คุณพี่หมอสุดที่รัก
รัชชานนท์ และ เอมิกา พี่ชายและน้องสาวที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความสนิทสนมทำให้หนูเอมิกาติดพี่ชายสุดที่รักยิ่งกว่าอะไรดี ความรักก่อขึ้นช้าๆโดยที่ไม่รู้ตัว จนกระทั่งพี่หมอเกิดหึงหวงคนที่มองว่าเป็นน้องสาวมาตลอด จะทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดีล่ะ!?
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 19 : ง้อคนดื้อ 2
รัชชานนท์นั่งหน้าเครียด ไม่มีอารมณ์จะทำงานอีกต่อไป ที่ยัยตัวแสบพูดไว้ว่าจะโทรไปคุยกับชนาธรแทนนั้นก็ไม่รู้ว่าประชดหรือพูดจริง กระวนกระวายใจได้ซักพักก็รีบทำเป็นหันกลับเข้าหาจอโน๊ตบุ๊คต่อเพราะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา ไม่ได้หันไปมองว่าใครเข้ามา แต่คำตอบก็ปรากฎแก่สายตา เมื่อร่างบางที่ปล่อยให้เขานั่งคิดมากอยู่นานสองนานเดินเข้ามาในรัศมีสายตาของเขา สายตาก็แอบเหลือบมองเอมิกาไม่วางตา เห็นเธอถือจานผลไม้สองจานไว้ในมือ จานหนึ่งวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆโต๊ะทำงานของเขา ส่วนอีกจาน หญิงสาวถือไว้ในมือก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงเช่นเคย
"ทานได้นะคะ จานนั้นคุณน้าให้เอาขึ้นมาให้พี่หมอ" เอมิกาพูดขึ้นเมื่อเห็นรัชชานนท์มองตามมา ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันหน้าหนี 'หน้าระรื่นกลับมาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไปโทรหาไอ้พี่เชนนั่น!?'
เอมิกานั่งเคี้ยวผลไม้อย่างเอร็ดอร่อยอยู่บนเตียงของรัชชานนท์ หลังจากที่เธอกระแทกเท้าปึงปังออกไปนอกห้องด้วยความอารมณ์เสีย ตั้งใจว่าจะเดินกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่ช่วงเวลาที่กำลังเดินผ่่านห้องครัวไป หญิงสาวหันไปเห็นป้าแม่บ้านกำลังปอกผลไม้ของโปรดของเธอใส่จานอยู่ เอมิกาจึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปในห้องครัวแทน เมื่อได้กินของโปรดสุดแสนอร่อย หญิงสาวก็อารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะยกจานผลไม้ขึ้นมาให้รัชชานนท์ตามที่คุณน้าไหว้วาน
เอมิกามองรัชชานนท์ที่ดูเลิ่กๆลั่กๆชอบกล แต่ก็ยังทำมึนตึง ไม่ยอมให้ความสนใจกับเธออยู่ดี 'ไม่คุยด้วยก็ไม่ต้องคุย อุตส่าห์ง้อก็ยังไม่หายงอน ผู้ชายอะไรงอนนานจริงๆ ยังไงเธอก็จะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะถึงเวลาอาหารคํ่าเลย'
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เอมิกาที่นั่งดูรัชชานนท์ทำงานก็พาลจะง่วงขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อความง่วงเข้าครอบงำ จากที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ตัวเธอก็ไหลลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาอยู่ในท่านอน รัชชานนท์ที่สังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วจริงๆจึงเดินเข้ามาจัดท่านอนให้หญิงสาว แล้วดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียงใกล้หญิงสาว ยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ ยิ้มน้อยๆให้กับความขี้เซา ก่อนจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนเบาๆ เอมิกาขยับตัวหันตะแคงมาทางเขา รัชชานนท์จึงแอบหอมแก้มร่างบางอีกหนแล้วลุกไปทำงานต่อ
ก๊อกๆๆ!!!
"ครับ" รัชชานนท์ตอบรับเสียงเคาะประตูจากนอกห้อง
"คุณผู้หญิงให้มาเรียกคุณนนท์กับคุณเอมลงไปทานอาหารค่ะ" สาวใช้บอกคนในห้อง เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง หรือเวลาประมาณราวๆนั้น ซึ่งเป็นเวลาอาหารของครอบครัว
"เดี๋ยวผมลงไปครับ" ร่างสูงภายในห้องตอบกลับ รอจนได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไปแล้วจึงกดพักหน้าจอทีีอ่านค้างไว้แล้วเดินเข้าไปหาร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนของตัวเองพลางยิ้มกว้าง
"น้องเอม น้องเอมครับ ตื่นลงไปทานข้าวได้แล้วนะ" รัชชานนท์สะกิดร่างบางแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม
"..." ร่างบางไม่มีทีท่าว่่าจะขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน จนเขาต้องเดินหน้าปลุกเอมิกาต่อ
"น้องเอมครับ ลงไปทานข้าวได้แล้ว" คราวนี้ร่างหนาเอ่ยเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย คนหลับเริ่มขยับตัว
"อื้อ!~" ใบหน้าหวานปรือตามองร่างหนาแวบนึงก่อนจะหลับต่อแล้วหันหลังให้ชายหนุ่มแทน รัชชานนท์ส่ายหน้าให้กับความเป็นเด็กของคนตัวเล็กก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปบอกผู้เป็นแม่ให้ขึ้นไปปลุกว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตนเอง
"ตานนท์ แล้วน้องล่ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามบุตรชาย เมื่อเห็นว่าร่างสูงลงมาคนเดียวโดยปราศจากคนตัวเล็ก
"หลับปุ๋ยอยู่ข้างบนครับ ปลุกแล้วก็หลับต่อ" รัชชานนท์อมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาปลุกร่างเล็กเมื่อกี้ แต่เธอกับพลิกตัวหันหนีเขาไปอีกทางแล้วหลับต่อ "แม่ขึ้นไปปลุกสิครับ เผื่อน้องจะตื่น"
"ไม่! เรานั่นแหละ ขึ้นไปพาน้องลงมาเดี๋ยวนี้ ยังไงก็ต้องให้น้องทานข้าวก่อนทานไม่เป็นเวลาเดี๋ยวได้บ่นปวดท้องเอา" ผู้เป็นแม่บอกลูกชายเสียงเขียวจนรัชชานนท์อดสงสัยไม่ได้ว่ายัยตัวแสบไปฟ้องอะไรแม่เขา แม่เขาจึงมีอาการตึงๆแบบนี้
"ครับแม่"
ร่างหนาเปิดประตูห้องของตนเองเข้ามา ก่อนจะเดินลงไปนั่งริมเตียงใกล้ๆร่างหญิงสาวที่หายใจสมํ่าเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิท รัชชานนท์เขกกระโหลกร่างบางเบาๆ 'แสบจริงๆ ยัยตัวเล็ก เล่นเอาแม่พี่โกรธเลยนะ' ชายหนุ่มหัวเราะในใจ
"น้องเอม ตื่นเร็วๆ" รัชชานนท์พูด ขณะที่มือก็ไล้บริเวณข้างแก้มอย่างอ่อนโยน เมื่อสายตามองใบหน้าหวานอยู่ชั่วครู่จนเคลิ้ม แรงดึงดูดบางอย่างจึงสั่งให้ชายหนุ่มก้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แต่ก็ยังไม่ทันที่จะทำอะไรไปมากกว่านั้น ร่างบนเตียงก็ขยับตัวก่อนจะปรือตาขึ้นมา รัชชานนท์ลอบถอนหายใจ ที่อย่างน้อยเขาก็เด้งตัวออกมาก่อนที่ร่างบางจะลืมตา
เอมิกาลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ภาพแรกที่เห็นคือจังหวะที่ชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นไปยืนออกห่างเธอแล้ว คนตัวเล็กงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาไปมาเหมือนเด็ก แล้วทำท่าจะเอนตัวกลับไปนอนใหม่ เมื่อรัชชานนท์เห็นดังนั้นจึงรีบฉุดข้อมือร่างบางเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พลางเอามือซ้อนหลังเอาไว้ กันไม่ให้คนตัวเล็กทิ้งตัวลงไปด้านหลังอีกครั้ง
"น้องเอม ตื่นได้แล้วครับ ถึงเวลาทานข้าวแล้ว" รัชชานนท์บอกเสียงนุ่มเหมือนปกติอย่างคนลืมตัว คนที่ตั้งใจว่าจะหลับอีกครั้งอมยิ้มดีใจแล้วฝืนตัวเองให้ตื่นเมื่อเห็นว่าเจ้าของอ้อมแขนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
"พี่หมอหายโกรธน้องเอมแล้วเหรอคะ" เอมิกาถาม ก่อนจะเอนหัวซบกับบ่ากว้างด้วยความง่วงยังไม่จางหายไป
"ไม่" รัชชานนท์กลับมาทำเสียงตึงเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอ'หลุด' กำลังจะเคลื่อนตัวเองออกจากศีรษะเล็กๆไม่ให้เธอพิงได้อีก แต่คนที่อยู่ในอ้อมแขนกับกอดเอวเขาไว้แน่นแล้วถูใบหน้าหวานลงกับบ่าอย่างขี้อ้อนเอาแต่ใจ
"งั้นน้องเอมก็จะไม่ลงไปทานข้าว" ร่างเล็กบอกอย่างดื้อดึง
"อย่ามาใช้วิธีนี้น้องเอม คุณน้าเค้ารอทานข้าวอยู่ข้างล่างนะ" ร่างหนาบอกเสียงเข้ม เมื่อเขาใช้คุณแม่มาอ้างทำให้เธอต้องยอมลงไปทานข้าว เพราะไม่อยากให้คุณน้ารอทานข้าวจนหิว เอมิกาคิดอย่างเกรงใจ ในขณะที่รัชชานนท์ก็แกะมือบางออกจากเอวแล้วดันตัวหญิงสาวให้ทรงตัวด้วยตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียง
"ไปก็ได้ แต่พี่หมอต้องจูงมือน้องเอมไปนะ" เอมิกายังต่อรอง แล้วแบมือไปตรงหน้า รัชชานนท์ถอนหายใจ
"โอเคๆ ลุกขึ้นมาจากเตียงได้แล้ว เร็ว" ชายหนุ่มเร่ง ก่อนจะช่วยจับมือฉุดให้ร่างเล็กลุกขึ้นมาจากเตียง เอมิกายอมลุกขึ้นแต่โดยดีเมื่อเห็นว่าพี่หมอของเธอยอมที่จะจับมือเธอเอาไว้พาลงไปกินข้าว แม้ว่าเขาจะมีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย เอมิกาทำท่าจะเดินออกไปนอกห้อง แต่แรงดึงจากคนตัวโตทำให้เธอถอยกลับไปหาร่างสูงอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อน" รัชชานนท์จับร่างบางให้หันมาหาเขา ก่อนจะจัดการกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของหญิงสาวที่หลุดออกมาให้ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าของหญิงสาวให้เข้ารูปแล้วปัดกระโปรงสีหวานให้เธอเมื่อเห็นว่ามีอะไรสีขาวเกาะอยู่ออก
"ขอบคุณค่ะ" เอมิกายิ้มหวานให้ 'คนอะไร ขนาดงอนยังใจดีเลย'
"รีบลงไปได้แล้ว คุณน้ารออยู่นะ" รัชชานนท์กระตุกมือหญิงสาวเบาๆให้เดินตามมา เอมิกายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้ไปหยุดอยู่ข้างตัวชายหนุ่ม คนสองคนที่นั่งรออยู่ถึงกับยิ้มออกเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจูงร่างเล็ก ว่าที่สะใภ้ที่แสนจะน่ารักของตนเองลงมา โดยเฉพาะคุณผู้หญิงของบ้าน ที่ลดอาการปั้นปึ่งต่อลูกชายอย่างเห็นได้ชัด
"ตื่นแล้วเหรอลูก มาๆ ทานข้าวกัน" ประมุขของบ้านเอ่ยบอกอย่างใจดี
"ต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะคะที่น้องเอมลงมาช้า" เอมิกายกมือขอโทษคนทั้งสองก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆรัชชานนท์ เรียกความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้องเอม" คุณผู้หญิงของบ้านบอกพร้อมรอยยิ้มแล้วหันไปบอกแม่บ้านให้ตักข้าว ก่อนจะเอ่ยขึ้น "วันนี้พ่อแม่ไม่อยู่บ้านใช่มั๊ยลูก เห็นเมื่อกี้แม่เราเพิ่งโทรมาฝากให้น้าดูแลเราให้ด้วย น้องเอมก็ไม่บอกน้า"
"อ๋อ คะ วันนี้พ่อกับแม่ไปทำธุระที่ต่างจังหวัด แต่น้องเอมไม่ได้ไปด้วย"
"แล้ววันนี้จะนอนบ้านน้ามั๊ย น้าจะได้บอกคนให้ขึ้นไปจัดห้องให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ น้องเอมกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า เกรงใจคุณน้า"
"ไม่ต้องเกรงใจเลยลูก หนูอยู่คนเดียวบนบ้านได้เหรอ ถึงจะมีคนใช้อยู่หลังบ้านก็เถอะ"
"อยู่ได้คะ ปกติเวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน น้องเอมก็อยู่ได้"
"ถ้าน้องเอมว่าอย่างนั้นก็โอเคจ๊ะ" หลังจากจบบทสนทนาระหว่างสองสาวต่างวัย ทุกคนก็เริ่มลงมือทานข้าว พร้อมทั้งคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป และถึงแม้ว่ารัชชานนท์และเอมิกาจะทำตัวให้เป็นปกติแต่คนที่อาบนํ้าร้อนมาก่อนนับเกือบสี่สิบกว่าปีก็ยังสังเกตเห็นได้ สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างรู้ความคิดของอีกฝ่าย และแล้วเวลาอาหารคํ่าก็จบลง
"น้าว่าน้องเอมรีบกลับบ้านไปอาบนํ้าอาบท่าที่บ้านก่อนดีกว่่านะ แล้วถ้าจะมานั่งเล่นบ้านน้าก็ค่อยเดินมาอีกทีดีกว่า เดี๋ยวมันจะมืดคํ่าไปกว่านี้ ตานนท์ เดินไปส่งน้องที่บ้านซิ มืดๆคํ่าๆเกิดน้องสะดุดไปไม่มีใครเห็นจะแย่เอา" ท้ายประโยค ผู้เป็นแม่หันไปสั่งลูกชาย พลางหันไปยิ้มมีเลศนัยกับสามีสองคนโดยที่หนุ่มสาวไม่ทันสังเกต
"ครับแม่" รัชชานนท์รับคำผู้เป็นแม่ ก่อนจะลุกขึ้นและแตะแขนเอมิกาเบาๆให้ลุกตามมา
"พี่หมอ" คนตัวเล็กวิ่งตามชายหนุ่มออกมานอกบ้านที่ไม่ยอมชะลอความเร็วขา "เมื่อไหร่จะหายโกรธน้องเอมล่ะคะ"
"เมื่อนั้น" รัชชานนท์ไม่ยอมหันมาคุยแต่ก็เริ่มเดินช้าลงจนร่างเล็กเดินตามทัน
"กำปั้นทุบดินเกินไปค่ะ" เอมิกาแก้มป่องตอบกลับไป "น้องเอมจะไปบอกพี่เชนก็ได้" คำพูดนั้นทำให้รัชชานนท์หยุดขาลงกระทันหันแล้วหมุนตัวกลับมาจนร่างบางเกือบจะชนเข้ากับอกแกร่ง แต่ดีที่ยังยั้งขาได้ทัน
"บอกอะไร" รัชชานนท์ถามออกไปอย่างมีความหวัง แต่ก็ยังเก๊กหน้าทำขรึมอยู่
"แล้วพี่หมออยากให้น้องเอมพูดว่าอะไรล่ะ น้องเอมยอมหมดทุกอย่างเลย เพียงแต่พี่หมอต้องหายงอนนะ" เอมิกายิ้มแฉ่ง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ แล้วกอดร่างแกร่งตรงหน้าแน่น นํ้าเสียงออดอ้อนประโยคสุดท้าย
"..."
"พี่หมอ?" เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่เธอกอดอยู่เงียบไป เอมิกาจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมแขน แล้วก็พบว่าชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วกดศีรษะเล็กให้ซบกับอกของตัวเองอีกครั้ง
"เงียบซะ..." เอมิกาเงียบตามที่ร่างสูงบอก รวมถึงยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัว ด้วยเห็นว่าคนที่ตัวโตกว่ากำลังใจอ่อนจึงไม่อยากขัดใจเขา "พี่ขอโทษนะที่บางครั้งพี่งี่เง่าไปหน่อย ขอโทษที่พูดจาไม่ดีแล้วก็ทำตัวไม่ดีใส่น้องเอม" รัชชานนท์เพิ่งมาคิดได้ว่าที่เขาทำไปดูไม่มีเหตุผลเลย ถึงเขาจะน้อยใจเอมิกาก็เถอะที่ไม่ได้บอกชนาธรว่าเขาและเธอเป็นอะไรกัน ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธอยู่กับอกแกร่งของคนรัก ก่อนจะรัดอ้อมแขนเล็กๆแน่นขึ้นอีก เพื่อเป็นการยืนยัน
"น้องเอมไม่โกรธพี่หมอหรอกค่ะ แล้วน้องเอมก็ต้องขอโทษพี่หมอด้วยเหมือนกันที่น้องเอมชอบเถียงบ่อยๆ" เอมิกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ก่อนจะพูดต่อ "พี่หมอเชื่อน้องเอมนะ น้องเอมรักพี่หมอคนเดียวจริงๆ" หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะแย้มยิ้มหวาน ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"พี่ก็รักน้องเอมนะ รักคนเดียว รักที่สุด และจะรักตลอดไป" รัชชานนท์สบตาคนในอ้อมแขนอย่างหวานซึ้งจนคนตัวเล็กอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ แก้มที่ซับสีเลือดจึงถูกขโมยหอมแก้มไปทั้งสองข้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
"พี่หมอขี้โกง!" เอมิกาบ่นหน้าแดง
"ขี้โกงอะไร นี่ ให้หอมคืนเลยเอ้า" รัชชานนท์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มหน้าให้หญิงสาวหอมแก้มคืน
"ไม่เอา! พี่หมอปล่อยเลย น้องเอมจะเข้าบ้านแล้ว" เอมิกาเบี่ยงหน้าหนี ขืนตัวออกจากอ้อมแขน ร่างสูงยอมปล่อยกอดอย่างง่ายดาย แต่มือหนากับเลื่อนมาจับมือบางแทน เพื่อกันร่างเล็กวิ่งหนีเข้าบ้านไปก่อนที่เขาจะได้รางวัล
"พี่จะไม่ให้น้องเอมเข้าบ้านจนกว่าน้องเอมจะหอมแก้มพี่ก่อน เร็วสิ ไม่งั้นก็ยืนให้ยุงมันกัดอยู่ตรงนี้ด้วยกันนี่ล่ะ" รัชชานนท์เร่งเร้า แววตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มขี้แกล้งนั้น ทำเอาเอมิการู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาทันที
"เมื่อก่อนพี่หมอไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย" เอมิกาค้อนขวับให้ชายหนุ่มที่กำลังแกว่งแขนเธอเล่นไปมาอย่างกับเป็นเด็กๆ
"ก็ตอนนี้น้องเอมเป็นของพี่แล้ว พี่ก็ทำอย่างนี้กับน้องเอมคนเดียวนี่แหละ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยยัยตัวเล็ก จะหอมไม่หอมเนี่ย หือ?" รัชชานนท์เลิกคิ้วถามคนที่ยืนหน้าแดงแถมยังหน้างอไปด้วยอีก
"ก็ได้ๆ" เอมิกากวักมือเป็นสัญญาณบอกให้ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาหา "พี่หมอต้องหลับตาด้วยนะ"
"โอเคๆ เร็วสิ พี่เมื่อยนะ" รัชชานนท์ซ่อนรอยยิ้มกริ่มไว้แล้วยอมหลับตาแต่โดยดี เมื่อร่างสูงรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดแก้มนั้นใกล้เข้ามาแล้ว เขาก็ไม่รอช้าหันหน้ากลับไปหาร่างเล็ก ส่งผลให้ปากสองปากของทั้งคู่ประกบกันเข้าให้
"พี่หมอ! ทำอะไรอ่ะ!? นิสัยไม่ดี ไปเลยนะ ชิ่วๆๆๆ!!" เอมิกาที่รีบเด้งตัวออกด้วยความตกใจ กำลังหลับหูหลับตาหน้าแดงกํ่าตีไปยังร่างแกร่งมั่วๆซั่วๆ ก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าบ้านไป โดยมีเสียงหัวเราะอย่างถูกใจไล่หลังมา
คืนนั้น ก่อนที่เอมิกากำลังจะปิดไฟที่หัวเตียงนอน ก็มีเสียงข้อความจากโปรแกรมไลน์ดังขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อคนส่งข้อความ ร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนก็ทุบลงไปบนเตียงระบายความเขินอยู่คนเดียว ก่อนจะเปิดอ่าน
'นอนหรือยังครับ?'
'กำลังจะนอนค่ะ แล้วพี่หมอล่ะ?'
'กำลังจะนอนเหมือนกัน พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าเวรเช้า อดเจอหน้าน้องเอมก่อนไปทำงานเลย :('
'งั้นพี่หมอก็รีบนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวตอนทำงานพี่หมอจะง่วงเอานะ'
'กำลังจะนอนแล้วล่ะ แต่อดคิดถึงคนตัวเล็กที่ไหนก็ไม่รู้ไม่ได้'
'ทำเป็นพูดดี พี่หมอรีบไปนอนเลยนะ -///-'
'555 โอเคครับ นอนก็นอน ราตรีสวัสดิ์นะครับ สุดที่รักของพี่'
'ราตรีสวัสดิ์ค่ะ :)'
เอมิกากดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะล้มตัวนอนแล้วยิ้มออกมา ใจเต้นระรัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงจูบแรกในชีวิตของเธอกับผู้ชายคนแรก และคนสุดท้าย ที่เธอจะมอบให้เขา ร่างบางหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสุขหัวใจ
"ทานได้นะคะ จานนั้นคุณน้าให้เอาขึ้นมาให้พี่หมอ" เอมิกาพูดขึ้นเมื่อเห็นรัชชานนท์มองตามมา ร่างสูงพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันหน้าหนี 'หน้าระรื่นกลับมาแบบนี้ อย่าบอกนะว่าไปโทรหาไอ้พี่เชนนั่น!?'
เอมิกานั่งเคี้ยวผลไม้อย่างเอร็ดอร่อยอยู่บนเตียงของรัชชานนท์ หลังจากที่เธอกระแทกเท้าปึงปังออกไปนอกห้องด้วยความอารมณ์เสีย ตั้งใจว่าจะเดินกลับบ้านให้รู้แล้วรู้รอด แต่ช่วงเวลาที่กำลังเดินผ่่านห้องครัวไป หญิงสาวหันไปเห็นป้าแม่บ้านกำลังปอกผลไม้ของโปรดของเธอใส่จานอยู่ เอมิกาจึงตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปในห้องครัวแทน เมื่อได้กินของโปรดสุดแสนอร่อย หญิงสาวก็อารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะยกจานผลไม้ขึ้นมาให้รัชชานนท์ตามที่คุณน้าไหว้วาน
เอมิกามองรัชชานนท์ที่ดูเลิ่กๆลั่กๆชอบกล แต่ก็ยังทำมึนตึง ไม่ยอมให้ความสนใจกับเธออยู่ดี 'ไม่คุยด้วยก็ไม่ต้องคุย อุตส่าห์ง้อก็ยังไม่หายงอน ผู้ชายอะไรงอนนานจริงๆ ยังไงเธอก็จะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะถึงเวลาอาหารคํ่าเลย'
เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เอมิกาที่นั่งดูรัชชานนท์ทำงานก็พาลจะง่วงขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่อความง่วงเข้าครอบงำ จากที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ ตัวเธอก็ไหลลงมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาอยู่ในท่านอน รัชชานนท์ที่สังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหลับไปแล้วจริงๆจึงเดินเข้ามาจัดท่านอนให้หญิงสาว แล้วดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้ ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียงใกล้หญิงสาว ยกมือขึ้นลูบหัวเบาๆ ยิ้มน้อยๆให้กับความขี้เซา ก่อนจะก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนเบาๆ เอมิกาขยับตัวหันตะแคงมาทางเขา รัชชานนท์จึงแอบหอมแก้มร่างบางอีกหนแล้วลุกไปทำงานต่อ
ก๊อกๆๆ!!!
"ครับ" รัชชานนท์ตอบรับเสียงเคาะประตูจากนอกห้อง
"คุณผู้หญิงให้มาเรียกคุณนนท์กับคุณเอมลงไปทานอาหารค่ะ" สาวใช้บอกคนในห้อง เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่มตรง หรือเวลาประมาณราวๆนั้น ซึ่งเป็นเวลาอาหารของครอบครัว
"เดี๋ยวผมลงไปครับ" ร่างสูงภายในห้องตอบกลับ รอจนได้ยินเสียงฝีเท้าห่างออกไปแล้วจึงกดพักหน้าจอทีีอ่านค้างไว้แล้วเดินเข้าไปหาร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนของตัวเองพลางยิ้มกว้าง
"น้องเอม น้องเอมครับ ตื่นลงไปทานข้าวได้แล้วนะ" รัชชานนท์สะกิดร่างบางแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม
"..." ร่างบางไม่มีทีท่าว่่าจะขยับเขยื้อนร่างกายไปไหน จนเขาต้องเดินหน้าปลุกเอมิกาต่อ
"น้องเอมครับ ลงไปทานข้าวได้แล้ว" คราวนี้ร่างหนาเอ่ยเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย คนหลับเริ่มขยับตัว
"อื้อ!~" ใบหน้าหวานปรือตามองร่างหนาแวบนึงก่อนจะหลับต่อแล้วหันหลังให้ชายหนุ่มแทน รัชชานนท์ส่ายหน้าให้กับความเป็นเด็กของคนตัวเล็กก่อนจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปบอกผู้เป็นแม่ให้ขึ้นไปปลุกว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตนเอง
"ตานนท์ แล้วน้องล่ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามบุตรชาย เมื่อเห็นว่าร่างสูงลงมาคนเดียวโดยปราศจากคนตัวเล็ก
"หลับปุ๋ยอยู่ข้างบนครับ ปลุกแล้วก็หลับต่อ" รัชชานนท์อมยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาปลุกร่างเล็กเมื่อกี้ แต่เธอกับพลิกตัวหันหนีเขาไปอีกทางแล้วหลับต่อ "แม่ขึ้นไปปลุกสิครับ เผื่อน้องจะตื่น"
"ไม่! เรานั่นแหละ ขึ้นไปพาน้องลงมาเดี๋ยวนี้ ยังไงก็ต้องให้น้องทานข้าวก่อนทานไม่เป็นเวลาเดี๋ยวได้บ่นปวดท้องเอา" ผู้เป็นแม่บอกลูกชายเสียงเขียวจนรัชชานนท์อดสงสัยไม่ได้ว่ายัยตัวแสบไปฟ้องอะไรแม่เขา แม่เขาจึงมีอาการตึงๆแบบนี้
"ครับแม่"
ร่างหนาเปิดประตูห้องของตนเองเข้ามา ก่อนจะเดินลงไปนั่งริมเตียงใกล้ๆร่างหญิงสาวที่หายใจสมํ่าเสมอบ่งบอกว่าหลับสนิท รัชชานนท์เขกกระโหลกร่างบางเบาๆ 'แสบจริงๆ ยัยตัวเล็ก เล่นเอาแม่พี่โกรธเลยนะ' ชายหนุ่มหัวเราะในใจ
"น้องเอม ตื่นเร็วๆ" รัชชานนท์พูด ขณะที่มือก็ไล้บริเวณข้างแก้มอย่างอ่อนโยน เมื่อสายตามองใบหน้าหวานอยู่ชั่วครู่จนเคลิ้ม แรงดึงดูดบางอย่างจึงสั่งให้ชายหนุ่มก้มใบหน้าเข้ามาใกล้ แต่ก็ยังไม่ทันที่จะทำอะไรไปมากกว่านั้น ร่างบนเตียงก็ขยับตัวก่อนจะปรือตาขึ้นมา รัชชานนท์ลอบถอนหายใจ ที่อย่างน้อยเขาก็เด้งตัวออกมาก่อนที่ร่างบางจะลืมตา
เอมิกาลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ภาพแรกที่เห็นคือจังหวะที่ชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นไปยืนออกห่างเธอแล้ว คนตัวเล็กงัวเงียลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้ตาไปมาเหมือนเด็ก แล้วทำท่าจะเอนตัวกลับไปนอนใหม่ เมื่อรัชชานนท์เห็นดังนั้นจึงรีบฉุดข้อมือร่างบางเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง พลางเอามือซ้อนหลังเอาไว้ กันไม่ให้คนตัวเล็กทิ้งตัวลงไปด้านหลังอีกครั้ง
"น้องเอม ตื่นได้แล้วครับ ถึงเวลาทานข้าวแล้ว" รัชชานนท์บอกเสียงนุ่มเหมือนปกติอย่างคนลืมตัว คนที่ตั้งใจว่าจะหลับอีกครั้งอมยิ้มดีใจแล้วฝืนตัวเองให้ตื่นเมื่อเห็นว่าเจ้าของอ้อมแขนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
"พี่หมอหายโกรธน้องเอมแล้วเหรอคะ" เอมิกาถาม ก่อนจะเอนหัวซบกับบ่ากว้างด้วยความง่วงยังไม่จางหายไป
"ไม่" รัชชานนท์กลับมาทำเสียงตึงเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอ'หลุด' กำลังจะเคลื่อนตัวเองออกจากศีรษะเล็กๆไม่ให้เธอพิงได้อีก แต่คนที่อยู่ในอ้อมแขนกับกอดเอวเขาไว้แน่นแล้วถูใบหน้าหวานลงกับบ่าอย่างขี้อ้อนเอาแต่ใจ
"งั้นน้องเอมก็จะไม่ลงไปทานข้าว" ร่างเล็กบอกอย่างดื้อดึง
"อย่ามาใช้วิธีนี้น้องเอม คุณน้าเค้ารอทานข้าวอยู่ข้างล่างนะ" ร่างหนาบอกเสียงเข้ม เมื่อเขาใช้คุณแม่มาอ้างทำให้เธอต้องยอมลงไปทานข้าว เพราะไม่อยากให้คุณน้ารอทานข้าวจนหิว เอมิกาคิดอย่างเกรงใจ ในขณะที่รัชชานนท์ก็แกะมือบางออกจากเอวแล้วดันตัวหญิงสาวให้ทรงตัวด้วยตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียง
"ไปก็ได้ แต่พี่หมอต้องจูงมือน้องเอมไปนะ" เอมิกายังต่อรอง แล้วแบมือไปตรงหน้า รัชชานนท์ถอนหายใจ
"โอเคๆ ลุกขึ้นมาจากเตียงได้แล้ว เร็ว" ชายหนุ่มเร่ง ก่อนจะช่วยจับมือฉุดให้ร่างเล็กลุกขึ้นมาจากเตียง เอมิกายอมลุกขึ้นแต่โดยดีเมื่อเห็นว่าพี่หมอของเธอยอมที่จะจับมือเธอเอาไว้พาลงไปกินข้าว แม้ว่าเขาจะมีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย เอมิกาทำท่าจะเดินออกไปนอกห้อง แต่แรงดึงจากคนตัวโตทำให้เธอถอยกลับไปหาร่างสูงอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อน" รัชชานนท์จับร่างบางให้หันมาหาเขา ก่อนจะจัดการกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนของหญิงสาวที่หลุดออกมาให้ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าของหญิงสาวให้เข้ารูปแล้วปัดกระโปรงสีหวานให้เธอเมื่อเห็นว่ามีอะไรสีขาวเกาะอยู่ออก
"ขอบคุณค่ะ" เอมิกายิ้มหวานให้ 'คนอะไร ขนาดงอนยังใจดีเลย'
"รีบลงไปได้แล้ว คุณน้ารออยู่นะ" รัชชานนท์กระตุกมือหญิงสาวเบาๆให้เดินตามมา เอมิกายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้ไปหยุดอยู่ข้างตัวชายหนุ่ม คนสองคนที่นั่งรออยู่ถึงกับยิ้มออกเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจูงร่างเล็ก ว่าที่สะใภ้ที่แสนจะน่ารักของตนเองลงมา โดยเฉพาะคุณผู้หญิงของบ้าน ที่ลดอาการปั้นปึ่งต่อลูกชายอย่างเห็นได้ชัด
"ตื่นแล้วเหรอลูก มาๆ ทานข้าวกัน" ประมุขของบ้านเอ่ยบอกอย่างใจดี
"ต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะคะที่น้องเอมลงมาช้า" เอมิกายกมือขอโทษคนทั้งสองก่อนที่จะเลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆรัชชานนท์ เรียกความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะน้องเอม" คุณผู้หญิงของบ้านบอกพร้อมรอยยิ้มแล้วหันไปบอกแม่บ้านให้ตักข้าว ก่อนจะเอ่ยขึ้น "วันนี้พ่อแม่ไม่อยู่บ้านใช่มั๊ยลูก เห็นเมื่อกี้แม่เราเพิ่งโทรมาฝากให้น้าดูแลเราให้ด้วย น้องเอมก็ไม่บอกน้า"
"อ๋อ คะ วันนี้พ่อกับแม่ไปทำธุระที่ต่างจังหวัด แต่น้องเอมไม่ได้ไปด้วย"
"แล้ววันนี้จะนอนบ้านน้ามั๊ย น้าจะได้บอกคนให้ขึ้นไปจัดห้องให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ น้องเอมกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า เกรงใจคุณน้า"
"ไม่ต้องเกรงใจเลยลูก หนูอยู่คนเดียวบนบ้านได้เหรอ ถึงจะมีคนใช้อยู่หลังบ้านก็เถอะ"
"อยู่ได้คะ ปกติเวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าน น้องเอมก็อยู่ได้"
"ถ้าน้องเอมว่าอย่างนั้นก็โอเคจ๊ะ" หลังจากจบบทสนทนาระหว่างสองสาวต่างวัย ทุกคนก็เริ่มลงมือทานข้าว พร้อมทั้งคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไป และถึงแม้ว่ารัชชานนท์และเอมิกาจะทำตัวให้เป็นปกติแต่คนที่อาบนํ้าร้อนมาก่อนนับเกือบสี่สิบกว่าปีก็ยังสังเกตเห็นได้ สองสามีภรรยามองหน้ากันอย่างรู้ความคิดของอีกฝ่าย และแล้วเวลาอาหารคํ่าก็จบลง
"น้าว่าน้องเอมรีบกลับบ้านไปอาบนํ้าอาบท่าที่บ้านก่อนดีกว่่านะ แล้วถ้าจะมานั่งเล่นบ้านน้าก็ค่อยเดินมาอีกทีดีกว่า เดี๋ยวมันจะมืดคํ่าไปกว่านี้ ตานนท์ เดินไปส่งน้องที่บ้านซิ มืดๆคํ่าๆเกิดน้องสะดุดไปไม่มีใครเห็นจะแย่เอา" ท้ายประโยค ผู้เป็นแม่หันไปสั่งลูกชาย พลางหันไปยิ้มมีเลศนัยกับสามีสองคนโดยที่หนุ่มสาวไม่ทันสังเกต
"ครับแม่" รัชชานนท์รับคำผู้เป็นแม่ ก่อนจะลุกขึ้นและแตะแขนเอมิกาเบาๆให้ลุกตามมา
"พี่หมอ" คนตัวเล็กวิ่งตามชายหนุ่มออกมานอกบ้านที่ไม่ยอมชะลอความเร็วขา "เมื่อไหร่จะหายโกรธน้องเอมล่ะคะ"
"เมื่อนั้น" รัชชานนท์ไม่ยอมหันมาคุยแต่ก็เริ่มเดินช้าลงจนร่างเล็กเดินตามทัน
"กำปั้นทุบดินเกินไปค่ะ" เอมิกาแก้มป่องตอบกลับไป "น้องเอมจะไปบอกพี่เชนก็ได้" คำพูดนั้นทำให้รัชชานนท์หยุดขาลงกระทันหันแล้วหมุนตัวกลับมาจนร่างบางเกือบจะชนเข้ากับอกแกร่ง แต่ดีที่ยังยั้งขาได้ทัน
"บอกอะไร" รัชชานนท์ถามออกไปอย่างมีความหวัง แต่ก็ยังเก๊กหน้าทำขรึมอยู่
"แล้วพี่หมออยากให้น้องเอมพูดว่าอะไรล่ะ น้องเอมยอมหมดทุกอย่างเลย เพียงแต่พี่หมอต้องหายงอนนะ" เอมิกายิ้มแฉ่ง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ แล้วกอดร่างแกร่งตรงหน้าแน่น นํ้าเสียงออดอ้อนประโยคสุดท้าย
"..."
"พี่หมอ?" เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่เธอกอดอยู่เงียบไป เอมิกาจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยอ้อมแขน แล้วก็พบว่าชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วกดศีรษะเล็กให้ซบกับอกของตัวเองอีกครั้ง
"เงียบซะ..." เอมิกาเงียบตามที่ร่างสูงบอก รวมถึงยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัว ด้วยเห็นว่าคนที่ตัวโตกว่ากำลังใจอ่อนจึงไม่อยากขัดใจเขา "พี่ขอโทษนะที่บางครั้งพี่งี่เง่าไปหน่อย ขอโทษที่พูดจาไม่ดีแล้วก็ทำตัวไม่ดีใส่น้องเอม" รัชชานนท์เพิ่งมาคิดได้ว่าที่เขาทำไปดูไม่มีเหตุผลเลย ถึงเขาจะน้อยใจเอมิกาก็เถอะที่ไม่ได้บอกชนาธรว่าเขาและเธอเป็นอะไรกัน ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธอยู่กับอกแกร่งของคนรัก ก่อนจะรัดอ้อมแขนเล็กๆแน่นขึ้นอีก เพื่อเป็นการยืนยัน
"น้องเอมไม่โกรธพี่หมอหรอกค่ะ แล้วน้องเอมก็ต้องขอโทษพี่หมอด้วยเหมือนกันที่น้องเอมชอบเถียงบ่อยๆ" เอมิกาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ก่อนจะพูดต่อ "พี่หมอเชื่อน้องเอมนะ น้องเอมรักพี่หมอคนเดียวจริงๆ" หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะแย้มยิ้มหวาน ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มเต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"พี่ก็รักน้องเอมนะ รักคนเดียว รักที่สุด และจะรักตลอดไป" รัชชานนท์สบตาคนในอ้อมแขนอย่างหวานซึ้งจนคนตัวเล็กอดที่จะหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ แก้มที่ซับสีเลือดจึงถูกขโมยหอมแก้มไปทั้งสองข้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
"พี่หมอขี้โกง!" เอมิกาบ่นหน้าแดง
"ขี้โกงอะไร นี่ ให้หอมคืนเลยเอ้า" รัชชานนท์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มหน้าให้หญิงสาวหอมแก้มคืน
"ไม่เอา! พี่หมอปล่อยเลย น้องเอมจะเข้าบ้านแล้ว" เอมิกาเบี่ยงหน้าหนี ขืนตัวออกจากอ้อมแขน ร่างสูงยอมปล่อยกอดอย่างง่ายดาย แต่มือหนากับเลื่อนมาจับมือบางแทน เพื่อกันร่างเล็กวิ่งหนีเข้าบ้านไปก่อนที่เขาจะได้รางวัล
"พี่จะไม่ให้น้องเอมเข้าบ้านจนกว่าน้องเอมจะหอมแก้มพี่ก่อน เร็วสิ ไม่งั้นก็ยืนให้ยุงมันกัดอยู่ตรงนี้ด้วยกันนี่ล่ะ" รัชชานนท์เร่งเร้า แววตาเจ้าเล่ห์กับรอยยิ้มขี้แกล้งนั้น ทำเอาเอมิการู้สึกร้อนๆหนาวๆขึ้นมาทันที
"เมื่อก่อนพี่หมอไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย" เอมิกาค้อนขวับให้ชายหนุ่มที่กำลังแกว่งแขนเธอเล่นไปมาอย่างกับเป็นเด็กๆ
"ก็ตอนนี้น้องเอมเป็นของพี่แล้ว พี่ก็ทำอย่างนี้กับน้องเอมคนเดียวนี่แหละ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยยัยตัวเล็ก จะหอมไม่หอมเนี่ย หือ?" รัชชานนท์เลิกคิ้วถามคนที่ยืนหน้าแดงแถมยังหน้างอไปด้วยอีก
"ก็ได้ๆ" เอมิกากวักมือเป็นสัญญาณบอกให้ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาหา "พี่หมอต้องหลับตาด้วยนะ"
"โอเคๆ เร็วสิ พี่เมื่อยนะ" รัชชานนท์ซ่อนรอยยิ้มกริ่มไว้แล้วยอมหลับตาแต่โดยดี เมื่อร่างสูงรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดแก้มนั้นใกล้เข้ามาแล้ว เขาก็ไม่รอช้าหันหน้ากลับไปหาร่างเล็ก ส่งผลให้ปากสองปากของทั้งคู่ประกบกันเข้าให้
"พี่หมอ! ทำอะไรอ่ะ!? นิสัยไม่ดี ไปเลยนะ ชิ่วๆๆๆ!!" เอมิกาที่รีบเด้งตัวออกด้วยความตกใจ กำลังหลับหูหลับตาหน้าแดงกํ่าตีไปยังร่างแกร่งมั่วๆซั่วๆ ก่อนจะรีบวิ่งหนีเข้าบ้านไป โดยมีเสียงหัวเราะอย่างถูกใจไล่หลังมา
คืนนั้น ก่อนที่เอมิกากำลังจะปิดไฟที่หัวเตียงนอน ก็มีเสียงข้อความจากโปรแกรมไลน์ดังขึ้นมา เมื่อเห็นชื่อคนส่งข้อความ ร่างบางที่กึ่งนั่งกึ่งนอนก็ทุบลงไปบนเตียงระบายความเขินอยู่คนเดียว ก่อนจะเปิดอ่าน
'นอนหรือยังครับ?'
'กำลังจะนอนค่ะ แล้วพี่หมอล่ะ?'
'กำลังจะนอนเหมือนกัน พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าเวรเช้า อดเจอหน้าน้องเอมก่อนไปทำงานเลย :('
'งั้นพี่หมอก็รีบนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวตอนทำงานพี่หมอจะง่วงเอานะ'
'กำลังจะนอนแล้วล่ะ แต่อดคิดถึงคนตัวเล็กที่ไหนก็ไม่รู้ไม่ได้'
'ทำเป็นพูดดี พี่หมอรีบไปนอนเลยนะ -///-'
'555 โอเคครับ นอนก็นอน ราตรีสวัสดิ์นะครับ สุดที่รักของพี่'
'ราตรีสวัสดิ์ค่ะ :)'
เอมิกากดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะล้มตัวนอนแล้วยิ้มออกมา ใจเต้นระรัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงจูบแรกในชีวิตของเธอกับผู้ชายคนแรก และคนสุดท้าย ที่เธอจะมอบให้เขา ร่างบางหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มสุขหัวใจ
MysteryHiqueen
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2556, 08:23:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2556, 08:23:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 9359
<< ตอนที่ 18 : ง้อคนดื้อ 1 | ตอนที่ 20 : ความจริงที่แสนเจ็บปวด >> |