ไฟสิเหน่หา
อัคนี : เขาแอบหลงรักเธอ ตั้งแต่แรกเจอ แต่เพราะเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทำให้เขาต้องแต่งงาน และพยายามลืมเธอ แต่เมื่อได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และได้รับรู้ว่าเธอมีคนรู้ใจแล้ว ในใจของเขาก็เหมือนมีกองเพลิงลุกโชน จนไม่อาจทานทนได้ เขาจึงทำทุกวิถีทางให้ได้ตัวเธอมา แม้มันจะเป็นทางเลือกที่ผิดก็ตาม

นิชนันท์ : สาวน้อยบองบางที่หลงพาตัวเองเข้ามาอยู่ในกองเพลิงโดยไม่รู้ตัว เธอจะทำเช่นไร เมื่อต้องถูกตราหน้าว่าเป็น 'เมียน้อย' ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจ


*****************************
Tags: โรแมนติก ดราม่านิด ๆ ซี๊ดซ่า หน่อย ๆ

ตอน: ไฟสิเหน่หา บทที่ 4



4.


หลังกลับถึงบ้านของตน อัคนีก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่ภายในห้องทำงานของเขา ความคิดนึกย้อนไปถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว เพื่อใคร่ครวญกับตัวเองอีกครั้งว่าเขาควรจะทำเช่นไรต่อไปดี หากวันนั้นเขาเลือกใช้วิธีที่ดีกว่าการกระทำแบบนั้นไป ในวันนี้เขาและเธอจะเหมือนเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันเช่นนี้หรือไม่ หรือเขาควรจะบอกความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นกับเธอเพื่อเรียกเอาความรู้สึกที่เธอเสียไปกลับคืนมา อย่างน้อยก็เพื่อให้เธอคลายความเกลียดชังเขาลงบ้าง...สักนิดก็ยังดี

ก๊อก...ก๊อก...เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากความคิดทั้งหมด ส่งเสียงอนุญาตให้กับคนด้านนอกได้เข้ามา

“เพลิงคะ...”

“น้องจินนี่หลับแล้วหรือครับ”เหมือนว่าชายหนุ่มจะรู้ว่าสิ่งที่คนเป็นภรรยาจะพูดคือเรื่องอะไรจึงได้พูดเบี่ยงประเด็นออกไปทันทีที่อีกฝ่ายเปิดปากพูด

“น้องจินนี่อยู่กับปิ่นค่ะ....นิชนันท์เป็นอย่างไรบ้างคะ”จีรนุชตอบคำถามของเขาก่อนจะถามสิ่งที่ตนต้องการจะรู้ออกไป

“คุณเป้ยบอกเจนล่ะสิ”คำถามหยั่งเชิงดังออกไปและเมื่ออีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ตอบหรือปฏิเสธออกมา ชายหนุ่มก็ถึงกับต้องถอนใจออกมา เขาคิดว่าความอดทนของเขากำลังจะหมดลงเรื่อย ๆ เสียแล้วกับเรื่องที่เลขานุการสาวของเขาเข้ามาวุ่นวายจนเกินไปแบบนี้

“เธอดูน่าสงสารมากเลยนะคะเพลิง ทำไมเพลิงถึงไม่ทำอะไรให้มันถูกต้องคะ ปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็เหมือนกับว่าเพลิงยิ่งทำร้ายจิตใจของเธอให้แย่ลงนะคะ”

“...........................”

“เราหย่ากันเถอะค่ะเพลิง เรื่องพ่อกับแม่เจน เจนจะเป็นคนพูดกับท่านเอง อย่าเอาบุญคุณเหล่านั้นมาบีบบังคับตัวเองอีกเลยนะคะ เพลิงทุกข์ เจนก็ทุกข์ไปด้วย และคนที่ทุกข์หนักที่สุดก็คือ นิชนันท์ ผู้หญิงคนเดียวที่เพลิงรักนะคะ”จีรนุชบอกความประสงค์ของตนเองอีกครั้ง หลังจากที่โดนเขาปฏิเสธมาแล้วรอบหนึ่ง

“แต่น้องจินนี่ต้องการพ่อ”อัคนีขัดขึ้น

“ถึงเราจะหย่ากันแล้ว เพลิงก็ยังเป็นพ่อให้น้องจินนี่ได้นี่คะ”

“ขอผมคิดดูก่อนได้หรือเปล่าเจน”ความลังเลที่ชายหนุ่มแสดงออกมา ทำให้คนเป็นภรรยาเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

“จะคิดทำไมอีกล่ะคะเพลิง หมดเวลาของความกตัญญูแล้วค่ะ เจนในวันนี้ไม่ใช่เจนคนก่อนอีกแล้วนะคะ ทุกวันนี้เจนเข้มแข็งขึ้นมากแล้วค่ะ เจนสามารถยืนได้ด้วยตัวของเจนเองแล้ว ไม่จำเป็นที่เพลิงจะต้องมาคอยเป็นห่วงเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วนะคะ ส่วนน้องจินนี่ เพลิงยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงเลย เจนรักตัวเองมากเท่าไหร่ เจนก็รักลูกสาวของเจนมากขึ้นเป็นสองเท่า เจนดูแลลูกได้ค่ะ”

“ผม.....”

"ทำเพื่อเจนอีกสักครั้งนะคะ เจนไม่อยากถูกใคร ๆ ตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวอีกต่อไปแล้ว เราหย่ากันเถอะนะคะเพลิง”สายตาเว้าวอนและหม่นเศร้ามองตรงมาที่ชายหนุ่มคนที่เป็นทั้งพี่ เพื่อน และคนที่คอยช่วยเหลือเธอตลอดมา น้ำตาเอ่อคลอเมื่อคิดถึงอดีตของตน

“เจน...อย่าพูดอะไรแบบนั้นออกมาอีกนะ ผมไม่เคยคิดว่าเจนเป็นคนเห็นแก่ตัว”

“พรุ่งนี้เราไปหย่ากันนะคะ”

“ครับ”

อัคนีรับคำในที่สุด ถึงแม้ว่าใจจริงแล้วเขาจะยังไม่อยากทำแบบนี้เลยก็ตาม เนื่องจากรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลานั่นเอง แต่เมื่อเจอเข้ากับเหตุผลที่ถูกเธอหยิบยกขึ้นมาก็ทำให้เขาจนในคำตอบ เขายอมรับว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นนั้นก็เพียงเพื่อทดแทนบุญคุณของพ่อแม่เธอที่มีต่อเขา แต่ส่วนหนึ่งมันก็มาจากความตั้งใจโดยตรงของเขาเองด้วย ในเวลานั้นจรีนุชกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ความรักที่แสนสวยงามของเธอมีอันต้องพังครืนลงเมื่อจู่ ๆ ผู้ชายคนนั้นหายหน้าไปและไม่หวนกลับมา พร้อมกับทิ้งบางสิ่งบางอย่างไว้ให้เธอต้องเจ็บปวดกับความรักจอมปลอมนั้นอีกด้วย

ความรักครั้งแรกของเธอมีอันต้องล่มไม่เป็นท่า แล้วยังต้องมาเผชิญกับความจริงที่แสนเจ็บปวดเมื่อถูกตราหน้าว่าท้องไม่มีพ่อ ซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ และเขาก็ไม่รีรอที่จะช่วยเหลือ ทั้งที่ในเวลานั้นเขาเองก็เพิ่งได้ประสบพบเจอกับความรักครั้งแรกเช่นกัน...

เขายอมละทิ้งความรักที่เพิ่งเกิดขึ้นกับตัวเองเป็นครั้งแรกเพื่อช่วยเหลือเธอและคนที่มีบุญคุณต่อเขา ซึ่งเขาก็ทำทุกอย่างออกมาได้เป็นอย่างดี ทว่าเมื่อได้กลับมาพบหญิงสาวผู้เป็นรักครั้งแรกอีกครั้ง สิ่งที่เขาปิดบังและเก็บงำเอาไว้ในก้นบึ้งของหัวใจก็ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นเช่นทุกวันนี้


ร่างสูงก้าวลงจากอาคารสำนักงานเขตอย่างเชื่องช้า การทำหน้าที่ของเขาจบสิ้นลงแล้วตั้งแต่ที่เขาจรดปากกาลงบนกระดาษแผ่นนั้น หญิงสาวก้าวลงมายืนเคียงข้างเขาเอื้อมจับมือของชายหนุ่มเอาไว้ ส่งยิ้มอ่อนละมุนให้ก่อนจะพูดออกมา

“เพลิงเป็นอิสระแล้วนะคะ เจนขอให้เพลิงมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็นสักทีนะคะ”

“เจน....”

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ ยิ้มหน่อยเร็ว”หญิงสาวยกมือขึ้นจับใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ ใช้นิ้วมือของตนแตะที่เรียวปากเขา ออกแรงดึงเบา ๆ ให้เขาเปิดรอยยิ้ม

“เจนจำไว้นะ ถึงน้องจินนี่จะไม่ใช่ลูกของผม แต่ผมก็รักน้องจินนี่เหมือนลูกตัวเอง เจนเองก็เหมือนกันผมรักเจนนะ ขอให้เจนจำไว้เสมอ ไม่ว่าเจนจะมีปัญหาอะไรก็ตามแต่ขอให้เจนนึกถึงพี่ชายคนนี้เป็นคนแรก ผมพร้อมจะช่วยเหลือเจนเสมอ”อัคนีบีบกระชับมือบางที่จับใบหน้าของตัวเองเอาไว้ สายตาอบอุ่นที่น้อยคนนักจะได้เห็นจากเขาสบมองอยู่ที่ใบหน้าของเธอสื่อความหมายตามคำบอกของตนให้กับเธอได้รู้...เขาจะไม่มีวันทิ้งเธอ

“ขอบคุณค่ะเพลิง ขอบคุณมากนะคะพี่ชายที่แสนดีของเจน”จีรนุชขอบคุณชายหนุ่มทั้งน้ำตา ความรักและความหวังดีของเขาที่มีให้กับเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อครั้งแรกที่ได้รู้จักกันเลย เขายังคงเป็นพี่ชายที่แสนดีของเธอเสมอ จนบางครั้งเธอก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมครั้งนั้นคนที่เธอรักถึงไม่เป็นเขา หากตอนนั้นเธอเลือกรักเขาแทนที่จะเป็นใครคนนั้น วันนี้เธอก็คงจะเป็นผู้หญิงโชคดีที่สุดอย่างที่เธอได้รับฟังจากคนอื่นเหมือนเช่นทุกวันนี้ก็เป็นได้

“เจน...ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่เราสองคนหย่ากันในตอนนี้”

“ทำไมล่ะคะ”

“ผมคิดว่าคุณลุงกับคุณป้ายังไม่พร้อมที่จะรับรู้เรื่องนี้ ถือว่าผมขอนะเจน เก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ผมจะเป็นคนเข้าไปบอกกับท่านเอง”อัคนีบอกเหตุผลออกไป

“ถ้าเพลิงคิดแบบนั้นก็ได้ค่ะ แล้วเรื่องของนิชนันท์ล่ะคะ เพลิงจะทำยังไงต่อไป”จีรนุชพยักหน้ารับรู้ก่อนถามคำถามที่ตนเองอยากจะรู้ออกไป

“เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง เจนไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

“ค่ะ...เพลิงจะไปโรงพยาบาลต่อใช่หรือเปล่าคะ ถ้ายังไงเราแยกกันตรงนี้เลยก็ได้นะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับไปส่งเจนที่บ้านก่อนได้ ไปครับกลับกันดีกว่าป่านนี้น้องจินนี่คงมานั่งชะเง้อคอดูจนคอยาวแล้ว”พูดจบก็เดินนำหญิงสาวตรงไปยังรถของตนเองที่จอดอยู่ไม่ห่างจากอาคารสำนักงานเขตแห่งนี้สักเท่าไหร่นัก


ภายในห้องพักผู้ป่วยซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นยา และกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจนไม่รู้ว่ากลิ่นไหนมีมากกว่ากัน ไม่ได้ทำให้ร่างบางที่ทอดสายตามองออกไปด้านนอกรู้สึกย่ำแย่ไปมากกว่าที่เป็นอยู่เลย สำหรับเธอแล้วคงไม่มีอะไรที่จะทำให้รู้สึกแบบนั้นได้อีกแล้ว สายตาว่างเปล่าเหลือบมองไปยังช่อดอกไม้ช่อโตซึ่งถูกนำมาวางไว้เมื่อครู่ที่ผ่านมาก่อนที่จะมีคำถามดังขึ้นในหัวของเธอซ้ำไป ซ้ำมา ‘เขาต้องการอะไรจากเธออีก เท่านี้ยังไม่สาสมอีกหรือ’ มือบางกำแน่นเมื่อความรู้สึกนั้นกำลังทำให้เธออ่อนแอลงอีกครั้ง หลับตาลงช้า ๆ เมื่อรู้สึกถึงหยาดน้ำที่เอ่อคลอในดวงตาของตนพร้อมกับให้คำมั่นกับตัวเอง...นับจากนี้ไปเธอจะไม่ยอมอ่อนแอเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว พอกันทีสำหรับความทุกข์ทรมานจากการกระทำที่แสนโหดร้ายของเขา

แขนเรียวเล็กซึ่งมีสายน้ำเกลือพันธนาการอยู่ถูกยกขึ้นช้า ๆ ก่อนที่มือบางอีกข้างจะคว้าจับเข็มเรียวเล็กที่ทิ่มแทงผิวหนังตัวเองเอาไว้หมายจะดึงมันออกจากร่างกายตัวเอง ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำตามที่ตนเองปรารถนาเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน

“คุณจะทำอะไร?”อัคนีถามเสียงเข้ม เดินเร็ว ๆ ตรงเข้ามาคว้ามือบางนั้นเอาไว้ นัยน์ตาสีน้ำตาลทองไหววูบ หวาดหวั่นเมื่อคิดไปว่าหากเขามาช้ากว่านี้เธอจะทำอะไรกับร่างกายตนเอง

“อย่าทำแบบนี้ได้ไหม”น้ำเสียงอ่อนระโหยของเขาไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเลย ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งทำให้เธอคิดอยากต่อต้านเขา เธอค่อย ๆ ดึงมือตัวเองออกจากมือของเขา เบนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อไม่อาจทนมองหน้าเขาได้ อาการนิ่งเงียบของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มหวั่นวิตกมากขึ้นไปอีก เขาควรจะทำอย่างไรดี ทางออกของเขาคืออะไร

ก๊อก....ก๊อก....เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเพียงสองครั้งก่อนจะปรากฏร่างสูงของผู้เป็นหมอ ชายหนุ่มขยับตัวออกห่างจากหญิงสาวเล็กน้อย เพื่อให้นายแพทย์หนุ่มได้ทำการตรวจร่างกายของหญิงสาว

“สวัสดีครับ...รู้สึกอย่างไรบ้างครับ”นายแพทย์หนุ่มผู้เป็นเจ้าของไข้ถามพร้อมกับหยิบเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาเตรียมทำการตรวจ

“ดีขึ้นแล้วค่ะ คุณหมอคะฉันต้องการกลับบ้าน”หญิงสาวตอบคำถามออกไปเสียงแผ่ว

“ดูคุณยังอ่อนเพลียอยู่เลยนะครับ หมอว่าคุณควรพักที่โรงพยาบาลอีกสักคืนสองคืนจะดีกว่า”นายแพทย์หนุ่มบอกหลังจากที่ทำการตรวจดูอาการของคนป่วยในความดูแลตนเองเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหันไปพูดกับชายหนุ่มที่ยืนเงียบดูการตรวจรักษา

“อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วล่ะครับ แต่ที่หมออยากให้อยู่โรงพยาบาลอีกสักคืนสองคืนก็เพราะอยากให้คนไข้ได้พักผ่อนมาก ๆ แต่ถ้าคุณต้องการให้เธอไปรักษาตัวที่บ้านหมอก็จะจัดการให้”

“ไม่เป็นไรครับ ให้เธอพักที่นี่ดีกว่า”

“ครับ”นายแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป ห้องทั้งห้องกลับมาเงียบสนิทอีกครั้งหลังจากที่นายแพทย์คนดังกล่าวออกไปแล้ว นิชนันท์ยังคงหันมองออกไปนอกห้องเหมือนเดิม ปล่อยให้คนที่เฝ้ามองเธอมองอยู่อย่างนั้น

“ได้โปรดเถิดนิ่ม อย่าทำแบบนี้อีกเลย คุณอยากให้ผมทำอะไรคุณก็บอกมาอย่าทำแบบนี้ได้ไหม”อัคนีเอ่ยออกมาในที่สุด เขาทนสภาพแบบนี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ใจทั้งใจเหมือนจะแตกสลายให้ได้เมื่อได้รับแต่ความหมางเมินจากเธอ

หญิงสาวเบนสายตากลับมาที่เขา นัยน์ตาว่างเปล่ามองจ้องไปยังชายหนุ่มผู้ที่เอ่ยขอบางอย่างจากเธอ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มดีใจจนยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว ทว่ารอยยิ้มนั้นก็อยู่กับเขาได้เพียงไม่นาน

“ปล่อยฉันไป...ถ้าคุณไม่ต้องการให้ฉันเป็นแบบนี้ก็ปล่อยฉันไปสิคะ”

“นิ่ม!”

“คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการไปแล้ว คุณจะเอาอะไรจากฉันอีก ฉันขอร้องปล่อยฉันไปจะได้ไหม อย่าให้ฉันต้องทุกข์ทรมานอีกเลย”น้ำตาที่พยายามกักเก็บเอาไว้มานานพรั่งพรูออกมาคล้ายกับทำนบแตก แต่คงไม่อาจเท่ากับชายหนุ่มได้ เมื่อในเวลานี้ดวงใจของเขากำลังแหลกเหลวด้วยการกระทำของเขาเอง

“ผมทำไม่ได้ ผมขอโทษนะนิ่ม ผมทำไม่ได้จริง ๆ”อัคนีตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือไม่ต่างไปจากหญิงสาวเลยก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกจากห้องนั้นมา เสียงสะอื้นที่ดังไล่หลังมาแทบจะทำให้เขาก้าวเดินต่อไปไม่ไหว แต่ก็ไม่อาจทนยืนมองเธออยู่อย่างนี้ได้เช่นกัน

“คุณใจร้ายกับฉันเหลือเกิน ฉันไปทำอะไรให้คุณ คุณอัคนี!”

เสียงโทรศัพท์ที่กรีดเสียงร้องเรียกให้เจ้าของบ้านไม้หลังเล็กแห่งนี้รับรู้ เงียบลงเมื่อมีใครบางคนยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับ

“สวัสดีครับ”เสียงทุ้มตอบรับไปเรียบ ๆ ก่อนนิ่งรอให้ฝั่งตรงข้ามตอบกลับมา

“ยุทธ์...นิ่มเอง”

“นิ่ม! นิ่มอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าน้าแก้วเป็นห่วงนิ่มมาก ๆ เลย นิ่มเป็นอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงร้อนรนร้องถามออกไปทันทีเมื่อรู้ว่าปลายสายนั้นคือคนที่ตนกำลังตามหาอยู่

“นิ่มอยู่ที่โรงพยาบาล ยุทธ์อย่าเพิ่งบอกแม่ได้หรือเปล่า นิ่มกลัวว่าแม่จะตกใจ...”

“โรงพยาบาล? นิ่มเป็นอะไร ทำไมถึงได้อยู่ที่โรงพยาบาล แล้วอยู่โรงพยาบาลไหน...”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้อธิบายอะไรให้ฟัง ชายหนุ่มก็โพล่งถามออกมารัวเร็วจนเธอแทบฟังไม่ทัน

“ยุทธ์อย่าเพิ่งบอกแม่นะ นิ่มขอร้อง เมื่อวานนิ่มเป็นลมที่บริษัท คุณอัค....เอ่อ...ท่านประธานกับพี่เป้ยก็เลยพานิ่มมาส่งที่โรงพยาบาล แต่ตอนนี้นิ่มไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะ ค่อยยังชั่วแล้ว”

“แล้วทำไมพี่เป้ยไม่บอกยุทธ์ เมื่อวานเย็นก็เจอกัน”สุรศักดิ์พึมพำเสียงเบา

“ยุทธ์อย่าบอกแม่ได้ไหม”

“ทำไมล่ะนิ่ม นิ่มรู้หรือเปล่าน้าแก้วเป็นห่วงนิ่มมาก เมื่อคืนก็ไม่ยอมนอนทั้งคืน เพิ่งจะหลับไปเมื่อครู่นี้เอง”

“นิ่มกลัวแม่จะเป็นห่วง ยุทธ์มารับนิ่มได้หรือเปล่า นิ่มอยากกลับบ้าน”หญิงสาวถามเสียงเครือ

“ได้สินิ่ม นิ่มอยู่โรงพยาบาลอะไรยุทธ์จะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”สุรศักดิ์รับปากทันทีโดยไม่ต้องคิด เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงของเธอเขาก็รู้แล้วว่า เธอกำลังแย่แค่ไหน

“โรงพยาบาล.......มาเร็ว ๆ นะยุทธ์ นิ่มอยากกลับบ้าน”

“ยุทธ์จะไปเดี๋ยวนี้เลย”พูดจบก็รีบวางสายไปทันที หันไปคว้ากระดาษโน้ตซึ่งวางอยู่ใกล้กันขึ้นมาเขียนข้อความสั้น ๆ ลงไปก่อนจะแปะมันติดไว้ใกล้บริเวณที่ตนคิดว่าคนที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้นมาแล้วจะสามารถมองเห็นมัน จากนั้นก็รีบออกจากบ้านไปทันที


เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงชั่วโมงสุรศักดิ์ก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลที่หญิงสาวพักรักษาตัวอยู่ เขารีบตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามหาห้องพักของหญิงสาวทันที หลังได้รับคำตอบแล้วก็ไม่รอช้ารีบขึ้นไปหาเธอ

“นิ่ม...เป็นยังไงบ้าง”สุรศักดิ์ถามทันทีที่เห็นสภาพของหญิงสาว ใบหน้าซีดขาวดูอิดโรยของเธอทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงมากขึ้นกว่าเดิมหลาย
เท่า

“นิ่มไม่เป็นอะไรแล้ว นิ่มอยากกลับบ้านยุทธ์พานิ่มกลับบ้านนะ”นิชนันท์ส่ายหน้าไปมา ยื่นมือตนเองไปจับมือของเพื่อนเอาไว้ ปฏิกิริยาของเธอทำให้สุรศักดิ์เกิดคำถามขึ้นในใจ อะไรทำให้เธอเป็นแบบนี้ แววตาที่ส่อประกายความหวาดกลัวจากบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร

“ได้สิ นิ่มรออยู่นี่นะยุทธ์จะไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อน...”

“นิชนันท์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของคนพูดก้าวเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลทองเหลือบมองไปยังร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะหันกลับมามองร่างสูงที่มีความสูงไล่เลี่ยกับเขา

“ท่านประธาน”

“นิชนันท์จะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดี ถ้าใครกล้าดีพาตัวเธอออกไปจะได้เห็นดีกัน”อัคนีบอกเสียงกร้าวโดยไม่ละสายตาไปจากชายหนุ่มตรงหน้าตนแม้แต่น้อย

“หมายความว่ายังไงครับ ผมไม่เข้าใจ”

“ผมคิดว่าคำพูดของผมกระจ่างที่สุดแล้วนะคุณสุรศักดิ์”เขาย้ำคำพูดและความต้องการของตัวเองเสียงเข้ม

“คุณมีสิทธิ์อะไร!”สุรศักดิ์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างกันนัก จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เขารับรู้มาและการปรากฏตัวของอัคนีทำให้เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสาวของตน

“คุณแน่ใจหรือว่าอยากจะรู้สิทธิ์ของผมจริง ๆ”อัคนีก้าวเข้ามาใกล้อีกนิดนัยน์ตาสีน้ำตาลทองของเขาเปล่งประกายความน่ากลัวออกมาจนอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงอันตราย

“อย่า!....ได้โปรด”เสียงหวานเครือตะโกนห้ามดังลั่น หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกมาอีกครั้ง เธอกำลังพ่ายแพ้ให้กับเขาอีกแล้ว แพ้ทั้งที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้นสู้เลยด้วยซ้ำ

“คุณกลับไปได้แล้วสุรศักดิ์ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ”อัคนีไล่ออกไปตรง ๆ เขาแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้นเป็นสิทธิ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียว ใครหน้าไหนก็อย่าหวังจะได้เธอไปทั้งนั้น

“นิ่มเป็นเพื่อนผม...ผมมีสิทธ์!”

“กลับไป!”อัคนีตะคอกใส่เสียงดังลั่นห้อง ความอดทนของเขากำลังจะหมดลงในไม่ช้าและหากว่าคนตรงหน้ายังไม่ยอมออกไปดี ๆ คงถึงเวลาที่เขาจะต้องเอาจริงเสียแล้ว

“ยุทธ์...ยุทธ์กลับไปก่อนนะ บอกแม่ด้วยว่านิ่มไม่เป็นอะไร นิ่มจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด”

สุรศักดิ์หันกลับไปมองเพื่อนสาวของตนเมื่อได้ยินคำพูดจากปากของเธอ ยิ่งเห็นอาการร้อนรนบนใบหน้าขาวซีดของเธอเขาก็ยิ่งโกรธเคืองจนอยากจะหันกลับไปเอาเรื่องชายหนุ่มแต่เมื่อเห็นแววตาของเธอมีมองมา เขาก็จำต้องทำตามคำขอของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ นี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเธอในเวลานี้ก็ได้ แต่เขาสาบานกับตัวเองเลยว่า เขาจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนตกอยู่ในสภาพแบบนี้แน่ ไม่มีวัน!


ภายในห้องพักผู้ป่วยแห่งนี้กลับมาเงียบไร้ซึ่งเสียงใด ๆ อีกครั้ง อัคนียังคงมองจ้องอยู่ที่หญิงสาวซึ่งนอนสะอื้นไห้อย่างไม่วางตา ใจแกร่งสั่นไหว บีบรัดเสียจนเขาแทบทนไม่ได้ เมื่อคิดไปว่าหากเขาไม่กลับเข้ามาหาเธออีกครั้ง อะไรจะเกิดขึ้น เธอจะหายไปจากชีวิตของเขาใช่หรือไม่

“อีกสองวันผมต้องไปดูงานก่อสร้างที่จังหวัดตาก คุณต้องไปกับผม”ชายหนุ่มบอกความต้องการของตนออกไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เร่งเร้าให้เขาต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อที่จะไม่ทำให้เขาเสียเธอไป หญิงสาวดูจะตกใจกับคำพูดของเขาไม่น้อย ดวงตาเบิกโพลงจ้องมองไปที่เขา

“ทำไม?”

“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับบ้าน และบอกกับแม่คุณเรื่องที่คุณจะต้องไปทำงานกับผม”อัคนีหาได้ฟังคำถามของหญิงสาวไม่ เขายังคงบอกความต้องการของตนเองให้เธอรับรู้ด้วยอาการเรียบเฉย ใบหน้านิ่งเรียบคล้ายกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำสั่งของเขา ยิ่งทำให้หญิงสาวทนต่อไปไม่ไหว

อัคนีหันหลังให้กับภาพที่เห็น ก้าวเดินออกห่างมาหยุดอยู่ใกล้ประตูพูดออกไปเสียงเรียบอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้อง

“ผมจะให้พยาบาลพิเศษมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ แล้วพรุ่งนี้เช้าผมจะมารับ”

นิชนันท์มองบานประตูที่ปิดตัวลงช้า ๆ ด้วยความชอกช้ำ อีกนานแค่ไหนที่เธอจะต้องทนอยู่ในสภาพนี้ ต้องเจ็บอีกกี่ครั้งเพื่อที่จะให้เขาสาสมใจโดยที่เธอเองไม่เคยได้รับรู้เลยว่า เธอไปทำอะไรเขาเอาไว้ถึงได้ทำให้เขาทำกับเธอถึงเพียงนี้ ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำเหม่อมองออกไปออกหน้าต่างอีกครั้ง ก่อนที่สองมือจะยกขึ้นปาดน้ำตาลวก ๆ เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้ว มือบางกระชากสายน้ำเกลือออกจากลำแขนของตนเองอย่างแรงจนเป็นเหตุให้เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกจากบาดแผลจุดเล็ก ๆนั้น

เธอเหลียวมองไปยังบานประตูเมื่อได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น นิ่งรอจนกระทั่งมั่นใจว่าเสียงที่เกิดนั้นไม่ได้เกิดบริเวณหน้าห้องของตน ลุกขึ้นก้าวลงจากเตียงผู้ป่วยช้า ๆ ก้าวเดินไปยังประตูห้อง ก่อนแง้มเปิดออกเล็กน้อยเพื่อมองเหตุการณ์ภายนอกและเมื่อไม่เห็นใครภายในบริเวณใกล้ ๆ ร่างบางก็ก้าวออกจากห้องมา เดินตรงไปยังลิฟต์ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องของเธอเท่าไหร่นัก

หญิงสาวยืนรอลิฟต์อย่างใจจดใจจ่อ กระสับกระส่ายด้วยความหวั่นวิตกและทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณของลิฟต์ดังขึ้น รอยยิ้มน้อย ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวซีดของเธอ ทว่า....

“คุณกำลังจะไปไหน!”อัคนีมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยดวงตาวาวโรจน์ นึกโกรธเคืองความสิ้นคิดของเธออยู่ไม่น้อย ทั้งที่ก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขาถึงได้ย้อนกลับมา แต่เมื่อความคิดนั้นเป็นจริงขึ้นมาก็อดโมโหไม่ได้

“คุณอัคนี....ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันขอร้อง อย่าทำกับฉันแบบนี้เลย”หญิงสาวอ้อนวอนเสียงสั่น ขณะที่ตนเองถูกดึงรั้งให้เดินตามเขากลับห้องพักผู้ป่วย

“ถ้าคุณไม่อยากนอนโรงพยาบาลแล้วก็ตามใจคุณ ผมจะไปทำเรื่องออกให้ แต่คุณต้องกลับไปพักที่บ้านของผม เลือกเอานะนิ่ม คุณจะนอนพักที่นี่หรือจะไปนอนที่บ้านผม”อัคนีหันมาบอกเมื่อเขามาหยุดอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยของเธอแล้ว ใบหน้านิ่งขรึมไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ของเขายิ่งทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง กลัวจะเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นแล้ว ๆ มาอีก

“ฉันอยากกลับบ้าน พาฉันกลับไปพักที่บ้านได้ไหมคะ ฉันสัญญา....ฉันจะไม่หนีไปไหน”เธอเอ่ยขอเสียงเครือ ความต้องการที่แทบไม่เห็นทางถูกขอออกไปทั้งที่ก็พอจะรู้ว่าเขาคงไม่ทำตามคำขอของตนแน่ ๆ

“คุณสัญญาได้ไหมว่าจะไม่หนีผมไปไหน....บอกผมมาสินิ่ม”มือหนาบีบกระชับมือบางของเธอเอาไว้ ก่อนถามออกไป สายตาอ่อนโยนทอดมองอยู่ที่เธอ

“ฉันสัญญาค่ะ ฉันสัญญา”

“คุณรอผมที่นี่นะ เดี๋ยวผมจะเรียกพยาบาลมาทำแผลให้ แล้วเราจะกลับบ้านกัน”ชายหนุ่มพยุงร่างบางไปนั่งบนเตียง สายตาเหลือบมองไปยังเรียวแขนที่มีเลือดไหลซึมออกมาให้เห็น ก่อนหันหลังเดินออกจากห้องไป เพียงไม่นานพยาบาลสาวก็เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมอุปกรณ์ทำแผล


เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแว่วเข้ามาภายในบ้าน เรียกให้ผู้ที่รอคอยลูกสาวของตนอยู่รีบชะเง้อมองด้วยความสนใจ และเมื่อเห็นว่ารถยนต์คันดังกล่าวเคลื่อนมาจอดสนิทอยู่บริเวณหน้าประตูรั้วบ้านของตน นางจึงไม่รอช้ารีบเดินออกมามองดู ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงจากด้านของคนขับรถก่อนจะอ้อมเดินมาเปิดประตูด้านคนนั่งข้าง นิชนันท์ก้าวลงจากรถมาด้วยท่าทีอ่อนล้า หันขวับไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคยในทันที

“นิ่ม!”นางแก้วตะโกนเรียกลูกสาวพร้อมกับวิ่งตรงไปยังประตูรั้ว เปิดมันออกเร็ว ๆ ก่อนจะตรงเข้าไปกอดร่างเล็ก ๆ ของลูกสาวเอาไว้ พร่ำถามเสียงเครือ

“นิ่มหายไปไหนมา รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง”

“นิ่มขอโทษค่ะแม่”

“เข้าบ้านก่อนลูก เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ แล้วเอ่อ...”สายตาของคนเป็นแม่มองไปยังร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ห่างไปจากลูกสาวตนนัก

“สวัสดีครับคุณน้า ผมเป็น...เจ้านายของนิ่มครับ”ชายหนุ่มหยุดพูดไปนิด หันมองหญิงสาวที่ยืนส่งสายตาอ้อนวอน ขอร้องมาในที ก่อนหันไปบอกความสัมพันธ์ของตนกับหญิงสาวให้แม่ของเธอรับรู้

“สวัสดีค่ะ เชิญเข้าบ้านก่อนนะคะ”เจ้าของบ้านบอกพร้อมกับจับจูงมือลูกสาวเข้าบ้านไป ปล่อยให้ชายหนุ่มเดินตามมาห่าง ๆ
ภายในบ้านไม้หลังเล็ก ประกอบไปด้วยโต๊ะไม้รับแขกขนาดเล็กที่มีเพียงเก้าอี้เดี่ยวสองตัว โซฟาคู่หนึ่งตัวและโต๊ะกลางทรงเตี้ยอีกหนึ่งตัว สภาพกลางเก่ากลางใหม่ของบ้านไม่ได้ทำให้ผู้ที่เดินเข้ามารู้สึกคับแคบ และดูน่ารังเกียจแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อบอวลอยู่ในบ้านหลังนี้ ด้านข้างผนังของบ้านมีรูปภาพของคนในครอบครัวหญิงสาวเก่าบ้าง ใหม่บ้างติดประทับอยู่เรียงราย

“น้ำค่ะ”นางแก้วยื่นแก้วน้ำทรงสูงส่งให้กับชายหนุ่ม ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงในฝั่งตรงข้ามชายหนุ่ม

“ขอบคุณครับ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ให้นิ่มโทรแจ้งทางบ้านก่อน พอดีว่าเมื่อวานเรามีประชุมงานเร่งด่วนกันครับ แล้วก็ต้องอยู่เคลียร์งานกันอีกตลอดทั้งคืน ลืมคิดไปจริง ๆ ครับว่านิ่มต้องโทรบอกที่บ้านบ้าง”ชายหนุ่มหาข้อแก้ตัวให้กับหญิงสาวออกไป ด้วยรู้ดีว่าหญิงสาวไม่อยากให้มารดาตนเองรับรู้ว่าตนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาด้วยเกรงว่าจะทำให้ท่านวิตกกังวลมากขึ้นไปอีก

“อย่างนั้นเองหรอกหรือคะ แม่ก็เป็นห่วงคิดว่านิ่มเป็นอะไรไปหรือเปล่าเพราะปกตินิ่มจะกลับบ้านตรงเวลาเสมอ ถ้าจะผิดเวลาก็จะโทรบอกก่อนทุกครั้ง”นางแก้วหันไปมองลูกสาวตน

“นิ่มขอโทษนะคะแม่ ต่อไปนิ่มจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ”

“คุณน้าครับ คือที่ผมมาในวันนี้เพราะผมมีเรื่องอยากเรียนให้ทราบครับ”อัคนีโพล่งออกมาเรียกความสนใจจากสองแม่ลูก แม้จะรู้ดีอยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะพูดเรื่องอะไร แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับแม่ตนและเขาพร้อม ๆ กัน เธอก็อดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้

“มีอะไรหรือคะคุณ”นางแก้วหันไปให้ความสนใจกับเจ้านายหนุ่มของลูกสาวอีกครั้ง

“คือผมและนิ่มต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัดด้วยกันครับ คาดว่าจะไปประมาณหนึ่งหรือสองเดือนครับ กำหนดการเดินทางก็ออกมาแล้วด้วยครับ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแล้ว ผมเลยมาขออนุญาตคุณน้าให้นิ่มเขาครับ ต้องขอโทษจริง ๆ นะครับที่เรื่องมันกะทันหันไปสักนิด มันเป็นเรื่องด่วนจริง ๆ ครับ ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อวานเหมือนกัน”

นางแก้วมองหน้าคนพูดสลับกับลูกสาวตัวเองตลอดเวลาที่ฟังคำบอกของเขา รู้สึกแปลกใจและตกใจกับสิ่งที่ตนได้ฟังไม่น้อย แต่เมื่อฟังจนจบแล้วนางก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะถามออกไป

“ต้องไปนานเป็นเดือนเลยหรือคะ”

“ครับ”

“นิ่มขอโทษนะคะแม่”

“ขอโทษแม่ทำไมล่ะ นิ่มไปทำงานนี่นาไม่ใช่ว่าจะทิ้งแม่ไปไหนสักหน่อย ไปถึงแล้วว่าง ๆ ก็โทรศัพท์มาหาแม่บ้างนะ อย่าให้แม่ต้องเป็นห่วงนะลูก”นางแก้วบอกพลางดึงตัวลูกสาวเข้ามากอด สองมือลูบเบา ๆ ที่บริเวณกลางหลังอย่างปลอบประโลม

“ร้องไห้ทำไมกันลูก”ความรู้สึกเปียกชื้นบริเวณหน้าอกของตนทำให้คนเป็นแม่รับรู้ในทันทีว่าลูกสาวของตนกำลังร้องไห้อยู่ นางค่อย ๆ ดันร่างลูกสาวออกห่างมองจ้องดวงหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตานั้นก่อนจะช่วยซับน้ำตาให้กับลูกสาวอย่างเบามือ

“นิ่มรักแม่นะคะ”

“แม่ก็รักนิ่มเหมือนกัน นิ่มคงเหนื่อยแล้วขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะ พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแล้วเดี๋ยวจะเป็นอะไรไปซะก่อน”คนเป็นแม่บอกอีกครั้ง

“ค่ะแม่”

นิชนันท์ลุกขึ้นตามคำบอกของลูกสาว ก่อนปรายตามองร่างสูงที่ยังคงจับจ้องอยู่ที่เธอตลอดเวลา พึมพำขอตัวเสียงเบา

“พักผ่อนเยอะ ๆ นะนิ่ม พรุ่งนี้ผมจะมารับแต่เช้า”

ชายหนุ่มมองตามร่างเล็ก ๆ นั้นไปจนเธอเดินหายลับขึ้นชั้นบนของบ้านไป ก่อนจะหันมามองคนที่มองสำรวจตนเองอยู่อีกครั้ง

“คุณน้ามีอะไรจะถามผมหรือเปล่าครับ”

“น้าไม่มีอะไรจะถามคุณหรอกค่ะ แต่อยากจะฝากฝังลูกสาวของน้าไว้ด้วย นิ่มเป็นคนค่อนข้างเงียบค่ะ มีอะไรไม่ค่อยพูดออกมาให้ใครรับรู้ ได้แต่เงียบอยู่คนเดียว จนน้าอดห่วงไม่ได้ บอกตรง ๆ นะคะถ้าน้าเลือกได้น้าก็ไม่อยากให้ลูกสาวของน้าต้องเดินทางไปทำงานไกล ๆ แบบนั้นเท่าไหร่นัก แต่น้าก็ไม่อยากบังคับลูก

น้ามีเรื่องอยากถามคุณสักเรื่องค่ะ หลายวันก่อนเห็นนิ่มบอกว่าพี่ ๆ ที่บริษัทจัดงานเลี้ยงให้ แล้วนิ่มเลยต้องไปค้างบ้านพี่คนนั้น กลับมาถึงก็เช้าของอีกวัน แต่น้ารู้สึกแปลก ๆ ค่ะ ตั้งแต่นิ่มกลับมานิ่มก็เปลี่ยนไป ดูซึมเศร้า บางทีน้าก็เห็นลูกสาวของน้าแอบไปนั่งร้องไห้คนเดียว น้ารู้สึกแย่มาก ๆ เลยค่ะ น้าเลยอยากขอรบกวนถามคุณสักหน่อย รุ่นพี่ที่บริษัทที่นิ่มรู้จัก เขามีปัญหาอะไรกับนิ่มหรือเปล่าคะ คุณพอจะรู้บ้างหรือเปล่า”

อัคนีมองหน้าคนถามด้วยไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดีอยู่เป็นนาน กว่าที่เขาจะเปิดปากบอกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบดั่งเช่นที่เขามักจะใช้เสมอเวลาที่ต้องการให้ใครสักคนเชื่อมั่นในคำพูดของเขา

“ไม่มีอะไรหรอกครับ นิชนันท์และทุกคนที่บริษัทเข้ากันได้ดี แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้มีงานเร่งด่วนเข้ามาเลยเธอทำให้เครียดไปบ้าง คุณน้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ต่อไปผมจะช่วยดูแลนิชนันท์ให้เองครับ ช่วงแรก นิชนันท์อาจจะไม่ได้กลับเข้ากรุงเทพเท่าไหร่นัก แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง ผมจะพาเธอกลับบ้านทุกอาทิตย์ครับ”

“ขอบคุณมากนะคะ คุณเป็นเจ้านายที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ นิ่มโชคดีมากที่ได้ทำงานร่วมกับเจ้านายแบบคุณ”นางแก้วเอ่ยบอกอย่างชื่นชม โดยไม่ได้นึกเอะใจในคำพูดของเขาเลยแม้แต่น้อย

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สักพัก ชายหนุ่มจึงได้ขอตัวกลับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนที่เดินหายขึ้นห้องไปนั้น คงไม่ลงมาหาเขาอีกแล้วเป็นแน่

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ฝากบอกนิชนันท์ด้วยนะครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะให้รถมารับเธอ”

“ได้ค่ะ...”

เจ้าของบ้านเดินออกมาส่งเจ้านายของลูกสาว ก่อนรีบยกมือรับไหว้อีกฝ่ายแทบไม่ทันเมื่อจู่ ๆ ร่างสูงก็หันกลับมาไหว้ลาตน




********************************************************

ไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเลยว่า เขียนนิยายแนวนี้ออกมาดีหรือเปล่า เพราะฉะนั้น หากคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน มีข้อท้วงติง จุดไหนไม่สมเหตุ สมผล จุดไหนควรปรับปรุง บอกกันได้นะคะ....อยากให้พวกเราเป็นเหมือนสุภาษิตที่ว่า 'น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า' ค่า ตอนนี้ ^___^



ภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2556, 10:53:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2556, 10:53:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1839





<< ไฟสิเหน่หา บทที่ 3   ไฟสิเหน่หา บทที่ 5 >>
คิมหันตุ์ 17 มิ.ย. 2556, 11:51:52 น.
โอ้วววววววไปเป็นเดือนเลยนะนั่น


NB 17 มิ.ย. 2556, 14:47:03 น.
รอตอนต่อไปค่ะ


wind 17 มิ.ย. 2556, 16:14:07 น.
แสดงว่าแค่จัดฉากสินะ


mhengjhy 17 มิ.ย. 2556, 19:01:43 น.
ไม่รู้เลยว่าคุณเพลิงจะทำให้นิ่มรักได้ด้วยวิธีไหนกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account