พิศวาสปรารถนา Sweet Trip in Sevilla
ความรักอันเร่าร้อนในสเปน...ดินแดนแห่งความสนุกสนาน
นตานรีหนีความเจ็บช้ำมาสเปน ก่อนจะได้มาพบสัตว์ร้ายผู้งามสง่า ชายหนุ่มที่จะทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์
เขาคือ ลอเรนโซ ผู้ชายที่มาพร้อมกับเพลิงพิศวาสซึ่งจะแผดเผาเธอจนมอดไหม้!
Tags: เซบียา,ลอเรนโซ,นตานรี,สเปน

ตอน: 3:จุดประสงค์หลัก

คำเตือนก่อนอ่านนิยายเรื่องนี้

1.นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักหวานแหวว--เบาสมองมากกกกกกกกกกกกกกกกกก และไม่ดราม่า ไม่สามารถหาน้ำตาจากเรื่องนี้ได้

2.นิยายติดเรตแค่บางฉากเท่านั้น นะจ๊ะ...ไม่ใช่ทั้งเรื่อง

3.เพื่อให้ลงนิยายได้ต่อเนื่องจนกระทั่ง ตอนๆ หนึ่งที่ลงจะไม่ยาวนักค่ะ (ลงวันจ-ศ) เสาร์อาทิตย์+วันนักขัตฤกา์ ไม่ลงนะคะ

.......................................................

หญิงสาวรีบเผ่นจาก ‘สถานที่เกิดเหตุ’ กลับมายังห้องพักของตน แต่กระนั้นก็ยังมีความยุ่งยากบางประการตามมา อันเป็นผลจากการกระทำอันขาดการยับยั้งชั่งใจ นตานรีจำต้องเดินเข้าร้านขายยาของที่นี่เพื่อหาซื้อยาคุม เธอว้าวุ่นอยู่เป็นนานกว่าจะสื่อสารให้เจ้าของร้านชาวสเปนเข้าใจได้ว่า เธอมาหาซื้อ ‘ยาคุม’

นั่นเป็นเพราะเมื่อคืนมันค่อนข้างจะมืดไปสักหน่อยและเธอก็เขินอายเกินกว่าจะจ้องเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบนั่นนานๆ เธอจึงไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ดังนั้นถ้าชายหนุ่มไม่ได้ป้องกันไว้ การที่เธอหายาคุมมากินไว้ก่อนน่าจะช่วยให้ความมั่นใจในระดับนึงว่า เธอจะไม่ท้องให้เรื่องน่าอายนี้แดงออกมา

แต่ว่า...ถ้าเกิดพลาดจริงๆ นตานรีกลับรู้สึกว่าเลี้ยงเด็กที่เกิดจากผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร พ่อพันธุ์หล่อซะขนาดนั้น ลูกเธอไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงต้องออกมาหน้าตาดีแน่ๆ

...อีกอย่างในเมื่อเธอเป็นม่ายขันหมากไปแล้ว จะท้องไม่มีพ่อก็ไม่ทำให้เธอช็อกมากไปกว่านี้หรอก ที่สำคัญเป็นซิงเกิ้ลมอม ก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรในสมัยนี้ด้วย ผู้ชายห่วยๆ จะเอามาทำยาอะไรได้

เธอคิดในใจอย่างขำขัน และปัดเรื่องวุ่นอย่างจะท้องไม่ท้องออกไป ดูภายนอกเธออาจดูเป็นคนเงียบขรึมและจริงจังกับชีวิต แต่เอาเข้าจริงๆ นตานรีแทบจะไม่ยอมเครียดเกินสองวัน มีปัญหาเข้ามา เธอก็จะพยายามแก้...ถ้าแก้ไม่ได้เธอก็จะปล่อยเลยตามเลย แต่ก็ยกเว้นกรณีเจตนิพิฐที่ทำให้เธอช้ำใจน้ำตาตกในไปหลายวัน

อย่างเรื่องคราวนี้ ในเมื่อเธอพลาดไปแล้ว เรียกวันเวลาที่ทำผิดไปคืนมาไม่ได้ ก็มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น และเป็นเรื่องน่าแปลกที่นตานรีทำใจได้อย่างรวดเร็ว
เธอกลับมานอนพักในโรงแรมต่อมา

ตกบ่ายแก่ๆ หญิงสาวก็ตื่นมาคว้าแผนที่และไกด์บุ๊กที่เอาติดตัวมาด้วยเพื่อดูว่าโปรแกรมวันนี้จะไปไหนบ้าง อันที่จริงมันต้องเริ่มตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เพราะว่าเธอกลับมาหลับต่อ ดังนั้นเลยต้องเปลี่ยนใหม่ให้เข้ากับเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากนักในวันนี้ ยังไงพรุ่งนี้ก็ยังเหลืออีกวันให้เที่ยวต่อ

นตานรีกำลังตามหาคนๆ หนึ่งจากที่อยู่บนจดหมายที่เขียนว่า Rosa del azul เธอพบว่ามันเป็นชื่อเกสต์เฮ้าส์แห่งหนึ่งในย่านเมืองเก่าของเซบียา คนที่เธอตามหาชื่อ มารีอา ซานเชส มาร์ติน

มารีอาคนนี้เมื่อ 37 ปีก่อนเคยส่งจดหมายผ่านทางโบสถ์คาทอลิกมายังโรงเรียนคริสต์ที่แม่เธอเรียนอยู่เพื่อหาเพื่อนทางจดหมาย ประจวบเหมาะกับแม่เธอตอนนั้นอายุเพียง 14 ปีเท่านั้นเนื่องจากต้องการฝึกฝนภาษาอังกฤษและอยากได้เพื่อนทางจดหมายอยู่เหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้ติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 3 ปี ก่อนจะขาดการติดต่อกันไป มันเป็นเรื่องที่นานมาแล้ว แม่เธอก็เคยพูดถึงอยู่บ้าง ตอนนั้นนตานรีเห็นว่าไหนๆ ตัวเองก็จะมาฮันนีมูนที่สเปนกับว่าที่สามีอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสนี้ไปตามที่ๆ แจ้งไว้ในจดหมายเสียเลย

ถ้าได้เจอก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าไม่เจอก็ถือว่าเธอมาเดินเล่นในเมืองเซบียาแห่งนี้ก็แล้วกัน

โดยส่วนตัวหญิงสาวไม่คาดว่าจะเจอมารีอาอยู่แล้ว เธอก็แค่จะออกเดินย่อยปาเอยา จานใหญ่ที่เพิ่งกินเข้าไปเมื่อกี้เท่านั้น อย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองที่มีความเป็นมามากกว่าสองพันปี จึงเป็นแหล่งหลอมรวมอารยธรรมมากมายเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลามที่ก่อให้เกิดตึกรามบ้านช่องหรือสวนสวยสไตล์แขกมัวร์ หรือจะเป็นศาสนาคริสต์กับศิลปะเรอเนสซองซ์กับบาร็อค ทำให้เซบียามีอาคารบ้านเรือนในรูปทรงที่หลากหลายจากสถาปัตยกรรมอันแตกต่าง มีตรอกซอกซอยที่สวยงาม ถนนหนทางก็นับว่าสะอาดสะอ้าน คุ้มค่าในการเดินสำรวจ

และตอนเย็นๆ เธอจะเดินไปปาร์เก มาเรีย ลุยซา ต่อเพื่อเข้าไปดูปลาซา เด เอสปันญา จัตุรัสโค้งครึ่งวงกลมอันสวยงามซึ่งใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง STAR WARS ภาค 2 Attack of the clones เป็นฉากที่แพดเม่กับอนาคินกำลังคุยกันระหว่างเดินไปตามระเบียงโค้งนี่

นตานรีไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็ได้ดูบ้าง สำหรับผู้หญิงอย่างเธอแล้วเนื้อหาการต่อสู้ในเรื่องไม่ใช่สิ่งที่เธอจดจำสักเท่าไหร่ ที่เธอจำเป็นส่วนโรแมนติกของเนื้อเรื่องเท่านั้น เรื่องราวความรักของตัวเอก

...ความรักของอนาคินที่มีต่อแพดเม่เป็นสิ่งที่น่าหลงใหลมาก

นตานรีอยากได้คนที่จะรักเธอไปจนตาย และแม้ตายไปแล้ววิญญาณก็ยังคงรักเราตราบชั่วนิรันดร์ เหมือนอย่างที่อนาคินยอมทำทุกอย่างเพื่อแพดเม่ ผู้หญิงที่เขารัก ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพียงเพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างราชินีของเขา

‘ถ้าได้ผู้ชายอย่างอนาคินมาแต่งงานด้วยก็ดีหรอก’ เธอคิดเล่นๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงความเป็นจริง...

นิยายชวนฝันจบลงแล้ว และชีวิตเธอคงจะไม่ได้เจอผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวไปชั่วชีวิตแหงๆ

ในหัวสมองไพล่คิดไปถึงหนุ่มหล่อสุดเซ็กซี่เมื่อคืนเข้าจนได้ จนหญิงสาวต้องโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน ไล่ใครบางคนออกไปจากในหัวโดยไว แต่พอคิดว่าคนๆ นั้นหน้าตาดีแค่ไหน นิสัยเด็กๆ ในตัวเธอก็แอบคิดไม่ได้ว่า ตัวเธอได้ผู้ชายที่เพอร์เฟ็กต์กว่าเจตนิพิฐมาก ในขณะที่แฟนเก่าเธอได้ผู้หญิงหน้าตางั้นๆ อย่างมากก็หน้าตาพอดูได้เท่ากันกับเธอ หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสะใจนิดๆ อยู่เหมือนกัน

นตานรีตำหนิตัวเองว่าเธอไม่ควรมีความคิดแบบนี้ นี่มันเป็นเรื่องของคนที่อยากเอาชนะชัดๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควร และเธอควรเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ ไม่เอาชีวิตตัวเองมาเล่นกับอารมณ์แบบเด็กๆ นี่

นตานรีเพิ่งได้คิดว่า ในเมื่อมาเที่ยวแล้ว ยังจะเอาเรื่องเซ็งๆ มาคิดให้รกหัวทำไม? เมื่อวานเธอเดินในเมืองอย่างไร้อารมณ์จะชื่นชมความงาม นั่นออกจะเป็นการไม่เคารพเงินในกระเป๋าที่นานๆ ควักออกมาเพื่อมาเที่ยวต่างแดนเกินไป

ช่างหัว เจตนิพิฐปะไร!

เห็นผู้หญิงหน้าด้านที่กล้าส่งรูปตัวเองนอนกับผู้ชายมาให้เธอดูดีกว่าก็ช่างปะไร!
ไม่มีเขาเธอก็ไม่ตายหรอก...

นตานรีแวะซื้อน้ำส้มคั้นข้างทางก่อนจะออกเดินมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปไปตลอดเลยก็เรียกว่าได้ หญิงสาวรู้สึกได้ว่า แม้แต่ก้อนอิฐเก่าๆ ของที่นี่ก็อาจจะอายุมากกว่าเธอแล้วมันก็อาจผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานเกินกว่าที่เธอจะคาดคิดได้ กระทั่งเดินอยู่ในตรอกเล็กๆ แค่เงยหน้าขึ้นไปก็จะพบว่าแม้แต่พื้นบันไดด้านหลังยังมีการติดโมเสกเอาไว้ ราวกับเจ้าของบ้านจะกลัวว่าผู้มาเยือนจะไม่พอใจหากได้เห็นพื้นปูนเฉยๆ ไร้ลวดลายอันสวยงาม

ตอนที่เลือกกันว่าจะมาเที่ยวที่ไหนนั้น นตานรีเลือกที่นี่ทันที เธอคิดว่าในชีวิตนี้ต้องมาที่นี่ให้ได้สักครั้ง และเมื่อได้มาสัมผัสเซบียาจริงๆ อย่างที่ไม่ใช่รูปที่ถ่ายลงในเว็บไซต์ เธอก็ยิ่งรู้สึกหลงรักที่นี่มากยิ่งขึ้น ถนนหนทางอันคดเคี้ยว ตรอกซอกซอยอันคับแคบ บ้านเรือนสีสันฉูดฉาด ต้นส้มที่มีอยู่ทั่วทุกแห่งในเซบียา หญิงสาวคิดว่าเวลาที่เผื่อไว้เที่ยวมันช่างไม่พอเสียนี่กระไร เธอต้องมนตร์เสน่ห์และอยากใช้เวลาอยู่ที่นี่ให้นานขึ้นอีก...

แม้จะเดินบ้างเถลไถลไปบ้าง แต่เธอก็มาถึงเกสต์เฮ้าส์ที่เป็นเป้าหมายจนได้
เกสต์เฮ้าส์ชื่อโรซา เดล อะซูล เป็นอาคารเก่าสูงสองชั้นสีขาวครีม ภายนอกตกแต่งเรียบง่าย ที่ราวระเบียงมีกระถางต้นไม้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่แขวนไว้ใต้ระเบียงนอกตัวอาคารสองกระถาง มันเต็มไปด้วยไม้ประดับใบเขียวขจี ที่กันสาดมีกระถางต้นไม้กลมปลูกไม้ดอกสีแดงสดห้อยระย้าไว้รอบทิศ

แต่ที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นป้ายตรงหน้าทางเข้า มันล้อมรอบไปด้วยดอกกุหลาบปูนปั้นสีน้ำเงินแซมใบไม้สีเขียว

นตานรีหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายป้ายชื่อนี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานบอกกับมารดาว่าได้มาถึงที่นี่แล้ว

เมื่อเข้ามาข้างในจะพบว่า ตรงกลางอาคารเป็นลานภายในจัดเป็นสวนมีกระถางต้นไม้จำนวนมากและอ่างน้ำพุ เสียงน้ำรินไหลบวกกับสีเขียวสดของพืชนานาพันธุ์ที่ประดับในตัวบ้านสีครีมอ่อนด้วยแล้วยิ่งทำให้รู้สึกสงบและร่มรื่น ส่วนห้องพักของแขกถูกจัดไว้บนชั้นสองอยู่ล้อมรอบลานภายใน ส่วนด้านล่างรอบลานจะเป็นโต๊ะไม้และเก้าอี้เหล็กดัดสีดำตัดกับเบาะนั่งและพิงสีขาวล้วนสะอาดตา บนโต๊ะกลมนั้นจะวางด้วยแจกันปักไว้ด้วยกุหลาบแดงสามดอกมัดเป็นช่อ ทำให้พื้นที่โดยรอบมีชีวิตชีวาขึ้นมาโดยพลัน

ผนังภายในอาคารถูกตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกสีน้ำเงิน,ขาวและเขียวตั้งแต่ช่วงติดกับพื้นไปถึงกึ่งกลางของผนัง ส่วนโคมไฟของที่นี่เป็นตะเกียงฉลุลายสไตล์อารเบียน บรรยากาศโดยรวมแล้วที่นี่น่ามาพักอาศัยไม่น้อย

นตานรีเดินตรงไปสอบถามผู้ดูแลเกสต์เฮ้าส์ที่เคาน์เตอร์ไม้ซึ่งตั้งเด่นอยู่ตรงกลางของชั้นล่าง เป็นหญิงวัยกลางคน รูปร่างค่อนข้างท้วมอยู่สักหน่อย เธอมีใบหน้าที่อวบอูมแต่พอจะมองออกว่าแต่ก่อนตอนผอมต้องเป็นคนสวยมากแน่ๆ คุณป้าท่านนี้สวมแว่นตากรอบหนาและรวบผมดำเป็นมวยไว้ด้านหลังติดดอกลิลลี่สีชมพู กำลังก้มหน้าอ่านแผ่นกระดาษในมืออยู่ เธอเงยหน้าขึ้นมามองแขกผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้มสดใสของคนที่ทำงานบริการก่อนเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษว่า

“สาวน้อยที่น่ารักจ๊ะ มีอะไรให้ช่วยไหมเอ่ย?”

“เอ่อ...” นตานรีก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดีเหมือนกัน ทำให้อีกฝ่ายชิงกล่าวขึ้นมาว่า

“ถ้าหนูอยากพักที่นี่ ป้าเสียใจที่จะต้องบอกว่าที่นี่เต็มแล้วน่ะจ้ะ แต่ป้าคิดว่าป้าน่าจะสามารถช่วยหนูหาห้องพักได้นะ ถึงจะเป็นช่วงงานเทศกาลแต่ป้าคิดว่าโรงแรมสักแห่งน่าจะพอมีห้องว่างให้หนูสักห้องน่ะนะ จำกัดราคาที่เท่าไหร่จ๊ะ ช่วงนี้ราคามันค่อนข้างสูงสักหน่อยน่ะนะ” น้ำเสียงเอื้ออารีของหญิงสูงวัยทำให้นตานรีอยากจะพูดคุยด้วยนานๆ

“ปะเปล่าค่ะ หนูไม่ได้มาหาห้องพัก คือมันออกจะแปลกซะหน่อย คือหนูแค่มาหาคน..เอ่อ ไม่ทราบว่า ที่นี่เคยมีคนชื่อ มารีอา ซานเชส มาร์ติน พักอาศัยอยู่หรือเปล่าคะ? หนูทราบแค่ว่าคุณมารีอานั้นเป็นลูกสาวเจ้าของเกสต์เฮ้าส์ตามที่อยู่นี้เมื่อสามสิบกว่าปีก่อนโน้น ไม่แน่ใจว่าที่นี่เปลี่ยนเจ้าของไปรึยัง?” ว่าแล้วนตานรีก็หยิบเอาซองจดหมายเก่าๆ ขึ้นมาวางให้ผู้ดูแลดูและชี้ไปที่ชื่อผู้ส่ง ‘มารีอา ซานเชส มาร์ติน’

“หือ?” หญิงร่างท้วมขมวดคิ้วแทบจะทันที เธอขยับแว่นพลางหยิบซองจดหมายขึ้นมาดู ก่อนจะตั้งคำถาม

“หนูมาจากไหนจ๊ะเนี่ย?”

“มาจากประเทศไทยน่ะค่ะ แม่หนูเคยติดต่อกับคุณป้าในจดหมายนี่แหละค่ะ เผอิญว่าหนูมาเที่ยวก็เลยกะจะมาตามรอยเสียหน่อย ถ้าได้เจอก็คงดีไม่น้อย อ๊ะ! หนูมีรูปคุณมารีอาให้คุณดูด้วยนะคะ” ว่าแล้วนตานรีก็หยิบรูปถ่ายขาวดำออกมาให้คู่สนทนาดู และแจกยิ้มให้หญิงสูงวัยกลับบ้าง เธอรู้สึกดีกับผู้หญิงตรงหน้าซึ่งมีใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใสและมีมิตรจิตมิตรใจไม่น้อยทีเดียวที่กระตือรือร้นจะให้ความช่วยเหลือต่อเธอ

รูปถ่ายขาวดำนั้นเป็นรูปเด็กสาวหน้าตาสะสวยไว้ผมเปียสองข้างสวมชุดกระโปรงยืนหน้ามหาวิหารใจกลางเมืองอันเป็นสัญลักษณ์ของเซบียา

“โอ้ นี่หนูเป็นลูกสาวของนิต้าเหรอจ๊ะ” หญิงสูงวัยเบิกตากว้างก่อนจะเผยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม

‘นิต้า’ ที่ผู้หญิงคนนี้เรียกเป็นชื่อเล่นที่ทั้งมารีอาตั้งให้กับนิตยา แม่ของนตานรี ซึ่งหญิงสาวเองก็ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกออกว่านิต้าหมายถึงใคร

“เอ๊ะ!...คุณ?” นตานรีชี้ไปที่มารีอาแล้วเผลอมองเทียบหน้าเด็กสาวในรูปถ่ายกับคนตรงหน้า

“โอ้ ยินดีต้อนรับสู่เซบียาจ้ะ แม่สาวน้อย” มีความยินดีอันมากล้นในแววตาของหญิงสูงวัยตรงหน้า เธอพาร่างท้วมในชุดเสื้อสีดำลายจุดสีขาว ปกเสื้อติดลูกไม้โครเชย์ ออกมาจากเคาน์เตอร์แล้วตรงเข้ามาสวมกอดสาวไทยเสียเต็มรัก แถมยังจูบที่แก้มซ้ายขวาของนตานรีอันเป็นการทักทายแบบสเปนก่อนจะพูดภาษาสเปนรัวเร็วออกมา

“โอลา! เอนกันต้าด้า เด โกโนเซสเล่ อี กวาล เอส ตู น้มเบร ”

นตานรีตามไม่ทันเลยว่านอกจากคำว่าสวัสดีแล้วอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา

พอเห็นว่าสาวรุ่นลูกนั้นทำหน้างง มารีอาก็พูดใหม่เป็นภาษาอังกฤษ “โอ้ ขอโทษทีจ้ะ ฉันดีใจมากไปหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะได้ติดต่อกับนิต้าอีก เราห่างหายกันไปนานมากๆ แล้ว เอาใหม่นะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ และหนูชื่ออะไรจ๊ะ”

“หนูชื่อนตานรีค่ะ คุณเรียกหนูแค่นัทก็พอแล้วค่ะ” นตานรียังมีสีหน้าเหลือเชื่อค้างอยู่ เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอมารีอาตัวเป็นๆ เพราะเธอก็กะแค่มาถ่ายรูปที่เกสต์เฮ้าส์นี้ก่อนจะเดินไปเที่ยวที่อื่นต่อเท่านั้นเอง

“หนูอายุเท่าไหร่แล้วจ๊ะ แล้วนิต้าเป็นอย่างไรบ้าง เธอสบายดีไหม? โอ ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน”

“คุณแม่หนูสบายดีค่ะ แล้วก็ตอนนี้หนูอายุยี่สิบเก้าปีแล้วค่ะ อีกไม่กี่เดือนก็จะสามสิบแล้ว”

“ไม่จริงน่ะ หนูหน้าเด็กมากๆ ป้าคิดว่าซักยี่สิบต้นๆ เองนะ” มารีอาสำรวจหญิงสาวด้วยแววตาประหลาดใจ

“เป็นความจริงทุกประการ ไม่ได้โกหกหรอกค่ะ” คนหน้าอ่อนยิ้มหวานให้ก่อนที่รอยยิ้มจะจืดลงไปนิดเมื่อนึกได้ว่า เมื่อคืนก็มีคนทักว่าเธอหน้าอ่อนแบบนี้...นตานรีประหลาดใจที่เธอยังจำได้ว่าเขาคนนั้นพูดอะไรไว้บ้าง เธอควรจะลืมไม่ใช่เหรอ?

“อ๊ะ! ขอโทษทีจ้ะ ป้าตื่นเต้นจนลืมแนะนำตัวไปเลย ป้าชื่อมารีอา ซานเชส มาร์ติน เด อาริอัส ไม่ต้องประหลาดใจนะที่ชื่อยาวขนาดนี้ ที่ห้อยท้ายเป็นนามสกุลสามีจ้ะ เรียกป้าว่ามารีอาก็พอ”

“โอเคค่ะ มารีอา”

“แล้วนี่ไปไงมาไงจ๊ะเนี่ย แล้วมากับใครหรือเปล่าจ๊ะ มีห้องพักแล้วรึยัง? อ้อ คงมีแล้วสิเนอะ แล้วที่พักอยู่แถวไหน ไกลหรือเปล่า มาพักกับป้าดีกว่าไหม? แล้วนี่จะอยู่สเปนกี่วันจ๊ะ ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างแล้ว เออแล้วกินข้าวกินอะไรมาหรือยังน่ะ นัท หนูตัวเล็กแล้วก็ผอมบางมากเลยนะเนี่ย อย่าปล่อยให้ท้องว่างนะจ๊ะ ไม่งั้นเดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหา” พอเปิดปากถามได้ คุณป้ามารีอาก็ปล่อยคำถามออกมาเป็นชุดราวกับรัวปืนกลเลยทีเดียว ทำเอาสาวรุ่นลูกตั้งรับไม่ทันเลยทีเดียว

“ใจเย็นๆ ค่ะ มารีอา เอาทีละคำถามนะคะ ก่อนอื่นคือหนูพักอยู่ที่โรงแรมเซบียา พาเลซค่ะ แล้วก็อยู่สเปนอีก 2-3 วันค่ะ แล้วก็...”

“โอ๊ะ! ขอโทษทีจ๊ะ มันเป็นความเคยชินน่ะ...เดี๋ยวนะ” มารีอายกมือห้าม เธอหันไปดูนาฬิกาเรือนเก่าที่ตั้งโชว์เวลาก่อนจะตัดสินใจว่า “เอางี้ เราไปนั่งคุยกันตรงโน้นดีกว่า มีเรื่องเยอะแยะที่ต้องเล่าสู่กันฟังและที่สำคัญมื้อเย็นนี้ นัท หนูต้องอยู่ทานข้าวกับฉันนะ”

“ได้ค่ะ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ” นตานรีตอบรับทันทีในเมื่อเวลาเย็นนั้นเธอไม่ได้มีนัดหมายกับใครเขาอยู่แล้ว มารีอาร้องสั่งให้อัลบาโน เด็กหนุ่มวัยรุ่นมาเฝ้าเคาน์เตอร์แทน จากนั้นก็ควงแขนของนตานรีจับจูงพาเดินไปนั่งที่โต๊ะเหล็กดัดสีดำนั้น มีบริกรหญิงอีกคนเดินเข้ามาสอบถามความต้องการของนตานรี เธอสั่งโกโก้มาดื่มเพราะกลัวว่าหากสั่งกาแฟไปแล้วเธออาจจะนอนไม่หลับในคืนนี้

**********************

ขอเมนท์ด้วยน้า คนอ่านที่เข้ามาอ่าน นะ ๆๆๆ

***********************
ตอบเมนท์จ้า

1. คุณ Phugan - ลอเรนโซซะอย่าง ถึงสาวจะหนีไป แต่ก็ หายห่วง อิอิ

2.พี่ Siang - ราชา ชื่อก็บอกแล้วว่าราชา เจ้าหญิงจะหนีไปไหนพ้น หึๆ



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2556, 03:57:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2556, 03:57:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 3862





<< 2:แค่คืนเดียว   4:Six degrees of Seperation >>
phugan 3 เม.ย. 2556, 11:47:18 น.
ในที่สุดหนูนัทก็ตามหาเพื่อนแม่จนเจอ...


Siang 3 เม.ย. 2556, 13:12:02 น.
หวังมารีอาคงจะไม่ใช่แม่ของลอเลนโซหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น เ้จ้าหญิงก็หนีไม่พ้นน่ะสิ


แพม 9 เม.ย. 2556, 08:43:10 น.
ทะแม่งๆนะ. ไม่ใช่ว่าพระเอกเป็นลูกชายมารีอาหรอกนะ


ลิลลี่ 3 พ.ค. 2556, 21:43:36 น.
เอ๊ะ สงสัยจะพรหมลิขิตทั้งแม่และะลูกแฮะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account