เพทายพ่ายตะวัน
เมื่อเธอคือ กุหลาบแดง แห่ง "เรือนกุหลาบ" และเขาคือ ศัลยแพทย์ ผู้มีฝีปากเชือดเฉือนยิ่งกว่ามีดผ่าตัด..ยุทธการปราบพยศครั้งนี้..มีหัวใจเป็นเดิมพัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๑ รางวัลตอบแทนยกที่ ๒ ๒/๒

ในร้านกาแฟตึกแถวตรงข้ามโรงพยาบาลแห่งนั้น เพทายนั่งระบายลมหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อย นัยน์ตากลมสวยแลทอดไปไกล ประตูกระจกใสที่ทางร้านตบแต่งไว้งดงามสะท้อนลำแสงสุดท้ายของวัน ผืนฟ้าเบื้องบนเริ่มจับกลุ่ม เปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้มตรงใจกลาง ตัดกับขอบสีครามเข้มรอบนอก เย็นย่ำสู่สนธยา พายุหมุนเริ่มสงบลงบ้างแล้ว หากยังเหลือเชื้อคุกกรุ่นอยู่ภายใน หญิงสาวเลื่อนสายตากลับมามองคนตรงหน้า ศิระกำลังยกแก้วบรรจุคาปูชิโน่เย็นขึ้นจิบ ท่าทางผ่อนคลาย ผิดกับหล่อนซึ่งยังขุ่นเคืองเพื่อนของเขาไม่หาย

“นายหมอผี..” เพทายเกือบหลุดสรรพนามแทนคู่อริของหล่อนออกไป แต่พอเห็นคนฟังนิ่วหน้า กรอบตารีสวยแบบผู้ชายหรี่ลง คิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากัน หล่อนจึงรีบเปลี่ยนคำเรียกเสียใหม่ “เอ่อ..เพื่อนของคุณน่ะค่ะ”

“ครับ?” พระเอกแสนสุภาพในสายตาหล่อนรับคำเป็นเชิงถาม
“เขาจะยกคุณพ่อของฉันให้คุณดูแลแทนจริงๆน่ะเหรอ”

เท่านั้นแหละ ศัลยแพทย์หนุ่มก็ระเบิดหัวเราะออกมาชุดใหญ่ แทบจะสำลักคาปูชิโน่ที่เพิ่งกระเดือกลงคอไม่กี่นาที ศิระมองผู้หญิงนัยน์ตาดุทว่าดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์ด้วยแววตาขันๆ

“ที่คุณเอาแต่ถอนหายใจ ทำหน้าเครียดอยู่เป็นชั่วโมง..เพราะเรื่องนี้เองหรือครับ”
เพทายเอามือทุบโต๊ะอย่างลืมตัว เสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากแดงสดจิ้มลิ้มนั้นแหลมปรี๊ด หน้าตายับยู่ยิ่งกว่าเก่า

“ตลกตรงไหนคะคุณเต้..เขาทำยังกับพ่อฉันเป็นสิ่งของ นึกจะยกให้ใครก็ได้ง่ายๆ ตัวเองเป็นคนผ่าตัด ดูแลมาตั้งแต่ต้น กับแค่ฉันทำให้เขาไม่พอใจเล็กๆน้อยๆ ก็พาลยกให้เป็นหน้าที่ของคุณ ยังงี้มันขาดความรับผิดชอบชัดๆ ไร้จรรยาบรรณ!”

แทนที่จะตกใจ ผงะถอยกับอาการวีนแตกของหญิงสาว ศิระกลับอยากหยุดสายตาตรึงไว้ที่ดวงหน้าดุเคลือบหวานของหล่อนนานๆ วันนี้เพทายสวมเสื้อเข้ารูปสีชมพูพาสเทลคอวีเปิดไหล่ ขับผิวเนียนใสให้แลดูผุดผ่อง กระโปรงทรงpleprum ยกเอวสูงจัดชายเสื้อไว้ด้านในเรียบตึงทำให้หล่อนยิ่งมีบุคลิกชวนมอง อากัปกิริยาเหล่านั้น..สำหรับศิระแล้ว กลับดูน่ารักน่าค้นหา ชวนหลงใหล ใครจะหาว่าเขาบ้าก็ได้..แต่มันเป็นไปแล้วจริงๆ

“ใจเย็นๆก่อนนะครับ..ตอนนั้นนายชัดมันกำลังโมโห” เขาปลอบเสียงนุ่ม นัยน์ตาพราวระยับยังจับอยู่ที่นิลเจียระไนน้ำงามคู่นั้นแน่วนิ่ง “ผมไม่รู้หรอกว่ามันทะเลาะกับคุณเรื่องอะไร แต่จากที่รู้จักกับมันมานาน อาการแบบนั้นฟันธงได้เลยว่ากำลังโกรธจัด อย่าได้เข้าใกล้เกินระยะ 1 เมตร”

“ช่วยไม่ได้..ก็เขาอยากทำให้ฉันโกรธก่อนทำไม ด่าแค่นั้นยังน้อยไปด้วยซ้ำ” เพทายยักไหล่ ผายมือออกสองข้าง ทำนองว่าไม่แคร์ความรู้สึกของบุคคลที่กำลังกล่าวถึง

“เพื่อนผมมันประเภทโกรธง่ายหายเร็ว..พักเดียวเดี๋ยวก็ลืม” ศิระหมายความตามที่พูดจริงๆ ทว่าเขาก็ยังขยักหมายเหตุต่อท้ายเอาไว้ เผื่อมีเหตุผิดคาดอย่างที่เคยเกิดขึ้นนานทีปีหน “..ยกเว้น จะมีคนไปจี้ใจดำ หรือทำอะไรสะดุดต่อมความเกลียดของมันขึ้นมา อย่างนั้นอาจถึงขั้นแค้นฝั่งหุ่น ไม่ยุ่งด้วยเป็นชาติ”

“อ้อ..แล้วอีกอย่าง อาจจะต้องเตือนคุณไว้” ศัลยแพทย์หนุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ วางแก้วทรงสูงในมือลงบนโต๊ะ ก่อนบอกด้วยความหวังดี “เพื่อนผมมันเกลียดผู้หญิงขี้แย ร้องไห้น้ำหูน้ำตาทะลักยิ่งกว่าอะไรดี...มันมีอดีตฝังใจกับแฟนเก่าที่เป็นพิธีกรดัง..ชื่อ เปรมฤดี รู้จักไหมครับ”

เพทายแทบสำลักน้ำลายตัวเองทันทีที่ได้ฟัง ศิระจะรู้ไหมนะ..เขาเตือนหล่อนช้าไปเสียแล้ว
“ไฮโซที่แต่งงานกับลูกชายนักการเมืองร้อยล้านใช่มั้ยคะ..พิธีกรคนนี้ฉันเคยเป็น wedding planner ให้งานของเธอ” หญิงสาวพยายามกลบเกลื่อนด้วยการสำทับประเด็นที่เขาเอ่ยถึง เปรมฤดี เป็นพิธีกรสาวรุ่นใหม่ไฟแรง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครๆก็จดจำได้ เธอยังเป็นไอดอลในใจสาวยุคใหม่ ที่ปรารถนาจะเป็น working woman แต่ไม่ทิ้งลายสาวมั่นแสนเซ็กซี่ไว้ในตัวคนเดียวกัน

“ว้าว! อเมซิ่งมากๆเลยครับ ได้ออกแบบงานแต่งให้คนดังเสียด้วย สุดยอดเลยคุณเพ” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง แสดงความชื่นชมจากใจจริง

เพทายยิ้มน้อยๆให้เขา หล่อนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากมายนักหรอก wedding planner ฝีมือระดับหล่อน ออกแบบงานแต่งให้ดาราต่างประเทศชื่อดังกว่านี้ก็เคยมาแล้ว หญิงสาวสนใจประเด็นที่ทำให้ชัดเจนเกลียดผู้หญิงขี้แยเสียมากกว่า

เพทายมองชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าน้ำทะเล ตามสไตล์ผู้ชายรักความคล่องตัว ไม่ติดหรูเจ้าสำอางจนเกินไป แต่ยังสนใจงานตัดเย็บที่มีราคา รอยยิ้มจากริมฝีปากหยักได้รูปของเขานั้นดูเปิดเผย ทำให้หล่อนสะดวกใจพอที่จะถามข้อมูลเชิงลึก

“ว่าแต่..คุณเปรมน่ะหรือคะขี้แย เธอออกจะเป็นสาวมั่น เก๋ไก๋ไม่มีใครเกินซะขนาดนั้น”
ศิระสั่นศีรษะเล็กน้อยก่อนตอบ
“เธอไม่ได้ขี้แยหรอกครับ แต่เธอแสร้งทำเป็นขี้แยให้เพื่อนผมเห็นตอนวันบอกเลิก”
เพทายเลิกคิ้ว กรอบตาขยายกว้าง บอกให้รู้ว่าประหลาดใจกับคำอธิบายนั้นอย่างยิ่งยวด ชายหนุ่มจึงรีบไขข้อสงสัย

“ก็ไอ้ชัดมันคบกับคุณเปรมมานาน มีแพลนถึงขั้นจะแต่งงานกันอีกสองสามเดือน จู่ๆ พอเพื่อนผมไปหาผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาว ครอบครัวเธอกลับไม่มีใครชอบพอไอ้ชัดเลยสักคน ถึงขั้นประกาศว่าลูกสาวเขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว..คุณเปรมเธอก็ไม่รู้ยังไงนะครับ เห็นมั่นๆยังงั้น บทจะตามใจพ่อแม่ ก็โอนอ่อนยอมตามเสียง่ายดาย จนวันนึงเดินมาบอกเลิกเพื่อนผมทั้งน้ำตา ร้องไห้ฟูมฟายว่าเธอเสียใจอย่างนั้นอย่างนี้..ผมจำได้ติดตาเลยเพราะบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์กับมันด้วย..ไอ้ชัดด่าคุณเปรมเสียไม่มีดี ตั้งแต่นั้นแหละครับ ผมก็ไม่เห็นมันถูกชะตาผู้หญิงขี้แยสักราย”

เพทายห่อปาก ทำท่าเหมือนเข้าใจชัดเจนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่วายมีข้อโต้แย้ง
“แต่ฉันไม่ได้ขี้แยสักหน่อย..ก็แค่ทำตัวเข้ากับสถานการณ์ มีอย่างที่ไหน..พ่อจะตายมิตายแหล่ ให้มานั่งปั้นหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไร ฉันเป็นมนุษย์นะไม่ใช่ก้อนหิน!”

ศิระขมวดคิ้วมุ่น หน้าตาบอกความฉงนอย่างไม่ปิดบัง ตอนเขาเดินเข้าไปในไอซียูเมื่อยามเที่ยงวัน เพทายปาดน้ำตาออกหมดไม่ทิ้งร่องรอย หรืออาจจะมีบ้าง แต่แห้งเหือดไปแล้วจากอารมณ์โกรธกรุ่นที่ก่อตัวขึ้นแทนที่

“คุณเพร้องไห้หรือครับ..ผมไม่ทันเห็น”
เขาถามด้วยความเป็นห่วงมากกว่าอยากรู้

หญิงสาวยิ้มเฝื่อน รู้สึกอับอายเหมือนกันที่เผลอแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น หล่อนโบกไม้โบกมือเป็นเชิงให้เขาเลิกสนใจเรื่องน่าอายของหล่อน

“ช่างเถอะค่ะ..เรื่องไม่เป็นเรื่อง”
ศิระขยับปากจะเถียงว่าทุกเรื่องของหล่อนสำคัญสำหรับเขาเสมอ ทว่าเพทายชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน

“ตอนนี้ฉันสนใจแค่ว่า..เพื่อนคุณจะเอายังไงกับพ่อฉัน” ประโยคคำถามถัดมาเจือแวววิตกและโกรธกรุ่นในคราวเดียวกัน “จะรักษาต่อหรือยกให้คุณดูแล?”

ศิระถึงกับทำหน้าปั้นยาก พอหล่อนถามชนิดที่ต้องการคำตอบเจาะจงแบบนี้ ชายหนุ่มก็เดาใจเพื่อนไม่ถูกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน..หากเพทายทำให้ชัดเจนโกรธขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่กล้ารับประกัน คำตอบที่เอ่ยออกไป..จึงเป็นเพียงคำปลอบอย่างไม่หนักแน่นเท่าที่ควร

“..คงดูแลเองนั่นแหละ..มันเป็นคนผ่านี่นา”


บ่ายวันนั้น เปี่ยมรักกำลังนั่งจดประวัติคนไข้แต่ละเตียงโดยสังเขป เพื่อเตรียมรายงานเคสกับ staff รุ่นพี่และอาจารย์แผนกศัลยกรรมอาวุโสหลายท่านในวันรุ่งขึ้น การรายงานใหญ่ประจำวันพุธ เพื่อแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดวิชาความรู้ข้างเตียงคนไข้แบบนี้ เรียกกันในบรรดาแพทย์ฝึกหัดเพิ่มพูนทักษะว่า Grand round

เพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนหนึ่งนั่งจดรายละเอียดลงสมุดโน้ตส่วนตัว เปิดแฟ้มประวัติคนไข้อยู่ในฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงานตัวยาวกลางห้อง ซึ่งจัดสรรแยกเป็นส่วนย่อยในบริเวณเคาน์เตอร์พยาบาล แผนกศัลยกรรมชายสามัญ ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทำธุระของตัวเอง ด้วยเวลากระชั้นชิดเข้ามาอีกไม่ถึงหนึ่งวันเต็ม

“ฮัลโหล..ทำอะไรกันอยู่จ๊ะสาวๆ” เสียงห้าวลึกของชายคนหนึ่งทำลายสมาธิเปี่ยมรักจนแตกกระเจิง แพทย์หนุ่มผิวคล้ำตาคมชะโงกหน้ากลมๆของเขาเข้ามาระหว่างโต๊ะกั้นเพื่อนแพทย์สาวสวยทั้งสอง หูตาแพรวพราวของเขาบอกลักษณะนิสัยเจ้าชู้ได้ดี

เปี่ยมรักสวนกลับอย่างนึกหมั่นไส้
“ซักผ้าอยู่มั้งพี่หลน เห็นๆกันอยู่..ตาไม่ได้บอดนี่นะ”

หนุ่มนาม “พี่หลน” เป็นเพื่อนแพทย์ฝึกหัดรุ่นเดียวกับหล่อน แต่ที่เรียก ‘พี่’ นำหน้า ก็เพราะอายุมากกว่ากันถึงสี่ปี ซิ่วจากคณะอื่นในสายสุขภาพมาเรียนต่อแพทยศาสตร์ และมีปัญหาเรื่องความขยันเล็กน้อยเลยทำให้ตกรุ่นซ้ำชั้นมาเรียนเป็นเพื่อนน้องๆอีกสองปี

“เดือนนี้อยู่ med ไม่ใช่เหรอพี่ มายุ่งอะไรกะน้องๆศัลยกรรม” เสียงแหลมเล็กจี๊ดไปถึงรูขุมขนของวิสนี เพื่อนสาวคนเก่ง ดีกรีนักเรียนเหรียญทอง ผู้นั่งเงียบมาตลอดเอ่ยแขวะขึ้นมาบ้าง หล่อนหมายถึงแผนกอายุรกรรม ซึ่งเดือนนี้พี่หลนได้ย้ายไปฝึกงานที่แผนกนั้นแล้ว

“พี่มาราวน์เคส ที่ศัลย์ consult med แทนพี่เกริกเกียรติไง..ใครเคยเป็นลูกสมุนพี่เค้าก็น่าจะรู้อยู่ ชอบไหว้วานให้มาช่วยดูคนไข้นอกแผนก” เขาหมายถึงคนไข้ที่มีปัญหาแทรกซ้อนทางอายุรกรรมหลังผ่าตัด หรือคนไข้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังต้องให้อายุรแพทย์ช่วยเตรียมความพร้อมคนไข้ก่อนเข้าห้องผ่าตัด

วิสนีพยักหน้ารับรู้ หล่อนเอ่ยสำทับเมื่อนึกขึ้นได้

“อืม..ก็จริง แต่พี่เกริกน่าจะมาดูเองมากกว่า ให้อินเทิร์นมาดูงานยากแทนยังงี้ ใครจะกล้าออเดอร์อะไรเอง..ยังไงก็ต้องโทร consult เค้าอยู่ดี ยิ่งเดือนนี้มีแต่คนไข้ของพี่เต้ล้นตึก เดี๋ยวพี่แกต้องโวยแน่ๆ ไม่เชื่อคอยดู” หญิงสาวเอ่ยอย่างคนที่เคยร่วมงานกับหมอศิระมาก่อนเปี่ยมรัก แง่มุมที่เพื่อนคนอื่นยังไม่เคยเห็น หล่อนได้เห็นมาจนชินตาเสียแล้ว

ดูเหมือน พี่หลน จะสะดุ้งสะเทือนเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินชื่อ ‘พี่เต้’ กระทบโสตประสาท ช่วงไหล่กว้างของเขากระตุกเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินชายหนุ่มพูดอะไรออกมาอีกเลย

เปี่ยมรักสังเกตได้ถึงความผิดปกติของเพื่อนรุ่นพี่ หล่อนถามวิสนีอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องแค่นี้พี่เต้โวยด้วยเหรอ พี่เกริกก็ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นพี่ศัลย์คนอื่นๆจะว่าอะไรเลย”

วิสนีรีบเถียงเสียงแข็งขัน กรณีอื่นศิระอาจจะทำตัวโหดเกินไป แต่กรณีนี้ ความที่เป็นนักเรียนเหรียญทอง หล่อนจึงเน้นวิชาการแน่น ความรู้หนักเป็นหลัก การให้แพทย์ฝึกหัดมาดูคนไข้ภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง อาจทำให้ได้รับการรักษาที่ไม่ถูกวิธี และดีพอในความคิดของหล่อน

“แต่เรื่องนี้ฉันเห็นด้วยกับพี่เต้นะ ลองคิดดูสิ เป็นพ่อแม่เธอ..เธอจะไว้ใจให้แพทย์ฝึกหัดมาตรวจอะไรแบบนี้เหรอฝอยทอง ฉันคนนึงล่ะ..ไม่เอาด้วยหรอก”

พี่หลนเดินตัวลีบหลบออกไปนานแล้ว จึงไม่ทันได้ยินวิสนีพูดจากระทบกระเทียบเขา ชายหนุ่มแยกออกไปยืนขอแฟ้มประวัติคนไข้ที่ศัลยแพทย์เขียนใบปรึกษาอายุรแพทย์เอาไว้จากพี่พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์

เปี่ยมรักขยับปากจะเถียงแทนศิระ ก็พอดีได้ยินเสียงของเขาตะโกนด่าโหวกเหวกอยู่กลางวอร์ด ไม่ทันสังเกตว่ารุ่นพี่สุดที่รักของหล่อนย่างกรายขึ้นมาบนตึกตั้งแต่เมื่อใด

“คิดได้ไงวะ..ให้อินเทิร์นโง่ๆมารับ consult แทน ขนาดไส้ติ่งอักเสบธรรมดามันยังวินิจฉัยผิดเลย..”

หญิงสาวสะดุ้งเฮือกไม่คิดว่าศิระจะกล้าด่าพี่หลนต่อหน้าพยาบาลและคนไข้แรงขนาดนี้ ผิดกับวิสนีที่เหลือบตาขึ้นมามองนิดเดียวแล้วส่ายหน้าเชิงระอา ก่อนจะก้มลงเขียนอะไรยุกยิกบนกระดาษแผ่นเดิมของหล่อนต่อ

ข่าวการวินิจฉัยโรคผิดพลาดของพี่หลนแพร่สะพัดจนเลื่องลือกันทั้งโรงพยาบาล เขาสั่งฉีดยาแก้ปวดท้องให้คนไข้รายนั้นทุกครั้ง แถมยังให้ยาฆ่าเชื้อกลับไปกินต่อ คนไข้กลับมาโรงพยาบาลใหม่ด้วยอาการเดิมถึงสามครั้ง กว่าจะพบหมอที่วินิจฉัยโรคถูก คนไข้ร้ายนั้นก็เกิดภาวะแทรกซ้อน จากไส้ติ่งอักเสบธรรมดาจนกลายเป็นฝีหนองขนาดใหญ่ติดเชื้อรุนแรงอาการหนักพอสมควร ศิระสืบค้นประวัติการรักษาช่วงก่อนหน้าจะวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบได้ ก็พบว่าพี่หลนนั่นเอง เป็นตัวการของผลลัพธ์ดังกล่าว

หากทว่า..เหตุการณ์เหล่านั้นมันผ่านมานานมากแล้ว เกือบครบปีเห็นจะได้ ถ้าคิดแบบเข้าข้างเพื่อนรุ่นเดียวกันเสียหน่อย อาจจะคิดได้ว่า เมื่อแรกเริ่มเป็นแพทย์ฝึกหัด ประสบการณ์ไม่มากพอ..ความรู้ก็น้อย แถมยังต้องตรวจคนไข้วันหนึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยคน ความผิดพลาดนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา เปี่ยมรักนึกไม่ถึง..ว่าศิระจะจำได้แม่น ถึงขนาดนำมากล่าวโจมตีพี่หลนกระทั่งตอนนี้

“เรื่องตั้งนานแล้ว พี่เต้จะขุดคุ้ยขึ้นมาทำไมนะ..สงสารพี่หลน”

วิสนีวางปากกาลงเมื่อเสร็จภารกิจเตรียมเคสเข้า Grand round พรุ่งนี้เช้า หล่อนประสานมือไว้บนโต๊ะ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เปี่ยมรัก เอ่ยเป็นเชิงเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นี่แหละ..พี่เต้ตัวจริงเสียงจริง เธออย่าเผลอทำผิดบ้างแล้วกัน..จำจนวันตาย..กัดไม่ปล่อยเลยทีเดียว”




ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2556, 17:12:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2556, 17:12:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 1619





<< บทที่๑๑ รางวัลตอบแทนยกที่ ๒ ๑/๒   บทที่๑๒ ความจริงหลังฉาก ๑/๒ >>
หมีสีชมพู 26 เม.ย. 2556, 17:28:34 น.
ทำไมไม่รู้สึกสงสารเพทายเลยอ่ะ อยากวีนชัดเจนก่อนเองนี่นา

ส่วนเต้ที่จริงปากจัดพอๆ กับชัดเจนเลยนะคะ เพียงแต่ปากจัดเฉพาะเวลาตรวจคนไข้เลยไม่ถูกเขม่นเท่า


ศิลาริน 26 เม.ย. 2556, 17:53:52 น.
@คุณหมีสีชมพู : รู้สึกช่วงนี้จะเริ่มมีคนเข้าข้างชัดเจนมากกว่าเพทาย นางเอกของเรากำลังจะกลายเป็นนางร้่ยในไม่ช้า ส่วนเรื่องหมอเต้ คงต้องบอกว่าหมอศัลย์รพ.นี้แรงดีไม่มีตกพอๆกันเลย


wii 26 เม.ย. 2556, 21:26:50 น.
เฮ้อก็นะ ขิงก็ราข่าก็เเรงภาษีก็เเพง เอ๊ะมันเกี่ยวกันหรือเปล่าเนี่ย555... หมอบางคนทำท่าว่าข้ายิ่งหญ่าย อยากว่าอะไรก็ว่าไปโดยที่ไม่นึกถึงความถูกต้องว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะว่าด้วยซํ้า พูดถึงชีวิตจริงค่ะ เพราะโดนมากับตัวเองเล๊ยยย เป็นหมอที่จบมาจากไหนก็ไม่รู้เเต่มาจากอินเดีย หมอที่เมืองนอกโดยเฉพาะอเมกา มาจากอินเดียท๊างน๊าน ก็เคยอ่านนะว่าอินเดียเขามีหลายวรรณะ เเต่หมอคือวรรณะที่สูงที่สุดเหมือนเทวดาเลย พอพวกนี้มาทำงานอยู่อเมกาก็ทำท่าว่าข้าเก่งที่สุดเเกคือคนโง่ฉันบอกอะไรเเกต้องฟัง น่านนนให้มันใด้อย่างนั้นสิพ่อคุณ ไอ้เราเรอะก็ปากไวถึงไม่ใด้เป็นหมอรักษาเเต่ก็อยู่ขั้นเดียวกับหมอ ก็เลยทั้งเถียงทั้งอธิบายให้หมอฟังต่อหน้าพยาบาลนั่นเเหละ ทุกคนเลยปากอ้าตาค้างเเละคิดว่า ผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆท่าทางโง่ๆเซ่อๆทำไมมาพูดซะหมอยืนปากอ้าตาค้างเถียงไม่ออกเลยวะ เเต่ดูท่าทางเเล้วพวกพยาบาลชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ที่หมอหน้าหงายไป เพราะท่าทางไม่มีใครชอบอีตาหมอคนนี้เลย


mhengjhy 26 เม.ย. 2556, 21:46:43 น.
เอ่อ หมอศัลย์ โรงพยาบาลนี้น่ากลัวนะคะ


ศิลาริน 26 เม.ย. 2556, 21:50:35 น.
@คุณwii : เพทายตัวจริงอยู่ตรงนี้เอง ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล ชีวิตจริงหลีกเลี่ยงที่จะเจอคนแบบที่คุณเล่าให้ฟังค่อนข้างยากค่ะ มีอยู่เกลื่อนกลาดไปหมด ยิ่งสูงยิ่งหนาว อีโก้แรงกันไป. ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีจุดยืน เลือกมีชีวิตแบบไหนก็แล้วแต่จะเลือก:))


ศิลาริน 26 เม.ย. 2556, 21:54:05 น.
@คุณmhengjhy : จะว่าน่ากลัวก็ไม่เชิงค่ะ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ สถานการณ์ บุคคล และทรงผม555 เหมือนจะไม่เกี่ยว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account