้หญิงทั้งสามคนยกมือไหว้วารินทร์
“ไม่เป็นไรจ๊ะ วันหลังระวังด้วยละกัน” วารินทร์ยิ้มรับ เสือลอบยิ้มให้หญิงสาว และนึกชื่นชมในใจ
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ชาวบ้านกับเด็กทยอยออกไป เสือที่มองวารินทร์อยู่แล้วจึงเอ่ยถาม
“น้องรินทร์ จะกลับยังไง ตัวเปียกออกยังนี้”
“หนูเอาจักรยานมาค่ะ จอดอยู่ตรงนั้นค่ะ” วารินทร์ชี้ไปที่จักรยานสีชมพูที่ล้มไปกองอยู่ไม่ไกล
“พี่ว่า พี่ส่งดีไหม?” เสืออาสา
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไร่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ขอบคุณนะคะ” วารินทร์ยิ้ม ก่อนพูดต่อ
“หนูว่าหนูคงต้องขอยืมผ้าผืนนี้ก่อนนะคะ ไว้ครั้งหน้าจะเอามาคืนให้ หนูกลับก่อนนะคะ”วารินทร์ยกมือไหว้
“ให้พี่ไปส่งดีกว่า กว่าจะไปถึงไร่ เป็นหวัดกันพอดี”
“พี่เสือ!” วารินทร์ร้องได้แค่นั้น เสือกลับคว้ามือวารินทร์เดินออกไป พลางเรียกลูกน้องของบิดา
“น้าชุน..ช่วยเอาจักรยานคันนั้นขึ้นรถกระบะให้ด้วยนะครับ”
“นายเสือจะไปส่งคุณหนูเหรอครับ? ให้ผมไปดีกว่าไหม?”
“ไม่เป็นไร แค่ปากทางเข้า คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
เสือตอบ พร้อมจูงมือวารินทร์ตรงไปยังรถกระบะที่จอดอยู่
“พี่เสือ ไม่น่าลำบากไปส่งเลยนะคะ” วารินทร์พูดเมื่อมาถึงที่รถ
“เล็กน้อยน่ะ เทียบไม่ได้การช่วยคนอื่นของน้องวารินทร์หรอก” เสือยิ้มให้ ทำให้วารินทร์ต้องยิ้มตอบ แต่รู้สึกเขินอายกับคำชม

รถกระบะสีบอร์นเงินเคลื่อนออกมาตามเส้นทางถนนลูกรังสีแดง เพื่อย้อนกลับเส้นทางที่วารินทร์ถีบจักรยานผ่านมาเมื่อสักพักใหญ่ เสือค่อยๆขับรถอย่างช้าๆ เนื่องจากถนนยังคงมีแต่ฝุ่นสีแดงลอยฟุ้ง หากเมื่อใดก็ตามที่มีรถเคลื่อนตัวผ่านเข้ามา เสือจะขับด้วยความระมัดระวัง เพราะมีจักรยานสีชมพูอยู่ด้านท้ายกระบะอีกคัน
“รู้ไหมครับ? พี่แปลกใจมากเลยเห็นน้องรินทร์ ปกติน้องรินทร์จะต้องมีคนคอยติดตาม คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา พอพี่เห็นว่าคนที่ช่วยเด็กคนนั้นคือน้องรินทร์ พี่ตกใจเลยนะ” เสือหันมาพูดกับคนข้างๆ
“หรือน้องรินทร์คิดที่จะแอบหนีไปไหนหรือเปล่า? ถึงได้มาไกลเพียงคนเดียวแบบนี้?” วารินทร์สะดุ้ง ไม่คิดว่าเสือจะเดาถูก
“โอ๊ย! ไม่หรอกค่ะ ปรกติหนูก็ปั่นจักรยานเที่ยวเล่นแถวๆนี้อยู่แล้ว พอดี ได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย ก็เลยอาจจะมาไกลไปหน่อย”
เพราะกลัวว่าเสือจะจับได้ วารินทร์เลยต้องทำเสียงสูงกลบเกลื่อน กลัวเสือจะรู้ว่าคิดจะแอบไปดูที่ดินผืนสวยที่บิดาของทั้งสองหมายตากันไว้ จึงแสร้งเปลี่ยนเรื่องทันที
“วันนั้นพ่อเลี้ยงสิงห์บอกว่าพี่เสือยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพ ตอนนี้ปิดเทอมอยู่ใช่ไหมคะ?”
“ครับ..อีกสองเดือน ก็ต้องกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพแล้ว แล้วน้องรินทร์ล่ะ คิดจะเรียนต่อที่ไหน?”
“หนูก็อยากเรียนเกษตร เหมือนกับพี่เสือนะคะ แต่ไม่รู้จะสอบได้หรือเปล่า นี่ก็รอผลประมาณกลางเดือนนี้อยู่ ถ้าไม่ได้ก็คงจะต้องไปเรียนและอยู่กับคุณแม่ที่อังกฤษจนกว่าจะเรียนจบน่ะค่ะ”
“คุณแม่...ใช่คุณนายหญิงที่เขาเรียกกันใช่ไหม? ไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ..เขามักเรียกกันอย่างนั้น แต่คุณแม่หย่ากับคุณพ่อแล้วค่ะ หย่ากันเมื่อรินทร์อายุได้ห้าขวบ คุณแม่มีร้านอาหารไทยอยู่ที่นั่นค่ะ และก็ทำการตลาดไม้ประดับ ให้กับคุณพ่อที่นั่นด้วย แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีใครนะคะ เหมือนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว รินทร์กับพี่สาข์ก็มักจะไปเยี่ยมกันทุกปี เราโทรคุยกันทุกวันค่ะ คุณแม่ก็อยากให้ไปอยู่ที่นั่น แต่คุณพ่อไม่ยอม บอกว่าคุณแม่ยุ่ง เดี๋ยวจะไม่มีเวลาดูแลลูก ก็จริงของคุณพ่อนะคะ ไปทีไร คุณแม่ก็ยุ่งทุกที วันๆไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แถมยังต้องช่วยคุณแม่ทำงานด้วย” วารินทร์ยิ้มออกมาทันทีเมื่อคิดถึงวันที่อยู่ที่อังกฤษ
“แล้วน้องรินทร์ทำอะไรบ้างครับ”
“ก็มีเสิร์ฟอาหาร ล้างจาน บางทีก็เป็นลูกมือให้เชฟน่ะสิคะ สนุกดีนะคะ ได้ความรู้เกี่ยวกับการทำอาหารเยอะแยะเลย”
“พี่ว่า น้องรินทร์คงจะทำอาหารเก่ง”
“ไม่เลยค่ะ เขาเรียกว่า พอทานได้ค่ะ แต่เก่งนี่ไม่ใช่แล้วล่ะ” ทั้งสองยิ้มให้กัน
“นี่ถ้าสอบไม่ได้ น้องรินทร์ก็คงไปอยู่อังกฤษนานเลยสิครับ” เสือหันมองวารินทร์ รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา ทั้งที่เพิ่งได้พูดคุยกันได้ไม่นาน
“คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ”
“พี่ขอให้น้องรินทร์สอบได้นะครับ สอบให้ได้ เพื่อคนที่อยู่ที่นี่จะได้ดีใจ” เสือมองตาวารินทร์
“ขอบคุณมากค่ะ” วารินทร์ยิ้ม
เมื่อเสือขับมาถึงป้ายทางเข้าไร่ภูคำนึง ก็หยุดรถ
“ขอบคุณนะคะ ที่มาส่ง ระวังเป็นหวัดด้วยนะคะ รินทร์ไปก่อนนะคะ” วารินทร์ยกมือไหว้ ก่อนจะหันไปที่ประตู
“เดี๋ยวก่อนครับ..พี่ว่า...พี่เข้าไปส่งน้องรินทร์ข้างในดีกว่านะ พี่กลัวว่าหากมีใครมาเจอเราอยู่ตรงป้ายทางออกนี้ เขาจะคิดไปต่างๆนานา เดี๋ยวน้องรินทร์จะเสียหายนะ ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คนกันเองทั้งนั้น ยิ่งเข้าไปส่ง จะยิ่งคิดกันมากกว่านะคะ”
ยังพูดไม่ทันจบ เสือกลับเร่งเครื่อง เคลื่อนรถเข้าไปตามถนนทันที ก่อนหันมาบอก
“ไปเถอะ เคยได้ยินไหม เข้าตามตรอก ออกตามประตู ผู้ใหญ่จะได้ไม่ว่าไงครับ”
วารินทร์อึ้ง ทั้งที่รู้ว่าทั้งสองไร่มีปัญหากันอยู่ และดูเหมือนบิดาของเธอไม่ค่อยจะชอบคนของไร่แสงตะวันเท่าไหร่ แต่เสือก็ยังจะเข้าไป โดยไม่นึกหวั่นเกรงใดๆเลย

จบตอนที่ 2



ไอยสวรรค์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 เม.ย. 2556, 23:25:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 เม.ย. 2556, 20:23:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 966





<< ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้น    ตอนที่ 3 เกิดเหตุ >>
แอพพลายด์ 2 เม.ย. 2556, 22:37:34 น.
เป็นกำลังใจให้ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account