คมอสูร
ทะเลทรายซาฮารามากด้วยเม็ดทรายฉันใด
การผจญภัยในโลกแฟนตาซีก็มากด้วยเรื่องราวฉันนั้น
สัมผัสความรัก ความเอื้ออาทรและการผจญภัยของริคแฟลม
เพื่อสร้างตำนานบทใหม่ในโลกแฟนตาซี


Tags: แฟนตาซี, ความรัก,ปีศาจ

ตอน: ตอนที่ 2 คืนแห่งโชคชะตา

13 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ยิ่งกว่าติดจรวดเสียอีก จนเอ็ดเวิร์ดและโจอี้ตั้งตัวไม่ทัน ว่าเด็กชายวัยเจ็ดขวบที่พวกเขาเลี้ยงดูค่อยๆ โตขึ้นเป็นลำดับ จากเด็กอาภัพที่มีเรื่องชกต่อยกับเด็กในหมู่บ้านไม่เว้นแต่ละวันเวลาถูกล้อว่าไม่มีพ่อแม่จนพวกเขาต้องคอยห้ามปรามทุกครั้ง แล้วค่อยกลายเป็นหัวหน้าแก็งวัยรุ่นคอยพิทักษ์ความยุติธรรมให้ชาวบ้าน อีกพริบตาเดียว ก็มีทั้งจดหมายรักมากมาย และโทรศัพท์เสียงของสาวๆ ดังระรัวถามถึงริคแฟลมจนสองผู้ปกครองต้องตะคอกกลับไปให้เลิกโทรมาเสียที ตลอดจนต้องปั้นสีหน้าตอบตัวแทนนิตยสารหลายฉบับว่า พวกเขาไม่ยินดีให้ริคแฟลมยืนถ่างแข้งถ่างขาเป็นแบบปกหนังสือฉบับนั้น

และเหตุผลที่ไม่อาจบอกใครได้ นั่นคือ ตัวตนที่แท้จริงของริคแฟลม.......หนุ่มน้อยสุดหล่อผู้มีผู้หญิงเข้ามาวนเวียนอยู่รอบกายเหมือนฝูงมดตอมผลแอปเบิ้ลสุกนั้นคือ อสูรกาย ริคแฟลมจะเผยร่างที่ซ่อนเร้นในยามที่เขาโกรธหรือมีอะไรที่ขัดใจ แต่ริคแฟลมก็เข้าใจถึงคุณค่าแห่งการควบคุมตัวเองได้เป็นอย่างดี ในโลกที่อมนุษย์ยังไม่เป็นที่ยอมรับ

แต่ทว่าความสงบสุขของทั้งสามก็เหมือนคลื่นลมที่สงบ ก่อนพายุใหญ่จะมา ......

คืนนั้นเอง หลังจากรับประทานอาหารค่ำอย่างถูกต้องตามมารยาทแบบแผนผู้ดีอังกฤษ เจ้าเมืองก็นัดประชุมชาวบ้านในละแวกป่าสนเรดวูด โดยใช้ลานโล่งของหมู่บ้านเป็นที่ประชุมเฉพาะกิจ

หลายคนนั่งกระสับกระส่ายเพราะต่างรู้สึกถึงอากาศเย็นเฉียบยามค่ำคืนที่ไม่น่ามาประชุมด้วยกันทั้งสิ้น เว้นแต่เอ็ดเวิร์ดกับโจอี้ซึ่งไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นั่งอยู่แถวหลังสุด พลางหยิบชาร้อนๆที่เตรียมมาแจกจ่ายให้เพื่อนบ้าน

สองสหายสะดุ้งโหยงจนชาแทบหก เมื่อเจ้าเมืองประกาศก้องโดยไม่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงว่า

“คืนพรุ่งนี้เจ้าชายแห่งรูเธเนียจะเสด็จมาที่นี่ พร้อมกองทหารองครักษ์ เพื่อล่าปีศาจในหมู่บ้านของเรา.....” เจ้าเมืองเว้นจังหวะ เพื่อให้คำพูดซึมเข้าไปในหูของทุกคนในที่นั้นอย่างถนัด แล้วพูดต่อเสียงหนักแน่นว่า

“ขอให้ทุกคนอยู่ในบ้าน อย่าออกมายืนดู หรือเดินไปมาเกะกะกีดขวางการเสด็จของพระองค์ นอกจากจำเป็นจริงๆ มีใครสงสัยอะไรไหม”

ทุกคนหุบปากเงียบ เจ้าเมืองเริ่มพูดเรื่องอื่น แต่โจอี้และเอ็ดเวิร์ดหมดกะจิตกะใจจะนั่งฟังต่อ พวกเขาลุกขึ้นเดินกลับบ้านไปอย่างทุกข์ใจ

คราวเคราะห์กำลังคืบคลานมาถึงตัวริคแฟลม เด็กในการปกครองของพวกเขาเสียแล้ว

------------------------------------

ริคแฟลมอาบน้ำสะอาดเอี่ยมไปทั้งตัว เสื้อผ้าก็ซักเรียบร้อย กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหนังสือ พอเห็นน้าสองคนเปิดประตูเข้ามาก็มองที่รองเท้าบู้ทก่อนเพื่อน ทำให้ทั้งคู่ต้องรีบถอดออกแทบไม่ทัน

“ผมเพิ่งถูบ้านมาใหม่ๆ” ริคแฟลมอธิบายสั้นๆ ก่อนก้มลงอ่านหนังสืออย่างเก่า โจอี้พยักพเยิดกับเอ็ดเวิร์ด ให้เขาพูดก่อน

“ริคเอ้ย...พรุ่งนี้ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น พวกเราจะไปคฤหาสน์มอว์บรีย์เฮาส์กันนะ”

ริคแฟลมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ คิ้วขมวด “ไปที่นั่นทำไมฮะ”

“พวกเราซื้อมันไว้แล้ว อรุณรุ่งพรุ่งนี้เราจะเริ่มซ่อมแซมมัน”

“ซื้อ? เป็นไปได้ยังไง เมื่อวานน้าเอ็ดเวิร์ดยังบ่นเรื่องขายผลไม้ขาดทุนอยู่เลย ส่วนน้าโจอี้ก็เพิ่งถูกลดเงินเดือนเพราะพิษเศรษฐกิจ จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อมอว์บรีย์เฮาส์”

“บ้านทั้งร้างทั้งเก่า จะพังมิพังแหล่ ราคามันก็เลยถูก พวกน้าซื้อไว้ให้ริคไงล่ะ” โจอี้ใช้แผนโจมตีจุดอ่อนริคแฟลม เพราะรู้ว่าเด็กหนุ่มพ่ายแพ้ทุกครั้ง เวลาที่เอ็ดเวิร์ดและโจอี้แสดงความเอื้ออาทรต่อเด็กหนุ่ม

“งั้นหรือฮะ” ริคแฟลมเสียงอ่อน “แต่...ถึงยังงั้น พวกน้าก็ไม่น่าจะรู้จักเจ้าของที่แท้จริงของมอว์บรีย์เฮาส์ ขนาดแม่เฒ่าที่อายุยืนที่สุดในหมู่บ้านยังไม่เคยเห็นหน้าเลย”

ไม่มีคำตอบ มีแต่สีหน้าซึ่งซ่อนพิรุธเอาไว้เต็มที่ ริคแฟลมนิ่งมองทั้งคู่อยู่อึดใจก็ถามเสียงแข็งว่า

“น้าเอ็ดเวิร์ด น้าโจอี้ ผมถามจริงๆ เถอะ น้าอมอะไรเอาไว้ คายออกมาซะดีๆ ความลับของพวกน้าน่ะ”

ทั้งคู่สะดุ้ง

“เปล่านะ ริคแฟลม”

“อย่ามาปากแข็งซะให้ยาก พวกน้าต้องได้ยินอะไรมาจากที่ประชุมวันนี้แน่ แล้วปิดบังไม่ให้ผมรู้ใช่ไหม”

เอ็ดเวิร์ดอึกอักแล้วอึกอัดอีก ในที่สุดที่เผยเรื่องจริงออกมา

“โจอี้คิดว่า เราควรพาเธอไปซ่อนไว้ที่คฤหาสน์ร้างกลางป่า เพื่อหลบเจ้าชายวอริกและพวกองครักษ์นักล่าปีศาจ ในคืนพรุ่งนี้ แต่กลัวเธอไม่ยอมอยู่เฉย พวกเราจึงไม่เล่าให้เธอฟัง”

ริคแฟลมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“น้าคิดว่า มอว์บรีย์เฮาส์ จะ ปลอดภัยเหรอฮะ ในเมื่อชาวบ้านคิดว่า ที่นั้นเป็นที่สิงสถิตของแวมไพร์ มีหรือที่เจ้าชายอะไรนั่นละเว้น เขาต้องเสด็จมาที่นั่นแน่ๆ”

“นั่นซิ โง่จริงๆ เลย โจอี้” เอ็ดเวิร์ดว่า

“ จะทำยังไงล่ะทีนี้ อยู่บ้านก็ไม่ได้ อยู่มอว์บรีย์เฮาส์ก็ไม่ได้อีก เราจะซ่อนตัวที่ไหนดี” โจอี้เริ่มกระสับกระส่าย

“น้าสองคนรอผมอยู่ที่บ้านก็พอ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“เธอจะไปไหน” ทั้งคู่ถามขึ้นพร้อมกัน ริคแฟลมได้แต่อมยิ้มไม่ตอบใดๆ

--------------------------------------------------------

คืนวันถัดมา.....

หญิงสาวยืนมองอยู่ในเงามืดของหมู่ต้นสน ดวงตาสีนิลเบิกกว้างจับอยู่ที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังสีไวโอลินภายใต้แสงจันทร์หน้าคฤหาสน์มอว์บรีย์เฮาส์ ศีรษะของเธอปวดร้าว และมีความเปียกชื้นอยู่แถวขมับซึ่งเลือดไหลออกจากรอยแผลลึก ซึมเข้าไปในกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน เธอแทบยกแขนข้างขวาขึ้นมาไม่ได้เพราะความขัดยอกของไหล่ เสื้อคลุมของเธอเปอะเปื้อนไปด้วยโคลน กระโปร่งผ้าไหมสีขาวฉีกขาดจนถึงเอว และเธอคิดว่า เพราะแพตติโค้ทหนาหลายชั้นของเธอ ที่ช่วยกันไม่ให้เข่าเธอแตก

นี่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเมื่อคิดถึงว่า เธอเพิ่งกระโดดลงจากรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน ทันทีที่เธอลุกขึ้นจากพื้น และเริ่มวิ่งเข้ามาในป่า เธอก็เกิดอาการมึนงง โงนเงน เรี่ยวแรงเริ่มถดถอย ท้ายสุดเธอจึงเดินตามเสียงไวโอลินมาอย่างเชื่องช้า จนมาหยุดที่คฤหาสน์แห่งนี้

เสียงเพลงจากโวโอลินไต่ระดับสูงขึ้น ก่อนจะแผ่วหายไปอย่างอ่อนหวาน ริคแฟลมขยับกล้ามเนื้อที่เมื่อยขบและเดินออกห่างมาจากตัวคฤหาสน์ ฝีเท้ายาวๆ พาชายหนุ่มข้ามสนามหญ้ามาอย่างรวดเร็วจนเหลือเชื่อ เขากำลังตรงมายังจุดที่หญิงสาวยืนอยู่ การเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับรู้ว่าเธออยู่ตรงนั้นมาได้พักหนึ่งแล้ว

หญิงสาวรีบก้าวถอยหลัง แต่มันสายเกินไปแล้ว ริคแฟลมมาถึงตัวเธอ ยื่นมือมาจับมือเธอไว้และดึงเธอเข้าสู่เขตรั้วของคฤหาสน์ เธอโงนเงนเล็กน้อย มืออบอุ่นที่จับนิ้วมือเธอไว้แน่นบีบกระชับมากยิ่งขึ้นเป็นการพยุง

“ปล่อยมือสกปรกของแกซะ”

ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากความมืดด้านหลังหญิงสาว เขาคล้ำเข้มและดูแกร่งกำยำด้วยช่วงไหล่กว้าง ราวกับวีรบุรุษในตำนานโบราณที่มั่นใจในอำนาจของตนเอง ปราศจากผู้ใดทัดเทียม ไม่อาจถูกโค่นล้มได้อย่างน่ากริ่งเกรง

“เธอมากับเขาเหรอ” ริคแฟลมถามหญิงสาวข้างตัว เธอปล่อยให้ความทุกข์ตรมที่ซุกซ่อนไว้ฉายออกมาทางดวงตา ขณะส่ายหน้า

“ฉัน....ฉัน...จำอะไรไม่ได้”

“อา สูญเสียความทรงจำ ช่างโชคร้ายอะไรอย่างนี้” ริคแฟลมกล่าว ก่อนหันไปถามชายแปลกหน้า “แล้วคุณเป็นใคร”

“ฉันชื่อวอริก โอรสของกษัตริย์รอล์ฟแห่งรูเธเนีย”

ความเงียบตามมา ริคแฟลมรู้ว่า อีกฝ่ายกำลังรอให้เขาแสดงการรับรู้ และให้เขาบอกชื่อของตัวเอง แต่แววตาเหยียดหยามของเจ้าชาย ทำให้เขาจงใจละเลยธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างชนชั้น

“ปล่อยมือจากผู้หญิงของฉันซะ” เจ้าชายสั่งเสียงห้วน

ริคแฟลมคลายมือที่กุมออก แต่กลับถูกมือเรียวยาวจับกระชับแทน ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

---------------------------------- จบตอน 2 -------------------------------------




เกร็ดหิมะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ค. 2556, 04:09:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ค. 2556, 04:09:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1128





<< ตอนที่ 1 เหนือฟ้ายังมีฟ้า   ตอนที่ 3 เพราะอะไรนะ? >>
เทียนจันทร์ 5 พ.ค. 2556, 17:29:20 น.
เป็นแฟนนิยายแฟนตาซีค่ะ เข้ามาเป็นกำลังใจ


เกร็ดหิมะ 5 พ.ค. 2556, 22:37:36 น.
ขอบคุณค่ะ มีกำลังใจเขียนขึ้นเยอะเลย ดีใจค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account