ไฟรักเทพบุตรทมิฬ
ปมปัญหาในครอบครัวทำให้เขาเป็นคนแข็งกร้าว ใจดำทมิฬในสายตาทุกคนไม่เว้นแม้แต่สาวน้อยหน้าใสอย่างเธอก็ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ผู้ชายที่ไม่รู้จักคำว่า ‘รัก’ ด้วยอีกคน เมื่อเขาใช้เล่ห์ลวงให้เธอรักและสลัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย แต่ใครจะรู้ว่านับตั้งแต่ได้รู้จักเธอแล้ว เทพบุตรไร้หัวใจคนนี้กลับโหยหาแต่ไออุ่นของเธอเพียงผู้เดียว!
Tags: เทพบุตร ทมิฬ
ตอน: บทที่ 2 กาในฝูงหงส์ (ครึ่งแรก)
บทที่ 2 กาในฝูงหงส์
“จันทร์ไม่ได้มาทำงาน หมายความว่าไง!”
“ก็หมายความว่ามันถูกเสี่ยน้อยไล่ออกไปแล้วไงย่ะ ไอ้ตี๋หน้าโง่ ถามเซ้าซี้อยู่ได้” สาวนั่งบาร์ผลักอกหนุ่มเนื้อแน่นตัวโตออกอย่างเสียดายครั้นรู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้มาเที่ยวแต่มาเพื่อถามหาคนที่ถูกไล่ออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว
คชานิ่วหน้าเดินออกมาหน้าผับสีหน้ามึนงง จันทร์แก้วถูกไล่ออก? แล้วทำไมยังโกหกว่ายังทำงานอยู่ ช่วงขาแข็งแรงออกสตาร์ทวิ่งออกไปจากตรงนี้ทันทีเมื่อรู้สึกใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้ เขาเที่ยวหาเธอตามตลาดโต้รุ่งแม่ค้าก็ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าจันทร์แก้วไม่ได้มาทำงานแล้ว คชาตรงกลับไปบ้านเช่าของจันทร์แก้วก็ต้องตกใจที่พบบ้านปิดไฟมืดเข้าไปสำรวจข้าวข้างในก็พบเสื้อผ้าหายไปเกือบหมด
“โธ่...จันทร์ ไปอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ช้าง” ชายหนุ่มทรุดนั่งขยุ้มเส้นผมสุดเซอร์ของตนเองยุ่งเหยิงไปหมด กลุ้มใจ โมโห และสุดแสนเป็นห่วง จันทร์แก้วยังเด็กแถมเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวจะออกไปไหนทำอะไรทำไมไม่บอกเขาก่อน ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนรุ่มในใจ เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงผูกพันกับจันทร์แก้วได้เพียงนี้ อยากเห็นเธอมีความสุข อยากช่วยเหลือเธอสุดความสามารถที่จะทำได้ แต่ตอนนี้คนที่เขาอยากดูแลไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...
ช่วงเวลาเดียวกันรถแท็กซี่ที่ถูกผู้โดยสารตีไกลมาจากสถานีขนส่งหมอชิตจอดสนิทหน้าวังสิทฐนต์ เหลียวหลังไปถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ตอนหลังด้วยความไม่แน่ใจว่าจ้างวานเขาส่งถูกที่หรือไม่
“แน่ใจหรือหนูว่ารู้จักคนในวังนี้” คนขับวัยกลางคนประเมินมองสภาพผู้โดยสารของเขามันน่าเชื่อยากซะจริงๆ จันทร์แก้วก้มมองสภาพมอมแมมของเธอในชุดเสื้อยืดหลวมๆ กางเกงยีนเก่าๆ อดอายไม่ได้ ล้วงหยิบเงินสดก้อนสุดท้ายที่เหลือติดตัวจ่ายคนขับแท็กซี่ไปก่อนจะขนกระเป๋าลงจากรถ
จันทร์แก้วมองผ่านซี่ลูกกรงเหล็กดัดลายงดงามวิจิตรไปยังตัวอาคารหลังใหญ่โต โอ่อ่า ตระการตาจนเธอมองตะลึงตาค้าง ชะเง้อชะแง้ลังเลอยู่ไม่นานยามสูงวัยหน้าโหดหนวดเครายาวเฟื้อยก็เดินมาเคาะลูกกรงที่เธอยืนอยู่ทำเอาสาวน้อยสะดุ้งโหยงตกใจปล่อยเสียงตะกุกตะกักถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คือ...นะ...หนูจะมาพบคุณใจดี...เอ่อ...หม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณนะจ๊ะ ท่านอยู่ไหมจ้ะ” มือเล็กรื้อค้นบางอย่างในกระเป๋ากางเกงก่อนจะประคองนามบัตรใบเล็กส่งให้ลุงยามหน้าเหี้ยมรับไปพินิจดู ชายสูงวัยก้มมองนามบัตรกับมองสภาพหญิงสาวอ่อนวัยเบื้องหน้าก็ยื่นนามบัตรส่งกลับคืนไป
“หนูนี่หน้าไม่คุ้นเลยนะ ชื่ออะไรแล้วมาจากไหนนะเรา มีธุระอะไรด่วนกับคุณหญิงท่านหรือเปล่า” สาวน้อยยิ้มจืดเมื่อเห็นสายตาตำหนิของยามสูงวัยแหงนหน้ามองท้องฟ้าอ่านเวลาก็คาดคะเนว่าคงดึกพอควรที่เธอจะมาคุยธุระในยามนี้ได้
“ชื่อจันทร์แก้วจ้ะ มาจากพัทยา ...เอ่อ หนูรบกวนลุงช่วยไปเรียนคุณหญิงท่านได้ไหมจ๊ะ ว่าหนูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน” แม้รู้ว่าไม่เหมาะสมและรู้สึกเกรงอกเกรงใจอยู่มากแต่เธอก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดในเมื่อทุกบาททุกสตางค์ในตอนนี้มีเหลือไม่พอจะขึ้นรถเมล์เลยด้วยซ้ำ
“ไม่ดีมั้งนางหนู ดึกป่านนี้แล้วคุณหญิงกับคุณๆ ท่านคงเข้านอนกันหมดแล้ว มีอะไรค่อยมาติดต่อพรุ่งนี้เช้าล่ะกัน” ลุงยามโบกมือใช้สายตาดุเข้มบังคับไล่ที่จันทร์แก้วจำต้องถอยออกมาจากหน้าประตูรั้วเหล็ก มองตาละห้อยหิ้วกระเป๋าลากเท้าออกมานั่งคุดคู้ข้างผนังกำแพงวัง สองมือกอดตัวเองทั้งหนาวทั้งหิว อดทนไว้จันทร์แก้ว พรุ่งนี้เช้า ‘เธอจะได้งานทำ’ ตั้งความหวังไว้สูงสุด คลี่ยิ้มเรียกกำลังใจขยับกายพิงกำแพงข่มตาหลับเพื่อรอวันพรุ่งนี้...
เสียงยางรถบดถนนดังกระทบหูให้คนนั่งหลับข้างรั้วกำแพงวังมีอันสะดุ้งตื่น มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาขยับลุกพรวดตัวลีบเล็กเมื่อเจ้าของรถยนต์คันงามเปิดประตูเสียงดังหรี่ตามองเธอหน้านิ่วคิ้วขมวด!
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มทอดถามกับลุงยามที่ออกมาโค้งต้อนรับมองมาทางเธอแอบมีสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะจำได้ตอบกลับผู้เป็นนายเบาๆ
“เมื่อคืนเด็กคนนี้มาขอพบคุณหญิงท่านน่ะครับ แต่ผมก็ไล่ให้กลับไปเพราะเห็นว่าดึกมากแล้วคงไม่เหมาะเท่าไรถ้าจะปลุกคุณหญิงท่านขึ้นมาในยามวิกาล” คนหน้าซีดเซียวยิ้มแหยๆ เมื่อสบประสานสายตาลุงยาม ประกบมือยกไหว้ปลกๆ สองคนที่อยู่เบื้องหน้าก่อนผลุบหน้ามองพื้นครั้นชายผู้มาใหม่กราดมองทั่วตัวเธอ
“พาไปหาอะไรทานในครัวก่อน แล้วอีกสักพักค่อยพาไปพบคุณแม่” กล่าวจบก็เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถก่อนขับเข้าไปจอดข้างในวัง จันทร์แก้วมองตามแต้มยิ้มนิดๆ รู้สึกดีในความมีน้ำใจของชายแปลกหน้า นิมิตหมายที่ดี กับงานใหม่ที่นี่ จันทร์คงมาถูกทางแล้วใช่ไหมจ๊ะยาย เดินตามลุงยามที่กวักมือเรียกเธอเข้าไปบ้าง
“ไล่ให้กลับบ้านไปดันมานอนแหง็กหน้าวังซะนี่ เด็กอะไรก็ไม่รู้น่าตีจริงๆ เป็นสาวเป็นนางกล้ามานอนข้างทางได้อย่างไงตลอดทั้งคืน” ลุงยามบ่นพึมพำพาเธอเดินเท้าไปยังเรือนหลังเล็กห่างไกลออกมาจากวังสิทฐนต์
“คุณคนนั้นเป็นลูกชายคุณหญิงท่านหรือจ๊ะ” เสียงใสๆ แย้มถาม ชายแก่ในชุดฟอร์มบริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นนำของเมืองไทยหันขวับ
“ถูกแล้วล่ะนางหนู โชคดีเป็นของเอ็งที่เจอคุณพีทแทนที่จะเป็น...เออ ช่างมันเถอะ อีกนิดเดียวก็จะถึงครัวแล้วตามมาสิ” สาวน้อยหน้าซีดพยักหน้าหงึกหงักเดินหลังตามลุงยามไปอย่างว่าง่ายเพราะตอนนี้เธอก็หิวจนตาลายจวนเจียนจะเป็นลมอยู่แล้ว
“อ้าว! นั่นพาใครมาล่ะตาน้อย” สาวอวบอ้วนในชุดแม่บ้านเอ่ยถามครั้นเห็นลุงน้อยยามหน้าบ้านพาเด็กมอมแมมแปลกหน้าเข้ามาในครัว
“หาข้าวให้นางหนูนี่กินหน่อยสิแม่อุ่น หน้าซีดขนาดนี้กลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนพบคุณหญิงท่าน” แม่อุ่นพยักหน้าทั้งที่ยังงุนงงอยู่มาก
“อ่ะ งั้นก็ได้ นั่งตรงนี้ก่อนเลยหนูเดี๋ยวป้าไปเอาข้าวมาให้กิน” ตบบ่าเล็กที่ลงนั่งเรียบร้อยบนโต๊ะหินอ่อนหน้าห้องครัวก่อนโฉบหายไปยกอาหารมาให้เธอ
“แม่อุ่นไว้นางหนูนี่กินข้าวเสร็จแล้วพาไปพบคุณหญิงท่านด้วยนะ” ลุงน้อยตะโกนย้ำก่อนออกไป จันทร์แก้วมองสภาพห้องครัวกว้างขวางสะอาดสะอ้านพร้อมบรรยากาศเป็นกันเองก็ยิ่งรู้สึกอยากทำงานที่นี่มากขึ้น ทั้งคุณหญิงและลูกชายท่านก็ดูเป็นคนดีมีเมตตากับเธอมาก...ช่างต่างกับที่ที่เธอจากมาราวฟ้ากับเหว!
“ที่วังนี้มีป้าอุ่นกับลุงน้อยเพียงสองคนที่ดูแลที่นี่หรือจ๊ะ” คำถามโง่ๆ จากสายตาที่เห็นเรียกเสียงหัวเราะสาวใหญ่วัยกลางคนต้องหัวเราะร่วน
“ไม่ใช่หรอกนางหนู คนดูแลที่นี่มีเป็นสิบๆ คน ทั้งคนสวน คนรถ และเด็กรับใช้เรือนขาว เรือนแดง แต่ที่เห็นป้าอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะส่วนใหญ่ก็โน้นขึ้นไปรับใช้คุณๆ ท่านบนตึกใหญ่กันหมดแล้ว รออีกสักสิบห้านาทีป้าค่อยพาหนูไปพบคุณหญิงท่านนะ” สาวน้อยพนมมือไหว้ขอบคุณยิ้มหวานในความใจดีและเป็นกันเอง พูดคุยซักประวัติกันอีกสักพักป้าอุ่นก็พาจันทร์แก้วมาหาหม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณยังตึกหลังใหญ่
“รอตรงนี้นะหนูจันทร์ เดี๋ยวป้าไปเรียนคุณหญิงท่านก่อน” ป้าอุ่นทิ้งจันทร์แก้วแหมะบนห้องโถงโอ่อ่า สาวน้อยมือเย็นเฉียบไม่คิดไม่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะมีโอกาสเข้ามาทำงานในวัง อมยิ้มในความขี้ตู่ตัวเอง
“รัชชานนท์! กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ”
เสียงดังตึงตังจากบนชั้นสองสยบรอยยิ้มดีใจของสาวน้อยเสียหมดสิ้น ป้าอุ่นเดินเร็วๆ มาดึงมือคนยืนงงไปหลบก่อนจะโดนระเบิดหล่นใส่หัวทันเสี้ยววินาทีที่เสียงอึกทึกครึกโครมย้ายลงมายังโถงชั้นล่างพอดิบพอดี
“ผมไม่จำเป็นต้องฟังคุณ” คราวนี้เป็นเสียงผู้ชายตอบกลับมา จันทร์แก้วถูกดันหลบอยู่หลังป้าอุ่นมีแจกันทรงสูงบดบังทั้งคู่เอาไว้จากคนสองคนที่ยืนทะเลาะกันอยู่ตรงโถงทางเดินชั้นล่าง
“แกมันใจดำ ถ้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ขวางหูขวางตาแกนักทำไมไม่กลับไปอยู่กับไอ้มาเฟียเฒ่าพ่อแกเลยล่ะ!” คุณหญิงทิพวรรณเกร็งสั่นกำมือแน่น บุตรชายเบื้องหน้าแสยะยิ้มสืบเท้ามาใกล้มารดาใช้แววตาไร้ความผูกพันจ้องลึกลงไปในดวงตาเรียวงาม
“ระวังคำพูดไว้บ้างก็ดีนะคุณหญิง อย่าลืมสิที่แห่งนี้ในทุกตารางนิ้วมันเป็นของใคร” รัชชานนท์กดรอยยิ้มลึกไม่มีความรู้สึกเสียใจที่เห็นมารดามีน้ำใสๆ เต็มคลองจักษุ จันทร์แก้วชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อจับน้ำเสียงข่มขู่แกมเหน็บแนมของคู่สนทนาได้ชัดเจน
“ฉันไม่ลืมหรอกว่าเป็นของแก และก็ตั้งจิตภาวนาทุกลมหายใจให้แกรักษาสัตย์สัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมยายบ้าง...ถ้าแกจะกรุณา” คุณหญิงน้ำตาไหล แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามกลับแค่นเสียงหัวเราะใส่ สาวน้อยหน้าตึงระเรื่อยค่อยๆ ชะโงกหน้าไปแอบดูบ้าง แม้เห็นแต่แผ่นหลังชายคนนั้นแต่ลักษณะท่าทางและขนาดความสูงคงเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับที่เธอเจอช่วงเช้าวันนี้แน่ ความประทับใจติดลบเมื่อเห็นการกระทำอกตัญญูของหนุ่มมีน้ำใจจอมปลอม
“คำขอสุดท้ายของหม่อมยายผมรับปากไปแล้วผมต้องทำมันแน่ วางใจเถอะ ผมยังสนุกในการยั่วโมโห ทั้ง ‘ลูก’ และ ‘ผัว’ คุณหญิงอยู่ ถ้าขาดพวกมันไป ผมจะเหลือใครให้แกล้งละครับ” ทิ้งท้ายรอยยิ้มสะใจที่เห็นสีหน้ามารดาเจ็บช้ำถึงที่สุด ดี! มันสมควรแล้ว เจ็บซะบ้างก็ดี เจ็บให้เหมือนกับที่ทำให้เขาเจ็บ! รัชชานนท์หมุนตัวเดินออกไป ป้าอุ่นรีบหดหน้ากลับมาเมื่อเห็นทายาทรุ่นที่สามของ ‘สิทฐนต์ทัพพ์’ กำลังตรงมาทางนี้ รีบสะกิดสาวน้อยที่หัวทึบยืนค้างเติ่งสู้สายตาบุตรชายคนโตคุณหญิงทิพวรรณตาไม่กะพริบ!
ดวงหน้าเรียวยาวคมเสลาขมวดคิ้วเข้มเหนือนัยน์ตาเข้มสีนิลกาฬฉายความตกใจเจือความประหลาดใจต่อภาพสตรีร่างจ้อยที่ยืนค้างอยู่ตรงเบื้องหน้า!
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่!” จันทร์แก้วสะอึกเมื่อชายตรงหน้าพูดกับเธอ ผลุบหน้ามองพื้นกัดริมฝีปากแน่นน้ำตาพานจะไหล นิมิตหมายที่ดีของเธอมันกลายเป็นดำมืดมิดเหมือนสีนัยน์ตาเขา มีเขาอยู่ โลกของเธออึดอัดและเจ็บปวดเหลือเกิน มือบางบีบเข้าหากันแน่นกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมาใหม่เพื่อบอกลาและไปจากที่นี่ซะ!
“หนูจันทร์มาขอพบคุณหญิงท่านน่ะค่ะคุณหนู” ริมฝีปากน้อยที่อ้าค้างหุบกลับไปใหม่ครั้นป้าอุ่นชิงพูดก่อนเธอจะปฏิเสธแล้ววิ่งหนีไปให้ไกลจากที่แห่งนี้...ที่...ที่ไม่มีเขา!
“หนูจันทร์แก้วใช่ไหม มาทางนี้สิ ฉันรอเธออยู่” เสียงคุณหญิงทิพวรรณดังขึ้นลั่นระฆังความอึดอัดมาคุตรงนี้ได้ทันเวลา ป้าอุ่นต้องออกแรงดึงร่างเล็กถึงขยับขาแข็งๆ จากมาได้ จันทร์แก้วชำเลืองมองชายที่วกกลับมาใหม่ด้วยความอึดอัดทรมานใจเป็นที่สุด
รัชชานนท์นั่งแหมะบนโซฟากลางโถง เท้าแขนครุ่นคิดนัยน์ตาคมกริบดุจราชสีห์จ้องจับสาวน้อยที่นั่งบนพื้นพรมตลอดเวลา คุณหญิงทิพวรรณปรายตามองบุตรชายคนโตแวบหนึ่งก็ขยับไปนั่งบนโซฟาอีกตัวทอดเสียงอบอุ่นมีเมตตาไถ่ถามธุระของสาวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“ไม่ต้องเกรงใจฉันนะหนูจันทร์แก้ว มีอะไรอยากให้ฉันช่วยก็บอกมา” ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วยเธอคงพูดได้สะดวกใจกว่านี้ จันทร์แก้วเงยหน้าทีไรก็เห็นรัชชานนท์จ้องเธอจนตาแทบถลน คุณหญิงเองก็เหมือนจะรู้จากสายตาหนุ่มสาวที่ลอบมองกันบ่อยให้ใคร่สงสัย
“เอ่อ...หนู...” กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคนจนตรอกอย่างเธอไม่เหลือทางอื่นให้เลือกเดินเลย “ขะ...ของานให้หนูทำได้ไหมคะคุณหญิง!” น้ำตาคลอหน่วยหลังเหลือบไปเห็นรอยยิ้มหยันของคนที่เธอไม่อยากจะเห็น หม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณจับอาการคนทั้งคู่ตลอดเวลา พิศมองทั่วใบหน้าขาวซีดตามเนื้อตัวค่อนข้างมอมแมมก็ให้สงสารนัก ตอบรับเบาๆ ที่จันทร์แก้วไม่รู้สึกดีใจสักนิดยามเห็นสายตาคู่คมเหยียดหยันเธออยู่ตรงหน้า
“ก็ได้ฉันจะรับหนู แล้วอยากทำงานอะไรละ” ปากอิ่มขยับยิ้มน้อยๆ ข้อนี้เธอคิดไว้แล้ว งานที่เธออยากทำก็คือ...
“เสียเวลาถามทำไมครับ วุฒิการศึกษาสักอย่างก็ไม่มีมา งานที่เหมาะสมก็คงเหลือตำแหน่งเดียว...คนใช้!”ใบหน้าคมเหยียดยิ้มเยาะลุกออกไปเมื่อเหยียบย่ำหัวใจสาวตรงหน้าได้สำเร็จ ปลายนิ้วเล็กจิกเนื้อตัวเองข่มความโกรธ เจ็บปวด เสียใจ และทรมาน อยากจะกลับคำพูดแล้ววิ่งหนีไปให้ไกลมากแค่ไหนก็ต้องหวนคิดหน้าคิดหลังเตือนตัวเองว่าในตอนนี้เธอไม่เหลือเงินติดตัวมากพอจะไปจากที่นี่!
“อย่าไปฟังเลยนะหนูจันทร์แก้ว เอาล่ะ…อยากทำงานอะไรหืม” ความอบอุ่นในเนื้อเสียงดับอารมณ์น้อยใจจันทร์แก้วไปได้มาก
“หนูพอทำอาหารเป็นอยู่บ้างค่ะ ฝีมืออาจจะไม่ถูกปากคุณหญิง แต่ถ้าคุณหญิงจะเมตตาลองชิมอาหารที่หนูทำดูก่อนไหมคะ หรืออยากให้หนูทำงานบ้านด้วยก็ได้คะ หนูไม่เกี่ยงงานอยู่แล้ว” เสียงรัวเร็วกลัวไม่ได้งานเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงสูงศักดิ์มองเพลินในความบริสุทธิ์ใสซื่อของเด็กคนนี้
“พอๆ เธอมองฉันเป็นคนเขี้ยวลากดินขนาดนั้นเลยหรือไง” เด็กสาวยิ้มจืดสั่นหัวตอบ
“ฉันไม่ใช่ใจดีกับทุกคนหรอกนะจันทร์แก้ว แต่เพราะเป็นหนู ซึ่งฉันยอมรับว่าถูกชะตาหนูมาก เอาเป็นว่าฉันจะรับหนู...สะดวกไหมถ้าต้องอยู่กินนอนที่นี่” สีหน้ากระตือรือร้นลังเลไปสักพักก็สั่นหัวตอบอีกครั้ง
“สะดวกค่ะ หนูอยู่คนเดียว มีชีวิตเดียว จะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครให้ห่วงอีกแล้ว” ท้ายเสียงฟังแล้วเหงาเศร้าจับใจ คุณหญิงเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กสาวอาภัพเบาๆ
“งั้นก็ดีจ้ะ พรุ่งนี้เริ่มงานเลย เดี๋ยวฉันจะให้แม่อุ่นคอยเป็นครูสอนงานหนู” จันทร์แก้วก้มกราบขอบคุณก่อนจะคลานเข่าตามป้าอุ่นออกไปยังที่อยู่ใหม่ของเธอ...เรือนรับใช้!
“ลีโอ! ทำไมมาช้าจังคะ”
แพทริเซียตะโกนแข่งกับเสียงเพลงดังกระหึ่มในผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ลีโอ หวัง หรือ รัชชานนท์ สิทฐนต์ทัพพ์ บุตรชายคนโตของหม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณ ชักสีหน้าท่าทางขรึมเครียดจนเพื่อนๆ ในกลุ่มพากันเซ็งกันหมด ไม่เว้นแม้แต่แฟนสาวก็ยังต้องนั่งเฉยรอเขาอารมณ์เย็นและพร้อมเปิดปากคุยกับเธอเอง
“ได้ข่าวยายเด็กใจแตกคนนั้นบ้างไหม” คนนิ่งเงียบไปสักพักมองตาขรึมไปทางเพื่อนชายที่เป็นลูกชายเจ้าของผับดังแห่งเมืองท่องเที่ยวพัทยา
“เกิดติดใจเด็กนั่นขึ้นมาหรือไงพ่อสิงห์หนุ่ม” วิวัฒน์ที่ขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพกล่าวแซวสักพักก็ต้องรีบกลับลำเมื่อเห็นสีหน้าสิงห์หนุ่มไม่เล่นด้วย “ก็...ล่าสุดได้ข่าวกิ๊กนางเด็กนั่นถูกจับเพราะดันไปแทงคนเกือบตายจนขึ้นโรงพักมีเรื่องราวใหญ่โตไปพักหนึ่งก็เงียบหายไป หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้รับข่าวคราวและเห็นหน้านางเด็กนั่นอีกเลย สงสัยหอบเสื้อผ้าหนีตามไอ้คชาไปแล้วมั้ง” กระแทกน้ำเมาไหลลงคอไปกระตุกยิ้มสะใจในเรื่องปั้นแต่งเสริมภาพลักษณ์จันทร์แก้วเป็นเด็กใจแตกในสายตาเพื่อนฝูง สมน้ำหน้ามัน! อยากเล่นตัวกับเขานัก ยกน้ำเมากระดกพรวดอีกแก้วเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เขาอุตส่าห์วางแผนบีบจันทร์แก้วให้จนตรอกทุกทางหวังได้เชยชมเธอ แต่ที่ไหนได้เธอกลับหนีไปอยู่ที่ไหนกับใครก็ไม่รู้!
รัชชานนท์นิ่งฟังขรึมเคร่งยิ่งกว่าเดิมความจริงในวันนี้ช่างขัดแย้งกับภาพที่เขาเห็น แต่บางอย่างในคำพูดเพื่อนก็มีบางสิ่งที่เรียกความหงุดหงิดเขามากพอดู
“ใครคือคชา!”
“ก็ ลูกชายแม่ค้าขายปลาในตลาดแถวนั้นนั่นแหละ ไม่เห็นหน้ามันมาหลายวันล่ะ สงสัยหนีไปกับอีเด็กจันทร์แก้ว” วิวัฒน์ดื่มรวดเดียวหมดแก้วยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉา จันทร์แก้วแม้ไม่สวยเด่นเหมือนสาวๆ นั่งบาร์ในผับของเขาที่สวยจัดลีลาเด็ดสะระตี่กันทุกคน แต่ความสดซิง หัวรั้นนิดๆ ของสาวน้อยก็เชิญชวนให้เขาอยากที่จะลิ้มลองเสียนี่กระไร
“อ้าว! ลีโอ! คุณจะไปไหนคะนั่น” แพทริเซียตะโกนก้องครั้นเห็นร่างสูงของคนรักจู่ๆ ก็ลุกออกไปจากที่นี่เสียเฉยๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
นิยายทำมือ ‘ไฟรักเทพบุตรทมิฬ’ เปิดจองวันนี้ – 30 เมษายน 2556
พิมพ์ตามยอดสั่งจองเท่านั้น!!! สั่งจองได้ที่...
nisanujanuarynine@gmail.com
“จันทร์ไม่ได้มาทำงาน หมายความว่าไง!”
“ก็หมายความว่ามันถูกเสี่ยน้อยไล่ออกไปแล้วไงย่ะ ไอ้ตี๋หน้าโง่ ถามเซ้าซี้อยู่ได้” สาวนั่งบาร์ผลักอกหนุ่มเนื้อแน่นตัวโตออกอย่างเสียดายครั้นรู้ว่าชายคนนี้ไม่ได้มาเที่ยวแต่มาเพื่อถามหาคนที่ถูกไล่ออกไปเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว
คชานิ่วหน้าเดินออกมาหน้าผับสีหน้ามึนงง จันทร์แก้วถูกไล่ออก? แล้วทำไมยังโกหกว่ายังทำงานอยู่ ช่วงขาแข็งแรงออกสตาร์ทวิ่งออกไปจากตรงนี้ทันทีเมื่อรู้สึกใจคอไม่ดียังไงก็ไม่รู้ เขาเที่ยวหาเธอตามตลาดโต้รุ่งแม่ค้าก็ต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าจันทร์แก้วไม่ได้มาทำงานแล้ว คชาตรงกลับไปบ้านเช่าของจันทร์แก้วก็ต้องตกใจที่พบบ้านปิดไฟมืดเข้าไปสำรวจข้าวข้างในก็พบเสื้อผ้าหายไปเกือบหมด
“โธ่...จันทร์ ไปอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ช้าง” ชายหนุ่มทรุดนั่งขยุ้มเส้นผมสุดเซอร์ของตนเองยุ่งเหยิงไปหมด กลุ้มใจ โมโห และสุดแสนเป็นห่วง จันทร์แก้วยังเด็กแถมเป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียวจะออกไปไหนทำอะไรทำไมไม่บอกเขาก่อน ยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนรุ่มในใจ เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงผูกพันกับจันทร์แก้วได้เพียงนี้ อยากเห็นเธอมีความสุข อยากช่วยเหลือเธอสุดความสามารถที่จะทำได้ แต่ตอนนี้คนที่เขาอยากดูแลไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...
ช่วงเวลาเดียวกันรถแท็กซี่ที่ถูกผู้โดยสารตีไกลมาจากสถานีขนส่งหมอชิตจอดสนิทหน้าวังสิทฐนต์ เหลียวหลังไปถามสาวน้อยที่นั่งอยู่ตอนหลังด้วยความไม่แน่ใจว่าจ้างวานเขาส่งถูกที่หรือไม่
“แน่ใจหรือหนูว่ารู้จักคนในวังนี้” คนขับวัยกลางคนประเมินมองสภาพผู้โดยสารของเขามันน่าเชื่อยากซะจริงๆ จันทร์แก้วก้มมองสภาพมอมแมมของเธอในชุดเสื้อยืดหลวมๆ กางเกงยีนเก่าๆ อดอายไม่ได้ ล้วงหยิบเงินสดก้อนสุดท้ายที่เหลือติดตัวจ่ายคนขับแท็กซี่ไปก่อนจะขนกระเป๋าลงจากรถ
จันทร์แก้วมองผ่านซี่ลูกกรงเหล็กดัดลายงดงามวิจิตรไปยังตัวอาคารหลังใหญ่โต โอ่อ่า ตระการตาจนเธอมองตะลึงตาค้าง ชะเง้อชะแง้ลังเลอยู่ไม่นานยามสูงวัยหน้าโหดหนวดเครายาวเฟื้อยก็เดินมาเคาะลูกกรงที่เธอยืนอยู่ทำเอาสาวน้อยสะดุ้งโหยงตกใจปล่อยเสียงตะกุกตะกักถามออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“คือ...นะ...หนูจะมาพบคุณใจดี...เอ่อ...หม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณนะจ๊ะ ท่านอยู่ไหมจ้ะ” มือเล็กรื้อค้นบางอย่างในกระเป๋ากางเกงก่อนจะประคองนามบัตรใบเล็กส่งให้ลุงยามหน้าเหี้ยมรับไปพินิจดู ชายสูงวัยก้มมองนามบัตรกับมองสภาพหญิงสาวอ่อนวัยเบื้องหน้าก็ยื่นนามบัตรส่งกลับคืนไป
“หนูนี่หน้าไม่คุ้นเลยนะ ชื่ออะไรแล้วมาจากไหนนะเรา มีธุระอะไรด่วนกับคุณหญิงท่านหรือเปล่า” สาวน้อยยิ้มจืดเมื่อเห็นสายตาตำหนิของยามสูงวัยแหงนหน้ามองท้องฟ้าอ่านเวลาก็คาดคะเนว่าคงดึกพอควรที่เธอจะมาคุยธุระในยามนี้ได้
“ชื่อจันทร์แก้วจ้ะ มาจากพัทยา ...เอ่อ หนูรบกวนลุงช่วยไปเรียนคุณหญิงท่านได้ไหมจ๊ะ ว่าหนูมีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน” แม้รู้ว่าไม่เหมาะสมและรู้สึกเกรงอกเกรงใจอยู่มากแต่เธอก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดในเมื่อทุกบาททุกสตางค์ในตอนนี้มีเหลือไม่พอจะขึ้นรถเมล์เลยด้วยซ้ำ
“ไม่ดีมั้งนางหนู ดึกป่านนี้แล้วคุณหญิงกับคุณๆ ท่านคงเข้านอนกันหมดแล้ว มีอะไรค่อยมาติดต่อพรุ่งนี้เช้าล่ะกัน” ลุงยามโบกมือใช้สายตาดุเข้มบังคับไล่ที่จันทร์แก้วจำต้องถอยออกมาจากหน้าประตูรั้วเหล็ก มองตาละห้อยหิ้วกระเป๋าลากเท้าออกมานั่งคุดคู้ข้างผนังกำแพงวัง สองมือกอดตัวเองทั้งหนาวทั้งหิว อดทนไว้จันทร์แก้ว พรุ่งนี้เช้า ‘เธอจะได้งานทำ’ ตั้งความหวังไว้สูงสุด คลี่ยิ้มเรียกกำลังใจขยับกายพิงกำแพงข่มตาหลับเพื่อรอวันพรุ่งนี้...
เสียงยางรถบดถนนดังกระทบหูให้คนนั่งหลับข้างรั้วกำแพงวังมีอันสะดุ้งตื่น มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาขยับลุกพรวดตัวลีบเล็กเมื่อเจ้าของรถยนต์คันงามเปิดประตูเสียงดังหรี่ตามองเธอหน้านิ่วคิ้วขมวด!
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” เจ้าของเสียงทุ้มนุ่มทอดถามกับลุงยามที่ออกมาโค้งต้อนรับมองมาทางเธอแอบมีสะดุ้งนิดหนึ่งเพราะจำได้ตอบกลับผู้เป็นนายเบาๆ
“เมื่อคืนเด็กคนนี้มาขอพบคุณหญิงท่านน่ะครับ แต่ผมก็ไล่ให้กลับไปเพราะเห็นว่าดึกมากแล้วคงไม่เหมาะเท่าไรถ้าจะปลุกคุณหญิงท่านขึ้นมาในยามวิกาล” คนหน้าซีดเซียวยิ้มแหยๆ เมื่อสบประสานสายตาลุงยาม ประกบมือยกไหว้ปลกๆ สองคนที่อยู่เบื้องหน้าก่อนผลุบหน้ามองพื้นครั้นชายผู้มาใหม่กราดมองทั่วตัวเธอ
“พาไปหาอะไรทานในครัวก่อน แล้วอีกสักพักค่อยพาไปพบคุณแม่” กล่าวจบก็เปิดประตูเข้าไปนั่งในรถก่อนขับเข้าไปจอดข้างในวัง จันทร์แก้วมองตามแต้มยิ้มนิดๆ รู้สึกดีในความมีน้ำใจของชายแปลกหน้า นิมิตหมายที่ดี กับงานใหม่ที่นี่ จันทร์คงมาถูกทางแล้วใช่ไหมจ๊ะยาย เดินตามลุงยามที่กวักมือเรียกเธอเข้าไปบ้าง
“ไล่ให้กลับบ้านไปดันมานอนแหง็กหน้าวังซะนี่ เด็กอะไรก็ไม่รู้น่าตีจริงๆ เป็นสาวเป็นนางกล้ามานอนข้างทางได้อย่างไงตลอดทั้งคืน” ลุงยามบ่นพึมพำพาเธอเดินเท้าไปยังเรือนหลังเล็กห่างไกลออกมาจากวังสิทฐนต์
“คุณคนนั้นเป็นลูกชายคุณหญิงท่านหรือจ๊ะ” เสียงใสๆ แย้มถาม ชายแก่ในชุดฟอร์มบริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นนำของเมืองไทยหันขวับ
“ถูกแล้วล่ะนางหนู โชคดีเป็นของเอ็งที่เจอคุณพีทแทนที่จะเป็น...เออ ช่างมันเถอะ อีกนิดเดียวก็จะถึงครัวแล้วตามมาสิ” สาวน้อยหน้าซีดพยักหน้าหงึกหงักเดินหลังตามลุงยามไปอย่างว่าง่ายเพราะตอนนี้เธอก็หิวจนตาลายจวนเจียนจะเป็นลมอยู่แล้ว
“อ้าว! นั่นพาใครมาล่ะตาน้อย” สาวอวบอ้วนในชุดแม่บ้านเอ่ยถามครั้นเห็นลุงน้อยยามหน้าบ้านพาเด็กมอมแมมแปลกหน้าเข้ามาในครัว
“หาข้าวให้นางหนูนี่กินหน่อยสิแม่อุ่น หน้าซีดขนาดนี้กลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนพบคุณหญิงท่าน” แม่อุ่นพยักหน้าทั้งที่ยังงุนงงอยู่มาก
“อ่ะ งั้นก็ได้ นั่งตรงนี้ก่อนเลยหนูเดี๋ยวป้าไปเอาข้าวมาให้กิน” ตบบ่าเล็กที่ลงนั่งเรียบร้อยบนโต๊ะหินอ่อนหน้าห้องครัวก่อนโฉบหายไปยกอาหารมาให้เธอ
“แม่อุ่นไว้นางหนูนี่กินข้าวเสร็จแล้วพาไปพบคุณหญิงท่านด้วยนะ” ลุงน้อยตะโกนย้ำก่อนออกไป จันทร์แก้วมองสภาพห้องครัวกว้างขวางสะอาดสะอ้านพร้อมบรรยากาศเป็นกันเองก็ยิ่งรู้สึกอยากทำงานที่นี่มากขึ้น ทั้งคุณหญิงและลูกชายท่านก็ดูเป็นคนดีมีเมตตากับเธอมาก...ช่างต่างกับที่ที่เธอจากมาราวฟ้ากับเหว!
“ที่วังนี้มีป้าอุ่นกับลุงน้อยเพียงสองคนที่ดูแลที่นี่หรือจ๊ะ” คำถามโง่ๆ จากสายตาที่เห็นเรียกเสียงหัวเราะสาวใหญ่วัยกลางคนต้องหัวเราะร่วน
“ไม่ใช่หรอกนางหนู คนดูแลที่นี่มีเป็นสิบๆ คน ทั้งคนสวน คนรถ และเด็กรับใช้เรือนขาว เรือนแดง แต่ที่เห็นป้าอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะส่วนใหญ่ก็โน้นขึ้นไปรับใช้คุณๆ ท่านบนตึกใหญ่กันหมดแล้ว รออีกสักสิบห้านาทีป้าค่อยพาหนูไปพบคุณหญิงท่านนะ” สาวน้อยพนมมือไหว้ขอบคุณยิ้มหวานในความใจดีและเป็นกันเอง พูดคุยซักประวัติกันอีกสักพักป้าอุ่นก็พาจันทร์แก้วมาหาหม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณยังตึกหลังใหญ่
“รอตรงนี้นะหนูจันทร์ เดี๋ยวป้าไปเรียนคุณหญิงท่านก่อน” ป้าอุ่นทิ้งจันทร์แก้วแหมะบนห้องโถงโอ่อ่า สาวน้อยมือเย็นเฉียบไม่คิดไม่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะมีโอกาสเข้ามาทำงานในวัง อมยิ้มในความขี้ตู่ตัวเอง
“รัชชานนท์! กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ”
เสียงดังตึงตังจากบนชั้นสองสยบรอยยิ้มดีใจของสาวน้อยเสียหมดสิ้น ป้าอุ่นเดินเร็วๆ มาดึงมือคนยืนงงไปหลบก่อนจะโดนระเบิดหล่นใส่หัวทันเสี้ยววินาทีที่เสียงอึกทึกครึกโครมย้ายลงมายังโถงชั้นล่างพอดิบพอดี
“ผมไม่จำเป็นต้องฟังคุณ” คราวนี้เป็นเสียงผู้ชายตอบกลับมา จันทร์แก้วถูกดันหลบอยู่หลังป้าอุ่นมีแจกันทรงสูงบดบังทั้งคู่เอาไว้จากคนสองคนที่ยืนทะเลาะกันอยู่ตรงโถงทางเดินชั้นล่าง
“แกมันใจดำ ถ้าทุกคนที่อยู่ที่นี่ขวางหูขวางตาแกนักทำไมไม่กลับไปอยู่กับไอ้มาเฟียเฒ่าพ่อแกเลยล่ะ!” คุณหญิงทิพวรรณเกร็งสั่นกำมือแน่น บุตรชายเบื้องหน้าแสยะยิ้มสืบเท้ามาใกล้มารดาใช้แววตาไร้ความผูกพันจ้องลึกลงไปในดวงตาเรียวงาม
“ระวังคำพูดไว้บ้างก็ดีนะคุณหญิง อย่าลืมสิที่แห่งนี้ในทุกตารางนิ้วมันเป็นของใคร” รัชชานนท์กดรอยยิ้มลึกไม่มีความรู้สึกเสียใจที่เห็นมารดามีน้ำใสๆ เต็มคลองจักษุ จันทร์แก้วชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อจับน้ำเสียงข่มขู่แกมเหน็บแนมของคู่สนทนาได้ชัดเจน
“ฉันไม่ลืมหรอกว่าเป็นของแก และก็ตั้งจิตภาวนาทุกลมหายใจให้แกรักษาสัตย์สัญญาที่ให้ไว้กับหม่อมยายบ้าง...ถ้าแกจะกรุณา” คุณหญิงน้ำตาไหล แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามกลับแค่นเสียงหัวเราะใส่ สาวน้อยหน้าตึงระเรื่อยค่อยๆ ชะโงกหน้าไปแอบดูบ้าง แม้เห็นแต่แผ่นหลังชายคนนั้นแต่ลักษณะท่าทางและขนาดความสูงคงเป็นผู้ชายคนเดียวกันกับที่เธอเจอช่วงเช้าวันนี้แน่ ความประทับใจติดลบเมื่อเห็นการกระทำอกตัญญูของหนุ่มมีน้ำใจจอมปลอม
“คำขอสุดท้ายของหม่อมยายผมรับปากไปแล้วผมต้องทำมันแน่ วางใจเถอะ ผมยังสนุกในการยั่วโมโห ทั้ง ‘ลูก’ และ ‘ผัว’ คุณหญิงอยู่ ถ้าขาดพวกมันไป ผมจะเหลือใครให้แกล้งละครับ” ทิ้งท้ายรอยยิ้มสะใจที่เห็นสีหน้ามารดาเจ็บช้ำถึงที่สุด ดี! มันสมควรแล้ว เจ็บซะบ้างก็ดี เจ็บให้เหมือนกับที่ทำให้เขาเจ็บ! รัชชานนท์หมุนตัวเดินออกไป ป้าอุ่นรีบหดหน้ากลับมาเมื่อเห็นทายาทรุ่นที่สามของ ‘สิทฐนต์ทัพพ์’ กำลังตรงมาทางนี้ รีบสะกิดสาวน้อยที่หัวทึบยืนค้างเติ่งสู้สายตาบุตรชายคนโตคุณหญิงทิพวรรณตาไม่กะพริบ!
ดวงหน้าเรียวยาวคมเสลาขมวดคิ้วเข้มเหนือนัยน์ตาเข้มสีนิลกาฬฉายความตกใจเจือความประหลาดใจต่อภาพสตรีร่างจ้อยที่ยืนค้างอยู่ตรงเบื้องหน้า!
“ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่!” จันทร์แก้วสะอึกเมื่อชายตรงหน้าพูดกับเธอ ผลุบหน้ามองพื้นกัดริมฝีปากแน่นน้ำตาพานจะไหล นิมิตหมายที่ดีของเธอมันกลายเป็นดำมืดมิดเหมือนสีนัยน์ตาเขา มีเขาอยู่ โลกของเธออึดอัดและเจ็บปวดเหลือเกิน มือบางบีบเข้าหากันแน่นกลั้นใจเงยหน้าขึ้นมาใหม่เพื่อบอกลาและไปจากที่นี่ซะ!
“หนูจันทร์มาขอพบคุณหญิงท่านน่ะค่ะคุณหนู” ริมฝีปากน้อยที่อ้าค้างหุบกลับไปใหม่ครั้นป้าอุ่นชิงพูดก่อนเธอจะปฏิเสธแล้ววิ่งหนีไปให้ไกลจากที่แห่งนี้...ที่...ที่ไม่มีเขา!
“หนูจันทร์แก้วใช่ไหม มาทางนี้สิ ฉันรอเธออยู่” เสียงคุณหญิงทิพวรรณดังขึ้นลั่นระฆังความอึดอัดมาคุตรงนี้ได้ทันเวลา ป้าอุ่นต้องออกแรงดึงร่างเล็กถึงขยับขาแข็งๆ จากมาได้ จันทร์แก้วชำเลืองมองชายที่วกกลับมาใหม่ด้วยความอึดอัดทรมานใจเป็นที่สุด
รัชชานนท์นั่งแหมะบนโซฟากลางโถง เท้าแขนครุ่นคิดนัยน์ตาคมกริบดุจราชสีห์จ้องจับสาวน้อยที่นั่งบนพื้นพรมตลอดเวลา คุณหญิงทิพวรรณปรายตามองบุตรชายคนโตแวบหนึ่งก็ขยับไปนั่งบนโซฟาอีกตัวทอดเสียงอบอุ่นมีเมตตาไถ่ถามธุระของสาวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง
“ไม่ต้องเกรงใจฉันนะหนูจันทร์แก้ว มีอะไรอยากให้ฉันช่วยก็บอกมา” ถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วยเธอคงพูดได้สะดวกใจกว่านี้ จันทร์แก้วเงยหน้าทีไรก็เห็นรัชชานนท์จ้องเธอจนตาแทบถลน คุณหญิงเองก็เหมือนจะรู้จากสายตาหนุ่มสาวที่ลอบมองกันบ่อยให้ใคร่สงสัย
“เอ่อ...หนู...” กัดริมฝีปากแน่นเมื่อคนจนตรอกอย่างเธอไม่เหลือทางอื่นให้เลือกเดินเลย “ขะ...ของานให้หนูทำได้ไหมคะคุณหญิง!” น้ำตาคลอหน่วยหลังเหลือบไปเห็นรอยยิ้มหยันของคนที่เธอไม่อยากจะเห็น หม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณจับอาการคนทั้งคู่ตลอดเวลา พิศมองทั่วใบหน้าขาวซีดตามเนื้อตัวค่อนข้างมอมแมมก็ให้สงสารนัก ตอบรับเบาๆ ที่จันทร์แก้วไม่รู้สึกดีใจสักนิดยามเห็นสายตาคู่คมเหยียดหยันเธออยู่ตรงหน้า
“ก็ได้ฉันจะรับหนู แล้วอยากทำงานอะไรละ” ปากอิ่มขยับยิ้มน้อยๆ ข้อนี้เธอคิดไว้แล้ว งานที่เธออยากทำก็คือ...
“เสียเวลาถามทำไมครับ วุฒิการศึกษาสักอย่างก็ไม่มีมา งานที่เหมาะสมก็คงเหลือตำแหน่งเดียว...คนใช้!”ใบหน้าคมเหยียดยิ้มเยาะลุกออกไปเมื่อเหยียบย่ำหัวใจสาวตรงหน้าได้สำเร็จ ปลายนิ้วเล็กจิกเนื้อตัวเองข่มความโกรธ เจ็บปวด เสียใจ และทรมาน อยากจะกลับคำพูดแล้ววิ่งหนีไปให้ไกลมากแค่ไหนก็ต้องหวนคิดหน้าคิดหลังเตือนตัวเองว่าในตอนนี้เธอไม่เหลือเงินติดตัวมากพอจะไปจากที่นี่!
“อย่าไปฟังเลยนะหนูจันทร์แก้ว เอาล่ะ…อยากทำงานอะไรหืม” ความอบอุ่นในเนื้อเสียงดับอารมณ์น้อยใจจันทร์แก้วไปได้มาก
“หนูพอทำอาหารเป็นอยู่บ้างค่ะ ฝีมืออาจจะไม่ถูกปากคุณหญิง แต่ถ้าคุณหญิงจะเมตตาลองชิมอาหารที่หนูทำดูก่อนไหมคะ หรืออยากให้หนูทำงานบ้านด้วยก็ได้คะ หนูไม่เกี่ยงงานอยู่แล้ว” เสียงรัวเร็วกลัวไม่ได้งานเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากหญิงสูงศักดิ์มองเพลินในความบริสุทธิ์ใสซื่อของเด็กคนนี้
“พอๆ เธอมองฉันเป็นคนเขี้ยวลากดินขนาดนั้นเลยหรือไง” เด็กสาวยิ้มจืดสั่นหัวตอบ
“ฉันไม่ใช่ใจดีกับทุกคนหรอกนะจันทร์แก้ว แต่เพราะเป็นหนู ซึ่งฉันยอมรับว่าถูกชะตาหนูมาก เอาเป็นว่าฉันจะรับหนู...สะดวกไหมถ้าต้องอยู่กินนอนที่นี่” สีหน้ากระตือรือร้นลังเลไปสักพักก็สั่นหัวตอบอีกครั้ง
“สะดวกค่ะ หนูอยู่คนเดียว มีชีวิตเดียว จะอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครให้ห่วงอีกแล้ว” ท้ายเสียงฟังแล้วเหงาเศร้าจับใจ คุณหญิงเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กสาวอาภัพเบาๆ
“งั้นก็ดีจ้ะ พรุ่งนี้เริ่มงานเลย เดี๋ยวฉันจะให้แม่อุ่นคอยเป็นครูสอนงานหนู” จันทร์แก้วก้มกราบขอบคุณก่อนจะคลานเข่าตามป้าอุ่นออกไปยังที่อยู่ใหม่ของเธอ...เรือนรับใช้!
“ลีโอ! ทำไมมาช้าจังคะ”
แพทริเซียตะโกนแข่งกับเสียงเพลงดังกระหึ่มในผับชื่อดังแห่งหนึ่ง ลีโอ หวัง หรือ รัชชานนท์ สิทฐนต์ทัพพ์ บุตรชายคนโตของหม่อมราชวงศ์หญิงทิพวรรณ ชักสีหน้าท่าทางขรึมเครียดจนเพื่อนๆ ในกลุ่มพากันเซ็งกันหมด ไม่เว้นแม้แต่แฟนสาวก็ยังต้องนั่งเฉยรอเขาอารมณ์เย็นและพร้อมเปิดปากคุยกับเธอเอง
“ได้ข่าวยายเด็กใจแตกคนนั้นบ้างไหม” คนนิ่งเงียบไปสักพักมองตาขรึมไปทางเพื่อนชายที่เป็นลูกชายเจ้าของผับดังแห่งเมืองท่องเที่ยวพัทยา
“เกิดติดใจเด็กนั่นขึ้นมาหรือไงพ่อสิงห์หนุ่ม” วิวัฒน์ที่ขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพกล่าวแซวสักพักก็ต้องรีบกลับลำเมื่อเห็นสีหน้าสิงห์หนุ่มไม่เล่นด้วย “ก็...ล่าสุดได้ข่าวกิ๊กนางเด็กนั่นถูกจับเพราะดันไปแทงคนเกือบตายจนขึ้นโรงพักมีเรื่องราวใหญ่โตไปพักหนึ่งก็เงียบหายไป หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้รับข่าวคราวและเห็นหน้านางเด็กนั่นอีกเลย สงสัยหอบเสื้อผ้าหนีตามไอ้คชาไปแล้วมั้ง” กระแทกน้ำเมาไหลลงคอไปกระตุกยิ้มสะใจในเรื่องปั้นแต่งเสริมภาพลักษณ์จันทร์แก้วเป็นเด็กใจแตกในสายตาเพื่อนฝูง สมน้ำหน้ามัน! อยากเล่นตัวกับเขานัก ยกน้ำเมากระดกพรวดอีกแก้วเมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เขาอุตส่าห์วางแผนบีบจันทร์แก้วให้จนตรอกทุกทางหวังได้เชยชมเธอ แต่ที่ไหนได้เธอกลับหนีไปอยู่ที่ไหนกับใครก็ไม่รู้!
รัชชานนท์นิ่งฟังขรึมเคร่งยิ่งกว่าเดิมความจริงในวันนี้ช่างขัดแย้งกับภาพที่เขาเห็น แต่บางอย่างในคำพูดเพื่อนก็มีบางสิ่งที่เรียกความหงุดหงิดเขามากพอดู
“ใครคือคชา!”
“ก็ ลูกชายแม่ค้าขายปลาในตลาดแถวนั้นนั่นแหละ ไม่เห็นหน้ามันมาหลายวันล่ะ สงสัยหนีไปกับอีเด็กจันทร์แก้ว” วิวัฒน์ดื่มรวดเดียวหมดแก้วยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉา จันทร์แก้วแม้ไม่สวยเด่นเหมือนสาวๆ นั่งบาร์ในผับของเขาที่สวยจัดลีลาเด็ดสะระตี่กันทุกคน แต่ความสดซิง หัวรั้นนิดๆ ของสาวน้อยก็เชิญชวนให้เขาอยากที่จะลิ้มลองเสียนี่กระไร
“อ้าว! ลีโอ! คุณจะไปไหนคะนั่น” แพทริเซียตะโกนก้องครั้นเห็นร่างสูงของคนรักจู่ๆ ก็ลุกออกไปจากที่นี่เสียเฉยๆ
ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
นิยายทำมือ ‘ไฟรักเทพบุตรทมิฬ’ เปิดจองวันนี้ – 30 เมษายน 2556
พิมพ์ตามยอดสั่งจองเท่านั้น!!! สั่งจองได้ที่...
nisanujanuarynine@gmail.com
ทิพกฤตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 เม.ย. 2556, 17:08:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 เม.ย. 2556, 17:26:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1412
<< บทที่ 1 โชคชะตาหรือฟ้าลิขิต (ครึ่งหลัง) | บทที่ 2 กาในฝูงหงส์ (ครึ่งหลัง) >> |