เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๙ ธาตุแท้ ๒/๒

“เอ..ทำไมICD มันไม่ fructuate เลยล่ะคะพี่”

เปี่ยมรักบ่นกับพยาบาลสาวที่เดินตามหล่อนตรวจคนไข้หอผู้ป่วยในเช้านี้ หล่อนมาถึงเตียงผู้ป่วยริมหน้าต่าง เพิ่งได้รับการเจาะระบายเลือดและลมจากภาวะปอดแตกทั้งสองข้าง มีท่อต่อออกมาจากบริเวณหน้าอกระดับราวนมช่วงใกล้รักแร้ทั้งซ้ายและขวา ลงสู่ขวดแก้วใสรองรับของเสียข้างละสองขวด ขวดหนึ่งเป็นขวดเปล่าระบายเลือดซึ่งยังตกค้างในช่องระหว่างทรวงอกและปอด ส่วนอีกขวดมีน้ำพอประมาณกับท่อแก้วปักอยู่ไว้ระบายลมรั่วจากปอด อุปกรณ์ชนิดนี้เรียกโดยย่อว่า ICD

การตรวจว่าอุปกรณ์ดังกล่าวยังใช้ได้ดีอยู่ก็ต้องสังเกตว่าน้ำที่อยู่ในท่อแก้วยังเคลื่อนที่ขึ้นลงได้ หรือเรียกว่ายัง fructuate แต่หากมีลิ่มเลือดอุดตันตามท่อ หรือมีสายส่วนใดหักงอ น้ำในท่อแก้วก็จะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่อย่างปัญหาในตอนนี้ซึ่งเปี่ยมรักกำลังประสบ

“นั่นสิคะหมอฝอยทอง เมื่อเช้าพี่ลองรีดสายยางดูแล้ว ก็ไม่ fructuate สงสัยตันเสียละมั้ง”

พยาบาลสาวดวงหน้าอ่อนเยาว์ทว่านัยน์ตามีแววเครียดง่ายอยู่ตลอดเวลา ขัดกับรูปร่างอรชรเปรียวบางเอ่ยกับคุณหมอฝึกหัดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด..หล่อนหงุดหงิดติดลมมาจากการดูแลคนไข้ทั้งแผนกศัลยกรรมที่แต่ละเตียงช่างเรื่องมาก วุ่นวายกันเสียเหลือเกิน แถมยังมาเจอปัญหาชวนปวดหัวตั้งแต่เช้า ต้อนรับวันแรกของสัปดาห์

“คงตัน หรือไม่ก็สายkink อยู่ข้างใน” เปี่ยมรักหมายถึงท่อระบายหักงอในทรวงอก หล่อนเสนอความเห็นเท่าที่นึกออก มีลางสังหรณ์ว่าต้องได้ทำหัตถการข้างเตียงแต่เช้า..วี่แววงานงอกเริ่มส่อเค้าให้เห็นอยู่รำไร
“เฮ้อ..ได้revise ICD กันแน่เลยหมอ” พยาบาลคนเดิมเปรยขึ้น หน้าตาบอกบุญไม่รับ หล่อนหมายถึงการขยับท่อออกมาให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม “หรือไม่ก็เปลี่ยนใหม่ทั้งเซ็ต”

“หมอว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าค่ะ..ท่าทางสายจะตัน” เปี่ยมรักลองรีดสายดูอีกครั้ง พลิกไปพลิกมา พิจารณาแล้วน่าจะเป็นอย่างที่บอก
คนตามราวน์คนไข้พ่นลมหายใจยาวเหยียดอีกครั้ง

“ไม่น่าขึ้นเวรเช้าเลยเรา..ถ้าเปลี่ยนทั้งเซ็ตก็เหนื่อย นี่ก็ใกล้เวลาstaffมาราวน์แล้ว เคสเขาเสียด้วย..น่าเบื่อชะมัด”

ฟังถึงตรงนี้เปี่ยมรักรู้สึกสะดุดใจขึ้นมาทันที หล่อนจำได้ แล้วก็ดีใจที่สุดด้วยว่าวันนี้จะได้ตามราวน์กับพี่เต้ สัปดาห์นี้หล่อนเพิ่งได้ย้ายขึ้นมาดูคนไข้ฝั่งศัลยกรรมชายสามัญ ซึ่งมีเคสของหมอศิระเกือบครึ่งค่อนแผนก ดีใจที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดเขามากกว่าเดิม เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้องบังเอิญโชคร้ายได้ตรวจแต่เคสของหมอชัดเจนทุกทีไป ตารางเข้าห้องผ่าตัดก็ต้องเข้ากับหมอผีเจาะปากคนนั้นมาตลอด หากแต่นับจากนี้จะเป็นคราวของหมอศิระ..พี่เต้ที่หล่อนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด หล่อนยังไม่เคยได้เห็นบรรยากาศการทำงานของเขาเลย นอกจากทักทายพูดคุยกันนอกรอบ ตามประสาน้องสาวของเพื่อนสนิทเขา

“เอ๊ะ...น่าเบื่อตรงไหนหรือคะ?” เปี่ยมรักหันมาถามเสียงสูง มีน้ำเสียงไม่พอใจปนมาเล็กน้อย ก่อนจะป้องปากก้มลงกระซิบถามประโยคถัดมาด้วยเสียงที่เบาที่สุด “หรือ..เคสนี้ถูกย้ายเป็นเคสของหมอชัดเจน?”

พยาบาลสาวคนนั้นสั่นศีรษะปฏิเสธโดยเร็ว มองหมอใหม่ฝึกหัดอย่างหล่อนด้วยแววตาประหลาดครู่หนึ่ง แต่แล้วก็เหมือนพินิจพิเคราะห์อะไรได้ แววตากลับเปลี่ยนเป็นความเข้าใจกึ่งเวทนา

“อ้อ..ลืมไปว่าหมอฝอยทองยังไม่เคย contact กับหมอเต้ในงานโดยตรง..คราวนี้อย่าตกใจไปนะคะ”
เปี่ยมรักขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน หล่อนยิ่งงงหนักกว่าเก่า

“ทำไมคะ...พี่เต้ไม่ดีตรงไหน ออกจะเป็นสุภาพบุรุษ”
คนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนแสยะยิ้ม หล่อนพยายามสงบปากสงบคำให้มากที่สุด

“เคสนี้ของหมอเต้นั่นแหละไม่ใช่ของใคร หมอฝอยทองคอยเป็นกำลังใจให้พวกพี่ช่วยเสริ์ฟเครื่องมือดีๆละกัน ของแบบนี้ต้องเจอกับตัวเองค่ะ..เดี๋ยวจะหาว่าพี่นินทาเจ้านาย”

“พี่อะ..อย่าพูดแบบนี้สิ หมอเครียดนะ”
เจ้าของเรื่องส่ายหน้าน้อยๆ มองเปี่ยมรักด้วยแววตาชนิดเดิม ก่อนพยักเพยิดให้ดูทางด้านหลัง

“โน่นแน่ะ ตายยากเสียด้วย คอยดูแล้วกันค่ะ พี่อาจจะคิดไปเองก็ได้ คิดไปเอ๊ง..คิดไปเอง”

ศิระมาทันพอดีได้ยินเสียงสูงในท้ายประโยค เขาจับใจความไม่ได้ จึงนึกไปว่ากำลังเล่นมุกขำขันอะไรกันอยู่ และไม่น่าจะเกี่ยวกับเขา ชายหนุ่มเดินอ้อมมายืนเกาะเตียงฝั่งตรงข้ามรุ่นน้องคนสนิท เอ่ยทักหน้าตาสดใส

“เป็นไงเรา..ได้เจอกันซะที เย็นนี้ไม่มีเวรใช่ไหม พี่จองตัวดินเนอร์ล่วงหน้าเลยนะ” นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับจนพยาบาลเห็นแล้วนึกหมั่นไส้ เปี่ยมรักยิ้มเนือยๆ หล่อนไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการชวนไปออกเดทอีกเลยนับจาก..วันนั้น

“อย่าให้ใครมาแย่งตัวไปเสียก่อนล่ะ”
“นัดคุยเรื่องแผนพี่เพน่ะซีคะ..” เปี่ยมรักดักคออย่างรู้ทัน ทำเสียงให้สดใสเข้าไว้ ทั้งที่ในใจแปร่งปร่าเหลือเกิน


พยาบาลคนเดิมหันมามองหน้าคุณหมอฝึกหัดสลับกับพี่หมอเฉพาะทางไปมา สีหน้าแววตาบอกความสงสัยอย่างเปิดเผย มีพยาบาลวัยไล่เลี่ยกันเดินตามมาเตรียมรับออเดอร์เพิ่มอีกสองสามคนเมื่อเห็นหมอใหญ่มาถึง ศิระไม่สนใจว่าจะมีคนนอกร่วมฟังอยู่หรือไม่ เขายังคุยกับเปี่ยมรักต่อเสมือนมีกันแค่สองคน

“รู้ใจจริงๆนะเรา..นัดครั้งนี้สำคัญมาก ห้ามเบี้ยวพี่เด็ดขาด”
เปี่ยมรักทำเสียงเบาๆในลำคอเป็นเชิงว่าไม่ผิดนัดชายหนุ่มแน่นอน เมื่อได้รับคำยืนยันเป็นที่แน่ใจแล้ว รุ่นพี่แพทย์ฝีมือดีจึงเปลี่ยนประเด็นเข้าสู่เรื่องงาน น้ำเสียงขรึมกว่าเดิมเล็กน้อย

“เอ้า..คนไข้เป็นอะไรมาเคสนี้”
เปี่ยมรักจึงเริ่มบรรเลงร่ายประวัติผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์รายนี้ ผลตรวจร่างกาย ในจุดสำคัญๆ และการรักษาที่ได้ทำไปแล้ว ให้ศิระฟังอย่างละเอียด

“แต่ ICD ดูเหมือนจะมีปัญหาค่ะพี่เต้..ไม่ fructuate เลย สงสัยตัน”
ลงท้ายด้วยปัญหาที่พาให้เหล่าพยาบาลด้านหลังยืนเครียดไปตามๆกัน เพราะงานกำลังจะงอกในไม่ช้า

ศิระเอามือขยับสายที่โยงยาวออกมาจากตัวคนไข้ เชื่อมต่อลงขวดแก้ว ก้มๆเงยๆอยู่พักใหญ่ ฝ่ายคนไข้ก็ได้แต่เอี้ยวคอมองตามมือหมอทำหน้าปุเลี่ยน ชายฉกรรจ์รายนั้นเป็นชาวพม่าฟังภาษาที่หมอและพยาบาลโต้ตอบกันไม่รู้เรื่อง เขาสังเกตเอาจากสีหน้าท่าทางของแต่ละคน บางระยะก็ยกมือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเกาท้ายทอย งุนงงว่าตนมีสิ่งใดผิดแปลก ถึงได้มีแต่คนให้ความสนใจขนาดนั้น

“เอ้า..เตรียมเซ็ตICDใหม่ทั้งสองเซ็ต ใส่ใหม่ทั้งสองข้าง clot ชัวร์ revise ไม่ไหวหรอก” ศิระเงยหน้าขึ้นมาสั่งพยาบาลให้เตรียมเครื่องมือ หลังจากพิจารณาดีแล้วว่าสายคงมีลิ่มเลือดมาอุดตัน ไม่น่าแก้ไขด้วยวิธีขยับสายเลื่อนเข้าออกหาตำแหน่งเหมาะสม

“ใส่ICD เป็นแล้วใช่มั้ยฝอยทอง..” ศิระหันมาถามในเชิงต้องการคำตอบว่าใช่มากกว่าจะเป็นคำปฏิเสธ เขาไม่รอให้รุ่นน้องตอบกลับมา พูดเองเออเองเสร็จสรรพ “ก็ควรใส่เป็นแล้วล่ะ เป็นอินเทิร์น1 มาจะครบปี.. เพื่อนที่ER เค้าเจาะรูมาให้เราแล้ว แป๊บเดียวก็เสร็จ พี่ทำข้างขวา เราทำข้างซ้ายแล้วกันนะ”

เปี่ยมรักพยักหน้าหงึกหงัก เรื่องทำหัตถการหล่อนผ่านฉลุยอยู่แล้ว ก็ฝึกมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ โดยเฉพาะหัตถการทางศัลยกรรมหล่อนจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ยิ่งเป็นคำชี้ชวนที่หล่อนไม่อยากจะเรียกว่าเป็นคำสั่ง จากปากของพี่เต้ด้วยแล้ว หล่อนยิ่งยินดีและเต็มใจ

พยาบาลหน้าสวยเดินอารมณ์บูดเข้ามาพร้อมเซ็ตเครื่องมือตามสั่ง เพื่อนอีกสองคนเดินตามมาแจกถุงมือให้เปี่ยมรัก และหมอรุ่นพี่ ทั้งสองใส่หน้ากากปิดปากปิดจมูกเตรียมพร้อมอยู่แล้ว

พยาบาลคนหนึ่งเข้ามาเปิดเซ็ตเครื่องมือที่ห่อด้วยผ้าสีเขียวแก่ มีถาดโลหะคล้ายชุดทำแผลนอนรออยู่ นอกนั้นก็เป็นจำพวกเข็มฉีดยา กระบอกยา มีดเล่มเล็ก ผ้าก๊อซ สำลีก้อนเป็นกระจุก มีเครื่องมือบางอย่างที่พยาบาลต้องแกะแยกออกมาจากถุงพลาสติก ใส่เพิ่มเติมลงไปในเซ็ต ส่วนขวดแก้วและท่อยางวางแยกอยู่ด้านนอก รอเวลาจัดแจงทำความสะอาดพื้นที่บนส่วนระหว่างราวนมกับรักแร้ และกำจัดอุปกรณ์ชุดเดิมออกมาทิ้งเรียบร้อย แล้วจึงต่อท่อกับขวดเข้าตัวคนไข้อีกคราวหนึ่ง

ศิระยืนมองรุ่นน้องปฏิบัติงานอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น ตั้งแต่พยาบาลสาวเสริ์ฟยาชาให้ ใช้มีดตัดไหมกับ ICD ชุดเดิมออกจากตัวคนไข้ กระทั่งทำความสะอาดแผล และปูผ้าเจาะกลางลงบนตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสม ศิระพยักหน้ายิ้มพอใจที่เห็นเปี่ยมรักทำงานด้วยความคล่องแคล่ว การจับวางอุปกรณ์ต่างๆ ท่าทาง และมือไม้ดูไม่เก้งก้าง ขวางหูขวางตาเหมือนหมอฝึกหัดทั่วไป สมกับที่ตั้งใจจะเรียนต่อเฉพาะทางเป็นศัลยแพทย์ในอนาคต

“อ้าว..ไม่มี ด้ามมีด กับกรรไกร หรือคะ?” เปี่ยมรักเริ่มต้องการใช้เครื่องมือช่วยกรีดแหวกปากแผลให้กว้างขึ้น ทีแรกหล่อนก็ไม่อยากเรื่องมาก พยายามใช้ใบมีดเปล่าๆตัดไหม กรีดอะไรเล็กน้อย แต่คราวนี้หล่อนทำไม่ถนัด จำเป็นต้องใช้เครื่องมือสองชนิดดังกล่าวมาเป็นตัวช่วย

“เฮ้ย..ไม่มีได้ไง ล้อเล่นหรือเปล่า” ศิระโวยเสียงดังขึ้นมาทันที เปี่ยมรักสะดุ้งมองหน้าเขาพร้อมกับอ้าปากค้าง หล่อนไม่เคยเห็นศิระในมาดนี้มาก่อน นอกจากเสียงทุ้มนุ่ม อบอุ่น และความสุภาพอ่อนโยนที่เขามีให้กับคนสนิท คนรอบตัว ช่างแตกต่างจากน้ำเสียงที่มีให้กับพยาบาลกลุ่มนี้โดยสิ้นเชิง

“อะไรวะ ไม่มีจริงๆด้วย เตรียมเซ็ตกันมายังไง ของสำคัญจำเป็นต้องใช้” หมอหนุ่มเดินอ้อมมาคุ้ยค้นหยิบจับ และเมื่อไม่พบอุปกรณ์ดังกล่าวจริงดังรุ่นน้องว่า อาการหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มฉายชัดออกมาผ่านแววตาและน้ำเสียงแข็งกระด้าง “แล้วนี่อะไร เข็มเย็บแผลเบอร์เล็กขนาดนี้ ปักลงไปไม่ถึงไหนก็งอแล้ว เอาไว้เย็บหนังหน้าพวกคุณหรือไง”

ศิระไม่หยุดโวยง่ายๆ เมื่อได้เห็นข้อบกพร่องที่ไม่น่าให้อภัยมากขึ้นเรื่อยๆ
“โอย..ไหมนี่อีก ใช้ได้ที่ไหนกัน แบบนี้ยังไม่ทันผูกก็ขาด.. สั้นได้อีก clamp นี่อีก มันต้องใช้แบบปลายโค้ง แบบนี้น้องผมใช้ไม่ถนัดหรอก..ไปเอามาใหม่ ทั้งหมดเลยที่บอก!”

เขาหมายถึงตัวช่วยแหวกผนังกล้ามเนื้อชั้นลึกไป กระทั่งให้ถึงเยื่อหุ้มปอด ขณะนั้นพยาบาลที่เคยทำหน้าบอกบุญไม่รับกันอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้ายิ่งเผือดสีลงไปอีก บางคนเริ่มเหงื่อตก ไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไรหมอใหญ่แม้แต่คำเดียว ทุกคนพากันแยกย้ายออกไปหาอุปกรณ์ชนิดที่เขาต้องการ

“ใจเย็นๆก่อนนะคะพี่เต้..เดี๋ยวเค้าก็เอามาให้แล้ว” เปี่ยมรักพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เมื่อเห็นสีหน้ารุ่นพี่เคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆตามเข็มวินาทีที่ผ่านเลยไป

“นี่พี่ก็เย็นเต็มที่แล้วนะฝอยทอง..พยาบาลบนตึกไม่ไหวเลยจริงๆ ไม่เห็นได้สักครึ่งนึงของพยาบาลOR”เขาหมายถึงพยาบาลห้องผ่าตัด หรือที่รู้จักกันในนาม scrub nurse

เปี่ยมรักแอบนึกค้านเขาในใจ..ก็พยาบาลห้องผ่าตัด กับพยาบาลคนไข้ใน จะไปเหมือนกันได้อย่างไร ลักษณะงานมันต่างกันเป็นคนละขั้ว ข้อนี้หล่อนไม่เห็นด้วยกับเขา ที่เอาคนทำงานต่างประเภทมาเปรียบกัน แต่ก็นั่นแหละ หล่อนได้แต่คัดค้านอยู่ในใจ ไม่อย่างพูดอะไรให้พี่เต้รู้สึกแย่ลงไปกว่านี้ ท่าทาง หน้าตา และน้ำเสียงของชายหนุ่มเวลานี้ ไม่บอกก็รู้ว่าดีกรีความโกรธกำลังพุ่งถึงขีดสุด

“รู้ไหมฝอยทอง..พี่ออเดอร์ อะไรไปในชาร์ต ไม่เคยได้ตามที่สั่ง ไม่ขาด ก็เกิน หรือหนักข้อหน่อยก็ทำเป็นคนละเรื่องกับที่สั่งเลย” ศิระพาลนึกถึงเรื่องงานวันอื่นๆที่เขาเคยประสบมา ดูเหมือนพยาบาลตึกนี้คงไม่ถูกชะตากับเขาเป็นพิเศษ ไม่เคยร่วมงานกันได้ราบรื่นสนิทใจเลยสักหน

ศัลยแพทย์หนุ่มหยุดบ่นเพียงแค่นั้น เมื่อพยาบาลกลุ่มเดิมเดินถืออุปกรณ์ชุดใหม่เข้ามา จัดแจงลงในที่จัดวางอย่างคล่องแคล่ว และดูมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เปี่ยมรักนึกว่าเหตุการณ์จะสงบลงได้เสียที ทว่าหล่อนคิดผิดถนัด เมื่อของชิ้นใหม่วางเรียงลงในถาดเรียบร้อย ศิระก้าวเข้ามาคุ้ยๆจับๆพักเดียว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็บังเกิด

ชายหนุ่มถอดถุงมือซึ่งผ่านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคมาเป็นพิเศษ หรือ ที่เรียกว่า sterile technique เขาถอดมันออกทั้งสองข้าง ทิ้งลงบนเก้าอี้พลาสติก วางมือเปล่าเปลือยลงบนเซ็ตอุปกรณ์ sterile ทั้งหลายที่ถูกผึ่งอยู่บนโต๊ะติดล้อตัวเดิม ก่อนจะฟาดไม้ฟาดมือขึ้นลงเกิดเสียงปึงปัง เครื่องมือชิ้นเล็กชินน้อยกระเพื่อมตามจังหวะการทุบโต๊ะของเขา ศิระเลือดขึ้นหน้า เขาโวยวายขึ้นมาราวกับเด็กไม่ได้ของเล่นตามต้องการ

“con! con! con!...con ให้หมดเลย ไม่ต้องใช้มันแล้วทั้งเซ็ต!” ภาษาอังกฤษพยางค์เดียวที่เขาเอ่ยซ้ำๆ อย่างคนไม่ได้ดั่งใจนั้น คำเต็มมาจาก contaminate หมายความว่า อุปกรณ์ชุดนั้นได้มีการปนเปื้อน จากเหล่าขบวนเชื้อโรคเป็นที่เรียบร้อย ไม่สามารถเอามาใช้กับคนไข้ได้อีกจนกว่าจะนำไปผ่านกระบวนการ sterile technique อีกครั้ง

“ใจเย็นค่ะหมอ พวกหนูจะไปเอามาให้ใหม่เดี๋ยวนี้แหละ” พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ หลังจากที่เขาโวยจบก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรแทรกขึ้นมาเลย กระทั่งมีผู้กล้าคือหล่อนคนนี้..ผู้ซึ่งคร่อมหวอดร่วมงานกับเขามามากพอจะเริ่มรู้ถึงเหตุผลของการกระทำต่างๆ อย่างเช่นครั้งนี้ เขาจงใจทำลายอุปกรณ์ดังกล่าวให้หมดความสะอาดไป ก็เพราะอุปกรณ์ชุดนั้นไม่ได้ตามสเป็คที่เขาต้องการ

“ขอโทษค่ะหมอ พอดีไหมอย่างที่หมอสั่งมันหมดสต๊อกในวอร์ด แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูจะลองถามพี่ที่OR ให้เขาเอาขึ้นมาให้”

ดูเหมือนหล่อนก็จะรู้ดีด้วยว่าพวกตนทำสิ่งใดพลาดไป รีบขอโทษขอโพย และเสนอความช่วยเหลืออย่างไม่มีข้อแม้

ศิระยืนนิ่งเงียบ ไม่มีคำพูดจาใดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเขาอีก ทว่าความเงียบนั่นแหละ คือคำสั่งกรายๆ..ให้พวกหล่อนต้องรีบทำตามข้อเสนอโดยด่วน..ด่วนที่สุดก่อนอารมณ์เขาจะพลุ่งพล่านมากไปกว่านี้

นับจากวินาทีนั้น..เปี่ยมรักมองพี่เต้ของหล่อนด้วยแววตาที่แปลกไป รวมถึงตัวและใจที่นิ่งงันไม่ต่างจากเขา..ทว่าสิ่งที่ผิดแปลกไปจากกันคือ ความรู้สึก..หล่อนไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กำลังรู้สึกหนาวเหน็บลงไปถึงขั้วหัวใจ ยืนแข็งอยู่ท่าเดิมราวต้องคำสาป!


ในร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นค่ำวันนั้น เปี่ยมรักกลายเป็นคนพูดน้อย สงบปากสงบคำจนศิระต้องเป็นฝ่ายเริ่มชวนคุยก่อนทุกครั้ง ชายหนุ่มพอจะรู้ตัวอยู่หรอกว่าเพราะเหตุใด ทว่าเขาก็พยายามทำเป็นไม่สนใจ ด้วยคิดว่าอีกหน่อย รุ่นน้องคนสนิทคงจะชินไปเอง

เพิ่งเริ่มงานกันวันแรก ให้รู้ไปเลยว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไรแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน การทำงานวันอื่นๆจะได้รู้จักลู่ทาง ปรับตัวเข้าหาเขาได้ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้แหละ ถ้าใครเข้าใจ และมีจิตสำนึกที่ดีพอจะไม่ทำเรื่องขัดแย้งกับความถูกต้องในความคิดของเขา ชายหนุ่มก็จะปฏิบัติต่อคนผู้นั้นชนิดที่เรียกว่า..ดีใจหาย แต่หากใครทำตัวร้ายๆ แล้วมาประจวบเหมาะกับช่วงที่เขาอารมณ์บ่จอยด้วยล่ะก็ ..โปรดรับความร้ายแทบตาย ของเขาไปเป็นรางวัลได้เลย และไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนไม่ให้โอกาสใคร คนกลุ่มนั้นเขาให้โอกาสมามากแล้ว กว่าจะลงมือกระฟัดกระเฟียดใส่อย่างนั้นได้..โอกาสของเขามีไม่เกินสามครั้ง ถ้ามากกว่านั้นต้องโดนจัดเต็มเข้าทุกราย

“คุณเพทายเขาชอบเที่ยวแบบไหนหรือฝอยทอง..น้ำตก..ทะเล..หรือว่าภูเขา?” ศิระพุ่งสู่ประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม เมื่อบริกรชายยกอาหารชุดแรกเข้ามาเสริ์ฟ ที่โต๊ะ

เปี่ยมรักกำลังยกชาขึ้นจิบ แววตาเลื่อนลอย มองอาหารตรงหน้า คำถามประโยคนั้นเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา ปลิดปลิวออกไปง่ายดาย แทบจับใจความไม่ได้ หล่อนกำลังฟุ้งซ่านหนัก ความคิด และคำถามมากมายดังก้องในหัว จนกระทั่งศิระต้องเอ่ยถามประโยคเดิมซ้ำๆเป็นครั้งที่สาม พร้อมทั้งเพิ่มระดับเสียงให้ดังและสูงขึ้นจนหล่อนแทบสำลักชา เงยหน้าขึ้นมาสนใจเขาจนได้

“ว่าอะไรนะคะพี่เต้?”
“ใจลอยไปไหนเนี่ยเรา..พี่ถามว่า..” เขาเอ่ยถามประโยคเดิมอย่างใจเย็น เปี่ยมรักตอบทันทีเมื่อได้ยินชัดเจนเต็มสองหู หล่อนไม่ต้องเสียเวลานึก เพราะสนิทกับเพทายมากจนแทบจะรู้ใจกันทุกเรื่อง

“น้ำตกค่ะพี่เต้..พี่เพชอบน้ำตกมากที่สุด”
ศิระดีดนิ้วดังเปาะ รีบบอกนัยน์ตาเป็นประกาย

“งั้นดีเลย...ฝอยทองหาลู่ทางชวนคุณเพไปเที่ยวกับเราให้ได้นะ เดือนหน้านี่แหละ ช่วงวันหยุดยาว”
รู้สึกชาวาบในหัวใจเมื่อเห็นสีหน้า และได้ยินน้ำเสียง ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสดชื่นทุกครั้งที่เขาเอ่ยถึงพี่สาวคนสนิท เปี่ยมรักได้ยินตัวเองถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่า
“ที่ไหนคะพี่เต้..”

“ภูฟ้ารีสอร์ท มีแพริมน้ำ.. คุณเพต้องชอบที่นั่นแน่นอน”
รอยยิ้มของศิระบอกอารมณ์ชวนฝันและความหวังอันงดงามทั้งปากและตา..




ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 เม.ย. 2556, 12:41:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 เม.ย. 2556, 12:41:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 3928





<< บทที่ ๙ ธาตุแท้ ๑/๒   บทที่๑๐ อุบัติเหตุ ๑/๒ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account