นิยามรักหัวใจร็อค ภาค 2 (นิยามรักของเจ้าชายเย็นชา)
เรื่องราวของอีริค หนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงอังกฤษ ที่แสนจะเงียบขรึม คนที่เป็นหัวใจหลักของการทำงานดนตรีของ Evasion ผู้มีความหลังอันลึกลับ และขมขื่น ....
Tags: สิรินดา, นิยามรัก, หัวใจร็อค, แจ่มใส, ภาค 2,นิยาย, sirinda, jamsai, novels, love story, อีริค
ตอน: 35 : หัวใจ...สับสน
รมิดาอาบน้ำเสร็จแล้ว เดินออกมาอุ่นอาหารเช้าซึ่งแม่บ้านจัดไว้ให้ วันนี้มีข้าวต้มทรงเครื่อง ซึ่งแม่บ้านแยกระหว่างข้าว กุ้ง/ปลา/ปลาหมึกลวก และน้ำซุปในหม้ออุ่นร้อนตลอดเวลา มีเครื่องเคียงจัดเป็นชุดไว้ราวกับอาหารเช้าที่เสิร์ฟในโรงแรมหรู หญิงสาวรออยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มยังไม่ออกมาจากห้องส่วนตัว จึงตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องของเขา เคาะประตูห้องเบาๆ สองที
"คุณอีริคคะ อาหารพร้อมแล้วค่ะ"
เงียบ หญิงสาวเคาะประตูอีกครั้ง แล้วก็ถือวิสาสะเปิดประตูเดินเข้าไป เธอกวาดตาไปรอบห้อง ไม่มีคนอยู่ในนั้น แต่เมื่อมองเลยไปที่ประตูห้องส่วนที่ติดกับระเบียงเปิดอยู่ ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงระเบียงอยู่ เขาสวมเพียงกางเกงเนื้อนิ่ม ไม่สวมเสื้อผ้า และปล่อยให้ผมหมาดน้ำแห้งโดยลมทะเล
"คุณอีริคค่ะ อาหารเช้าพร้อมแล้ว..."
เจ้าของห้องพยักหน้า แต่ยังไม่ขยับตัว "ยังไม่ค่อยหิวเลย คุณหิวก็ไปกินก่อนก็ได้นะ"
"เอ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"..."
"เป็นอะไร มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า"
คนฟังส่ายหน้า "ผม...เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเจ้าอีวาน มันโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้จะส่งทีมหมอมาดูผลเรื่องตาของผม เพราะถึงเวลาเปิดแผลแล้ว" ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งไปพักใหญ่ แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
อาการแบบนี้แสดงว่า เขาอาจไม่มั่นใจสักนิดว่าสายตาจะเป็นปกติ รมิดามองเบื้องหลังของผู้ชายไหล่กว้าง ที่มักจะทำหน้านิ่ง ไร้ความรู้สึก แต่จริงๆ แล้วเเธอพบว่าเขาป็นผู้ชายใจอารีมากๆ คนหนึ่ง
เธอนิ่งไปหลายวินาที นับแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยเห็นอารมณ์ไม่มั่นใจแบบนี้ของเขาเลย หญิงสาวเม้มปาก ก่อนจะเดินเข้าไปไกล้ วางมือของตนเองไว้บนมือของอีกฝ่ายที่เกาะระเบียงอยู่ กระชับมันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกเห็นใจทั้งหมดผ่านฝ่ามือน้อยๆ ของตนเอง
"หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะคะ คุณจะได้กลับไปทำงานที่คุณรักอีก"
คนฟังพยักหน้า
"แล้วถ้าเป็นอีกทาง ผมจะได้คิดจริงจังเสียที ว่าจะทำอะไรต่อ จะได้รู้ๆ กันเสียที"
"..." รมิดากัดริมฝีปาก จินตนาการถึงภาพคนตรงหน้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้อีก ...ขออย่าให้เขาถูกทำร้ายด้วยสิ่งนี้เลย
เธอขยับอีกก้าวดียวร่างเล็กๆ ก็ชิดร่างสูง เจ้าตัวเอาหัวพิงไหล่ของเขาไว้ ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้มากกว่านั้น
พักใหญ่ อีริหันมาหาคนข้างตัวด้วยการเอาหลังพิงระเบียง แล้วพลิกผ่ามือกลับ ทำให้ฝ่ามือใหญ่ของเขาเป็นฝ่ายกุมมือของเธอไว้แทน คราวนี้เขาดึงร่างบางเข้าหาตัว และเปลี่ยนเป็นกอดหญิงสาวไว้แนบอก
"แต่...ผมไม่มั่นใจเลย รู้ไหม"
รมิดาแข็งตัวในตอนแรก ก่อนจะถอนใจเบาๆ แล้วก็อิงตัวพิงอกกว้างไว้ในที่สุด เมื่อคืน เขาอาจทำอะไรเธอมากกว่านี้ไปแล้วก็ได้ แค่ให้เขากอดนิดๆ ห่น่อยๆ คงไม่เป็นไร
แถมอ้อมก่อดหนาๆ นี่ก็อุ่นดีเหมือนกัน
"ไม่เหมือนคุณเลยนะคะ คุณเคยเข้มแข็งนี่นา"
"ผมไม่ได้เข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาหรอกครับ" อ้อมกอดนั้นกระชับขึ้นอีกนิด หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่ข้างหู ได้กลิ่นสบู่จางๆ ชวนให้เกิดความรู้สึกประหลาด "ทำเข้มแข็งไปอย่างนั้นเอง"
ถ้าอย่างผู้ชายตัวสูงนี่ไม่เข้มแข็ง แล้วใครล่ะจะใช้คำนั้นได้ รมิดาแอบคิด แต่ก็ไม่พูดออกมา เธอเบียดตัวเข้ากับร่างสูงอีกนิด "คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอกค่ะ บ้านนี้ไม่มีใคร จะอ่อนแอบ้าง ก็ไม่มีใครรู้หรอก รับรองฉันไม่ปากโป้ง"
หญิงสาวรู้สึกว่าร่างสูงสั่น เธอได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ
"ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ฉันจะอยู่ข้างคุณเสมอค่ะ"
"อย่าพูดอะไรที่อาจทำไม่ได้ดีกว่า" เขาเอ่ย "แต่ก็ขอบคุณนะ..." คนพูดกดริมฝีปากลงที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างห้าใจไม่อยู่ "ให้ผมกอดคุณไว้แบบนี้สักพักได้ไหม"
น้ำเสียงเหมือนจะอ้อนวอน น้ำเสียงที่ไม่เคยได้ยินจากผู้ชายคนนี้มาก่อน
หญิงสาวเลื่อนแขนของตัวเองมากอดเอวของเขาไว้ ก่อนจะเอาหน้าแนบอกกว้างเหมือนเดิม พยักหน้า
"ฝน" ผ่านไปพักใหญ่ ชายหนุ่มจึงคลายอ้อมกอด
"คะ"
"ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม"
"อะไรคะ"
"วันนี้อยู่กับผมทั้งวัน ได้ไหม"
อ้าว ปกติก็อยู่ด้วยกันทั้งวันในบ้านนี้นี่นา หญิงสาวคิด
"ผมอยากมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ น่ะ"
เมื่อคืน รมิดาต้องการใครสักคน แต่คืนนี้ ชายหนุ่มกลับรู้สึกแบบนั้น เขาไม่เคยเอ่ยคำนี้กับใคร แต่วันนี้...อะไรบางอย่างบอกให้เขาพูดมันออกมา คืนหนึ่งที่ผ่านมา การได้อยู่ใกล้ชิดกันตลอดคืน ทำให้เขารู้สึกว่าการได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขารู้สึกดี ทั้งยามหลับ และยามตื่น เขาอยากดูแลเธอ และ...อยากให้เธอดูแลเขา
ทั้งๆ ที่ชีวิตของเธอและเขา ควรจะเป็นเส้นขนาน เพราะเธอเป็นลูกสาวของคนที่ชายหนุ่มถือว่าเป็นศตรูตัวฉกาจ แต่ ณ เวลานี้ เธอ...ไม่ได้เป็นลูกสาวของนายดิเรกอีกต่อไป แต่ เธอ คือใครคนหนึ่ง ที่เผชิญความโชคร้าย คล้ายๆ เขาเท่านั้นเอง
"ได้สิคะ ฉันจะอยู่ใกล้ๆ คุณทั้งวัน"
"ขอบคุณ..."
อ้อมกอดนั้นกระชับอีกนิด ฝ่ามือเรียวยาวลากไล้จากด้านหลังของหญิงสาวผ่านต้นคอ มาอยู่ที่ข้างแก้มของเธอ และดึงใบหน้ารูปไข่ให้เข้าใกล้ตนเองอีกนิด
ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาลากสะเปะสะปะมายังริมฝีปากเรียวของหญิงสาว ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะก้มลงมาแทน
จุมพิดนั้นทำให้รมิดาลืมหายใจ ทำได้แค่กอดไหล่กว้างไว้ไม่ให้หลุดลอยไปยังโลกอีกโลกที่ไม่รู้จัก ริมฝีปากของชายหนุ่มร้อน และเรียกร้องความรู้สึกทุกอย่างจากคนตัวเล็กในอ้อมกอด
ริมฝีปากของเธอดึงให้เธอไปสู่โลกใหม่ได้สำเร็จ โลกนั้นเบาหวิว หอมหวาน และร้อนแรงในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก นอกจากความรู้สึกอ่อนหวานที่ส่งผ่านมาเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีแฟนจริงๆ หรือนี่
ผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ทำไม...โอ ให้ตายเถอะ เป็นเพราะเธออ่อนประสบการณ์เรื่องนี้ หรือว่าเขาเก่งสุดๆ เรื่องจูบกันแน่
คนร่างสูงยังเรียกร้องความรู้สึกอีก และอีก จนรมิดารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดินน้ำมันเหลวๆ ที่ถูกเขาปั้นไปทางไหนก็อ่อนไหวไปกับเขาเสียหมด
ผ่านไปกี่นาทีก็ไม่รู้ รู้แต่วา ตอนนี้เธอต้องกอดเขาไว้ทั้งตัว เพื่อไม่ให้ล้มลงตรงนั้น...ในที่สุด เขาก็ผละออกจากริมฝีปากนุ่ม กดจมูกลงที่ขมับของเธอ และกอดไว้นิ่งๆ อีกพักใหญ่
"มาเถอะ ไปกินข้าวกันดีกว่า กอดคุณมากกว่านี้ ผมคงต้องอุ้มคนเป็นลมทั้งๆ ที่มองไม่เห็น ท้องคุณร้องแล้ว"
"อีะ" เขาได้ยินด้วยหรือนี่ คนที่ยังปรับความรู้สึกไม่คงที่นักแอบขมวดคิ้ว
"กินข้าวซะ จะได้หายแฮงค์ เมื่อคืนดื่มไปเยอะด้วยสิ มาสิ พาผมไปกินข้าวที"
ปกติ อีริคฝึกที่จะเดินไปไหนมาไหนในบ้านได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่วันนี้ เขารู้สึกไม่อยากปล่อยคนร่างเล็กข้างๆ ซะอย่างนั้น
รมิดาไม่อยากขัดใจคนที่กำลังไม่สบายใจ ก็เลยปล่อยให้มือของตนเองยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย โดยที่เธอเดินนำไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว
หญิงสาวตักอาหารใส่ชามให้อีริค ปรุงรสให้ตามที่เขาชอบ อยู่ด้วยกันพักใหญ่ เธอชักจะรู้ไปหมดแล้วว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จากคนที่ไม่เคยบริการใคร พักนี้ รมิดา ติดการบริการคนอื่นเสียแล้ว
"นั่งข้างๆ ผมนะ"
โอว เขากลายเป็นเด็กช่างอ้อนไปได้ยังไงเนี่ย...รมิดาคิดในใจ แต่ก็ยอมนั่งข้างเขาแต่โดยดี
"รสเป็นไงคะ เติมอะไรอีกไหม"
"ไม่ล่ะ โอเคแล้ว" ชายหนุ่มตอบ และกินอาหารในส่วนของตัวเองเงียบๆ ทั้งๆ ที่อีกมือยังกุมมือของคนข้างตัวอยู่
หญิงสาวรินน้ำส่งใส่มือให้อีกฝ่ายเมื่อเขากินข้าวต้มหมดชาม และปฏิเสธจะเพิ่ม "เอาไว้หิวค่อยทานใหม่ก็ได้ค่ะ อยากได้ผลไม่ไหม"
คนฟังส่ายหน้า วางแก้วน้ำที่ดื่มไปจนหมดแล้ว บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป หญิงสาวรู้สึกได้แบบนั้น วันนี้เธออยากอยู่ใกล้ๆ เขาทั้งวันเหมือนกัน
"คุณอีริคคะ...." รมิดากำลังเก็บจานชามไปไว้ที่อ่างล้างจานแล้วก็หันมาดึงเขาขึ้นจากเก้าอี้ "ฉันมีอะไรอยากให้คุณช่วยหน่อยค่ะ"
"เรื่องอะไร..."
"มานี่สิคะ" เธอจูงเขามาที่โซฟารับแขก แล้วก็เดินเข้าห้องส่วนตัวของชายหนุ่ม หยิบกีตาร์ของเขาออกมา หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมส่งให้อีกฝ่ายกับมือ
ชายหนุ่มนิ่ง "ทำไม"
"ฉันอยากฟังคุณเล่นกีตาร์อีก ได้ไหมคะ ฉันอยากฟังเพลงเมื่อเช้าอีก"
"sweet child o' mine น่ะเหรอ"
"ค่ะ ฉันอยากฟังเพลงแบบที่มีความสุขแบบนั้นอีก ไม่เคยได้ยินคุณร้องเพลงแบบนั้นเลย ทุกครั้ง จับกีตาร์ คุณจะเลือกเพลงเศร้ามาร้องเสมอ"
ชายหนุ่มนิ่งไปนิด ทบทวนเพลงต่างๆ ที่ตัวเองชอบร้อง มันจริงอย่างที่เธอบอก ...นี่ชีวิตของเขาจมอยู่กับเรื่องเศร้า จนมันฝังรากอยู่ในดนตรีที่เขาถ่ายทอดออกมายามวางด้วยหรือนี่
"มีอะไรหลายอย่างที่เรากำหนดไมได้ เราจะไปทุกข์กับมันมากก็เสียเวลาเปล่าค่ะ ฉันอยากให้เราทำอะไรที่เรามีความสุข นึกถึงความสุขในวันนี้ เผื่อว่าพรุ่งนี้...เกิดอะไรขึ้น เราจะได้มีกำลังใจที่จะไปต่อสู้กับมันไงคะ มีความสุขในวันนี้ไว้ก่อน"
คนฟังนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เปิดยิ้ม พยักหน้า "ก็ดีเหมือนกัน งั้น เริ่มจากเพลงนี้ แล้วลองดูว่าอยากฟังเพลงอะไรอีก เผื่อผมจะพอเล่นได้"
ปลายนิ้วเรียวยาวแตะสายกีตาร์ เสียงของมันกังวานตามท่วงทำนองของเพลงเก่าที่เร้าใจนิดๆ เพลงนั้น รมิดารู้สึกว่าถึงแม้ว่าเป็นเพลงเดียวกันกับที่เธอฟังเมื่อเช้า แต่ sweet child o' mine เวอร์ชั่นนี้ดูน่าฟังกว่ามาก
....
"คุณอีริคคะ อาหารพร้อมแล้วค่ะ"
เงียบ หญิงสาวเคาะประตูอีกครั้ง แล้วก็ถือวิสาสะเปิดประตูเดินเข้าไป เธอกวาดตาไปรอบห้อง ไม่มีคนอยู่ในนั้น แต่เมื่อมองเลยไปที่ประตูห้องส่วนที่ติดกับระเบียงเปิดอยู่ ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงระเบียงอยู่ เขาสวมเพียงกางเกงเนื้อนิ่ม ไม่สวมเสื้อผ้า และปล่อยให้ผมหมาดน้ำแห้งโดยลมทะเล
"คุณอีริคค่ะ อาหารเช้าพร้อมแล้ว..."
เจ้าของห้องพยักหน้า แต่ยังไม่ขยับตัว "ยังไม่ค่อยหิวเลย คุณหิวก็ไปกินก่อนก็ได้นะ"
"เอ่อ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"..."
"เป็นอะไร มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า"
คนฟังส่ายหน้า "ผม...เพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเจ้าอีวาน มันโทรมาบอกว่า พรุ่งนี้จะส่งทีมหมอมาดูผลเรื่องตาของผม เพราะถึงเวลาเปิดแผลแล้ว" ชายหนุ่มเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งไปพักใหญ่ แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ
อาการแบบนี้แสดงว่า เขาอาจไม่มั่นใจสักนิดว่าสายตาจะเป็นปกติ รมิดามองเบื้องหลังของผู้ชายไหล่กว้าง ที่มักจะทำหน้านิ่ง ไร้ความรู้สึก แต่จริงๆ แล้วเเธอพบว่าเขาป็นผู้ชายใจอารีมากๆ คนหนึ่ง
เธอนิ่งไปหลายวินาที นับแต่รู้จักกันมา เธอไม่เคยเห็นอารมณ์ไม่มั่นใจแบบนี้ของเขาเลย หญิงสาวเม้มปาก ก่อนจะเดินเข้าไปไกล้ วางมือของตนเองไว้บนมือของอีกฝ่ายที่เกาะระเบียงอยู่ กระชับมันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกเห็นใจทั้งหมดผ่านฝ่ามือน้อยๆ ของตนเอง
"หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะคะ คุณจะได้กลับไปทำงานที่คุณรักอีก"
คนฟังพยักหน้า
"แล้วถ้าเป็นอีกทาง ผมจะได้คิดจริงจังเสียที ว่าจะทำอะไรต่อ จะได้รู้ๆ กันเสียที"
"..." รมิดากัดริมฝีปาก จินตนาการถึงภาพคนตรงหน้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้อีก ...ขออย่าให้เขาถูกทำร้ายด้วยสิ่งนี้เลย
เธอขยับอีกก้าวดียวร่างเล็กๆ ก็ชิดร่างสูง เจ้าตัวเอาหัวพิงไหล่ของเขาไว้ ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้มากกว่านั้น
พักใหญ่ อีริหันมาหาคนข้างตัวด้วยการเอาหลังพิงระเบียง แล้วพลิกผ่ามือกลับ ทำให้ฝ่ามือใหญ่ของเขาเป็นฝ่ายกุมมือของเธอไว้แทน คราวนี้เขาดึงร่างบางเข้าหาตัว และเปลี่ยนเป็นกอดหญิงสาวไว้แนบอก
"แต่...ผมไม่มั่นใจเลย รู้ไหม"
รมิดาแข็งตัวในตอนแรก ก่อนจะถอนใจเบาๆ แล้วก็อิงตัวพิงอกกว้างไว้ในที่สุด เมื่อคืน เขาอาจทำอะไรเธอมากกว่านี้ไปแล้วก็ได้ แค่ให้เขากอดนิดๆ ห่น่อยๆ คงไม่เป็นไร
แถมอ้อมก่อดหนาๆ นี่ก็อุ่นดีเหมือนกัน
"ไม่เหมือนคุณเลยนะคะ คุณเคยเข้มแข็งนี่นา"
"ผมไม่ได้เข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาหรอกครับ" อ้อมกอดนั้นกระชับขึ้นอีกนิด หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่ข้างหู ได้กลิ่นสบู่จางๆ ชวนให้เกิดความรู้สึกประหลาด "ทำเข้มแข็งไปอย่างนั้นเอง"
ถ้าอย่างผู้ชายตัวสูงนี่ไม่เข้มแข็ง แล้วใครล่ะจะใช้คำนั้นได้ รมิดาแอบคิด แต่ก็ไม่พูดออกมา เธอเบียดตัวเข้ากับร่างสูงอีกนิด "คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอกค่ะ บ้านนี้ไม่มีใคร จะอ่อนแอบ้าง ก็ไม่มีใครรู้หรอก รับรองฉันไม่ปากโป้ง"
หญิงสาวรู้สึกว่าร่างสูงสั่น เธอได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ
"ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ฉันจะอยู่ข้างคุณเสมอค่ะ"
"อย่าพูดอะไรที่อาจทำไม่ได้ดีกว่า" เขาเอ่ย "แต่ก็ขอบคุณนะ..." คนพูดกดริมฝีปากลงที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างห้าใจไม่อยู่ "ให้ผมกอดคุณไว้แบบนี้สักพักได้ไหม"
น้ำเสียงเหมือนจะอ้อนวอน น้ำเสียงที่ไม่เคยได้ยินจากผู้ชายคนนี้มาก่อน
หญิงสาวเลื่อนแขนของตัวเองมากอดเอวของเขาไว้ ก่อนจะเอาหน้าแนบอกกว้างเหมือนเดิม พยักหน้า
"ฝน" ผ่านไปพักใหญ่ ชายหนุ่มจึงคลายอ้อมกอด
"คะ"
"ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม"
"อะไรคะ"
"วันนี้อยู่กับผมทั้งวัน ได้ไหม"
อ้าว ปกติก็อยู่ด้วยกันทั้งวันในบ้านนี้นี่นา หญิงสาวคิด
"ผมอยากมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ น่ะ"
เมื่อคืน รมิดาต้องการใครสักคน แต่คืนนี้ ชายหนุ่มกลับรู้สึกแบบนั้น เขาไม่เคยเอ่ยคำนี้กับใคร แต่วันนี้...อะไรบางอย่างบอกให้เขาพูดมันออกมา คืนหนึ่งที่ผ่านมา การได้อยู่ใกล้ชิดกันตลอดคืน ทำให้เขารู้สึกว่าการได้อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้ ทำให้เขารู้สึกดี ทั้งยามหลับ และยามตื่น เขาอยากดูแลเธอ และ...อยากให้เธอดูแลเขา
ทั้งๆ ที่ชีวิตของเธอและเขา ควรจะเป็นเส้นขนาน เพราะเธอเป็นลูกสาวของคนที่ชายหนุ่มถือว่าเป็นศตรูตัวฉกาจ แต่ ณ เวลานี้ เธอ...ไม่ได้เป็นลูกสาวของนายดิเรกอีกต่อไป แต่ เธอ คือใครคนหนึ่ง ที่เผชิญความโชคร้าย คล้ายๆ เขาเท่านั้นเอง
"ได้สิคะ ฉันจะอยู่ใกล้ๆ คุณทั้งวัน"
"ขอบคุณ..."
อ้อมกอดนั้นกระชับอีกนิด ฝ่ามือเรียวยาวลากไล้จากด้านหลังของหญิงสาวผ่านต้นคอ มาอยู่ที่ข้างแก้มของเธอ และดึงใบหน้ารูปไข่ให้เข้าใกล้ตนเองอีกนิด
ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาลากสะเปะสะปะมายังริมฝีปากเรียวของหญิงสาว ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะก้มลงมาแทน
จุมพิดนั้นทำให้รมิดาลืมหายใจ ทำได้แค่กอดไหล่กว้างไว้ไม่ให้หลุดลอยไปยังโลกอีกโลกที่ไม่รู้จัก ริมฝีปากของชายหนุ่มร้อน และเรียกร้องความรู้สึกทุกอย่างจากคนตัวเล็กในอ้อมกอด
ริมฝีปากของเธอดึงให้เธอไปสู่โลกใหม่ได้สำเร็จ โลกนั้นเบาหวิว หอมหวาน และร้อนแรงในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก นอกจากความรู้สึกอ่อนหวานที่ส่งผ่านมาเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีแฟนจริงๆ หรือนี่
ผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ทำไม...โอ ให้ตายเถอะ เป็นเพราะเธออ่อนประสบการณ์เรื่องนี้ หรือว่าเขาเก่งสุดๆ เรื่องจูบกันแน่
คนร่างสูงยังเรียกร้องความรู้สึกอีก และอีก จนรมิดารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดินน้ำมันเหลวๆ ที่ถูกเขาปั้นไปทางไหนก็อ่อนไหวไปกับเขาเสียหมด
ผ่านไปกี่นาทีก็ไม่รู้ รู้แต่วา ตอนนี้เธอต้องกอดเขาไว้ทั้งตัว เพื่อไม่ให้ล้มลงตรงนั้น...ในที่สุด เขาก็ผละออกจากริมฝีปากนุ่ม กดจมูกลงที่ขมับของเธอ และกอดไว้นิ่งๆ อีกพักใหญ่
"มาเถอะ ไปกินข้าวกันดีกว่า กอดคุณมากกว่านี้ ผมคงต้องอุ้มคนเป็นลมทั้งๆ ที่มองไม่เห็น ท้องคุณร้องแล้ว"
"อีะ" เขาได้ยินด้วยหรือนี่ คนที่ยังปรับความรู้สึกไม่คงที่นักแอบขมวดคิ้ว
"กินข้าวซะ จะได้หายแฮงค์ เมื่อคืนดื่มไปเยอะด้วยสิ มาสิ พาผมไปกินข้าวที"
ปกติ อีริคฝึกที่จะเดินไปไหนมาไหนในบ้านได้ด้วยตัวเองแล้ว แต่วันนี้ เขารู้สึกไม่อยากปล่อยคนร่างเล็กข้างๆ ซะอย่างนั้น
รมิดาไม่อยากขัดใจคนที่กำลังไม่สบายใจ ก็เลยปล่อยให้มือของตนเองยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย โดยที่เธอเดินนำไปยังส่วนที่เป็นห้องครัว
หญิงสาวตักอาหารใส่ชามให้อีริค ปรุงรสให้ตามที่เขาชอบ อยู่ด้วยกันพักใหญ่ เธอชักจะรู้ไปหมดแล้วว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จากคนที่ไม่เคยบริการใคร พักนี้ รมิดา ติดการบริการคนอื่นเสียแล้ว
"นั่งข้างๆ ผมนะ"
โอว เขากลายเป็นเด็กช่างอ้อนไปได้ยังไงเนี่ย...รมิดาคิดในใจ แต่ก็ยอมนั่งข้างเขาแต่โดยดี
"รสเป็นไงคะ เติมอะไรอีกไหม"
"ไม่ล่ะ โอเคแล้ว" ชายหนุ่มตอบ และกินอาหารในส่วนของตัวเองเงียบๆ ทั้งๆ ที่อีกมือยังกุมมือของคนข้างตัวอยู่
หญิงสาวรินน้ำส่งใส่มือให้อีกฝ่ายเมื่อเขากินข้าวต้มหมดชาม และปฏิเสธจะเพิ่ม "เอาไว้หิวค่อยทานใหม่ก็ได้ค่ะ อยากได้ผลไม่ไหม"
คนฟังส่ายหน้า วางแก้วน้ำที่ดื่มไปจนหมดแล้ว บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป หญิงสาวรู้สึกได้แบบนั้น วันนี้เธออยากอยู่ใกล้ๆ เขาทั้งวันเหมือนกัน
"คุณอีริคคะ...." รมิดากำลังเก็บจานชามไปไว้ที่อ่างล้างจานแล้วก็หันมาดึงเขาขึ้นจากเก้าอี้ "ฉันมีอะไรอยากให้คุณช่วยหน่อยค่ะ"
"เรื่องอะไร..."
"มานี่สิคะ" เธอจูงเขามาที่โซฟารับแขก แล้วก็เดินเข้าห้องส่วนตัวของชายหนุ่ม หยิบกีตาร์ของเขาออกมา หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ พร้อมส่งให้อีกฝ่ายกับมือ
ชายหนุ่มนิ่ง "ทำไม"
"ฉันอยากฟังคุณเล่นกีตาร์อีก ได้ไหมคะ ฉันอยากฟังเพลงเมื่อเช้าอีก"
"sweet child o' mine น่ะเหรอ"
"ค่ะ ฉันอยากฟังเพลงแบบที่มีความสุขแบบนั้นอีก ไม่เคยได้ยินคุณร้องเพลงแบบนั้นเลย ทุกครั้ง จับกีตาร์ คุณจะเลือกเพลงเศร้ามาร้องเสมอ"
ชายหนุ่มนิ่งไปนิด ทบทวนเพลงต่างๆ ที่ตัวเองชอบร้อง มันจริงอย่างที่เธอบอก ...นี่ชีวิตของเขาจมอยู่กับเรื่องเศร้า จนมันฝังรากอยู่ในดนตรีที่เขาถ่ายทอดออกมายามวางด้วยหรือนี่
"มีอะไรหลายอย่างที่เรากำหนดไมได้ เราจะไปทุกข์กับมันมากก็เสียเวลาเปล่าค่ะ ฉันอยากให้เราทำอะไรที่เรามีความสุข นึกถึงความสุขในวันนี้ เผื่อว่าพรุ่งนี้...เกิดอะไรขึ้น เราจะได้มีกำลังใจที่จะไปต่อสู้กับมันไงคะ มีความสุขในวันนี้ไว้ก่อน"
คนฟังนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ เปิดยิ้ม พยักหน้า "ก็ดีเหมือนกัน งั้น เริ่มจากเพลงนี้ แล้วลองดูว่าอยากฟังเพลงอะไรอีก เผื่อผมจะพอเล่นได้"
ปลายนิ้วเรียวยาวแตะสายกีตาร์ เสียงของมันกังวานตามท่วงทำนองของเพลงเก่าที่เร้าใจนิดๆ เพลงนั้น รมิดารู้สึกว่าถึงแม้ว่าเป็นเพลงเดียวกันกับที่เธอฟังเมื่อเช้า แต่ sweet child o' mine เวอร์ชั่นนี้ดูน่าฟังกว่ามาก
....
สิรินดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2556, 19:40:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2556, 19:40:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 4422
<< 34 : Sweet Child O' Mine | 36: มีเพียงเรา >> |
สิรินดา 31 พ.ค. 2556, 19:47:03 น.
สั้นสุดใจ เหมือนเดิม และเจอคำผิด บอกเค้าด้วยน้าาาา จุ๊บๆๆ
สั้นสุดใจ เหมือนเดิม และเจอคำผิด บอกเค้าด้วยน้าาาา จุ๊บๆๆ
konhin 31 พ.ค. 2556, 20:11:07 น.
หวานซ้าาาาาา
หวานซ้าาาาาา
ตุ๊งแช่ 31 พ.ค. 2556, 20:15:48 น.
หวานซ๊าาา
หวานซ๊าาา
goldensun 31 พ.ค. 2556, 20:30:00 น.
ผลไม่ไหม --- ผลไม้ อ้อมก่อดหนา ---- กอด ห้าใจไม่อยู่ --- ห้ามใจ
เข้าใจกันได้ ก็ตอนทุกข์ใจทั้งคู่นี่แหละ เรียกว่า เห็นใจกันยามยาก
ผลไม่ไหม --- ผลไม้ อ้อมก่อดหนา ---- กอด ห้าใจไม่อยู่ --- ห้ามใจ
เข้าใจกันได้ ก็ตอนทุกข์ใจทั้งคู่นี่แหละ เรียกว่า เห็นใจกันยามยาก
รัชต์ 1 มิ.ย. 2556, 06:20:18 น.
เหอะๆๆๆ
เหอะๆๆๆ
จิงโกะ 1 มิ.ย. 2556, 08:10:55 น.
pkka 1 มิ.ย. 2556, 08:15:44 น.
ลุ้นๆด้วย
ลุ้นๆด้วย
Siang 1 มิ.ย. 2556, 08:37:10 น.
ขอให้อีริคโชคดีค่ะ
ขอให้อีริคโชคดีค่ะ
yayee62 1 มิ.ย. 2556, 10:09:57 น.
ผลออกมาจะเป็นอย่างไรน้าาา
ผลออกมาจะเป็นอย่างไรน้าาา
Zephyr 1 มิ.ย. 2556, 23:00:50 น.
อีริคดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะคะ
ไม่แข็งเงียบเป็นหุ่นยนต์แบบแต่ก่อน
หลังเปิดตาคงมีเรื่องดีๆเนอะๆ
อีริคดูมีชีวิตชีวาขึ้นนะคะ
ไม่แข็งเงียบเป็นหุ่นยนต์แบบแต่ก่อน
หลังเปิดตาคงมีเรื่องดีๆเนอะๆ
สิรินดา 3 มิ.ย. 2556, 15:56:07 น.
ในที่ี่สุด องค์ก็ลงอีริคเสียที เป็นมนุษย์ธรรมดาได้แล้ว เย้ๆๆๆ ตอนต่อไป ไวๆ นี้จ้า
ในที่ี่สุด องค์ก็ลงอีริคเสียที เป็นมนุษย์ธรรมดาได้แล้ว เย้ๆๆๆ ตอนต่อไป ไวๆ นี้จ้า
supayalak 5 มิ.ย. 2556, 17:18:49 น.
ข่าวดีทีเถ้อออออ สาธุ
ข่าวดีทีเถ้อออออ สาธุ
ของขวัญ 6 มิ.ย. 2556, 00:19:22 น.
ลุ้นๆๆๆ อีริคจะหายไหมคะ
ลุ้นๆๆๆ อีริคจะหายไหมคะ