ข้ามกาล
อุบัติเหตุทำให้พระจันทร์ย้อนอดีตมาอยู่ในวังของหม่อมเจ้าใครเลยจะคิดว่าชีวิตลูกกำพร้าผู้ต่ำต้อยเช่นพระจันทร์
จะมีดาวฤกษ์อย่างดวงอาทิตย์มาโคจรรอบตัวถึงสามดวง


ดวงแรกนั้นพระจันทร์ทั้งรักและเทิดทูน ยึดเป็นที่พึ่งทางใจเสมอมา
พระอาทิตย์ดวงนี้เมตตาพระจันทร์ยิ่งนัก แต่ก็สงวนท่าทีเหลือเกิน
ใจท่านคิดเช่นไร พระจันทร์ไม่อาจรู้ได้เลย


ดวงที่สองร้อนแรงดังเพลิงกัลป์ หยิ่งทระนงหนักหนา
ทั้งยังเป็นคู่อริกันมาช้านาน ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในวันที่หนาวเหน็บที่สุด
พระอาทิตย์วายร้ายกลับเต็มใจมาอยู่เคียงข้างพระจันทร์
คอยส่องแสงให้ความอบอุ่นโดยไม่ต้องร้องขอ


ส่วนดวงที่สามพระจันทร์รักเคารพเสมอเหมือนพี่ชาย
ความที่เขามีคู่หมายซึ่งเหมาะสมกันอยู่แล้ว
พระจันทร์จึงไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่โชคชะตากลับเล่นตลก
ส่งกามเทพมาแผลงศรทำให้พี่ชายเผลอรักพระจันทร์หมดใจ
Tags: พีเรียต ย้อนยุค ช่วงปี 2493-2507 คุณชาย ท่านชาย นายแพทย์ พระเอกในเรื่องไม่รู้เป็นใคร แต่หนุ่มๆ แซ่บเวอร์ วัง หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ย้อนเวลา โรแมนติก คอมเมดี้ หวานๆ ดราม่าเบาๆ ภาษาอ่านง่าย

ตอน: บทที่ 2 คุณหญิงศีตภา

บทที่ 2 คุณหญิงศีตภา

รถตู้ของสถานสงเคราะห์บ้านเด็กอบอุ่นแล่นออกจากซอยมูลนิธิย่านปากเกร็ดออกมายังถนนใหญ่ โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่เขตวัฒนา ในรถมีผู้โดยสารไม่รวมคนขับอยู่ทั้งหมดแปดชีวิต นอกจากพวกพระจันทร์กับแม่ใหญ่แล้ว ที่เหลือคือเจ้าหน้าที่กับอาสาสมัครซึ่งเป็นฝ่ายประสานงาน

พระจันทร์นึกสงสัยว่าเหตุใดจึงได้มีผู้ติดตามมาด้วยมากมายนัก พอลองซักถามดูถึงได้รู้ว่าพวกผู้ใหญ่ที่เหลือมีจุดหมายปลายทางคนละที่กับเธอ ทั้งสี่กำลังจะไปตั้งแผงขายของเพื่อหาเงินทุนเข้ามูลนิธิ งานนี้เริ่มตอนประมาณสิบเอ็ดโมงแต่แม่ใหญ่เห็นว่าอย่างไรเสียก็ต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้วจึงให้ออกมาพร้อมกันเลย

“เสร็จธุระแล้ว ขอพระจันทร์ไปช่วยงานด้วยได้ไหมคะ” พระจันทร์อาสาอย่างกระตือรือร้น

เด็กสาวชอบการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน เลยพลอยรักงานขายไปด้วย ต่อให้ต้องตะโกนเรียกลูกค้าจนเสียงแหบแห้งพระจันทร์ก็ยังรู้สึกสนุก ทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใสได้ตลอดเวลาจนใครๆ พากันเรียกว่า ‘ลูกแม่ค้า’ ทั้งที่ก็ไม่รู้ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร พระจันทร์ยิ้มรับฉายานามนี้โดยไม่เกี่ยงงอน เพราะมันดีกว่าคำว่า ‘ลูกไม่มีแม่’ เป็นไหนๆ

“ขอแม่ใหญ่สิ” แม่นิวแนะ

เธอคนนี้อาวุโสน้อยที่สุดในบรรดาแม่ๆ แต่สนิทกับพระจันทร์ที่สุดเพราะวัยต่างกันไม่ถึงสิบปี

เมื่อเห็นช่องทางว่าจะได้เที่ยวมีหรือพระจันทร์จะรั้งรอ เด็กสาวชะโงกตัวมาที่เบาะด้านหน้าซึ่งเป็นที่นั่งของบงกช

“แม่ใหญ่ขา ขอพระจันทร์ไปช่วยงานด้วยนะคะ พระจันทร์จะช่วยงานเต็มที่เลย”

“อยากช่วยก็ตามใจ แต่ถ้าขายได้น้อยก็ไม่มีค่าจ้างให้หรอกนะพระจันทร์” หญิงสาวเตือนเอาไว้ก่อนเพราะกลัวจะผิดหวัง

ระบบการจัดการของบ้านอบอุ่นมีข้อดีตรงที่มีค่าจ้างให้กับเด็กที่ช่วยงานของสถานสงเคราะห์ เงินจำนวนนี้เมื่อได้มาจะถูกฝากเข้าไปในบัญชีของเด็กแต่ละคน และจะมอบให้เจ้าตัวในวันที่ต้องออกจากบ้านไป แม้ไม่เคยได้สัมผัสตัวเงินเลย แต่พระจันทร์ก็มีโอกาสได้ลูบคลำสมุดบัญชีของตัวเอง ยิ่งตัวเลขในบัญชีเพิ่มขึ้นมากเท่าไรรอยยิ้มของพระจันทร์ก็ยิ่งฉีกกว้างมากขึ้นเท่านั้น

“ลูกแม่ค้ามาเอง ไม่มีคำว่าขายได้น้อยหรอกค่ะ” พระจันทร์คุยโว

“ยายเด็กขี้โม้” แม่ปาน เจ้าหน้าที่ผู้แสนอารมณ์ดีอดหยอกไม่ได้

“ไม่ได้โม้” พระจันทร์ทำเสียงสูงเลียนแบบท่าทางของคนดังคนหนึ่ง

“จะรอดูจ้ะ ถ้าทำไม่ได้ต้องถูกปรับนะ”

“ได้ค่ะแม่ปาน แต่ถ้าพระจันทร์ชนะ พระจันทร์ นุชกับโรส ต้องได้ค่าช่วยขายของนะคะ”

“เฮ้ย! เราต้องไปช่วยด้วยเหรอ ไม่ถงไม่ถามกันสักคำเลยนะพระจันทร์” รสรินทร์แยกเขี้ยวใส่

เด็กสาวเรียนเก่งมากแต่กลับขี้อาย เธอไม่ชอบอยู่ท่ามกลางผู้คนเยอะๆ เลยหลบเลี่ยงการช่วยงานในส่วนนี้มาโดยตลอด

“ไปเถอะโรส จะรีบกลับไปอยู่คนเดียวทำไม”

ได้ฟังรสรินทร์ก็เริ่มลังเล เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่าถ้าพระจันทร์ไปไหนปียนุชก็ต้องตามไปด้วย

ในขณะที่กำลังชั่งใจ พระจันทร์ก็เข้ามากระแซะ ส่งเสียงอ้อนๆ ว่า ‘น่านะ’ อีกสักคำสองคำ เห็นแล้วก็ใจอ่อนเลยเผลอยอมตกลงจนได้

พระจันทร์ชูหัวแม่โป้งให้เพื่อน แล้วจึงหันมาเจรจาเรื่องยอดขายกับแม่ปาน

“เพื่อความยุติธรรม ต้องกำหนดกันก่อนนะคะว่าอย่างไหนเรียกว่าขายดี อย่างไหนเรียกว่าขายไม่ดี”

“ก็ได้ เอ้า...ว่ามา” แม่ปานแบ่งรับแบ่งสู้

“ขายได้มากกว่าสี่สิบเปอร์เซ็นต์ถือว่าขายดี แต่ถ้าน้อยกว่านั้นถือว่าขายไม่ค่อยได้ค่ะ งานนี้ไม่มีเสมอนะคะ มีแพ้กับชนะเท่านั้น”

“ไม่ได้ๆ แค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์จะเรียกว่าขายดีได้ยังไง”

แม่ปานเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องหาเงินเข้าบ้าน มีหรือจะไม่รู้ว่าต้องขายได้เกินครึ่งถึงจะเรียกว่าขายดี

“ยุติธรรมแล้วค่ะ เพราะแม่ใหญ่พูดไว้แต่แรกว่าอาจจะขายของไม่ได้ แสดงว่างานนี้ต้องคนน้อยหรือมีคู่แข่งเยอะ เพื่อความยุติธรรมเลยต้องลดเปอร์เซ็นต์ลงมาเหลือเท่านี้”

ประโยคนี้ทำเอาเถียงไม่ออก เพราะว่ากันตามจริงแล้วก็เป็นอย่างที่เด็กสาวพูดมา

“เป็นอันว่าตกลงนะคะแม่ปาน”

“สี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์” ผู้ใหญ่ชอบเอาชนะต่อรอง

“ก็ได้ค่ะ ถือว่าต่อให้แล้วกัน” เด็กสาวยักไหล่ให้แบบเป็นต่อ ชวนให้หมั่นไส้จนอดค้อนใส่ไม่ได้ ในขณะคนที่เหลืออมยิ้มไม่ก็หัวเราะออกมาเบาๆ

พระจันทร์เกิดมามีรูปลักษณ์ที่น่าเวทนา ทั้งผอมแห้งซีดเซียวดูอมทุกข์ แต่สวรรค์ก็ชดเชยส่วนที่ขาดด้วยการมอบสติปัญญากับอารมณ์ขันให้ เด็กสาวไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีข้อดีที่น่าริษยาหลายประการ เธอตระหนักแค่ว่าถ้าอยากทำให้ผู้คนรอบตัวมีความสุขก็ต้องคิดบวกและยิ้มแย้มอยู่เสมอ

ตลอดการเดินทางพระจันทร์แหย่คนนั้นหยอกคนนี้ แถมยังชวนทุกคนคุยเสียงดังขรมจนแม่ใหญ่ต้องเอ็ด ทว่าเงียบได้ไม่กี่นาทีจอมทะเล้นก็กลับมาคุยจ้อได้อีกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในสายตาของปียนุชวันนี้พระจันทร์ดูคึกเป็นพิเศษ แต่เด็กสาวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยเนื่องจากคิดว่าพระจันทร์ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวหลายที่ในวันเดียว มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นกระมังที่รู้ว่าสาเหตุของความร่าเริงเกินพอดีคืออะไร

พระจันทร์พยายามสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานเพราะไม่อยากปล่อยให้ตัวเองอยู่กับความเงียบนานนัก เธอไม่อยากคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับความฝันเมื่อตอนใกล้รุ่ง ฝันร้ายเกี่ยวกับความตายของแม่ตามหลอกหลอนพระจันทร์มาตั้งแต่เด็ก จนช่วงหนึ่งเธอขยาดการนอนไปเลย

เด็กสาวพยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพียงฝันไร้สาระ เธอเกิดในโลกที่สุขสงบไม่มีภัยสงคราม แล้วจะมีเหตุการณ์ถูกอุ้มพาหนีระเบิดได้อย่างไร

พระจันทร์เคยบอกตัวเองอย่างมีเหตุผลว่าตอนยังเล็กอาจเผลอดูหนังสงครามแล้วติดภาพมา เวลามีเรื่องไม่สบายใจเลยชอบฝันถึง ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเด็กสาวกลับพบจุดเชื่อมโยงบางอย่างที่ทำให้ประหลาดใจ เธอค้นพบว่าทุกครั้งที่ตื่นจากฝันร้ายจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในวันเดียวกันเสมอ เจอเหตุการณ์วนเวียนซ้ำซากอย่างนี้ไม่ต่ำกว่าสิบหน พระจันทร์เลยปักใจเชื่อว่ามันคือลางบอกเหตุ

‘คราวนี้อะไรอีกล่ะ อุบัติเหตุหรือป่วย’ เด็กสาวเผลอคิดจนได้

พระจันทร์แอบเอานิ้วซุกเข้าไปในกระเป๋า แล้วลอบมองตัวเลขบนเครื่องวัดชีพจรแบบพกพา อุปกรณ์ตัวนี้ วัดได้ทั้งระดับการเต้นของหัวใจและความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ถ้าค่าตัวหลังลดต่ำลงมากกว่าปกติเมื่อไร แสดงว่าหัวใจของพระจันทร์กำลังมีปัญหา

เด็กสาวผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าค่าที่วัดได้อยู่ในเกณฑ์ปกติ แล้วเตือนตัวเองให้เลิกวิตกจริตเสียที อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ต่อให้กังวลใจจนบ้าตายก็เปลี่ยนแปลงโชคชะตาไม่ได้



ชาวคณะมาถึงที่หมายตอนประมาณสิบโมงเช้า บ้านของคุณหญิงที่เมตตาให้ทุนเพื่อนๆ ของพระจันทร์ตั้งอยู่ในซอยห่างจากถนนใหญ่ไม่มาก ระหว่างทางที่เข้ามามีแต่บ้านหลังโตตั้งเรียงรายเป็นทิวแถว บ่งบอกว่าที่นี่เป็นย่านอยู่อาศัยของผู้มีอันจะกินทั้งหลาย

พระจันทร์เพิ่งได้รู้ตอนจะลงรถนี่เองว่าคุณหญิงที่ตัวเองจะต้องมากราบเพื่อขอความเมตตานั้นชื่อศีตภา เธอไม่ใช่คุณหญิงตราตั้งอย่างที่เข้าใจในตอนแรก แต่เป็นคุณหญิงโดยชาติกำเนิด เรียกว่าเป็นผู้ดีแท้ๆ เลยก็ว่าได้ ส่วนจะเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนในละครที่เคยดูหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูกันอีกที

ก่อนเข้ามาพระจันทร์เห็นว่าป้ายหน้าบ้านเขียนว่า ‘สุรภาส’ เดาว่าน่าจะเป็นนามสกุลของต้นตระกูลคุณหญิง แต่ก็ไม่มั่นใจเสียทีเดียวเพราะท่านอาจจะแต่งงานกับคนอื่น เธอเลยกระซิบถามเพื่อนว่ามีใครรู้จักนามสกุลนี้ไหม

ปียนุชส่ายหน้าแต่รสรินทร์พยักหน้ารับ แล้วกระซิบกลับมาว่านี่เป็นนามสกุลของหม่อมหลวงที่เป็นนักการเมืองท่านหนึ่ง

“อย่ากระซิบกระซาบกัน มันเสียมารยาท” บงกชเตือนเด็กทั้งสาม

หนนี้พระจันทร์ยอมสำรวมแต่โดยดีเพราะเห็นว่ามีหญิงสาวกำลังตรงมาทางนี้ คนที่มาเปิดประตูให้เป็นแม่บ้านวัยกลางคน สีหน้าค่อนข้างบึ้งตึงไม่เป็นมิตร ยกมือไหว้ก็ทำเมิน ยิ้มให้ก็ไม่ยอมยิ้มตอบ เปิดประตูเสร็จแล้วก็พูดห้วนๆ ให้เดินตามมา

การปฏิบัติอย่างไม่ให้เกียรตินี้ทำให้พระจันทร์ฉุนโกรธ แต่ก็ข่มใจไว้ไม่แสดงออก พวกเธอเป็นเด็กกำพร้ามาขอความเมตตาจากคุณหญิงฟรีๆ โดยไม่ได้ให้อะไรตอบแทน ย่อมต่ำต้อยในสายตาของคนที่หาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอยู่แล้ว

คนรับใช้หน้าตาบอกบุญไม่รับเดินนำทุกคนมาที่เรือนรับรองซึ่งทำแยกเอาไว้ต่างหาก ตรงส่วนนี้เป็นเรือนไม้สไตล์บาหลีรอบๆ เป็นบ่อปลา มีหน้าต่างบานโตอยู่เกือบทุกด้าน เพื่อที่จะได้อวดสวนสวยกับแขกได้เต็มที่

คุณหญิงศีตภานั่งรอในห้องอยู่แล้ว พอเธอเห็นพวกพระจันทร์ก็ลุกขึ้นมาต้อนรับ แล้วสั่งให้คนรับใช้ยกน้ำกับขนมมาให้

พอทราบว่าคนตรงหน้าคือใครพระจันทร์ก็เผลอมองตาค้าง คุณหญิงดูอ่อนวัยกว่าที่พระจันทร์คิดไว้เกือบยี่สิบปีเห็นจะได้ ไม่แต่งกายหรูหราเหมือนอย่างพวกคุณหญิงคุณนายที่พระจันทร์เคยเห็น คุณหญิงท่านนี้แต่งตัวเรียบๆ ด้วยชุดกระโปรงสีครีม เครื่องประดับมีแค่แหวนเพชรที่นิ้วนางวงเดียวเท่านั้น หน้าตาแทบไม่ได้แต่ง แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ดูสวยสง่าจับใจเหลือเกิน

“ทานอะไรกันมาหรือยังคะ ขอโทษจริงๆ ที่รบกวนให้มาไกลถึงนี่”

“ทานกันมาเรียบร้อยแล้วค่ะคุณหญิง ทางนี้ต่างหากที่รบกวน” บงกชเอ่ยอย่างนอบน้อม

“เชิญนั่งก่อนค่ะ พักดื่มน้ำกินขนมกันก่อน” ประโยคหลังคุณหญิงหันมาบอกเด็กสาวทั้งสาม

พระจันทร์กับเพื่อนๆ ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหญิงศีตภาอย่างพร้อมเพรียง แต่ยังไม่ยอมนั่งลงตามคำเชิญ

“นั่งสิจ๊ะไม่ต้องเกรงใจ” หม่อมราชวงศ์ศีตภาบอกอีกครั้ง

บงกชรีบหันมาส่งสัญญาณให้ปฏิบัติตาม กระนั้นพระจันทร์ก็ยังลังเลอยู่เพราะผู้ใหญ่ไม่ได้ระบุว่าให้นั่งพื้นหรือนั่งบนโซฟา ปียนุชกับรสรินทร์ยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งคู่ตกประหม่าเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังโตโอ่อ่าอย่างนี้

สองสาวมองโซฟาสีขาวตรงหน้าประหนึ่งของแสลง พวกเธอกลัวเหลือเกินว่าถ้าไปแตะโดนเข้าจะทำให้ของของคุณหญิงเปรอะเปื้อน อย่าว่าแต่โซฟาเลยแม้แต่พรมที่ปูอยู่บนพื้นก็ยังแทบไม่กล้าเหยียบ

เด็กสาวทั้งสองพร้อมใจกันมองมาทางพระจันทร์เพื่อให้เป็นคนตัดสินใจ เมื่อรู้ตัวว่าต้องกลายเป็นที่พึ่งของเพื่อน พระจันทร์ก็ตัดสินใจคลานเข่าเข้ามาหาคุณหญิงแล้วนั่งลงบนพื้นใกล้ๆ กับท่าน

“ไม่ต้องมากพิธีหรอกจ้ะ นั่งข้างบนเถอะนะหนู” คุณหญิงเอ่ยเสียงนุ่ม

พระจันทร์ไม่ได้รีบลุกขึ้นมาทันทีแต่ยกมือไหว้ขอบพระคุณเสียก่อนแล้วจึงค่อยลุกขึ้นมาอย่างสำรวม

คุณหญิงศีตภามองกิริยาของเด็กทั้งสามด้วยความพึงพอใจ หญิงสาวไม่ได้เอ่ยชมแต่หันไปยิ้มน้อยๆ กับบงกช

“ใครเป็นใครบ้างคะนี่”

“คนซ้ายชื่อรสรินทร์ คนกลางปียนุช ส่วนคนนี้พระจันทร์ค่ะ ที่ดิฉันเคยเล่าให้คุณหญิงฟังไงคะ” บงกชบอกอย่างนอบน้อม

คุณหญิงพยักหน้ารับแล้วทอดสายตามามองทุกคน มีเพียงพระจันทร์เท่านั้นที่สบตาให้แล้วยิ้มตอบ ประกายตาแจ่มใสมีพลังบ่งบอกว่าเธอแตกต่างจากคนอื่นอย่างที่ได้ยินมาจริงๆ

เมื่อแรกที่ติดต่อไปที่บ้านเด็กอบอุ่น คุณหญิงต้องการอุปการะเด็กแค่สองคนเท่านั้น แต่ก็ถูกโน้มน้าวให้มอบความช่วยเหลือเพิ่มให้กับเด็กที่มีชื่อว่าพระจันทร์ด้วย พอเธอถามเหตุผลบงกชก็บอกว่าเด็กคนนี้พิเศษกว่าทุกคน ตรงมีแรงใจอันน่าอัศจรรย์ที่จะมีชีวิตอยู่ พระจันทร์ไม่เพียงแต่เข้มแข็ง เธอยังเปล่งแสงส่องประกายให้ความหวังกับคนรอบตัวด้วย บงกชอยากให้คุณหญิงได้พบพระจันทร์สักครั้ง แล้วคุณหญิงจะเข้าใจเองว่าเด็กสาวคนนี้ควรค่าที่จะได้รับความเมตตา

“ที่ฉันเรียกพวกหนูมาพบในวันนี้เพราะอยากจะรับอุปการะเด็กสองคน คนหนึ่งฉันจะส่งเสียให้เรียนสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถเรียนได้ ส่วนอีกคนฉันจะรับเป็นลูกบุญธรรม”

ทุกคนแสดงอาการแปลกใจกันทั่วหน้าไม่เว้นแม้กระทั่งบงกช แสดงว่าไม่มีการแจ้งเรื่องรับบุตรบุญธรรมให้ทราบล่วงหน้า ทั้งสี่สบตากันโดยไม่พูดอะไรแล้วเงี่ยหูรอฟังสิ่งที่คุณหญิงจะพูดต่อไปอย่างตั้งใจ

“ฉันมีลูกชายคนเดียว ก็เลยอยากจะมีลูกสาวอีกสักคน เข้าใจสถานะของลูกบุญธรรมใช่ไหมจ๊ะ ฉันจะเลี้ยงพวกหนูคนใดคนหนึ่งอย่างลูก ให้มาอยู่บ้านหลังนี้และใช้นามสกุลเดียวกัน ก็เลยอยากจะถามความสมัครใจพวกหนูว่ามีใครอยากจะมาเป็นลูกฉันบ้างไหม”

วินาทีแรกที่ได้ยินเด็กกำพร้าทั้งสามต่างก็ตกอยู่ในอารมณ์เดียวกัน รู้สึกเหมือนมีลาภลอยก้อนใหญ่ปรากฏขึ้นมากลางศีรษะ ได้แต่มองมันด้วยความปรารถนาเพราะไม่รู้ว่าลาภก้อนนั้นจะตกเป็นของใคร เมื่อสติมาเยือนความคิดจึงแยกย้ายไปตามอัตตาของแต่ละคน

“ไม่มีใครอยากเป็นลูกฉันเลยหรือจ๊ะ” คุณหญิงถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพากันเงียบ

ที่ทั้งสามเงียบไปเพราะต่างก็เกรงใจซึ่งกันและกัน ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากเป็นลูกเลี้ยงของเศรษฐี แต่ถ้าด่วนตัดสินใจไปก็เท่ากับเสนอตัวไปแย่งชิงตำแหน่งกับเพื่อน

“ตอบคุณหญิงไปสิว่าคิดอย่างไร” บงกชเตือน

เธอมองออกว่าคุณหญิงกำลังทดสอบเด็กๆ ของตน แม้ไม่รู้ว่าหลักเกณฑ์ในการพิจารณาคืออะไร แต่ก็มั่นใจว่าหนึ่งในสามจะต้องมีคนสอบผ่าน

“พวกเราทั้งสามคนเต็มใจเป็นลูกคุณหญิงค่ะ” พระจันทร์ตอบเป็นคนแรก

“หนูพระจันทร์มั่นใจได้ยังไงคะ เพื่อนๆ ไม่มีใครตอบสักคน” คุณหญิงติง

เด็กบางคนเมื่อเจอผู้ใหญ่ย้อนอย่างนี้อาจจะประหม่า ไม่ก็กลัวจนลน แต่พระจันทร์กลับยิ้มละไม แล้วตอบคำถามอย่างใจเย็น

“พวกเราสนิทกันมากค่ะ เลยรู้ใจกันทุกอย่าง”

“เป็นจริงอย่างที่พระจันทร์พูดค่ะ พวกเรารู้ใจกันดี” ปียนุชช่วยเสริม

“ใช่ค่ะ พวกเราเต็มใจจะเป็นลูกคุณหญิงจริงๆ” รสรินทร์พูดบ้าง

คุณหญิงศีตภายอมฟังจนจบ จากนั้นจึงตำหนิด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ถึงเป็นอย่างนั้นเวลาผู้ใหญ่ถามก็ควรจะตอบเอง ไม่ใช่ให้เพื่อนตอบให้ หนูพระจันทร์เองก็เหมือนกันอย่าชิงตอบแทนคนอื่นเขา เข้าใจไหมคะ”

เด็กสาวทั้งสองหน้าม้านไปเลย ได้แต่เอ่ยขออภัยเสียงตะกุกตะกักแล้วก็ก้มหน้านิ่ง มีเพียงพระจันทร์เท่านั้นที่ยังสงบนิ่งอยู่

“ขออภัยที่เสียมารยาทค่ะคุณหญิง พระจันทร์จะจำเอาไว้ ครั้งต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกค่ะ”

พูดจบก็ยืดตัวตรงแล้วนั่งอย่างสำรวมเพื่อรอดูท่าทีของอีกฝ่าย

คุณหญิงศีตภามองเด็กทั้งสามด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายว่ารู้สึกอย่างไร แต่สถานการณ์ก็ยังดีอยู่เพราะเธอไม่ได้เอ่ยปากตำหนิใครมากไปกว่านี้ อึดใจคุณหญิงก็กดกริ่งที่อยู่ข้างตัวเรียกให้คนรับใช้เข้ามาหา

“ฉันอยากจะคุยกับพวกหนูทีละคนตามลำพัง เชิญคุณบงกชไปรอที่ห้องข้างๆ ก่อนนะคะ”

คุณหญิงไม่พูดเปล่า แต่ยังผายมือเชิญแล้วเดินนำมาที่ประตูซึ่งเชื่อมกับห้องรับรองอีกห้อง จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับมาหาพวกพระจันทร์

“หนูปียนุชอยู่ก่อนนะจ๊ะ ส่วนที่เหลือตามพี่ฝิ่นไปรอที่อื่นก่อน”

คุณหญิงจัดการจับแยกทุกคนแบบไม่เปิดโอกาสให้ตั้งตัว พระจันทร์กับเพื่อนไม่มีเวลาปรึกษากันเลย รู้ตัวอีกทีก็ถูกแม่บ้านหน้าตาบอกบุญไม่รับใช้สายตาเร่งให้รีบตามออกไปแล้ว

พระจันทร์ให้กำลังใจเพื่อนด้วยการบีบมือแรงๆ จากนั้นก็ส่งยิ้มแล้วพูดเสียงดังให้ได้ยินชัดว่าเดี๋ยวเจอกัน กำลังใจจากพระจันทร์ช่วยลดอาการวิตกไปได้โข ปียนุชฝืนยิ้มออกมาได้ในที่สุด ส่วนรสรินทร์สีหน้าไม่เปลี่ยนไปมากเพราะยังมีโอกาสเตรียมใจ

รสรินทร์เดินจูงมือเดินออกมากับพระจันทร์ เด็กสาวถูกสั่งให้รอที่ศาลากลางสวน ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างตัวตึกใหญ่กับเรือนรับรอง ส่วนพระจันทร์ได้เข้ามาในห้องโถงด้านใน

ห้องนี้ตกแต่งได้สะดุดตาเพราะมีตู้โชว์กระจกเรียงต่อกันเป็นแถวยาว การจัดเรียงแยกเป็นประเภท มีทั้งเครื่องแก้ว ตุ๊กตา นาฬิกาพกและของที่ระลึกต่างๆ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของสะสมของคนในบ้านหลังนี้

ตาของเด็กสาวเหม่อมองของในตู้ ส่วนใจลอยกลับไปที่เรือนรับรอง แม้จะคาดเดาไม่ได้ว่าคุณหญิงคิดอะไรอยู่แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลย




นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2556, 00:11:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2556, 00:11:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 2289





<< บทที่ 1 ลางร้าย   บทที่ 3 จดหมายถึงพระจันทร์ >>
Auuuu 20 พ.ค. 2556, 00:44:06 น.
ติดตามเกาะขอบจอกันเลยทีเดียวว


คิมหันตุ์ 20 พ.ค. 2556, 00:55:07 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


mhengjhy 20 พ.ค. 2556, 06:22:14 น.
มีแผนหรือเปล่าคะคุณหญิง


goldensun 20 พ.ค. 2556, 14:38:49 น.
พระจันทร์คล่องกว่าเพื่อน แต่ฝันร้ายที่เป็นลางร้าย จะส่งผลอะไรรึเปล่า


นิชาภา 22 พ.ค. 2556, 20:09:53 น.
เฟอร์จัง เค้ามาดังเฟอร์จังตรงนี้เพราะรู้ว่าตัวเองต้องคอมเมนต์ท้ายตอน 5555 Good idea มากค่ะ ให้เดาดีกว่าว่าใครเป็นพระเอก ให้อ่านสักครึ่งเรื่อง ใครทายถูกรับหนังสือไป โฮะๆ แต่คือพระเอกไม่พระเอกจริงๆ โน้มไม่สนนะ โน้มรักตัวไหน โน้มก็ทรมานตัวนั้นอ่ะ (นังโรคจิต)


Zephyr 22 พ.ค. 2556, 20:24:29 น.
หึย มาตอนแรกๆก็เงาหัวหายซะแล้ว
ให้ลุ้นจนตับจะมีติ่งอีกแล้วค่ะ โน้มขาาาาา


Zephyr 22 พ.ค. 2556, 20:29:45 น.
โอ๊ะ ตกใจ 555
เฟอร์ว่า เฟอร์จะเมนท์เป็นคนที่ห้า ทำไมมีชะนี เอเย ผูใด เมนท์ตัดหน้า ฮึๆๆๆๆ
มองไป อุ๋ย คนแต่งนี่เอง 5555 อภัยได้จ้า คริคริ
อ้ายยยยยย เค้าแอบเชียร์คุณหมอน้า เพราะอิมเมจ ถูกใจ 5555
( จะเป็นพระเอกรึไม่ นางไม่สนค่ะ อิมเมจ น่ารักพอละ) ฮึๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account