มธุรัตน์เสน่หา โดย ภคพร (วางแผงแล้ว)
เมื่อนักเขียนสาวจิตป่วนโคจรมาพบกับหนุ่มเจ้าของไร่เจ้าระเบียบ ความหื่นฮารั่วจึงบังเกิดขึ้น:"รสจูบมันเป็นยังไง" เจ้าหล่อนไม่ถามเปล่าแต่กระชากคอเขามาจูบด้วย แถมยังจดโน้ตหน้าตาเฉยว่า'รสจูบ = กาแฟ' โอ้ยยย! อยากบ้า!
Tags: หนุ่มชาวไร่ สาวนักเขียน โรแมนติก คอเมดี้ นางเอกแปลก ฮา รั่ว อ่านสบายคลายเครียด

ตอน: บทที่ 6 การยั่วยวนที่ไม่ได้เจตนา

บทที่ 6 การยั่วยวนที่ไม่ได้เจตนา

เช้าวันรุ่งขึ้น พลวัตก็เอาชื่อมธุรัตน์ไปอ้างกับผู้จัดการไร่ เขาแต่งเรื่องขึ้นว่ามธุรัตน์มาขอร้องไม่ให้ไล่สินทวีออก แต่เขากลับคำไม่ได้ ก็เลยให้โอกาสนายสินทวีมาสมัครเป็นหัวหน้าคนงาน ซึ่งจะเปิดรับสมัครในวันพรุ่งนี้ ส่วนจะรับเข้ามาหรือไม่ก็แล้วแต่ผู้จัดการกับหัวหน้าช่าง เขาไม่ขอยุ่งเกี่ยวด้วย

แน่นอนว่าผลมันต้องออกมาเป็นนายสินทวีได้กลับเข้ามาทำงานอยู่แล้ว พอได้โอกาสแก้ตัว สินทวีก็เป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ หมดใจเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าผีไปเลย

ชายหนุ่มยังคงกราบไหว้ขอบคุณเทวดาฟ้าดินที่ช่วยให้ได้กลับไปทำงาน แต่ไม่ถึงกับถวายข้าวของจัดงานแก้บนตามนิสัย หนนี้สินทวีจัดสำรับอาหารชุดใหญ่ไปให้มธุรัตน์แทน ขอบคุณที่หญิงสาวช่วยพูดจนเขาได้กลับมาทำงาน

ในที่สุดไร่นายพฤกษ์ก็กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง วันใหม่เริ่มขึ้นอย่างสงบ ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขาซึ่งโอบล้อมไร่กว้างเอาไว้

วันนี้ก็เหมือนกับยามเช้าธรรมดาสามัญที่อากาศเย็นสบาย มีเสียงนกร้องให้ได้ยิน พลวัตยังคงได้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่น กับอาหารเช้าอย่างง่ายที่ทำจากไมโครเวฟ สิ่งเดียวที่แปลกไปคือคนตระเตรียมอาหารเช้าให้เขาเป็นสาวสวย ไม่ใช่สาวสยองขวัญที่มักจะอยู่ในชุดนอนเสมอ

มธุรัตน์ถักเปียด้านขวา แล้วมัดรวมปลายผมส่วนที่เหลือมาพาดเอาไว้ที่ไหล่ด้านซ้าย ชุดเดรสสีมะกอกที่เธอสวมดูสวยเรียบกว่าชุดที่จิรัสยาเลือกให้ครั้งก่อน แต่ก็เข้ากับสีผิวและบุคลิกของเธอเป็นอย่างดี พอพิจารณาใบหน้า ก็จะเห็นว่ามีเครื่องสำอางอ่อนๆ เคลือบอยู่ด้วย

“จะไปไหนหรือ” ชายหนุ่มออกปากถามทันทีที่ได้เห็น

มธุรัตน์เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่กำลังอ่านค้างไว้ แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ไปไหนทำไมแต่งตัวสวยล่ะ”

หญิงสาวได้เสื้อผ้าจากพิมลตรามานานแล้ว แต่เขาก็เห็นว่าเธอใส่แต่ชุดเดิมๆ วนไปมา ไม่เห็นจะเปิดกล่องเอาเสื้อผ้าตัวอื่นมาใช้เสียที

“ปรียาจะเอาขนมมาให้”

นอกจากจะทำงานเป็นแม่ครัวในไร่แล้ว ปรียายังทำขนมกับกับข้าวขายเป็นอาชีพเสริมด้วย

“แค่ปรียามาต้องแต่งสวยขนาดนี้เลย”

พลวัตเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานเธอไม่เคยคิดจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนให้เขาเห็น แต่กลับแต่งตัวสวยเพียงเพราะภรรยาหัวหน้าคนงานจะแวะมาหา

“จะได้ไม่มีคนเข้าใจผิดอีก” หญิงสาวเฉลย

มธุรัตน์ถือคติตามใจตัว แต่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ในเมื่อการไม่ใส่ใจดูแลตัวเองของเธอสร้างปัญหาให้กับพลวัต หญิงสาวจึงเหลือทางเลือกให้ตัวเองสองทางคือกลับกรุงเทพฯ ไปเสีย ไม่ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองซะ

หญิงสาวเลือกอย่างหลังก็เพราะอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ เธออยากจะอยู่กับเจ้าแมวน้อยไปอีกสักระยะ จนกว่าจะมั่นใจว่าเจ้าไมเคิลเรียนรู้แล้วว่าที่นี่คือบ้าน และพลวัตคือเจ้านายมัน

“เธอก็แต่งตัวแต่งหน้าเป็นนี่นา แล้วทำไมไม่ทำตั้งแต่แรกล่ะ”

“ขี้เกียจ” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างห้วนสั้นเหมือนเคย

ความเปลี่ยนแปลงของมธุรัตน์ทำให้กาแฟเช้านี้รสดีเป็นพิเศษ เพราะมีภาพเจริญหูเจริญตาให้มองอยู่ที่อีกฟากของโต๊ะ แม้หญิงสาวจะไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ แต่การได้เห็นอะไรสวยๆ งามๆ ก่อนออกไปทำงาน ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นดีเหมือนกัน

พลวัตจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ได้ไม่ทันไร ก็ต้องสำลักพรวด น้ำหูน้ำตาไหลพรากเพราะคำถามที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีเชอร์รี่ของหญิงสาว

“เซ็กส์นี่มันดีจริงๆ ใช่ไหม”

“ยัยบ้า! ถามอะไรของเธอ” พลวัตโวยใส่แทบจะทันทีที่ตั้งสติได้

“ก็แค่อยากรู้”

มธุรัตน์ไม่พูดเปล่าแต่หันมามองเขาด้วยสายตาคาดคั้น ราวกลับว่าถ้าเขาไม่ตอบ เธอจะจับเขามาเป็นเหยื่อทดลองความกระหายใคร่รู้ของเธอ

พลวัตเลยต้องกุมขมับอีกครั้งกับความคิดของหญิงสาว เขาเคลิ้มไปกับเปลือกนอกสวยๆ ของเธอได้ไม่กี่นาที ก็ได้ประจักษ์ถึงความจริงอันโหดร้ายเสียแล้ว แม้ภายนอกจะเปลี่ยนไป แต่เนื้อในมธุรัตน์ก็ยังเป็นมธุรัตน์ ที่คงความแปลกเอาไว้อย่างครบถ้วน

“อย่าขยับ! ห้ามคิดทำอะไรบ้าๆ ด้วยล่ะ ผมจะตอบคำถามของคุณทุกคำ แต่ต้องสัญญาว่าห้ามทดลองไม่ว่ากับใครที่ไหนทั้งนั้นเข้าใจไหม”

พลวัตกระโดดหนีออกมาจากโต๊ะในทันที ประสบการณ์จากครั้งก่อน เตือนให้เขาระวังความอยากรู้อยากเห็นของมธุรัตน์ให้มาก และหนนี้เขาไม่มีทางยอมเป็นเป้านิ่ง ให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อของเธออย่างเด็ดขาด

“แล้วมันดีหรือเปล่า” หญิงสาวย้ำเป็นเชิงเร่ง

“ดี ถ้ากับคนที่เรารัก”

ชายหนุ่มพยายามเน้นท้ายประโยคเป็นพิเศษ เหมือนจะบอกเป็นนัยว่าอยากได้มีอะไรกับใครถ้าปราศจากความรัก

“แล้วเซ็กส์มันทำให้คนรักกันได้จริงๆ หรือ”

นิยายหนึ่งในสามที่เธอเหมาจากแผงมาอ่าน มีแต่ข่มขืนหรือบังคับแต่งงาน มีอะไรด้วยกันแล้วค่อยมารักกันทีหลังทั้งนั้น มธุรัตน์ไม่เข้าใจกลไกความรักระหว่างชายหญิง แต่ยิ่งงงไปกันใหญ่ เมื่อสัมพันธ์ทางกายทำให้ก่อเกิดความรักขึ้นมาได้

เธอไม่เข้าใจอารมณ์ของนางเอกในนวนิยายเลยสักนิดเดียว ถูกข่มแหง ทำร้ายจิตใจเสียขนาดนั้น แต่ก็ยังรักพระเอกได้ ถ้าเป็นเธอ เธอคงจะฆ่าเขาทิ้ง แล้วสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นให้หายแค้นไปแล้ว

ไม่สิ ฆ่ายังน้อยไป ต้องตัดไอ้นั่นทิ้ง แล้วตามจองล้างจองผลาญไปทั้งชาติ เอาให้ทรมานชนิดยิ่งกว่าตายไปเลย

โชคดีเหลือเกินที่พลวัตไม่ได้ยินเสียงที่อยู่ในใจมธุรัตน์ เพราะถ้าได้ยินเขาคงเผ่นหนีไปแล้ว ไม่มานั่งตอบคำถามของหญิงสาวอย่างนี้หรอก

“ก็ไม่ทุกคนนะ ขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นเซ็กส์แบบไหน”

“มันมีประเภทด้วยหรือ”

“ก็ประมาณนั้น เอาเป็นว่ามันจะเกิดความรักได้ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลกับสถานการณ์ประกอบด้วย ไม่มีสูตรตายตัวหรอก ก็เหมือนกับเราคบใครเป็นเพื่อนสนิทไง บางทีคนอื่นอาจจะมองว่าเพื่อนคนนี้ไม่ดี แต่สำหรับเราแล้วมันอาจจะดีที่สุดก็ได้”

พลวัตพยายามอธิบายดึงออกไปเรื่องอื่น แต่มธุรัตน์ก็ยังอุตส่าห์วกกลับมาถามเรื่องกายวิภาคศาสตร์แบบตรงประเด็นอีกจนได้ เธออยากรู้ว่าไอ้หน้าเจ็ดหลังเจ็ดมันคืออะไร

“ไม่รู้จริงหรือแกล้งเนี่ย ไม่เคยเรียนสุขศึกษามาหรือไง”

ชายหนุ่มหรี่ตามองอย่างจับผิด เธอตีมึนทำเป็นไม่รู้เพื่อแกล้งเขาหรือเปล่า

“สุขศึกษาเคยเรียน แต่เพศศึกษาไม่เคยเรียน ซิสเตอร์บอกว่ามันคือบาป”

พลวัตลืมไปเสียสนิทว่ามธุรัตน์เรียนอยู่ในโรงเรียนคาทอลิกที่เคร่งครัดมาสิบกว่าปี ชายหนุ่มก็เลยต้องกลั้นใจอธิบายเรื่องเพศศึกษาให้ฟังทั้งที่ก็กระดากใจที่จะพูดเหลือเกิน

“จะอธิบายให้ฟังก็ได้ มันคือระยะปลอดภัยว่าถ้ามีอะไรกันแล้วจะไม่ท้อง หน้าเจ็ด คือเจ็ดวันก่อนมีประจำเดือนวันแรก ส่วนหลังเจ็ดคือเจ็ดวันหลังมีประจำเดือนวันแรก แต่ถ้าประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอมันก็ไม่แน่เหมือนกัน ที่สำคัญไม่ป้องกันเอดส์ด้วย”

ไหนๆ ก็จะให้ความรู้แล้วชายหนุ่มเลยอธิบายเรื่องโรคเอดส์ไปด้วยเลย แต่หญิงสาวโบกมือว่าไม่ต้อง เธอรู้ว่ามันเป็นยังไง แถมยังท่องชื่อเต็มภาษาอังกฤษของโรคเอดส์ได้อีกต่างหาก

“แล้วไอ้นั่นมันอร่อยไหม”

หญิงสาวว่าแล้วชี้ไปที่ตัวหนังสือบนหน้านวนิยาย พอได้อ่านพลวัตก็หน้าแดงแป๊ดไปจนถึงใบหู เพราะมันเป็นฉากร่วมรักระหว่างชายกับชายที่เขียนได้วิปริตพอสมควร

“เธออ่านอะไรของเธอเนี่ย! เมืองไทยเข้าสู่กลียุคแล้วหรือไง ถึงมีหนังสือแบบนี้อยู่บนแผง”

“นิยายเกย์ เรต 20 ไม่มีบนแผงหรอก เป็นของใต้ดิน สั่งซื้อทางเว็บเอา”

หญิงสาวหันมาอธิบายด้วยสีหน้าภูมิใจเป็นอย่างมาก เพราะหนังสือเล่มนี่เป็นของหายาก พิมพ์แค่ร้อยเล่มเท่านั้นเอง

มธุรัตน์พูดอยู่หยกๆ ว่าได้รับการอบรมให้เห็นเซ็กส์เป็นเรื่องบาป แต่กลับอ่านนวนิยายเกย์สุดวิปริตได้หน้าตาเฉย พลวัตเลยเริ่มมึนว่าคำจัดความของคำว่า ‘ศีลธรรม’ ในมโนสำนึกของเจ้าหล่อน มันคืออะไรกันแน่

“อร่อยไหม” หญิงสาวหันมาเร่งของคำตอบอีกครั้ง

ชายหนุ่มเลยต้องขอไปพักทำใจในห้องทำงานอยู่ระยะใหญ่ ก่อนจะออกมาตอบคำถามของเจ้าหล่อน

“สารคัดหลั่งในร่างกายคนเราทุกประเภทไม่อร่อยแน่นอน” พลวัตยืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“เคยชิมหรือ”

คราวนี้มธุรัตน์ทำตาวาววิบวับเหมือนอยากรู้ยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พลวัตเลยทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ แล้วเอามือก่ายหน้าผากตัวเองอย่างกลุ้มใจ เพราะคำตอบที่สู้อุตส่าห์คิดมาอย่างดีมัน ‘เข้าตัว’ เสียอย่างนั้น

“อย่าถามมากน่า เอาเป็นว่ารู้ก็แล้วกัน” ชายหนุ่มตัดสินใจตัดบท

ทว่าพอหมดคำถามนี้ มธุรัตน์กลับมีคำถามน่าอายคำถามใหม่มาถามได้อย่างหน้าตาเฉย เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังกระอักกระอ่วนไม่กล้าตอบ แต่จะเดินหนีเขาก็ทำไม่ได้ เพราะถ้าทิ้งไว้ปล่อยให้คาใจ เธอก็คงไปถามคนอื่นให้เป็นเรื่องอีก พลวัตก็เลยต้องใจทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญประจำรายการชูรักชูรส คอยตอบคำถามหญิงสาวตลอดเช้านั้น


หลังจากได้รู้เรื่องที่อยากรู้อยากเห็นแล้ว มธุรัตน์ก็เปลี่ยนความสนใจไปเรื่องอื่น ผิดกับพลวัตที่เหมือนกับถูกเปิดสวิตช์ความปรารถนาให้เปิดออก เรื่องเพศทำให้อารมณ์ที่แห้งเหือดมานานของชายหนุ่มกลับมาอีกครั้ง

เขาจินตนาการถึงเหตุการณ์ตอนที่ริมฝีปากเธอประกอบลงบนริมฝีปากเขา นึกถึงความเนียนนุ่มของผิวที่เคยได้สัมผัส มันกระตุ้นให้เขาอยากจะลิ้มชิมรสเธอดู ว่าจะหอมหวานเหมือนดั่งชื่อหรือไม่

จิตนการอันบรรเจิดดำเนินไปได้พักใหญ่ ชายหนุ่มก็ต้องดึงสติกลับมา เพราะถูกคำว่าศีลธรรมเขกหัวแรงๆ ให้เลิกหมกมุ่น

เธอเป็นแขกของเขา มาพักอยู่ในฐานะที่ไม่ต่างจากน้องสาวคนหนึ่ง ควรแล้วหรือที่จะใช้เรือนร่างของเธอจินตนาการถึงเรื่องเพศแบบนั้น

ชายหนุ่มใช้สองมือตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ แล้วเริ่มทำงานหลังจากไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งบ่ายคล้อย

พลวัตไปตรวจไร่องุ่น แล้วลงไปช่วยคนงานตัดแต่งกิ่งด้วยตัวเอง งานหนักมักจะทำให้เหนื่อย จนหมดแรงคิดเรื่องอย่างว่า หากอัดอั้นทนไม่ไหวจริงๆ เขาก็จะช่วยตัวเอง โดยไม่คิดจะเที่ยวผู้หญิง หรือหาคู่นอนชั่วคราวมาระบายความใคร่ เพราะไม่นิยมมีความสัมพันธ์กับใครโดยปราศจากความรัก

ชายหนุ่มลงแรงไปกับการทำงานในไร่จนเหนื่อย ชนิดที่ว่ากลับบ้านไปแล้วต้องฟุบหลับไปแทบจะทันที เพื่อที่ว่าเวลาเจอหน้ามธุรัตน์แล้วเขาจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน

เขาเพียรพยายามที่จะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษและไม่คิดอะไรเกินเลยกับเธอ แต่เมื่อเขากลับเข้าไปในบ้าน ไฟปรารถนาที่มอดไปแล้วก็กลับลุกฮือขึ้นมาอีก เพราะชุดที่มธุรัตน์สวม

มันเป็นชุดนอนสายเดี่ยวสีม่วงเข้ม ถึงจะไม่ได้สั้นหรือโป๊จนเกินงาม แต่มันก็เผยให้เห็นเรือนร่างได้สัดส่วนของผู้สวม เนินอกเต่งตึงสีขาวนวลที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมาทำให้ชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ พอไล่สายตาลงมาเห็นว่าเธอไม่สวมชุดชั้นใน เขาก็คึกคักขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“มีอะไร”

มธุรัตน์เอี้ยวตัวมามอง เมื่อเห็นว่าเขาเอาแต่จ้องเธอแล้วไม่ยอมเข้ามาในตัวบ้านเสียที

“หิวแล้ว” หญิงสาวย้ำอีกครั้ง เมื่อพลวัตไม่ยอมปิดประตูบ้านเสียที

เธอยังไม่ได้ให้อาหารเย็นเจ้าไมเคิลก็เพราะรอกินพร้อมกัน เจ้าเหมียวน้อยก็เลยช่วยเรียกอีกแรง ด้วยการกระโดดเกาะขากางเกงของเขา

เล็บคมๆ ที่ทะลุผ่านกางเกงเข้ามาทำให้พลวัตได้สติ ชายหนุ่มจึงรีบก้าวเข้ามาในบ้าน แล้วเดินตามเจ้าไมเคิลไปที่โต๊ะอาหาร

“กินข้าวได้” มธุรัตน์บอกกับทั้งคนทั้งแมว

หญิงสาววางชามอาหารของไมเคิลลงกับพื้น แล้วจัดการอาหารของตัวเอง โดยไม่สังเกตว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจ้องมองเธอด้วยสายตาที่แปลกไปจากทุกที

พลวัตนึกอยากจะคว่ำโต๊ะ แล้วกินเธอแทนอาหารเย็นเสียเดี๋ยวนั้น เขาต้องข่มใจแล้วข่มใจอีกไม่ให้กระโจนเข้าไปหาหญิงสาวอย่างที่ใจปรารถนา ชายหนุ่มหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมสติ จากนั้นจึงสั่งให้หญิงสาวไปเปลี่ยนชุดเสียงเข้ม

“ทำไม”

“โป๊เกินไป มันไม่เหมาะ ใครมาเห็นจะนึกว่าเรามีอะไรกัน แล้วคุณจะเสียหาย ที่สำคัญผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะคุณจะได้ไม่มีความรู้สึก ถ้าผมหน้ามืดปล้ำคุณขึ้นมาอย่าหาว่าไม่เตือนแล้วกัน”

มธุรัตน์กำลังจะขยับตัวลุกไปเปลี่ยนอยู่แล้วเชียว แต่ประโยคหลังของชายหนุ่มทำให้เธอชะงัก ดวงตาซุกซนของหญิงสาวเป็นประกายทีเดียว เหมือนกับจะประกาศว่า

‘ลองถูกปล้ำดูสักครั้งก็น่าสนุกอยู่เหมือนกัน’

“หยุดคิดอะไรลามกเลยนะ ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้”

“คุณต่างหากที่ลามก ถ้าไม่คิดอะไร แล้วทำไมฉันต้องเปลี่ยนชุดด้วย”

คำพูดของมธุรัตน์ทำให้พลวัตอยากจะแหกปากร้องให้ลั่นบ้าน

ก็แม่คุณทูนหัวเล่นแต่งตัวยั่วกันซะขนาดนี้ไม่คิดก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว

“คุณเป็นผู้หญิง คุณไม่เข้าใจหรอก เอาเป็นว่าช่วยสงเคราะห์ผมทีเถอะ ไปเปลี่ยนอะไรที่มิดชิดมาที”

ชายหนุ่มเอ่ยวิงวอน ก่อนที่ตัวเองจะขาดสติ แล้วกลายเป็นผู้ร้ายคดีข่มขืน

“ฉันทำให้คุณมีอารมณ์หรือ”

มธุรัตน์เดินเข้ามาถาม แล้วไล่สายตาลงต่ำไปที่ตำแหน่งเป้ากางเกงของชายหนุ่ม ทำเอาเจ้าตัวต้องรีบกุมมือปิดของรักไว้เป็นการด่วน

“ก็เออสิ ถ้าไม่มีจะไล่ไปเปลี่ยนทำไม”

“แล้วต้องการฉันมากไหม”

“ขะ...ของอย่างนี้ใครเขาถามกัน ไปเปลี่ยนชุด!” ชายหนุ่มแว้ดลั่น แล้วชี้นิ้วไปที่บันได

มธุรัตน์ทำสายตาผิดหวัง เหมือนกับว่าอยากจะซักต่อ แต่ก็ยอมไปเปลี่ยนชุดแต่โดยดี ไม่นานก็กลับลงมาพร้อมเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโคร่งกับกางกางขาสั้น

มันดูเรียบร้อยขึ้นมาก แต่ไม่ได้ช่วยให้ความปรารถนาในใจของชายหนุ่มลดลงเลย แถมยังไปกระตุ้นให้จินตนาการบรรเจิดเสียอย่างนั้น เชิ้ตตัวใหญ่ทำให้เขานึกอยากจะปลดกระดุมเสื้อเธอออกทีละเม็ด แล้วค่อยๆ บรรจงลิ้มรสเธอเหมือนเวลาแกะห่อลูกอมรสโปรด

พลวัตกลืนน้ำลายลงคออีกหลายอึก ก่อนจะก้มหน้าก้มตายัดอาหารเย็นเข้าปากแบบไม่คิดชีวิต เสร็จแล้วก็หันเหความสนใจไปที่เจ้าไมเคิลแทน

ชายหนุ่มหยิบของเล่นที่เป็นหนูมาล่อให้มันตะครุบเล่น สักพักใหญ่อารมณ์ของชายหนุ่มก็กลับมาใกล้เคียงปรกติ แต่พอมธุรัตน์เดินเข้ามาใกล้ สติของพลวัตก็ต้องกระเจิงอีกครั้ง เมื่อเธอก้มตัวลงมาอย่างไม่ระวัง ทำให้มองเห็นเนินอกกับชุดชั้นในสีดำสุดแสนจะเซ็กซี่

“เล่นด้วยสิ” หญิงสาวแบมือขอของเล่นแมว

พลวัตจึงรีบยัดใส่มือให้เจ้าหล่อนไปในทันที แล้วหันหลังเดินกลับขึ้นไปข้างบนเป็นการด่วน เพื่อใช้น้ำเย็นจัดดับอารมณ์ของตัวเอง

อาบน้ำเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วพยายามข่มตาให้หลับ เขานับแกะนับวัวไปตามประสาท แต่ภาพแกะภาพวัวกลับหายไป กลายเป็นมธุรัตน์ในชุดนอนสีม่วงสุดยั่วยวนแทน

ชายหนุ่มจึงสะบัดหัวแรงๆ ลบภาพของหญิงสาวไปให้หมด แล้วเปลี่ยนไปท่อง ‘พุทโธ’ เป็นการด่วน

คราวนี้ศาสนาเหมือนจะได้ผล เพราะมันทำให้ชายหนุ่มใจสงบลง และเคลิ้มหลับไปได้ในที่สุด

พลวัตเคลิ้มหลับไปนานแล้วก็ต้องตกใจตื่นเมื่อรู้สึกเหมือนเตียงที่เขานอนอยู่ยุบลงไป ชายหนุ่มคว้าปืนที่ซ่อนเอาไว้ตรงช่องที่เตียงโดยอัตโนมัติ แล้วหันขวับไปมองทางปลายเตียง แต่แล้วก็ต้องหยีตากับแสงของโคมไฟที่อยู่ๆ ก็สว่างวาบขึ้นมา

แสงสว่างทำให้เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกยามวิกาลคือมธุรัตน์ หญิงสาวอยูในชุดนอนสีม่วงเนื้อบางที่เขาบอกให้เจ้าหล่อนไปเปลี่ยนเมื่อตอนหัวค่ำ

หญิงสาวคลานขึ้นเตียงมาอย่างแช่มช้า เหมือนกับแมวสาวยั่วสวาทที่แสนยั่วยวน ก่อนที่เขาจะทันได้ห้ามปราม เธอก็เข้ามาอยู่บนตักเขาเสียแล้ว

“มาเล่นกัน”

หญิงสาวแสยะยิ้มอย่างเชิญชวน แล้วไล้มือไปบนแผงอกเขาอย่างซุกซน

ชายหนุ่มขยับปากจะคัดค้านแต่ก็ไม่อาจต้านทานสัมผัสละมุนได้ เขาครางออกมาเบาๆ เมื่อริมฝีปากร้อนของเธอขบเม้มลงบนยอดอกเขา

หญิงสาวใช้ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบไล่ลงมามาเรื่อยๆ ในขณะที่มือเล็กนุ่มนิ่มล้วงเข้าไปในขอบกางเกง

“ยะ...อย่า” พลวัตร้องห้ามทั้งที่ในใจไม่อยากให้เธอหยุดเลย

ถ้าเธอแตะต้องเขามากกว่านี้ เขาอาจจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ก็ได้

มธุรัตน์ถอนมือออกอย่างว่าง่าย เพราะมีแผนการพิเศษกว่านั้นเตรียมไว้ให้เขา หญิงสาวก้มตัวลงต่ำแล้วใช้ลิ้นไล้ไปบนสิ่งที่มือเธอเคยเกาะกุมเอาไว้

สัมผัสรัญจวนทำอารมณ์ของชายหนุ่มกระเจิงกระเจิงจนเริ่มคิดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มนั่งตัวเกร็งยอมให้หญิงสาวพาเขาไปถึงฝั่งฝัน

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปประคองหน้าอกเต่งตึงที่อยู่ตรงหน้า แล้วเค้นคลึงมันด้วยความปรารถนา เมื่อถึงจุดจุดหนึ่งความอัดอั้นที่พยายามสะกดเอาไว้มานานก็ระเบิดออก มันทำให้สมองของเขาก็ขาวโพลน ร่างกายเบาหวิวราวกับลอยขึ้นไปในอากาศ

พลวัตรู้สึกโล่งสบายราวกับว่าได้ขึ้นสวรรค์จริง ชายหนุ่มหลับตาพริ้มมือควานเปะปะหาคนที่นั่งคร่อมขาเขาอยู่ แต่แล้วชายหนุ่มก็พบกับความว่างเปล่า

พอลืมตาขึ้นมามอง รอบตัวเขาก็มืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดที่ไร้ขอบเขต ในขณะที่ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตระหนก ร่างของเขาก็ร่วงลงจากที่สูงอย่างรวดเร็ว แล้วกระแทกโครมเข้ากับพื้นแข็งๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา

ชายหนุ่มนอนหอบหายใจอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ ร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ โดยเฉพาะท่อนล่างที่ดูเหมือนจะชื้นเป็นพิเศษ

“ฝันหรอกหรือ” พลวัตพึมพำกับตัวเอง

ใจหนึ่งก็ดีใจที่มันเป็นแค่ความฝัน แต่อีกใจกลับสุดแสนจะเสียดายที่ความฝันนี้จบลงเร็วเกินไป

ชายหนุ่มนอนนิ่งกับพื้น รอจนอัตราการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปรกติแล้วจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน

ท้องฟ้าด้านนอกยังคงมืดอยู่ แต่ก็เลยเวลาตีห้ามาหลายนาทีแล้ว พลวัตตาสว่างเกินกว่าจะนอนต่อ เขาจึงดึงผ้าปูที่นอนออกมาจากเตียง แล้วหอบมันลงไปซักด้านล่าง พร้อมกับชุดนอนที่สวมเสียเลย เขานุ่งผ้าเช็ดตัวลงมาทั้งอย่างนั้นเพราะคิดว่ามธุรัตน์คงยังไม่ตื่น

พอโยนทุกอย่างลงถังซักผ้าเรียบร้อยแล้ว พลวัตก็กลับมาข้างบนเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย ชายหนุ่มปิดลูกบิดประตูเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็ต้องมองอ่างน้ำตาค้างเมื่อในนั้นมีมธุรัตน์นอนแช่น้ำอยู่

หญิงสาวนอนแช่น้ำอุ่น ในมือมีหนังสืออยู่ด้วย รอบอ่างมีไอน้ำลอยขึ้นมาบ่งว่าน้ำที่เธอแช่อยู่ค่อนข้างร้อน แต่ไอเหล่านี้ก็น้อยเกินกว่าจะบดบังเรือนร่างได้สัดส่วนที่แช่อยู่ในอ่างได้

ความงามตรงหน้าสะกดให้ชายหนุ่มนิ่งงัน ราวกับพรานป่าที่มาพบเทวีแห่งแสงจันทร์กำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่กับเหล่าบริวาร สองขาของพลวัตขยับเข้าไปหาเธอแทนที่จะหยุดอยู่กับที่

เสียงเปิดประตูทำให้หญิงสาวเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามอง ผู้หญิงปรกติอาจจะร้องกรี๊ดแล้วโยนข้าวของใส่ แต่มธุรัตน์กลับยังดูสงบเยือกเย็น เธอไม่ได้ไร้ความอาย เพียงแต่แสดงออกอย่างผู้หญิงทั่วไปไม่เป็นก็เท่านั้นเอง

“อรุณสวัสดิ์” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบแล้วก้มลงอ่านหนังสือต่อ

คำทักทายทำให้ชายหนุ่มชะงักเท้าที่กำลังก้าวเข้ามา และหลุดออกจากพันธนาการที่สะกดเขาเอาไว้

“อรุณ...เอ๊ย! ทำไมไม่ล็อกประตู”

พลวัตรีบหมุนตัวออกมาจากห้องน้ำ แล้วปิดประตูทันที ถ้าเธอไม่ทักเขา เขาคงจะเผลอเดินลงอ่างไปนั่งแช่ตัวด้วยกันกับเธอไปแล้ว

“ลืม” หญิงสาวตะโกนตอบ

“เรื่องอย่างนี้มันลืมกันได้ที่ไหน ระวังหน่อยสิแม่คุณ” พลวัตโวยลั่น

“คุณนั่นแหละไม่รู้จักเคาะ”

‘เออเว้ย!...กลายเป็นเขาผิด’

พลวัตมองบานประตูที่ปิดสนิท แล้วเริ่มออกอาการคลั่ง ถึงจะออกมาแล้วแต่ภาพร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวก็ยังตามมารบกวน มันทำให้เขาเริ่มคึกคักขึ้นมาอีกอย่างห้ามไม่อยู่

นี่เขาเป็นบ้าอะไรกัน ทำไมถึงต้องการเธอได้ขนาดนี้

พลวัตควบคุมตัวเองได้เสมอ แต่กลับมาเสียศูนย์เพราะการยั่วยวนแบบไม่ตั้งใจของหญิงสาว ชายหนุ่มขบกรามอย่างโมโหตัวเอง แล้วเดินกระแทกเท้าลงไปด้านล่าง ใช้น้ำเย็นจัดจากสายยางราดตัวแทนการอาบน้ำในห้องน้ำ

จากนั้นก็รีบแต่งตัวและออกไปจากบ้านทันที ก่อนที่จะมีอะไรมากระตุ้นให้คิดฟุ้งซ่านอีก


ชายหนุ่มทำงานอยู่ในไร่จนค่ำ เขาหาเรื่องอยู่คุยกับพวกคนงานและให้คนซื้ออาหารเย็นมาให้ที่ออฟฟิศ

พลวัตตัดสินใจแล้วว่าตราบใดที่อารมณ์ในกายเขายังไม่สงบ เขาไม่ควรจะเจอหน้ากับมธุรัตน์ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาอาจจะทำอะไรที่ไม่เหมาะสมไปก็ได้

หลังมื้อเย็นของพวกคนงานมักมีการสังสรรค์ด้วยการดื่มเหล้า พลวัตรับมาดื่มสองสามแก้วพอไม่ให้เมาเพราะคิดว่ามันคงจะช่วยทำให้หลับง่ายขึ้น

ชายหนุ่มนั่งอยู่กับวงเหล้าจนใกล้เวลานอนจึงค่อยขอตัวกลับไปที่บ้าน เขารู้สึกผิดอยู่มากที่ทิ้งให้มธุรัตน์ต้องกินอาหารเย็นคนเดียว เนื่องจากระยะนี้เธอมักจะอุ่นอาหารไว้รอกินพร้อมกับเขาเสมอ

เมื่อเขากลับมาถึง บนโต๊ะอาหารมีอาหารเย็นเตรียมเอาไว้ให้อยู่แล้ว แต่ไม่มีร่างของมธุรัตน์อยู่ด้วย จานที่กองสุมอยู่ในอ่าง บ่งบอกว่าเธอทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว เจ้าไมเคิลเองก็ไม่อยู่แถวนั้น ได้ยินเสียงร้องมันดังแว่วมาจากข้างบน แสดงว่ามธุรัตน์คงพามันไปนอนในห้องนอนด้วย

ชายหนุ่มก้มตัวลงมองข้อความที่เขียนไปไว้ใกล้จาน ตัวหนังสือกลมโตอ่านง่ายบอกเอาไว้สั้นๆ ห้วนๆ เหมือนกับคำพูดของเจ้าตัวว่า ‘เผื่อหิว’

เขาบอกเธอไว้แล้วว่าจะไม่มากินอาหารเย็นด้วยสักสองสามวัน แต่เธอก็ยังเตรียมเอาไว้ให้

พลวัตจึงหย่อนก้นลงนั่ง แล้วตักอาหารสปาเกตตีเข้าปากเพื่อรักษาน้ำใจ เขารู้สึกเหงาแปลก เวลาไม่มีเธอมานั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ถึงส่วนใหญ่เธอจะไม่ได้พูดอะไร แต่มันก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว ที่เขากับเธอต้องมานั่งกินอาหารมื้อเช้ากับมื้อเย็นด้วยกัน

ชายหนุ่มมองไปที่ห้องนั่งเล่นว่างเปล่า แล้วนึกภาพตัวเองนั่งเล่นกับเจ้าไมเคิล โดยที่มีเธอนั่งอ่านหนังสือ ไม่ก็ขีดเขียนอะไรยุกยิกลงในกระดาษอยู่ไม่ไกลกัน เขาเริ่มคุ้นชินกับภาพเหล่านี้ ทั้งที่มันเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงสามสัปดาห์ แต่กลับทำให้เขารู้สึกเคว้งได้ เพียงเพราะแค่ไม่ได้เห็นหน้า

“แกเป็นบ้าอะไรไปวะ” พลถามตัวเองอย่างหัวเสียแต่ก็ไม่ได้คำตอบ

ขณะนี้เขารู้แต่เพียงว่าจะต้องห่างจากมธุรัตน์ให้มากที่สุด จนกว่าจิตใจที่พลุ่งพล่านอยู่จะสงบลงได้

ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่ามธุรัตน์เองก็รู้สึกคล้ายกันกับเขา หญิงสาวเอาใจแมวน้อยไปนอนด้วย แล้วบ่นกับมันว่า ‘วันนี้เหงาจังเลยนะไมเคิล’


พลวัตหลบหน้าหญิงสาวอยู่ราวสามวัน แต่ความปรารถนาที่มีในตัวเธอก็ยังไม่ลดลงเลย เขาไม่ได้ต้องการแค่การร่วมรัก แต่อยากได้ยินเสียง อยากจะเห็นหน้า จนแทบทนไม่ไหว เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่หลงรักคนรักเก่าอย่างหัวปักหัวปำ ก็ไม่เคยมีอาการหนักได้ขนาดนี้

พอมันสุดจะกลั้นเขาก็ขับรถกลับมาที่บ้านอย่างรวดเร็วเพื่อพบเธอ แต่เมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังขาดการควบคุม ชายหนุ่มซบหน้าลงกับพวงมาลัย บอกตัวเองให้สงบใจเอาไว้ อย่าได้บุกเข้าไปในห้องเธอ หรือทำอะไรให้มธุรัตน์ตื่นกลัวเป็นอันขาด

‘หรือจะเป็นเพราะเหล้า’

พลวัตโยนความผิดให้มัน โดยไม่ใส่ใจจะฟังเสียงหัวใจ หรือความรู้สึกที่แปลกไปของตัวเอง

เมื่อเย็นบุญรอดหนึ่งในช่างซ่อมบำรุงประจำฟาร์ม เอาเหล้าดีกรีแรงมาคะยั้นคะยอให้เขาชิม ชายหนุ่มดื่มไปแก้วหนึ่ง มันทำให้เขาร้อนวูบไปทั้งร่าง แต่ก็ยังมีสติครบถ้วน สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือเขารู้สึกอยากเห็นหน้าเธอมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า

ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วตั้งสติเดินลงจากรถ ไปเอาน้ำจากสายยางราดหน้าให้สร่างเมา จากนั้นจึงเดินเข้าไปในบ้าน

รอบตัวเขามีแต่ความเงียบเหมือนเคย มธุรัตน์คงจะเข้านอนไปแล้วพร้อมกับเจ้าแมวน้อย ชายหนุ่มจึงปิดล็อกประตูบ้านแล้วเดินตรงไปที่บันได แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อมีใครคนหนึ่งโผล่ออกมาจากเงามืด แล้วเข้ามาซบเขาจากทางด้านหลัง

ชายหนุ่มถอยออกมาทันที ร่างที่ซบอยู่กับแผ่นหลังจึงเซล้มลง ยังดีที่พลวัตมือไวพอที่จะรับร่างของมธุรัตน์ไว้ได้ ตัวเธอก็เลยไม่กระแทกกับราวบันได

“เพื่อนคุณให้ไวน์มา อร่อยดี” หญิงสาวพูดเสียงอู้อี้

พลวัตจึงดึงตัวมธุรัตน์ออกมามองให้ถนัดตา เธอทำตาเยิ้มยิ้มกริ่ม ใบหน้าแดงก่ำ ท่าทางแปลกไปจากทุกที มองก็รู้ว่าเมาแน่

ชายหนุ่มมองชวดไวน์ดีกรีอ่อนที่ไม่ต่างจากน้ำผลไม้อย่างแปลกใจ ไวน์ยี่ห้อนี้ดื่มอย่างไรก็ไม่มีทางเมา เว้นเสียแต่ว่าคนดื่มจะคออ่อนสุดขีด

ตราที่แปะหราอยู่หน้าขวดเปล่าบอกว่าเป็นของจากโรงงานบ่มไวน์ของศุภนัย เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา ศุภนัยมักจะส่งไวน์มาให้เป็นประจำ เพราะรู้ว่าเขาชอบ

“มาดื่มด้วยกันไหม”

มธุรัตน์เดินตัวเซไปคว้าขวดไวน์อีกขวดมาเปิด แต่ก็พลาดท่าแทงที่เปิดเข้ากับโต๊ะเต็มแรง แถมยังปัดขวดไวน์กลิ้งตกลงมาอีกต่างหาก

พลวัตรีบถลันไปรับขวดแก้วก่อนที่มันจะตกแตก ชายหนุ่มรับไว้ได้อย่างฉิวเฉียด แต่โล่งใจไม่ทันไร มธุรัตน์ก็เดินเซไปชนเก้าอี้ตัว แล้วกระแทกใส่โคมไฟจนเกือบล้ม

ชายหนุ่มรีบตั้งขวดไวน์ไว้กับโต๊ะอย่างเดิม แล้วปราดเข้ามาประคองหญิงสาวเอาไว้ อาการป่วนของคนที่เมากว่า ทำให้เขาตาสว่างสร่างเมาในทันที

“ไปนอนเถอะ คุณเมามากแล้ว”

“อืม” หญิงสาวรับคำ แล้วยกมือขึ้นมากอดคอของชายหนุ่มเอาไว้ “อุ้มหน่อย”

เจ้าหล่อนหลับตาพริ้มท่าทางงัวเงียเหมือนเด็กน้อยที่รอให้พาเข้านอน แต่ในสายตาของพลวัตมันไม่ใช่อย่างนั้น ตรงหน้าเขาคือสาวทรงเสน่ห์ที่น่าจับกดที่สุดในชีวิต

“เดินขึ้นไปเอง” ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี แล้วข่มใจทำเป็นไม่สนใจเธอ

“ใจร้าย”

หญิงสาวตัดพ้อด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ารักเสียเหลือเกิน เท่านั้นยังไม่พอเธอยังโผเข้ามากอดเขา แล้วส่งเสียงงุ้งงิ้งออดอ้อนให้อุ้มไปส่ง

อกอวบอิ่มของหญิงสาวแนบชิดลงกับลำตัวของเขา ลมหายใจของเธอซึมผ่านเนื้อผ้าเข้าไปในผิวหนังทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ

‘อ๊ากกก! จะยั่วกันไปถึงไหนวะ ทนไม่ไหวแล้วนะโว้ย’

ชายหนุ่มกรีดร้องกับตัวเองในใจเสียงดังสนั่น ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไปเขาจะต้องแย่แน่

พลวัตรีบกลั้นใจอุ้มหญิงสาวไปที่ห้องของเจ้าหล่อนเป็นการด่วน ส่งเสร็จแล้วจะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป

ชายหนุ่มวางร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนไว้ที่เตียง แล้วผละไปอย่างเร็วจี๋ แต่มือเล็กๆ นุ่มนิ่มกลับยึดแขนของเขาเอาไว้แน่น

“อย่าไป…ฉันเหงา อยู่ด้วยกันก่อนนะ”

น้ำเสียงเว้าวอนของหญิงสาวเหมือนมีมนต์สะกดทำให้เขาต้องยอมกลับมา เธอออกแรงดึงหน่อยเดียวตัวเขาก็นั่งลงบนขอบเตียงแล้ว

มธุรัตน์ขยับเข้ามาหาแล้วซบหน้าลงกับอกของพลวัต เธอเองก็รู้สึกเหงาที่ไม่ได้เห็นหน้าเขาหลายวัน หญิงสาวเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเองอยู่แล้ว พอขาดสติเลยยิ่งทำตามใจตัวเองเข้าไปใหญ่ เธอไม่รู้หรอกว่ารู้สึกกับเขาอย่างไร เพียงแต่เธออยากจะอ้อนเขาให้มากก็เท่านั้น

“ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว” หญิงสาวพูดพลางกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น เหมือนกลัวว่าเขาจะหนีหายไป

“อย่าทำแบบนี้ คุณไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่” พลวัตกัดฟันพูด ทั้งที่ความจริงอยากโถมกายเข้าใส่เธอใจแทบขาด

ในท้องเขาม้วนบิดเป็นเกลียวอย่างทรมาน เพราะร่างกายกับศีลธรรมในใจมันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง

“ฉันทำอะไร”

มธุรัตน์ผละมาจากอกเขา แล้วเอียงคอหันมามองด้วยแววตาสงสัย

“คุณยั่วผม จนผมจะคลั่งตายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มหลุดปากสารภาพออกไป

“คุณอยากมีอะไรกับฉันงั้นหรือ”

ถึงเมาแต่เจ้าหล่อนก็ยังคงถามตรงตอบตรงได้เหมือนเดิม

“ก็ใช่น่ะสิ” ชายหนุ่มคำรามใส่

ความจริงจากปากพลวัตทำให้หญิงสาวถอยห่างออกมาจากตัวเขา ชายหนุ่มคิดว่าเธอคงกลัว ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้วสำหรับสาวบริสุทธิ์ แต่ที่ไหนได้ มธุรัตน์กลับหยิบโหลหมากฝรั่งตรงหัวเตียงมาส่งให้เขา พอรับมาดูใกล้ๆ ชายหนุ่มก็ต้องอึ้ง เพราะสิ่งที่บรรจุอยู่ภายในคือถุงยางอนามัยกลิ่นผลไม้

“ซื้อมาผิด ดีจังที่ยังได้ใช้ประโยชน์”

หญิงสาวส่งยิ้มให้อย่างยั่วยวน แล้ววางมือลงบริเวณต้นขาของเขา

พลวัตรู้ว่ามธุรัตน์กำลังเมาก็เลยออกอาการอย่างนี้ ชายหนุ่มพยายามท่องยุบหนอพองหนอในใจ เพื่อข่มอารมณ์ปรารถนา แต่มันช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด เพราะส่วนล่างของเขามันพองอย่างเดียวเลยไม่ยอมยุบ

พอเห็นว่าเขานิ่งไป เธอดึงโหลคืนแล้วหยิบถุงยางรสส้มยัดใส่เข้าไปในฝ่ามือหนา

“มาใช้กันนะ”

สายตาเชิญชวนของหญิงสาวทำให้พลวัตร้อนผ่าวไปทั้งร่าง หญิงสาวคลานขึ้นมาอยู่บนตัก แล้วประทับกลีบปากนุ่มลงกับริมฝีปากแห้งผากของเขา

วินาทีนั้นปราการความอดทนของพลวัตปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ชายหนุ่มพ่ายแพ้ต่อความเย้ายวนตรงหน้าอย่างยับเยิน เขาจูบตอบเธออย่างหิวกระหาย แล้วโถมตัวเข้าหาอีกฝ่ายจนล้มลงบนเตียงโดยมีร่างชองเขาทาบทับอยู่

สัมผัสรุนแรงของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวครางประท้วง แล้วเบือนหน้าหนี

“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูเมื่อเห็นอาการต่อต้านของหญิงสาว

เขาก้มลงจูบที่ขมับเธออีกครั้ง คร่าวนี้อ่อนหวานและนุ่มนวลแตกต่างจากสัมผัสเมื่อครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง มือเขาลูบไล้ไปบนเรือนกายของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา

สัมผัสหวามทำให้มธุรัตน์หันมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง มือเล็กปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มออกอย่างช้าๆ แล้วลูบไล้ร่างกายเขาตอบอย่างที่เขาทำกับเธอ

สองร่างนัวเนียกอดจูบกันอยู่เนิ่นนานอย่างไม่เร่งรีบ ต่างฝ่ายต่างก็ค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมอยู่ให้พ้นไปจากร่างของกันและกัน ปล่อยอารมณ์ให้เตลิดไปตามใจปรารถนา

ความหวานจากเรือนกายของหญิงสาวทำให้พลวัตแทบสำลัก มธุรัตน์ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังลิ้มรสน้ำผึ้งป่าหอมหวานที่มีรสชาติพิเศษ เป็นสุดยอดน้ำผึ้งที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

หญิงสาวตอบสนองทุกสัมผัสของเขาอย่างดีด้วยมือซุกซนที่แสนอยากรู้อยากเห็น เด็กซนคนนี้สัมผัสส่วนที่ทำให้เขาต้องร้องครางอย่างนึกสนุก ในจังหวะที่กำลังเคลิบเคลิ้มเธอก็ปล่อยมือออก แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียอย่างนั้น

“อย่างแกล้งกันสิ” ชายหนุ่มประท้วง

มธุรัตน์หันมาเถียงด้วยสายตาว่า ‘เปล่า’ เธอไม่ได้แกล้งเขาเสียหน่อย เธอแค่ทำลองทำอะไรไปตามเรื่องของเธอเท่านั้นเอง

ท่าทีของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มมันเขี้ยวเสียเหลือเกิน เขาก้มหน้าลงขบเม้มยอดปทุมถันของแม่สาวแสนซน แล้วปรนเปรอเธอจนร่างบางบิดเร่าเข้าหาเขา

พลวัตอยากจะแกล้งทำเป็นเมินเฉย เอาคืนเธอกลับบ้าน แต่ก็ไม่อาจหักห้ามใจได้อีกต่อไป เพราะพร้อมก่อนหน้าเธอมาพักใหญ่ๆ แล้ว

“ขอผมนะ” ชายหนุ่มกระซิบบอก

พลวัตโอ้โลมหญิงสาวและพยายามทะนุถนอมเธอให้มากที่สุด เพราะรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ มธุรัตน์รู้สึกเจ็บแปลบในครั้งแรก แต่ก็กัดฟันทนไม่ผลักไสเขาไป

“ทนอีกนิดนะ อีกนิดเดียว” ชายหนุ่มเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

มธุรัตน์พยักหน้ารับ เธอกอดตัวเขาไว้แน่น จิกเล็บลงกับแผ่นหลังเขา เมื่อถูกบางสิ่งรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย

เขาหยุดชะงักให้เธอได้ปรับตัวเมื่อเคลื่อนตัวเข้ามาสุดแล้ว ก่อนจะเริ่มขยับตัวช้าๆ เพื่อมอบความสุขที่แท้จริงให้กับหญิงสาว

จังหวะรักอ่อนโยน เปลี่ยนเป็นร้อนแรง และกลายเป็นความสุขสมเมื่อเดินทางมาจนถึงจุดหมายปลายทาง

พลวัตหอบหายใจ แล้วพรมจูบลงบนใบหน้าของหญิงสาวอย่างปลอบโยน ด้วยสำนึกได้ว่าเขามิได้อ่อนโยนกับเธอได้เท่าที่ตั้งใจไว้

หญิงสาวนอนหลับตานิ่งไม่ไหวติง ท่าทีของเธอทำให้เขาเริ่มใจเสียว่าอาจจะทำรุนแรงมากไปจริงๆ

“เจ็บมากไหม ผมขอโทษ”

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ” มธุรัตน์ตอบทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตา

เธอง่วงและอ่อนเพลียอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการมากที่สุดคือหลับไป โดยมีอ้อมแขนของเขาโอบกอดไว้อย่างนี้

มธุรัตน์ขยับตัวขึ้นมานอนหนุ่มแขนพลวัต แล้วหลับสนิทไปโดยมีเสียงหายใจสม่ำเสมอของชายหนุ่มแทนเสียงเพลงกล่อม

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะทุกคน ขอบคุณที่ให้การติดตามนะคะ ^O^
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตอบคอมเมนต์เลย ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ แต่อ่านทุกข้อความนะคะ
ตอนนี้หวั่นๆ ว่าจะเรตไปรึเปล่า ถ้ามากไปอย่างไรบอกได้นะคะ จะได้ตัดฉากทิ้ง
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการติดตามและกำลังใจค่ะ



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2554, 06:28:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2555, 14:31:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 3467





<< บทที่ 5 พิธีกรรมไล่ผี   บทที่ 7 ความผิดพลาดที่หอมหวาน >>
Pat 2 มิ.ย. 2554, 08:56:10 น.
อิอิ ตบะแตกจนได้นะพลว้ัต


หมอนทอง 2 มิ.ย. 2554, 09:28:33 น.
อ้าย ในเหล้าต้องมียากระตุ้นแน่ๆ หรือไม่ก็ เฮียแกถูกกระตุ้นมานานแล้วแต่ไม่รู้ตัวหว่า


ดารานิล 2 มิ.ย. 2554, 10:05:34 น.
ต๊ายยย นี่หรือคือเวอร์ชั่นเต็ม เข้าใจแระ กร๊ากๆๆๆ


MYsister 2 มิ.ย. 2554, 11:20:31 น.
เรื่องนี้พระเอกโดนข่มขืนเหะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด


เรียงอักษร 2 มิ.ย. 2554, 11:37:50 น.
พระเอกตบะแตกแล้ว อิอิ :]


หมูอ้วน 2 มิ.ย. 2554, 13:31:26 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ
ชอบมากมาย ฮิ...


ChaCha 16 ก.พ. 2555, 10:36:16 น.
ชอบมากอ่ะค่ะ เพิ่งได้เข้ามาอ่าน แอบนายอ่าน อ่านไปอมยิ้มไป เนี่ยะนายคงคิดว่าบ้าไปแล้วอ่ะค่ะ แต่งได้สนุกดีอ่ะค่ะ ชอบๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account