พันธนาการหวาม
ถ้าคุณชื่นชอบ เส้นทางระหว่างหัวใจ คุณก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่7



“จะให้เจนนี่ไปดูงานที่ภูเก็ตเหรอคะพี่พลอย”

น้ำเสียงที่ถามฟังออกว่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าในสิ่งที่เธอต้องทำในอนาคต ระหว่างรับประทานของว่างที่สนามหน้าบ้าน

เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในโรงแรมเมื่อไม่กี่วันมานี้ เจนนี่จึงถูกห้ามไม่ให้ไปทำงานที่โรงแรมอีก จนกว่าปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขเรียบร้อย

“ค่ะ...ที่ภูเก็ตทะเลสวย สถานที่ท่องเที่ยวเยอะ การได้ไปศึกษาดูงานที่นั่นน่าจะทำให้คุณเจนนี่ชอบและมีความสุขนะคะ เรียนจบกลับมาทั้งที” พิมพ์พลอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

เธอพยายามเปิดเผยความเป็นจริงเพียงบางส่วนด้วยคำพูดสวยหรู เพื่อดึงดูดความสนใจของน้องสาวสามี กับความหวังที่ว่าหากคุณเจนนี่ได้ไปเห็นความงดงามของทิวทัศน์ระหว่างการฝึกงานกับบริษัทท่องเที่ยวทางทะเลอย่างที่เธอเคยได้สัมผัสมาแล้ว คุณเจนนี่คงจะลืมเลือนความผิดเล็กๆของพี่สะใภ้คนนี้ไปบ้าง

“โรงแรมของเราที่ภูเก็ตเหรอคะ...ไม่น่าเชื่อว่าพี่ภณจะยอม ขนาดโรงแรมสาขาใหญ่ที่นี่แท้ๆ พี่ชายยังไม่อยากจะให้เจนนี่เข้าไปยุ่ง” สาวน้อยทำหน้ามุ่ย ทั้งเผลอค้อนให้คนที่ไม่ได้อยู่ในสถานที่นั้น

“ไม่ใช่ที่โรงแรมภูเก็ตหรอกค่ะ แต่เป็นบริษัททัวร์ทางทะเลที่ทางโรงแรมของเรามีธุรกิจร่วมด้วย คุณเจนนี่ต้องเข้าไปศึกษาเรียนรู้การทำงานของเขาเพื่อนำกลับมาพัฒนางานของเรา เพราะคุณภณเคยคุยกับพี่เอาไว้ว่าอาจจะเปิดบริษัทท่องเที่ยวเอาไว้นำเที่ยวทุกภาคทั่วไทย” พิมพ์พลอยเฉลยทั้งอธิบายเพิ่มอย่างละเอียด

“เจนนี่เพิ่งจะรู้นะคะว่าเราทำธุรกิจทัวร์ด้วย”

“เป็นการประสานงานกันค่ะ ไม่เชิงว่าเป็นการทำธุรกิจของเราเต็มๆ โดยการจัดทัวร์แต่ละครั้งของบริษัททัวร์ ทางโน้นจะจองโรงแรมของเราเป็นที่พักของลูกค้า เราก็จะมีค่าคอมมิชั่นให้กับทางบริษัททัวร์ เป็นการโปรโหมดชื่อเสียงของโรงแรมให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างดีอีกทางหนึ่งว่าโรงแรมของเราเป็นโรงแรมที่มีความสะดวกสบายสมกับความมีระดับ”

“น่าสนใจนะคะ แล้วบริษัททัวร์ที่ว่านี้เขามีกิจกรรมอะไรบริการลูกค้าบ้างคะ” เจนนี่ถามต่อด้วยความสนใจ ซึ่งถ้าพูดถึงทะเลแล้วเจนนี่จะสนใจเป็นพิเศษ เพราะเธอชอบทะเลเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว

“มีหลายอย่างเหมือนกันค่ะ ทั้งเที่ยวเกาะ ตกปลา ดำน้ำดูปะการัง ไหว้พระ ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจทั้งนั้นค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่เขาจะเน้นไปที่ต่างชาติ เรียกว่าสร้างรายได้เข้าประเทศได้ปีละหลายล้านเชียวล่ะ”

“มีดำน้ำด้วยเหรอคะ”

“ค่ะ...เป็นกิจกรรมหลักของเขาเชียว”

“นี่แหละที่เจนนี่ชอบ” หญิงสาวยิ้มกว้าง พลางนึกวาดภาพตัวเองที่กำลังดำผุดดำว่ายทักทายปลาเล็กปลาน้อยในท้องทะเลกว้าง “ว่าแต่ใครเป็นเจ้าของคะ”

“มิสเตอร์ไบรอัน แซนเดอร์ เป็นคนอังกฤษแต่งงานกับคนไทยแล้วก็ทำธุรกิจนี้มาหลายปีแล้วค่ะ และที่สำคัญมิสเตอร์ไบรอันเป็นเพื่อนของคุณภณด้วย จึงมั่นใจได้ว่าเขาเป็นชาวอังกฤษที่แสนจะใจดีคนหนึ่ง”

ตามพื้นนิสัยของหนุ่มอังกฤษค่อนข้างจะเจ้าระเบียบจนได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ดี การที่เขาเป็นเพื่อนกับพี่ภณก็แสดงว่าอายุอานามน่าจะไม่ต่างกับพี่ภณเท่าไหร่ และเชื่อได้ว่านิสัยก็คงไม่ต่างจากพี่ภณเช่นกัน ไม่งั้นคงคบกันเป็นเพื่อนไม่ได้ แล้วเธอต้องไปศึกษาดูงานกับผู้ชายจอมดุ จู้จี้ ที่มักห้ามปรามเธอไปซะทุกเรื่องแบบนี้จะไหวเหรอ โสภิตาคิด

“เป็นคนอังกฤษเหรอคะ” หญิงสาวถามย้ำความมั่นใจ

“ค่ะ”

“เป็นเพื่อนกับพี่ภณด้วย”

“ค่ะ...” พิมพ์พลอยชักเอะใจเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของน้องสามี

“ถ้างั้นเจนนี่เปลี่ยนใจไม่ไปดีกว่า” เธอบอกหน้าตาเฉย

“อ้าว...ทำไมละคะ ก็ไหนคุณเจนนี่บอกพี่พลอยว่าชอบทะเลไง” พิมพ์พลอยทำหน้างง ทั้งยังคิดทบทวนว่าเธอพูดผิดพลาดตรงไหนที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าไม่คล้อยตามอย่างที่เคยมีท่าทีในตอนแรก

“ก็พี่พลอยบอกว่ามิสเตอร์ไบรอันเป็นเพื่อนกับพี่ภณ บอกตรงๆว่าคนที่คบพี่ภณเป็นเพื่อนได้คงมีนิสัยไม่ต่างกันเท่าไหร่ แถมมิสเตอร์ไบรอันยังเป็นคนอังกฤษซะนี่ ใครๆก็รู้คนอังกฤษเจ้าระเบียบจะตายไป เจนนี่ไม่ไปดีกว่า ไม่อยากไปเจอพี่ภณสาขาสอง”

คำตอบของโสภิตาทำเอาพิมพ์พลอยถึงกลับปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเบาๆด้วยอาการที่เรียกว่าอดกลั้นความขบขันไม่อยู่ เท่าที่เห็นก็รู้ว่าสองศรีพี่น้องคู่นี้รักใคร่สนิทสนมกันมาก แต่ไม่คิดว่าในความรักของทั้งคู่จะมีการเขม่นเรื่องนิสัยใจคอของกันและกันอยู่มากเหมือนกัน

“ทำไมคิดอย่างนั้นคะ” พิมพ์พลอยถามแกมเสียงหัวเราะ

“ก็หรือไม่จริงคะ คนนิสัยเหมือนกันแหละถึงคบกันได้”

“ไม่จริงเสมอไปหรอกค่ะ อย่างเช่นคุณกสิณ คุณเจนนี่เห็นว่าคุณกสิณนิสัยเหมือนคุณภณหรือเปล่า เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยซะด้วยซ้ำ และจนเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่”

“ก็...ไม่เหมือน พี่กสิณใจดี ตามใจเจนนี่เสมอ”

“นั่นแหละค่ะ มิสเตอร์ไบรอันก็ใจดีเหมือนกันค่ะ คนใจดีนิสัยดีเท่านั้นถึงจะทำงานด้านท่องเที่ยวและการให้บริการรุ่ง อย่าคิดมากนะคะ พี่พลอยว่าถ้าคุณเจนนี่ไปศึกษาดูงานครั้งนี้คุณเจนนี่จะประทับใจไม่รู้ลืมเชียวค่ะ”

โสภิตาหยุดคิดและไตร่ตรองตามที่พี่สะใภ้คนสวยโน้มน้าว แล้วก็ถอนหายใจออกมาเมื่อได้รับคำตอบจากหัวใจอันเป็นการตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

“โอเคค่ะ...เจนนี่จะไป ว่าแต่เจนนี่ต้องไปเมื่อไหร่คะ”

“ต้นเดือนหน้าค่ะ ก็อีกประมาณสิบกว่าวัน ช่วงนี้คุณเจนนี่ก็เตรียมตัวให้พร้อม วันเดินทางพี่พลอยจะโทรไปคอนเฟิร์มทางโน้นอีกที เขาจะได้ส่งคนมารับไม่ปล่อยให้ทางเรารอเก้อ”

“ค่ะตามนั้น...”

คำยืนยันอีกครั้งของน้องสามีเรียกรอยยิ้มสดใสให้กับพิมพ์พลอยอย่างมาก เธอเชื่อในสิ่งที่คิดและทำอยู่ในขณะนี้ว่าจะส่งผลดีถึงดีที่สุดทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสามีที่ต้องการให้น้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่เติบโตขึ้นพอจะกลับมาช่วยเขาบริหารงานบริษัท หรือทางฝ่ายน้องสาวที่ได้ฝึกงานในสถานที่ที่น่าจะสร้างความสุขได้มากมายกว่าการที่ต้องมาเอาชนะคละคลานกันระหว่างพี่น้อง...

เรื่องราวต่างๆที่ปรากฏให้เห็นในสมุดบันทึกเล่มหนาของจอร์ซ สมิทธิ์ ทำให้เพียวถึงกับขมวดคิ้ว...เนื้อความในสมุดพูดถึงผู้ชายปริศนาในรูปคนนั้นที่เขาอยากรู้นักว่ามีความเกี่ยวพันกับน้องชายเขาเช่นไร ข้อความบอกให้รู้ถึงพฤติกรรมของไอ้ผู้ชายคนนี้ว่าไม่ธรรมดาเลยสักนิด มันใช้ความสัมพันธ์ทางความรู้สึกหลอกล่อเพื่อสรรหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าไม่น่าเชื่อว่าจอร์ซจะหลงเข้าไปคบไอ้คนพรรค์นี้ได้

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเมื่อเพียวลากสายตาผ่านตัวอักษรไปจนถึงหน้าสุดท้าย น่าแปลกที่ไม่มีชื่อโสภิตาปรากฏอยู่ในหน้ากระดาษแม้แต่ข้อความเดียวทั้งๆที่ภาพของเธอถูกกาบาททับด้วยแรงอาฆาต แต่จอร์ซกลับไม่เอ่ยถึง เขาไม่เชื่อว่าหรอกว่าน้องชายจะไม่รู้จักโสภิตา ทว่าสิ่งที่กระทำกับรูปมันไม่อาจประมวลได้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง และนั่นคือสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด

“ป้าลิซครับ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของจอร์ซ ผมขออนุญาตส่งสมุดบันทึกฉบับนี้ให้ตำรวจนะครับ” เพียวเอ่ยกับผู้เป็นป้า

แม้การทำเช่นนั้นจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าหักหาญความรู้สึกของเจ้าของความลับทั้งมวล แต่การรอดพ้นจากข้อหาผู้เกี่ยวพันกับสิ่งเสพติดของจอร์ซย่อมมีความสำคัญกว่า เขาคิดว่าเมื่อจอร์ซกลับฟื้นขึ้นมา เขาจะต้องเข้าใจถึงความหวังดีที่พี่ชายคนนี้ทำ

“แล้วแต่หลานจะเห็นสมควรเถอะ” ป้าลิซเอ่ยอนุญาต มืออบอุ่นยังคงกอบกุมมือหนาของบุตรชายไว้ด้วยความรักความอาทร กับความหวังที่จะเห็นเขาลืมตาขึ้นมาส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่อีกครั้ง

สมุดบันทึกจึงตกไปอยู่ในมือของตำรวจในเวลาต่อมาเมื่อได้รับคำอนุญาตจากผู้เป็นป้า ส่วนตัวเขาเองยังคงเฝ้าตามติดตามพฤติกรรมของชายหนุ่มหุ่นนายแบบผู้เคยปรากฏให้เห็นในรูปของภาพถ่าย จนกระทั่ง ณ บัดนี้ เขาสามารถมองดูชายคนนั้นได้ในระยะห่างพอประมาณขณะที่มันกำลังพลอดรักอยู่กับแหม่มสาวอย่างถึงพริกถึงขิงในสวนสาธารณะแห่งเดิม ทว่าใบหน้าและสีผมของผู้หญิงกลับไม่ใช่คนเดิม สายตาของเพียวจ้องมองนิ่งราวกับว่าเขาเป็นชายโรคจิตที่ชอบแอบมองเรื่องอย่างว่า...

เพียวไม่ได้สนใจชายผู้มีนามว่ามาร์ก ฟรีเดลเพียงแค่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับจอร์ซชนิดใดจนก่อให้เกิดเรื่องราวมากมายถึงขั้นเกือบสูญเสียชีวิต แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากรู้มากพอๆกันนั่นก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างมาร์ก ฟรีเดล กับ โสภิตา ติยานนท์ ความสนิทสนมที่ปรากฏอยู่ในรูปถ่ายยังสร้างความกังขาให้เขาอยู่อย่างเหนียวแน่น

โทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารที่เขาต้องใช้งานบ่อยแม้อยู่ในต่างแดน เพราะทุกสายที่โทรหาล้วนแล้วแต่มีธุระสำคัญหรือไม่ก็เป็นบุคคลสำคัญไม่เว้นแม้แต่เสียงกริ่งสัญญาณที่ดังขึ้นในครั้งนี้

เพียวละสายตาที่จ้องมองชายหญิงที่กำลังพลอดรักกันมาสนใจโทรศัพท์ในมือ เขากดรับทันทีที่รู้ว่าใครเป็นคนโทรหาจากชื่อที่ปรากฏอยู่หน้าจอ

“สวัสดีครับแม่” เพียวกรอกคำทักทายลงไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“อ้อ...รู้ด้วยเหรอว่าเป็นแม่ที่โทรหาฮึ!..ตาเพียว” เสียงแหลมสูงที่สวนกลับมาบ่งบอกถึงอารมณ์คนเอ่ยได้เป็นอย่างดี

“แหม...ก็ต้องรู้สิครับ หัวใจของผมทั้งคน” เพียวยังคงใช้น้ำเสียงเดิมอย่างใจเย็น เพราะเขาทราบดีว่านั่นคือการตัดพ้อเพราะรัก

“ไม่ต้องมาทำปากหวาน ถ้าแม่เป็นหัวใจของลูกจริงๆก็รีบกลับมาสิ แม่คิดถึงลูกจะแย่อยู่แล้วนะ” ผู้เป็นแม่ต่อว่า

“ก็ธุระยังไม่เสร็จนี่ครับ นายจอร์ซยังไม่ฟื้น สงสารป้าลิซ”

“แล้วลูกไม่สงสารแม่กับไบรอันหรือไง งานหน้าที่รับผิดชอบที่ค้างอยู่ทางนี้ก็มี ทัวร์ที่ติดต่อเอาไว้จะเข้าอาทิตย์หน้า จะให้แม่กับไบรอันวิ่งรอกทำทุกอย่างแทนลูกไปซะหมด ลูกค้าคงได้หนี โรคประจำตัวของไบรอันคงได้กำเริบ” ผู้เป็นมารดายังคงบ่นต่อ

“โอเคครับ ไว้ผมถามแพทย์ให้แน่ชัดว่าจอร์ซปลอดภัยแน่นอนแล้ว ผมจะรีบกลับทันที แม่ช่วยดูแลแทนผมไปพลางๆก่อนนะครับ ยังไงทั้งแม่และพ่อก็มีประสบการณ์เชี่ยวชาญงานด้านนี้มากกว่าผม รับรองว่าลูกค้าไปหนีแน่นอนผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ นะครับแม่ สงสารป้าลิซ ยังไงป้าลิซก็เป็นญาติฝ่ายพ่อคนเดียวที่พอให้ผมได้รำลึกถึงพ่อแท้ๆของผม”

คำขอร้องแกมเหตุผลของบุตรชายทำให้ศจีอ่อนลงมาก แม้สามีชาวอเมริกันผู้เป็นบิดาแท้ๆของเพียวจะเสียชีวิตไปนานแล้ว นานจนนางแต่งงานใหม่กับเศรษฐีชาวอังกฤษที่รักลูกชายคนนี้ของนางไม่ต่างจากลูกในไส้ แต่นางก็ไม่เคยกีดกันความสัมพันธ์ทางสายเลือด เพียวยังคงไปมาหาสู่กับครอบครัวสมิทธิ์อยู่เสมอ

“ก็ได้...แต่อย่าให้แม่รอนานล่ะ ยิ่งตอนนี้ยิ่งกำลังจะมีเรื่องมาให้แม่วุ่นวายเพิ่มอีกเรื่องอยู่ด้วย”

“อะไรเหรอครับ” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีด้วยความสงสัย

“ก็เรื่องที่นายโสภณจอมโวยคนนั้นจะส่งน้องมาฝึกงานที่บริษัททัวร์ของเราน่ะสิ คิดถึงตอนที่นายโสภณนั่นมาตามหาแฟนที่บ้านแล้วแม่ยังขยาดไม่หาย แม่ละกลัวจริงๆ กลัวลูกไม้ต้นเดียวกัน ยังไงรสชาติมันก็คงไม่ต่างกันหรอก” ศจียังบ่นต่อ เพราะนางไม่กล้าพอที่จะบ่นต่อหน้าสามี

“เขาติดต่อไปทางคุณแม่แล้วเหรอครับ”

“เขาติดต่อไบรอัน และไบรอันก็รับปากไปแล้วด้วย แม่ก็เลยอยากให้ลูกมาช่วยดู ถ้าออกฤทธิ์ออกเดชมากๆ จะได้ให้รีบส่งตัวกลับ”

“ครับแม่ ผมสัญญาว่าจะกลับแน่นอน ไม่เกินสัปดาห์หน้า” น้ำเสียงของเพียวแข็งขันพอที่จะทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างถูกใจ

“แล้วแม่จะรอนะ”

“ครับ...สวัสดีครับแม่”

คำทักทายสุดท้ายจบลงก่อนจะมีการตัดสัญญาณทิ้งไป เพียวเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงเขาหันไปมองยังจุดหมายเดิม ทว่าบัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า ไม่ปรากฏร่างชายหญิงที่กำลังนั่งพลอดรักกันนัวเนียที่ม้านั่งสวนสาธารณะอีกต่อไป...

เสียงถอนหายใจดังผ่านออกมาจากอก ในช่วงเวลานับจากที่เขาสามารถเปิดสมุดบันทึกเล่มนั้นได้ เขาใช้เวลาอ่านมัน แล้วสะกดรอยตามผู้ต้องสงสัยเป็นช่วงเวลาไม่นานนัก แต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้อะไรต่อมิอะไรมากมาย แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็เถอะ หากอาการของจอร์ซพ้นจากความน่าเป็นห่วงแล้ว เขาจะเดินทางกลับประเทศของเขาซะที ส่วนเรื่องนายมาร์ก ก็คงจะยกให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการต่อ เขาเชื่อว่าตำรวจคงสืบสาวจนถึงต้นต่อได้ไม่ยากจากข้อมูลของจอร์ซที่มี



ในหนึ่งวันหยุดที่ใกล้วันเดินทางเข้าไปซะทุกที...

โสภณเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งข้างๆน้องสาวที่กำลังนอนเอกเขนกอ่านหนังสือท่องเที่ยวด้วยสีหน้าแสดงความเอ็นดู แม้จะรู้สึกยินดีที่ผู้เป็นน้องไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน แต่ส่วนลึกในใจเขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ถึงเธอจะเคยอาศัยอยู่โดยลำพังในต่างแดนมาก่อนก็เถอะ

“เตรียมตัวพร้อมหรือยังล่ะเจนนี่” มือใหญ่ที่อบอุ่นลูบศีรษะผู้เป็นน้องอย่างอ่อนโยน

“พี่ภณถามยังกับว่าเจนนี่จะไปออกรบซะงั้น” ผู้เป็นน้องแซว ทั้งยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี

“ไปทำงานมันก็ไม่ต่างจากการออกรบหรอก เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน หากเตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์เอาไว้ก่อน ปัญหาใหญ่แค่ไหนก็ไม่คณามือเราที่จะฝ่าฟันไปได้”

“เจ้าค่ะ...” โสภิตาทำเสียงล้อเลียนกับคำสอนของพี่ชาย “พี่ภณไม่ต้องห่วงหรอกน่า เจนนี่เคยอยู่คนเดียวที่อเมริกามาแล้วตั้งหลายปี กับแค่ไปศึกษาดูงานเดือนเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเจนนี่หรอกค่ะ”

“ว่าไงนะ...เดือนเดียวเหรอ” โสภณทำหน้าแปลกใจ

“ก็ค่ะ แค่ศึกษาระบบงานท่องเที่ยว เจนนี่คงไม่จำเป็นต้องอยู่นานเป็นปีหรอกจริงมั๊ยคะ แค่ว่า ให้ไปศึกษาดูงานทุกระบบ เรียนรู้จนครบเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับ”

โสภณขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน พยายามนึกถึงเหตุผลที่ผู้เป็นภรรยาไม่ยอมบอกระบุระยะเวลาในการลงใต้ครั้งนี้ของน้องสาวให้ชัดเจน สำหรับเขาแล้วนั่นคือช่องโว่ช่องใหญ่ที่อาจทำให้เจนนี่งอแงหนีกลับมาได้ทุกเมื่อ หากเธอรู้สึกเบื่อหน่าย หรือไม่พอใจที่จะทำงานพวกนั้นต่อ

แต่เมื่อมีโอกาสได้ถามภรรยาเขาก็ไม่อาจขัดแย้งอะไรได้ ในเหตุผลของเธอที่ว่า...

“เราเพียงต้องการให้คุณเจนนี่ได้รับรู้และตระหนักถึงคุณค่าของงาน ของผู้ร่วมงาน ไม่ทำการอะไรบุ่มบ่ามตามใจของตนเองฝ่ายเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือคะ อีกอย่างพลอยรู้สึกเกรงใจทางโน้นที่เราจะไปกำหนดระยะเวลาให้เขา”

“ก็เลยใช้วิธีที่ว่า ถ้าทางโน้นรับพฤติกรรมที่ยัยตัวป่วนกระทำไม่ไหว จะได้รีบส่งกลับคืนมาได้ในทันทีใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ...” พลอยยิ้มขำๆ กับความเข้าใจที่สามีแสดงออกมาให้รู้ “อีกอย่าง พลอยคิดว่าให้ทางโน้นเขาตัดสินใจเถอะค่ะว่าอย่างคนของเราสมควรที่จะได้รับการฝึกฝนนานเท่าไหร่ถึงจะดี”

“อะไรอะไรก็ดีหมดล่ะ เสียอย่างเดียวผมไม่อยากให้น้องไปเจอกับไอ้เจ้าเพียวนั่นจริงๆ ยังไงก็ยังโกรธมันอยู่ไม่หาย” โสภณเหลือบตามองภรรยาที่ยังคงยิ้มกว้างรับอย่างสดใส

“อ้อ...คุณไม่ต้องคิดห่วงไปหรอกค่ะ ตอนนี้คุณเพียวอยู่อเมริกา เห็นบอกว่าไม่มีกำหนดกลับ งานนี้คนที่จะดูแลคุณเจนนี่ก็คงเป็นมิสเตอร์ไบรอันแน่นอนอยู่แล้ว”

“จริงเหรอครับ” โสภณเพิ่งจะยิ้มออกเมื่อได้ยินเรื่องที่น่าจะพอเรียกว่าข่าวดีได้สำหรับเขา “ถ้าอย่างนั้นผมจะโทรไปหาไบรอันเอง อยากจะย้ำถึงความต้องการของเราให้เขาเข้าใจชัดเจนขึ้นคุณว่าดีมั๊ย”

“ก็ตามใจค่ะ ดีเหมือนกัน คุณโทรหาคุณไบรอันน่าจะเหมาะสมกว่าพลอยโทร เพราะคุณกับเขานอกจากเป็นเพื่อนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจแล้ว คุณกับเขายังเป็นสหายต่างวัยที่เข้าใจกันดีที่สุดด้วยเช่นกัน”

“ครับ...ก่อนเจนนี่จะเดินทางในอีกสองวันข้างหน้านี้ ทุกอย่างจะเรียบร้อย” โสภณยิ้มกว้าง

เขาดึงภรรยาเข้ามากอดด้วยความรักและภาคภูมิใจ จะมีสักกี่คนนะที่จะโชคดีเช่นเขา ที่ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่สวย เก่ง เป็นเพื่อนคู่คิด และพร้อมจะก้าวเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเขาตราบจนชีวิตจะหาไม่



ทองหลาง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2556, 14:42:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2556, 15:06:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 2411





<< ตอนที่6   ตอนที่8 >>
Siang 23 เม.ย. 2556, 15:58:17 น.
เจนนี่กับนายเพียว คงได้ทะเลาะกันบ้านแตกแน่เลย


phugan 24 เม.ย. 2556, 19:17:14 น.
มาคอยดูว่าใครจะป่วนใคร...


Zephyr 28 เม.ย. 2556, 12:30:31 น.
เหอะ ถ้าให้เพียวประเมินเวลาอ่ะนะ คงไม่มีกำหนดกลับละ เจนนี่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account