คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา ฉบับรีไรต์ (ลงทีละ 3 ตอนเพื่อจะได้จบเร็ว)
เรื่อง คืนรักร้อน ซ่อนเสน่หา (ฉบับรีไรต์)

บทนำ

คืนที่อากาศเย็นฉ่ำ คืนที่ฝนกำลังตกลงมาปรอยๆ คนที่กำลังมีความรักคงรู้สึกว่าสายฝนนั้นช่างเย็นราวกับน้ำทิพย์ที่ทำให้หัวใจอันแห้งเหี่ยวอับเฉาได้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง แต่คนที่กำลังจะเสียของรักไปคงมองสายฝนที่ตกลงมาหมือนน้ำตาจากฟ้าเสียมากกว่า ความรักที่สุกงอมช่างหอมหวาน แต่บางครั้งความรักอันหอมหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นขื่นขมจนกลายเป็นความแค้นในที่สุดและถ้าภายในหัวใจดวงเดียวเกิดทั้งความรักฝังใจและความแค้นที่แน่นอกทางออกของมันคืออะไร....
เจ้าของใบหน้าสวยและเรือนร่างงดงามได้สัดส่วนหากเปรียบเรือนร่างของเธอว่าเป็นน้องๆนางแบบก็คงไม่มากเกินไปนัก แก้วกรรณิกาใช้หลังมือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายทิ้งไปก่อนจะเชิดหน้าขึ้น

“ยังไม่รีบลงไปจัดการให้มันจบๆ ไปซะที ไหนแกบอกว่าเห็นแม่ดีกว่าผู้ชายยังไงล่ะ”

“คุณแม่คะ แต่....”



“เอาเถอะแกไม่ไปแม่ก็ไม่จะบังคับแกแล้ว แต่แกก็เตรียมนิมนต์พระที่วัดมาสวดศพแม่ได้เลย”

ประตูรถยนต์คันหรูสีดำถูกเปิดออกและเมื่อประตูถูกปิดลง คุณหญิงมณีไฮโซคนดังถึงกับยิ้มออกมาอย่างสะใจและมองตามาร่างบางระหงนั้นไป

“ทำเลตรงนี้เหมาะจะดูละครฉากเศร้า” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ แต่ลึกๆ รู้สึกสะใจจนอยากจะปรบมือ ความเกลียด ความรัก ปะปนกันอย่างแน่นอก

เจ้าของใบหน้ารูปไข่และมีองประกอบบนหน้าที่งดงามโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นคิ้วโค้งได้รูป เหมาะเจาะกับดวงตากลมโต ที่เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จมูกสวยได้รูปแต่ที่ดึงดูดตาของใครหลายคนคงเป็นริมฝีปากที่สวยอิ่มเอิบชนิดหาตัวจับยากรวมเป็นความสวยและมีเสน่ห์ที่เรียกว่าใครเห็นใบหน้าแก้วกรรณิกาก็ต้องมองจนเหลียวหลังส่วนผมสลวยยาวตรงนั้นถูกรวบไว้เป็นหางม้าทำให้ลำคอดูระหงยิ่งขึ้นเชิดหน้าขึ้นและก้าวเดินอย่างมาดมั่นแก้วกรรณิกาจึงกลายเป็นสาวสวยที่ดูมั่นใจเกินร้อยคนหนึ่ง เธอกลางร่มบางใสที่หยิบติดมือมาจากรถเมื่อฝนเริ่มโปรยปรายลงมาปรอยๆ พอสายตามองเห็นเป้าหมายเธอก็ก้าวฉับๆ ตรงเข้าไปหา ทั้งที่ภายในใจอยากจะวิ่งเข้าไปซบอกกอดและร่ำไห้แต่สิ่งที่แสดงออกไปเป็นในทางตรงกันข้ามก่อนจะบอกถึงสาเหตุที่เรียกเขาออกมา

ผู้ชายใบหน้าหล่อคมผิวขาวสะอาดมีเคราบางๆรูปร่างสูงอกผายไหล่ผึ่งยืนรอใครบางคนที่นัดเอาไว้อย่างไม่แสดงออกซึ่งอาการมานานับชั่วโมงแต่เมื่อพบกันแล้วฟังในสิ่งที่เธอกำลังเล่าจบเขาก็ยังคงไม่แสดงออกทั้งที่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ราวกับราวาที่กำลังปะทุรอการระเบิดครั้งใหญ่

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดไม่ได้ออกมาจากความคิดของคุณใช่ไหม”

“ก็ตามที่บอก โครงการรักของเราคงต้องพับเก็บเอาไว้แล้วล่ะค่ะ เพราะยังไงฉันก็จะแต่งงานกับคุณธนกฤต” เธอยืนยันอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มกว้างแต่ข้างในอกตม

“ไหนคุณเคยบอกว่าคุณหมดรักนายธนกฤตไปแล้ว รอแต่วันถอนหมั้น”

“ก็ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่ารักมันกินไม่ได้ แต่ถ้าอยากมีชีวิตที่สุขสบายก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสมซึ่งคนนั้นไม่ใช่คุณ” เธอไหวไหล่และเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างไม่ยี่หระ

ว่านนทีมีรอยยิ้มหยัน แววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อทั้งหมดจะมาจากความคิดของผู้หญิงตรงหน้า

“ยังไงผมก็ไม่เชื่อว่าคุณคิดแบบนี้จริงๆ เกิดอะไรขึ้นบอกผมมาสิ”

“ คุณคิดว่าคุณเองมีดีอะไร คุณเป็นใคร ทำงานอะไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฉันยังไม่เคยรู้มองไปข้างหน้าฉันเห็นแต่ความมืดเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนสวยและฉลาดอย่างฉันขอคิดใหม่ทำใหม่ ฉันไม่อยากเอาเวลามาเสียอย่างเปล่าประโยชน์”


“แก้วกรรณิกาผมบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเมื่อถึงเวลาผมจะบอกคุณเอง รับรองว่าคุณจะได้รู้ทั้งหมดที่คุณอยากรู้” งานของเขาทั้งเสี่ยงภัยและเป็นความลับเขาไม่อยากดึงเธอมาเกี่ยวไม่ต้องการให้เธอเป็นเป้าหมายของใคร

“ก็เพราะคุณเป็นเสียแบบนี้ทำตัวลึกลับจนน่าสงสัย เราคบกันได้พักหนึ่งแล้วฉันยังไม่รู้ว่าคุณทำงานอะไร บางทีคุณอาจเป็นเอเยนต์ขายยาบ้ารายใหญ่ก็ได้ใครจะไปรู้ เพราะฉะนั้นฉันเสียเวลาไปมากแล้วเราจบกันแค่นี้จะดีกว่า”ทั้งหมดที่พูดมาไม่ใช่อย่างใจคิดมันเป็นขออ้างให้เขาตัดใจ

“ บอกมาเสียดีๆว่าใครบังคับคุณให้มาพูดกับผมแบบนี้”เขามองไปที่รถหรูของเธอ “คุณหญิงแม่ของคุณใช่ไหม”


แก้วกรรณิกาไม่ตอบ ว่านนทีจึงถามย้ำไปย้ำมาสองมือวางบนไหล่บางของเธอและเขย่า


“แม่แค่แนะนำว่าผู้ชายแบบไหนถึงคู่ควรกับฉัน ส่วนการตัดสินใจทั้งหมดมาจากตัวฉันเอง เอามือหยาบๆที่ทำงานหนักๆออกไปจากไหล่ฉันเถอะเดี๋ยวเสื้อตัวละห้าพันของฉันมันจะติดกลิ่นสาปความจนไปด้วย”


“เกิดบ้าอะไรขึ้นมาวันก่อนคุณไม่ใช่แบบนี้” ว่านนทียังไม่ยอมรับว่าความคิดทั้งหมดมาจากเธอ

“ฉันเจ็บนะว่านนที”


เมื่อหลายวันก่อนเขากับเธอยังดูหวานชื่นเขายังพาเธอไปกินข้างและดูหนังอยู่เลย นอกจากนั้นเขาก็ยังขอให้เธอพาไปรู้จักกับครอบครัวซึ่งว่านนทีเองกำลังจะตัดสินใจส่งคุณหญิงพัชชามารดาแท้ๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของท่านไปทาบทามแก้วกรรณิกามาเป็นว่าที่ศรีสะใภ้

ใบหน้าสวยนั้นเชิดขึ้นอย่างถือตัว “ไม่มีใครที่จะบังคับแก้วกรณิกาคนนี้ได้คุณเองก็รู้”


“อย่าบอกนะว่าทั้งหมดที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดไปเองว่าคุณมีใจให้ ”


“ใช่คุณคิดไปเอง ฉันก็แค่เหงา” แก้วกรรณิกาสะบัดมือออก

“ถ้านี่คือการอำผมก็ชักไม่สนุก”


“นี่คือความจริงแต่ที่ผ่านมาคือความฝันดอกฟ้าไม่ก้มลงมาคลุกคลีกับหมาวัดนานหรอกนะตื่นได้แล้ว”


“แก้วกรรณิกาคุณเป็นบ้าอะไร” เขาจับไหล่เธอเอาไว้

“มองตาผม”

“ไม่”

“ผมสั่งให้มอง ผมอยากรู้ว่าคุณคิดแบบที่พูดจริงๆเหรอ” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบางเบาแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บบริวเวณหัวไหล่

มือเรียวเล็กตบสุดแรงที่โหนกแก้มด้านซ้ายของว่านนที“ไอ้คนบ้า ฉันเจ็บนะ จะอะไรกันนักหนาก็คุณมันเป็นคนมาที่หลัง คุณก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว ก็ยังมารักฉันเองช่วยไม่ได้ ถ้าเข้าใจผิดไปว่าที่ผ่านมาฉันมีใจให้ล่ะก็คุณคิดผิด ก็ฉันมันสวย แม่ก็รวย เพราะฉะนั้นฉันเลือกได้”

ความเจ็บที่เธอตบเขามันเล็กน้อยถ้าเทียบกับความเจ็บที่หัวใจหากเธอพูดออก


“ผมเป็นแค่ทางเลือกให้คุณเหรอ” ความโมโหทำให้เขาลืมตัวรั้งร่างบางเข้ามาประชิดแนบอกและจูบสั่งสอนแรงๆเพื่อจะได้ย้ำความทรงจำเมื่อหลายวันก่อนเธอยังแทบจะหลอมละลายเมื่อเขาปรนเปรอเธอด้วยจูบหวานล้ำ


“ปล่อยฉัน ฉันเกลียดรสชาติจูบอันกักขฬะไม่มีความเป็นผู้ดีของคุณเข้าใจไว้ด้วย”

ประโยคที่แสลงหูทำให้เขาดึงร่างบางมาจูบแรงๆ เพื่อลงโทษคนอวดดี ไม่มีความหอมหวาน นุ่มนวลแทรกอยู่แก้ว

“ปล่อยฉันนะไอ้คนบ้า” ว่านนทีเองก็ไม่รู้ว่าในรถนั้นคุณหญิงมณีกำลังนั่งดูอยู่ นางไม่ได้คิดลงมาช่วยเหลือแต่กลับยิ้มเยาะ
ร่างบางร่ำไห้ทั้งโกรธ ทั้งรัก ทั้งอยากให้เขาและตัวเองตัดใจจากกันได้

กรรณิการู้สึกริมฝีปากของเธอเจ็บระบมไปหมด แต่เมื่อเธอสะอื้นเขาก็ผละออกจากเธอทันที


“แสดงว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณเห็นผมเป็นแค่คนคั่นเวลาอย่างนั้นล่ะสิ” แก้วกรรณิกานิ่งเงียบ


“ผมถามว่าใช่ไหม” ว่านนทีตะคอกถามอย่างคนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ “ตอบมาสิ ตอบผม”


ใบหน้าสวยเก๋ของแก้วกรรณิกาเชิดขึ้นและปรากฏรอยยิ้มหยันก่อนจะตอบว่า

“ที่คั่นเวลาอาจจะมีค่ามากกว่าคุณด้วยซ้ำไป คุณคิดว่าฉันจะจริงจังคิดไปถึงขั้นจะแต่งงานด้วยเลยเหรอคะ เสปคของฉันนอกจากหล่ออย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ต้องรวยเท่าเทียมกันหรือมากกว่าเข้าใจไว้สะด้วย ”

สายตาที่ว่านนทีมองกลับมา ทำให้แก้วกรรณิกาอยากหายตัวไปจากตรงนี้


“ผมให้โอกาสคุณพูดใหม่อีกทีนะแก้วกรรณิกาเมื่อครู่จะถือว่าหูฝาดไป”


“จะให้พูดกี่ครั้งฉันก็ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาฉันไม่เคยรักคุณเลย เหนือสิ่งอื่นใดฉันเลือกผู้ชายจากยอดเงินในบัญชีมากกว่าความดีที่กินไม่ได้”

“หิวเงินมากขนาดนั้นเชียวเหรอ ผมมันตาบอดไปที่มองคุณเป็นนางฟ้า แต่ไม่เป็นไรเพราะ ผู้หญิงไม่ได้ไร้เท่าใบพุทรา”

คำต่อว่าของเขาเรียกน้ำตาของแก้วกรรณิกาให้รื่นขึ้นมาจนเอ่อแทบจะล้นออกมาจากเบ้าตาแต่พยายามฝืนเอาไว้

“ที่ผ่านมาฉันก็แค่ทนเสียงเห่ารบเร้าของหมามันไม่ไหว เลยโน้มตัวลงมาจากฟ้าเพื่อทักทายกับมัน แต่พอเอาเข้าจริงๆฉันก็รู้ว่าดอกฟ้ากับหมาวัดมีแค่ในนิยายดเรื่องจริงมันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้” แก้วกรรณิกาหยุดพูดเพียงแค่นั้นเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
ว่านนทีรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าถูกตบหน้า นี่เธอกล้าเปรียบเทียบเขากับหมาวัดเชียวเหรอหากแท้จริงเธอรู้ว่าเขาเป็นใครเธอจะรู้ว่าเธอมันก็แค่ดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาคิดจะเด็ดมาชื่นชมเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงคิดว่าคุณเป็นดอกฟ้า แต่เวลานี้ดอกตำแยยังมีราคามากกว่าผู้หญิงหิวเงินแบบคุณเลย”

แก้วกรรณิกาไหวไหล่และยิ้มเยาะ“แต่ยังไงซะฉันก็ขอขอบคุณที่หมาวัดอย่างคุณดูแลฉันเป็นอย่างดี”

“ถึงผมเป็นคนดี แต่ผู้หญิงอย่างคุณคงชอบคนเลวมากกว่าถึงจะได้เลือกจะแต่งงานกับนายธนกฤตนั่นทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเลว ก็ขอให้อยู่กับคนเลวอย่างมีความสุขละกัน” เขาหันหลังให้เธอ แต่เพื่อที่จะจากกันได้อย่างถาวรแก้วกรรณิกาจำเป็นต้องตอกย้ำ
“ไม่เคยได้ยินเหรอคะผู้หญิงที่ไหนๆ เขาก็พ่ายให้ผู้ชายเลวๆ กันทั้งนั้นก็เพราะผู้ชายเลว มันมีอะไรให้น่าค้นหาและตื่นเต้นดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีสีสรร”


ว่านนทีมองหน้าเธอ ด้วยแววตาหยัน

“ถ้าชอบผู้ชายเลวนักสักวันผมจะจัดให้ เอาเลวกับคุณให้สาแก่ใจไปเลย ใครจะไปคิดว่าคุณหนูแก้วกรรณิกาจะมีรสนิยมแบบนี้ อาจจะมีของสมนาคุณเพิ่มความ เถื่อน เลว และซาดิสต์ ให้อีกด้วย”

แก้วกรรณิกายิ้มหน้าระรื่นทั้งๆที่ภายในใจกำลังกลืนน้ำตา ถ้าเธอชอบแบบนั้นจริงๆก็คงบ้าแล้ว

“เลว และ เถื่อนแค่นั้นอาจได้แค่ความถึงใจแต่ยังไม่พอเพราะเสปคของฉัน ต้องรวยด้วยค่ะซึ่งจะว่าไปก็เหมือนคุณธนกฤตเป๊ะเลย หล่อ รวย เลว” เจ้าของใบหน้าสวยแสร้งยั่ว

สายตาที่เขาเคยมองเธออย่างรักใคร่เปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความรังเกียจ “น่าสมเพช”



จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่รถและไม่ได้หันกลับมามองอีกเลยจึงไม่เห็นว่าเจ้าของใบหน้าสวยเชิดหยิ่งนั้นในเวลานี้สองแก้มถูกอาบไปด้วยน้ำตาเป็นทางยาว

“คุณว่านนที ฉะ ฉันไม่ได้อยากให้เราลงเอยกันแบบนี้สักนิดหากฉันเลือกได้” คำพูดนั้นแผ่วเบาจนเขาไม่ได้ยิน

หญิงสูงวัยแต่ยังคงงดงามมองผ่านออกมาจากรถเบนซ์สีดำมันปราบพร้อมรอยยิ้ม แล้วในที่สุดลูกสาวคนสวยก็ต้องยอมทำตามใจเธอ คุณหญิงมณียกความดีความชอบให้ตัวเอง หากนางไม่เอาเรื่องความตายมาขู่แก้วกรรณิกาคงไม่ยอมเลิกลากับผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้าอย่างนายว่านนทีคนนั้น

คุณหญิงมณีลดกระจกลง“ยัยแก้วเสร็จธุระแล้วก็ขึ้นรถสักทีสิยะ จะยืนอาลัยอาวรณ์อะไรนักหนากับผู้ชายบ้านๆแบบนั้น รีบขึ้นรถมาได้แล้วนะแถวนี้มันถิ่นของพวกกระจอก อยู่นานๆแล้วคัน”

“ค่ะคุณแม่” ร่างบางพาตัวเองกลับขึ้นมาบนรถแต่ทำหัวใจหายไปพร้อมกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที แม้จะบอกตัวเองให้ลืมเขาไป แต่ก็ไม่วายเหลียวหลังกลับไปมอง เธอจะจำว่านนที ผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอเอาไว้แม้เขาจะเกลียดเธอสักแค่ไหนก็ตาม แม้ตัวของเธออาจจะต้องตกเป็นของใคร แต่ใจของเธอจะเป็นของเขาตลอดกาล

“ยังอีก ยังช้าอีกนี่ยัยแก้ว ขึ้นรถเดี๋ยวนี้นะฝนมันกำลังลงเม็ดใหญ่แล้วจะยืนทำตัวเป็นนางเอกมิวสิคอีกนานไหม”

เจ้าของหน้าสวยหุ่นแบบบางจึงต้องรีบกลับขึ้นรถ

“แกสัญญากับแม่แล้วนะว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก เห็นธาตุแท้ของมันหรือยังมันเลวขนาดไหน ฉันเห็นนะว่ามันทำอะไรกับแกบ้างอย่าลืมสิคนแก่สายตายาว” แก้วกรรณิกาเงียบ น้ำตาร่วงหล่นบนฝ่ามือแต่คนตรงหน้าไม่ได้มีแววเมตตาสงสาร กับสะใจที่ทำให้ผู้ชายคนนั้นกระเด็นออกไปจากชีวิตลูกสาวของนางได้

“แก้วทำตามคุณแม่สั่งทุกอย่างแล้ว คุณแม่ยังต้องการอะไรอีกเหรอคะ”

“หลักฐาน ว่าแกจะไม่ได้ทำแค่ตบตาแม่ลับหลังแอบไปคบหากับมันอีก”

“หมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะไม่กลับไปหามันอีกชัดไหม แต่ถ้าแกไม่อยากเห็นฉันต้องตายเพราะเส้นโลหิตในสมองด้วยเรื่องของแกแล้วล่ะก็ คงรู้นะว่าจะต้องพูดอะไรในคลิปที่ฉันกำลังจะถ่ายต่อไปนี้ แล้วคลิปนี้จะถือว่าเป็นคำสัญญาของแกที่มีต่อแม่เข้าใจไหม”

“ไม่เห็นจะต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่คะคุณแม่ แค่ที่แก้วทำให้คุณแม่เห็นมันยังไม่พออีกเหรอคะ แก้วยอมขว้างหัวใจตัวเองทิ้ง”

คุณหญิงมณีมีสีหน้าโกรธจัด เนื้อตัวสั่นกำมือแน่น ก่อนที่นางจะตาค้างหอบแรงๆเมื่อถูกขัดใจ “จะทำไหม ยัยแก้ว แกยังเห็นฉันเป็นแม่ไหม”
“คุณแม่ คุณแม่ใจเย็นสิคะอย่าเพิ่งโมโห คุณแม่เองก็รู้ความเครียดมันเป็นผลร้ายกับโรคของคุณแม่”

“ฉันขอสัญญาที่เป็นหลักฐานไม่ใช่คำพูดลอยลม แค่นี้แกทำให้แม่ไม่ได้เหรอ”

แก้วกรรณิกาปาดน้ำตาที่กำลังนองหน้า “ ตกลงค่ะคุณแม่ ถ้ามันจะทำให้คุณแม่สบายใจ ก็ชีวิตนี้ของหนูมันเป็นของคุณอยู่แล้วนี่คะ” แก้วกรรณิกาตระหนักดีมาตลอด แม้คุณหญงมณีจะไม่เคยพูดให้ได้ยินก็ตาม

“แม่ก็แค่จะถ่ายเก็บไว้ให้แกดูหากวันไหนแกผิดสัญญากับแม่แม่จะได้เปิดมันให้แกดู ก็เท่านั้น”

เจ้าของใบหน้าสวยทันสมัยเชิดหน้าขึ้นและมองไปทางกล้องจากมือถือรุ่นที่หรูและไฮเทคที่สุดในยุคนี้

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายที่ชื่อว่านนที ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย จะเป็นอะไรก็ตามต่อไปนี้ แก้วกรรณิกาคนนี้ก็จะไม่สนใจใยดี และจะไม่มีวันชายตามองผู้ชายที่ชื่อว่านนทีอีกต่อไป ใครจะเอาเขาไปฆ่าไปแกงที่ไหนก็ตามสบายเพราะเขาเป็นแค่ลอยด่างของชีวิตฉันเท่านั้นเอง”

เมื่อแก้วกรรณิกาพูดจบคุณหญิงมณีก็กดปุ่มหยุดบันทึกคลิปวีดีโอพร้อมกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก


“ก็แค่นี้เอง นี่ถือเป็นสัญญาของแกที่ให้ไว้กับแม่แล้วนะยัยแก้ว ต้องแบบนี้สิลูกรักของแม่”

เลี้ยงมาจะว่าไม่รักเลยก็ไม่เชิงแต่จะให้รักเหมือนประหนึ่งเลือดในอกก็คงไม่ใช่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Tags: แก้วกรรณิกา ว่านนที

ตอน: ตอนที่ 3-4

ตอนที่ 3

แก้วกรรณิกาออกมาจากห้องแต่งตัวเจ้าสาว เพราะต้องการพบยาหยีเพื่อปรึกษาเรื่องบางอย่าง ยาหยีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ยาหยีเป็นคนน่ารัก มีน้ำใจ อัธยาศัยดี แต่มีข้อเสียตกเก็บความลับไม่ค่อยอยู่พอคิดถึงเรื่องนี้เพราะความช่างจ้อของเจ้าหล่อนนี่ล่ะวันก่อนเลยเป็นเหตุหวังดีแต่ทำให้เธอเกือบโชคร้ายคิดไปคิดมาแก้วกรรณิกาจึงคิดว่าคงต้องเก็บแผนการเอาไว้ในหัวตัวเองจะดีกว่า และที่สำคัญเธอไม่อยากเอาความทุกข์ของตัวเองไปใส่หัวคนที่กำลังมีความสุขเพราะนั่นจะทำให้ยาหยีเอาแต่เครียดเรื่องของเธอไปด้วยไม่เห็นจะเกิดผลดีเลย

ที่ผ่านมาแก้วกรรณิกาคิดและโทษตัวเองมาตลอดว่าทำให้มารดาถึงกับคิดสั้นฆ่าตัวตายเพราะอับอายกลัวจะถูกถอนหงอกถ้าเธอจะถอนหมั้นกับธนกฤต แต่ที่ไหนได้ทั้งหมดนั่นคือการแสดง คุณหญิงแม่ของเธอไม่ได้ป่วยไม่ได้เครียดไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแค่เป็นแผนการบีบบังคับให้เธอเลิกรักว่านนที

แม้จะรู้โดยบังเอิญว่าคุณหญิงมณีไม่ใช่แม่แท้ๆ มาหลายปีแล้วแต่ที่ผ่านมาแก้วกรรณิกาก็ไม่เคยปริปากพูดหรือแสดงอาการให้เห็นยังรักและเคารพคุณหญิงเสมอมา เพราะคิดว่าคุณหญิงมณีคงรักเธอด้วยหัวใจเหมือนที่เธอรักท่านแม้ไม่ใช่สายเลือดก็ไม่สำคัญ คุณหญิงมณีก็เลี้ยงเธอมาอย่างดีให้การศึกษาที่สูงแต่ในเวลานี้หากคิดดีๆจะว่าท่านเลี้ยงเธอไว้เพื่อทำเงินในอนาคตให้คงจะไม่แปลกก็ค่าตัวเธอตั้งยี่สิบล้านแต่ถึงอย่างไรความผูกพันก็ทำให้แก้วกรรณิกาไม่ได้คิดแค้นคุณหญิงมณีเพียงแต่ว่าเธอขอเลือกทางเดินให้ตัวเธอเองบ้าง

แก้วกรรณิกาเห็นผู้หญิงร่างสูงหุ่นเพรียวสวมชุดเดรสสีขาวผ่านไปหลังไวๆไปทางห้องน้ำจึงรีบเดินตามเข้าไปในห้องน้ำคิดว่าเป็นเพื่อนสาวคนสนิท“ยาหยีนั่นเธอหรือเปล่า ยาหยี รอฉันด้วยสิ”

“ยาหยีทำไมมาช้าแบบนี้เธอกับฉันมีอะไรต้องเคลียร์กันตั้งเยอะ แล้วเมื่อคืนทำไมถึงต้องวางสายหนีด้วยยังคุยกันไม่ทันจบเลย” แก้วกรรณิกาในชุดเจ้าสาวพูดรัวไม่เว้นระยะ แต่ต้องชะงักและหยุดพูดทันทีเมื่อคนที่ออกมาจากห้องน้ำไม่ใช่ยาหยีแต่เป็น

“ต
กใจหมดเลยเธอนี่เองเหรอมังคุด” แก้วกรรณิกายกมือทาบอก เมื่อคนที่หันมาคือมังคุดสาวใช้ชาวพม่าทิ่เพิ่งจะมาอยู่ได้ไม่นานนี้

“หนูกำลังจะเข้ามาทำความสะอาดกระจกค่ะ คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“เมื่อครู่ฉันเห็น”

“เห็นอะไรเหรอคะ”

“ช่างเถอะไม่มีอะไรหรอกฉันคงตาฝาดไป แล้วนี่เธอกำลังจะทำอะไรล่ะ”

“มังคุดจะเข้ามาเช็ดกระจกค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวค่อยมาทำใหม่ละกันฉันจะเข้าห้องน้ำ” มังคุดจึงต้องพาตัวออกไปจากห้องน้ำหรูหราที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นหลักตกแต่งอย่างงดงามราวกับห้องน้ำของเจ้าหญิง

“ได้ค่ะ” มังคุดจึงรีบออกไปทิ้งไว้เหลือเพียงหญิงสาวในชุดงดงามแต่หัวใจบอบช้ำ แก้วกรรณิกามองหน้ากระจกทุกอย่างสวยหมดชุดแต่งงานหรูหรา ทรงผม และการแต่งหน้าที่เป็นเลิศมีเพียงสิ่งเดียวที่เธอไม่ถูกใจและไม่ต้องการในงานวันนี้นั่นคือเจ้าบ่าว เจ้าของนิ้วเรียวหยิบกระดาษทิชชูเนื้อดีตรงหน้ากระจกขึ้นมาซับน้ำตาที่กำลังซึม สายตามองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่างหลังม่านที่กั้นระหว่างห้องอาบน้ำสุดหรูและบริเวณหน้ากระจกที่เธอกำลังยืนอย฿

“ใคร... มังคุด เธอหรือเปล่า” ทั้งๆที่เธอจำได้ว่ามังคุดเดินออกไปแล้ว
พรึบ!

ม่านหรูสีขาวถูกรูดออกเผยให้เห็นคนที่ซ่อนอยู่

ชลลี่!

“เธอเองเหรอชลลี่ เธอเข้ามาในนี้ได้ยังไง”

“ก็เข้ามาทางประตูยังไงล่ะคะ ไม่น่าถามวันงานแบบนี้ไม่มีใครสนใจหรอกใครจะเข้าใครจะออก”

ไม่ใช่แก้วกรรณิกาจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของชลลี่อดีตพนักงานต้อนรับของรีสอร์ทหรูที่ธนกฤตเป็นเจ้าของแต่ชลลี่ได้หายตัวไปก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้ว ธนกฤตบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้สนใจการหายตัวไปของชลลี่แม้แต่นิดเดียว ธนกฤตยังบอกอีกว่าเพราะชลลี่ยั่วยวนเขาทำให้เผลอมีความสัมพันธ์ด้วยเขาไม่เคยคิดอะไรกับเธอมากกว่าคู่นอนชั่วคราวยิ่งทำให้แก้วกรรณิการู้สึกรังเกียจในความเห็นแก่ตัวของธนกฤต แต่แก้วกรรณิกายังไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชลลี่กำลังตั้งครรภ์ลูกของธนกฤตอยู่ด้วยและเขาบังคับให้เธอไปทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง

“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม ฉันจำได้ว่าไม่ได้ให้การ์ดเชิญคุณ”

“คุณแน่ใจเหรอว่าจะแต่งงานกับธนกฤต” น้ำเสียงนั้นดูอ่อนลงจนแก้วกรรณิกาผิดคลาด
“คุณเองก็รู้ว่าเขากับฉันเป็นคู่หมั้นกันมานานแล้ว แต่งงานกันเสียทีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ”

“แปลกสิในเมื่อคุณไม่ได้รักเขา”สายตายิ้มเยาะ

“คุณจะมารู้ดีกว่าตัวของฉันได้ยังไง”

“แล้วจริงไหมล่ะคะ”

“คุณรู้ไหมธนกฤตพูดถึงคุณยังไงบ้างเมื่อเวลาที่เขาอยู่ลับหลังคุณ”

“ฉันไม่อยากรู้หรอกเชิญคุณกลับไปเถอะ และไม่ต้องห่วงคุณยังอยู่ในสถานะเดิมฉันไม่บังคับเขาให้ทิ้งคุณหรอก”

“แต่ฉันอยากบอก เผื่อคุณจะได้คิดได้และแก้ไขทันตอนนี้ยังไม่สายเกินแก้” แก้วกรรณิกาเองก็แปลกใจกับท่าทีของชลลี่

“นายธนกฤตบอกว่าคุณน่ะคิดว่าตัวเองสวยเลยชอบเชิดใส่เขา ภายนอกคุณมีท่าทางที่มั่นใจแต่ภายในแสนจะจืดชืดและเล่นตัวสารพัด จะจับมือได้แต่ละทีก็สะบัดสะบิ้งจนเขาเบื่อ จะกอดจะจูบก็บ่ายเบี่ยงรอให้แต่งงานกันสรุปธนกฤตเขาเปรียบคุณว่าเป็นสาวมั่นยุคเต่าล้านปี”


“แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะแต่งงานกับสาวมั่นยุคเต่าล้านปีอย่างฉัน หากฉันเป็นสาวมั่นใจและไวไฟจุดติดง่ายเขาอาจจะไม่เลือกก็ได้” แก้วกรรณิกาจงใจยั่วโทสะชลลี่ที่บุกรุกเข้ามาในบ้านเพราะคิดว่าชลลี่จะมาหาเรื่อง


ชลลี่ฟังจบก็ปล่อยโฮ ยกมือขึ้นปิดหน้าและทรุดลงที่พื้นห้องน้ำเมื่อคำผรุสวาทของอีกฝ่ายแทงใจดำใช่เพราะความง่ายไป

ทำให้ธนกฤตถึงทิ้งเธอ ความสวยความเซ็กซี่เมื่อเขาชิมจนพอใจก็ไร้ประโยชน์

“ใช่เพราะฉันมันง่ายเอง เพราะโง่คิดว่าเขารักจริง สุดท้ายเขาก็เลือกคุณ ก็คุณมันรวยเป็นทายาทเศรษฐีนี่ ไม่ใช่ลูกชาวนา
เหมือนฉัน ”

“อ้าว...เป็นซะอย่างนั้นไป” แก้วกรรณิกาเองก็งงที่เห็นชลลี่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด


ถ้าชลลี่มาอาละวาดใส่เธอแก้วกรรณิกาจะร้องเรียกให้คนข้างล่างมาจับชลลี่โยนออกไปนอกงานเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อ

ชลลี่กลับกลายเป็นแบบนี้แก้วกรรณิกาจึงหยุดความคิดนั้นเอาไว้และถามออกไปตามตรง

“ใจเย็นๆก่อนสิ คุณมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถึงเขาจะแต่งงานกับฉัน ฉันก็จะไม่ได้บังคับให้เขาทอดทิ้ง

คุณเสียหน่อย ในเมื่อคุณเองก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่ได้รักเขาแล้ว”

“คุณคิดจะสวมบทภรรยาหลวงที่แสนดีเหรอคะแต่อย่าเลย ฉันก็ไม่ได้อยากได้แล้วเหมือนกัน”

“ฉันมาที่นี่แค่อยากมาบอกให้คุณรู้เอาไว้เท่านั้นเจ้าบ่าวของคุณมันเลวแค่ไหนและทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”

แก้วกรรณิกาเริ่มงงคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน “เขาทำอะไรเธอเหรอ”

“มันทำให้ฉันท้องและไล่ไปทำแท้ง” ชลลี่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

แต่แก้วกรรณิกาตกใจสุดขีด “คุณท้องกับธนกฤต” จู่ๆชลลี่ก็หายตัวไปอย่างเงียบๆหลายเดือนมาแล้วมีข่าวลือว่า

เธอท้องแต่แก้วกรรณิกาไม่ได้ใส่ใจ

“ไม่รู้จริงๆเหรอคะเมื่อเช้าข่าวของฉันออกจะดังวันนี้ยังขึ้นหน้าหนึ่งเลยในเมื่อเขาไม่ให้ฉันพบหน้า ฉันก็เลยต้อง
ทำ”

“ข่าวอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”

“ใช่สิ คุณจะรู้เรื่องได้ยังไงก็คงนอนหลับฝันหวานที่จะได้แต่งงานในวันนี้ เลยไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉันกับลูกในท้องกำลัง

จะโดดตึกฆ่าตัวตาย ฉันเพียงแค่ขอให้เขารับผิดชอบฉันบ้าง แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์สักนิดนอกจากมันไม่รับแล้ว
มันยังหาว่าฉันไปท้องกับคนอื่นอีก ”
จากที่ร้องไห้น่าสงสารชลลี่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะออกมาราวกับคนวิกลจริต แน่ล่ะสภาพที่ชลลี่เผชิญเป็นปัญหา

หนักมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งทั้งการที่พ่อของลูกสั่งให้ไปทำแท้ง ครอบครัวก็ตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญูใจง่าย
ท้องไม่มีพ่อกลับไปบ้าน ชลลี่แทบจะไม่เหลือที่ยืนสำหรับตนเองทุกคนพากันประนามเธอว่าเป็นหญิงใจง่าย
“ฉันไม่รู้จริงๆ” ถึงไม่ได้รักธนกฤตแต่รู้ว่าเจ้าบ่าวไปทำผู้หญิงท้องก็อดตกใจมากไม่ได้
“รู้ไหมเหตุผลเดียวที่เขาเลือกคุณก็เพราะฐานะ และเชื้อสายผู้ดีเก่าที่เชิดหน้าชูตาเขาได้ อย่าคิดว่าเขารักคุณเพราะ

คนอย่างไอ้ธนกฤตมันไม่เคยรักใครแม้แต่ลูกของมัน”


“ลูก..ลูกในท้องคุณคือลูกธนกฤต” แก้วกรรณิกามองที่หน้าท้องของชลลี่ไม่อยากจะเชื่อสายตา

“นี่ล่ะเลือดเนื้อของธนกฤตอย่างแท้จริง แต่ มันไม่ได้คิดว่านี่คือลูก แต่เห็นว่านี่คือก้อนเลือดที่จะสร้างความลำบาก

ให้มัน มันสั่งฉันไปทำแท้งเถื่อน มตีราคาชีวิตลูกของตัวเองด้วยเงินจำนวนหนึ่งหมื่นบาท”
จากนั้นชลลี่ก็ปล่อยโฮเสียงดังจนแก้วกรรณิกาตกใจและใจอ่อนรีบเข้าไปปลอบชลลี่อย่างเห็นอกเห็นใจ ที่ผ่านมา

แก้วกรรณิการู้เรื่องธนกฤตจนอกใจมาตลอดแต่ไม่เคยตามไปราวีส่วนหนึ่งเพราะเธอไม่ได้หวงหึงในตัวเขาและ

ชลลี่ก็ไม่เคยพาตัวมาล่วงเกินอะไรเธอเรียกว่าต่างคนต่างอยู่ เมื่อเห็นหน้าท้องที่เริ่มออกมาชัดเจนแก้วกรรณิกาก็

ถอนใจรู้สึกเห็นใจชลลี่มาก

“ลูกของธนกฤตคงอายุไม่ต่ำกว่าสามเดือนแล้วมั้ง”

ชลลี่พยักหน้า “ใช่ค่ะ”

เลวที่สุด!
“จิตใจของธนกฤตทำด้วยอะไรกันนะ”

“ฉันมีหลักฐานมากกว่านี้”

ชลลี่ส่งโทรศัพท์เครื่องหรูที่ธนกฤตเคยซื้อให้ก่อนจะรู้ว่าเธอตั้งท้อง ภาพและเสียงชัดเจนมาก ชลลี่แอบบันทึกเอาไว้ตอนที่ธนกฤตบังคับให้เธอไปทำแท้งเขาบอกว่าถ้าเธอไม่ทำเขาจะทำเอง

แก้วกรรณิกามือสั่นไม่ใช่เพราะเสียใจที่ธนกฤตไปทำผู้หญิงท้องทั้งที่กำลังจะเป็นสามีของเธอ แต่เกลียดความเลวของธนกฤตที่ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัว นี่เธอกำลังจะแต่งงานกับฆาตกรใจโหดเหรอ

“หมามันยังรักลูกมัน แต่คนอย่างนายธนกิฤตลูกของตัวยังคิดจะฆ่าได้แล้วนับประสาอะไรที่เขาจะรักเรา” แก้วกรรณิกาพูดออกมาเบาๆอย่างปลงๆ

“ใช่ค่ะหมาตัวผู้ยังดีกว่านายธนกฤตเสียอีก ฉันอยากฆ่ามัน”

“ฆ่าเขาคุณก็ต้องไปอยู่ในคุกแล้วลูกของคุณล่ะ”น้ำเสียงของแก้วกรรณิกาอ่อนโยนลงเมื่อรู้ว่าชลลี่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่

“ใช่ ฉันไม่อยากจะไปคลอดลูกในคุก มะ...ไม่นะ ฉันไม่อยากติดคุก” สายตาชลลี่หวั่นวิตกและแปลกใจที่แก้วกรรณิกาพูดเหมือนเห็นใจเธอ

“เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดแบบนั้นอีกคุณต้องสู้เพื่อลูก ปัญหาทุกอย่างมันมีทางแก้แต่ถ้าแก้ผิดวิธีนอกจากปัญหาจะไม่จบปัญหาใหม่ก็จะเกิดขึ้นมาอีก”

ชลลี่รู้สึกว่าแก้วกรรณิกาคนที่เธอเคยแอบมองด้วยความอิจฉาเพราะ ทั้งสวย และชาติตระกูลดีครบสูตรจะพูดดีกับเธอขนาดนี้ ที่ผ่านมาชลลี่ก็รู้ว่าแก้วกรรณิการู้เรื่องเธอกับธนกฤตมาตลอดแต่ไม่เคยตามไปราวีเลยสักครั้ง ดังนั้นเธอคิดถูกแล้วที่มาขวางไม่ให้ผู้หญิงคนหนึ่งเดินลงหุบเหวเหมือนที่เธอกำลังเผชิญอยู่

“ที่คุณบุกเข้ามาในนี้เพื่ออะไรเหรอ หรือแค่ต้องการมาบอกว่าเธอท้องกับเขาเพราะนั่นฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากให้เขารับผิดชอบคุณแต่เขาจะรับผิดชอบหรือไม่ฉันคงรับปากไม่ได้”

“คุณคงคิดว่าฉันจะมาอาละวาดหรือทวงสิทธิ์ล่ะสิแต่เปล่าเลยฉันก็แค่ไม่อยากให้ผู้หญิงดีๆคนหนึ่งต้องตกนรกเหมือฉัน”

“ทุกคนมีทางของตัวเอง ฉันก็มีทางของฉันแม้ว่าจะไม่ได้อยากเลือกเดินทางนี้ก็ตาม”

“ที่ฉันมาเตือนคุณก็เพราะฉันอยากหมดกรรมที่ฉันไปยุ่งกับคนรักของคุณ แต่ในเมื่อคุณเองยืนยันที่จะแต่งงานทั้งๆที่รู้ว่าเขาใจดำอมหิตแค่ไหนก็ตามใจ ฉันคงทำได้แค่นี้”

แก้วกรรณิการั้งแขนชลลี่เอาไว้

“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไปสิ แบบที่ฉันบอกไปทุกคนมีทางเลือกและฉันก็มีทางเลือกของตนเอง”

ชลลี่หันมามองเจ้าสาวที่กระตุกยิ้มอย่างมิเลศนัย “หมายความว่ายังไงเหรอคะ”

“เธออยากไถ่บาปใช่ไหม” ทั้งแผนลวงของมารดา และความเลวร้ายของธนกฤต ทำให้แก้วกรรณิกาตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

“รอฉันเดี๋ยว ฉันมีอะไรจะให้เธอ “++++++++++++++++++++++

เสียงฝีเท้าเดินมาทางห้องน้ำทำให้แก้วกรรณิกาบอกให้ชลลี่หลบไปก่อนเมื่อเสียงเดินผ่านเงียบไปแล้วชลลี่ก็ได้กำเช็คหนึ่งแสนเอาไว้ในมือพร้อมรอยยิ้ม

“นี่คุณให้ฉันจริงๆเหรอ” แววตาไม่อยากเชื่อว่าเช็คและเงินสดจะเป็นของเธอ

“ใช่มันเป็นของเธอกลับลูก แต่ต้องรักษาสัญญานะว่าจะทำตามในสิ่งที่ฉันขอร้องให้ช่วย” แม้ว่าเคยหมั่นไส้กับคุณหนูผู้รวย เลิศ เชิด คนนี้มาก่อนแต่เมื่อรับเงินมาแล้วคนอย่างชลลี่ย่อมทำตามสัญญาใครดีกับเธอ เธอก็จะดีตอบแต่ใครมาร้ายชลลี่ก็ต้องคิดเอาคืน

“ฉันไว้ใจเธอได้แค่ไหน” แก้วกรรณิกาเลือกใช้ชลลี่ เพราะรู้ดีว่าชลลีรู้จักพวกนักเลงย่านนนทบุรีเป็นอย่างดี
ชลลี่กำลังต้องการเงินไม่คิดว่าพอคิดจะทำความดีเงินก็วิ่งมา“ตกลงฉันให้สัญญา ฉันจะไม่ลืมความช่วยเหรอจากคุณเลย เงินนี่ฉันจะเอาไปตั้งต้นชีวิตใหม่และคุณเองก็จะได้ชีวิตใหม่”

“สัญญากับฉันแล้วนะและขอให้ทำตามสัญญาด้วย มีคนมาแล้วฉันจะออกไปก่อนนะ”
“ตกลงค่ะ เงินมางานเดิน ”
“จะไม่ทรยศฉันใช่ไหม” แก้วกรรณิกาสบตาชลลี่ย้ำถึงความแน่ใจ อะไรสักอย่างบอกว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีของเธอได้ และผู้หญิงคนนี้จะรักษาสัญญา

“ฉันมาวันนี้เพื่อปลดเปลื้องบาปกรรมที่เคยไปยุ่งกับผู้ชายของคุณ และหวังว่าคุณจะอโหสิกรรมให้ เราจะได้ไม่มีบ่วงบาปต่อกันอีก เพราะฉะนั้นฉันรับปากแล้วฉันจะทำตามที่คุณเธอต้องการแต่ผลจะออกมาอย่างไรฉันไม่รับประกัน”

“ยัยแก้ว ลูกอยู่ที่ไหนพิธีใกล้จะเริ่มแล้วนะลูก” เสียงของคุณหญิงเจ้าของบ้านดังไปทั่วชั้นสองเหมือนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพิธีแต่งงานล้มไม่ได้ ไม่อย่างนั้นสินสอดนับยี่สิบล้านคงไม่ได้มาอยู่ในกำมือเธอถ้าเป็นแบบนั้นรับรองว่าชีวิตของเธอคงจะหาไม่
“แก้วอยู่นี่ค่ะคุณแม่” แก้วกรรณิกาเดินออกมาจากห้องน้ำจากนั้นเข้าไปเกาะที่เอวมารดาและพาเดินออกไปด้านอื่น
“ลูกแก้วที่แท้ก็เข้าห้องน้ำอยู่นี่เอง เป็นอะไรไปหรือเปล่าลูก”
“คือแก้วรู้สึกปวดท้องค่ะคุณแม่ เหมือนจะท้องเสีย”
“ตายล่ะลูกสาวฉันจะมาท้องเสียอะไรกันวันแต่งงาน มานี่มาแม่จะพาไปหายาแก้ท้องเสียรีบกินเข้าไปเลยนะก่อนพิธีจะเริ่มขึ้น” แก้วกรรณิกาจีงรีบเดินตามมารดาไป วันนี้เธอจะขายลูกสาวที่เลี้ยงมาได้ตั้งยี่สิบล้านคุณหญิงมณีจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษแม้จะพบเรื่องที่มีคนปาก้อนหินพร้อมจนหมายข่มขู่เข้ามาคุณหญิงก็ไม่มีทางล้มเลิกงานนี้อย่างแน่นอน
+++++++++++++++++++++++++++
เมื่อพิธีแต่งงานของสองตระกูลดังกำลังจะเริ่มขึ้นเสียงแห่กลองยาวน้ำหน้าขบวนดังไปทั่วผู้คนมากมายมาช่วยแห่ขันมากยาวเหยียดที่จัดมาสมฐานะเจ้าสาวไฮโซตระกูลเก่าแก่ ซึ่งจ้าออกาไนซ์มาจัดพิธีให้ถูกต้องตามประเพณีไทยทุกอย่างเจ้าบ่าวอยู่ในชุดไทยเหมือนชุดราชประแตนพร้อมญาติมิตรขันหมากเอก ขันหมากโทแต่งมาอย่างงดงามเจ้าบ่าวมีสีหน้าแช่มชื่น ก็แน่ล่ะคืนนี้เขาจะได้เข้าหอกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเหมาะสมกับเขามากที่สุดไม่ว่าจะเป็น หน้าตา ฐานะ ชาติกูลแก้วกรรณิกาเหมาะสมมากกว่าสาวสวยมากมายที่เขาเลี้ยงดูไว้แก้เหงา

ว่านนทีในชุดเสื้อยืดสีดำกางเกงลายทหารสวมแว่นตายี่ห้อดังแบกเป้ใบย่อมดูเผินๆเหมือนนักท่องเที่ยวแบ็คแพคก้าวลงมาจากรถแท็กซี่

“ไม่ต้องทอน”

“ขอบคุณครับ” แท็กซี่จากไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย ชายหนุ่มหน้าตาดีแต่งตัวเหมือนไม่ได้มาร่วมงานแต่งงาน

“คุณครับ เอ่อ...”คนขับแท็กซีเหมือนจะอยากถามอะไรแต่ไม่กล้าถาม

“คุณคิดจะใส่ชุดดำมางานแต่งงานจริงๆเหรอครับ”

“ไม่เห็นเป็นอะไร ไม่ได้มาเป็นแขกแต่จะมาเก็บศพ” ใบหน้าของธนกฤตลอยขึ้นมา

คนขับแท็กซีจอมอยากรู้อยากเห็นอึ้ง แต่ยังสงสัยต่อไปอีก “มาเก็บศพในงานแต่งเหรอครับ พูดเล่นหรือจริง”
“มาฉุดเจ้าสาวหนีด้วย คุณจะอยู่ช่วยผมกันก่อนไหมล่ะ” ว่านนทีพูดยิ้มๆ แต่สายตาเหี้ยมพูดจบแท็กซีสีเขียวคาดเหลืองก็ขับหนีไปทันที ว่านนทีหัวเราะ หึหึในลำคอ
เมื่อเจ้าบ่าวผ่านประตูเงินประตูทองเข้าไปแล้ว คาดว่าซองที่เจ้าบ่าวมอบให้กับคนกั้นประตูคงจะเป็นจำนวนไม่น้อยได้ยินสาวๆที่เข้ามากั้นประตูกรี๊ดกร้าดกันจนมาถึงพิธีสำคัญเมื่อคุณหญิงไปบุตรสาวสุดที่รักลงมาจากห้องมาส่งให้เจ้าบ่าวลูกเคยที่คุณหญิงภูมิใจนักเพราะคือถังเงินถังทองในวันข้างหน้าของเธอ

“แม่ฝากลูกสาวให้พ่อธนกฤตช่วยดูแลด้วยนะจ้ะ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้น้องนะลูกนะ”

ธนกฤตรับมือของแก้วกรรณิกามากุมเอาไว้ “ผมจะรักแก้วกรรณิกาให้เหมือนที่คุณแม่รัก และรักมากกว่าชีวิตของผม” คำพูดนั้นพูดไปตามประสาคนปากหวาน ท่ามกลางญาติมิตร เพื่อนพ้องของทั้งสองฝ่ายที่มาร่วมพิธีและแสดงความยินดีเมื่อธนกฤตสวมแหวนเพชรประจำตระกูลไปที่นิ้วนางข้างซ้ายท่ามกลางเสียงชื่นชมที่เจ้าสาวแสนสวยได้รับแหวนเพชรเม็ดงามเกือบห้ากะรัตมาเป็นแหวนแทนใจของเจ้าบ่าว พรั่งพร้อมไปด้วยทองแท่งอีกยี่สิบบาท เงินสดอีกสิบล้าน

“น่าอิจฉายัยแก้วจริงๆนะยาหยี”เพื่อนสาวคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ

“น่าห่วงมากกว่า เชื่อได้เลยอยู่ไม่ยืด”

“พูดอะไรแบบนี้ยาหยี นี่มันงานมงคลยัยแก้วนะยะ” เพื่อนคนหนึ่งพูดเบาๆ

“พวกแกไม่ดูหน้ายัยแก้วบ้างว่าดีใจแค่ไหนกับการถูกแม่บังคับให้แต่งงาน” เมื่อก่อนอาจจะใช้ว่าแก้วกรรณิการักธนกฤตอย่างจริงใจแต่หลังจากเกิดเรื่องคืนนั้นรวมถึงการที่ธนกฤตกินไม่เลือกกินยาหยีมั่นใจว่านับแต่นั้นมาใจของแก้วกรรณิกาไม่ได้อยู่กับธนกฤตอีกต่อไปยาหยีจึงเป็นห่วงกับการแต่งงานครั้งนี้ของเพื่อนรักว่าจะไปไม่ถึงฝั่งต้องเลิกล้างกลางคัน ใครอาจอิจฉาดีแก้วกรรณิกาจะได้แต่งงานพร้อมสินสอดมากมายแต่ยาหยีเห็นแต่แววพังอย่างเดียวหากธนกฤตไม่เลิกเจ้าชู้

ผู้กองปันบุรีสะกิดแขนภรรยาสาวเป็นการเตือน “ที่รักยังไงก็งานมงคลเขาเราคงทำอะไรไม่ได้แล้ว ในเมื่อเจ้าตัวเขาตัดสินใจไปแล้ว”

“ทำได้สิถ้าอยากจะทำ” โดยไม่รู้ว่าเจ้าสาวมีแผนการของตัวเองแล้ว

ยาหยีหยิกแขนสามีและกระซิบเบาๆ “ก็นายว่านนทีเพื่อนตัวดีของคุณนั่นแหละ คนอะไรก็ไม่รู้ไม่รู้จักสู้เพื่อตัวเอง ป่านนี้ไปซ่อนตัวอยู่ในกระดองเต่าที่ไหนก็ไม่รู้” ยาหยีทำหน้ามุ่ยแต่เมื่อผู้กองปันถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นมาก็สะดุดตากับผู้ชายหน้าตาดีแต่งตัวเซอร์ใส่ชุดดำสนิท

“ไอ้ว่านคนอะไรตายยากชะมัด แล้วทำไมใส่ชุดดำ” เขาเผลออุทานออกมาเสียงดังจนคนในงานหันมามองรวมถึงเจ้าสาวที่กำลังเข้าสู่พิธีรดน้ำสังข์

คุณว่านนทีจริงๆด้วย!

เขาเดินผ่านหน้าเพื่อนสนิทอย่างปันบุรีและยาหยีไป “มาไว้อาลัยให้เจ้าบ่าว”

แก้วกรรณิกาลุกขึ้นจากตั่งน้ำสังข์ด้วยท่าทีตื่นตะลึงและเผลอยิ้มก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเห็นจ้าวบ่าวและมารดามองมา ส่วนธนกฤตมีสีหน้าไม่พอใจแสดงออกอย่างไม่เก็บอารมณ์

“ใครปล่อยหมาเข้ามาในงานวะ” ธนกฤตสบถเบาๆ “ไอ้แขกไม่ได้รับเชิญ ไอ้หน้าด้าน”

“เสียงหมาเห่า หมาหอน น่ารำคาญหูจริง” ว่านนทีโต้กลับธนกฤตกำหมัดแน่น

“ใครเชิญมันมาครับน้องแก้ว” เขาหันไปถามเจ้าสาวที่มีสีหน้าตกใจ

“ไม่มีใครเชิญ ไม่มีการด์เชิญ แต่อยากจะเดินเข้ามาเองมีอะไรไหม”

ธนกฤตโกรธจัดจนขบกรามแน่น

“ไอ้ว่านนที กูให้โอกาสมึงอยากเดินออกไปดีๆ หรืออยากถูกโยนออกไป”ว่านนทีทำท่าคิดหนัก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ในขณะที่ว่านนทีกำลังเจ็บปวดกับความรักแต่ก็มีหัวใจอีกดวงที่รอคอยเขาอยู่ทุกลมหายใจเช่นกัน
ณ หาดคู่รัก

เจ้าของหน้าหมวยหุ่นดีหยิบกรอบรูปสีขาวแนววิลเทจขึ้นมามองเจ้าของภาพหน้าขาวคมรอยยิ้มมีเสน่ห์“ว่านนทีคะ เมื่อไหร่คุณจะกลับมาที่นี่นะฉันมารอคุณทุกวัน ฉันอยากให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงของฉัน” เพราะคำว่ารักเพราะอยากให้เขาสนใจปลาดาวถึงกับขอร้องแกมบังคับบิดาขอเงินแสนไปโมดิไฟล์เสริมดั้ง เสริมหน้าอก รีดไขมันหน้าท้องออกหมดจากสถาบันความงามชื่อดังในกรุงเทพ หวังว่าเขาจะสนใจเธอ เธอและเขาเจอกันเมื่อหลายเดือนก่อนที่นี่เขาและเธอเจอกันโดยความบังเอิญเพราะโดยสารเรือลำเดียวกันที่มุ่งตรงมาที่เกาะแห่งนี้วันนั้นเธอยังจำได้พายุกำลังเข้าและเรือฝ่าคลื่นลมแรงไปไม่ไหวอัปปางลงกลางทะเลและเขาผู้ชายสูงขาวหน้าตาดีคนที่ชื่อว่านนทีช่วยชีวิตเธอไว้ตั้งแต่วินาทีนั้นนั้นหัวใจเธอก็เป็นของเขา

ไผ่ถือน้ำส้มมาให้แขก “คุณปลาดาวยังไม่กลับอีกเหรอครับ เดี๋ยวนายช่างใหญ่ก็ส่งคนมาตามอีกหรอกครับ”

ยุ่งอะไรด้วยไอ้คนใช้ “ แหม ฉันเพิ่งจะมาไล่กันแล้วเหรอ เดี๋ยวฉันก็กำลังจะกลับแล้วล่ะไผ่ อย่างไรถ้าคุณว่านนทีกลับมาอย่าลืมส่งข่าวให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”

“ได้สิครับ” ไผ่มองตามร่างระหงในชุดเซ็กซีที่เกาะนี้มีเพียงคุณปลาดาวเท่านั้นที่แต่งตัวแบบนี้ และมีรูปร่างสวยและเซ็กซีเหมือนดาราในแม็กกาซีนที่เขาซื้อมาจากบนฝั่ง

“ให้ผมไปส่งไหมครับถึงแม้จะเป็นกลางวันแต่แถวนี้มันเป็นหาดส่วนตัวก็ยังดูเปลี่ยวอยู่ดี”

“ไม่ต้อง เกาะนี้ใครๆเขาก็รู้กันว่าฉันเป็นลูกนายมาโนช นายช่างใหญ่ ใครจะกล้าแหยม”

“แต่เวลาคนเราหน้ามืดขึ้นมามันไม่สนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครหลอกนะครับคุณปลาดาว” ไผ่พูดด้วยความหวังดี

สาวหน้าหมวยเบ้ปาก ก่อนจะหันมายิ้มให้ไผ่ “ขอบใจจ้าไผ่แต่ไม่เป็นไรหรอกฉันคุ้นเคยกับแถวนี้ดีนี่ก็กลางวันฉันเดินออกไปนิดเดียวก็เจอรถที่พ่อส่งคนมาคอยรับแล้ว” เพราะปลาดาวให้คนของพ่อมารอรับที่หัวหาด

“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านดีๆนะครับ ผมเป็นห่วง” เขามองตามร่างนั้นไปอย่างเป็นห่วง

ห่วงได้แต่อย่าคิดหื่นกับฉันก็แล้วกัน สายตาของเธอมองไผ่ว่าไม่เจียมก่อนจะกลับหลังพาหุ่นทรมานใจชายกลับไปด้วย

“แต่งตัวน่าเป็นห่วงจริงๆ คุณปลาดาวนี่” ไผ่มองตาม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 4
(ในบทนี้บางช่วงบางตอนมีความรุนแรง และไม่เหมาะสมจะมาลงเว็บนี้ ไรเตอร์ขอตัดออกบ้าง)

ท่ามกลางงานวิวาห์สุดหรูความมึนงงของผู้มาร่วมเป็นสักขีพยานต่างให้ความสนใจกับผู้มาใหม่ว่าเป็นใครมาจากไหน
“นี่มันมาบุกงานแต่งเขาเลยเหรอ” ผู้กองปันมองเห็นปัญหาที่กำลังจะเกิด ไม่คิดว่าเพื่อนซี้จะมาบุกมากลางงานแต่งแบบนี้ “มุทะลุไม่เคยเปลี่ยนจริงๆไอ้หมอนี่ คิดคนเดียวไม่เคยปรึกษาพื่อน”

“แกรีบเอากลิ่นสาปความจนออกไปจากงานของฉันเลยนะไอ้ว่านนที ก่อนที่ฉันจะให้คนมาจับแกโยนออกไป” เจ้าบ่าวเลือดร้อนลุกขึ้นขู่ด้วยน้ำเสียงไม่พอใจถ้าวันนี้เขาไม่ใช่เจ้าบ่าวเขาคงได้วางมวยกับไอ้หมอนี่แล้ว หรือไม่ก็เรียกลูกน้องมาจัดการ

ว่านนทียิ้มกวน “คุณคงไล่ผมไม่ได้เพราะผมไม่ได้มาตามคำเชิญของคุณ”

“แล้วใครเชิญมึงมาวะไอ้หน้ามึน”

ว่านนทียิ้มกว้างแต่ดูกวน“ หัวใจของคุณแก้วกรรณิกาเชิญผมมาจริงไหมครับ”ธนกฤตและอีกหลายคนพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวรวมถึงยาหยีเพื่อนสนิทมองไปที่แก้วกรรณิกาเป็นเชิงคำถามว่าจริงหรือไม่

แก้วกรรณิกายิ้มแหย ส่ายศีรษะ “แก้วๆ เปล่านะคะ ไม่ได้เชิญค่ ไม่ได้เชิญจริงๆค่ะ”ทั้งหมดจึงหันไปมองหน้าว่านนทีเป็นเชิงคำถาม

“นี่คุณว่านนที ฉันไปเชิญคุณมางานตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ”

“ คุณไม่ได้ให้การ์ดเชิญผมก็จริง แต่ในหัวใจของคุณมันเชิญผมมา เมื่อคืนผมได้ยินทุกคำพูดของคุณที่พูดออกอากาศ”

“อะไรนะ” แก้วกรรณิกาปิดปากไม่คิดว่าคนอย่างว่านนทีจะฟังรายการคลับเลิฟด้วย

แก้วกรรณิกามีสีหน้าปั้นปึ่งขึ้นมาทันที “รายการอะไร คุณพูดอะไรฉันไม่เห็นเข้าใจ”

“ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ ทำไมถึงไม่ยอมรับว่าคุณไม่อยากแต่งงานคุณแต่งงานเพราะถูกบังคับ”

แก้วกรรณิกากลับไม่ได้มีท่าทีแบบที่ว่านนทีวาดเอาไว้เลยเมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาขวางงานแต่งงาน หากแก้วกรรณิกาจะปฏิเสธการแต่งงานวันนี้เขาจะบอกความจริงกับคุณหญิงมณีแม่จอมงกของเธอว่าเขาเป็นใครและคิดว่าคุณหญืงมณีจะไม่กล้าขัดขวางความรักของเธอกับเขาอีก แต่แก้วกรรณิกาไล่เขาออกจากงานที่เดียว

“มากไปแล้วบุกมาอาละวาดในงานแต่งงานของฉันเลยเหรอ ยังมากล่าวหาว่าฉันนั้นรักคุณอยู่อีกกำลังฝันเฟื่องอยู่เหรอเปล่าคะ” เธอมองเขาตั้งแต่หัวจรดปรายเท้าและมองจากเท้าขึ้นไปถึงหัว “จนและไม่เจียม”

“คุณพูดอะไรของคุณ ผมรู้ว่าคุณรักผมอย่าปากแข็งต่อไปเลย เมื่อคืนไม่ใช่ผมเท่านั้นที่ได้ยินแต่หลายๆคนที่ฟัง
รายการนั้นอยู่คงได้ยินว่าคุณรักผม”

“คุณว่านนทีคะไม่ทราบว่าคุณเมาอยู่หรือเปล่าหรืออาจจะนอนหลับและฝันไป ถ้าหากไม่เมาคุณก็ช่วยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเองหน่อย ฉันคุณหนูแก้วกรรณิกาทายาทตระกูลเก่าแก่ เป็นเศรษฐีกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจะลดตัวไปรักคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามันเป็นตลกร้ายแห่งปี” แก้วกรรณิกาหยักไหล่เหยียดยิ้ม

“นั่นน่ะสิไอ้คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า”คุณหญิงมณีเชิดใส่ ธนกฤตก็มองมาที่เขาด้วยแววตาเย้ยหยัน “ไอ้คนไม่เจียม”

ว่านนทีได้ยินจากคลื่นวิทยุเองเต็มสองหูเขาไม่ได้ฝันไม่ได้หูฝาดแต่ทำไมเธอต้องปฏิเสธ

“คุณก็รู้ใจตัวเองดีคุณจะปฏิเสธไปอีกทำไม หรือว่าอยากเข้าพิธีวิวาห์กับไอ้หน้าโลเลมันจริงๆ เลือกสามีผิดคิดจนตัวตายเลยนะคุณ”

ว่านนทีมองธนกฤตอย่างไม่เกรงกลัว “บอกมาคำเดียวว่าคุณไม่ได้รักมัน ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในเหตุวิวาห์ล่มวันนี้ให้ทั้งหมดเอง”

“.ดูพูดเข้างานนี้ฉันหมดค่าจัดงานไปหลายล้าน คนอย่างแกแค่เงินแสนก็คงหาเลือดตาแทบกระเด็น” คุณหญิงมณีมองมาที่ว่านนทีด้วยสายตาดูถูก

“ฉันไม่แน่ใจว่าคุณเมาหรือบ้าไปแล้ว แต่ฉันรักคุณธนกฤตถึงแต่งงานกับเขาคุณกลับไปเถอะ”แก้วกรรณิกาแม้หัวใจเธอจะโผบินตามเขาไปแต่ในใจรู้ดีว่าไม่สามารถเดินออกไปจากงานแบบนี้พร้อมเขาได้หรอกเธอมีแผนสำหรับตัวเองแล้ว

“โกหก! ผมมองคุณผมก็ดูออกคุณไม่ได้รักไอ้หมอนี่มานานแล้ว อย่างมากก็แค่เคยรักมัน”

“หยุดพูดเลยนะโว้ย ไม่จริงน้องแก้วเขารักกู ถ้ายังไม่อยากถูกชกก็เงียบปากซะ คนอย่างนายธนกฤตใครๆก็อยากจะได้ไปเป็นเจ้าบ่าวกันทั้งนั้นน้องแก้วเขารู้ดีว่าใครเป็นเพชรใครเป็นกรวดเขาถึงเลือกโยนแกทิ้งไปยังไงล่ะ ไอ้ก้อนกรวดไร้ค่า”

แต่สิ้นคำธนกฤตก็ถูกชก “ไอ้คนรกโลกคนอย่างนายมันไม่เหมาะจะเป็นเจ้าบ่าวของใคร” ว่านนทีรู้เบื้องหลังของนายธนกฤตพอสมควร

“พอได้แล้วคุณว่านนที อย่ามาเกะกะละลานที่นี่ ที่นี่มันที่ของผู้ดีไม่ใช่คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าทำตัวเป็นคนไม่มีบ้านเป็นเจ้าไม่มีศาลอย่างคุณ ถึงคุณจะทำอย่างไรฉันก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจอยู่แล้ว”

“แล้วที่เมื่อคืนคุณพูดมันคืออะไร ผมตัดใจได้แล้วหากไม่ได้ยินจากรายการวิทยุอีกว่าคุณรักผม” เขาประกาศก้องกลางงาน

แก้วกรรณิกานิ่งสะอื้น

ปันบุรีรีบเข้ามาดึงว่านนที “พอเถอะเพื่อน แค่นี้นักข่าวก็รัวชัตเตอร์ไม่ทันแล้ว”

“ตอบมาสิแก้วกรรณิกา”

คุณหญิงมณีเดินเข้ามาตบหน้าว่านนที “แกทำให้ตระกูลของฉันต้องอับอาย พ่อแม่ของแกไม่เคยสั่งสอนบางหรือไงถึงจะจนแกก็ควรเจียมไม่ใช่คอยแต่ฝันใฝ่ว่าจะได้กินเนื้อหงส์ เพราะหงส์ก็คือหงส์มันอยู่ร่วมกับกาไม่ได้หรอก”

คุณหญิงพัชชาที่กำลังโทรศัพท์อยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านไม่ได้รู้เห็นการกระทำของลูกชายกำลังจามสองครั้งติดกัน

คุณหญิงชะงักและหยุดพูดโทรศัพท์ไปชั่วครู่ “ใครนินทาฉันหรือเปล่านะ”

คุณคะแค่นี้ก่อนนะคะฉันจะกลับเข้าไปร่วมงานคงใกล้ฤกษรดน้ำสังข์แล้ว เสียดายจริงๆหนูแก้วกรรณิกาคนนี้ฉันหมายตามานานยังเคยเล่าให้ลูกชายเราฟังว่าอยากได้มาเป็นศรีสะใภ้ จนบัดนี้เขาจะมีครอบครัวแล้วก็ยังไม่เคยเจอกับลูกชายเราเลยลูกชายคนเดียวของเรากว่าจะได้แต่งงานพ่อแม่คงแทบยอดน้ำข้าวต้ม ส่วนเรื่องที่คุณสั่งฉันจะบอกตาว่านให้เมื่อเจอ มีลูกชายคนเดียวก็เหมือนมนุษย์ร่องหนเสียจริง” คุณหญิงพัชชาพูดไปบ่นไปก่อนจะวางสาย

แก้วกรรณิกาตัดปัญหาด้วยการตบหน้าว่านนทีซ้ำพร้อมออกปากไล่จนภายในงานมีเสียงดังฮือฮา ก่อนจะเข้าไปเกาะแขนเจ้าบ่าวและบอกให้เขาใจเย็นๆ พิธีจะดำเนินต่อไปโดยมีเจ้าสาว ธนกฤตจับมือเจ้าสาวสุดสวยมากุมเอาไว้และยิ้มอย่างพอใจกับการกระทำของเจ้าสาวจากนั้นก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะต่อผู้พ่ายแพ้ว่านนทีไม่ได้เจ็บที่หน้าแต่ชาที่หัวใจ

“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมไอ้หน้ามึน ว่าที่เมียากูเขาไล่มึงแล้ว อย่ามายืนเกะกะเป็นส่วนเกินของงานอีกเลย ไอ้หน้าด้าน”

“ทำไมทำแบบนี้ล่ะยัยแก้วคิดดีแล้วเหรอ” ยาหยีไม่อยากเชื่อสายตาไม่เข้าใจว่าแก้วกรรณิกาทำแบบนี้ทำไม มีแต่เจ้าสาวคนงามเท่านั้นที่เข้าใจการกระทำของตัวเอง ยาหยีจะเข้าไปห้ามแต่ถูกผู้กองปันบุรีดึงมือไว้

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลยยาหยี”

“ทำไมล่ะคะคุณยัยแก้วทำอะไร ฆ่าตัวเองชัดๆ” เธอกระซิบบอกกับผู้กองปันบุรี

“ผมว่ามันมีอะไรมากกว่านี้ คุณแก้วตบไอ้ว่านแต่แววตาไม่แสดงความเกลียด ความโกรธออกมาเลย”

ยาหยีหันไปมองที่เจ้าสาว “.ฉันไม่เข้าใจยัยแก้วเลยจริงๆ” ยาหยีสั่นศีรษะ “ไม่เข้าใจเลยสักนิด”

“ผมอยู่กองสืบสวนมาก่อน เชื่อผมเถอะคู่นี้ยังมีเรื่องให้เรารอดูกันอีกยาว อย่าลืมสิเรื่องนี้เราไม่ใช่พระเอก-นางเอกดูเขาอยู่ห่างๆและเป็นผู้ช่วยก็พอเราออกตัวมากไม่ได้”

ว่านนทีพยักหน้าหงึกๆเป็นการยอมรับคำตัดสินจากแก้วกรรณิกานี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาจะง้อเธอ ว่านนทีรู้สึกเสียเชิงชายและเสียหน้าแต่เขาแสร้งหัวเราะ

“โอเค ขอโทษที่ครับผมคงจะมาผิดงาน”เขาแกล้งทำเหมือนเรื่องตลกแต่แววตาซ่อนความเจ็บปวดว่านนทีลูบโหนกแก้มที่แดงเป็นรอยนิ้วมือของสองแม่ลูก แต่ความเสียใจถูกข่มไว้ด้วยเสียงหัวเราะ เขาจะจำไปจนตายว่าเธอกับแม่ของเธอทำอะไรกับเขาไว้บ้างรอให้เขาไปจัดการภาระกิจสำคัญก่อนเขาจะไม่ปล่อยผู้หญิงหลายใจไปมีความสุขแน่

“การแสดงจบลงแล้วครับขอเชิญผู้มีเกียรติทุกท่านตามสบายนะครับพิธีมงคลของคู่รักกำลังจะเริ่มต่อ” ผู้คนในงานคิดว่าเป็นมุขการแสดงของทางเจ้าภาพจัดขึ้นจริงๆพากันตบมือหัวเราะชอบใจ แต่หลายคนเพื่อนสนิทของเจ้าสาวที่พอจะรู้เรื่องอยู่บ้างได้แต่เงียบงันตะลึงกันไปตามระเบียบ

คุณหญิงมณีรีบเข้ามาประชิดตัวลูกสาวคนสวยอย่างรวดเร็ว “มันเกิดบ้าอะไรถึงบุกมากลางงานไหนลูกรับปากแม่ว่าเลิกกับมันอย่างเด็ดขาดแล้วไง”

แก้วกรรณิกามองแผ่นหลังของว่านนทีที่หันหลังเดินจากไปเธอนึกอยากจะวิ่งตามเขาไปเสียเดี๋ยวนี้ถ้าทำได้แต่ว่าถ้าเธอทำแบบนั้นไม่ต่างกับการฆ่าตัวเขาตายและฆ่าตัวเองตายตามไปด้วย เธอยิ้มให้กับการตัดสินใจของตนเองต่อให้มีปีกธนกฤตกับคุณหญิงแม่ก็คงไม่ปล่อยเธอออกไปจากงานวันนี้กับเขาหรอก แต่ถ้าคืนนี้ล่ะไม่แน่นรอหน่อยนะคะที่รักแล้วฉันจะไปตามหาคุณเอง

“น้องแก้วครับ ไปนั่งเถอะครับพิธีกำลังจะดำเนินต่อ” ธนกฤตอยากจะให้พิธีจบเร็วๆ รวมถึงคืนนี้ด้วยพิธีฉลองมงคลสมรสอะไรเขาก็อยากให้มันผ่านไปจนถึงพิธีเข้าหอเขาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของเธอทั้งพฤตินัยและนิตินัยเสียที

ว่านนทีเดินออกมาจากงานด้วยความเจ็บปวด ความน้อยใจ และความอายอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน

ระหว่างทางเขาเดินสวนกับคุณหญิงพัชชาที่เดินออกมานอกงานเพื่อรับโทรศัพท์จึงไม่เห็นวีรกรรมลูกชายเมื่อครู่

“ตาว่านมาทำอะไรที่นี่ลูก ว้าย!” คุณหญิงยกมือทาบอก “นี่เราแต่งตัวอะไรมางานเขาเนี่ยไม่ให้เกียรติเจ้าภาพเขาเลย”

ว่านนทีหยักไหล่ “มาผิดงานน่ะครับตั้งใจมางานศพแต่เข้าบ้านผิด”

“มีแบบนี้ด้วยเหรอ ลูกฉันอาการหนัก” คุณหญิงพัชชาทำสีหน้างง

“ช่างเถอะครับคุณแม่ผมกำลังจะกลับพอดีและผมจะแวะไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับ”

คุณหญิงพัชชาไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าว่านนทีบุตรชายคนเดียวของคุณหญิงที่ชอบทำตัวเป็นพวกชีพจรลงเท้ามาแอบจอดหัวใจเอาไว้กับแก้วกรรณิกาลูกสาวของลูกน้องท่าน อีกทั้งน้อยคนจะรู้ว่าผู้ชายมาดเซอร์ ที่มีใบหน้าหล่อเข้าขั้นพระเอกคนนี้จะมีมารดาเป็นถึงคุณหญิงระดับแนวหน้าและเป็นไฮโซตัวจริง

“จะไปแล้วเหรอตาว่านอะไรกันลูก แม่ยังเจอเราไม่ถึงห้านาที มีลูกชายกับเขาคนก็ยังกับลิงลมอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง”

“คุณแม่ครับ วันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับคุณแม่และผมจะเข้าไปหาคุณแม่ที่บ้านนะครับ” ที่จริงเขาก็อยากเจอมารดาอยากอยู่กับท่านแต่เวลานี้ไม่มีอะไรจะดีกว่าไปให้ไกลจากคนใจดำก่อน

“เอาเถอะตามใจ ว่าแต่หน้าลูกไปทำอะไรมา” คุณหญิงมองหน้าหล่อเหลาของลูกชาย “แล้วลูกรู้จักกับลูกสาวคุณหญิงมณีบ้านนี้หรือยังเข้างานผิดก็ไม่เป็นไรไปดูหน่อยไหมเดี๋ยวแม่มีเสื้อสูทคุณพ่อยู่ในรถเอามาใส่คลุมทับเสื้อลูกก็ได้แม่เคยบางว่าจะแนะนำให้รู้จักจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เจอกันจนเขาแต่งงานไปแล้ว

“จะให้ผมดูหน้าเขาอีกทำไมก็เขาจะมีสามีแล้วนี่”

“จริงสินะ แม่ก็แค่อยากให้ดูว่าหนูแก้วกรรณิกาที่แม่เคยแนะนำลูกไว้เขาสวยแค่ไหน”

แต่คุณหญิงพัชชาไม่ทราบว่า ว่านนทีแอบไปทำความรู้จักกับแก้วกรรณิกามาแล้ว แม้แต่แก้วกรรณิกาก็ไม่รู้ว่าที่แท้การเจอกันของว่านนทีกับเธอมันไม่ใช่เหตุบังเอิญ คุณหญิงพัชชาเคยนำรูปถ่ายของแก้วกรรณิกาให้ว่านนทีดูแล้วอาสาจะเป็นแม่สื่อให้แต่เจ้าตัวบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้มารดาพามาแนะนำให้รู้จัก แต่ที่แท้ทำตัวเป็นอิเหนาไปลอบชมโฉมบุษบามาอยู่เนื่องๆแล้วเขาติดอกติดใจเธอ แต่ไม่ต้องการใช้บารมีแม่ว่านนทีต้องการสานต่อความรักระหว่างเขาและแก้วกรรณิกาให้ไปเป็นตามธรรมชาติ เขาอยากให้เธอรักเขาเพราะเขาเป็นตัวของเขา ไม่ใช่ นายว่านนที รัชชานนท์ ลูกชายคุณหญิงพัชชา ที่บิดาเป็นถึงท่านทูฒ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกเงิน


“แล้วนี่ลูกจะกลับยังไงล่ะ ก็เห็นเอารถยนต์มาทิ้งเอาไว้ที่บ้านเอาไปแต่ช้อปเปอร์”

“นั่นไงครับมาแล้วครับ รถกับคนขับส่วนตัว” คุณหญิงชะเง้อออกไปหน้าประตูไม่เห็นมีใครมา “อย่าบอกนะว่าลูกจะกลับแท็กซี่”คุณหญิงส่ายหน้านางเลี้ยงลูกให้ลำบากเกินไปหรือเปล่าไม่ใช่สิ ลูกชายนางชอบทำตัวลำบากมากกว่าลูกชายนางเป็นถึงทหารที่มียศไม่น้อยแต่ชอบทำตัวลึกลับประหลาดกว่าชาวบ้านบางทีก็หายไปนานๆ บางทีก็หยุดราชการนานๆ นางอยากให้ลูกชายคนเดียวมาสืบทอดกิจการของครอบครัวมากกว่าการเป็นทหารซึ่งเขาอยู่หน่วยพิเศษซึ่งทำงานเสี่ยงภัย แต่ลูกชายนางขอเวลาทำงานที่ตนรักอีกสองปี
+++++++++++++++++++++++++++

แก้วกรรณิกานึกอยากให้ถึงพิธีฉลองสมรสผ่านไปเร็วๆเธออยากเร่งเวลาให้มาถึงเสียในนาทีสองนาทีนี้เรื่องนี้เธอไม่ได้ปรึกษาใครแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างยาหยีแก้วกรรณิกาก็ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้เพื่อนสาวต้องมารับปัญหา ในเมื่อเรื่องทั้งหมดเธอผูกมันขึ้นมาเธอจะแก้เองแต่แก้วกรรณิกาคงไม่รู้ว่าการคิดจะแก้ปมคราวนี้อาจทำให้เรื่องเลวร้ายไปยิ่งกว่าเดิม

ชลลี่หยิบเงินขึ้นมาดูอย่างตื่นเต้นแบงค์สีเทาเป็นปึกๆหลายปึกนำมาซ้อนกันไม่ใช่น้อยๆเลย

“เช็คไม่เด้งเสียด้วย เอาล่ะในเมื่อคุณช่วยให้ฉันมีชีวิตใหม่ฉันก็จะช่วยคุณให้มีชีวิตใหม่” ชลลี่ยิ้มและมองเงินในมือมายที่มีอยู่ในมือ แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดจะช่วยกลับเป็นความยุ่งยากในอนาคตของแก้วกรรณิกา

“ชลลี่ลูบหน้าทองนูนของตน “ยังไงซะถึงแม่คนนี้จะเลวแค่ไหนก็ไม่สามารถฆ่าลูกได้หรอก ถึงมันจะไม่รักลูกแต่แม่คนนี้จะเลี้ยงลูกเอง ตอนนี้เรามีเงินแล้ว แม่จะเข้มแข็งเพื่อลูก”

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นชลลี่รับก่อนจะกรอกเสียงแหวลงไป “ตกลงว่ายังไง ถ้าราคาแพงกว่านี้เป็นอันจบฉันรู้จักน้องสาวนายเพราะฉะนั้นขอส่วนลดสักยี่สิบเปอร์เซ็น ได้ไหม”

“นี่คนสวยงานของคุณมันเสี่ยงคุกเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางขนาดผมคิดราคาเต็มยังไม่มั่นใจเลยว่าจะรับงานดีหรือเปล่า”

“แล้วถ้านายไม่รับงาน นายจะโทรมาหาฉันทำไมนายเก่ง” ชลลี่แหวใส่พี่ชายเพื่อน

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณสบายดีหรือเปล่า ผมได้ข่าวอีกเรื่องหนึ่งของคุณเอ่อคุณกำลัง....”เขาเงียบเมื่อได้ข่าวจากน้องสาวถึงปัญหาของหญิงสาว

ชลลี่แหวใส่ “ว่าฉันท้องไม่มีพ่ออย่างนั้นนะเหรอ ใช่ฉันท้องและพ่อของเด็กมันไม่รับมีอะไรไหม”

“ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมถามก็เพราะเป็นห่วง ถ้าคุณจะจ้างผมไปฉุดเจ้าสาวของมัน จ้างผมไปยิงมันเสียดีกว่า ยิงให้ฟรีก็ได้ไม่คิดค่าจ้าง แถมเงินให้ด้วยก็ได้”

“ทำไม”

“เพราะรัก”

“อะไรนะ”ชลลี่อึ้ง

เก่งเป็นนักเลงในย่านนนทบุรีเป็นพี่สาวของสาลี่เพื่อนของเธอ แต่เขาไม่ใช่นักเลงหัวไม้เที่ยวรีดไถเขาเป็นคนจริงและเลี้ยงลูกน้องเอาไว้ เก่งชอบชลลี่เคยให้น้องสาวติดต่อให้แต่ชลลี่ไม่เคยมองเขาเพราะเธอคิดว่าธนกฤตรักจริงหวังแต่ง “ฉันทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ คนอย่างมันฆ่าไปก็เสียมือเปล่าๆ และตกลงเรื่องที่จะให้ไปฉุดเจ้าสาวของมันคืนนี้จะรับงานไหม”

“ไหนบอกว่าตัดใจได้แล้วจะทำแบบนั้นไปทำไม” คนโทรมาไม่ได้อยากรับงานแต่อยากโทรามาพูดให้เธอเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าชลลี่ยังอาลัยอาวรณ์กับพ่อของลูกในท้องที่กำลังเข้าพิธีฉลองมงคลสมรสในคืนนี้ที่โรงแรมดัง เขาไม่อยากเห็นคนท้องไปคลอดลูกในคุก

“ก็เพราะตัดใจได้แล้วยังไงล่ะถึงมาจ้างให้ทำ”

“หมายความว่ายังไง ฟังดูประหลาด” ปลายสายเริ่มงง

“ไม่อยากจะพูด ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรของฉัน ที่จริงไม่น่าจะเข้าไปยุ่ง แต่ก็ยุ่งไปแล้ว” ชลลี่บ่นชุดใหญ่ก่อนจะเล่าให้ปลายสายฟัง

“รักสี่เศร้า ของเขาสี่คน” ปลายสายอุทาน “ทำไมมันยุ่งอย่างนี้ คุณรักมัน ส่วนมันไปรักผู้หญิงคนนั้น และผู้หญิงคนนั้นไปรักผู้ชายอีกคนให้ตายนี่เป็นซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่หรือปล่าเนี่ย”

“ไม่ต้องมายุ่งหรอกว่าใครจะรักใคร ตกลงจะรับงานนี้ไหม”

ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนถอนหายใจแรงๆออกมา
++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขณะอยู่ในงานวิวาห์บรรยากาศสุดชื่นมื่นคุณหญิงมณีรอบออกมารับโทรศัพท์จากนั้นก็ปล่อยโฮออกมาทันทีเธอ

“ไม่นะ ฉันไม่อยากตายก็แค่อีกไม่กี่วันเอง” โทรศัพท์หลุดจากมือคุณหญิง

เสียงโทรศัพท์ที่พื้นก็ดังขึ้นอีกคุณหญิงใจสั่นแต่ถ้าหากไม่รับแล้วพวกมันบุกมาจะทำยังไงวันนี้เป็นวันมงคลของแก้วกรรณิกา คนที่จะช่วยปลดปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แล้วคุณหญิงมณีจะสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หลงไปเข้าบ่อนเอาเงินไปเททิ้งในบ่อนหลายสิบล้านอย่างที่ผ่านมาอีก

“จะเอายังไงนังคุณหญิง” ปลายสายตะคอก

“โธ่ คุณกิตติดิฉันขอเวลาผัดผ่อนไปอีกสองสามวันเท่านั้นเองแล้วจะรีบเอาเงินต้นไปให้คุณ” น้ำเสียงสั่น

“แกยังมีเครดิตให้เชื่อได้อีกเหรอนังคุณหญิงแกพูดแบบนี้มาหลายสิบครั้ง หรือว่าข้อความเมื่อเช้ามันยังทำให้แกใจเย็นอยู่ได้” จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังแต่คุณหญิงหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ

“ฉันสัญญา คราวนี้ฉันจะคืนเงินจำนวนยี่สิบล้านให้คุณได้อย่างแน่นอนหลังงานแต่งงานของหนูแก้ว”

“งานแต่งงานเหรอ คุณหญิงนี่ช่างใจดำแต่งลูกสาวทั้งทีก็ไม่ยอมเชิญคนรู้จัก”

“ฉะ..ฉะ ฉัน..เกรงใจคุณกิตติน่ะ”

“เกรงใจทำไมคนกันเองแท้ๆ เขาลือเขาเล่าว่าลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงมณี สวยชนิดหยาดฟ้ามาดินมันเป็นความจริงไหมครับ”

“สะ..สวย อะไรกันสู้บรรดาภรรยาทั้งหลายของคุณกิตติไม่ได้หรอกค่ะ”

“คุณหญิงถ่อมตัวเกินไปแล้ว ขนาดคุณหญิงเองตอนสาวๆยังได้ยินกิตติศักดิ์เรื่องความงาม ลูกสาวคุณหญิงคงงามไม่แพ้กันพูดไปพูดมาชักอยากจะเห็นหน้าแล้ว เอาเป็นว่าคุณหญิงไม่เชิญแต่คืนนี้ผมจะไปร่วมงานนะครับ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงคลื่นที่ได้ยินมาแต่ไกลๆ ไม่เท่ากับเสียงร่ำไห้ในหัวใจของปลาดาว สาวหมวยคนสวยประจำเกาะแห่งนี้ร่างแบบบางแต่อวบอัดในส่วนที่ควรจะเป็นซุกตัวอยู่ที่มุมห้องร้องไห้ตั้งแต่เมื่อเวลาบ่ายโมงของวันนี้จนกระทั่งถึงพลบค่ำ

“ไอ้สารเลว ไอ้เดรมนุษย์ แกเป็นใครกันแน่ แกทำกับฉันแบบนี้ได้อย่างไร” จากนั้นปลาดาวก็สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา เมื่อเห็นรอยข่วนที่เรียวแขนตัวเองอันเกิดจากกิ่งไม้ ก็หวนให้ระลึกถึงในสิ่งที่ถูกกระทำเมื่อบ่าย

หลังจากปลาดาวได้ข่าวจากนายไผ่ว่านายว่าเจ้านายของเขาจะเดินทางกลับมาที่หาดคู่รักภายในวันสองวันนี้เธอก็ไปเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อแต่ทว่าไม่เจอเขาแม้แต่เงาระหว่างทางกลับบ้านคนของพ่อที่ให้ไปรับเกิดไปถึงช้าเธอจึงเบื่อจะรออีกอย่างก็รู้จักเส้นทางแถวนั้นดี ซึ่งปลาดาวก็เข้าออกที่นั่นบ่อยครั้งและมันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งวันนี้ระหว่างที่เธอเดินชมนกชมไม้ชื่นชมบรรยากาศตามข้างทางเลาะริมหาดมาเรื่อยๆเธอไม่รู้ว่ามันเป็นใครเพราะมันสวมหมวกไหมพรหมเต็มใบคลุมใบหน้าเอาไว้เหลือแต่ตาที่มองเธอมาด้วยแววตาหื่นกระหายสองมือหนาใหญ่และสากอย่างคนกรำงานหนักของมันปิดปากเธอเอาไว้และยกร่างบางของเธอพาดไหล่หนากว้างของมันและอ้อมไปที่หลังพุ่มไม้ชายทะเลซึ่งเป็นฉากบังตาจากสายตาผู้คนได้อย่างดีที่สำคัญบริเวณนี้นานๆจะมีคนผ่านมาสักคนบางวันอาจจะไม่มีเพราะอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนบุคคลเธออ้อนวอนขอชิวิตมัน มันบอกว่าไม่ต้องการฆ่าเธอและจะไม่ทำร้ายเธอขอแค่เธออย่าขัดขืน

เธอแกล้งตอบตกลงเมื่อมันกำลังกอดจูบหลงไหลกับปทุมเต่งตึงอวบใหญ่อยู่นั้นเธอก็กัดเข้าที่หน้าอกของมันจนมันร้องลั่นหันไปสนใจแผลของตนเธอได้จังหวะจึงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตแม้ว่าเสื้อผ้าที่ใส่จะขาดวิ่นแต่เหมือนเวรกรรมไม่นานมันก็ตามเธอทันและจับตัวเธอได้มันโกรธที่เธอทำร้ายมัน

“ไม่จริง ไม่จริง” ปลาดาวซุกหน้าลงไปที่ฝ่ามือก่อนจะร้องไห้จนตัวโยน “ฉันฝันไปมันไม่ได้เกิดขึ้น”แม้ร่องรอยยังปรากฏตามเนื้อตัว

มันฉีกรั้งเสื้อผ้าเธอจนขาดวิ่นแทบจะไม่เหลือชิ้นดีเธอจำได้ว่าความใหญ่โตของมันทำให้เธอปล่อยโหเพราะความกลัวแม้ มันยัดเหยียดความแข็งแรงใหญ่โตให้เธออย่างไม่หยุดยั้งทุกส่วนสัดถูกมันซุกไซร้สูดดมอย่างหื่นกระหายใคร่สวาท สองมือมันฟอนเฟ้นขยุ้มขยำ จนหนำใจมันไม่สนใจคำพร่ำรำพรรณร้องขอให้หยุดกระทำต่ำช้ากับเธอสักนิด

ตัวหนาใหญ่ของมันบดเบียดทาบทับแนบชิ้นเนินเนื้ออวบอูมของเธอชนิดแทบไม่ให้เว้นว่างห่างกันสักเสี้ยวนาทีความร้อนความแรงที่มันมอบให้หากเป็นในเวลาปกติที่ได้รับจากคนรักเธอคงจะพึงพอใจ แต่เมื่อนั่นคือการข่มขืนจากคนชั่วซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันเป็นใครทำให้ปลาดาวกลัวแทบเสียสติ ที่สำคัญเธอกลัวว่านนทีจะรู้เรื่องนี้เข้า กลัวชาวบ้านจะพูดต่อกันโชคยังดีที่ไม่มีใครผ่านมาเห็นสำหรับคนอื่นคงอยากให้คนผ่านมาเห็นและช่วยแต่สำหรับปลาดาวแล้วในเมื่อมันเป็นแบบนี้ไปแล้วเธอไม่อยากอายอีกหากใครมาพบเข้าขอให้เรื่องนี้เป็นความลับตายไปกับตัวแม้ภาพจะยังติดตาไม่เลือนไป

ใต้สุมทุมพุ่มไม้ใหญ่นั้นมันย่ำยีเธอหลายครั้งหลายคราจนหนำใจและที่เธอยังกลัวและกังวลไม่หายจากประโยคหนึ่งที่มันบอกเธอ

“คงสงสัยล่ะสิว่าผมเป็นใคร ไม่ต้องกลัวคนสวยสักวันคุณจะรู้แล้วเราจะได้เจอกันอีกอย่างแน่นอน”

เธอจำได้ว่าเธอแค้นใจจนกัดมันเข้าที่หน้าอก และทำให้มันโมโหจับร่างบางของเธอพลิกหันหลังคว่ำหน้าลงและกดศีรษะเธอแนบกับพื้นทราย ปลาดาวพยายามลืมภาพนั้นแต่ลืมไม่ได้มันใช้สองมือสากหนานั้นกุมสะโพกเธอไว้แน่นความแข็งแรงร้อนลุ่มของมันกระแทกกระทั้นใส่เธอจากทางด้านหลังอย่างไม่บันยะบันยังราวกับจะให้เธอจดจำมันไปตลอด ความคับแน่นตอนนั้นทำให้เธออึดอัดจนหายใจไม่ออกต้องกำทรายที่พื้นไว้เพื่อระบายความกดดันจนเธอได้ยินเสียงของมันกระเส่าอย่างพอใจเมื่อเธอร้องครวญครางและดื้อดึงไม่ให้มันสมใจด้วยการดิ้นไปมามันทำอะไรไม่ได้ถนัดจนเกิดอาการขัดใจสองมือมันจึงกระชับสะโพกเธอให้แน่นขึ้นไปอีกจนเธอขยับหนีไปไม่ได้ก่อนจะพาตัวเข้าไปหาอยู่ในท่าคุกเข่าจ้วงล้วงลึกลงไปจนสุดปลายทางร่างบางสะดุ้งเฮือกรู้สึกเสียวไปถึงหน้าท้องจนกรีดร้องออกมา จากนั้นมันก็ยัดเยียดบทรักเล่าร้อนจำเธอพลิกหงาย คว่ำหน้า ตะแคงข้างตามแต่ใจมันจะคิดโลดโผนเพื่อเป็นการลงโทษเธอมันพร่ำพรรณาว่าเธอทำให้มันติดอกติดใจอย่างลืมไม่ลงมันพูดย้ำตลอดว่าแล้วมันจะกลับมาหาเธอใหม่

“ไอ้คนชั่วแกเป็นใครกันแน่” สิ่งที่ปลาดาวกลัวที่สุดคือเธอไม่ต้องการให้ว่านนทีรู้เรื่องนี้เขาคงรับไม่ได้และเธอก็จะหมดโอกาสจะได้เป็นคุณนายเศรษฐี อย่างน้อยๆเขาก็เป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้เกือบครึ่งหนึ่งแล้วและที่เธอรู้จากนายไผ่ว่าเขามีแม่เป็นถึงคุณหญิงฐานะของเขาคง และยังเป็นผู้ชายที่เธอประทับใจและหลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น


“ถึงยังไงซะฉันก็จะไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจ ฉันรักคุณว่านนที คนดีของฉัน”

ในขณะที่ปลาดาวกำลังพร่ำรำพรรณร่ำไห้ไปกับกานเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเธอทั้งอาย กลัวจะติดโรค กลัวท้องกลัวคนรู้และอีกสารพัดที่กลัว แต่คนอีกหนึ่งคนกำลังเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแต่ความหมั่นไสร้ที่เห็นสาวน้อยแต่ริรักทำตัวเป็นนางยั่วสวาทไอ้ที่ขุ่นเคืองเรื่องพ่อของเธอนั่นก็เรื่องหนึ่ง ยิ่งต้องรู้ว่าถูกจับคู่กับสาวน้อยร่านรักและเห็นการทำตัวของเธอเขาก็แทบทนไม่ไหวเลยจัดให้เธอได้สมหวังไปเสียเมื่อกลางวัน แต่ก็รู้สึกผิดมหันต์เขาทำงานกับตำรวจร่วมมือกับทหารแต่กลับเอาสันดารโจรมาใช้ถึงผู้หญิงคนนั้นวันหนึ่งวันใดจะหนีไม่รอดเงื้อมือของเขาก็ตาม

ว่านนทีไม่คิดจะอยู่เมืองกรุงให้ช้ำใจเขากลับไปที่บ้านหลังที่สองของตนทันที


บ้านพักหลังเล็กๆริมชายหาดส่วนตัวที่เกาะกลางทะเลส่วนมากมีเฉพาะชาวเลและวิศวกรที่ทำงานกลางทะเลเท่านั้นที่มาอยู่ที่นี่แม้ห่างไกลฝั่งแต่ที่นี่ไม่ได้กันดาลอย่างที่ใครคิดที่เกาะนี้มีทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสวรรค์ของคนทำงานกลางทะเล ชายหนุ่มสูงโปร่างรูปร่างกำยำอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีสันสดใสขัดกับจิตใจหม่นเศร้า กางเกงแสลคขาสั้นกับรองเท้าผ้าใบคู่ใจหิ้วกระเป๋าใบขนาดกลางเดินผ่านประตูเข้ามาในรั้วไม้ระแนงสีขาว ใครๆก็เข้าใจว่าว่านนทีทำงานเป็นวิศวกรที่แท่นขุดเจาะน้ำมันเพราะเห็นเขาไปที่นั่นบ่อยๆในระยะสองปีที่มาอยู่แถวนี้ แต่ที่จริงไม่ใช่มันแค่การอำพรางเท่านั้นหาดคู่รักเป็นที่ดินส่วนบุคคลของตระกูลเขาเขารู้จักที่นี่ดีจึงยึดที่นี่เป็นชัยภูมิในการเฝ้าดูอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ

“คุณว่านนที อกหักมาเหรอครับหน้าตูมมาเชียว”ว่านนทีผ่านวีรกรรมรักมาไม่น้อยแต่ครั้งไหนๆมันก็ไม่เท่าครั้งนี้เพราะที่ผ่านมาคิดว่ารักต่างหาก แต่ครั้งนี้ว่านนทีรู้ว่าอาการอกหักของจริงเป็นเช่นไร

ว่านนทีถอดแว่นดำยี่ห้อดังก่อนจะกะตุกยิ้มเล็กน้อยให้กับคนดูแลบ้านหนุ่มวัยคะนอง

“ไม่สนิทอย่าล้อเล่น กำลังอารมณ์ไม่ดี ที่สำคัญอกหักมันหน้าตาเป็นยังไงวะ ไม่เคยรู้จัก”” ก่อนจะหุบยิ้มและเดินเข้าบ้าน

“ว้าก.....เจ้านายสงสัยจะเป็นหนัก อกหัก รัดคุดมาจากไหนถึงได้เหวี่ยงแบบนี้” ไผ่รีบตามคนเป็นนายไปรับใช้ ที่จริงคุณว่านนทีใจดีขี้เล่น กันเองที่สุดและคุณว่านนทีคนนี้แหละที่เป็นคนช่วยเหลือค่าเทอมเขาจนได้เรียนต่อซึ่งตอนนี้เขาเรียนจบปวสแล้วและได้เป็นช่างที่อู่ซ่อมเรือแห่งหนึ่งสวัสดิการใช้ได้แต่ก็ยังมาดูแลบ้านให้นายว่านนทีอย่างดีมาตลอดแม้เจ้าตัวจะไปๆมาๆ

“เศร้าๆ แบบนี้เดี๋ยวไอ้ไผ่จะจัดให้หายเศร้าเลยครับเจ้านาย ” ไผ่ตามเข้าไปในบ้านและพูดเบาๆ “ตอนนี้เขาว่าที่ซ่องโดมแดง บนเกาะดาหลามีสาวๆมาใหม่เพียบเลย”

ว่านนทีหยุดเดินและหันกลับไปมองหน้าไผ่ “เอ็งเคยไปที่นั่นด้วยเหรอวะ”

“ก็สองสามครั้งเองครับนาย ไอ้เผือกมันชวนไป” แล้วก็หัวเราะแหะๆ

ไผ่ก็ผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบแสวงหาความแปลกใหม่ เกาะดาหลาอยู่ห่างจากหาดคู่รักไปพอสมควรเป็นเกาะที่คนแถวนี้ใครๆก็รู้ว่าที่นั่นราวกับเกาะที่สะสมสิ่งกฏหมายเอาไว้และก่อตัวรวเร็วราวกับเป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเชียว แถมตำรวจยังไม่กล้ายุ่ง ที่นั่นมีซ่อง และมีคาสิโน มันเริ่มมาจากทะเลอันกว้างใหญ่มีเรื่อนับพันที่ต้องรอนแรมอยู่ในมหาสมุทรบางครั้งพวกเดินเรือต้องการหยุดพัก และอย่างว่าอยู่กับน้ำอยู่กับฟ้ามาเป็นแรมเดือนอ้างว้างห่างคู่ ทำให้มีคนเกิดปิ๊งไอเดียไปเปิดซ่องอยู่กลางทะเลรับหน้าที่บำบัดกามคลายความเหงาให้กับบรรดากัปตันเรือ พ่อค้า ใครก็ได้ที่มีเงินซื้อแม้กระทั่งลูกเรือตังเกเกาะดาหลาจึงเป็นหาดที่รู้จักกันดีของพวกที่ต้องทำงานอยู่กับทะเลแถมยังมีเสียงล่ำลือว่าไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้าไปแหยมที่นั่น เพราะบนเกาะดาหลามีแต่พวกมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลให้การสนับสนุน

“นายครับนายอยากไปเปิดหูเปิดตาบ้างไหม ผมจะพานายไปนายจะได้เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น”

ว่านนทีหันมาทำหน้าดุใส่ “ไอ้ไผ่แกว่างมากนักเหรอวะ เดี๋ยวก็ตายด้วยโรคเอดส์หรอก” ว่านนทีเอ็ด

“แต่ผมก็ใช้ถุงยางทุกครั้งนะครับนาย ทำไงได้ครับก็ผมไม่หล่อ แถมจนอีกต่างหากสาวๆที่ไหนใครเขาจะมามอง ไม่ตายเพราะเอดส์ก็คงต้องตายเพราะอด”

“เอ็งไม่รู้เหรอว่ามันผิดกฏหมายการไปเที่ยวซ่องเถื่อนน่ะ”

“นายก็...ผมไม่ได้ไปบ่อยเสียหน่อย เคยตามไอ้เผือกไไปครั้งสองครั้งเอง แต่สาวๆ ที่นั่นสวยๆทั้งนั้นเลยนะนายสถานที่ก็ดูดี ดีกว่าบนฝั่งตั้งเยอะ”

“ไม่น่าเชื่อกลางทะเลแบบนั้นมันจะมีคนอุตริไปเปิดซ่อง” ว่านนทีส่ายหน้าทั้งๆที่มีข้อมูลอยู่แล้วและเพราะเหตุนี้ว่านนทีถึงได้แฝงตัวมาในคราบวิศวกรอยู่ที่แท่นขุดเจาะน้ำมันได้เกือบสองปีแล้ว

“อ้าว! นายครับ ก็ไอ้พวกทำงานบนเรือนี่แหละครับลูกค้าชั้นดีของพวกซ่องโดมแดง ดีเสียอีกไปเปิดกลางทะเลพวกมันไม่ต้องเข้าฝั่งให้เสียน้ำมัน” ไผ่หัวเราะคิดตามประสาผู้ชายแต่ไม่รู้ว่าเบื้องลึกแล้วสาวๆที่ขายบริการส่วนมากล้วนแต่ถูกบังคับให้ขายบริการแทบทั้งสิ้น

“ทีแต่ก่อนแต่ไร เห็นให้คอยสอดส่องว่าที่ไหนมีเด็กเด็ดๆ เดี๋ยวนี้ทำเป็นไม่เอา”

ที่นาวาเอกว่านนทีให้นายไผ่คอยสอดส่องไม่ใช่ว่าคิดจะไปเที่ยวเสียเองแต่มันเป็นส่วนหนึ่งในงานของเขาที่ได้ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับชุดปฏิบัติการพิเศษล้างความมืดดำและคราบคราวให้หมดไปจากทะเลอันดามันต่างหาก“เถียงคำไม่ตกฟากไอ้นี่บะเดี๋ยวได้โดนเตะ” ว่านทำท่าจะเตะจริงๆ ดีที่ไผ่หลบทัน

“ก็ผมแค่เห็นนายเครียดมาก็อยากจะพาไปหาที่ระบายจะได้สบายใจ”

ว่านนทีโบกมือไล่ “ฉันจะหายเครียดแล้วสบายใจขึ้นกว่านี้ถ้าแกไปห่างๆ”

“แล้วจะให้เรียก น้องจี๊ด จุ๊บแจง น้องแพม น้อยยุ้ย มาเป็นเพื่อนแก้เหงาไหมครับเจ้านาย”

“ไม่ต้อง”ว่านนทีสั่งแล้วทำท่าจะเดินหนี

“สงสัยคราวนี้จะอกหักจริง อย่างแรง!” ไผ่พูดเบาๆ

ว่านนทีที่เดินไปแล้วได้ยินจึงหันกลับมา “ฉันว่าแกรีบไปก่อนที่เท้าฉันมันจะเหวี่ยงไปที่ก้นแกนะเจ้าไผ่”

ไผ่ยิ้มแหยๆ รู้สึกคลายเหงาที่เห็นนายว่านนทีกลับมา เจ้านายหนุ่มเป็นคนพูดจากระโชกโหกหาก แต่เป็นคนใจดีและอารมณ์ดีมากสำหรับเขา แต่คราวนี้เขารู้สึกได้ว่าเจ้านายที่เคารพคงจะพบเรื่องหนักในชีวิตกลับมา แต่ไม่เป็นไรไอ้ไผ่คนนี้จะทำให้นายของมันหายเศร้า แม้เขาจะไม่ค่อยมีโอกาสได้รับใช้นายของเขาแต่เขาก็รักนายว่านนทีคนนี้มาก นายเขาชอบทำตัวแปลกนายบอกว่ามี่อาชีพเป็นวิศวกร สำรวจปิโตเลียม นานๆ นายจะกลับมาที่นี่สักครั้ง เขารู้ว่านายเป็นลูกคุณหญิงพัชชา เพราะนายเล่าให้ฟังแต่ย้ำไม่ให้บอกกับใคร เขารักและเทิดทูลนายขนาดนี้เพราะนายเป็นคนช่วยเขามาจากกลางทะเล เขาถูกหลอกไปทำงานบนเรือและทนไม่ไหวกับการทรมานเขาจึงกระโดดหนีลงน้ำท่ามกลางทะเลคิดว่าตายแน่แล้วเขายอมตายดีกว่าถูกทรมานตาย แต่แล้วนายว่านนทีก็มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้แถมยังส่งเสียให้เรียนอีกเพราะบอกว่าการเรียนเท่านั้นที่จะทำให้เขาเลี้ยงตัวเองได้ตลอดชีพจนตอนนี้เขาเรียนจบ ปวส ได้งานเป็นช่างยนต์ที่อู่ซ่อมเรือใหญ่ที่ชายฝั่ง แต่เขายังอยู่ที่หาดคู่รักนี่เพื่อดูแลบ้านให้นายว่านนทีซึ่งนายใจดีปลูกบ้านไม้ให้อยู่เป็นส่วนตัวที่ท้ายหาด กลางวันก็ไปทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็มาทำความสะอาดบ้านให้นาย ++++++++++++++++++++++++++++




อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 มิ.ย. 2556, 11:54:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ต.ค. 2556, 00:35:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 2735





<< บทนำ- ตอนที่ 2   ตอนที่ 3 (หนูแก้วจะต้องแต่งงานแล้วจริงๆ หรือพี่ว่านไปไหนซะ) >>
อัปสรา 13 มิ.ย. 2556, 13:24:48 น.
มีใครตามอ่านอยู่ไหมได้เอามาลงต่อจ้า


konhin 13 มิ.ย. 2556, 16:32:25 น.
หักใจง่ายจริงๆเลยพระเอกคนนี้ สู้หน่อยๆ


goldensun 13 มิ.ย. 2556, 19:58:08 น.
ปันบุรียังมองตาแก้วออกเลย แต่คนรักอย่างว่านนที ทำไมถึงมองไม่ออกนะ


Zephyr 13 มิ.ย. 2556, 21:56:39 น.
ชักจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
คุยกันไม่เคลียร์แบบนี้
คราวหลังคงเรื่องยาววววววว


kaelek 13 มิ.ย. 2556, 22:04:42 น.
ยังรอตอนต่อไปนะคะ


จิรารัตน์ 13 มิ.ย. 2556, 22:52:07 น.
อ่านสะใจมากเลยค่ะ


อัปสรา 13 มิ.ย. 2556, 23:21:16 น.
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันจะได้มีกำลังใจมาลงตอนต่อไป 555


violette 14 มิ.ย. 2556, 00:38:46 น.
ยาวปายๆ ชอบมากค่ะ แต่นายว่านสู้ๆหน่อยสิ เฮ้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account