ความรักของเปลือกไข่
เธอ...หลงรักคนๆ หนึ่งอยู่หลายปี ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่เปลือกไข่ที่คอยปกป้องสิ่งที่อยู่ข้างในโดยไม่เต็มใจ

เขา...หลงรักเปลือกใข่ที่ภายนอกดูแข็งแรง แต่พร้อมที่จะแตกสลายได้ตลอดเวลา
Tags: ความรัก สามคน โปรแกรมเมอร์

ตอน: ตอนที่ 1

บรรยากาศเขตชานเมืองที่ดูเงียบสงบไม่วุ่นวายและมีผู้คนจอแจดังเช่นในเมือง สิ่งปลูกสร้างต่างๆ สูงเพียงแค่บ้านสองชั้น ไม่มีตึกสูงสิบชั้นหรือยี่สิบชั้นคอยบดบังทิศทางลมหรือแสงแดดที่คอยให้แสงสว่างยามกลางวัน จะมีก็แต่ต้นไม้สูงใหญ่ที่คอยให้ความร่มเย็นบังแดดให้พื้นที่บ้านหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ได้มีความร่มรื่นและน่าอยู่เพิ่มมากขึ้น

สายลมเย็นที่คอยพัดแทนพัดลมอีกทั้งต้นไม้ที่ไหวเอนไม่ได้ทำให้สมาธิของเจ้าของบ้านที่นั่งทำงานอยู่ใต้ร่มไม้หน้าบ้านสิ้นสุดลงได้ ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ ตรงหน้ามีโน้ตบุ๊คตัวหนึ่งตั้งอยู่พร้อมกับข้างๆ มีแก้วกาแฟที่พร่องไปกว่าครึ่งตั้งอยู่ด้วย

ภายในบริเวณที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงต๊อกแต๊กที่ดังอยู่ไม่ขาดจากเครื่องโน้ตบุ๊ค แต่แล้วเสียงก็ต้องหยุดลงเมื่อเจ้าของเครื่องเหลือบไปเห็นข้อความจากโปรแกรมสนทนาที่เขาออนไลน์เอาไว้

'พรุ่งนี้เข้าบริษัทด้วยนะ บอสเรียกด่วน'

แอมป์ขมวดคิ้วเล็กน้อยกับข้อความที่เห็น ด้วยจำได้ว่าคนเป็นเจ้านาย หรือที่คนส่งสารมาเรียกว่า 'บอส' นั้นเป็นคนอนุญาตเขาเองว่าช่วงนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทก็ได้ เพราะงานที่เขาทำเป็นงานค่อนข้างใหญ่ คิดได้ดังนั้นมือเรียวสวยก็จัดการพิมพ์โต้ตอบกับคนส่งสารอย่างรวดเร็ว

'ไหนช่วงนี้บอสบอกเราไม่ต้องเข้าบริษัทไง' ส่งไปเรียบร้อย คนโดนเรียกตัวก็ต้องถอนหายใจเสียงดังกลับสิ่งที่เพื่อนส่งมา

'ไม่รู้เจ้าค่ะ บอสบอกเรามาแบบนี้ เราก็บอกแอมป์แบบนี้ ไม่มีการแก้ไขข้อความใดๆ ทั้งสิ้นเจ้าค่ะ'

เห็นแบบนี้เขาเลยไม่รู้จะพิมพ์อะไรต่อ นอกจากคำตอบรับสั้นๆ อย่างเช่นที่ทำทุกครั้ง ก่อนจะบอกเพื่อนว่าขอทำงานต่ออีกนิด เพราะงานยังไปไม่ถึงไหน และแม้ว่าปลายทางจะแสดงอาการรับรู้ในคำบอกของเขา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาทำงานได้เลยในทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังมาจากข้างในบ้านทำให้เขาต้องลุกขึ้นไปรับ แอมป์เป็นคนไม่คิดจะติดโทรศัพท์มือถือ เขาไม่เคยคิดที่จะเอาโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว เพื่อจะได้ไม่พลาดการรับสาย แต่กลับเป็นคนที่ถ้าอยากติดต่อใครเขาจะติดต่อไปเอง หรือบางเวลาที่ได้ยินเสียงเรียกถึงจะลุกขึ้นไปหาว่าโทรศัพท์ของเขาอยู่ตรงไหน เช่นเวลานี้

"ครับบอส" เสียงทุ้มกรอกลงไปเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นเจ้านายของเขาเอง

"ขิงโทรไปบอกหรือยังว่าพรุ่งนี้ให้เข้าบริษัทด้วย"

"ครับ ขิงสไกป์มาบอกเมื่อกี้เอง ว่าแต่มีอะไรสำคัญเหรอครับ บอสบอกผมตอนนี้ไม่ได้เหรอ จะได้ไม่ต้องขับรถเข้าไป" แอมป์ขมวดคิ้วอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสายหัวเราะเบาๆ ลอดเข้ามา

"มาก่อนเถอะ เรื่องนี้พูดทางโทรศัพท์ไม่ได้ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้สิบโมงที่ห้องผมนะ" คำสั่งของหัวหน้า มีหรือจะกล้าขัด แอมป์รับคำอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่เจ้านายเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่ชอบขับรถเข้าไปในเมืองสักเท่าไหร่ แต่หากจำเป็นก็คงต้องจำใจทำ

ร่างสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตรถอนหายใจยืนมองโทรศัพท์ที่ปลายสายตัดไปแล้ว ก่อนจะเคลื่อนตัวมานั่งที่โซฟาในบ้าน งานที่ทำค้างไว้ตอนนี้ขาดช่วงไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ทำต่ออย่างแต่นอน ส่วนใหญ่แล้วงานที่แอมป์ได้รับมอบหมายมักจะเป็นงานค่อนข้างยากและต้องใช้สมาธิสูง เขาไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะเกรดเฉลี่ยที่เขาจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะหรือไม่ที่ทำให้เจ้านายคิดไปเองว่าเขาเป็นโปรแกรมเมอร์อัจฉริยะสั่งได้ทุกอย่าง และถึงแม้ว่าเขาจะชอบงานท้าทายมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่างานที่เขาทำต้องยากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ แอมป์นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วขับออกไปยังจุดหมายที่คิดไว้

ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ได้มานานแม้จะเป็นสถานที่ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเขานัก แต่การที่เขาจะต้องขับรถมาซื้อของที่นี่ทุกวันนั่นก็ไม่ใช่นิสัยเขาเช่นกัน แอมป์เดินไปตามทางอย่างเรียบเรื่อยราวกับมันเป็นที่ผ่อนคลายชั้นดี ห้างฯ นอกเมืองเช่นนี้คนไม่พลุกพล่านมากนัก ชายหนุ่มเดินหาร้านหนังสือร้านประจำก่อนจะเลี้ยวเข้าไปอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะอย่างน้อย ร้านเงียบๆ แบบนี้ มีหนังสือให้เขาอ่านก็ถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งเช่นกัน

เขาเดินตรงไปยังมุมโปรดก่อนจะหยิบหนังสือเล่มล่าสุดที่ยังไม่ได้อ่านเอามาเปิดดู หนังสือเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่ต้องคอยตามให้ทัน เพื่อจะได้ทำมาเป็นส่วนหนึ่งในงานเขียนโปรแกรม อีกทั้งภาษาคอมพิวเตอร์ทั้งหลายที่มักเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากช้าไปเพียงนิดอาจทำให้เขาพลาดงานชิ้นสำคัญเลยก็เป็นได้

แอมป์ใช้เวลานานกับหนังสือหลายเล่ม เขาเปิดอ่านดูสักพักก่อนจะเก็บเข้าที่ตามเดิม เปิดและดูอยู่หลายเล่มก่อนจะตัดสินใจหยิบติดมือมาสองเล่มเพื่อจ่ายเงิน แต่ในจังหวะที่หันตัวกลับนั้นเขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ร่างสูงเลยชนเข้าร่างเล็กเข้าอย่างจัง ก่อนที่หนังสือในมือของทั้งคู่จะหล่นลงพื้นเสียงดัง เรียกความสนใจให้กับพนักงานร้านได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มเป็นคนได้สติก่อน หันไปมองคนที่นั่งจุมปุกอยู่กับพื้นพร้อมกับเสียงโอดโอยเล็กน้อย

"คุณครับ เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บมากมั้ย"

"เจ็บสิคะ ถามมาได้" เสียงเล็กตอบกลับมาอย่างมีอารมณ์ พร้อมกับตวัดสายตาตำหนิคนที่ชนเธออยู่กลายๆ ส่วนคนไม่ระวังก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยักไหล่ดูราวกับไม่ใส่ใจ แต่เขาก็รู้ตัวว่าผิด

"ผมขอโทษก็แล้วกัน ไม่ทันระวัง เอ่อ ลุกไหวมั้ยครับ" ชายหนุ่มยื่นมือออกไปตั้งใจจะช่วยดึงลุกขึ้น แต่คนล้มกลับมองหน้าคนหวังดีแล้วดันตัวเองให้ลุกขึ้นเองอย่างไม่สนใจว่าคนตั้งใจจะช่วยกำลังมองมาอย่างไร

"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันลุกเองได้"

"โอเค ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีรีบ"

"รีบมากก็ไปตั้งแต่เมื่อวานสิยะ" หญิงสาวบ่นงุบงิบคนเดียวกับหนังสือ

"อะไรนะครับ"

"อ้อ เปล่าค่ะเปล่า รีบไม่ใช่เหรอคะ เชิญค่ะ" แอมป์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วรีบเดินไปยังแคชเชียร์เพื่อจ่ายเงินค่าหนังสือ

"ท่าทางรีบมากจริงนะพ่อคู้ณ จะรีบไปหาแฟนรึไง" หญิงสาวบ่นงึมงำกับตัวเอง ก่อนจะรีบเก็บหนังสือที่หล่นอยู่ข้างตัวมาหอบไว้เช่นเดิม

คนทำตัวรีบไปหาแฟนเดินออกจากร้านหนังสือจนมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านอาหารสัญชาติญี่ปุ่นชื่อดังร้านหนึ่งที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า แต่ก่อนที่จะเดินเข้าไป เขาเลือกที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรฯอหาคนที่โทรฯ มานัดเขาเมื่อครู่ ก่อนที่จะเดินออกจากร้านหนังสือ ขิงโทรศัพท์หาเขาได้ในจังหวะที่พอดีเวลาที่เขากำลังหิว เนื่องจากไม่ได้กินข้าวกลางวันก่อนออกจากบ้าน เธอบอกเขาว่าเธออยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านเขาพอดี และเมื่อเขาบอกว่าเขาเดินอยู่ที่นี่เช่นกัน ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น หญิงสาวกลับนัดเขาให้เจอกันที่ร้านอาหารร้านนี้ โดยไม่ให้เขาได้โต้แย้งใดๆ

"มาถึงรึยังขิง เราอยู่หน้าร้านแล้วนะ" ชายหนุ่มพยักหน้ากับเสียงที่ตอบกลับมาจากปลายสายว่าให้เขาเดินเข้ามาในร้านได้เลย เธอรออยู่ที่โต๊ะแล้ว

คนมาถึงก่อนยกมือขึ้นโบกเรียกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน เพื่อบอกถึงตำแหน่งในการนั่งของเธอ และเหมือนทุกครั้งหญิงสาวเลือกนั่งในที่ที่เรียกว่าเกือบจะเป็นมุมด้านในของร้าน เธอรู้ใจเขาเสมอว่าเวลาทานข้าวเขาไม่ชอบให้มีคนเดินไปเดินมามากนัก มันทำให้เขารำคาญได้ง่ายๆ

"นึกยังไง มาถึงนี่ บ้านขิงอยู่อีกทางนึงไม่ใช่เหรอ"

"ก็มาเดินเล่นบ้างสิ ทำงานแล้วกลับบ้านทุกวัน น่าเบื่อออกนะ" เธอตอบยิ้มๆ ยื่นเมนูให้คนที่เพิ่งนั่งลงด้วยท่าทางสงสัย

"ตกลงวันนี้มีอะไรดี บอสขึ้นเงินเดือนให้รึไง"

"ขึ้นให้กับผีน่ะสิ" ขิงหน้ามุ่ยลงอย่างเห็นได้ชัด เรียกรอยยิ้มจากแอมป์ได้เป็นอย่างดี "ถ้าขึ้นให้นะ เราพาแอมป์ไปเลี้ยงโต๊ะจีนที่เยาวราชเลย แล้วจะได้ไม่ต้องขอเงินแม่ใช้ทุกเดินเวลาช็อตด้วย"

คราวนี้แอมป์เปลี่ยนจากยิ้มเป็นหัวเราะ เขารู้จักขิงมานานห้าปีตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แม้ดูภายนอกแล้วหญิงสาวจะดูเหมือนผู้หญิงอ่อนหวาน ตัวเล็กๆ ดูน่าทะนุถนอม แต่อย่างไรเสียคนที่เป็นเพื่อนกันมานานเช่นเขาย่อมรู้ดี ขิงเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ห้าวหรือคล่องแคล่วมากเหมือนอย่างผู้หญิงเก่งทั่วไป แต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยละมุนเหมือนผู้หญิงที่เป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือน แต่เธอดูเป็นผู้หญิงที่เป็นตัวของตัวเองที่มีหลายสไตล์อาศัยอยู่ข้างใน บางวันหญิงสาวมีบุคลิกแบบหวานดูน่ารัก แต่บางวันก็กลายเป็นมะนาวเปรี้ยวเข็ดฟัน หรือแต่งตัวเท่ห์ๆ ทะมันทะแมงราวกับจะไปเดินป่าบ้างก็มี

"แล้วนี่มาซื้ออะไรถุงเบ้อเริ่ม" แอมป์หันกลับมาสนใจคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า มากกว่าจะคิดไปถึงการแต่งตัวของเพื่อน ชายหนุ่มหันไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากสามเล่มภายในถุงพลาสติกแปะชื่อร้านไว้ตัวใหญ่ แล้วยื่นให้หญิงสาวดู

"หนังสือเอาไว้อ่านแก้เบื่อ" คนได้คำตอบทำตาโตแล้วหันมองสิ่งที่อยู่ในมือ หนังสืออ่าน 'แก้เบื่อ' ของเพื่อนมันคือหนังสือ 'ยาเบื่อ' ของเธอชัดๆ

"อ่านหนังสืออะไรก็ไม่รู้ ปวดหัว แต่จะว่าไปแอมป์ออกมาเปิดหูเปิดตาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้รู้ว่าโลกไปถึงไหนแล้ว"

"เราดูข่าวทุกวันนะขิง ทำไมเราจะไม่รู้ เดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตก็เข้าถึงทุกที่ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องออกบ้านเลย"

"เอาเถอะ เราขี้เกียจเถียง" เธอพูดอย่างยอมแพ้ "ว่าแต่ตกลงแอมป์จะสั่งอะไรมั้ย เราจะได้เรียกเด็กเสิร์ฟมารับออเดอร์"

"เอาสิ"

บทสนทนาทุกอย่างถูกตัดบทไป เมื่ออาหารที่ทั้งคู่สั่งมาถึงครบทุกอย่าง ขิงมองอาหารบนโต๊ะพร้อมกับพยายามไม่ให้น้ำลายที่กำลังไหลนั้น ไหลออกมาข้างนอกให้ได้อาย เธอกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนร่วมโต๊ะ

"เราจัดการเลยนะ" เมื่อได้สัญญาจากเพื่อน หญิงสาวก็เริ่มลงมือกำจัดสิ่งที่อยู่บนโต๊ะทีละอย่างๆ จนเกลี้ยง

ก่อนแยกย้ายกัน แอมป์เอ่ยถามเพื่อนอย่างเป็นคำถามเช่นทุกครั้ง "แล้วนี่กลับยังไง" หญิงสาวชะงักเล็กน้อยก่อนจะซดชุปมิโซะอึกใหญ่ก่อนตอบ

"ไม่รู้สิ รถเมล์มั้ง"

"แล้วทำไมไม่กลับแท็กซี่ มืดแล้วนะ" เขาแย้งเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

"ไม่ล่ะ แท็กซี่แพง รถเมล์แค่ไม่กี่บาทเอง ตอนนี้รถติดด้วย" ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกมาทำให้เธอดีใจ

"เดี๋ยวเราไปส่งขิงที่ได้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"

"ดีเลยประหยัดค่ารถไปได้อีกวัน ขอบใจนะ"

แววตาที่แอมป์ส่งให้ ทำให้ขิงเผลออุ่นวาบอยู่ภายในใจราวกับต้นไม้แห้งเหี่ยวที่ได้รับการหล่อเลี้ยง ความรู้สึกดีที่มีให้ชายหนุ่มยังคงอยู่ตลอดมา แม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ยิ่งเธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเองคิดว่าชายหนุ่มให้ความสนิทมากที่สุด ยิ่งทำให้เธอมีความหวัง การแสดงออกถึงความเป็นห่วงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในยามที่เธอลำบาก ยิ่งทำให้เธอ... รักเขาจนตอนนี้เรียกว่าเธอรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว อย่างน้อยทุกวันนี้เธอก็ไม่เคยเห็นเขาไปส่งใคร และไม่เคยให้ใครที่สามารถเป็นคนพิเศษของเขาได้ เวลานี้เธอถ้าเธอขอพรได้ เธอขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น...

ขอให้ความรู้สึกระหว่างเธอกับเขา ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทเหมือนทุกวันนี้ก็พอ...

+++++++++

^______^

ติชมได้ตามสบายเลยนะคะ มิณทิมารับทุกความเห็นค่ะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะจ๊ะ จุ๊บๆ (^3^)



มิณทิมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2556, 00:05:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2556, 00:05:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1517





   ตอนที่ 2 >>
คิมหันตุ์ 15 พ.ค. 2556, 00:39:43 น.
ชื่อเรื่องน่ารักดีค่ะ ชอบๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account