สะดุดเล่ห์ เสน่ห์รัก
สะดุดเล่ห์ เสน่ห์รัก


**เรื่องนี้เป็นเรื่องของภัทรา และเขตแดน พ่อและแม่ของภิตะวัน จากเจ้าสาวแสนแสบค่ะ
และก็เป็นเพื่อนสนิทของ อมาวตี จาก สะดุดรัก ลวงใจค่ะ (ตีพิมพ์ไปแล้วกับดอกหญ้า 2000ค่ะ)


** เรื่องนี้เคยลงที่เด็กดีจนจบเรื่องแล้วนะคะ อันนี้เป็นฉบับรีไรท์ค่ะ**


รัตน์ๆ เอามาลงอีกครั้ง ระหว่างรอหนังสือออก ซึ่งตอนนี้เงียบหายไปเลย
หลังจากบอกว่าจะปิดต้นฉบับ T-T (หลอกให้เค้าดีใจตลอดเลย กระซิกๆ T^T)
เจ้าสาวแสนแสบที่ลงไว้ก็กระดึ๊บๆ มากด้วย ก็เลยรู้สึกผิดเล็กน้อย หุหุ


เอาเป็นว่าไว้อ่านกันเล่นๆ ละกัน


จะลงจนกว่าหนังสือจะออก ถ้าหนังสือออกช้า ก็ลงจนจบเลยค่ะ
แต่ขออนุญาตลบเมื่อลงครบทุก 5 ตอนนะคะ



อยากรู้ว่าตะวันได้เชื้อ(บ้า)มาจากใคร ต้องลองอ่านดูค่า ^^





สะดุดเล่ห์ เสน่ห์รัก



คำโปรย



เมื่อสาวแสบ แสนซน เจ้าแผนการ หวังทวงคืนรักแรกเมื่อครั้งวัยเยาว์


ทว่าปฏิบัติการครั้งนี้ดูจะมีอุปสรรคไม่น้อย เมื่อต้องฝ่าด่านน้องชายจอมเจ้าชู้และสุดแสนจะเจ้าเล่ห์ ซึ่งพยายามอย่างยิ่งที่จะขัดขวางเธอในทุกวิถีทาง


มาลุ้นกันว่า...สาวป่วนอย่าง “ภัทรา” จะสามารถเอาชนะใจชายในฝันได้สำเร็จ หรือจะหลงเสน่ห์ชายหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ก่อนกัน



...จะรอให้คนบนฟ้าเป็นผู้กำหนด หรือเราจะลิขิตทางเดินรักด้วยตัวเอง!...






ตัวละคร



ภัทรา (ภัทร)

สาวสวยร่างเล็ก ทว่าอวบอัด ชอบกลั่นแกล้งชาวบ้านไม่เว้นแต่ละวัน....

สิ่งที่ถนัดที่สุด คือ การทำเรื่องเล็ก ให้เป็นเรื่องใหญ่





เขตแดน (แดน)

ทายาทห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของเมืองไทย หล่อเหลา เจ้าเสน่ห์ เจ้าชู้ ขี้เล่น และสุดแสนจะเจ้าเล่ห์..





สุดเขต (เขต)

พ่อหม้ายลูกติด พี่ชายคนเดียวของเขตแดน ผู้กุมบังเหียนห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เจ้าของนัยน์ตาเศร้า ด้วยภาพความทรงจำในอดีตยังฝังแน่นอยู่ในใจ ไม่อาจลบเลือน






ภัคจิรา (ภัค)

ญาติสาวผู้พี่ของภัทรา สไตลิสสาวบ้างาน

ชีวิตของเธอมีเพียงสิ่งเดียว...คือ "งาน" เท่านั้น!






ภูผา (ภู)

ชายหนุ่มผู้พกความแค้นมาเต็มพิกัด หวังกอบกู้กิจการของครอบครัวที่ล้มละลาย พร้อมกับทำลายศัตรูคู่อริให้สิ้น ทว่าคำพิพากษาของเขา กลับหวนทำร้ายตัวเขาเองโดยไม่รู้ตัว...

เพราะคำว่า "รัก" เพียงคำเดียว





Tags: สะดุดเล่ห์ เสน่ห์รัก

ตอน: บทที่ 2 (2)



บทที่ 2 : ฉันนี่แหละภัทรา!...อย่าซ่า! ถ้าไม่อยากเจอดี


“เชิญเถอะค่ะ จะให้ภัทรไปช่วยล้างไหมคะ ภัทรไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” สาวหน้าหวานตีหน้าซื่อกล่าว


“ไม่ต้องหรอกครับ ไม่รบกวนดีกว่า น้องภัทรอย่าคิดมากเลย พี่ไม่ได้เป็นอะไร” ชิษณุกล่าวตอบ ก่อนเดินออกไป

ไม่นานชายหนุ่มคนเดิมก็กลับมา ทั้งคู่ทานอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย ชิษณุมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความพึงพอใจอย่างไม่ปิดบัง ขณะที่อีกฝ่ายก็ขวยเขินทุกครั้งที่เงยหน้าจากจานอาหารมาสบตากับเขา ทว่าใครจะรู้เล่าว่าหญิงสาวที่เขาเห็นว่าเรียบร้อยน่ารัก เหมือนผ้าพับไว้นั้นภายในใจเธอคิดเช่นไร...

‘มองซะให้พอ! ทานให้อร่อย เพราะมื้อนี้จะเป็นมื้อสุดท้ายของนาย!...เตรียมตัวเตรียมใจไปเจอกับความซวยระลอกสองของนายเถอะ! ฮ่า ฮ่า’

ชิษณุมองอากัปกิริยาขณะทานข้าวที่แสนเรียบร้อยของหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม พาลให้คิดไปไกลถึงความเป็นแม่บ้านและกุลสตรีของเธอ

‘นี่ขนาดทานข้าว ยังละเมียดละไมถึงเพียงนี้ รับรองงานบ้านงานเรือนคงจะไม่มีที่ติเป็นแน่’...ชายหนุ่มผู้มองการณ์ไกลไปถึงชีวิตแต่งงานหลังคืนวิวาห์คิดในใจ หากแต่เมื่อเห็นหญิงสาวหน้าหวานเหลียวซ้ายแลขวาไปมาจึงอดถามออกมาไม่ได้

“น้องภัทรหาใครหรือครับ”

“ปะ...เปล่าค่ะ ภัทรกำลังมองหาห้องน้ำน่ะค่ะ” สาวสวยหน้าหวานกล่าวตอบ ก่อนจะลุกขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

“อย่าไปนานนะครับ...ผมคิดถึง” ชิษณุหยอดคำหวาน เล่นเอาอีกฝ่ายขวยเขินเป็นการใหญ่

‘เฮ้อ! สงสัยจะได้แต่งเมียจริงๆ แล้วเราคราวนี้ พ่อนะพ่อ...ช่างสรรหา...ถูกใจจริงๆ’ ชายหนุ่มนึกในใจขณะมองตามรูปร่างสมส่วนของว่าที่คู่หมั้นสาวไปจนลับตา

ทว่าช่างแตกต่างกันเหลือเกินกับความในใจของใครอีกคน...

‘เกลียดจริงๆ เลยพวกเจ้าชู้ประตูดิน เห็นผู้หญิงหน่อยไม่ได้ กระดิกหางเข้าใส่...ฮึ่ม! เดี๋ยวเถอะ...ได้ยิ้มไม่ออกแน่!’ ทันทีที่หลบพ้นจากสายตาของชายหนุ่มชีกอ ภัทราก็รีบหยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมา “ฮัลโหล...”


ไม่นานหญิงสาวก็เดินกลับมายังโต๊ะทานอาหาร ทั้งคู่จึงเรียกบริกรเพื่อเก็บเงิน

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อดีครับ นี่ก็ยังไม่ค่ำเท่าไหร่” ชิษณุกล่าวถาม หวังชวนสาวสวยตรงหน้าไปหาอะไรดื่มเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสานสัมพันธไมตรีแบบสองต่อสอง ชนิดเนื้อแนบเนื้อด้วยกัน

“พอดีภัทรไม่ชอบดื่มเหล้าน่ะค่ะ แต่ถ้าพี่ณุอยากดื่ม เดี๋ยวภัทรนั่งเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ” ภัทรากล่าวตอบราวกับนั่งอยู่กลางใจของอีกฝ่าย ทำเอาชิษณุอดยิ้มดีใจไม่ได้ ‘นี่ขนาดเพิ่งเจอกัน แต่รู้ใจเขาอย่างกับคบหากันมานาน เห็นท่าจะเป็นเนื้อคู่กันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน’

“งั้นไปร้านประจำของพี่ดีไหมครับ เงียบและก็เป็นส่วนตัวดี” ชายหนุ่มออกความเห็น

“ภัทรไม่อยากกลับบ้านดึกน่ะค่ะ กลัวออกไปแล้วรถติดด้วย...ภัทรได้ข่าวว่าที่นี่มีคลับเปิดใหม่ พอดีเพื่อนแนะนำมาน่ะค่ะ เห็นบอกว่าบรรยากาศดีและก็เป็นส่วนตัวมากๆ ด้วยค่ะ”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เป็นส่วนตัว’ ชิษณุจึงรีบตอบตกลง “อย่างนั้นก็ได้ครับ งั้นเราไปกันเลยก็แล้วกัน”

เอ่ยชวนเสร็จ ไม่ลืมบทบาทสุภาพบุรุษที่สุดในโลกที่แสดงอยู่ ด้วยการเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว ก่อนจะเดินนำออกไป ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆ ร่างบางของหญิงสาวก็ล้มลงมากระแทกสีข้างเขาเข้าอย่างจัง เป็นผลให้เขาล้มคว่ำไปยังโต๊ะทานอาหารข้างๆ กวาดเอาจานอาหารบนโต๊ะตัวนั้นหล่นกระจัดกระจายไปทั่ว จนใครต่อใครภายในร้านต่างมองมาเป็นตาเดียว

“พี่ณุ!!”

ภัทราเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความตกใจ ดวงตาคู่โตเบิกกว้าง ขณะที่อุ้งมือทั้งสองข้างปิดริมฝีปากของตนเองอยู่ ทว่าเพียงครู่เดียวหญิงสาวก็รีบเข้าไปประคองชายหนุ่มคนดังกล่าวให้ลุกขึ้นยืนทันที โดยไม่ลืมบทบาทที่ตัวเองกำลังแสดงอยู่

“ภัทรขอโทษนะคะ ภัทรซุ่มซ่ามอีกจนได้ พี่ณุเป็นอะไรรึเปล่าคะ” ภัทรากล่าวรัว ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดปากของโต๊ะข้างเคียงมาเช็ดเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย ซึ่งจากรูปการแบบนี้ ต่อให้เช็ดทั้งคืนก็คงไม่ดีขึ้น เพราะเชิ้ตสีขาวของชายหนุ่มเคราะห์ร้ายตอนนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยอาหารนานาชาติ จนแยกไม่ออกว่าสีไหนมาจากอาหารจานใดด้วยซ้ำ

หญิงสาวกล่าวขอโทษขอโพยเจ้าของโต๊ะเป็นการใหญ่ ก่อนจะนำชายหนุ่มผู้เป็นว่าที่คู่หมั้นไปล้างเนื้อล้างตัวในห้องน้ำ

‘ทำไมซุ่มซ่ามจังวะ! แต่ก็เอาเถอะ...ผู้หญิงสวยซุ่มซ่ามก็น่ารักดีอยู่หรอก’ ชายหนุ่มผู้ฟาดเคราะห์ไปสองครั้งสองคราติดกันคิดในใจ ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าหวานปนเศร้าของเธอ เขาก็โกรธไม่ลงจริงๆ

หลังจากล้างคราบสกปรกออกจากเสื้อเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองคนจึงเดินไปยังคลับที่เป็นจุดหมายปลายทางต่อไปทันที โดยอยู่คนละชั้นกับร้านอาหารไทยที่เพิ่งออกมา

“พี่ณุจะว่าอะไรไหมคะ ถ้าภัทรจะให้เพื่อนๆ ของภัทรมานั่งด้วยกันกับเรา” ภัทรากล่าวถามขณะออกจากลิฟท์
ชิษณุเผยยิ้มชนิดที่คิดว่าหล่อบาดใจที่สุดให้กับหญิงสาว แม้ในใจจะเสียดายอย่างเหลือแสนที่จะไม่ได้อยู่ตามลำพังกับว่าที่คู่หมั้นสาว แต่เมื่อคิดว่าความประทับใจครั้งแรกเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม “ได้สิครับ เพื่อนน้องภัทรก็เหมือนเพื่อนพี่นั่นแหละ”

ทั้งนี้ก็ด้วยเข้าใจคติประจำใจสาวๆ ที่มักคิดว่า....ถ้ารักฉัน ก็ต้องรักหมาฉันด้วย...(love me love my dog) ซึ่งเขาก็ไม่ติดขัดแต่ประการใด ดีเสียอีกจะได้รู้จักเพื่อนๆ ของเธอไว้ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อกันได้

“ไปค่ะพี่ณุ ถ้าอย่างนั้นไปนั่งโต๊ะเดียวกับเพื่อนภัทรก็แล้วกัน”

สาวสวยหน้าหวานกล่าวพร้อมกับดึงแขนชายหนุ่มให้เดินไปด้วยกัน ทำเอาอีกฝ่ายแอบลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจไม่ได้

‘เอาเถอะ! ในความซวยมันก็ยังพอมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นนะไอ้ณุ...’

ทว่าเมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่เพื่อนๆ ของภัทรานั่งอยู่ เขาแทบจะอยากถอนคำพูดเมื่อครู่ทิ้ง นั่นเพราะ “เพื่อน” ที่ใครคนนึงบอกไว้ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเป็นเพื่อนประเภทไหน ซึ่งถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ เขาคงไม่หลวมตัวมาด้วยเป็นแน่!

ภาพกระเทยทั้งเจ็ดปรากฎต่อหน้าต่อตา...

กระเทยก้ามปู 2 คน, กระเทยควาย 3 คนและผีตานีอีก 2 คน รวมเป็นเจ็ดคนพอดิบพอดี ทั้งนี้เขาคงรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยน่ารักนามว่า...สโนไวท์ ...เป็นแน่ หากต้องนั่งอยู่ในกลุ่มชายครึ่งหญิงทั้งเจ็ดคนตรงหน้า!

“เอ่อ...น้องภัทรแน่ใจหรือครับว่าใช่โต๊ะนี้”

ชิษณุกระซิบกระซาบกับภัทรา ด้วยไม่อยากเชื่อว่าแก๊งกระเทยทั้งเจ็ดจะเป็นเพื่อนที่เธอกล่าวถึง ยิ่งเมื่อมองเห็นสายตาหิวกระหาย คล้ายกับไม่ได้ทานอาหารมาหลายวันของกระเทยแต่ละนาง ก็ทำเอาหนุ่มแท้อย่างเขาอดกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ไม่ได้...จะรอดมั้ยเนี่ยตรู!

“ต๊ายตาย นี่เพื่อนใหม่ของน้องภัทรหรือคะ เก๋กู้ดสุดๆ ...ว้ายตาย ล่ำซะ! ”

แจ๊สซี่กระเทยสาว ซึ่งเป็นสไตลิส และเป็นเพื่อนกับภัคจิรา...ญาติลูกพี่ลูกน้องของภัทรากล่าวพลางเลียมุมปาก พร้อมกับทำตาปรืออย่างเย้ายวน ขณะมองอาหารฮ่องเต้ตรงหน้า...ที่ดูสะอาด สด ใหม่ และถูกสุขอนามัย... ‘มามะ มาให้แจ๊สหม่ำซะดีๆ’

ยิ่งเมื่อเห็นแผงอกกำยำอย่างคนที่ดูแลสุขภาพและเข้าออกฟิตเนสเป็นประจำของชายหนุ่มตรงหน้า เนื่องด้วยเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมใส่อยู่นั้นทั้งเปียก ทั้งบาง จนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหน ก็ยิ่งทำให้ร่างชายครึ่งหญิงรู้สึกร้อนรุ่มไปหมด อยากจะต้อนขึ้นเตียง เอ๊ย! ต้อนไปนั่งที่มุมด้วยกัน...เผื่อว่าจะได้คุยกระหนุงกระหนิงทำความรู้จักมักจี่กัน หรือสานต่ออะไรต่อมิอะไรได้สะดวกๆ

“เรียกแจ๊สซี่แอนด์เดอะแก๊งค์ก็ได้ค่ะ” แจ๊สซี่จีบปากจีบคอพูด เสียงที่แหบห้าวพยายามให้หวานสุดฤทธิ์ ก่อนจะค่อยๆ ไล่เลียงแนะนำตัวเองและเพื่อนๆ ในกลุ่ม

“แจ๊สซี่นะคะ เรียกแจ๊สก็ได้ค่ะ ดูกันเองดี (แจ๊ค หรือชื่อในบัตรประชาชน จรัญ โคกอีแร้ง) ส่วนนี่นังพอลล่า (พลพล) และนี่...นังแนนนี่ (โหน่ง ท่ายาง) ส่วนนี่ก็นังซูซี่ (สุรศักดิ์ ) , นังแพสซี่ (ไพศาล) , นังบ๊อบบี้ (บัญชา) และก็สุดท้าย...นังดีดี้ (ดำเกิง) หวังว่าจะจำได้นะคะ อย่าเรียกชื่อผิดล่ะ ไม่งั้นล่ะก็จะโดนทำโทษรู้รึเปล่า...” แจ๊สซี่กล่าวพลางชะม้อยชายตาให้ท่าอีกฝ่าย และเมื่อเห็น “เหยื่อ” ตัวแข็งเป็นหินจึงเอ่ยต่อ

“มานั่งสิคะ ยืนอยู่ก็เมื่อยเปล่าๆ ว่าแต่เอ...ที่นั่งมีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด ถ้าอย่างนั้นแจ๊สอนุญาตให้นั่งตักแจ๊สแทนเก้าอี้ก็ได้ค่ะ รับประกันความถึกถึงใจ อุ๊ย! ล้อเล่นน่ะค่ะ รับประกันความนุ่ม รับรองนั่งแล้วจะติดใจ”

แจ๊สซี่พูดพลางแหวกสาบเสื้อให้เห็นร่องอกอวบอูมที่เพิ่งไปเสริมมาใหม่ พร้อมกับสับเปลี่ยนอิริยาบถจากไขว่ห้างข้างขวาเป็นข้างซ้าย เพื่อโชว์เรียวขาสีเข้มที่กระโปรงตัวที่ใส่นั้นสั้นจนจะปิดบั้นท้ายขนาดเท่าลูกวอลเล่ย์บอลชายหาดของเจ้าตัวแทบไม่มิด


ภัทรามองท่าทีกระอักกระอ่วนของชิษณุก็ให้นึกขำ... ‘เป็นไงล่ะทีนี้ หงอเชียวนะ ไหนทีเมื่อกี๊ทำเก่ง...ดูซิว่าจะรับมือฝ่ามืออรหันต์สองเพศ เอ๊ย! สองหน้าที่มาพร้อมจุมพิตมรณะของพี่แจ๊สได้รึเปล่า ฮ่า ฮ่า’
ข้างชายหนุ่มที่ดวงเคราะห์ร้ายถึงฆาตที่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ก็มีแขนก้ามปูของใครบางคนฉุดเขาไปนั่งข้างๆ เสียก่อน

รอบตัวของชิษณุบัดนี้รายล้อมไปด้วยสาวๆ ทว่าเหตุอันใดจิตใจของเขาถึงได้ว้าวุ่น และใจสั่น กับทั้งหนาวเหน็บอย่างไรพิกล ทั้งที่อากาศโดยรอบก็ไม่ได้หนาวเย็นมากนัก ไม่รู้เพราะด้วยจำนวนสาวเทียมที่มีจำนวนมากกว่าสาวแท้อยู่มากโข กับทั้งรูปร่างหน้าตากระเหี้ยนกระหือรือราวกับจะจับเขาจิ้มน้ำพริกทานแทนผักใบเขียว หรือเพราะเสื้อผ้าที่เปียกโชกจนมองทะลุเห็นเนื้อในของเขาที่นำความหนาวมาเยือนผิวกายกันแน่


“เสื้อเปียกขนาดนี้ใส่ไว้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอกค่ะ” เสียงห้าวของแนนนี่ หรือโหน่งดังขึ้น พร้อมกับทำท่าจะมาช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เหยื่อตัวน้อย ด้วยเพราะเสื้อที่บางจนเห็นมัดกล้ามของแผ่นอกขาวเนียนของชิษณุ เป็นเหตุให้บรรดาชายไม่จริงหญิงไม่แท้ที่นั่งข้างๆ พากันเปรี้ยวปาก ราวกับเห็นของดองของเปรี้ยว จนอดลูบไล้แผ่นหลังแข็งแรงและหน้าอกแกร่งที่มีเพียงผืนผ้าบางๆ กั้นขวางไม่ได้

“เอ่อ...คือว่า...เอ่อ...”


หนุ่มแท้คนเดียวในแวดวงสาวแท้ สาวเทียมได้แต่อึกอัก จะพูดก็พูดไม่ออก เพราะไม่เคยต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต สำหรับเขานั้นจะให้มีเรื่องมีราวชกต่อยกับใครเป็นถึงไหนถึงกัน คนอย่างเขาไม่เคยกลัวเกรง หากแต่เรื่องราวที่เป็นอยู่ตอนนี้กลับทำให้เขาขนลุกซะยิ่งว่าเจอผีจูออนสิบตัวพร้อมกันเสียอีก

‘เอาไงดีวะไอ้ณุ ทำไมวันนี้เอ็งซวยอย่างนี้วะ ท่าศึกครั้งนี้จะหนักหนาสาหัสจนรับมือไม่ไหว ข้าศึกรึ...’

ชายหนุ่มหันไปมองกระเทยก้ามปูซึ่งนั่งขนาบเขาอยู่ ที่แค่ขนาดของมัดกล้ามก็ใหญ่พอๆ กับศีรษะเขาแล้ว แค่เห็นก็พลันขนลุกชี้โด่ชี้เด่ไปคนละทิศละทาง อย่างกับดูหนังสยองขวัญสองเรื่องซ้อนอย่างไรอย่างนั้น

‘ข้าศึก...ท่าจะแข็งแกร่ง ถ้าสู้ด้วยมีหวังแพ้...เป็นต้องเสียเมือง เสียอิสรภาพ กับทั้งเสียตัวแน่ๆ!!...แต่ถ้าไม่สู้จะปล่อยให้คนแคระทั้งเจ็ดย่ำยีเห็นท่าจะไม่ดี รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น...เฮ้อ...เอาไงดีวะ?
ชายหนุ่มคิดสะระตะอยู่ครู่หนึ่ง จึงให้คำตอบกับตัวเองได้...

‘เอาวะ! สู้ก็แพ้ ไม่สู้ก็แพ้ อย่างนี้ต้องหนี!...เผ่นโลด!!!’

ว่าแล้วจึงดีดตัวลุกขึ้นอย่างเร็ว เพื่อไม่ทันให้ใครต่อใครทันตั้งตัวติด ก่อนที่จะวิ่งเปิดแน่บไปอย่างเร็ว ไม่แม้แต่หันกลับมามอง ราวกับกลัวว่าผีร้ายมันจะตามมาหลอกหลอนเขาอีกในชาติภพถัดไป...โดยลืมไปเสียสิ้น ว่าได้ทิ้งว่าที่คู่หมั้นสาวคนสวยไว้ที่ขุมนรกที่เขาเพิ่งจากมา

“สวยก็สวยเหอะ ลองมีเพื่อนเป็นกระเทยทั้งเจ็ด เป็นใครก็คงรับไม่ได้เหมือนกัน!”

พ่อนะพ่อ...ส่งใครมาให้เนี่ย!!!


**********************

มีคนบอกว่านางเอกเรื่องนี้ไม่สมควรเป็นนางเอก ไม่จริงหรอกชิมิๆ ออกจะน่ารัก หุหุ >///<

รัตน์ๆ จ้า..^^




รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2554, 21:37:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2554, 21:37:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 2284





<< บทที่ 2 (I)   บทที่ 3 : โชคชะตาหรือฟ้ากลั่นแกล้ง >>
ป้าภา 31 พ.ค. 2554, 15:06:58 น.
ป้าสงสัยว่าตัวจริงของหนูรัตน์ หรือเปล่าน้า


รัตนรัตน์ 31 พ.ค. 2554, 19:30:55 น.
5555555
คุณป้าภาขา พูดอะไรอย่างนั้น > <
ไม่อยากจะบอกว่าตัวจริงรัตน์ๆ เป็นสาวเรียบร้อยค่ะ
(จิงจิ้ง...อิอิ)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account